Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๓๗๔] ๔. จูฬธนุคฺคหชาตกวณฺณนา

    [374] 4. Cūḷadhanuggahajātakavaṇṇanā

    สพฺพํ ภณฺฑนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต ปุราณทุติยิกาปโลภนํ อารพฺภ กเถสิฯ เตน ภิกฺขุนา ‘‘ปุราณทุติยิกา มํ, ภเนฺต, อุกฺกณฺฐาเปตี’’ติ วุเตฺต สตฺถา ‘‘เอสา ภิกฺขุ, อิตฺถี น อิทาเนว ตุยฺหํ อนตฺถการิกา, ปุเพฺพปิ เต เอตํ นิสฺสาย อสินา สีสํ ฉินฺน’’นฺติ วตฺวา ภิกฺขูหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ

    Sabbaṃ bhaṇḍanti idaṃ satthā jetavane viharanto purāṇadutiyikāpalobhanaṃ ārabbha kathesi. Tena bhikkhunā ‘‘purāṇadutiyikā maṃ, bhante, ukkaṇṭhāpetī’’ti vutte satthā ‘‘esā bhikkhu, itthī na idāneva tuyhaṃ anatthakārikā, pubbepi te etaṃ nissāya asinā sīsaṃ chinna’’nti vatvā bhikkhūhi yācito atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต สกฺกตฺตํ กาเรสิฯ ตทา เอโก พาราณสิวาสี พฺราหฺมณมาณโว ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา ธนุกเมฺม นิปฺผตฺติํ ปโตฺต จูฬธนุคฺคหปณฺฑิโต นาม อโหสิฯ อถสฺส อาจริโย ‘‘อยํ มยา สทิสํ สิปฺปํ อุคฺคณฺหี’’ติ อตฺตโน ธีตรํ อทาสิฯ โส ตํ คเหตฺวา ‘‘พาราณสิํ คมิสฺสามี’’ติ มคฺคํ ปฎิปชฺชิฯ อนฺตรามเคฺค เอโก วารโณ เอกํ ปเทสํ สุญฺญมกาสิ, ตํ ฐานํ อภิรุหิตุํ น โกจิ อุสฺสหิฯ จูฬธนุคฺคหปณฺฑิโต มนุสฺสานํ วาเรนฺตานเญฺญว ภริยํ คเหตฺวา อฎวิมุขํ อภิรุหิฯ อถสฺส อฎวิมเชฺฌ วารโณ อุฎฺฐหิ, โส ตํ กุเมฺภ สเรน วิชฺฌิฯ สโร วินิวิชฺฌิตฺวา ปจฺฉาภาเคน นิกฺขมิฯ วารโณ ตเตฺถว ปติ, ธนุคฺคหปณฺฑิโต ตํ ฐานํ เขมํ กตฺวา ปุรโต อญฺญํ อฎวิํ ปาปุณิฯ ตตฺถาปิ ปญฺญาส โจรา มคฺคํ หนนฺติฯ ตมฺปิ โส มนุเสฺสหิ วาริยมาโน อภิรุยฺห เตสํ โจรานํ มิเค วธิตฺวา มคฺคสมีเป มํสํ ปจิตฺวา ขาทนฺตานํ ฐิตฎฺฐานํ ปาปุณิฯ

