Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๓๕๘] ๘. จูฬธมฺมปาลชาตกวณฺณนา
[358] 8. Cūḷadhammapālajātakavaṇṇanā
อหเมว ทูสิยา ภูนหตาติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรโนฺต เทวทตฺตสฺส วธาย ปริสกฺกนํ อารพฺภ กเถสิฯ อเญฺญสุ ชาตเกสุ เทวทโตฺต โพธิสตฺตสฺส ตาสมตฺตมฺปิ กาตุํ นาสกฺขิ, อิมสฺมิํ ปน จูฬธมฺมปาลชาตเก โพธิสตฺตสฺส สตฺตมาสิกกาเล หตฺถปาเท จ สีสญฺจ เฉทาเปตฺวา อสิมาลกํ นาม กาเรสิฯ ททฺทรชาตเก (ชา. ๑.๒.๔๓-๔๔) คีวํ คเหตฺวา มาเรตฺวา อุทฺธเน มํสํ ปจิตฺวา ขาทิฯ ขนฺตีวาทีชาตเก (ชา. ๑.๔.๔๙ อาทโย) ทฺวีหิปิ กสาหิ ปหารสหเสฺสหิ ตาฬาเปตฺวา หตฺถปาเท จ กณฺณนาสญฺจ เฉทาเปตฺวา ชฎาสุ คเหตฺวา กฑฺฒาเปตฺวา อุตฺตานกํ นิปชฺชาเปตฺวา อุเร ปาเทน ปหริตฺวา คโตฯ โพธิสโตฺต ตํ ทิวสํเยว ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิฯ จูฬนนฺทิยชาตเกปิ (ชา. ๑.๒.๑๔๓-๑๔๔) มหากปิชาตเกปิ (ชา. ๑.๗.๘๓ อาทโย) มาเรสิเยวฯ เอวเมว โส ทีฆรตฺตํ วธาย ปริสกฺกโนฺต พุทฺธกาเลปิ ปริสกฺกิเยวฯ อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, เทวทโตฺต พุทฺธานํ มารณตฺถเมว อุปายํ กโรติ, ‘สมฺมาสมฺพุทฺธํ มาราเปสฺสามี’ติ ธนุคฺคเห ปโยเชสิ, สิลํ ปวิชฺฌิ, นาฬาคิริํ วิสฺสชฺชาเปสี’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพเปส มยฺหํ วธาย ปริสกฺกิเยว, อิทานิ ปน ตาสมตฺตมฺปิ กาตุํ น สโกฺกติ , ปุเพฺพ มํ จูฬธมฺมปาลกุมารกาเล อตฺตโน ปุตฺตํ สมานํ ชีวตกฺขยํ ปาเปตฺวา อสิมาลกํ กาเรสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Ahamevadūsiyā bhūnahatāti idaṃ satthā veḷuvane viharanto devadattassa vadhāya parisakkanaṃ ārabbha kathesi. Aññesu jātakesu devadatto bodhisattassa tāsamattampi kātuṃ nāsakkhi, imasmiṃ pana cūḷadhammapālajātake bodhisattassa sattamāsikakāle hatthapāde ca sīsañca chedāpetvā asimālakaṃ nāma kāresi. Daddarajātake (jā. 1.2.43-44) gīvaṃ gahetvā māretvā uddhane maṃsaṃ pacitvā khādi. Khantīvādījātake (jā. 1.4.49 ādayo) dvīhipi kasāhi pahārasahassehi tāḷāpetvā hatthapāde ca kaṇṇanāsañca chedāpetvā jaṭāsu gahetvā kaḍḍhāpetvā uttānakaṃ nipajjāpetvā ure pādena paharitvā gato. Bodhisatto taṃ divasaṃyeva jīvitakkhayaṃ pāpuṇi. Cūḷanandiyajātakepi (jā. 1.2.143-144) mahākapijātakepi (jā. 1.7.83 ādayo) māresiyeva. Evameva so dīgharattaṃ vadhāya parisakkanto buddhakālepi parisakkiyeva. Athekadivasaṃ bhikkhū dhammasabhāyaṃ kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ – ‘‘āvuso, devadatto buddhānaṃ māraṇatthameva upāyaṃ karoti, ‘sammāsambuddhaṃ mārāpessāmī’ti dhanuggahe payojesi, silaṃ pavijjhi, nāḷāgiriṃ vissajjāpesī’’ti. Satthā āgantvā ‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepesa mayhaṃ vadhāya parisakkiyeva, idāni pana tāsamattampi kātuṃ na sakkoti , pubbe maṃ cūḷadhammapālakumārakāle attano puttaṃ samānaṃ jīvatakkhayaṃ pāpetvā asimālakaṃ kāresī’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ มหาปตาเป นาม รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต ตสฺส อคฺคมเหสิยา จนฺทาเทวิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ, ‘‘ธมฺมปาโล’’ติสฺส นามํ กริํสุฯ ตเมนํ สตฺตมาสิกกาเล มาตา คโนฺธทเกน นฺหาเปตฺวา อลงฺกริตฺวา กีฬาปยมานา นิสีทิฯ ราชา ตสฺสา วสนฎฺฐานํ อคมาสิฯ สา ปุตฺตํ กีฬาปยมานา ปุตฺตสิเนเหน สมปฺปิตา หุตฺวา ราชานํ ปสฺสิตฺวาปิ น อุฎฺฐหิฯ โส จิเนฺตสิ ‘‘อยํ อิทาเนว ตาว ปุตฺตํ นิสฺสาย มานํ กโรติ, มํ กิสฺมิญฺจิ น มญฺญติ, ปุเตฺต ปน วฑฺฒเนฺต มยิ ‘มนุโสฺส’ติปิ สญฺญํ น กริสฺสติ, อิทาเนว นํ ฆาเตสฺสามี’’ติฯ โส นิวตฺติตฺวา ราชาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘อตฺตโน วิธาเนน อาคจฺฉตู’’ติ โจรฆาตกํ ปโกฺกสาเปสิฯ โส กาสายวตฺถนิวโตฺถ รตฺตมาลาธโร ผรสุํ อํเส ฐเปตฺวา อุปธานฆฎิกํ หตฺถปาทฐปนทณฺฑกญฺจ อาทาย อาคนฺตฺวา ราชานํ วนฺทิตฺวา ‘‘กิํ กโรมิ, เทวา’’ติ อฎฺฐาสิฯ เทวิยา สิริคพฺภํ คนฺตฺวา ธมฺมปาลํ อาเนหีติฯ เทวีปิ รโญฺญ กุชฺฌิตฺวา นิวตฺตนภาวํ ญตฺวา โพธิสตฺตํ อุเร นิปชฺชาเปตฺวา โรทมานา นิสีทิฯ โจรฆาตโก คนฺตฺวา ตํ ปิฎฺฐิยํ หเตฺถน ปหริตฺวา หตฺถโต กุมารํ อจฺฉินฺทิตฺวา อาทาย รโญฺญ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา ‘‘กิํ กโรมิ, เทวา’’ติ อาหฯ ราชา เอกํ ผลกํ อาหราเปตฺวา ปุรโต นิกฺขิปาเปตฺวา ‘‘อิธ นํ นิปชฺชาเปหี’’ติ อาหฯ โส ตถา อกาสิฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ mahāpatāpe nāma rajjaṃ kārente bodhisatto tassa aggamahesiyā candādeviyā kucchimhi nibbatti, ‘‘dhammapālo’’tissa nāmaṃ kariṃsu. Tamenaṃ sattamāsikakāle mātā gandhodakena nhāpetvā alaṅkaritvā kīḷāpayamānā nisīdi. Rājā tassā vasanaṭṭhānaṃ agamāsi. Sā puttaṃ kīḷāpayamānā puttasinehena samappitā hutvā rājānaṃ passitvāpi na uṭṭhahi. So cintesi ‘‘ayaṃ idāneva tāva puttaṃ nissāya mānaṃ karoti, maṃ kismiñci na maññati, putte pana vaḍḍhante mayi ‘manusso’tipi saññaṃ na karissati, idāneva naṃ ghātessāmī’’ti. So nivattitvā rājāsane nisīditvā ‘‘attano vidhānena āgacchatū’’ti coraghātakaṃ pakkosāpesi. So kāsāyavatthanivattho rattamālādharo pharasuṃ aṃse ṭhapetvā upadhānaghaṭikaṃ hatthapādaṭhapanadaṇḍakañca ādāya āgantvā rājānaṃ vanditvā ‘‘kiṃ karomi, devā’’ti aṭṭhāsi. Deviyā sirigabbhaṃ gantvā dhammapālaṃ ānehīti. Devīpi rañño kujjhitvā nivattanabhāvaṃ ñatvā bodhisattaṃ ure nipajjāpetvā rodamānā nisīdi. Coraghātako gantvā taṃ piṭṭhiyaṃ hatthena paharitvā hatthato kumāraṃ acchinditvā ādāya rañño santikaṃ āgantvā ‘‘kiṃ karomi, devā’’ti āha. Rājā ekaṃ phalakaṃ āharāpetvā purato nikkhipāpetvā ‘‘idha naṃ nipajjāpehī’’ti āha. So tathā akāsi.
จนฺทาเทวี ปุตฺตสฺส ปจฺฉโตว ปริเทวมานา อาคจฺฉิฯ ปุน โจรฆาตโก ‘‘กิํ กโรมี, เทวา’’ติ อาหฯ ธมฺมปาลสฺส หเตฺถ ฉินฺทาติฯ จนฺทาเทวี ‘‘มหาราช, มม ปุโตฺต สตฺตมาสิโก พาลโก น กิญฺจิ ชานาติ, นเตฺถตสฺส โทโส, โทโส ปน โหโนฺต มยิ ภเวยฺย, ตสฺมา มยฺหํ หเตฺถ เฉทาเปหี’’ติ อิมมตฺถํ ปกาเสนฺตี ปฐมํ คาถมาห –
Candādevī puttassa pacchatova paridevamānā āgacchi. Puna coraghātako ‘‘kiṃ karomī, devā’’ti āha. Dhammapālassa hatthe chindāti. Candādevī ‘‘mahārāja, mama putto sattamāsiko bālako na kiñci jānāti, natthetassa doso, doso pana honto mayi bhaveyya, tasmā mayhaṃ hatthe chedāpehī’’ti imamatthaṃ pakāsentī paṭhamaṃ gāthamāha –
๔๔.
44.
‘‘อหเมว ทูสิยา ภูนหตา, รโญฺญ มหาปตาปสฺส;
‘‘Ahameva dūsiyā bhūnahatā, rañño mahāpatāpassa;
เอตํ มุญฺจตุ ธมฺมปาลํ, หเตฺถ เม เทว เฉเทหี’’ติฯ
Etaṃ muñcatu dhammapālaṃ, hatthe me deva chedehī’’ti.
ตตฺถ ทูสิยาติ ทูสิกา, ตุเมฺห ทิสฺวา อนุฎฺฐหมานา โทสการิกาติ อโตฺถฯ ‘‘ทูสิกา’’ติปิ ปาโฐ, อยเมวโตฺถฯ ภูนหตาติ หตภูนา, หตวุฑฺฒีติ อโตฺถฯ รโญฺญติ อิทํ ‘‘ทูสิยา’’ติ ปเทน โยเชตพฺพํฯ อหํ รโญฺญ มหาปตาปสฺส อปราธการิกา, นายํ กุมาโร, ตสฺมา นิรปราธํ เอตํ พาลกํ มุญฺจตุ ธมฺมปาลํ, สเจปิ หเตฺถ เฉทาเปตุกาโม, โทสการิกาย หเตฺถ เม, เทว, เฉเทหีติ อยเมตฺถ อโตฺถฯ
Tattha dūsiyāti dūsikā, tumhe disvā anuṭṭhahamānā dosakārikāti attho. ‘‘Dūsikā’’tipi pāṭho, ayamevattho. Bhūnahatāti hatabhūnā, hatavuḍḍhīti attho. Raññoti idaṃ ‘‘dūsiyā’’ti padena yojetabbaṃ. Ahaṃ rañño mahāpatāpassa aparādhakārikā, nāyaṃ kumāro, tasmā niraparādhaṃ etaṃ bālakaṃ muñcatu dhammapālaṃ, sacepi hatthe chedāpetukāmo, dosakārikāya hatthe me, deva, chedehīti ayamettha attho.
ราชา โจรฆาตกํ โอโลเกสิฯ ‘‘กิํ กโรมิ, เทวา’’ติ? ‘‘ปปญฺจํ อกตฺวา หเตฺถ เฉทา’’ติฯ ตสฺมิํ ขเณ โจรฆาตโก ติขิณผรสุํ คเหตฺวา กุมารสฺส ตรุณวํสกฬีเร วิย เทฺว หเตฺถ ฉินฺทิฯ โส ทฺวีสุ หเตฺถสุ ฉิชฺชมาเนสุ เนว โรทิ น ปริเทวิ, ขนฺติญฺจ เมตฺตญฺจ ปุเรจาริกํ กตฺวา อธิวาเสสิฯ จนฺทา ปน เทวี ฉินฺนหตฺถโกฎิํ คเหตฺวา อุจฺฉเงฺค กตฺวา โลหิตลิตฺตา ปริเทวมานา วิจริฯ ปุน โจรฆาตโก ‘‘กิํ กโรมิ, เทวา’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘เทฺวปิ ปาเท ฉินฺทา’’ติฯ ตํ สุตฺวา จนฺทาเทวี ทุติยํ คาถมาห –
Rājā coraghātakaṃ olokesi. ‘‘Kiṃ karomi, devā’’ti? ‘‘Papañcaṃ akatvā hatthe chedā’’ti. Tasmiṃ khaṇe coraghātako tikhiṇapharasuṃ gahetvā kumārassa taruṇavaṃsakaḷīre viya dve hatthe chindi. So dvīsu hatthesu chijjamānesu neva rodi na paridevi, khantiñca mettañca purecārikaṃ katvā adhivāsesi. Candā pana devī chinnahatthakoṭiṃ gahetvā ucchaṅge katvā lohitalittā paridevamānā vicari. Puna coraghātako ‘‘kiṃ karomi, devā’’ti pucchi. ‘‘Dvepi pāde chindā’’ti. Taṃ sutvā candādevī dutiyaṃ gāthamāha –
๔๕.
45.
‘‘อหเมว ทูสิยา ภูนหตา, รโญฺญ มหาปตาปสฺส;
‘‘Ahameva dūsiyā bhūnahatā, rañño mahāpatāpassa;
เอตํ มุญฺจตุ ธมฺมปาลํ, ปาเท เม เทว เฉเทหี’’ติฯ
Etaṃ muñcatu dhammapālaṃ, pāde me deva chedehī’’ti.
ตตฺถ อธิปฺปาโย วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ
Tattha adhippāyo vuttanayeneva veditabbo.
ราชาปิ ปุน โจรฆาตกํ อาณาเปสิฯ โส อุโภปิ ปาเท ฉินฺทิฯ จนฺทาเทวี ปาทโกฎิมฺปิ คเหตฺวา อุจฺฉเงฺค กตฺวา โลหิตลิตฺตา ปริเทวมานา ‘‘สามิ มหาปตาป, ฉินฺนหตฺถปาทา นาม ทารกา มาตรา โปเสตพฺพา โหนฺติ, อหํ ภติํ กตฺวา มม ปุตฺตกํ โปเสสฺสามิ, เทหิ เม เอต’’นฺติ อาหฯ โจรฆาตโก ‘‘กิํ เทว กตา ราชาณา, นิฎฺฐิตํ มม กิจฺจ’’นฺติ ปุจฺฉิฯ ‘‘น ตาว นิฎฺฐิต’’นฺติฯ ‘‘อถ กิํ กโรมิ, เทวา’’ติ? ‘‘สีสมสฺส ฉินฺทา’’ติฯ ตํ สุตฺวา จนฺทาเทวี ตติยํ คาถมาห –
Rājāpi puna coraghātakaṃ āṇāpesi. So ubhopi pāde chindi. Candādevī pādakoṭimpi gahetvā ucchaṅge katvā lohitalittā paridevamānā ‘‘sāmi mahāpatāpa, chinnahatthapādā nāma dārakā mātarā posetabbā honti, ahaṃ bhatiṃ katvā mama puttakaṃ posessāmi, dehi me eta’’nti āha. Coraghātako ‘‘kiṃ deva katā rājāṇā, niṭṭhitaṃ mama kicca’’nti pucchi. ‘‘Na tāva niṭṭhita’’nti. ‘‘Atha kiṃ karomi, devā’’ti? ‘‘Sīsamassa chindā’’ti. Taṃ sutvā candādevī tatiyaṃ gāthamāha –
๔๖.
46.
‘‘อหเมว ทูสิยา ภูนหตา, รโญฺญ มหาปตาปสฺส;
‘‘Ahameva dūsiyā bhūnahatā, rañño mahāpatāpassa;
เอตํ มุญฺจตุ ธมฺมปาลํ, สีสํ เม เทว เฉเทหี’’ติฯ
Etaṃ muñcatu dhammapālaṃ, sīsaṃ me deva chedehī’’ti.
วตฺวา จ ปน อตฺตโน สีสํ อุปเนสิฯ
Vatvā ca pana attano sīsaṃ upanesi.
ปุน โจรฆาตโก ‘‘กิํ กโรมิ, เทวา’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘สีสมสฺส ฉินฺทา’’ติฯ โส สีสํ ฉินฺทิตฺวา ‘‘กตา, เทว, ราชาณา’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘น ตาว กตา’’ติฯ ‘‘อถ กิํ กโรมิ, เทวา’’ติ? ‘‘อสิตุเณฺฑน นํ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา อสิมาลกํ นาม กโรหี’’ติฯ โส ตสฺส กเฬวรํ อากาเส ขิปิตฺวา อสิตุเณฺฑน สมฺปฎิจฺฉิตฺวา อสิมาลกํ นาม กตฺวา มหาตเล วิปฺปกิริฯ จนฺทาเทวี โพธิสตฺตสฺส มํเส อุจฺฉเงฺค กตฺวา มหาตเล โรทมานา ปริเทวมานา อิมา คาถา อภาสิ –
Puna coraghātako ‘‘kiṃ karomi, devā’’ti pucchi. ‘‘Sīsamassa chindā’’ti. So sīsaṃ chinditvā ‘‘katā, deva, rājāṇā’’ti pucchi. ‘‘Na tāva katā’’ti. ‘‘Atha kiṃ karomi, devā’’ti? ‘‘Asituṇḍena naṃ sampaṭicchitvā asimālakaṃ nāma karohī’’ti. So tassa kaḷevaraṃ ākāse khipitvā asituṇḍena sampaṭicchitvā asimālakaṃ nāma katvā mahātale vippakiri. Candādevī bodhisattassa maṃse ucchaṅge katvā mahātale rodamānā paridevamānā imā gāthā abhāsi –
๔๗.
47.
‘‘น หิ นูนิมสฺส รโญฺญ, มิตฺตามจฺจา จ วิชฺชเร สุหทา;
‘‘Na hi nūnimassa rañño, mittāmaccā ca vijjare suhadā;
เย น วทนฺติ ราชานํ, มา ฆาตยิ โอรสํ ปุตฺตํฯ
Ye na vadanti rājānaṃ, mā ghātayi orasaṃ puttaṃ.
๔๘.
48.
‘‘น หิ นูนิมสฺส รโญฺญ, ญาตี มิตฺตา จ วิชฺชเร สุหทา;
‘‘Na hi nūnimassa rañño, ñātī mittā ca vijjare suhadā;
เย น วทนฺติ ราชานํ, มา ฆาตยิ อตฺรชํ ปุตฺต’’นฺติฯ
Ye na vadanti rājānaṃ, mā ghātayi atrajaṃ putta’’nti.
ตตฺถ มิตฺตามจฺจา จ วิชฺชเร สุหทาติ นูน อิมสฺส รโญฺญ ทฬฺหมิตฺตา วา สพฺพกิเจฺจสุ สหภาวิโน อมจฺจา วา มุทุหทยตาย สุหทา วา เกจิ น วิชฺชนฺติฯ เย น วทนฺตีติ เย อธุนา อาคนฺตฺวา ‘‘อตฺตโน ปิยปุตฺตํ มา ฆาตยี’’ติ น วทนฺติ, อิมํ ราชานํ ปฎิเสเธนฺติ, เต นตฺถิเยวาติ มเญฺญฯ ทุติยคาถายํ ญาตีติ ญาตกาฯ
Tattha mittāmaccā ca vijjare suhadāti nūna imassa rañño daḷhamittā vā sabbakiccesu sahabhāvino amaccā vā muduhadayatāya suhadā vā keci na vijjanti. Ye na vadantīti ye adhunā āgantvā ‘‘attano piyaputtaṃ mā ghātayī’’ti na vadanti, imaṃ rājānaṃ paṭisedhenti, te natthiyevāti maññe. Dutiyagāthāyaṃ ñātīti ñātakā.
อิมา ปน เทฺว คาถา วตฺวา จนฺทาเทวี อุโภหิ หเตฺถหิ หทยมํสํ ธารยมานา ตติยํ คาถมาห –
Imā pana dve gāthā vatvā candādevī ubhohi hatthehi hadayamaṃsaṃ dhārayamānā tatiyaṃ gāthamāha –
๔๙.
49.
‘‘จนฺทนสารานุลิตฺตา, พาหา ฉิชฺชนฺติ ธมฺมปาลสฺส;
‘‘Candanasārānulittā, bāhā chijjanti dhammapālassa;
ทายาทสฺส ปถพฺยา, ปาณา เม เทว รุชฺฌนฺตี’’ติฯ
Dāyādassa pathabyā, pāṇā me deva rujjhantī’’ti.
ตตฺถ ทายาทสฺส ปถพฺยาติ ปิตุสนฺตกาย จาตุรนฺตาย ปถวิยา ทายาทสฺส โลหิตจนฺทนสารานุลิตฺตา หตฺถา ฉิชฺชนฺติ, ปาทา ฉิชฺชนฺติ, สีสญฺจ ฉิชฺชติ, อสิมาลโกปิ กโต, ตว วํสํ ปจฺฉินฺทิตฺวา คโตสิ ทานีติ เอวมาทีนิ วิลปนฺติ เอวมาหฯ ปาณา เม เทว รุชฺฌนฺตีติ เทว, มยฺหมฺปิ อิมํ โสกํ สนฺธาเรตุํ อสโกฺกนฺติยา ชีวิตํ รุชฺฌตีติฯ
Tattha dāyādassa pathabyāti pitusantakāya cāturantāya pathaviyā dāyādassa lohitacandanasārānulittā hatthā chijjanti, pādā chijjanti, sīsañca chijjati, asimālakopi kato, tava vaṃsaṃ pacchinditvā gatosi dānīti evamādīni vilapanti evamāha. Pāṇā me deva rujjhantīti deva, mayhampi imaṃ sokaṃ sandhāretuṃ asakkontiyā jīvitaṃ rujjhatīti.
ตสฺสา เอวํ ปริเทวมานาย เอว ฑยฺหมาเน เวฬุวเน เวฬุ วิย หทยํ ผลิ, สา ตเตฺถว ชีวิตกฺขยํ ปตฺตาฯ ราชาปิ ปลฺลเงฺก ฐาตุํ อสโกฺกโนฺต มหาตเล ปติ, ปทรตลํ ทฺวิธา ภิชฺชิ, โส ตโตปิ ภูมิยํ ปติฯ ตโต จตุนหุตาธิกทฺวิโยชนสตสหสฺสพหลาปิ ฆนปถวี ตสฺส อคุณํ ธาเรตุํ อสโกฺกนฺตี ภิชฺชิตฺวา วิวรมทาสิ, อวีจิโต ชาลา อุฎฺฐาย กุลทตฺติเกน กมฺพเลน ปริกฺขิปนฺตี วิย ตํ คเหตฺวา อวีจิมฺหิ ขิปิฯ จนฺทาย จ โพธิสตฺตสฺส จ อมจฺจา สรีรกิจฺจํ กริํสุฯ
Tassā evaṃ paridevamānāya eva ḍayhamāne veḷuvane veḷu viya hadayaṃ phali, sā tattheva jīvitakkhayaṃ pattā. Rājāpi pallaṅke ṭhātuṃ asakkonto mahātale pati, padaratalaṃ dvidhā bhijji, so tatopi bhūmiyaṃ pati. Tato catunahutādhikadviyojanasatasahassabahalāpi ghanapathavī tassa aguṇaṃ dhāretuṃ asakkontī bhijjitvā vivaramadāsi, avīcito jālā uṭṭhāya kuladattikena kambalena parikkhipantī viya taṃ gahetvā avīcimhi khipi. Candāya ca bodhisattassa ca amaccā sarīrakiccaṃ kariṃsu.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา เทวทโตฺต อโหสิ, จนฺทาเทวี มหาปชาปติโคตมี, ธมฺมปาลกุมาโร ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā rājā devadatto ahosi, candādevī mahāpajāpatigotamī, dhammapālakumāro pana ahameva ahosi’’nti.
จูฬธมฺมปาลชาตกวณฺณนา อฎฺฐมาฯ
Cūḷadhammapālajātakavaṇṇanā aṭṭhamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๓๕๘. จูฬธมฺมปาลชาตกํ • 358. Cūḷadhammapālajātakaṃ