Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya |
๔. จูฬทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตํ
4. Cūḷadukkhakkhandhasuttaṃ
๑๗๕. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สเกฺกสุ วิหรติ กปิลวตฺถุสฺมิํ นิโคฺรธาราเมฯ อถ โข มหานาโม สโกฺก เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข มหานาโม สโกฺก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ทีฆรตฺตาหํ, ภเนฺต, ภควตา เอวํ ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ – ‘โลโภ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส, โทโส จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส, โมโห จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติฯ เอวญฺจาหํ 1, ภเนฺต, ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ – ‘โลโภ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส, โทโส จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส, โมโห จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติฯ อถ จ ปน เม เอกทา โลภธมฺมาปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฎฺฐนฺติ, โทสธมฺมาปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฎฺฐนฺติ, โมหธมฺมาปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฎฺฐนฺติฯ ตสฺส มยฺหํ, ภเนฺต, เอวํ โหติ – ‘โกสุ นาม เม ธโมฺม อชฺฌตฺตํ อปฺปหีโน เยน เม เอกทา โลภธมฺมาปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฎฺฐนฺติ, โทสธมฺมาปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฎฺฐนฺติ, โมหธมฺมาปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฎฺฐนฺตี’’’ติฯ
175. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sakkesu viharati kapilavatthusmiṃ nigrodhārāme. Atha kho mahānāmo sakko yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho mahānāmo sakko bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘dīgharattāhaṃ, bhante, bhagavatā evaṃ dhammaṃ desitaṃ ājānāmi – ‘lobho cittassa upakkileso, doso cittassa upakkileso, moho cittassa upakkileso’ti. Evañcāhaṃ 2, bhante, bhagavatā dhammaṃ desitaṃ ājānāmi – ‘lobho cittassa upakkileso, doso cittassa upakkileso, moho cittassa upakkileso’ti. Atha ca pana me ekadā lobhadhammāpi cittaṃ pariyādāya tiṭṭhanti, dosadhammāpi cittaṃ pariyādāya tiṭṭhanti, mohadhammāpi cittaṃ pariyādāya tiṭṭhanti. Tassa mayhaṃ, bhante, evaṃ hoti – ‘kosu nāma me dhammo ajjhattaṃ appahīno yena me ekadā lobhadhammāpi cittaṃ pariyādāya tiṭṭhanti, dosadhammāpi cittaṃ pariyādāya tiṭṭhanti, mohadhammāpi cittaṃ pariyādāya tiṭṭhantī’’’ti.
๑๗๖. ‘‘โส เอว โข เต, มหานาม, ธโมฺม อชฺฌตฺตํ อปฺปหีโน เยน เต เอกทา โลภธมฺมาปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฎฺฐนฺติ, โทสธมฺมาปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฎฺฐนฺติ, โมหธมฺมาปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฎฺฐนฺติฯ โส จ หิ เต, มหานาม, ธโมฺม อชฺฌตฺตํ ปหีโน อภวิสฺส, น ตฺวํ อคารํ อชฺฌาวเสยฺยาสิ, น กาเม ปริภุเญฺชยฺยาสิฯ ยสฺมา จ โข เต, มหานาม, โส เอว ธโมฺม อชฺฌตฺตํ อปฺปหีโน ตสฺมา ตฺวํ อคารํ อชฺฌาวสสิ, กาเม ปริภุญฺชสิฯ
176. ‘‘So eva kho te, mahānāma, dhammo ajjhattaṃ appahīno yena te ekadā lobhadhammāpi cittaṃ pariyādāya tiṭṭhanti, dosadhammāpi cittaṃ pariyādāya tiṭṭhanti, mohadhammāpi cittaṃ pariyādāya tiṭṭhanti. So ca hi te, mahānāma, dhammo ajjhattaṃ pahīno abhavissa, na tvaṃ agāraṃ ajjhāvaseyyāsi, na kāme paribhuñjeyyāsi. Yasmā ca kho te, mahānāma, so eva dhammo ajjhattaṃ appahīno tasmā tvaṃ agāraṃ ajjhāvasasi, kāme paribhuñjasi.
๑๗๗. ‘‘‘อปฺปสฺสาทา กามา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว 3 เอตฺถ ภิโยฺย’ติ – อิติ เจปิ, มหานาม, อริยสาวกสฺส ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย สุทิฎฺฐํ โหติ, โส จ 4 อญฺญเตฺรว กาเมหิ อญฺญตฺร อกุสเลหิ ธเมฺมหิ ปีติสุขํ นาธิคจฺฉติ, อญฺญํ วา ตโต สนฺตตรํ; อถ โข โส เนว ตาว อนาวฎฺฎี กาเมสุ โหติฯ ยโต จ โข, มหานาม, อริยสาวกสฺส ‘อปฺปสฺสาทา กามา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิโยฺย’ติ – เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย สุทิฎฺฐํ โหติ, โส จ อญฺญเตฺรว กาเมหิ อญฺญตฺร อกุสเลหิ ธเมฺมหิ ปีติสุขํ อธิคจฺฉติ อญฺญํ วา ตโต สนฺตตรํ; อถ โข โส อนาวฎฺฎี กาเมสุ โหติฯ
177. ‘‘‘Appassādā kāmā bahudukkhā bahupāyāsā, ādīnavo 5 ettha bhiyyo’ti – iti cepi, mahānāma, ariyasāvakassa yathābhūtaṃ sammappaññāya sudiṭṭhaṃ hoti, so ca 6 aññatreva kāmehi aññatra akusalehi dhammehi pītisukhaṃ nādhigacchati, aññaṃ vā tato santataraṃ; atha kho so neva tāva anāvaṭṭī kāmesu hoti. Yato ca kho, mahānāma, ariyasāvakassa ‘appassādā kāmā bahudukkhā bahupāyāsā, ādīnavo ettha bhiyyo’ti – evametaṃ yathābhūtaṃ sammappaññāya sudiṭṭhaṃ hoti, so ca aññatreva kāmehi aññatra akusalehi dhammehi pītisukhaṃ adhigacchati aññaṃ vā tato santataraṃ; atha kho so anāvaṭṭī kāmesu hoti.
‘‘มยฺหมฺปิ โข, มหานาม , ปุเพฺพว สโมฺพธา, อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตเสฺสว สโต, ‘อปฺปสฺสาทา กามา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิโยฺย’ติ – เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย สุทิฎฺฐํ โหติ, โส จ อญฺญเตฺรว กาเมหิ อญฺญตฺร อกุสเลหิ ธเมฺมหิ ปีติสุขํ นาชฺฌคมํ, อญฺญํ วา ตโต สนฺตตรํ; อถ ขฺวาหํ เนว ตาว อนาวฎฺฎี กาเมสุ ปจฺจญฺญาสิํฯ ยโต จ โข เม, มหานาม, ‘อปฺปสฺสาทา กามา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิโยฺย’ติ – เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย สุทิฎฺฐํ อโหสิ, โส จ 7 อญฺญเตฺรว กาเมหิ อญฺญตฺร อกุสเลหิ ธเมฺมหิ ปีติสุขํ อชฺฌคมํ, อญฺญํ วา ตโต สนฺตตรํ; อถาหํ อนาวฎฺฎี กาเมสุ ปจฺจญฺญาสิํฯ
‘‘Mayhampi kho, mahānāma , pubbeva sambodhā, anabhisambuddhassa bodhisattasseva sato, ‘appassādā kāmā bahudukkhā bahupāyāsā, ādīnavo ettha bhiyyo’ti – evametaṃ yathābhūtaṃ sammappaññāya sudiṭṭhaṃ hoti, so ca aññatreva kāmehi aññatra akusalehi dhammehi pītisukhaṃ nājjhagamaṃ, aññaṃ vā tato santataraṃ; atha khvāhaṃ neva tāva anāvaṭṭī kāmesu paccaññāsiṃ. Yato ca kho me, mahānāma, ‘appassādā kāmā bahudukkhā bahupāyāsā, ādīnavo ettha bhiyyo’ti – evametaṃ yathābhūtaṃ sammappaññāya sudiṭṭhaṃ ahosi, so ca 8 aññatreva kāmehi aññatra akusalehi dhammehi pītisukhaṃ ajjhagamaṃ, aññaṃ vā tato santataraṃ; athāhaṃ anāvaṭṭī kāmesu paccaññāsiṃ.
๑๗๘. ‘‘โก จ, มหานาม, กามานํ อสฺสาโท? ปญฺจิเม, มหานาม, กามคุณาฯ กตเม ปญฺจ? จกฺขุวิเญฺญยฺยา รูปา อิฎฺฐา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา; โสตวิเญฺญยฺยา สทฺทา…เป.… ฆานวิเญฺญยฺยา คนฺธา… ชิวฺหาวิเญฺญยฺยา รสา… กายวิเญฺญยฺยา โผฎฺฐพฺพา อิฎฺฐา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา – อิเม โข, มหานาม, ปญฺจ กามคุณาฯ ยํ โข, มหานาม, อิเม ปญฺจ กามคุเณ ปฎิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ – อยํ กามานํ อสฺสาโทฯ
178. ‘‘Ko ca, mahānāma, kāmānaṃ assādo? Pañcime, mahānāma, kāmaguṇā. Katame pañca? Cakkhuviññeyyā rūpā iṭṭhā kantā manāpā piyarūpā kāmūpasaṃhitā rajanīyā; sotaviññeyyā saddā…pe… ghānaviññeyyā gandhā… jivhāviññeyyā rasā… kāyaviññeyyā phoṭṭhabbā iṭṭhā kantā manāpā piyarūpā kāmūpasaṃhitā rajanīyā – ime kho, mahānāma, pañca kāmaguṇā. Yaṃ kho, mahānāma, ime pañca kāmaguṇe paṭicca uppajjati sukhaṃ somanassaṃ – ayaṃ kāmānaṃ assādo.
‘‘โก จ, มหานาม, กามานํ อาทีนโว? อิธ, มหานาม, กุลปุโตฺต เยน สิปฺปฎฺฐาเนน ชีวิกํ กเปฺปติ – ยทิ มุทฺทาย ยทิ คณนาย ยทิ สงฺขาเนน ยทิ กสิยา ยทิ วณิชฺชาย ยทิ โครเกฺขน ยทิ อิสฺสเตฺถน ยทิ ราชโปริเสน ยทิ สิปฺปญฺญตเรน, สีตสฺส ปุรกฺขโต อุณฺหสฺส ปุรกฺขโต ฑํสมกสวาตาตปสรีํสปสมฺผเสฺสหิ ริสฺสมาโน ขุปฺปิปาสาย มียมาโน; อยมฺปิ, มหานาม, กามานํ อาทีนโว สนฺทิฎฺฐิโก ทุกฺขกฺขโนฺธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุฯ
‘‘Ko ca, mahānāma, kāmānaṃ ādīnavo? Idha, mahānāma, kulaputto yena sippaṭṭhānena jīvikaṃ kappeti – yadi muddāya yadi gaṇanāya yadi saṅkhānena yadi kasiyā yadi vaṇijjāya yadi gorakkhena yadi issatthena yadi rājaporisena yadi sippaññatarena, sītassa purakkhato uṇhassa purakkhato ḍaṃsamakasavātātapasarīṃsapasamphassehi rissamāno khuppipāsāya mīyamāno; ayampi, mahānāma, kāmānaṃ ādīnavo sandiṭṭhiko dukkhakkhandho kāmahetu kāmanidānaṃ kāmādhikaraṇaṃ kāmānameva hetu.
‘‘ตสฺส เจ มหานาม กุลปุตฺตสฺส เอวํ อุฎฺฐหโต ฆฎโต วายมโต เต โภคา นาภินิปฺผชฺชนฺติ, โส โสจติ กิลมติ ปริเทวติ อุรตฺตาฬิํ กนฺทติ สโมฺมหํ อาปชฺชติ ‘โมฆํ วต เม อุฎฺฐานํ, อผโล วต เม วายาโม’ติฯ อยมฺปิ, มหานาม, กามานํ อาทีนโว สนฺทิฎฺฐิโก ทุกฺขกฺขโนฺธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุฯ
‘‘Tassa ce mahānāma kulaputtassa evaṃ uṭṭhahato ghaṭato vāyamato te bhogā nābhinipphajjanti, so socati kilamati paridevati urattāḷiṃ kandati sammohaṃ āpajjati ‘moghaṃ vata me uṭṭhānaṃ, aphalo vata me vāyāmo’ti. Ayampi, mahānāma, kāmānaṃ ādīnavo sandiṭṭhiko dukkhakkhandho kāmahetu kāmanidānaṃ kāmādhikaraṇaṃ kāmānameva hetu.
‘‘ตสฺส เจ, มหานาม, กุลปุตฺตสฺส เอวํ อุฎฺฐหโต ฆฎโต วายมโต เต โภคา อภินิปฺผชฺชนฺติฯ โส เตสํ โภคานํ อารกฺขาธิกรณํ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติ – ‘กินฺติ เม โภเค เนว ราชาโน หเรยฺยุํ, น โจรา หเรยฺยุํ, น อคฺคิ ทเหยฺย, น อุทกํ วเหยฺย, น อปฺปิยา วา ทายาทา หเรยฺยุ’นฺติฯ ตสฺส เอวํ อารกฺขโต โคปยโต เต โภเค ราชาโน วา หรนฺติ, โจรา วา หรนฺติ, อคฺคิ วา ทหติ, อุทกํ วา วหติ, อปฺปิยา วา ทายาทา หรนฺติฯ โส โสจติ กิลมติ ปริเทวติ อุรตฺตาฬิํ กนฺทติ สโมฺมหํ อาปชฺชติ – ‘ยมฺปิ เม อโหสิ ตมฺปิ โน นตฺถี’ติฯ อยมฺปิ, มหานาม, กามานํ อาทีนโว สนฺทิฎฺฐิโก ทุกฺขกฺขโนฺธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุฯ
‘‘Tassa ce, mahānāma, kulaputtassa evaṃ uṭṭhahato ghaṭato vāyamato te bhogā abhinipphajjanti. So tesaṃ bhogānaṃ ārakkhādhikaraṇaṃ dukkhaṃ domanassaṃ paṭisaṃvedeti – ‘kinti me bhoge neva rājāno hareyyuṃ, na corā hareyyuṃ, na aggi daheyya, na udakaṃ vaheyya, na appiyā vā dāyādā hareyyu’nti. Tassa evaṃ ārakkhato gopayato te bhoge rājāno vā haranti, corā vā haranti, aggi vā dahati, udakaṃ vā vahati, appiyā vā dāyādā haranti. So socati kilamati paridevati urattāḷiṃ kandati sammohaṃ āpajjati – ‘yampi me ahosi tampi no natthī’ti. Ayampi, mahānāma, kāmānaṃ ādīnavo sandiṭṭhiko dukkhakkhandho kāmahetu kāmanidānaṃ kāmādhikaraṇaṃ kāmānameva hetu.
‘‘ปุน จปรํ, มหานาม, กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ ราชาโนปิ ราชูหิ วิวทนฺติ, ขตฺติยาปิ ขตฺติเยหิ วิวทนฺติ, พฺราหฺมณาปิ พฺราหฺมเณหิ วิวทนฺติ, คหปตีปิ คหปตีหิ วิวทนฺติ, มาตาปิ ปุเตฺตน วิวทติ, ปุโตฺตปิ มาตรา วิวทติ, ปิตาปิ ปุเตฺตน วิวทติ, ปุโตฺตปิ ปิตรา วิวทติ, ภาตาปิ ภาตรา วิวทติ, ภาตาปิ ภคินิยา วิวทติ, ภคินีปิ ภาตรา วิวทติ, สหาโยปิ สหาเยน วิวทติฯ เต ตตฺถ กลหวิคฺคหวิวาทาปนฺนา อญฺญมญฺญํ ปาณีหิปิ อุปกฺกมนฺติ, เลฑฺฑูหิปิ อุปกฺกมนฺติ, ทเณฺฑหิปิ อุปกฺกมนฺติ, สเตฺถหิปิ อุปกฺกมนฺติฯ เต ตตฺถ มรณมฺปิ นิคจฺฉนฺติ, มรณมตฺตมฺปิ ทุกฺขํ ฯ อยมฺปิ, มหานาม, กามานํ อาทีนโว สนฺทิฎฺฐิโก ทุกฺขกฺขโนฺธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุฯ
‘‘Puna caparaṃ, mahānāma, kāmahetu kāmanidānaṃ kāmādhikaraṇaṃ kāmānameva hetu rājānopi rājūhi vivadanti, khattiyāpi khattiyehi vivadanti, brāhmaṇāpi brāhmaṇehi vivadanti, gahapatīpi gahapatīhi vivadanti, mātāpi puttena vivadati, puttopi mātarā vivadati, pitāpi puttena vivadati, puttopi pitarā vivadati, bhātāpi bhātarā vivadati, bhātāpi bhaginiyā vivadati, bhaginīpi bhātarā vivadati, sahāyopi sahāyena vivadati. Te tattha kalahaviggahavivādāpannā aññamaññaṃ pāṇīhipi upakkamanti, leḍḍūhipi upakkamanti, daṇḍehipi upakkamanti, satthehipi upakkamanti. Te tattha maraṇampi nigacchanti, maraṇamattampi dukkhaṃ . Ayampi, mahānāma, kāmānaṃ ādīnavo sandiṭṭhiko dukkhakkhandho kāmahetu kāmanidānaṃ kāmādhikaraṇaṃ kāmānameva hetu.
‘‘ปุน จปรํ, มหานาม, กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ อสิจมฺมํ คเหตฺวา, ธนุกลาปํ สนฺนยฺหิตฺวา, อุภโตพฺยูฬฺหํ สงฺคามํ ปกฺขนฺทนฺติ อุสูสุปิ ขิปฺปมาเนสุ, สตฺตีสุปิ ขิปฺปมานาสุ, อสีสุปิ วิโชฺชตลเนฺตสุฯ เต ตตฺถ อุสูหิปิ วิชฺฌนฺติ, สตฺติยาปิ วิชฺฌนฺติ, อสินาปิ สีสํ ฉินฺทนฺติฯ เต ตตฺถ มรณมฺปิ นิคจฺฉนฺติ, มรณมตฺตมฺปิ ทุกฺขํฯ อยมฺปิ, มหานาม, กามานํ อาทีนโว สนฺทิฎฺฐิโก ทุกฺขกฺขโนฺธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุฯ
‘‘Puna caparaṃ, mahānāma, kāmahetu kāmanidānaṃ kāmādhikaraṇaṃ kāmānameva hetu asicammaṃ gahetvā, dhanukalāpaṃ sannayhitvā, ubhatobyūḷhaṃ saṅgāmaṃ pakkhandanti usūsupi khippamānesu, sattīsupi khippamānāsu, asīsupi vijjotalantesu. Te tattha usūhipi vijjhanti, sattiyāpi vijjhanti, asināpi sīsaṃ chindanti. Te tattha maraṇampi nigacchanti, maraṇamattampi dukkhaṃ. Ayampi, mahānāma, kāmānaṃ ādīnavo sandiṭṭhiko dukkhakkhandho kāmahetu kāmanidānaṃ kāmādhikaraṇaṃ kāmānameva hetu.
‘‘ปุน จปรํ, มหานาม, กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ อสิจมฺมํ คเหตฺวา, ธนุกลาปํ สนฺนยฺหิตฺวา, อทฺทาวเลปนา อุปการิโย ปกฺขนฺทนฺติ อุสูสุปิ ขิปฺปมาเนสุ, สตฺตีสุปิ ขิปฺปมานาสุ, อสีสุปิ วิโชฺชตลเนฺตสุฯ เต ตตฺถ อุสูหิปิ วิชฺฌนฺติ, สตฺติยาปิ วิชฺฌนฺติ, ฉกณกายปิ โอสิญฺจนฺติ, อภิวเคฺคนปิ โอมทฺทนฺติ, อสินาปิ สีสํ ฉินฺทนฺติฯ เต ตตฺถ มรณมฺปิ นิคจฺฉนฺติ, มรณมตฺตมฺปิ ทุกฺขํฯ อยมฺปิ, มหานาม, กามานํ อาทีนโว สนฺทิฎฺฐิโก ทุกฺขกฺขโนฺธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุฯ
‘‘Puna caparaṃ, mahānāma, kāmahetu kāmanidānaṃ kāmādhikaraṇaṃ kāmānameva hetu asicammaṃ gahetvā, dhanukalāpaṃ sannayhitvā, addāvalepanā upakāriyo pakkhandanti usūsupi khippamānesu, sattīsupi khippamānāsu, asīsupi vijjotalantesu. Te tattha usūhipi vijjhanti, sattiyāpi vijjhanti, chakaṇakāyapi osiñcanti, abhivaggenapi omaddanti, asināpi sīsaṃ chindanti. Te tattha maraṇampi nigacchanti, maraṇamattampi dukkhaṃ. Ayampi, mahānāma, kāmānaṃ ādīnavo sandiṭṭhiko dukkhakkhandho kāmahetu kāmanidānaṃ kāmādhikaraṇaṃ kāmānameva hetu.
‘‘ปุน จปรํ, มหานาม, กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ สนฺธิมฺปิ ฉินฺทนฺติ, นิโลฺลปมฺปิ หรนฺติ, เอกาคาริกมฺปิ กโรนฺติ, ปริปเนฺถปิ ติฎฺฐนฺติ, ปรทารมฺปิ คจฺฉนฺติฯ ตเมนํ ราชาโน คเหตฺวา วิวิธา กมฺมการณา กาเรนฺติ – กสาหิปิ ตาเฬนฺติ, เวเตฺตหิปิ ตาเฬนฺติ, อฑฺฒทณฺฑเกหิปิ ตาเฬนฺติ; หตฺถมฺปิ ฉินฺทนฺติ, ปาทมฺปิ ฉินฺทนฺติ, หตฺถปาทมฺปิ ฉินฺทนฺติ, กณฺณมฺปิ ฉินฺทนฺติ, นาสมฺปิ ฉินฺทนฺติ, กณฺณนาสมฺปิ ฉินฺทนฺติ; พิลงฺคถาลิกมฺปิ กโรนฺติ, สงฺขมุณฺฑิกมฺปิ กโรนฺติ, ราหุมุขมฺปิ กโรนฺติ, โชติมาลิกมฺปิ กโรนฺติ, หตฺถปโชฺชติกมฺปิ กโรนฺติ, เอรกวตฺติกมฺปิ กโรนฺติ, จีรกวาสิกมฺปิ กโรนฺติ, เอเณยฺยกมฺปิ กโรนฺติ, พฬิสมํสิกมฺปิ กโรนฺติ, กหาปณิกมฺปิ กโรนฺติ, ขาราปตจฺฉิกมฺปิ กโรนฺติ, ปลิฆปริวตฺติกมฺปิ กโรนฺติ, ปลาลปีฐกมฺปิ กโรนฺติ, ตเตฺตนปิ เตเลน โอสิญฺจนฺติ, สุนเขหิปิ ขาทาเปนฺติ, ชีวนฺตมฺปิ สูเล อุตฺตาเสนฺติ, อสินาปิ สีสํ ฉินฺทนฺติฯ เต ตตฺถ มรณมฺปิ นิคจฺฉนฺติ, มรณมตฺตมฺปิ ทุกฺขํฯ อยมฺปิ, มหานาม, กามานํ อาทีนโว สนฺทิฎฺฐิโก ทุกฺขกฺขโนฺธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุฯ
‘‘Puna caparaṃ, mahānāma, kāmahetu kāmanidānaṃ kāmādhikaraṇaṃ kāmānameva hetu sandhimpi chindanti, nillopampi haranti, ekāgārikampi karonti, paripanthepi tiṭṭhanti, paradārampi gacchanti. Tamenaṃ rājāno gahetvā vividhā kammakāraṇā kārenti – kasāhipi tāḷenti, vettehipi tāḷenti, aḍḍhadaṇḍakehipi tāḷenti; hatthampi chindanti, pādampi chindanti, hatthapādampi chindanti, kaṇṇampi chindanti, nāsampi chindanti, kaṇṇanāsampi chindanti; bilaṅgathālikampi karonti, saṅkhamuṇḍikampi karonti, rāhumukhampi karonti, jotimālikampi karonti, hatthapajjotikampi karonti, erakavattikampi karonti, cīrakavāsikampi karonti, eṇeyyakampi karonti, baḷisamaṃsikampi karonti, kahāpaṇikampi karonti, khārāpatacchikampi karonti, palighaparivattikampi karonti, palālapīṭhakampi karonti, tattenapi telena osiñcanti, sunakhehipi khādāpenti, jīvantampi sūle uttāsenti, asināpi sīsaṃ chindanti. Te tattha maraṇampi nigacchanti, maraṇamattampi dukkhaṃ. Ayampi, mahānāma, kāmānaṃ ādīnavo sandiṭṭhiko dukkhakkhandho kāmahetu kāmanidānaṃ kāmādhikaraṇaṃ kāmānameva hetu.
‘‘ปุน จปรํ, มหานาม, กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ กาเยน ทุจฺจริตํ จรนฺติ, วาจาย ทุจฺจริตํ จรนฺติ, มนสา ทุจฺจริตํ จรนฺติฯ เต กาเยน ทุจฺจริตํ จริตฺวา, วาจาย ทุจฺจริตํ จริตฺวา, มนสา ทุจฺจริตํ จริตฺวา, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา, อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชนฺติฯ อยมฺปิ, มหานาม, กามานํ อาทีนโว สมฺปรายิโก , ทุกฺขกฺขโนฺธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุฯ
‘‘Puna caparaṃ, mahānāma, kāmahetu kāmanidānaṃ kāmādhikaraṇaṃ kāmānameva hetu kāyena duccaritaṃ caranti, vācāya duccaritaṃ caranti, manasā duccaritaṃ caranti. Te kāyena duccaritaṃ caritvā, vācāya duccaritaṃ caritvā, manasā duccaritaṃ caritvā, kāyassa bhedā paraṃ maraṇā, apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjanti. Ayampi, mahānāma, kāmānaṃ ādīnavo samparāyiko , dukkhakkhandho kāmahetu kāmanidānaṃ kāmādhikaraṇaṃ kāmānameva hetu.
๑๗๙. ‘‘เอกมิทาหํ, มหานาม, สมยํ ราชคเห วิหรามิ คิชฺฌกูเฎ ปพฺพเตฯ เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา นิคณฺฐา 9 อิสิคิลิปเสฺส กาฬสิลายํ อุพฺภฎฺฐกา โหนฺติ อาสนปฎิกฺขิตฺตา, โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฎุกา เวทนา เวทยนฺติฯ อถ ขฺวาหํ, มหานาม, สายนฺหสมยํ ปฎิสลฺลานา วุฎฺฐิโต เยน อิสิคิลิปเสฺส กาฬสิลา เยน เต นิคณฺฐา เตนุปสงฺกมิํ; อุปสงฺกมิตฺวา เต นิคเณฺฐ เอตทโวจํ – ‘กินฺนุ ตุเมฺห, อาวุโส, นิคณฺฐา อุพฺภฎฺฐกา อาสนปฎิกฺขิตฺตา, โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฎุกา เวทนา เวทยถา’ติ? เอวํ วุเตฺต, มหานาม, เต นิคณฺฐา มํ เอตทโวจุํ – ‘นิคโณฺฐ, อาวุโส, นาฎปุโตฺต 10 สพฺพญฺญู สพฺพทสฺสาวี อปริเสสํ ญาณทสฺสนํ ปฎิชานาติ – ‘‘จรโต จ เม ติฎฺฐโต จ สุตฺตสฺส จ ชาครสฺส จ สตตํ สมิตํ ญาณทสฺสนํ ปจฺจุปฎฺฐิต’’นฺติฯ โส เอวมาห – ‘‘อตฺถิ โข โว 11, นิคณฺฐา, ปุเพฺพ ปาปกมฺมํ กตํ, ตํ อิมาย กฎุกาย ทุกฺกรการิกาย นิชฺชีเรถ 12; ยํ ปเนตฺถ 13 เอตรหิ กาเยน สํวุตา วาจาย สํวุตา มนสา สํวุตา ตํ อายติํ ปาปสฺส กมฺมสฺส อกรณํ; อิติ ปุราณานํ กมฺมานํ ตปสา พฺยนฺติภาวา, นวานํ กมฺมานํ อกรณา, อายติํ อนวสฺสโว; อายติํ อนวสฺสวา กมฺมกฺขโย, กมฺมกฺขยา ทุกฺขกฺขโย, ทุกฺขกฺขยา เวทนากฺขโย, เวทนากฺขยา สพฺพํ ทุกฺขํ นิชฺชิณฺณํ ภวิสฺสตี’’ติฯ ตญฺจ ปนมฺหากํ รุจฺจติ เจว ขมติ จ, เตน จมฺห อตฺตมนา’ติฯ
179. ‘‘Ekamidāhaṃ, mahānāma, samayaṃ rājagahe viharāmi gijjhakūṭe pabbate. Tena kho pana samayena sambahulā nigaṇṭhā 14 isigilipasse kāḷasilāyaṃ ubbhaṭṭhakā honti āsanapaṭikkhittā, opakkamikā dukkhā tibbā kharā kaṭukā vedanā vedayanti. Atha khvāhaṃ, mahānāma, sāyanhasamayaṃ paṭisallānā vuṭṭhito yena isigilipasse kāḷasilā yena te nigaṇṭhā tenupasaṅkamiṃ; upasaṅkamitvā te nigaṇṭhe etadavocaṃ – ‘kinnu tumhe, āvuso, nigaṇṭhā ubbhaṭṭhakā āsanapaṭikkhittā, opakkamikā dukkhā tibbā kharā kaṭukā vedanā vedayathā’ti? Evaṃ vutte, mahānāma, te nigaṇṭhā maṃ etadavocuṃ – ‘nigaṇṭho, āvuso, nāṭaputto 15 sabbaññū sabbadassāvī aparisesaṃ ñāṇadassanaṃ paṭijānāti – ‘‘carato ca me tiṭṭhato ca suttassa ca jāgarassa ca satataṃ samitaṃ ñāṇadassanaṃ paccupaṭṭhita’’nti. So evamāha – ‘‘atthi kho vo 16, nigaṇṭhā, pubbe pāpakammaṃ kataṃ, taṃ imāya kaṭukāya dukkarakārikāya nijjīretha 17; yaṃ panettha 18 etarahi kāyena saṃvutā vācāya saṃvutā manasā saṃvutā taṃ āyatiṃ pāpassa kammassa akaraṇaṃ; iti purāṇānaṃ kammānaṃ tapasā byantibhāvā, navānaṃ kammānaṃ akaraṇā, āyatiṃ anavassavo; āyatiṃ anavassavā kammakkhayo, kammakkhayā dukkhakkhayo, dukkhakkhayā vedanākkhayo, vedanākkhayā sabbaṃ dukkhaṃ nijjiṇṇaṃ bhavissatī’’ti. Tañca panamhākaṃ ruccati ceva khamati ca, tena camha attamanā’ti.
๑๘๐. ‘‘เอวํ วุเตฺต, อหํ, มหานาม, เต นิคเณฺฐ เอตทโวจํ – ‘กิํ ปน ตุเมฺห, อาวุโส นิคณฺฐา, ชานาถ – อหุวเมฺหว มยํ ปุเพฺพ น นาหุวมฺหา’ติ? ‘โน หิทํ, อาวุโส’ฯ ‘กิํ ปน ตุเมฺห, อาวุโส นิคณฺฐา, ชานาถ – อกรเมฺหว มยํ ปุเพฺพ ปาปกมฺมํ น นากรมฺหา’ติ? ‘โน หิทํ, อาวุโส’ฯ ‘กิํ ปน ตุเมฺห, อาวุโส นิคณฺฐา, ชานาถ – เอวรูปํ วา เอวรูปํ วา ปาปกมฺมํ อกรมฺหา’ติ? ‘โน หิทํ, อาวุโส’ฯ ‘กิํ ปน ตุเมฺห, อาวุโส นิคณฺฐา, ชานาถ – เอตฺตกํ วา ทุกฺขํ นิชฺชิณฺณํ, เอตฺตกํ วา ทุกฺขํ นิชฺชีเรตพฺพํ , เอตฺตกมฺหิ วา ทุเกฺข นิชฺชิเณฺณ สพฺพํ ทุกฺขํ นิชฺชิณฺณํ ภวิสฺสตี’ติ? ‘โน หิทํ, อาวุโส’ฯ ‘กิํ ปน ตุเมฺห, อาวุโส นิคณฺฐา, ชานาถ – ทิเฎฺฐว ธเมฺม อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานํ, กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปท’นฺติ? ‘โน หิทํ, อาวุโส’ฯ
180. ‘‘Evaṃ vutte, ahaṃ, mahānāma, te nigaṇṭhe etadavocaṃ – ‘kiṃ pana tumhe, āvuso nigaṇṭhā, jānātha – ahuvamheva mayaṃ pubbe na nāhuvamhā’ti? ‘No hidaṃ, āvuso’. ‘Kiṃ pana tumhe, āvuso nigaṇṭhā, jānātha – akaramheva mayaṃ pubbe pāpakammaṃ na nākaramhā’ti? ‘No hidaṃ, āvuso’. ‘Kiṃ pana tumhe, āvuso nigaṇṭhā, jānātha – evarūpaṃ vā evarūpaṃ vā pāpakammaṃ akaramhā’ti? ‘No hidaṃ, āvuso’. ‘Kiṃ pana tumhe, āvuso nigaṇṭhā, jānātha – ettakaṃ vā dukkhaṃ nijjiṇṇaṃ, ettakaṃ vā dukkhaṃ nijjīretabbaṃ , ettakamhi vā dukkhe nijjiṇṇe sabbaṃ dukkhaṃ nijjiṇṇaṃ bhavissatī’ti? ‘No hidaṃ, āvuso’. ‘Kiṃ pana tumhe, āvuso nigaṇṭhā, jānātha – diṭṭheva dhamme akusalānaṃ dhammānaṃ pahānaṃ, kusalānaṃ dhammānaṃ upasampada’nti? ‘No hidaṃ, āvuso’.
‘‘‘อิติ กิร ตุเมฺห, อาวุโส นิคณฺฐา, น ชานาถ – อหุวเมฺหว มยํ ปุเพฺพ น นาหุวมฺหาติ, น ชานาถ – อกรเมฺหว มยํ ปุเพฺพ ปาปกมฺมํ น นากรมฺหาติ, น ชานาถ – เอวรูปํ วา เอวรูปํ วา ปาปกมฺมํ อกรมฺหาติ, น ชานาถ – เอตฺตกํ วา ทุกฺขํ นิชฺชิณฺณํ, เอตฺตกํ วา ทุกฺขํ นิชฺชีเรตพฺพํ, เอตฺตกมฺหิ วา ทุเกฺข นิชฺชิเณฺณ สพฺพํ ทุกฺขํ นิชฺชิณฺณํ ภวิสฺสตีติฯ น ชานาถ – ทิเฎฺฐว ธเมฺม อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานํ, กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทํฯ เอวํ สเนฺต, อาวุโส นิคณฺฐา, เย โลเก ลุทฺทา โลหิตปาณิโน กุรูรกมฺมนฺตา มนุเสฺสสุ ปจฺจาชาตา เต นิคเณฺฐสุ ปพฺพชนฺตี’ติ? ‘น โข, อาวุโส โคตม, สุเขน สุขํ อธิคนฺตพฺพํ, ทุเกฺขน โข สุขํ อธิคนฺตพฺพํ; สุเขน จาวุโส โคตม, สุขํ อธิคนฺตพฺพํ อภวิสฺส, ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร สุขํ อธิคเจฺฉยฺย, ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร สุขวิหาริตโร อายสฺมตา โคตเมนา’ติฯ
‘‘‘Iti kira tumhe, āvuso nigaṇṭhā, na jānātha – ahuvamheva mayaṃ pubbe na nāhuvamhāti, na jānātha – akaramheva mayaṃ pubbe pāpakammaṃ na nākaramhāti, na jānātha – evarūpaṃ vā evarūpaṃ vā pāpakammaṃ akaramhāti, na jānātha – ettakaṃ vā dukkhaṃ nijjiṇṇaṃ, ettakaṃ vā dukkhaṃ nijjīretabbaṃ, ettakamhi vā dukkhe nijjiṇṇe sabbaṃ dukkhaṃ nijjiṇṇaṃ bhavissatīti. Na jānātha – diṭṭheva dhamme akusalānaṃ dhammānaṃ pahānaṃ, kusalānaṃ dhammānaṃ upasampadaṃ. Evaṃ sante, āvuso nigaṇṭhā, ye loke luddā lohitapāṇino kurūrakammantā manussesu paccājātā te nigaṇṭhesu pabbajantī’ti? ‘Na kho, āvuso gotama, sukhena sukhaṃ adhigantabbaṃ, dukkhena kho sukhaṃ adhigantabbaṃ; sukhena cāvuso gotama, sukhaṃ adhigantabbaṃ abhavissa, rājā māgadho seniyo bimbisāro sukhaṃ adhigaccheyya, rājā māgadho seniyo bimbisāro sukhavihāritaro āyasmatā gotamenā’ti.
‘‘‘อทฺธายสฺมเนฺตหิ นิคเณฺฐหิ สหสา อปฺปฎิสงฺขา วาจา ภาสิตา – น โข, อาวุโส โคตม, สุเขน สุขํ อธิคนฺตพฺพํ, ทุเกฺขน โข สุขํ อธิคนฺตพฺพํ; สุเขน จาวุโส โคตม, สุขํ อธิคนฺตพฺพํ อภวิสฺส, ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร สุขํ อธิคเจฺฉยฺย, ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร สุขวิหาริตโร อายสฺมตา โคตเมนา’’ติฯ อปิ จ อหเมว ตตฺถ ปฎิปุจฺฉิตโพฺพ – โก นุ โข อายสฺมนฺตานํ สุขวิหาริตโร ราชา วา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร อายสฺมา วา โคตโม’ติ? อทฺธาวุโส โคตม, อเมฺหหิ สหสา อปฺปฎิสงฺขา วาจา ภาสิตา, น โข, อาวุโส โคตม, สุเขน สุขํ อธิคนฺตพฺพํ, ทุเกฺขน โข สุขํ อธิคนฺตพฺพํ; สุเขน จาวุโส โคตม, สุขํ อธิคนฺตพฺพํ อภวิสฺส, ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร สุขํ อธิคเจฺฉยฺย, ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร สุขวิหาริตโร อายสฺมตา โคตเมนาติฯ อปิ จ ติฎฺฐเตตํ, อิทานิปิ มยํ อายสฺมนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉาม – โก นุ โข อายสฺมนฺตานํ สุขวิหาริตโร ราชา วา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร อายสฺมา วา โคตโม’ติ?
‘‘‘Addhāyasmantehi nigaṇṭhehi sahasā appaṭisaṅkhā vācā bhāsitā – na kho, āvuso gotama, sukhena sukhaṃ adhigantabbaṃ, dukkhena kho sukhaṃ adhigantabbaṃ; sukhena cāvuso gotama, sukhaṃ adhigantabbaṃ abhavissa, rājā māgadho seniyo bimbisāro sukhaṃ adhigaccheyya, rājā māgadho seniyo bimbisāro sukhavihāritaro āyasmatā gotamenā’’ti. Api ca ahameva tattha paṭipucchitabbo – ko nu kho āyasmantānaṃ sukhavihāritaro rājā vā māgadho seniyo bimbisāro āyasmā vā gotamo’ti? Addhāvuso gotama, amhehi sahasā appaṭisaṅkhā vācā bhāsitā, na kho, āvuso gotama, sukhena sukhaṃ adhigantabbaṃ, dukkhena kho sukhaṃ adhigantabbaṃ; sukhena cāvuso gotama, sukhaṃ adhigantabbaṃ abhavissa, rājā māgadho seniyo bimbisāro sukhaṃ adhigaccheyya, rājā māgadho seniyo bimbisāro sukhavihāritaro āyasmatā gotamenāti. Api ca tiṭṭhatetaṃ, idānipi mayaṃ āyasmantaṃ gotamaṃ pucchāma – ko nu kho āyasmantānaṃ sukhavihāritaro rājā vā māgadho seniyo bimbisāro āyasmā vā gotamo’ti?
‘‘‘เตน หาวุโส นิคณฺฐา, ตุเมฺหว ตตฺถ ปฎิปุจฺฉิสฺสามิ, ยถา โว ขเมยฺย ตถา นํ พฺยากเรยฺยาถฯ ตํ กิํ มญฺญถาวุโส นิคณฺฐา, ปโหติ ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร, อนิญฺชมาโน กาเยน, อภาสมาโน วาจํ, สตฺต รตฺตินฺทิวานิ เอกนฺตสุขํ ปฎิสํเวที วิหริตุ’นฺติ? ‘โน หิทํ, อาวุโส’ฯ
‘‘‘Tena hāvuso nigaṇṭhā, tumheva tattha paṭipucchissāmi, yathā vo khameyya tathā naṃ byākareyyātha. Taṃ kiṃ maññathāvuso nigaṇṭhā, pahoti rājā māgadho seniyo bimbisāro, aniñjamāno kāyena, abhāsamāno vācaṃ, satta rattindivāni ekantasukhaṃ paṭisaṃvedī viharitu’nti? ‘No hidaṃ, āvuso’.
‘‘‘ตํ กิํ มญฺญถาวุโส นิคณฺฐา, ปโหติ ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร, อนิญฺชมาโน กาเยน, อภาสมาโน วาจํ, ฉ รตฺตินฺทิวานิ…เป.… ปญฺจ รตฺตินฺทิวานิ… จตฺตาริ รตฺตินฺทิวานิ… ตีณิ รตฺตินฺทิวานิ… เทฺว รตฺตินฺทิวานิ… เอกํ รตฺตินฺทิวํ เอกนฺตสุขํ ปฎิสํเวที วิหริตุ’นฺติ? ‘โน หิทํ, อาวุโส’ฯ
‘‘‘Taṃ kiṃ maññathāvuso nigaṇṭhā, pahoti rājā māgadho seniyo bimbisāro, aniñjamāno kāyena, abhāsamāno vācaṃ, cha rattindivāni…pe… pañca rattindivāni… cattāri rattindivāni… tīṇi rattindivāni… dve rattindivāni… ekaṃ rattindivaṃ ekantasukhaṃ paṭisaṃvedī viharitu’nti? ‘No hidaṃ, āvuso’.
‘‘‘อหํ โข, อาวุโส นิคณฺฐา, ปโหมิ อนิญฺชมาโน กาเยน, อภาสมาโน วาจํ, เอกํ รตฺตินฺทิวํ เอกนฺตสุขํ ปฎิสํเวที วิหริตุํฯ อหํ โข, อาวุโส นิคณฺฐา, ปโหมิ อนิญฺชมาโน กาเยน, อภาสมาโน วาจํ, เทฺว รตฺตินฺทิวานิ… ตีณิ รตฺตินฺทิวานิ… จตฺตาริ รตฺตินฺทิวานิ… ปญฺจ รตฺตินฺทิวานิ… ฉ รตฺตินฺทิวานิ… สตฺต รตฺตินฺทิวานิ เอกนฺตสุขํ ปฎิสํเวที วิหริตุํฯ ตํ กิํ มญฺญถาวุโส นิคณฺฐา, เอวํ สเนฺต โก สุขวิหาริตโร ราชา วา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร อหํ วา’ติ? ‘เอวํ สเนฺต อายสฺมาว โคตโม สุขวิหาริตโร รญฺญา มาคเธน เสนิเยน พิมฺพิสาเรนา’’’ติฯ
‘‘‘Ahaṃ kho, āvuso nigaṇṭhā, pahomi aniñjamāno kāyena, abhāsamāno vācaṃ, ekaṃ rattindivaṃ ekantasukhaṃ paṭisaṃvedī viharituṃ. Ahaṃ kho, āvuso nigaṇṭhā, pahomi aniñjamāno kāyena, abhāsamāno vācaṃ, dve rattindivāni… tīṇi rattindivāni… cattāri rattindivāni… pañca rattindivāni… cha rattindivāni… satta rattindivāni ekantasukhaṃ paṭisaṃvedī viharituṃ. Taṃ kiṃ maññathāvuso nigaṇṭhā, evaṃ sante ko sukhavihāritaro rājā vā māgadho seniyo bimbisāro ahaṃ vā’ti? ‘Evaṃ sante āyasmāva gotamo sukhavihāritaro raññā māgadhena seniyena bimbisārenā’’’ti.
อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมโน มหานาโม สโกฺก ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติฯ
Idamavoca bhagavā. Attamano mahānāmo sakko bhagavato bhāsitaṃ abhinandīti.
จูฬทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ จตุตฺถํฯ
Cūḷadukkhakkhandhasuttaṃ niṭṭhitaṃ catutthaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๔. จูฬทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตวณฺณนา • 4. Cūḷadukkhakkhandhasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๔. จูฬทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตวณฺณนา • 4. Cūḷadukkhakkhandhasuttavaṇṇanā