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto sakkattaṃ kāresi. Tadā eko bārāṇasivāsī brāhmaṇamāṇavo takkasilāyaṃ sabbasippāni uggaṇhitvā dhanukamme nipphattiṃ patto cūḷadhanuggahapaṇḍito nāma ahosi. Athassa ācariyo ‘‘ayaṃ mayā sadisaṃ sippaṃ uggaṇhī’’ti attano dhītaraṃ adāsi. So taṃ gahetvā ‘‘bārāṇasiṃ gamissāmī’’ti maggaṃ paṭipajji. Antarāmagge eko vāraṇo ekaṃ padesaṃ suññamakāsi, taṃ ṭhānaṃ abhiruhituṃ na koci ussahi. Cūḷadhanuggahapaṇḍito manussānaṃ vārentānaññeva bhariyaṃ gahetvā aṭavimukhaṃ abhiruhi. Athassa aṭavimajjhe vāraṇo uṭṭhahi, so taṃ kumbhe sarena vijjhi. Saro vinivijjhitvā pacchābhāgena nikkhami. Vāraṇo tattheva pati, dhanuggahapaṇḍito taṃ ṭhānaṃ khemaṃ katvā purato aññaṃ aṭaviṃ pāpuṇi. Tatthāpi paññāsa corā maggaṃ hananti. Tampi so manussehi vāriyamāno abhiruyha tesaṃ corānaṃ mige vadhitvā maggasamīpe maṃsaṃ pacitvā khādantānaṃ ṭhitaṭṭhānaṃ pāpuṇi.

    ตทา ตํ โจรา อลงฺกตปฎิยตฺตาย ภริยาย สทฺธิํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘คณฺหิสฺสาม น’’นฺติ อุสฺสาหํ กริํสุฯ โจรเชฎฺฐโก ปุริสลกฺขณกุสโล, โส ตํ โอโลเกตฺวาว ‘‘อุตฺตมปุริโส อย’’นฺติ ญตฺวา เอกสฺสปิ อุฎฺฐหิตุํ นาทาสิฯ ธนุคฺคหปณฺฑิโต ‘‘คจฺฉ ‘อมฺหากมฺปิ เอกํ มํสสูลํ เทถา’ติ วตฺวา มํสํ อาหรา’’ติ เตสํ สนฺติกํ ภริยํ เปเสสิฯ สา คนฺตฺวา ‘‘เอกํ กิร มํสสูลํ เทถา’’ติ อาหฯ โจรเชฎฺฐโก ‘‘อนโคฺฆ ปุริโส’’ติ มํสสูลํ ทาเปสิฯ โจรา ‘‘อเมฺหหิ กิร ปกฺกํ ขาทิต’’นฺติ อปกฺกมํสสูลํ อทํสุฯ ธนุคฺคโห อตฺตานํ สมฺภาเวตฺวา ‘‘มยฺหํ อปกฺกมํสสูลํ ททนฺตี’’ติ โจรานํ กุชฺฌิฯ โจรา ‘‘กิํ อยเมเวโก ปุริโส, มยํ อิตฺถิโย’’ติ กุชฺฌิตฺวา อุฎฺฐหิํสุฯ ธนุคฺคโห เอกูนปญฺญาส ชเน เอกูนปญฺญาสกเณฺฑหิ วิชฺฌิตฺวา ปาเตสิฯ โจรเชฎฺฐกํ วิชฺฌิตุํ กณฺฑํ นาโหสิฯ ตสฺส กิร กณฺฑนาฬิยํ สมปณฺณาสเยว กณฺฑานิฯ เตสุ เอเกน วารณํ วิชฺฌิ, เอกูนปญฺญาสกเณฺฑหิ โจเร วิชฺฌิตฺวา โจรเชฎฺฐกํ ปาเตตฺวา ตสฺส อุเร นิสิโนฺน ‘‘สีสมสฺส ฉินฺทิสฺสามี’’ติ ภริยาย หตฺถโต อสิํ อาหราเปสิฯ สา ตงฺขณเญฺญว โจรเชฎฺฐเก โลภํ กตฺวา โจรสฺส หเตฺถ ถรุํ, สามิกสฺส หเตฺถ ธารํ ฐเปสิฯ โจโร ถรุทณฺฑํ ปรามสิตฺวา อสิํ นีหริตฺวา ธนุคฺคหสฺส สีสํ ฉินฺทิฯ

    Tadā taṃ corā alaṅkatapaṭiyattāya bhariyāya saddhiṃ āgacchantaṃ disvā ‘‘gaṇhissāma na’’nti ussāhaṃ kariṃsu. Corajeṭṭhako purisalakkhaṇakusalo, so taṃ oloketvāva ‘‘uttamapuriso aya’’nti ñatvā ekassapi uṭṭhahituṃ nādāsi. Dhanuggahapaṇḍito ‘‘gaccha ‘amhākampi ekaṃ maṃsasūlaṃ dethā’ti vatvā maṃsaṃ āharā’’ti tesaṃ santikaṃ bhariyaṃ pesesi. Sā gantvā ‘‘ekaṃ kira maṃsasūlaṃ dethā’’ti āha. Corajeṭṭhako ‘‘anaggho puriso’’ti maṃsasūlaṃ dāpesi. Corā ‘‘amhehi kira pakkaṃ khādita’’nti apakkamaṃsasūlaṃ adaṃsu. Dhanuggaho attānaṃ sambhāvetvā ‘‘mayhaṃ apakkamaṃsasūlaṃ dadantī’’ti corānaṃ kujjhi. Corā ‘‘kiṃ ayameveko puriso, mayaṃ itthiyo’’ti kujjhitvā uṭṭhahiṃsu. Dhanuggaho ekūnapaññāsa jane ekūnapaññāsakaṇḍehi vijjhitvā pātesi. Corajeṭṭhakaṃ vijjhituṃ kaṇḍaṃ nāhosi. Tassa kira kaṇḍanāḷiyaṃ samapaṇṇāsayeva kaṇḍāni. Tesu ekena vāraṇaṃ vijjhi, ekūnapaññāsakaṇḍehi core vijjhitvā corajeṭṭhakaṃ pātetvā tassa ure nisinno ‘‘sīsamassa chindissāmī’’ti bhariyāya hatthato asiṃ āharāpesi. Sā taṅkhaṇaññeva corajeṭṭhake lobhaṃ katvā corassa hatthe tharuṃ, sāmikassa hatthe dhāraṃ ṭhapesi. Coro tharudaṇḍaṃ parāmasitvā asiṃ nīharitvā dhanuggahassa sīsaṃ chindi.

    โส ตํ ฆาเตตฺวา อิตฺถิํ อาทาย คจฺฉโนฺต ชาติโคตฺตํ ปุจฺฉิฯ สา ‘‘ตกฺกสิลายํ ทิสาปาโมกฺขาจริยสฺส ธีตามฺหี’’ติ อาหฯ ‘‘กถํ ตฺวํ อิมินา ลทฺธา’’ติฯ มยฺหํ ปิตา ‘‘อยํ มยา สทิสํ กตฺวา สิปฺปํ สิกฺขี’’ติ ตุสฺสิตฺวา อิมสฺส มํ อทาสิ, สาหํ ตยิ สิเนหํ กตฺวา อตฺตโน กุลทตฺติยํ สามิกํ มาราเปสินฺติฯ โจรเชฎฺฐโก ‘‘กุลทตฺติยํ ตาเวสา สามิกํ มาเรสิ, อญฺญํ ปเนกํ ทิสฺวา มมฺปิ เอวเมวํ กริสฺสติ, อิมํ ฉเฑฺฑตุํ วฎฺฎตี’’ติ จิเนฺตตฺวา คจฺฉโนฺต อนฺตรามเคฺค เอกํ กุนฺนทิํ อุตฺตานตลํ ตงฺขโณทกปูรํ ทิสฺวา ‘‘ภเทฺท, อิมิสฺสํ นทิยํ สุสุมารา กกฺขฬา, กิํ กโรมา’’ติ อาหฯ ‘‘สามิ, สพฺพํ อาภรณภณฺฑํ มม อุตฺตราสเงฺคน ภณฺฑิกํ กตฺวา ปรตีรํ เนตฺวา ปุน อาคนฺตฺวา มํ คเหตฺวา คจฺฉา’’ติฯ โส ‘‘สาธู’’ติ สพฺพํ อาภรณภณฺฑํ อาทาย นทิํ โอตริตฺวา ตรโนฺต วิย ปรตีรํ ปตฺวา ตํ ฉเฑฺฑตฺวา ปายาสิฯ สา ตํ ทิสฺวา ‘‘สามิ, กิํ มํ ฉเฑฺฑตฺวา วิย คจฺฉสิ, กสฺมา เอวํ กโรสิ, เอหิ มมฺปิ อาทาย คจฺฉา’’ติ เตน สทฺธิํ สลฺลปนฺตี ปฐมํ คาถมาห –

    So taṃ ghātetvā itthiṃ ādāya gacchanto jātigottaṃ pucchi. Sā ‘‘takkasilāyaṃ disāpāmokkhācariyassa dhītāmhī’’ti āha. ‘‘Kathaṃ tvaṃ iminā laddhā’’ti. Mayhaṃ pitā ‘‘ayaṃ mayā sadisaṃ katvā sippaṃ sikkhī’’ti tussitvā imassa maṃ adāsi, sāhaṃ tayi sinehaṃ katvā attano kuladattiyaṃ sāmikaṃ mārāpesinti. Corajeṭṭhako ‘‘kuladattiyaṃ tāvesā sāmikaṃ māresi, aññaṃ panekaṃ disvā mampi evamevaṃ karissati, imaṃ chaḍḍetuṃ vaṭṭatī’’ti cintetvā gacchanto antarāmagge ekaṃ kunnadiṃ uttānatalaṃ taṅkhaṇodakapūraṃ disvā ‘‘bhadde, imissaṃ nadiyaṃ susumārā kakkhaḷā, kiṃ karomā’’ti āha. ‘‘Sāmi, sabbaṃ ābharaṇabhaṇḍaṃ mama uttarāsaṅgena bhaṇḍikaṃ katvā paratīraṃ netvā puna āgantvā maṃ gahetvā gacchā’’ti. So ‘‘sādhū’’ti sabbaṃ ābharaṇabhaṇḍaṃ ādāya nadiṃ otaritvā taranto viya paratīraṃ patvā taṃ chaḍḍetvā pāyāsi. Sā taṃ disvā ‘‘sāmi, kiṃ maṃ chaḍḍetvā viya gacchasi, kasmā evaṃ karosi, ehi mampi ādāya gacchā’’ti tena saddhiṃ sallapantī paṭhamaṃ gāthamāha –

    ๑๒๘.

    128.

    ‘‘สพฺพํ ภณฺฑํ สมาทาย, ปารํ ติโณฺณสิ พฺราหฺมณ;

    ‘‘Sabbaṃ bhaṇḍaṃ samādāya, pāraṃ tiṇṇosi brāhmaṇa;

    ปจฺจาคจฺฉ ลหุํ ขิปฺปํ, มมฺปิ ตาเรหิ ทานิโต’’ติฯ

    Paccāgaccha lahuṃ khippaṃ, mampi tārehi dānito’’ti.

    ตตฺถ ลหุํ ขิปฺปนฺติ ลหุํ ปจฺจาคจฺฉ, ขิปฺปํ มมฺปิ ตาเรหิ ทานิ อิโตติ อโตฺถฯ

    Tattha lahuṃ khippanti lahuṃ paccāgaccha, khippaṃ mampi tārehi dāni itoti attho.

    โจโร ตํ สุตฺวา ปรตีเร ฐิโตเยว ทุติยํ คาถมาห –

    Coro taṃ sutvā paratīre ṭhitoyeva dutiyaṃ gāthamāha –

    ๑๒๙.

    129.

    ‘‘อสนฺถุตํ มํ จิรสนฺถุเตน, นิมีนิ โภตี อธุวํ ธุเวน;

    ‘‘Asanthutaṃ maṃ cirasanthutena, nimīni bhotī adhuvaṃ dhuvena;

    มยาปิ โภตี นิมิเนยฺย อญฺญํ, อิโต อหํ ทูรตรํ คมิสฺส’’นฺติฯ

    Mayāpi bhotī nimineyya aññaṃ, ito ahaṃ dūrataraṃ gamissa’’nti.

    สา เหฎฺฐา วุตฺตตฺถาเยว –

    Sā heṭṭhā vuttatthāyeva –

    โจโร ปน ‘‘อิโต อหํ ทูรตรํ คมิสฺสํ, ติฎฺฐ ตฺว’’นฺติ วตฺวา ตสฺสา วิรวนฺติยาว อาภรณภณฺฑิกํ อาทาย ปลาโตฯ ตโต สา พาลา อตฺริจฺฉตาย เอวรูปํ พฺยสนํ ปตฺตา อนาถา หุตฺวา อวิทูเร เอกํ เอฬคลาคุมฺพํ อุปคนฺตฺวา โรทมานา นิสีทิฯ ตสฺมิํ ขเณ สโกฺก เทวราชา โลกํ โอโลเกโนฺต ตํ อตฺริจฺฉตาหตํ สามิกา จ ชารา จ ปริหีนํ โรทมานํ ทิสฺวา ‘‘เอตํ นิคฺคณฺหิตฺวา ลชฺชาเปตฺวา อาคมิสฺสามี’’ติ มาตลิญฺจ ปญฺจสิขญฺจ อาทาย ตตฺถ คนฺตฺวา นทีตีเร ฐตฺวา ‘‘มาตลิ, ตฺวํ มโจฺฉ ภว, ปญฺจสิข ตฺวํ สกุโณ ภว, อหํ ปน สิงฺคาโล หุตฺวา มุเขน มํสปิณฺฑํ คเหตฺวา เอติสฺสา สมฺมุขฎฺฐานํ คมิสฺสามิ, ตฺวํ มยิ ตตฺถ คเต อุทกโต อุลฺลงฺฆิตฺวา มม ปุรโต ปต, อถาหํ มุเขน คหิตมํสปิณฺฑํ ฉเฑฺฑตฺวา มจฺฉํ คเหตุํ ปกฺขนฺทิสฺสามิ, ตสฺมิํ ขเณ ตฺวํ, ปญฺจสิข, ตํ มํสปิณฺฑํ คเหตฺวา อากาเส อุปฺปต, ตฺวํ มาตลิ, อุทเก ปตา’’ติ อาณาเปสิฯ ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ, มาตลิ, มโจฺฉ อโหสิ, ปญฺจสิโข สกุโณ อโหสิฯ สโกฺก สิงฺคาโล หุตฺวา มํสปิณฺฑํ มุเขนาทาย ตสฺสา สมฺมุขฎฺฐานํ อคมาสิฯ มโจฺฉ อุทกา อุปฺปติตฺวา สิงฺคาลสฺส ปุรโต ปติฯ โส มุเขน คหิตมํสปิณฺฑํ ฉเฑฺฑตฺวา มจฺฉสฺสตฺถาย ปกฺขนฺทิฯ มโจฺฉ อุปฺปติตฺวา อุทเก ปติ, สกุโณ มํสปิณฺฑํ คเหตฺวา อากาเส อุปฺปติ, สิงฺคาโล อุโภปิ อลภิตฺวา เอฬคลาคุมฺพํ โอโลเกโนฺต ทุมฺมุโข นิสีทิฯ สา ตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ อตฺริจฺฉตาหโต เนว มํสํ, น มจฺฉํ ลภี’’ติ กุฎํ ภินฺทนฺตี วิย มหาหสิตํ หสิฯ ตํ สุตฺวา สิงฺคาโล ตติยํ คาถมาห –

    Coro pana ‘‘ito ahaṃ dūrataraṃ gamissaṃ, tiṭṭha tva’’nti vatvā tassā viravantiyāva ābharaṇabhaṇḍikaṃ ādāya palāto. Tato sā bālā atricchatāya evarūpaṃ byasanaṃ pattā anāthā hutvā avidūre ekaṃ eḷagalāgumbaṃ upagantvā rodamānā nisīdi. Tasmiṃ khaṇe sakko devarājā lokaṃ olokento taṃ atricchatāhataṃ sāmikā ca jārā ca parihīnaṃ rodamānaṃ disvā ‘‘etaṃ niggaṇhitvā lajjāpetvā āgamissāmī’’ti mātaliñca pañcasikhañca ādāya tattha gantvā nadītīre ṭhatvā ‘‘mātali, tvaṃ maccho bhava, pañcasikha tvaṃ sakuṇo bhava, ahaṃ pana siṅgālo hutvā mukhena maṃsapiṇḍaṃ gahetvā etissā sammukhaṭṭhānaṃ gamissāmi, tvaṃ mayi tattha gate udakato ullaṅghitvā mama purato pata, athāhaṃ mukhena gahitamaṃsapiṇḍaṃ chaḍḍetvā macchaṃ gahetuṃ pakkhandissāmi, tasmiṃ khaṇe tvaṃ, pañcasikha, taṃ maṃsapiṇḍaṃ gahetvā ākāse uppata, tvaṃ mātali, udake patā’’ti āṇāpesi. ‘‘Sādhu, devā’’ti, mātali, maccho ahosi, pañcasikho sakuṇo ahosi. Sakko siṅgālo hutvā maṃsapiṇḍaṃ mukhenādāya tassā sammukhaṭṭhānaṃ agamāsi. Maccho udakā uppatitvā siṅgālassa purato pati. So mukhena gahitamaṃsapiṇḍaṃ chaḍḍetvā macchassatthāya pakkhandi. Maccho uppatitvā udake pati, sakuṇo maṃsapiṇḍaṃ gahetvā ākāse uppati, siṅgālo ubhopi alabhitvā eḷagalāgumbaṃ olokento dummukho nisīdi. Sā taṃ disvā ‘‘ayaṃ atricchatāhato neva maṃsaṃ, na macchaṃ labhī’’ti kuṭaṃ bhindantī viya mahāhasitaṃ hasi. Taṃ sutvā siṅgālo tatiyaṃ gāthamāha –

    ๑๓๐.

    130.

    ‘‘กายํ เอฬคลาคุเมฺพ, กโรติ อหุหาสิยํ;

    ‘‘Kāyaṃ eḷagalāgumbe, karoti ahuhāsiyaṃ;

    นยีธ นจฺจคีตํ วา, ตาฬํ วา สุสมาหิตํ;

    Nayīdha naccagītaṃ vā, tāḷaṃ vā susamāhitaṃ;

    อนมฺหิกาเล สุโสณิ, กินฺนุ ชคฺฆสิ โสภเน’’ติฯ

    Anamhikāle susoṇi, kinnu jagghasi sobhane’’ti.

    ตตฺถ กายนฺติ กา อยํฯ เอฬคลาคุเมฺพติ กโมฺพชิคุเมฺพฯ อหุหาสิยนฺติ ทนฺตวิทํสกํ มหาหสิตํ วุจฺจติ, ตํ กา เอสา เอตสฺมิํ คุเมฺพ กโรตีติ ปุจฺฉติฯ นยีธ นจฺจคีตํ วาติ อิมสฺมิํ ฐาเน กสฺสจิ นจฺจนฺตสฺส นจฺจํ วา คายนฺตสฺส คีตํ วา หเตฺถ สุสมาหิเต กตฺวา วาเทนฺตสฺส สุสมาหิตํ หตฺถตาฬํ วา นตฺถิ, กํ ทิสฺวา ตฺวํ หเสยฺยาสีติ ทีเปติฯ อนมฺหิกาเลติ โรทนกาเลฯ สุโสณีติ สุนฺทรโสณิฯ กิํ นุ ชคฺฆสีติ เกน การเณน ตฺวํ โรทิตุํ ยุตฺตกาเล อโรทมานาว มหาหสิตํ หสสิฯ โสภเนติ ตํ ปสํสโนฺต อาลปติฯ

    Tattha kāyanti kā ayaṃ. Eḷagalāgumbeti kambojigumbe. Ahuhāsiyanti dantavidaṃsakaṃ mahāhasitaṃ vuccati, taṃ kā esā etasmiṃ gumbe karotīti pucchati. Nayīdha naccagītaṃ vāti imasmiṃ ṭhāne kassaci naccantassa naccaṃ vā gāyantassa gītaṃ vā hatthe susamāhite katvā vādentassa susamāhitaṃ hatthatāḷaṃ vā natthi, kaṃ disvā tvaṃ haseyyāsīti dīpeti. Anamhikāleti rodanakāle. Susoṇīti sundarasoṇi. Kiṃ nu jagghasīti kena kāraṇena tvaṃ rodituṃ yuttakāle arodamānāva mahāhasitaṃ hasasi. Sobhaneti taṃ pasaṃsanto ālapati.

    ตํ สุตฺวา สา จตุตฺถํ คาถมาห –

    Taṃ sutvā sā catutthaṃ gāthamāha –

    ๑๓๑.

    131.

    ‘‘สิงฺคาล พาล ทุเมฺมธ, อปฺปปโญฺญสิ ชมฺพุก;

    ‘‘Siṅgāla bāla dummedha, appapaññosi jambuka;

    ชีโน มจฺฉญฺจ เปสิญฺจ, กปโณ วิย ฌายสี’’ติฯ

    Jīno macchañca pesiñca, kapaṇo viya jhāyasī’’ti.

    ตตฺถ ชีโนติ ชานิปฺปโตฺต หุตฺวาฯ เปสินฺติ มํสเปสิํฯ กปโณ วิย ฌายสีติ สหสฺสภณฺฑิกํ ปราชิโต กปโณ วิย ฌายสิ โสจสิ จิเนฺตสิฯ

    Tattha jīnoti jānippatto hutvā. Pesinti maṃsapesiṃ. Kapaṇo viya jhāyasīti sahassabhaṇḍikaṃ parājito kapaṇo viya jhāyasi socasi cintesi.

    ตโต สิงฺคาโล ปญฺจมํ คาถมาห –

    Tato siṅgālo pañcamaṃ gāthamāha –

    ๑๓๒.

    132.

    ‘‘สุทสฺสํ วชฺชมเญฺญสํ, อตฺตโน ปน ทุทฺทสํ;

    ‘‘Sudassaṃ vajjamaññesaṃ, attano pana duddasaṃ;

    ชีนา ปติญฺจ ชารญฺจ, มเญฺญ ตฺวเญฺญว ฌายสี’’ติฯ

    Jīnā patiñca jārañca, maññe tvaññeva jhāyasī’’ti.

    ตตฺถ ตฺวเญฺญว ฌายสีติ ปาปธเมฺม ทุสฺสีเล อหํ ตาว มม โคจรํ น ลภิสฺสามิ, ตฺวํ ปน อตฺริจฺฉตาย หตา ตํมุหุตฺตทิฎฺฐเก โจเร ปฎิพทฺธจิตฺตา หุตฺวา ตญฺจ ชารํ กุลทตฺติยญฺจ ปติํ ชีนา, มํ อุปาทาย สตคุเณน สหสฺสคุเณน กปณตรา หุตฺวา ฌายสิ โรทสิ ปริเทวสีติ ลชฺชาเปตฺวา วิปฺปการํ ปาเปโนฺต มหาสโตฺต เอวมาหฯ

    Tattha tvaññeva jhāyasīti pāpadhamme dussīle ahaṃ tāva mama gocaraṃ na labhissāmi, tvaṃ pana atricchatāya hatā taṃmuhuttadiṭṭhake core paṭibaddhacittā hutvā tañca jāraṃ kuladattiyañca patiṃ jīnā, maṃ upādāya sataguṇena sahassaguṇena kapaṇatarā hutvā jhāyasi rodasi paridevasīti lajjāpetvā vippakāraṃ pāpento mahāsatto evamāha.

    สา ตสฺส วจนํ สุตฺวา คาถมาห –

    Sā tassa vacanaṃ sutvā gāthamāha –

    ๑๓๓.

    133.

    ‘‘เอวเมตํ มิคราช, ยถา ภาสสิ ชมฺพุก;

    ‘‘Evametaṃ migarāja, yathā bhāsasi jambuka;

    สา นูนาหํ อิโต คนฺตฺวา, ภตฺตุ เหสฺสํ วสานุคา’’ติฯ

    Sā nūnāhaṃ ito gantvā, bhattu hessaṃ vasānugā’’ti.

    ตตฺถ นูนาติ เอกํสเตฺถ นิปาโตฯ สา อหํ อิโต คนฺตฺวา ปุน อญฺญํ ภตฺตารํ ลภิตฺวา เอกํเสเนว ตสฺส ภตฺตุ วสานุคา วสวตฺตินี ภวิสฺสามีติฯ

    Tattha nūnāti ekaṃsatthe nipāto. Sā ahaṃ ito gantvā puna aññaṃ bhattāraṃ labhitvā ekaṃseneva tassa bhattu vasānugā vasavattinī bhavissāmīti.

    อถสฺสา อนาจาราย ทุสฺสีลาย วจนํ สุตฺวา สโกฺก เทวราชา โอสานคาถมาห –

    Athassā anācārāya dussīlāya vacanaṃ sutvā sakko devarājā osānagāthamāha –

    ๑๓๔.

    134.

    ‘‘โย หเร มตฺติกํ ถาลํ, กํสถาลมฺปิ โส หเร;

    ‘‘Yo hare mattikaṃ thālaṃ, kaṃsathālampi so hare;

    กตํเยว ตยา ปาปํ, ปุนเปวํ กริสฺสสี’’ติฯ

    Kataṃyeva tayā pāpaṃ, punapevaṃ karissasī’’ti.

    ตสฺสโตฺถ – อนาจาเร กิํ กเถสิ, โย มตฺติกํ ถาลํ หรติ, สุวณฺณถาลรชตถาลาทิปฺปเภทํ กํสถาลมฺปิ โส หรเตว, อิทญฺจ ตยา ปาปํ กตเมว, น สกฺกา ตว สทฺธาตุํ, สา ตฺวํ ปุนปิ เอวํ กริสฺสสิเยวาติฯ เอวํ โส ตํ ลชฺชาเปตฺวา วิปฺปการํ ปาเปตฺวา สกฎฺฐานเมว อคมาสิฯ

    Tassattho – anācāre kiṃ kathesi, yo mattikaṃ thālaṃ harati, suvaṇṇathālarajatathālādippabhedaṃ kaṃsathālampi so harateva, idañca tayā pāpaṃ katameva, na sakkā tava saddhātuṃ, sā tvaṃ punapi evaṃ karissasiyevāti. Evaṃ so taṃ lajjāpetvā vippakāraṃ pāpetvā sakaṭṭhānameva agamāsi.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺฐิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi, saccapariyosāne ukkaṇṭhitabhikkhu sotāpattiphale patiṭṭhahi.

    ตทา ธนุคฺคโห อุกฺกณฺฐิตภิกฺขุ อโหสิ, สา อิตฺถี ปุราณทุติยิกา, สโกฺก เทวราชา ปน อหเมว อโหสินฺติฯ

    Tadā dhanuggaho ukkaṇṭhitabhikkhu ahosi, sā itthī purāṇadutiyikā, sakko devarājā pana ahameva ahosinti.

    จูฬธนุคฺคหชาตกวณฺณนา จตุตฺถาฯ

    Cūḷadhanuggahajātakavaṇṇanā catutthā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๓๗๔. จูฬธนุคฺคหชาตกํ • 374. Cūḷadhanuggahajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact