Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā |
โจรวตฺถุกถา
Coravatthukathā
๙๑. โจรวตฺถูสุ – มนุสฺสา ปสฺสิตฺวาติ เยหิ คิหิกาเล ทิฎฺฐปุโพฺพ เย จ ‘‘อยํ โส’’ติ อเญฺญสํ สุณนฺติ, เต ปสฺสิตฺวา อุพฺพิชฺชนฺติปิ…เป.… ทฺวารมฺปิ ถเกนฺติฯ เย ปน น ชานนฺติ, เตสํ ฆเรสุ ภิกฺขํ ลภติฯ น ภิกฺขเวติ ภควา สยํ ธมฺมสฺสามี, ตสฺมา อายติํ อกรณตฺถาย ภิกฺขูนํ สิกฺขาปทํ ปญฺญเปโนฺต เอวมาหฯ ตตฺถ ธชํ พนฺธิตฺวา วิย วิจรตีติ ธชพโนฺธฯ มูลเทวาทโย วิย โลเก ปากโฎติ วุตฺตํ โหติฯ ตสฺมา โย คามฆาตํ วา ปนฺถทุหนํ วา นคเร สนฺธิเจฺฉทาทิกมฺมํ วา กโรโนฺต วิจรติ, ปญฺญายติ จ ‘‘อสุโก นาม อิทํ อิทํ กโรตี’’ติ, โส น ปพฺพาเชตโพฺพฯ โย ปน ราชปุโตฺต รชฺชํ ปเตฺถโนฺต คามฆาตาทีนิ กโรติ, โส ปพฺพาเชตโพฺพฯ ราชาโน หิ ตสฺมิํ ปพฺพชิเต ตุสฺสนฺติ, สเจ ปน น ตุสฺสนฺติ, น ปพฺพาเชตโพฺพฯ ปุเพฺพ มหาชเน ปากโฎ โจโร ปจฺฉา โจรกมฺมํ ปหาย ปญฺจสีลาทีนิ สมาทิยติ, ตเญฺจ มนุสฺสา เอวํ ชานนฺติ, ปพฺพาเชตโพฺพฯ เย ปน อมฺพลพุชาทิโจรกา สนฺธิเจฺฉทาทิโจรา เอว วา อทิสฺสมานา เถยฺยํ กโรนฺติ, ปจฺฉาปิ อิมินา นาม อิทํ กตนฺติ น ปญฺญายนฺติ, เตปิ ปพฺพาเชตุํ วฎฺฎติฯ
91. Coravatthūsu – manussā passitvāti yehi gihikāle diṭṭhapubbo ye ca ‘‘ayaṃ so’’ti aññesaṃ suṇanti, te passitvā ubbijjantipi…pe… dvārampi thakenti. Ye pana na jānanti, tesaṃ gharesu bhikkhaṃ labhati. Na bhikkhaveti bhagavā sayaṃ dhammassāmī, tasmā āyatiṃ akaraṇatthāya bhikkhūnaṃ sikkhāpadaṃ paññapento evamāha. Tattha dhajaṃ bandhitvā viya vicaratīti dhajabandho. Mūladevādayo viya loke pākaṭoti vuttaṃ hoti. Tasmā yo gāmaghātaṃ vā panthaduhanaṃ vā nagare sandhicchedādikammaṃ vā karonto vicarati, paññāyati ca ‘‘asuko nāma idaṃ idaṃ karotī’’ti, so na pabbājetabbo. Yo pana rājaputto rajjaṃ patthento gāmaghātādīni karoti, so pabbājetabbo. Rājāno hi tasmiṃ pabbajite tussanti, sace pana na tussanti, na pabbājetabbo. Pubbe mahājane pākaṭo coro pacchā corakammaṃ pahāya pañcasīlādīni samādiyati, tañce manussā evaṃ jānanti, pabbājetabbo. Ye pana ambalabujādicorakā sandhicchedādicorā eva vā adissamānā theyyaṃ karonti, pacchāpi iminā nāma idaṃ katanti na paññāyanti, tepi pabbājetuṃ vaṭṭati.
๙๒. การํ ภินฺทิตฺวาติ อฎฺฎพนฺธนาทิํ ภินฺทิตฺวาฯ อภยูวราติ เอตฺถ ภเยน อุปรมนฺตีติ ภยูวรา, เอเต ปน ลทฺธาภยตฺตา น ภยูวราติ อภยูวรา; ปการสฺส เจตฺถ วกาโร กโตติ เวทิตโพฺพฯ น ภิกฺขเว การเภทโก ปพฺพาเชตโพฺพติ กาโร วุจฺจติ พนฺธนาคารํฯ อิธ ปน อนฺทุพนฺธนํ วา โหตุ สงฺขลิกพนฺธนํ วา รชฺชุพนฺธนํ วา คามพนฺธนํ วา นิคมพนฺธนํ วา นครพนฺธนํ วา ปุริสคุตฺติ วา ชนปทพนฺธนํ วา ทีปพนฺธนํ วา, โย เอเตสุ ยํกิญฺจิ พนฺธนํ ภินฺทิตฺวา วา ฉินฺทิตฺวา วา มุญฺจิตฺวา วา วิวริตฺวา วา ปสฺสมานานํ วา อปสฺสมานานํ วา ปลายติ, โส การเภทโกติ สงฺขฺยํ คจฺฉติฯ ตสฺมา อีทิโส การเภทโก โจโร ทีปพนฺธนํ ภินฺทิตฺวา ทีปนฺตรํ คโตปิ น ปพฺพาเชตโพฺพฯ โย ปน น โจโร, เกวลํ หตฺถกมฺมํ อกโรโนฺต ‘‘เอวํ โน อปลายโนฺต กริสฺสตี’’ติ ราชยุตฺตาทีหิ พโทฺธ, โส การํ ภินฺทิตฺวา ปลาโตปิ ปพฺพาเชตโพฺพฯ โย ปน คามนิคมปฎฺฎนาทีนิ เกณิยา คเหตฺวา ตํ อสมฺปาเทโนฺต พนฺธนาคารํ ปเวสิโต โหติ, โส ปลายิตฺวา อาคโต น ปพฺพาเชตโพฺพฯ โยปิ กสิกมฺมาทีหิ ธนํ สมฺปาเทตฺวา ชีวโนฺต ‘‘นิธานํ อิมินา ลทฺธ’’นฺติ เปสุญฺญํ อุปสํหริตฺวา เกนจิ พนฺธาปิโต โหติ, ตํ ตเตฺถว ปพฺพาเชตุํ น วฎฺฎติ, ปลายิตฺวา คตํ ปน คตฎฺฐาเน ปพฺพาเชตุํ วฎฺฎติฯ
92.Kāraṃ bhinditvāti aṭṭabandhanādiṃ bhinditvā. Abhayūvarāti ettha bhayena uparamantīti bhayūvarā, ete pana laddhābhayattā na bhayūvarāti abhayūvarā; pakārassa cettha vakāro katoti veditabbo. Na bhikkhave kārabhedako pabbājetabboti kāro vuccati bandhanāgāraṃ. Idha pana andubandhanaṃ vā hotu saṅkhalikabandhanaṃ vā rajjubandhanaṃ vā gāmabandhanaṃ vā nigamabandhanaṃ vā nagarabandhanaṃ vā purisagutti vā janapadabandhanaṃ vā dīpabandhanaṃ vā, yo etesu yaṃkiñci bandhanaṃ bhinditvā vā chinditvā vā muñcitvā vā vivaritvā vā passamānānaṃ vā apassamānānaṃ vā palāyati, so kārabhedakoti saṅkhyaṃ gacchati. Tasmā īdiso kārabhedako coro dīpabandhanaṃ bhinditvā dīpantaraṃ gatopi na pabbājetabbo. Yo pana na coro, kevalaṃ hatthakammaṃ akaronto ‘‘evaṃ no apalāyanto karissatī’’ti rājayuttādīhi baddho, so kāraṃ bhinditvā palātopi pabbājetabbo. Yo pana gāmanigamapaṭṭanādīni keṇiyā gahetvā taṃ asampādento bandhanāgāraṃ pavesito hoti, so palāyitvā āgato na pabbājetabbo. Yopi kasikammādīhi dhanaṃ sampādetvā jīvanto ‘‘nidhānaṃ iminā laddha’’nti pesuññaṃ upasaṃharitvā kenaci bandhāpito hoti, taṃ tattheva pabbājetuṃ na vaṭṭati, palāyitvā gataṃ pana gataṭṭhāne pabbājetuṃ vaṭṭati.
๙๓. น ภิกฺขเว ลิขิตโกติ เอตฺถ ลิขิตโก นาม น เกวลํ ‘‘ยตฺถ ปสฺสติ ตตฺถ หนฺตโพฺพ’’ติ, อถ โข โย โกจิ โจริกํ วา อญฺญํ วา ครุํ ราชาปราธํ กตฺวา ปลาโต, ราชา จ นํ ปเณฺณ วา โปตฺถเก วา ‘‘อิตฺถนฺนาโม ยตฺถ ทิสฺสติ, ตตฺถ คเหตฺวา มาเรตโพฺพ’’ติ วา ‘‘หตฺถปาทานิสฺส ฉินฺทิตพฺพานี’’ติ วา ‘‘เอตฺตกํ นาม ทณฺฑํ อาหราเปตโพฺพ’’ติ วา ลิขาเปติ, อยํ ลิขิตโก นาม, โส น ปพฺพาเชตโพฺพฯ
93.Nabhikkhave likhitakoti ettha likhitako nāma na kevalaṃ ‘‘yattha passati tattha hantabbo’’ti, atha kho yo koci corikaṃ vā aññaṃ vā garuṃ rājāparādhaṃ katvā palāto, rājā ca naṃ paṇṇe vā potthake vā ‘‘itthannāmo yattha dissati, tattha gahetvā māretabbo’’ti vā ‘‘hatthapādānissa chinditabbānī’’ti vā ‘‘ettakaṃ nāma daṇḍaṃ āharāpetabbo’’ti vā likhāpeti, ayaṃ likhitako nāma, so na pabbājetabbo.
๙๔. กสาหโต กตทณฺฑกโมฺมติ เอตฺถ โย วจนเปสนาทีนิ อกโรโนฺต หญฺญติ, น โส กตทณฺฑกโมฺมฯ โย ปน เกณิยา วา อญฺญถา วา กิญฺจิ คเหตฺวา ขาทิตฺวา ปุน ทาตุํ อสโกฺกโนฺต ‘‘อยเมว เต ทโณฺฑ โหตู’’ติ กสาหิ หญฺญติ, อยํ กสาหโต กตทณฺฑกโมฺมฯ โส จ กสาหิ วา หโต โหตุ อทฺธทณฺฑกาทีนํ วา อญฺญตเรน, ยาว อลฺลวโณ โหติ, ตาว น ปพฺพาเชตโพฺพฯ วเณ ปน ปากติเก กตฺวา ปพฺพาเชตโพฺพฯ สเจ ปน ชาณูหิ วา กปฺปเรหิ วา นาฬิเกรปาสาณาทีหิ วา ฆาเตตฺวา มุโตฺต โหติ, สรีเร จสฺส คณฺฐิโย ปญฺญายนฺติ, น ปพฺพาเชตโพฺพฯ ผาสุกํ กตฺวา เอว คณฺฐีสุ สนฺนิสินฺนาสุ ปพฺพาเชตโพฺพฯ
94.Kasāhato katadaṇḍakammoti ettha yo vacanapesanādīni akaronto haññati, na so katadaṇḍakammo. Yo pana keṇiyā vā aññathā vā kiñci gahetvā khāditvā puna dātuṃ asakkonto ‘‘ayameva te daṇḍo hotū’’ti kasāhi haññati, ayaṃ kasāhato katadaṇḍakammo. So ca kasāhi vā hato hotu addhadaṇḍakādīnaṃ vā aññatarena, yāva allavaṇo hoti, tāva na pabbājetabbo. Vaṇe pana pākatike katvā pabbājetabbo. Sace pana jāṇūhi vā kapparehi vā nāḷikerapāsāṇādīhi vā ghātetvā mutto hoti, sarīre cassa gaṇṭhiyo paññāyanti, na pabbājetabbo. Phāsukaṃ katvā eva gaṇṭhīsu sannisinnāsu pabbājetabbo.
๙๕. ลกฺขณาหโต กตทณฺฑกโมฺมติ เอตฺถ กตทณฺฑกมฺมภาโว ปุริมนเยเนว เวทิตโพฺพฯ ยสฺส ปน นลาเฎ วา อูรุอาทีสุ วา ตเตฺตน โลเหน ลกฺขณํ อาหตํ โหติ, โส สเจ ภุชิโสฺส ยาว อลฺลวโณ โหติ, ตาว น ปพฺพาเชตโพฺพฯ สเจปิสฺส วณา รุฬฺหา โหนฺติ, ฉวิยา สมปริเจฺฉทา, ลกฺขณํ น ปญฺญายติ, ติมณฺฑลวตฺถสฺส อุตฺตราสเงฺค กเต ปฎิจฺฉโนฺนกาเส เจ โหติ, ปพฺพาเชตุํ วฎฺฎติ, อปฺปฎิจฺฉโนฺนกาเส เจ น วฎฺฎติฯ
95.Lakkhaṇāhato katadaṇḍakammoti ettha katadaṇḍakammabhāvo purimanayeneva veditabbo. Yassa pana nalāṭe vā ūruādīsu vā tattena lohena lakkhaṇaṃ āhataṃ hoti, so sace bhujisso yāva allavaṇo hoti, tāva na pabbājetabbo. Sacepissa vaṇā ruḷhā honti, chaviyā samaparicchedā, lakkhaṇaṃ na paññāyati, timaṇḍalavatthassa uttarāsaṅge kate paṭicchannokāse ce hoti, pabbājetuṃ vaṭṭati, appaṭicchannokāse ce na vaṭṭati.
โจรวตฺถุกถา นิฎฺฐิตาฯ
Coravatthukathā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi
๒๘. องฺคุลิมาลโจรวตฺถุ • 28. Aṅgulimālacoravatthu
๒๙. การเภทกโจรวตฺถุ • 29. Kārabhedakacoravatthu
๓๐. ลิขิตกโจรวตฺถุ • 30. Likhitakacoravatthu
๓๑. กสาหตวตฺถุ • 31. Kasāhatavatthu
๓๒. ลกฺขณาหตวตฺถุ • 32. Lakkhaṇāhatavatthu
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ราชภฎาทิวตฺถุกถาวณฺณนา • Rājabhaṭādivatthukathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / โจรวตฺถุกถาวณฺณนา • Coravatthukathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / โจรวตฺถุกถาวณฺณนา • Coravatthukathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๒๘. โจรวตฺถุกถา • 28. Coravatthukathā