Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya

    ๑๑. จีวรสุตฺตํ

    11. Cīvarasuttaṃ

    ๑๕๔. เอกํ สมยํ อายสฺมา มหากสฺสโป ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเปฯ เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา อานโนฺท ทกฺขิณคิริสฺมิํ จาริกํ จรติ มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํฯ

    154. Ekaṃ samayaṃ āyasmā mahākassapo rājagahe viharati veḷuvane kalandakanivāpe. Tena kho pana samayena āyasmā ānando dakkhiṇagirismiṃ cārikaṃ carati mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ.

    เตน โข ปน สมเยน อายสฺมโต อานนฺทสฺส ติํสมตฺตา สทฺธิวิหาริโน ภิกฺขู สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตา ภวนฺติ เยภุเยฺยน กุมารภูตาฯ อถ โข อายสฺมา อานโนฺท ทกฺขิณคิริสฺมิํ ยถาภิรนฺตํ จาริกํ จริตฺวา เยน ราชคหํ เวฬุวนํ กลนฺทกนิวาโป เยนายสฺมา มหากสฺสโป เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ มหากสฺสปํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อายสฺมา มหากสฺสโป เอตทโวจ – ‘‘กติ นุ โข, อาวุโส อานนฺท, อตฺถวเส ปฎิจฺจ ภควตา กุเลสุ ติกโภชนํ ปญฺญตฺต’’นฺติ?

    Tena kho pana samayena āyasmato ānandassa tiṃsamattā saddhivihārino bhikkhū sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattā bhavanti yebhuyyena kumārabhūtā. Atha kho āyasmā ānando dakkhiṇagirismiṃ yathābhirantaṃ cārikaṃ caritvā yena rājagahaṃ veḷuvanaṃ kalandakanivāpo yenāyasmā mahākassapo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ mahākassapaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho āyasmantaṃ ānandaṃ āyasmā mahākassapo etadavoca – ‘‘kati nu kho, āvuso ānanda, atthavase paṭicca bhagavatā kulesu tikabhojanaṃ paññatta’’nti?

    ‘‘ตโย โข, ภเนฺต กสฺสป, อตฺถวเส ปฎิจฺจ ภควตา กุเลสุ ติกโภชนํ ปญฺญตฺตํ – ทุมฺมงฺกูนํ ปุคฺคลานํ นิคฺคหาย เปสลานํ ภิกฺขูนํ ผาสุวิหาราย, มา ปาปิจฺฉา ปกฺขํ นิสฺสาย สงฺฆํ ภิเนฺทยฺยุํ 1, กุลานุทฺทยตาย จฯ อิเม โข, ภเนฺต กสฺสป, ตโย อตฺถวเส ปฎิจฺจ ภควตา กุเลสุ ติกโภชนํ ปญฺญตฺต’’นฺติฯ

    ‘‘Tayo kho, bhante kassapa, atthavase paṭicca bhagavatā kulesu tikabhojanaṃ paññattaṃ – dummaṅkūnaṃ puggalānaṃ niggahāya pesalānaṃ bhikkhūnaṃ phāsuvihārāya, mā pāpicchā pakkhaṃ nissāya saṅghaṃ bhindeyyuṃ 2, kulānuddayatāya ca. Ime kho, bhante kassapa, tayo atthavase paṭicca bhagavatā kulesu tikabhojanaṃ paññatta’’nti.

