Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถา • Suttanipāta-aṭṭhakathā

    ๑๒. จูฬพฺยูหสุตฺตวณฺณนา

    12. Cūḷabyūhasuttavaṇṇanā

    ๘๘๕-๖. สกํสกํทิฎฺฐิปริพฺพสานาติ จูฬพฺยูหสุตฺตํฯ กา อุปฺปตฺติ? อิทมฺปิ ตสฺมิํเยว มหาสมเย ‘‘สเพฺพปิ อิเม ทิฎฺฐิคติกา ‘สาธุรูปมฺหา’ติ ภณนฺติ, กิํ นุ โข สาธุรูปาว อิเม อตฺตโนเยว ทิฎฺฐิยา ปติฎฺฐหนฺติ, อุทาหุ อญฺญมฺปิ ทิฎฺฐิํ คณฺหนฺตี’’ติ อุปฺปนฺนจิตฺตานํ เอกจฺจานํ เทวตานํ ตมตฺถํ ปกาเสตุํ ปุริมนเยเนว นิมฺมิตพุเทฺธน อตฺตานํ ปุจฺฉาเปตฺวา วุตฺตํฯ

    885-6.Sakaṃsakaṃdiṭṭhiparibbasānāti cūḷabyūhasuttaṃ. Kā uppatti? Idampi tasmiṃyeva mahāsamaye ‘‘sabbepi ime diṭṭhigatikā ‘sādhurūpamhā’ti bhaṇanti, kiṃ nu kho sādhurūpāva ime attanoyeva diṭṭhiyā patiṭṭhahanti, udāhu aññampi diṭṭhiṃ gaṇhantī’’ti uppannacittānaṃ ekaccānaṃ devatānaṃ tamatthaṃ pakāsetuṃ purimanayeneva nimmitabuddhena attānaṃ pucchāpetvā vuttaṃ.

    ตตฺถ อาทิโต เทฺวปิ คาถา ปุจฺฉาคาถาเยวฯ ตาสุ สกํสกํทิฎฺฐิปริพฺพสานาติ อตฺตโน อตฺตโน ทิฎฺฐิยา วสมานาฯ วิคฺคยฺห นานา กุสลา วทนฺตีติ ทิฎฺฐิพลคฺคาหํ คเหตฺวา, ตตฺถ ‘‘กุสลามฺหา’’ติ ปฎิชานมานา ปุถุ ปุถุ วทนฺติ เอกํ น วทนฺติฯ โย เอวํ ชานาติ ส เวทิ ธมฺมํ อิทํ ปฎิโกสมเกวลี โสติ ตญฺจ ทิฎฺฐิํ สนฺธาย โย เอวํ ชานาติ, โส ธมฺมํ เวทิฯ อิทํ ปน ปฎิโกฺกสโนฺต หีโน โหตีติ วทนฺติฯ พาโลติ หีโนฯ อกฺกุสโลติ อวิทฺวาฯ

    Tattha ādito dvepi gāthā pucchāgāthāyeva. Tāsu sakaṃsakaṃdiṭṭhiparibbasānāti attano attano diṭṭhiyā vasamānā. Viggayha nānā kusalā vadantīti diṭṭhibalaggāhaṃ gahetvā, tattha ‘‘kusalāmhā’’ti paṭijānamānā puthu puthu vadanti ekaṃ na vadanti. Yo evaṃ jānāti sa vedi dhammaṃ idaṃ paṭikosamakevalī soti tañca diṭṭhiṃ sandhāya yo evaṃ jānāti, so dhammaṃ vedi. Idaṃ pana paṭikkosanto hīno hotīti vadanti. Bāloti hīno. Akkusaloti avidvā.

    ๘๘๗-๘. อิทานิ ติโสฺส วิสฺสชฺชนคาถา โหนฺติฯ ตา ปุริมเฑฺฒน วุตฺตมตฺถํ ปจฺฉิมเฑฺฒน ปฎิพฺยูหิตฺวา ฐิตาฯ เตน พฺยูเหน อุตฺตรสุตฺตโต จ อปฺปกตฺตา อิทํ สุตฺตํ ‘‘จูฬพฺยูห’’นฺติ นามํ ลภติฯ ตตฺถ ปรสฺส เจ ธมฺมนฺติ ปรสฺส ทิฎฺฐิํฯ สเพฺพว พาลาติ เอวํ สเนฺต สเพฺพว อิเม พาลา โหนฺตีติ อธิปฺปาโยฯ กิํ การณํ? สเพฺพวิเม ทิฎฺฐิปริพฺพสานาติ สนฺทิฎฺฐิยา เจว น วีวทาตาฯ สํสุทฺธปญฺญา กุสลา มุตีมาติ สกาย ทิฎฺฐิยา น วิวทาตา น โวทาตา สํกิลิฎฺฐาว สมานา สํสุทฺธปญฺญา จ กุสลา จ มุติมโนฺต จ เต โหนฺติ เจฯ อถ วา ‘‘สนฺทิฎฺฐิยา เจ ปน วีวทาตา’’ ติปิ ปาโฐฯ ตสฺสโตฺถ – สกาย ปน ทิฎฺฐิยา โวทาตา สํสุทฺธปญฺญา กุสลา มุติมโนฺต โหนฺติ เจฯ น เตสํ โกจีติ เอวํ สเนฺต เตสํ เอโกปิ หีนปโญฺญ น โหติฯ กิํการณา? ทิฎฺฐี หิ เตสมฺปิ ตถา สมตฺตา, ยถา อิตเรสนฺติฯ

    887-8. Idāni tisso vissajjanagāthā honti. Tā purimaḍḍhena vuttamatthaṃ pacchimaḍḍhena paṭibyūhitvā ṭhitā. Tena byūhena uttarasuttato ca appakattā idaṃ suttaṃ ‘‘cūḷabyūha’’nti nāmaṃ labhati. Tattha parassa ce dhammanti parassa diṭṭhiṃ. Sabbeva bālāti evaṃ sante sabbeva ime bālā hontīti adhippāyo. Kiṃ kāraṇaṃ? Sabbevime diṭṭhiparibbasānāti sandiṭṭhiyā ceva na vīvadātā. Saṃsuddhapaññā kusalā mutīmāti sakāya diṭṭhiyā na vivadātā na vodātā saṃkiliṭṭhāva samānā saṃsuddhapaññā ca kusalā ca mutimanto ca te honti ce. Atha vā ‘‘sandiṭṭhiyā ce pana vīvadātā’’ tipi pāṭho. Tassattho – sakāya pana diṭṭhiyā vodātā saṃsuddhapaññā kusalā mutimanto honti ce. Na tesaṃ kocīti evaṃ sante tesaṃ ekopi hīnapañño na hoti. Kiṃkāraṇā? Diṭṭhī hi tesampi tathā samattā, yathā itaresanti.

    ๘๘๙. น วาหเมตนฺติ คาถาย สเงฺขปโตฺถ – ยํ เต มิถุ เทฺว เทฺว ชนา อญฺญมญฺญํ ‘‘พาโล’’ติ อาหุ, อหํ เอตํ ตถิยํ ตจฺฉนฺติ เนว พฺรูมิฯ กิํการณา? ยสฺมา สเพฺพ เต สกํ สกํ ทิฎฺฐิํ ‘‘อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’นฺติ อกํสุฯ เตน จ การเณน ปรํ ‘‘พาโล’’ติ ทหนฺติฯ เอตฺถ จ ‘‘ตถิย’’นฺติ ‘‘กถิว’’นฺติ เทฺวปิ ปาฐาฯ

    889.Na vāhametanti gāthāya saṅkhepattho – yaṃ te mithu dve dve janā aññamaññaṃ ‘‘bālo’’ti āhu, ahaṃ etaṃ tathiyaṃ tacchanti neva brūmi. Kiṃkāraṇā? Yasmā sabbe te sakaṃ sakaṃ diṭṭhiṃ ‘‘idameva saccaṃ moghamañña’’nti akaṃsu. Tena ca kāraṇena paraṃ ‘‘bālo’’ti dahanti. Ettha ca ‘‘tathiya’’nti ‘‘kathiva’’nti dvepi pāṭhā.

    ๘๙๐. ยมาหูติ ปุจฺฉาคาถาย ยํ ทิฎฺฐิสจฺจํ ตถิยนฺติ เอเก อาหุ

    890.Yamāhūti pucchāgāthāya yaṃ diṭṭhisaccaṃ tathiyanti eke āhu.

    ๘๙๑. เอกญฺหิ สจฺจนฺติ วิสฺสชฺชนคาถาย เอกํ สจฺจํ นิโรโธ มโคฺค วาฯ ยสฺมิํ ปชา โน วิวเท ปชานนฺติ ยมฺหิ สเจฺจ ปชานโนฺต ปชา โน วิวเทยฺยฯ สยํ ถุนนฺตีติ อตฺตนา วทนฺติฯ

    891.Ekañhi saccanti vissajjanagāthāya ekaṃ saccaṃ nirodho maggo vā. Yasmiṃ pajā no vivade pajānanti yamhi sacce pajānanto pajā no vivadeyya. Sayaṃ thunantīti attanā vadanti.

    ๘๙๒. กสฺมา นูติ ปุจฺฉาคาถาย ปวาทิยาเสติ วาทิโนฯ อุทาหุ เต ตกฺกมนุสฺสรนฺตีติ เต วาทิโน อุทาหุ อตฺตโน ตกฺกมตฺตํ อนุคจฺฉนฺติฯ

    892.Kasmā nūti pucchāgāthāya pavādiyāseti vādino. Udāhu te takkamanussarantīti te vādino udāhu attano takkamattaṃ anugacchanti.

    ๘๙๓. เหวาติ วิสฺสชฺชนคาถาย อญฺญตฺร สญฺญาย นิจฺจานีติ ฐเปตฺวา สญฺญามเตฺตน นิจฺจนฺติ คหิตคฺคหณานิฯ ตกฺกญฺจ ทิฎฺฐีสุ ปกปฺปยิตฺวาติ อตฺตโน มิจฺฉาสงฺกปฺปมตฺตํ ทิฎฺฐีสุ ชเนตฺวาฯ ยสฺมา ปน ทิฎฺฐีสุ วิตกฺกํ ชเนนฺตา ทิฎฺฐิโยปิ ชเนนฺติ, ตสฺมา นิเทฺทเส วุตฺตํ ‘‘ทิฎฺฐิคตานิ ชเนนฺติ สญฺชเนนฺตี’’ติอาทิ (มหานิ. ๑๒๑)ฯ

    893.Nahevāti vissajjanagāthāya aññatra saññāya niccānīti ṭhapetvā saññāmattena niccanti gahitaggahaṇāni. Takkañca diṭṭhīsu pakappayitvāti attano micchāsaṅkappamattaṃ diṭṭhīsu janetvā. Yasmā pana diṭṭhīsu vitakkaṃ janentā diṭṭhiyopi janenti, tasmā niddese vuttaṃ ‘‘diṭṭhigatāni janenti sañjanentī’’tiādi (mahāni. 121).

    ๘๙๔-๕. อิทานิ เอวํ นานาสเจฺจสุ อสเนฺตสุ ตกฺกมตฺตมนุสฺสรนฺตานํ ทิฎฺฐิคติกานํ วิปฺปฎิปตฺติํ ทเสฺสตุํ ‘‘ทิเฎฺฐ สุเต’’ติอาทิกา คาถาโย อภาสิฯ ตตฺถ ทิเฎฺฐติ ทิฎฺฐํ, ทิฎฺฐสุทฺธินฺติ อธิปฺปาโยฯ เอส นโย สุตาทีสุฯ เอเต จ นิสฺสาย วิมานทสฺสีติ เอเต ทิฎฺฐิธเมฺม นิสฺสยิตฺวา สุทฺธิภาวสงฺขาตํ วิมานํ อสมฺมานํ ปสฺสโนฺตปิฯ วินิจฺฉเย ฐตฺวา ปหสฺสมาโน, พาโล ปโร อกฺกุสโลติ จาหาติ เอวํ วิมานทสฺสีปิ ตสฺมิํ ทิฎฺฐิวินิจฺฉเย ฐตฺวา ตุฎฺฐิชาโต หาสชาโต หุตฺวา ‘‘ปโร หีโน จ อวิทฺวา จา’’ติ เอวํ วทติเยวฯ เอวํ สเนฺต เยเนวาติ คาถาฯ ตตฺถ สยมตฺตนาติ สยเมว อตฺตานํฯ วิมาเนตีติ ครหติฯ ตเทว ปาวาติ ตเทว วจนํ ทิฎฺฐิํ วทติ, ตํ วา ปุคฺคลํฯ

    894-5. Idāni evaṃ nānāsaccesu asantesu takkamattamanussarantānaṃ diṭṭhigatikānaṃ vippaṭipattiṃ dassetuṃ ‘‘diṭṭhe sute’’tiādikā gāthāyo abhāsi. Tattha diṭṭheti diṭṭhaṃ, diṭṭhasuddhinti adhippāyo. Esa nayo sutādīsu. Ete ca nissāya vimānadassīti ete diṭṭhidhamme nissayitvā suddhibhāvasaṅkhātaṃ vimānaṃ asammānaṃ passantopi. Vinicchaye ṭhatvā pahassamāno, bālo paro akkusaloti cāhāti evaṃ vimānadassīpi tasmiṃ diṭṭhivinicchaye ṭhatvā tuṭṭhijāto hāsajāto hutvā ‘‘paro hīno ca avidvā cā’’ti evaṃ vadatiyeva. Evaṃ sante yenevāti gāthā. Tattha sayamattanāti sayameva attānaṃ. Vimānetīti garahati. Tadeva pāvāti tadeva vacanaṃ diṭṭhiṃ vadati, taṃ vā puggalaṃ.

    ๘๙๖. อติสารทิฎฺฐิยาติ คาถายโตฺถ – โส เอวํ ตาย ลกฺขณาติสารินิยา อติสารทิฎฺฐิยา สมโตฺต ปุโณฺณ อุทฺธุมาโต, เตน จ ทิฎฺฐิมาเนน มโตฺต ‘‘ปริปุโณฺณ อหํ เกวลี’’ติ เอวํ ปริปุณฺณมานี สยเมว อตฺตานํ มนสา ‘‘อหํ ปณฺฑิโต’’ติ อภิสิญฺจติฯ กิํการณา? ทิฎฺฐี หิ สา ตสฺส ตถา สมตฺตาติฯ

    896.Atisāradiṭṭhiyāti gāthāyattho – so evaṃ tāya lakkhaṇātisāriniyā atisāradiṭṭhiyā samatto puṇṇo uddhumāto, tena ca diṭṭhimānena matto ‘‘paripuṇṇo ahaṃ kevalī’’ti evaṃ paripuṇṇamānī sayameva attānaṃ manasā ‘‘ahaṃ paṇḍito’’ti abhisiñcati. Kiṃkāraṇā? Diṭṭhī hi sā tassa tathā samattāti.

    ๘๙๗. ปรสฺส เจติ คาถาย สมฺพโนฺธ อโตฺถ จ – กิญฺจ ภิโยฺย? โย โส วินิจฺฉเย ฐตฺวา ปหสฺสมาโน ‘‘พาโล ปโร อกฺกุสโล’’ติ จาหฯ ตสฺส ปรสฺส เจ หิ วจสา โส เตน วุจฺจมาโน นิหีโน โหติฯ ตุโม สหา โหติ นิหีนปโญฺญ, โสปิ เตเนว สห นิหีนปโญฺญ โหติฯ โสปิ หิ นํ ‘‘พาโล’’ติ วทติฯ อถสฺส วจนํ อปฺปมาณํ, โส ปน สยเมว เวทคู จ ธีโร จ โหติฯ เอวํ สเนฺต น โกจิ พาโล สมเณสุ อตฺถิฯ สเพฺพปิ หิ เต อตฺตโน อิจฺฉาย ปณฺฑิตาฯ

    897.Parassa ceti gāthāya sambandho attho ca – kiñca bhiyyo? Yo so vinicchaye ṭhatvā pahassamāno ‘‘bālo paro akkusalo’’ti cāha. Tassa parassa ce hi vacasā so tena vuccamāno nihīno hoti. Tumo sahā hoti nihīnapañño, sopi teneva saha nihīnapañño hoti. Sopi hi naṃ ‘‘bālo’’ti vadati. Athassa vacanaṃ appamāṇaṃ, so pana sayameva vedagū ca dhīro ca hoti. Evaṃ sante na koci bālo samaṇesu atthi. Sabbepi hi te attano icchāya paṇḍitā.

    ๘๙๘. อญฺญํ อิโตติ คาถาย สมฺพโนฺธ อโตฺถ จ – ‘‘อถ เจ สยํ เวทคู โหติ ธีโร, น โกจิ พาโล สมเณสุ อตฺถี’’ติ เอวญฺหิ วุเตฺตปิ สิยา กสฺสจิ ‘‘กสฺมา’’ติฯ ตตฺถ วุจฺจเต – ยสฺมา อญฺญํ อิโต ยาภิวทนฺติ ธมฺมํ อปรทฺธา สุทฺธิมเกวลี เต, เอวมฺปิ ติตฺถิยา ปุถุโส วทนฺติ, เย อิโต อญฺญํ ทิฎฺฐิํ อภิวทนฺติ, เย อปรทฺธา วิรทฺธา สุทฺธิมคฺคํ, อเกวลิโน จ เตติ เอวํ ปุถุติตฺถิยา ยสฺมา วทนฺตีติ วุตฺตํ โหติฯ กสฺมา ปเนวํ วทนฺตีติ เจ? สนฺทิฎฺฐิราเคน หิ เต ภิรตฺตา, ยสฺมา สเกน ทิฎฺฐิราเคน อภิรตฺตาติ วุตฺตํ โหติฯ

    898.Aññaṃitoti gāthāya sambandho attho ca – ‘‘atha ce sayaṃ vedagū hoti dhīro, na koci bālo samaṇesu atthī’’ti evañhi vuttepi siyā kassaci ‘‘kasmā’’ti. Tattha vuccate – yasmā aññaṃ ito yābhivadanti dhammaṃ aparaddhā suddhimakevalī te, evampi titthiyā puthuso vadanti, ye ito aññaṃ diṭṭhiṃ abhivadanti, ye aparaddhā viraddhā suddhimaggaṃ, akevalino ca teti evaṃ puthutitthiyā yasmā vadantīti vuttaṃ hoti. Kasmā panevaṃ vadantīti ce? Sandiṭṭhirāgena hi te bhirattā, yasmā sakena diṭṭhirāgena abhirattāti vuttaṃ hoti.

    ๘๙๙-๙๐๐. เอวํ อภิรตฺตา จ – อิเธว สุทฺธินฺติ คาถาฯ ตตฺถ สกายเนติ สกมเคฺค ทฬฺหํ วทานาติ ทฬฺหวาทาฯ เอวญฺจ ทฬฺหวาเทสุ เตสุ โย โกจิ ติตฺถิโย สกายเน วาปิ ทฬฺหํ วทาโน กเมตฺถ พาโลติ ปรํ ทเหยฺย, สเงฺขปโต ตตฺถ สสฺสตุเจฺฉทสงฺขาเต วิตฺถารโต วา นตฺถิกอิสฺสรการณนิยตาทิเภเท สเก อายตเน ‘‘อิทเมว สจฺจ’’นฺติ ทฬฺหํ วทาโน กํ ปรํ เอตฺถ ทิฎฺฐิคเต ‘‘พาโล’’ติ สห ธเมฺมน ปเสฺสยฺย, นนุ สโพฺพปิ ตสฺส มเตน ปณฺฑิโต เอว สุปฺปฎิปโนฺน เอว จฯ เอวํ สเนฺต จ สยเมว โส เมธคมาวเหยฺย ปรํ วทํ พาลมสุทฺธิธมฺมํ, โสปิ ปรํ ‘‘พาโล จ อสุทฺธิธโมฺม จ อย’’นฺติ วทโนฺต อตฺตนาว กลหํ อาวเหยฺยฯ กสฺมา? ยสฺมา สโพฺพปิ ตสฺส มเตน ปณฺฑิโต เอว สุปฺปฎิปโนฺน เอว จฯ

    899-900. Evaṃ abhirattā ca – idheva suddhinti gāthā. Tattha sakāyaneti sakamagge daḷhaṃ vadānāti daḷhavādā. Evañca daḷhavādesu tesu yo koci titthiyo sakāyane vāpi daḷhaṃ vadāno kamettha bāloti paraṃ daheyya, saṅkhepato tattha sassatucchedasaṅkhāte vitthārato vā natthikaissarakāraṇaniyatādibhede sake āyatane ‘‘idameva sacca’’nti daḷhaṃ vadāno kaṃ paraṃ ettha diṭṭhigate ‘‘bālo’’ti saha dhammena passeyya, nanu sabbopi tassa matena paṇḍito eva suppaṭipanno eva ca. Evaṃ sante ca sayameva so medhagamāvaheyya paraṃ vadaṃ bālamasuddhidhammaṃ, sopi paraṃ ‘‘bālo ca asuddhidhammo ca aya’’nti vadanto attanāva kalahaṃ āvaheyya. Kasmā? Yasmā sabbopi tassa matena paṇḍito eva suppaṭipanno eva ca.

    ๙๐๑. เอวํ สพฺพถาปิ วินิจฺฉเย ฐตฺวา สยํ ปมาย อุทฺธํส โลกสฺมิํ วิวาทเมติ, ทิฎฺฐิยํ ฐตฺวา สยญฺจ สตฺถาราทีนิ มินิตฺวา โส ภิโยฺย วิวาทเมตีติฯ เอวํ ปน วินิจฺฉเยสุ อาทีนวํ ญตฺวา อริยมเคฺคน หิตฺวาน สพฺพานิ วินิจฺฉยานิ น เมธคํ กุพฺพติ ชนฺตุ โลเกติ อรหตฺตนิกูเฎน เทสนํ นิฎฺฐาเปสิฯ เทสนาปริโยสาเน ปุราเภทสุเตฺต วุตฺตสทิโส เอวาภิสมโย อโหสีติฯ

    901. Evaṃ sabbathāpi vinicchaye ṭhatvā sayaṃ pamāya uddhaṃsa lokasmiṃ vivādameti, diṭṭhiyaṃ ṭhatvā sayañca satthārādīni minitvā so bhiyyo vivādametīti. Evaṃ pana vinicchayesu ādīnavaṃ ñatvā ariyamaggena hitvāna sabbāni vinicchayāni na medhagaṃ kubbati jantu loketi arahattanikūṭena desanaṃ niṭṭhāpesi. Desanāpariyosāne purābhedasutte vuttasadiso evābhisamayo ahosīti.

    ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฎฺฐกถาย

    Paramatthajotikāya khuddaka-aṭṭhakathāya

    สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถาย จูฬพฺยูหสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Suttanipāta-aṭṭhakathāya cūḷabyūhasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / สุตฺตนิปาตปาฬิ • Suttanipātapāḷi / ๑๒. จูฬพฺยูหสุตฺตํ • 12. Cūḷabyūhasuttaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact