Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) |
๑๐. จูฬอสฺสปุรสุตฺตวณฺณนา
10. Cūḷaassapurasuttavaṇṇanā
๔๓๕. เอวํ เม สุตนฺติ จูฬอสฺสปุรสุตฺตํฯ ตสฺส เทสนาการณํ ปุริมสทิสเมวฯ สมณสามีจิปฺปฎิปทาติ สมณานํ อนุจฺฉวิกา สมณานํ อนุโลมปฺปฎิปทาฯ
435.Evaṃme sutanti cūḷaassapurasuttaṃ. Tassa desanākāraṇaṃ purimasadisameva. Samaṇasāmīcippaṭipadāti samaṇānaṃ anucchavikā samaṇānaṃ anulomappaṭipadā.
๔๓๖. สมณมลานนฺติอาทีสุ เอเต ธมฺมา อุปฺปชฺชมานา สมเณ มลิเน กโรนฺติ มลคฺคหิเต, ตสฺมา ‘‘สมณมลา’’ติ วุจฺจนฺติฯ เอเตหิ สมณา ทุสฺสนฺติ, ปทุสฺสนฺติ, ตสฺมา สมณโทสาติ วุจฺจนฺติฯ เอเต อุปฺปชฺชิตฺวา สมเณ กสเฎ นิโรเช กโรนฺติ มิลาเปนฺติ, ตสฺมา สมณกสฎาติ วุจฺจนฺติฯ อาปายิกานํ ฐานานนฺติ อปาเย นิพฺพตฺตาปกานํ การณานํฯ ทุคฺคติเวทนิยานนฺติ ทุคฺคติยํ วิปากเวทนาย ปจฺจยานํฯ มตชํ นามาติ มนุสฺสา ติขิณํ อยํ อเยน สุฆํสิตฺวา ตํ อยจุณฺณํ มํเสน สทฺธิํ มทฺทิตฺวา โกญฺจสกุเณ ขาทาเปนฺติฯ เต อุจฺจารํ กาตุํ อสโกฺกนฺตา มรนฺติฯ โน เจ มรนฺติ, ปหริตฺวา มาเรนฺติฯ อถ เตสํ กุจฺฉิํ ผาเลตฺวา นํ อุทเกน โธวิตฺวา จุณฺณํ คเหตฺวา มํเสน สทฺธิํ มทฺทิตฺวา ปุน ขาทาเปนฺตีติ เอวํ สตฺต วาเร ขาทาเปตฺวา คหิเตน อยจุเณฺณน อาวุธํ กโรนฺติฯ สุสิกฺขิตา จ นํ อยการา พหุหตฺถกมฺมมูลํ ลภิตฺวา กโรนฺติฯ ตํ มตสกุณโต ชาตตฺตา ‘‘มตช’’นฺติ วุจฺจติ, อติติขิณํ โหติฯ ปีตนิสิตนฺติ อุทกปีตเญฺจว สิลาย จ สุนิฆํสิตํฯ สงฺฆาฎิยาติ โกสิยาฯ สมฺปารุตนฺติ ปริโยนทฺธํฯ สมฺปลิเวฐิตนฺติ สมนฺตโต เวฐิตํฯ
436.Samaṇamalānantiādīsu ete dhammā uppajjamānā samaṇe maline karonti malaggahite, tasmā ‘‘samaṇamalā’’ti vuccanti. Etehi samaṇā dussanti, padussanti, tasmā samaṇadosāti vuccanti. Ete uppajjitvā samaṇe kasaṭe niroje karonti milāpenti, tasmā samaṇakasaṭāti vuccanti. Āpāyikānaṃ ṭhānānanti apāye nibbattāpakānaṃ kāraṇānaṃ. Duggativedaniyānanti duggatiyaṃ vipākavedanāya paccayānaṃ. Matajaṃ nāmāti manussā tikhiṇaṃ ayaṃ ayena sughaṃsitvā taṃ ayacuṇṇaṃ maṃsena saddhiṃ madditvā koñcasakuṇe khādāpenti. Te uccāraṃ kātuṃ asakkontā maranti. No ce maranti, paharitvā mārenti. Atha tesaṃ kucchiṃ phāletvā naṃ udakena dhovitvā cuṇṇaṃ gahetvā maṃsena saddhiṃ madditvā puna khādāpentīti evaṃ satta vāre khādāpetvā gahitena ayacuṇṇena āvudhaṃ karonti. Susikkhitā ca naṃ ayakārā bahuhatthakammamūlaṃ labhitvā karonti. Taṃ matasakuṇato jātattā ‘‘mataja’’nti vuccati, atitikhiṇaṃ hoti. Pītanisitanti udakapītañceva silāya ca sunighaṃsitaṃ. Saṅghāṭiyāti kosiyā. Sampārutanti pariyonaddhaṃ. Sampaliveṭhitanti samantato veṭhitaṃ.
๔๓๗. รโชชลฺลิกสฺสาติ รโชชลฺลธาริโนฯ อุทโกโรหกสฺสาติ ทิวสสฺส ติกฺขตฺตุํ อุทกํ โอโรหนฺตสฺสฯ รุกฺขมูลิกสฺสาติ รุกฺขมูลวาสิโนฯ อโพฺภกาสิกสฺสาติ อโพฺภกาสวาสิโนฯ อุพฺภฎฺฐกสฺสาติ อุทฺธํ ฐิตกสฺสฯ ปริยายภตฺติกสฺสาติ มาสวาเรน วา อฑฺฒมาสวาเรน วา ภุญฺชนฺตสฺสฯ สพฺพเมตํ พาหิรสมเยเนว กถิตํฯ อิมสฺมิญฺหิ สาสเน จีวรธโร ภิกฺขุ สงฺฆาฎิโกติ น วุจฺจติฯ รโชชลฺลธารณาทิวตานิ อิมสฺมิํ สาสเน นตฺถิเยวฯ พุทฺธวจนสฺส พุทฺธวจนเมว นามํ, น มนฺตาติฯ รุกฺขมูลิโก, อโพฺภกาสิโกติ เอตฺตกํเยว ปน ลพฺภติฯ ตมฺปิ พาหิรสมเยเนว กถิตํฯ ชาตเมว นนฺติ ตํทิวเส ชาตมตฺตํเยว นํฯ สงฺฆาฎิกํ กเรยฺยุนฺติ สงฺฆาฎิกํ วตฺถํ นิวาเสตฺวา จ ปารุปิตฺวา จ สงฺฆาฎิกํ กเรยฺยุํฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ
437.Rajojallikassāti rajojalladhārino. Udakorohakassāti divasassa tikkhattuṃ udakaṃ orohantassa. Rukkhamūlikassāti rukkhamūlavāsino. Abbhokāsikassāti abbhokāsavāsino. Ubbhaṭṭhakassāti uddhaṃ ṭhitakassa. Pariyāyabhattikassāti māsavārena vā aḍḍhamāsavārena vā bhuñjantassa. Sabbametaṃ bāhirasamayeneva kathitaṃ. Imasmiñhi sāsane cīvaradharo bhikkhu saṅghāṭikoti na vuccati. Rajojalladhāraṇādivatāni imasmiṃ sāsane natthiyeva. Buddhavacanassa buddhavacanameva nāmaṃ, na mantāti. Rukkhamūliko, abbhokāsikoti ettakaṃyeva pana labbhati. Tampi bāhirasamayeneva kathitaṃ. Jātamevananti taṃdivase jātamattaṃyeva naṃ. Saṅghāṭikaṃ kareyyunti saṅghāṭikaṃ vatthaṃ nivāsetvā ca pārupitvā ca saṅghāṭikaṃ kareyyuṃ. Esa nayo sabbattha.
๔๓๘. วิสุทฺธมตฺตานํ สมนุปสฺสตีติ อตฺตานํ วิสุชฺฌนฺตํ ปสฺสติฯ วิสุโทฺธติ ปน น ตาว วตฺตโพฺพฯ ปาโมชฺชํ ชายตีติ ตุฎฺฐากาโร ชายติฯ ปมุทิตสฺส ปีตีติ ตุฎฺฐสฺส สกลสรีรํ โขภยมานา ปีติ ชายติฯ ปีติมนสฺส กาโยติ ปีติสมฺปยุตฺตสฺส ปุคฺคลสฺส นามกาโยฯ ปสฺสมฺภตีติ วิคตทรโถ โหติฯ สุขํ เวเทตีติ กายิกมฺปิ เจตสิกมฺปิ สุขํ เวทิยติฯ จิตฺตํ สมาธิยตีติ อิมินา เนกฺขมฺมสุเขน สุขิตสฺส จิตฺตํ สมาธิยติ, อปฺปนาปตฺตํ วิย โหติฯ โส เมตฺตาสหคเตน เจตสาติ เหฎฺฐา กิเลสวเสน อารทฺธา เทสนา ปพฺพเต วุฎฺฐวุฎฺฐิ วิย นทิํ ยถานุสนฺธินา พฺรหฺมวิหารภาวนํ โอติณฺณาฯ ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ สพฺพํ วิสุทฺธิมเคฺค วุตฺตเมวฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, โปกฺขรณีติ มหาสีหนาทสุเตฺต มโคฺค โปกฺขรณิยา อุปมิโต, อิธ สาสนํ อุปมิตนฺติ เวทิตพฺพํฯ อาสวานํ ขยา สมโณ โหตีติ สพฺพกิเลสานํ สมิตตฺตา ปรมตฺถสมโณ โหตีติฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ
438.Visuddhamattānaṃ samanupassatīti attānaṃ visujjhantaṃ passati. Visuddhoti pana na tāva vattabbo. Pāmojjaṃ jāyatīti tuṭṭhākāro jāyati. Pamuditassa pītīti tuṭṭhassa sakalasarīraṃ khobhayamānā pīti jāyati. Pītimanassa kāyoti pītisampayuttassa puggalassa nāmakāyo. Passambhatīti vigatadaratho hoti. Sukhaṃ vedetīti kāyikampi cetasikampi sukhaṃ vediyati. Cittaṃ samādhiyatīti iminā nekkhammasukhena sukhitassa cittaṃ samādhiyati, appanāpattaṃ viya hoti. So mettāsahagatena cetasāti heṭṭhā kilesavasena āraddhā desanā pabbate vuṭṭhavuṭṭhi viya nadiṃ yathānusandhinā brahmavihārabhāvanaṃ otiṇṇā. Tattha yaṃ vattabbaṃ siyā, taṃ sabbaṃ visuddhimagge vuttameva. Seyyathāpi, bhikkhave, pokkharaṇīti mahāsīhanādasutte maggo pokkharaṇiyā upamito, idha sāsanaṃ upamitanti veditabbaṃ. Āsavānaṃ khayā samaṇo hotīti sabbakilesānaṃ samitattā paramatthasamaṇo hotīti. Sesaṃ sabbattha uttānamevāti.
ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย
Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya
จูฬอสฺสปุรสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Cūḷaassapurasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
จตุตฺถวคฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Catutthavaggavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๑๐. จูฬอสฺสปุรสุตฺตํ • 10. Cūḷaassapurasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๑๐. จูฬอสฺสปุรสุตฺตวณฺณนา • 10. Cūḷaassapurasuttavaṇṇanā