    ‘‘อถ กิญฺจรหิ ตฺวํ, อาวุโส อานนฺท, อิเมหิ นเวหิ ภิกฺขูหิ อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวาเรหิ โภชเน อมตฺตญฺญูหิ ชาคริยํ อนนุยุเตฺตหิ สทฺธิํ จาริกํ จรสิ? สสฺสฆาตํ มเญฺญ จรสิ, กุลูปฆาตํ มเญฺญ จรสิฯ โอลุชฺชติ 3 โข เต, อาวุโส อานนฺท, ปริสา; ปลุชฺชนฺติ โข เต, อาวุโส, นวปฺปายาฯ น วายํ กุมารโก มตฺตมญฺญาสี’’ติฯ

    ‘‘Atha kiñcarahi tvaṃ, āvuso ānanda, imehi navehi bhikkhūhi indriyesu aguttadvārehi bhojane amattaññūhi jāgariyaṃ ananuyuttehi saddhiṃ cārikaṃ carasi? Sassaghātaṃ maññe carasi, kulūpaghātaṃ maññe carasi. Olujjati 4 kho te, āvuso ānanda, parisā; palujjanti kho te, āvuso, navappāyā. Na vāyaṃ kumārako mattamaññāsī’’ti.

    ‘‘อปิ เม, ภเนฺต กสฺสป, สิรสฺมิํ ปลิตานิ ชาตานิฯ อถ จ ปน มยํ อชฺชาปิ อายสฺมโต มหากสฺสปสฺส กุมารกวาทา น มุจฺจามา’’ติฯ ‘‘ตถา หิ ปน ตฺวํ, อาวุโส อานนฺท, อิเมหิ นเวหิ ภิกฺขูหิ อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวาเรหิ โภชเน อมตฺตญฺญูหิ ชาคริยํ อนนุยุเตฺตหิ สทฺธิํ จาริกํ จรสิ, สสฺสฆาตํ มเญฺญ จรสิ, กุลูปฆาตํ มเญฺญ จรสิฯ โอลุชฺชติ โข เต, อาวุโส อานนฺท, ปริสา; ปลุชฺชนฺติ โข เต, อาวุโส, นวปฺปายาฯ 5 น วายํ กุมารโก มตฺตมญฺญาสี’’ติฯ

    ‘‘Api me, bhante kassapa, sirasmiṃ palitāni jātāni. Atha ca pana mayaṃ ajjāpi āyasmato mahākassapassa kumārakavādā na muccāmā’’ti. ‘‘Tathā hi pana tvaṃ, āvuso ānanda, imehi navehi bhikkhūhi indriyesu aguttadvārehi bhojane amattaññūhi jāgariyaṃ ananuyuttehi saddhiṃ cārikaṃ carasi, sassaghātaṃ maññe carasi, kulūpaghātaṃ maññe carasi. Olujjati kho te, āvuso ānanda, parisā; palujjanti kho te, āvuso, navappāyā. 6 Na vāyaṃ kumārako mattamaññāsī’’ti.

    อโสฺสสิ โข ถุลฺลนนฺทา ภิกฺขุนี – ‘‘อเยฺยน กิร มหากสฺสเปน อโยฺย อานโนฺท เวเทหมุนิ กุมารกวาเทน อปสาทิโต’’ติฯ

    Assosi kho thullanandā bhikkhunī – ‘‘ayyena kira mahākassapena ayyo ānando vedehamuni kumārakavādena apasādito’’ti.

    อถ โข ถุลฺลนนฺทา ภิกฺขุนี อนตฺตมนา อนตฺตมนวาจํ นิจฺฉาเรสิ – ‘‘กิํ ปน อโยฺย มหากสฺสโป อญฺญติตฺถิยปุโพฺพ สมาโน อยฺยํ อานนฺทํ เวเทหมุนิํ กุมารกวาเทน อปสาเทตพฺพํ มญฺญตี’’ติ! อโสฺสสิ โข อายสฺมา มหากสฺสโป ถุลฺลนนฺทาย ภิกฺขุนิยา อิมํ วาจํ ภาสมานายฯ

    Atha kho thullanandā bhikkhunī anattamanā anattamanavācaṃ nicchāresi – ‘‘kiṃ pana ayyo mahākassapo aññatitthiyapubbo samāno ayyaṃ ānandaṃ vedehamuniṃ kumārakavādena apasādetabbaṃ maññatī’’ti! Assosi kho āyasmā mahākassapo thullanandāya bhikkhuniyā imaṃ vācaṃ bhāsamānāya.

    อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘ตคฺฆาวุโส อานนฺท, ถุลฺลนนฺทาย ภิกฺขุนิยา สหสา อปฺปฎิสงฺขา วาจา ภาสิตาฯ ยตฺวาหํ, อาวุโส, เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต, นาภิชานามิ อญฺญํ สตฺถารํ อุทฺทิสิตา 7, อญฺญตฺร เตน ภควตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธนฯ ปุเพฺพ เม, อาวุโส, อคาริกภูตสฺส สโต เอตทโหสิ – ‘สมฺพาโธ ฆราวาโส รชาปโถ 8, อโพฺภกาโส ปพฺพชฺชาฯ นยิทํ สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา เอกนฺตปริปุณฺณํ เอกนฺตปริสุทฺธํ สงฺขลิขิตํ พฺรหฺมจริยํ จริตุํฯ ยํนูนาหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺย’นฺติฯ โส ขฺวาหํ, อาวุโส, อปเรน สมเยน ปฎปิโลติกานํ สงฺฆาฎิํ กาเรตฺวา 9 เย โลเก อรหโนฺต เต อุทฺทิสฺส เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิํฯ

    Atha kho āyasmā mahākassapo āyasmantaṃ ānandaṃ etadavoca – ‘‘tagghāvuso ānanda, thullanandāya bhikkhuniyā sahasā appaṭisaṅkhā vācā bhāsitā. Yatvāhaṃ, āvuso, kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbajito, nābhijānāmi aññaṃ satthāraṃ uddisitā 10, aññatra tena bhagavatā arahatā sammāsambuddhena. Pubbe me, āvuso, agārikabhūtassa sato etadahosi – ‘sambādho gharāvāso rajāpatho 11, abbhokāso pabbajjā. Nayidaṃ sukaraṃ agāraṃ ajjhāvasatā ekantaparipuṇṇaṃ ekantaparisuddhaṃ saṅkhalikhitaṃ brahmacariyaṃ carituṃ. Yaṃnūnāhaṃ kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbajeyya’nti. So khvāhaṃ, āvuso, aparena samayena paṭapilotikānaṃ saṅghāṭiṃ kāretvā 12 ye loke arahanto te uddissa kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbajiṃ.

    โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน อทฺธานมคฺคปฺปฎิปโนฺน อทฺทสํ ภควนฺตํ อนฺตรา จ ราชคหํ อนฺตรา จ นาฬนฺทํ พหุปุเตฺต เจติเย นิสินฺนํฯ ทิสฺวาน เม เอตทโหสิ – ‘สตฺถารญฺจ วตาหํ ปเสฺสยฺยํ, ภควนฺตเมว ปเสฺสยฺยํ; สุคตญฺจ วตาหํ ปเสฺสยฺยํ, ภควนฺตเมว ปเสฺสยฺยํ; สมฺมาสมฺพุทฺธญฺจ วตาหํ ปเสฺสยฺยํ; ภควนฺตเมว ปเสฺสยฺย’นฺติฯ โส ขฺวาหํ, อาวุโส, ตเตฺถว ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจํ – ‘สตฺถา เม, ภเนฺต, ภควา, สาวโกหมสฺมิ; สตฺถา เม, ภเนฺต, ภควา, สาวโกหมสฺมี’ติ ฯ เอวํ วุเตฺต มํ, อาวุโส, ภควา เอตทโวจ – ‘โย โข, กสฺสป, เอวํ สพฺพเจตสา สมนฺนาคตํ สาวกํ อชานเญฺญว วเทยฺย ชานามีติ, อปสฺสเญฺญว วเทยฺย ปสฺสามีติ, มุทฺธาปิ ตสฺส วิปเตยฺยฯ อหํ โข ปน, กสฺสป, ชานเญฺญว วทามิ ชานามีติ, ปสฺสเญฺญว วทามิ ปสฺสามี’ติฯ

    So evaṃ pabbajito samāno addhānamaggappaṭipanno addasaṃ bhagavantaṃ antarā ca rājagahaṃ antarā ca nāḷandaṃ bahuputte cetiye nisinnaṃ. Disvāna me etadahosi – ‘satthārañca vatāhaṃ passeyyaṃ, bhagavantameva passeyyaṃ; sugatañca vatāhaṃ passeyyaṃ, bhagavantameva passeyyaṃ; sammāsambuddhañca vatāhaṃ passeyyaṃ; bhagavantameva passeyya’nti. So khvāhaṃ, āvuso, tattheva bhagavato pādesu sirasā nipatitvā bhagavantaṃ etadavocaṃ – ‘satthā me, bhante, bhagavā, sāvakohamasmi; satthā me, bhante, bhagavā, sāvakohamasmī’ti . Evaṃ vutte maṃ, āvuso, bhagavā etadavoca – ‘yo kho, kassapa, evaṃ sabbacetasā samannāgataṃ sāvakaṃ ajānaññeva vadeyya jānāmīti, apassaññeva vadeyya passāmīti, muddhāpi tassa vipateyya. Ahaṃ kho pana, kassapa, jānaññeva vadāmi jānāmīti, passaññeva vadāmi passāmī’ti.

    ตสฺมาติห เต, กสฺสป, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘ติพฺพํ เม หิโรตฺตปฺปํ ปจฺจุปฎฺฐิตํ ภวิสฺสติ เถเรสุ นเวสุ มชฺฌิเมสู’ติฯ เอวญฺหิ เต, กสฺสป, สิกฺขิตพฺพํฯ

    Tasmātiha te, kassapa, evaṃ sikkhitabbaṃ – ‘tibbaṃ me hirottappaṃ paccupaṭṭhitaṃ bhavissati theresu navesu majjhimesū’ti. Evañhi te, kassapa, sikkhitabbaṃ.

    ตสฺมาติห เต, กสฺสป, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘ยํ กิญฺจิ ธมฺมํ สุณิสฺสามิ กุสลูปสํหิตํ สพฺพํ ตํ อฎฺฐิํ กตฺวา มนสิ กริตฺวา สพฺพเจตสา สมนฺนาหริตฺวา โอหิตโสโต ธมฺมํ สุณิสฺสามี’ติฯ เอวญฺหิ เต, กสฺสป, สิกฺขิตพฺพํฯ

    Tasmātiha te, kassapa, evaṃ sikkhitabbaṃ – ‘yaṃ kiñci dhammaṃ suṇissāmi kusalūpasaṃhitaṃ sabbaṃ taṃ aṭṭhiṃ katvā manasi karitvā sabbacetasā samannāharitvā ohitasoto dhammaṃ suṇissāmī’ti. Evañhi te, kassapa, sikkhitabbaṃ.

    ตสฺมาติห เต, กสฺสป, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘สาตสหคตา จ เม กายคตาสติ น วิชหิสฺสตี’ติฯ เอวญฺหิ เต, กสฺสป, สิกฺขิตพฺพนฺติฯ

    Tasmātiha te, kassapa, evaṃ sikkhitabbaṃ – ‘sātasahagatā ca me kāyagatāsati na vijahissatī’ti. Evañhi te, kassapa, sikkhitabbanti.

    ‘‘อถ โข มํ, อาวุโส, ภควา อิมินา โอวาเทน โอวทิตฺวา อุฎฺฐายาสนา ปกฺกามิฯ สตฺตาหเมว ขฺวาหํ, อาวุโส, สรโณ 13 รฎฺฐปิณฺฑํ ภุญฺชิํ’’ฯ อฎฺฐมิยา อญฺญา อุทปาทิฯ

    ‘‘Atha kho maṃ, āvuso, bhagavā iminā ovādena ovaditvā uṭṭhāyāsanā pakkāmi. Sattāhameva khvāhaṃ, āvuso, saraṇo 14 raṭṭhapiṇḍaṃ bhuñjiṃ’’. Aṭṭhamiyā aññā udapādi.

    ‘‘อถ โข, อาวุโส, ภควา มคฺคา โอกฺกมฺม เยน อญฺญตรํ รุกฺขมูลํ เตนุปสงฺกมิฯ อถ ขฺวาหํ, อาวุโส, ปฎปิโลติกานํ สงฺฆาฎิํ จตุคฺคุณํ ปญฺญเปตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจํ – ‘อิธ, ภเนฺต, ภควา นิสีทตุ, ยํ มมสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’ติฯ นิสีทิ โข, อาวุโส, ภควา ปญฺญเตฺต อาสเนฯ นิสชฺช โข มํ, อาวุโส, ภควา เอตทโวจ – ‘มุทุกา โข ตฺยายํ, กสฺสป, ปฎปิโลติกานํ สงฺฆาฎี’ติฯ ‘ปฎิคฺคณฺหาตุ เม, ภเนฺต, ภควา ปฎปิโลติกานํ สงฺฆาฎิํ อนุกมฺปํ อุปาทายา’ติฯ ‘ธาเรสฺสสิ ปน เม ตฺวํ, กสฺสป, สาณานิ ปํสุกูลานิ นิพฺพสนานี’ติฯ ‘ธาเรสฺสามหํ, ภเนฺต, ภควโต สาณานิ ปํสุกูลานิ นิพฺพสนานี’ติฯ ‘‘โส ขฺวาหํ, อาวุโส, ปฎปิโลติกานํ สงฺฆาฎิํ ภควโต ปาทาสิํฯ อหํ ปน ภควโต สาณานิ ปํสุกูลานิ นิพฺพสนานิ ปฎิปชฺชิํ’’ฯ

    ‘‘Atha kho, āvuso, bhagavā maggā okkamma yena aññataraṃ rukkhamūlaṃ tenupasaṅkami. Atha khvāhaṃ, āvuso, paṭapilotikānaṃ saṅghāṭiṃ catugguṇaṃ paññapetvā bhagavantaṃ etadavocaṃ – ‘idha, bhante, bhagavā nisīdatu, yaṃ mamassa dīgharattaṃ hitāya sukhāyā’ti. Nisīdi kho, āvuso, bhagavā paññatte āsane. Nisajja kho maṃ, āvuso, bhagavā etadavoca – ‘mudukā kho tyāyaṃ, kassapa, paṭapilotikānaṃ saṅghāṭī’ti. ‘Paṭiggaṇhātu me, bhante, bhagavā paṭapilotikānaṃ saṅghāṭiṃ anukampaṃ upādāyā’ti. ‘Dhāressasi pana me tvaṃ, kassapa, sāṇāni paṃsukūlāni nibbasanānī’ti. ‘Dhāressāmahaṃ, bhante, bhagavato sāṇāni paṃsukūlāni nibbasanānī’ti. ‘‘So khvāhaṃ, āvuso, paṭapilotikānaṃ saṅghāṭiṃ bhagavato pādāsiṃ. Ahaṃ pana bhagavato sāṇāni paṃsukūlāni nibbasanāni paṭipajjiṃ’’.

    ‘‘ยญฺหิ ตํ, อาวุโส, สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘ภควโต ปุโตฺต โอรโส มุขโต ชาโต ธมฺมโช ธมฺมนิมฺมิโต ธมฺมทายาโท, ปฎิคฺคหิตานิ 15 สาณานิ ปํสุกูลานิ นิพฺพสนานี’ติ, มมํ ตํ สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘ภควโต ปุโตฺต โอรโส มุขโต ชาโต ธมฺมโช ธมฺมนิมฺมิโต ธมฺมทายาโท, ปฎิคฺคหิตานิ สาณานิ ปํสุกูลานิ นิพฺพสนานี’’’ติฯ

    ‘‘Yañhi taṃ, āvuso, sammā vadamāno vadeyya – ‘bhagavato putto oraso mukhato jāto dhammajo dhammanimmito dhammadāyādo, paṭiggahitāni 16 sāṇāni paṃsukūlāni nibbasanānī’ti, mamaṃ taṃ sammā vadamāno vadeyya – ‘bhagavato putto oraso mukhato jāto dhammajo dhammanimmito dhammadāyādo, paṭiggahitāni sāṇāni paṃsukūlāni nibbasanānī’’’ti.

    ‘‘อหํ โข, อาวุโส, ยาวเทว อากงฺขามิ วิวิเจฺจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรามิฯ อหํ โข, อาวุโส, ยาวเท อากงฺขามิ…เป.… (นวนฺนํ อนุปุพฺพวิหารสมาปตฺตินํ ปญฺจนฺนญฺจ อภิญฺญานํ เอวํ วิตฺถาโร เวทิตโพฺพ) ฯ

    ‘‘Ahaṃ kho, āvuso, yāvadeva ākaṅkhāmi vivicceva kāmehi vivicca akusalehi dhammehi savitakkaṃ savicāraṃ vivekajaṃ pītisukhaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharāmi. Ahaṃ kho, āvuso, yāvade ākaṅkhāmi…pe… (navannaṃ anupubbavihārasamāpattinaṃ pañcannañca abhiññānaṃ evaṃ vitthāro veditabbo) .

    ‘‘อหํ โข, อาวุโส, อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามิ; สตฺตรตนํ วา, อาวุโส, นาคํ อฑฺฒฎฺฐมรตนํ วา ตาลปตฺติกาย ฉาเทตพฺพํ มเญฺญยฺย, โย เม ฉ อภิญฺญา ฉาเทตพฺพํ มเญฺญยฺยา’’ติฯ

    ‘‘Ahaṃ kho, āvuso, āsavānaṃ khayā anāsavaṃ cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharāmi; sattaratanaṃ vā, āvuso, nāgaṃ aḍḍhaṭṭhamaratanaṃ vā tālapattikāya chādetabbaṃ maññeyya, yo me cha abhiññā chādetabbaṃ maññeyyā’’ti.

    จวิตฺถ จ ปน ถุลฺลนนฺทา ภิกฺขุนี พฺรหฺมจริยมฺหาติฯ เอกาทสมํฯ

    Cavittha ca pana thullanandā bhikkhunī brahmacariyamhāti. Ekādasamaṃ.







    Footnotes:
    1. วินยปิฎเก จูฬวเคฺค สํฆเภทกกฺขนฺธเก วชิรพุทฺธิยํ อญฺญถา สมฺพโนฺธ ทสฺสิโต
    2. vinayapiṭake cūḷavagge saṃghabhedakakkhandhake vajirabuddhiyaṃ aññathā sambandho dassito
    3. อุลฺลุชฺชติ (สี. อฎฺฐกถาสุ จ)
    4. ullujjati (sī. aṭṭhakathāsu ca)
    5. ปลุชฺชติ โข เต อาวุโส อานนฺท ปริสา (ก. สี.)
    6. palujjati kho te āvuso ānanda parisā (ka. sī.)
    7. อุทฺทิสิตุํ (สี. ปี. ก.)
    8. รโชปโถ (สี.)
    9. กริตฺวา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    10. uddisituṃ (sī. pī. ka.)
    11. rajopatho (sī.)
    12. karitvā (sī. syā. kaṃ. pī.)
    13. สาโณ (สี.)
    14. sāṇo (sī.)
    15. ปฎิคฺคเหตา (สี.)
    16. paṭiggahetā (sī.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๑๑. จีวรสุตฺตวณฺณนา • 11. Cīvarasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๑๑. จีวรสุตฺตวณฺณนา • 11. Cīvarasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact