Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā)

    ๔. จูฬทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตวณฺณนา

    4. Cūḷadukkhakkhandhasuttavaṇṇanā

    ๑๗๕. สเกฺกสูติ เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ สติปฎฺฐานสุตฺตวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ ตํ เอกเทเสน ทเสฺสโนฺต ‘‘โส หี’’ติ อาหฯ ตตฺถ เยน ราชกุมารา สกฺยา นาม ชาตา, ยโต เตสํ นิวาสฎฺฐานตาย ชนปโท ตถา วุจฺจติ, ตํ วตฺตพฺพนฺติ อาห ‘‘สกฺยานํ ปน อุปฺปตฺติ อมฺพฎฺฐสุเตฺต อาคตาวา’’ติฯ กปิลวตฺถูติ วุตฺตํ ปุริมสญฺญาวเสนฯ

    175.Sakkesūti ettha yaṃ vattabbaṃ, taṃ satipaṭṭhānasuttavaṇṇanāyaṃ vuttanayeneva veditabbanti taṃ ekadesena dassento ‘‘so hī’’ti āha. Tattha yena rājakumārā sakyā nāma jātā, yato tesaṃ nivāsaṭṭhānatāya janapado tathā vuccati, taṃ vattabbanti āha ‘‘sakyānaṃ pana uppatti ambaṭṭhasutte āgatāvā’’ti. Kapilavatthūti vuttaṃ purimasaññāvasena.

    นานปฺปการกนฺติ ‘‘โลภธมฺมา’’ติ พหุวจนสฺส นิมิตฺตํ วทติฯ โลโภ หิ เตน เตน อวตฺถาวิเสเสน ปวตฺติอาการเภเทน ‘‘ฉโนฺท ราโคตณฺหา อาสตฺติ อเปกฺขา’’ติอาทินา อเนกปฺปเภโท, ลุพฺภนลกฺขเณน ปน ‘‘โลโภ’’เตฺวว วุจฺจติฯ เตนาห ‘‘นานปฺปการกํ โลภํเยวา’’ติฯ ตถา ‘‘โทโส ปฎิโฆ โกโธ อุปนาโห วิโรโธ’’ติอาทินา, ‘‘มุยฺหนํ อสมเปกฺขนํ อปจฺจเวกฺขณา ทุเมฺมชฺฌํ พาลฺย’’นฺติอาทินา (ธ. ส. ๓๙๐) จ โทสโมหานํ นานปฺปการตํ สนฺธายาห ‘‘อิตเรสุปิ ทฺวีสุ เอเสว นโย’’ติฯ ปริยาทิยิตฺวาติ ปริโต สพฺพโส อาทายฯ คเหตฺวาติ อยเมตฺถ อโตฺถติ อาห ‘‘คหเณ อาคต’’นฺติฯ ปริยาทิยตีติ ปริกฺขีโณติฯ ที-สทฺทญฺหิ สทฺทวิทู ขยตฺถํ วทนฺติฯ

    Nānappakārakanti ‘‘lobhadhammā’’ti bahuvacanassa nimittaṃ vadati. Lobho hi tena tena avatthāvisesena pavattiākārabhedena ‘‘chando rāgotaṇhā āsatti apekkhā’’tiādinā anekappabhedo, lubbhanalakkhaṇena pana ‘‘lobho’’tveva vuccati. Tenāha ‘‘nānappakārakaṃ lobhaṃyevā’’ti. Tathā ‘‘doso paṭigho kodho upanāho virodho’’tiādinā, ‘‘muyhanaṃ asamapekkhanaṃ apaccavekkhaṇā dummejjhaṃ bālya’’ntiādinā (dha. sa. 390) ca dosamohānaṃ nānappakārataṃ sandhāyāha ‘‘itaresupi dvīsu eseva nayo’’ti. Pariyādiyitvāti parito sabbaso ādāya. Gahetvāti ayamettha atthoti āha ‘‘gahaṇe āgata’’nti. Pariyādiyatīti parikkhīṇoti. Dī-saddañhi saddavidū khayatthaṃ vadanti.

    เอกทาติ อาเมฑิตโลเปน นิเทฺทโสติ อาห ‘‘เอเกกสฺมิํ กาเล’’ติฯ โลภโทสโมหาติ ปฐมมเคฺคน ปหีนาวเสสา โลภโทสโมหาฯ นิรวเสสา ปหียนฺติ, อญฺญถา ทุติยมเคฺคน กิํ กตํ สิยาติ อธิปฺปาโยฯ สมุทาจารปฺปตฺตํ ปน ทิสฺวา ‘‘อปฺปหีนํ เม อตฺถี’’ติปิ ชานาติฯ เอวํ กถํ นิรวเสสปฺปหานสญฺญาติ อาห ‘‘อปฺปหีนกํ…เป.… สญฺญี โหตี’’ติฯ เอวํ ปฐมมเคฺคเนว สมุจฺฉินฺนสํสยสฺส ‘‘โก สุ นาม เม ธโมฺม อชฺฌตฺตํ อปฺปหีโนติ เอวํ สเนฺธโห กถํ อุปฺปชฺชตี’’ติ วตฺวา ‘‘ปณฺณตฺติยา อโกวิทตฺตา’’ติ การณมาหฯ วินยกุกฺกุจฺจํ วิย หิ ปณฺณตฺติยํ อกุสลตาย อริยานมฺปิ กตฺถจิ วิมติมตฺตํ อุปฺปชฺชติ ยถา ตํ สพฺพโส อปฺปหีนสโมฺมหานนฺติฯ อตฺตโน อวิสเย อนภิชานนํ ปณฺณตฺติโกสเลฺลน กิเมตฺถ ปโยชนํ, ปจฺจเวกฺขณามเตฺตน อยมโตฺถ สิชฺฌตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘กิํ ตสฺส ปจฺจเวกฺขณา นตฺถี’’ติ อาหฯ อิตโร ‘‘นตฺถี’’ติ น สกฺกา วตฺตุนฺติ กตฺวา ‘‘อตฺถี’’ติ วตฺวา ตตฺถ ลพฺภมานวิภาคํ ทเสฺสโนฺต ‘‘สา ปนา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ สาติ ปจฺจเวกฺขณาฯ สเพฺพสนฺติ สเพฺพสํ อริยานํฯ ยถา ปริปุณฺณา น โหติ, น เอวํ สพฺพโส น โหตีติ อาห ‘‘อิมาสุ ปนา’’ติอาทิฯ

    Ekadāti āmeḍitalopena niddesoti āha ‘‘ekekasmiṃ kāle’’ti. Lobhadosamohāti paṭhamamaggena pahīnāvasesā lobhadosamohā. Niravasesā pahīyanti, aññathā dutiyamaggena kiṃ kataṃ siyāti adhippāyo. Samudācārappattaṃ pana disvā ‘‘appahīnaṃ me atthī’’tipi jānāti. Evaṃ kathaṃ niravasesappahānasaññāti āha ‘‘appahīnakaṃ…pe… saññī hotī’’ti. Evaṃ paṭhamamaggeneva samucchinnasaṃsayassa ‘‘ko su nāma me dhammo ajjhattaṃ appahīnoti evaṃ sandheho kathaṃ uppajjatī’’ti vatvā ‘‘paṇṇattiyā akovidattā’’ti kāraṇamāha. Vinayakukkuccaṃ viya hi paṇṇattiyaṃ akusalatāya ariyānampi katthaci vimatimattaṃ uppajjati yathā taṃ sabbaso appahīnasammohānanti. Attano avisaye anabhijānanaṃ paṇṇattikosallena kimettha payojanaṃ, paccavekkhaṇāmattena ayamattho sijjhatīti dassento ‘‘kiṃ tassa paccavekkhaṇā natthī’’ti āha. Itaro ‘‘natthī’’ti na sakkā vattunti katvā ‘‘atthī’’ti vatvā tattha labbhamānavibhāgaṃ dassento ‘‘sā panā’’tiādimāha. Tattha ti paccavekkhaṇā. Sabbesanti sabbesaṃ ariyānaṃ. Yathā paripuṇṇā na hoti, na evaṃ sabbaso na hotīti āha ‘‘imāsu panā’’tiādi.

    ๑๗๖. อชฺฌตฺตนฺติ นิยกชฺฌตฺตํ อธิเปฺปตนฺติ อาห ‘‘ตว สนฺตาเน’’ติฯ อปฺปหีโนติ อนวเสสโต อปฺปหีโนฯ ทุวิเธติ วตฺถุกามกิเลสกาเมฯ กิเลสกาโมปิ หิ ยทเคฺคน อสฺสาทียติ, ตทเคฺคน ปริภุญฺชียติฯ

    176.Ajjhattanti niyakajjhattaṃ adhippetanti āha ‘‘tava santāne’’ti. Appahīnoti anavasesato appahīno. Duvidheti vatthukāmakilesakāme. Kilesakāmopi hi yadaggena assādīyati, tadaggena paribhuñjīyati.

    ๑๗๗. อสฺสาทียตีติ อสฺสาโท, สุขํฯ อโปฺป อปฺปมตฺตโก อสฺสาโท เอเตสูติ อปฺปสฺสาทาฯ เตนาห ‘‘ปริตฺตสุขา’’ติฯ ปริเยสนทุกฺขาทิเหตุกํ ทิฎฺฐธมฺมิกํ ตตฺถ ทุจฺจริตจรเณน สมฺปรายิกญฺจ ทุกฺขเมตฺถ กาเมสุ พหุกนฺติ พหุทุกฺขาฯ พหุปายาสาติ พหุปริกฺกิเลสาฯ เต ปน ปริกฺกิเลสา วกฺขมานนเยน พหูเยเวตฺถ ทิฎฺฐธมฺมิกาปีติ อาห ‘‘ทิฎฺฐธมฺมิก…เป.… พหู’’ติฯ เต จ ปริกฺกิเลสา ยสฺมา ตํสมงฺคิโน หิตปฎิปตฺติยา อนฺตรายกรา อิธ เจว ปรโลเก จ อาทีนวการณญฺจ ปวตฺตนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ทิฎฺฐธมฺมิก…เป.… พหู’’ติฯ เอวํ เจปีติ เอวํ ‘‘อปฺปสฺสาทา กามา’’ติอาทินา อากาเรนฯ นเยนาติ ธเมฺมนฯ การเณนาติ ยุตฺติยาฯ สุฎฺฐุ ทิฎฺฐํ โหตีติ สมฺพโนฺธฯ วิปสฺสนาปญฺญายาติ อริยมคฺคปญฺญายฯ สา จตฺตาริปิ สจฺจานิ วิเสสโต ปสฺสตีติ วิปสฺสนาติ อธิเปฺปตาฯ เตนาห ‘‘เหฎฺฐามคฺคทฺวยญาเณนาติ อโตฺถ’’ติฯ ปีติสุขนฺติ ปีติสุขวนฺตํ ฌานทฺวยํฯ เทฺว มเคฺคติ เหฎฺฐามเคฺคฯ อาวฎฺฎนสีโล อาภุชนสีโล น โหตีติ อนาวฎฺฎี เนว โหติ สพฺพโส อปฺปหีนกามราคฉโนฺทฯ เตนาห ‘‘กสฺมา’’ติอาทิฯ โอโรธนาฎกา ปชหนปญฺญาติ อาทีนวานุปสฺสนาญาณมาหฯ

    177. Assādīyatīti assādo, sukhaṃ. Appo appamattako assādo etesūti appassādā. Tenāha ‘‘parittasukhā’’ti. Pariyesanadukkhādihetukaṃ diṭṭhadhammikaṃ tattha duccaritacaraṇena samparāyikañca dukkhamettha kāmesu bahukanti bahudukkhā. Bahupāyāsāti bahuparikkilesā. Te pana parikkilesā vakkhamānanayena bahūyevettha diṭṭhadhammikāpīti āha ‘‘diṭṭhadhammika…pe… bahū’’ti. Te ca parikkilesā yasmā taṃsamaṅgino hitapaṭipattiyā antarāyakarā idha ceva paraloke ca ādīnavakāraṇañca pavattanti, tasmā vuttaṃ ‘‘diṭṭhadhammika…pe… bahū’’ti. Evaṃ cepīti evaṃ ‘‘appassādā kāmā’’tiādinā ākārena. Nayenāti dhammena. Kāraṇenāti yuttiyā. Suṭṭhu diṭṭhaṃ hotīti sambandho. Vipassanāpaññāyāti ariyamaggapaññāya. Sā cattāripi saccāni visesato passatīti vipassanāti adhippetā. Tenāha ‘‘heṭṭhāmaggadvayañāṇenāti attho’’ti. Pītisukhanti pītisukhavantaṃ jhānadvayaṃ. Dve maggeti heṭṭhāmagge. Āvaṭṭanasīlo ābhujanasīlo na hotīti anāvaṭṭī neva hoti sabbaso appahīnakāmarāgachando. Tenāha ‘‘kasmā’’tiādi. Orodhanāṭakā pajahanapaññāti ādīnavānupassanāñāṇamāha.

    ๑๗๙. อสฺสาโทปิ กถิโต, ‘‘อปฺปสฺสาทา’’ติ หิ อิมินา ยาวตโก กาเมสุ อสฺสาโท, ตํ สพฺพํ อนวเสสโต ปริคฺคเหตฺวา จสฺส ปริตฺตภาโว ทสฺสิโตติ อาทีนโวปิ กถิโต สเงฺขเปเนว เสสสฺสอาทีนวสฺส ทสฺสิตตฺตาฯ ตํ กเถตุนฺติ ตํ นิสฺสรณํ ‘‘เอกนฺตสุขปฎิสํเวที’’ติ อิมินา กเถตุํฯ อิเมหิ อเนฺตหีติ ‘‘ปญฺจิเม, มหานาม, กามคุณา’’ติอาทินา กามคุณทสฺสนมุเขน กามสุขลฺลิกานุโยคํ ‘‘อุพฺภฎฺฐกา โหนฺติ อาสนปฎิกฺขิตฺตา’’ติอาทินา อตฺตกิลมถานุโยคญฺจ ทเสฺสตฺวา อิเมหิ ทฺวีหิ อเนฺตหิ มุตฺตํ มม สาสนนฺติ, ผลสมาปตฺติปริโยสานตฺตา สาสนสมฺปตฺติยา ‘‘อุปริผลสมาปตฺติสีเสน สกลสาสนํ ทเสฺสตุ’’นฺติ อาหฯ คิชฺฌสทิโส กูโฎติ มเชฺฌปทโลปีสมาโส ยถา ‘‘สากปตฺถิโว’’ติ (ปาณินิ. ๒.๑.๖๐)ฯ ทุติเย ปเนตฺถ คิชฺฌวนฺตตาย คิชฺฌา กูเฎ เอตสฺสาติ คิชฺฌกูโฎฯ อุทฺธํเยว ติฎฺฐนกา นิสชฺชาย วุฎฺฐิตกาลโต ปฎฺฐาย เอกฎฺฐาเนเนว ติฎฺฐนกาฯ เตนาห ‘‘อนิสินฺนา’’ติฯ นิคณฺฐสฺสาติ นาฎปุตฺตสฺสฯ นตฺถิ เอตสฺส ปริเสสนฺติ อปริเสสํฯ เอวํ สงฺขาภวจนมตฺตมสฺสาติ อาห ‘‘อปริเสสสงฺขาต’’นฺติฯ นิจฺจเฎฺฐน สตต-สเทฺทน อภิณฺหปฺปวตฺติ โชติตา สิยาติ ‘‘สมิต’’นฺติ วุตฺตํฯ เตน นิรนฺตรปฺปวตฺติํ ทเสฺสตีติ เอวํ วา เอตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ

    179.Assādopi kathito, ‘‘appassādā’’ti hi iminā yāvatako kāmesu assādo, taṃ sabbaṃ anavasesato pariggahetvā cassa parittabhāvo dassitoti ādīnavopi kathito saṅkhepeneva sesassaādīnavassa dassitattā. Taṃ kathetunti taṃ nissaraṇaṃ ‘‘ekantasukhapaṭisaṃvedī’’ti iminā kathetuṃ. Imehi antehīti ‘‘pañcime, mahānāma, kāmaguṇā’’tiādinā kāmaguṇadassanamukhena kāmasukhallikānuyogaṃ ‘‘ubbhaṭṭhakā honti āsanapaṭikkhittā’’tiādinā attakilamathānuyogañca dassetvā imehi dvīhi antehi muttaṃ mama sāsananti, phalasamāpattipariyosānattā sāsanasampattiyā ‘‘upariphalasamāpattisīsena sakalasāsanaṃ dassetu’’nti āha. Gijjhasadiso kūṭoti majjhepadalopīsamāso yathā ‘‘sākapatthivo’’ti (pāṇini. 2.1.60). Dutiye panettha gijjhavantatāya gijjhā kūṭe etassāti gijjhakūṭo. Uddhaṃyeva tiṭṭhanakā nisajjāya vuṭṭhitakālato paṭṭhāya ekaṭṭhāneneva tiṭṭhanakā. Tenāha ‘‘anisinnā’’ti. Nigaṇṭhassāti nāṭaputtassa. Natthi etassa parisesanti aparisesaṃ. Evaṃ saṅkhābhavacanamattamassāti āha ‘‘aparisesasaṅkhāta’’nti. Niccaṭṭhena satata-saddena abhiṇhappavatti jotitā siyāti ‘‘samita’’nti vuttaṃ. Tena nirantarappavattiṃ dassetīti evaṃ vā ettha attho daṭṭhabbo.

    ๑๘๐. ยํ กโรติ, ตํ ชานาตีติ ทุกฺขสฺส นิชฺชรณเขปนํ นาม วิญฺญูนํ กิจฺจํ, วิญฺญุนา จ ปุริเสน กตากตํ ชานิตพฺพํ, ตสฺมา ตุเมฺหหิ ปุราณานํ กมฺมานํ พฺยนฺติภาวํ กโรเนฺตหิ ปฐมํ ตาว เอตฺตกานิ ปุราณานิ กมฺมานีติ ชานิตพฺพานิ, ตโต ‘‘เอตฺตกํ กาลํ กเตน ตปสา เอตฺตกานิ ตานิ พฺยนฺติกตานิ, อิทานิ เอตฺตกานิ กาตพฺพานี’’ติอาทินา อยํ วิธิ ปุริเสน วิย อตฺตนา กาตพฺพกิจฺจํ ปริจฺฉินฺทิตพฺพนฺติ ทเสฺสติฯ เตนาห ‘‘ตุเมฺหหิปิ ตถา ญาตพฺพํ สิยา’’ติฯ สุทฺธนฺตนฺติ สุทฺธโกฎฺฐาสํ, อายติํ อนวสฺสวสิทฺธํ กมฺมกฺขยํ, ตโต วา ทุกฺขกฺขยนฺติ อโตฺถฯ สุทฺธนฺตํ ปโตฺต อตฺถีติ ปุจฺฉตีติ อิมินา อกุสลานํ ปหานํ, กุสลานํ ภาวนา จ สเพฺพน สพฺพํ นิคณฺฐสมเย นตฺถิ สพฺพโส วิสุทฺธิภาวนาย อภาวโต, ตสฺมา กุโต ทุกฺขกฺขยสฺส สมฺภโวติ ทเสฺสติฯ

    180.Yaṃ karoti, taṃ jānātīti dukkhassa nijjaraṇakhepanaṃ nāma viññūnaṃ kiccaṃ, viññunā ca purisena katākataṃ jānitabbaṃ, tasmā tumhehi purāṇānaṃ kammānaṃ byantibhāvaṃ karontehi paṭhamaṃ tāva ettakāni purāṇāni kammānīti jānitabbāni, tato ‘‘ettakaṃ kālaṃ katena tapasā ettakāni tāni byantikatāni, idāni ettakāni kātabbānī’’tiādinā ayaṃ vidhi purisena viya attanā kātabbakiccaṃ paricchinditabbanti dasseti. Tenāha ‘‘tumhehipi tathā ñātabbaṃ siyā’’ti. Suddhantanti suddhakoṭṭhāsaṃ, āyatiṃ anavassavasiddhaṃ kammakkhayaṃ, tato vā dukkhakkhayanti attho. Suddhantaṃ patto atthīti pucchatīti iminā akusalānaṃ pahānaṃ, kusalānaṃ bhāvanā ca sabbena sabbaṃ nigaṇṭhasamaye natthi sabbaso visuddhibhāvanāya abhāvato, tasmā kuto dukkhakkhayassa sambhavoti dasseti.

    เอวํ อชานนภาเว สตีติ ‘‘อหุวเมฺหว มย’’นฺติอาทินา วุตฺตปฺปการสฺส อชานเน สติ, ตสฺมิํ ตุเมฺหหิ อญฺญายมาเนติ อโตฺถฯ ลุทฺทาติ โฆราฯ เต ปน ยสฺมา กายวาจาหิ นิหีนเมว กโรนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ลุทฺทาจารา’’ติฯ โลหิตปาณิเตฺวว วุจฺจติ ตชฺชากิริยาจรณโตฯ มาควิกเกวฎฺฎโจรฆาตกาทโย มาควิกาทโยฯ กกฺขฬกมฺมาติ ผรุสกมฺมาฯ เต นิคเณฺฐสุ ปพฺพชนฺตีติ ปุเพฺพ มหาทุกฺขสํวตฺตนิยกมฺมสฺส กตตฺตา หิ ตุเมฺห เอตรหิ อีทิสํ มหาทุกฺขํ ปจฺจนุภวถาติ ทเสฺสติฯ

    Evaṃ ajānanabhāve satīti ‘‘ahuvamheva maya’’ntiādinā vuttappakārassa ajānane sati, tasmiṃ tumhehi aññāyamāneti attho. Luddāti ghorā. Te pana yasmā kāyavācāhi nihīnameva karonti, tasmā vuttaṃ ‘‘luddācārā’’ti. Lohitapāṇitveva vuccati tajjākiriyācaraṇato. Māgavikakevaṭṭacoraghātakādayo māgavikādayo. Kakkhaḷakammāti pharusakammā. Te nigaṇṭhesu pabbajantīti pubbe mahādukkhasaṃvattaniyakammassa katattā hi tumhe etarahi īdisaṃ mahādukkhaṃ paccanubhavathāti dasseti.

    วาเทติ ทิฎฺฐิยํ, สมเยติ อโตฺถฯ สุเขน สุขนฺติ เอตฺถ สุเขนาติ ปฎิปตฺติสุเขน, สุขาย ปฎิปตฺติยาติ อโตฺถฯ สุขนฺติ วิโมกฺขสุขํ, อิธ โลเก สุขํ อธิคจฺฉนฺตา กสิวณิชฺชาทิทุกฺขปฎิปตฺติยาว อธิคจฺฉนฺติ, เอวํ โมกฺขสุขมฺปีติ อธิปฺปาโยฯ สรีราวยวสมฺปตฺติยาปิ พิมฺพิโน สาโรติ พิมฺพิสาโรฯ เต นิคณฺฐา…เป.… สนฺธาย วทนฺติ, น ปน ภควโต อจฺจนฺตสนฺตปณีตํ นิพฺพานสุขปฎิเวทนํ ชานนฺติฯ สหสาติ รวาฯ อปฺปฎิสงฺขาติ น ปฎิสงฺขาย อวิจาเรตฺวาฯ เตนาห ‘‘สาหสํ กตฺวา’’ติอาทิฯ

    Vādeti diṭṭhiyaṃ, samayeti attho. Sukhena sukhanti ettha sukhenāti paṭipattisukhena, sukhāya paṭipattiyāti attho. Sukhanti vimokkhasukhaṃ, idha loke sukhaṃ adhigacchantā kasivaṇijjādidukkhapaṭipattiyāva adhigacchanti, evaṃ mokkhasukhampīti adhippāyo. Sarīrāvayavasampattiyāpi bimbino sāroti bimbisāro. Te nigaṇṭhā…pe… sandhāya vadanti, na pana bhagavato accantasantapaṇītaṃ nibbānasukhapaṭivedanaṃ jānanti. Sahasāti ravā. Appaṭisaṅkhāti na paṭisaṅkhāya avicāretvā. Tenāha ‘‘sāhasaṃ katvā’’tiādi.

    อญฺญาหิ เวทนาหิ อโวมิสฺสํ เอกนฺตํ สุขํ เอกนฺตสุขํ, ตสฺส ปฎิสํเวทีฯ เตนาห ‘‘นิรนฺตรสุขปฎิสํเวที’’ติฯ กถาปติฎฺฐาปนตฺถนฺติ ‘‘เอกนฺตสุขปฎิสํเวที’’ติ เอวํ อารทฺธกถาย ปติฎฺฐาปนตฺถํฯ ราชวาเรติ ราชานํ อุทฺทิสฺส อาคตเทสนาวาเรฯ สุขํ ปุจฺฉิตุํ โหตีติ ‘‘ยทิ สตฺต รตฺตินฺทิวานิ นปฺปโหติ, กิํ ฉ รตฺตินฺทิวานิ ปโหตี’’ติอาทินา ปุจฺฉนสุขํ โหติฯ ‘‘อหํ โข’’ติอาทินา ปวโตฺต สุทฺธวาโร สุทฺธนิสฺสนฺทสฺส ผลสมาปตฺติสุขสฺส วเสน อาคตตฺตาฯ อนจฺฉริยํ โหติ, สตฺต รตฺตินฺทิวานิ ปโหนฺตสฺส เอกสฺมิํ รตฺตินฺทิเว กิํ วตฺตพฺพนฺติฯ อุตฺตานตฺถเมว วุตฺตนยตฺตา สุวิเญฺญยฺยตฺตาฯ

    Aññāhi vedanāhi avomissaṃ ekantaṃ sukhaṃ ekantasukhaṃ, tassa paṭisaṃvedī. Tenāha ‘‘nirantarasukhapaṭisaṃvedī’’ti. Kathāpatiṭṭhāpanatthanti ‘‘ekantasukhapaṭisaṃvedī’’ti evaṃ āraddhakathāya patiṭṭhāpanatthaṃ. Rājavāreti rājānaṃ uddissa āgatadesanāvāre. Sukhaṃ pucchituṃ hotīti ‘‘yadi satta rattindivāni nappahoti, kiṃ cha rattindivāni pahotī’’tiādinā pucchanasukhaṃ hoti. ‘‘Ahaṃ kho’’tiādinā pavatto suddhavāro suddhanissandassa phalasamāpattisukhassa vasena āgatattā. Anacchariyaṃ hoti, satta rattindivāni pahontassa ekasmiṃ rattindive kiṃ vattabbanti. Uttānatthameva vuttanayattā suviññeyyattā.

    จูฬทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ

    Cūḷadukkhakkhandhasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๔. จูฬทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตํ • 4. Cūḷadukkhakkhandhasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๔. จูฬทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตวณฺณนา • 4. Cūḷadukkhakkhandhasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact