Tipiṭaka / Tipiṭaka (English) / Majjhima Nikāya, English translation

    มชฺฌิม นิกาย ๓๑

    The Middle-Length Suttas Collection 31

    จูฬโคสิงฺคสุตฺต

    The Shorter Discourse at Gosiṅga

    เอวํ เม สุตํ—เอกํ สมยํ ภควา นาติเก วิหรติ คิญฺชกาวสเถฯ

    So I have heard. At one time the Buddha was staying at Ñātika in the brick house.

    เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา จ อนุรุทฺโธ อายสฺมา จ นนฺทิโย อายสฺมา จ กิมิโล โคสิงฺคสาลวนทาเย วิหรนฺติฯ

    Now at that time the venerables Anuruddha, Nandiya, and Kimbila were staying in the sal forest park at Gosiṅga.

    อถ โข ภควา สายนฺหสมยํ ปฏิสลฺลานา วุฏฺฐิโต เยน โคสิงฺคสาลวนทาโย เตนุปสงฺกมิฯ อทฺทสา โข ทายปาโล ภควนฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํฯ ทิสฺวาน ภควนฺตํ เอตทโวจ: “มา, สมณ, เอตํ ทายํ ปาวิสิฯ สนฺเตตฺถ ตโย กุลปุตฺตา อตฺตกามรูปา วิหรนฺติฯ มา เตสํ อผาสุมกาสี”ติฯ

    Then in the late afternoon, the Buddha came out of retreat and went to that park. The park keeper saw the Buddha coming off in the distance and said to him, “Don’t come into this park, ascetic. There are three gentlemen who love themselves staying here. Don’t disturb them.”

    อโสฺสสิ โข อายสฺมา อนุรุทฺโธ ทายปาลสฺส ภควตา สทฺธึ มนฺตยมานสฺสฯ สุตฺวาน ทายปาลํ เอตทโวจ: “มา, อาวุโส ทายปาล, ภควนฺตํ วาเรสิฯ สตฺถา โน ภควา อนุปฺปตฺโต”ติฯ อถ โข อายสฺมา อนุรุทฺโธ เยนายสฺมา จ นนฺทิโย อายสฺมา จ กิมิโล เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตญฺจ นนฺทิยํ อายสฺมนฺตญฺจ กิมิลํ เอตทโวจ: “อภิกฺกมถายสฺมนฺโต, อภิกฺกมถายสฺมนฺโต, สตฺถา โน ภควา อนุปฺปตฺโต”ติฯ

    Anuruddha heard the park keeper conversing with the Buddha, and said to him, “Don’t keep the Buddha out, good park keeper! Our Teacher, the Blessed One, has arrived.” Then Anuruddha went to Nandiya and Kimbila, and said to them, “Come forth, venerables, come forth! Our Teacher, the Blessed One, has arrived!”

    อถ โข อายสฺมา จ อนุรุทฺโธ อายสฺมา จ นนฺทิโย อายสฺมา จ กิมิโล ภควนฺตํ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา—เอโก ภควโต ปตฺตจีวรํ ปฏิคฺคเหสิ, เอโก อาสนํ ปญฺญเปสิ, เอโก ปาโททกํ อุปฏฺฐาเปสิฯ นิสีทิ ภควา ปญฺญตฺเต อาสเนฯ นิสชฺช โข ภควา ปาเท ปกฺขาเลสิฯ เตปิ โข อายสฺมนฺโต ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุฯ

    Then Anuruddha, Nandiya, and Kimbila came out to greet the Buddha. One received his bowl and robe, one spread out a seat, and one set out water for washing his feet. He sat on the seat spread out and washed his feet. Those venerables bowed and sat down to one side.

    เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อายสฺมนฺตํ อนุรุทฺธํ ภควา เอตทโวจ: “กจฺจิ โว, อนุรุทฺธา, ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนียํ, กจฺจิ ปิณฺฑเกน น กิลมถา”ติ?

    The Buddha said to Anuruddha, “I hope you’re keeping well, Anuruddha and friends; I hope you’re alright. And I hope you’re having no trouble getting almsfood.”

    “ขมนียํ, ภควา, ยาปนียํ, ภควา; น จ มยํ, ภนฺเต, ปิณฺฑเกน กิลมามา”ติฯ

    “We’re alright, Blessed One, we’re getting by. And we have no trouble getting almsfood.”

    “กจฺจิ ปน โว, อนุรุทฺธา, สมคฺคา สมฺโมทมานา อวิวทมานา ขีโรทกีภูตา อญฺญมญฺญํ ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสนฺตา วิหรถา”ติ?

    “I hope you’re living in harmony, appreciating each other, without quarreling, blending like milk and water, and regarding each other with kindly eyes?”

    “ตคฺฆ มยํ, ภนฺเต, สมคฺคา สมฺโมทมานา อวิวทมานา ขีโรทกีภูตา อญฺญมญฺญํ ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสนฺตา วิหรามา”ติฯ

    “Indeed, sir, we live in harmony like this.”

    “ยถา กถํ ปน ตุเมฺห, อนุรุทฺธา, สมคฺคา สมฺโมทมานา อวิวทมานา ขีโรทกีภูตา อญฺญมญฺญํ ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสนฺตา วิหรถา”ติ?

    “But how do you live this way?”

    “อิธ มยฺหํ, ภนฺเต, เอวํ โหติ: ‘ลาภา วต เม, สุลทฺธํ วต เม, โยหํ เอวรูเปหิ สพฺรหฺมจารีหิ สทฺธึ วิหรามี'ติฯ ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, อิเมสุ อายสฺมนฺเตสุ เมตฺตํ กายกมฺมํ ปจฺจุปฏฺฐิตํ อาวิ เจว รโห จ; เมตฺตํ วจีกมฺมํ ปจฺจุปฏฺฐิตํ อาวิ เจว รโห จ; เมตฺตํ มโนกมฺมํ ปจฺจุปฏฺฐิตํ อาวิ เจว รโห จฯ ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอวํ โหติ: ‘ยนฺนูนาหํ สกํ จิตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา อิเมสํเยว อายสฺมนฺตานํ จิตฺตสฺส วเสน วตฺเตยฺยนฺ'ติฯ โส โข อหํ, ภนฺเต, สกํ จิตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา อิเมสํเยว อายสฺมนฺตานํ จิตฺตสฺส วเสน วตฺตามิฯ นานา หิ โข โน, ภนฺเต, กายา เอกญฺจ ปน มญฺเญ จิตฺตนฺ”ติฯ

    “In this case, sir, I think, ‘I’m fortunate, so very fortunate, to live together with spiritual companions such as these.’ I consistently treat these venerables with kindness by way of body, speech, and mind, both in public and in private. I think, ‘Why don’t I set aside my own ideas and just go along with these venerables’ ideas?’ And that’s what I do. Though we’re different in body, sir, we’re one in mind, it seems to me.”

    อายสฺมาปิ โข นนฺทิโย …เป… อายสฺมาปิ โข กิมิโล ภควนฺตํ เอตทโวจ: “มยฺหมฺปิ, ภนฺเต, เอวํ โหติ: ‘ลาภา วต เม, สุลทฺธํ วต เม, โยหํ เอวรูเปหิ สพฺรหฺมจารีหิ สทฺธึ วิหรามี'ติฯ ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, อิเมสุ อายสฺมนฺเตสุ เมตฺตํ กายกมฺมํ ปจฺจุปฏฺฐิตํ อาวิ เจว รโห จ, เมตฺตํ วจีกมฺมํ ปจฺจุปฏฺฐิตํ อาวิ เจว รโห จ, เมตฺตํ มโนกมฺมํ ปจฺจุปฏฺฐิตํ อาวิ เจว รโห จฯ ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอวํ โหติ: ‘ยนฺนูนาหํ สกํ จิตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา อิเมสํเยว อายสฺมนฺตานํ จิตฺตสฺส วเสน วตฺเตยฺยนฺ'ติฯ โส โข อหํ, ภนฺเต, สกํ จิตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา อิเมสํเยว อายสฺมนฺตานํ จิตฺตสฺส วเสน วตฺตามิฯ นานา หิ โข โน, ภนฺเต, กายา เอกญฺจ ปน มญฺเญ จิตฺตนฺ”ติฯ “เอวํ โข มยํ, ภนฺเต, สมคฺคา สมฺโมทมานา อวิวทมานา ขีโรทกีภูตา อญฺญมญฺญํ ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสนฺตา วิหรามา”ติฯ

    And the venerables Nandiya and Kimbila spoke likewise, and they added: “That’s how we live in harmony, appreciating each other, without quarreling, blending like milk and water, and regarding each other with kindly eyes.”

    “สาธุ สาธุ, อนุรุทฺธาฯ กจฺจิ ปน โว, อนุรุทฺธา, อปฺปมตฺตา อาตาปิโน ปหิตตฺตา วิหรถา”ติ?

    “Good, good, Anuruddha and friends! But I hope you’re living diligently, keen, and resolute?”

    “ตคฺฆ มยํ, ภนฺเต, อปฺปมตฺตา อาตาปิโน ปหิตตฺตา วิหรามา”ติฯ

    “Indeed, sir, we live diligently.”

    “ยถา กถํ ปน ตุเมฺห, อนุรุทฺธา, อปฺปมตฺตา อาตาปิโน ปหิตตฺตา วิหรถา”ติ?

    “But how do you live this way?”

    “อิธ, ภนฺเต, อมฺหากํ โย ปฐมํ คามโต ปิณฺฑาย ปฏิกฺกมติ โส อาสนานิ ปญฺญเปติ, ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฏฺฐาเปติ, อวกฺการปาตึ อุปฏฺฐาเปติฯ โย ปจฺฉา คามโต ปิณฺฑาย ปฏิกฺกมติ, สเจ โหติ ภุตฺตาวเสโส สเจ อากงฺขติ ภุญฺชติ, โน เจ อากงฺขติ อปฺปหริเต วา ฉฑฺเฑติ, อปฺปาณเก วา อุทเก โอปิลาเปติฯ โส อาสนานิ ปฏิสาเมติ, ปานียํ ปริโภชนียํ ปฏิสาเมติ, อวกฺการปาตึ ปฏิสาเมติ, ภตฺตคฺคํ สมฺมชฺชติฯ โย ปสฺสติ ปานียฆฏํ วา ปริโภชนียฆฏํ วา วจฺจฆฏํ วา ริตฺตํ ตุจฺฉํ โส อุปฏฺฐาเปติฯ สจสฺส โหติ อวิสยฺหํ, หตฺถวิกาเรน ทุติยํ อามนฺเตตฺวา หตฺถวิลงฺฆเกน อุปฏฺฐาเปม, น เตฺวว มยํ, ภนฺเต, ตปฺปจฺจยา วาจํ ภินฺทามฯ ปญฺจาหิกํ โข ปน มยํ, ภนฺเต, สพฺพรตฺติกํ ธมฺมิยา กถาย สนฺนิสีทามฯ เอวํ โข มยํ, ภนฺเต, อปฺปมตฺตา อาตาปิโน ปหิตตฺตา วิหรามา”ติฯ

    “In this case, sir, whoever returns first from almsround prepares the seats, and puts out the drinking water and the rubbish bin. If there’s anything left over, whoever returns last eats it if they like. Otherwise they throw it out where there is little that grows, or drop it into water that has no living creatures. Then they put away the seats, drinking water, and rubbish bin, and sweep the refectory. If someone sees that the pot of water for washing, drinking, or the toilet is empty they set it up. If he can’t do it, he summons another with a wave of the hand, and they set it up by lifting it with their hands. But we don’t break into speech for that reason. And every five days we sit together for the whole night and discuss the teachings. That’s how we live diligently, keen, and resolute.”

    “สาธุ สาธุ, อนุรุทฺธาฯ อตฺถิ ปน โว, อนุรุทฺธา, เอวํ อปฺปมตฺตานํ อาตาปีนํ ปหิตตฺตานํ วิหรนฺตานํ อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมา อลมริยญาณทสฺสนวิเสโส อธิคโต ผาสุวิหาโร”ติ?

    “Good, good, Anuruddha and friends! But as you live diligently like this, have you achieved any superhuman distinction in knowledge and vision worthy of the noble ones, a meditation at ease?”

    “กิญฺหิ โน สิยา, ภนฺเตฯ อิธ มยํ, ภนฺเต, ยาวเทว อากงฺขาม วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรามฯ อยํ โข โน, ภนฺเต, อมฺหากํ อปฺปมตฺตานํ อาตาปีนํ ปหิตตฺตานํ วิหรนฺตานํ อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมา อลมริยญาณทสฺสนวิเสโส อธิคโต ผาสุวิหาโร”ติฯ

    “How could we not, sir? Whenever we want, quite secluded from sensual pleasures, secluded from unskillful qualities, we enter and remain in the first jhāna, which has the rapture and bliss born of seclusion, while placing the mind and keeping it connected. This is a superhuman distinction in knowledge and vision worthy of the noble ones, a meditation at ease, that we have achieved while living diligent, keen, and resolute.”

    “สาธุ สาธุ, อนุรุทฺธาฯ เอตสฺส ปน โว, อนุรุทฺธา, วิหารสฺส สมติกฺกมาย เอตสฺส วิหารสฺส ปฏิปฺปสฺสทฺธิยา อตฺถญฺโญ อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมา อลมริยญาณทสฺสนวิเสโส อธิคโต ผาสุวิหาโร”ติ?

    “Good, good! But have you achieved any other superhuman distinction for going beyond and stilling that meditation?”

    “กิญฺหิ โน สิยา, ภนฺเตฯ อิธ มยํ, ภนฺเต, ยาวเทว อากงฺขาม วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรามฯ เอตสฺส, ภนฺเต, วิหารสฺส สมติกฺกมาย เอตสฺส วิหารสฺส ปฏิปฺปสฺสทฺธิยา อยมญฺโญ อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมา อลมริยญาณทสฺสนวิเสโส อธิคโต ผาสุวิหาโร”ติฯ

    “How could we not, sir? Whenever we want, as the placing of the mind and keeping it connected are stilled, we enter and remain in the second jhāna, which has the rapture and bliss born of immersion, with internal clarity and mind at one, without placing the mind and keeping it connected. This is another superhuman distinction that we have achieved for going beyond and stilling that meditation.”

    “สาธุ สาธุ, อนุรุทฺธาฯ เอตสฺส ปน โว, อนุรุทฺธา, วิหารสฺส สมติกฺกมาย เอตสฺส วิหารสฺส ปฏิปฺปสฺสทฺธิยา อตฺถญฺโญ อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมา อลมริยญาณทสฺสนวิเสโส อธิคโต ผาสุวิหาโร”ติ?

    “Good, good! But have you achieved any other superhuman distinction for going beyond and stilling that meditation?”

    “กิญฺหิ โน สิยา, ภนฺเตฯ อิธ มยํ, ภนฺเต, ยาวเทว อากงฺขาม ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขกา จ วิหราม, สตา จ สมฺปชานา, สุขญฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทม, ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ: ‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี'ติ ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรามฯ เอตสฺส, ภนฺเต, วิหารสฺส สมติกฺกมาย เอตสฺส วิหารสฺส ปฏิปฺปสฺสทฺธิยา อยมญฺโญ อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมา อลมริยญาณทสฺสนวิเสโส อธิคโต ผาสุวิหาโร”ติฯ

    “How could we not, sir? Whenever we want, with the fading away of rapture, we enter and remain in the third jhāna, where we meditate with equanimity, mindful and aware, personally experiencing the bliss of which the noble ones declare, ‘Equanimous and mindful, one meditates in bliss.’ This is another superhuman distinction that we have achieved for going beyond and stilling that meditation.”

    “สาธุ สาธุ, อนุรุทฺธาฯ เอตสฺส ปน โว, อนุรุทฺธา, วิหารสฺส สมติกฺกมาย เอตสฺส วิหารสฺส ปฏิปฺปสฺสทฺธิยา อตฺถญฺโญ อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมา อลมริยญาณทสฺสนวิเสโส อธิคโต ผาสุวิหาโร”ติ?

    “Good, good! But have you achieved any other superhuman distinction for going beyond and stilling that meditation?”

    “กิญฺหิ โน สิยา, ภนฺเตฯ อิธ มยํ, ภนฺเต, ยาวเทว อากงฺขาม สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา, ปุพฺเพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา, อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรามฯ เอตสฺส, ภนฺเต, วิหารสฺส สมติกฺกมาย เอตสฺส วิหารสฺส ปฏิปฺปสฺสทฺธิยา อยมญฺโญ อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมา อลมริยญาณทสฺสนวิเสโส อธิคโต ผาสุวิหาโร”ติฯ

    “How could we not, sir? Whenever we want, with the giving up of pleasure and pain, and the ending of former happiness and sadness, we enter and remain in the fourth jhāna, without pleasure or pain, with pure equanimity and mindfulness. This is another superhuman distinction that we have achieved for going beyond and stilling that meditation.”

    “สาธุ สาธุ, อนุรุทฺธาฯ เอตสฺส ปน โว, อนุรุทฺธา, วิหารสฺส สมติกฺกมาย เอตสฺส วิหารสฺส ปฏิปฺปสฺสทฺธิยา อตฺถญฺโญ อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมา อลมริยญาณทสฺสนวิเสโส อธิคโต ผาสุวิหาโร”ติ?

    “Good, good! But have you achieved any other superhuman distinction for going beyond and stilling that meditation?”

    “กิญฺหิ โน สิยา, ภนฺเตฯ อิธ มยํ, ภนฺเต, ยาวเทว อากงฺขาม สพฺพโส รูปสญฺญานํ สมติกฺกมา ปฏิฆสญฺญานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสญฺญานํ อมนสิการา ‘อนนฺโต อากาโส'ติ อากาสานญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรามฯ เอตสฺส, ภนฺเต, วิหารสฺส สมติกฺกมาย เอตสฺส วิหารสฺส ปฏิปฺปสฺสทฺธิยา อยมญฺโญ อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมา อลมริยญาณทสฺสนวิเสโส อธิคโต ผาสุวิหาโร”ติฯ

    “How could we not, sir? Whenever we want, going totally beyond perceptions of form, with the ending of perceptions of impingement, not focusing on perceptions of diversity, aware that ‘space is infinite’, we enter and remain in the dimension of infinite space. This is another superhuman distinction that we have achieved for going beyond and stilling that meditation.”

    “สาธุ สาธุ, อนุรุทฺธาฯ เอตสฺส ปน โว, อนุรุทฺธา, วิหารสฺส สมติกฺกมาย เอตสฺส วิหารสฺส ปฏิปฺปสฺสทฺธิยา อตฺถญฺโญ อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมา อลมริยญาณทสฺสนวิเสโส อธิคโต ผาสุวิหาโร”ติ?

    “Good, good! But have you achieved any other superhuman distinction for going beyond and stilling that meditation?”

    “กิญฺหิ โน สิยา, ภนฺเตฯ อิธ มยํ, ภนฺเต, ยาวเทว อากงฺขาม สพฺพโส อากาสานญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิญฺญาณนฺ'ติ วิญฺญาณญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหราม …เป… สพฺพโส วิญฺญาณญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิญฺจี'ติ อากิญฺจญฺญายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหราม …เป… สพฺพโส อากิญฺจญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรามฯ เอตสฺส, ภนฺเต, วิหารสฺส สมติกฺกมาย เอตสฺส วิหารสฺส ปฏิปฺปสฺสทฺธิยา อยมญฺโญ อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมา อลมริยญาณทสฺสนวิเสโส อธิคโต ผาสุวิหาโร”ติฯ

    “How could we not, sir? Whenever we want, going totally beyond the dimension of infinite space, aware that ‘consciousness is infinite’, we enter and remain in the dimension of infinite consciousness. … going totally beyond the dimension of infinite consciousness, aware that ‘there is nothing at all’, we enter and remain in the dimension of nothingness. … going totally beyond the dimension of nothingness, we enter and remain in the dimension of neither perception nor non-perception. This is another superhuman distinction that we have achieved for going beyond and stilling that meditation.”

    “สาธุ สาธุ, อนุรุทฺธาฯ เอตสฺส ปน โว, อนุรุทฺธา, วิหารสฺส สมติกฺกมาย เอตสฺส วิหารสฺส ปฏิปฺปสฺสทฺธิยา อตฺถญฺโญ อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมา อลมริยญาณทสฺสนวิเสโส อธิคโต ผาสุวิหาโร”ติ?

    “Good, good! But have you achieved any other superhuman distinction for going beyond and stilling that meditation?”

    “กิญฺหิ โน สิยา, ภนฺเตฯ อิธ มยํ, ภนฺเต, ยาวเทว อากงฺขาม สพฺพโส เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม สญฺญาเวทยิตนิโรธํ อุปสมฺปชฺช วิหราม, ปญฺญาย จ โน ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณาฯ เอตสฺส, ภนฺเต, วิหารสฺส สมติกฺกมาย เอตสฺส วิหารสฺส ปฏิปฺปสฺสทฺธิยา อยมญฺโญ อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมา อลมริยญาณทสฺสนวิเสโส อธิคโต ผาสุวิหาโรฯ อิมมฺหา จ มยํ, ภนฺเต, ผาสุวิหารา อญฺญํ ผาสุวิหารํ อุตฺตริตรํ วา ปณีตตรํ วา น สมนุปสฺสามา”ติฯ

    “How could we not, sir? Whenever we want, going totally beyond the dimension of neither perception nor non-perception, we enter and remain in the cessation of perception and feeling. And, having seen with wisdom, our defilements have come to an end. This is another superhuman distinction in knowledge and vision worthy of the noble ones, a meditation at ease, that we have achieved for going beyond and stilling that meditation. And we don’t see any better or finer way of meditating at ease than this.”

    “สาธุ สาธุ, อนุรุทฺธาฯ อิมมฺหา ผาสุวิหารา อุตฺตริตโร วา ปณีตตโร วา ผาสุวิหาโร นตฺถี”ติฯ

    “Good, good! There is no better or finer way of meditating at ease than this.”

    อถ โข ภควา อายสฺมนฺตญฺจ อนุรุทฺธํ อายสฺมนฺตญฺจ นนฺทิยํ อายสฺมนฺตญฺจ กิมิลํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสตฺวา สมาทเปตฺวา สมุตฺเตเชตฺวา สมฺปหํเสตฺวา อุฏฺฐายาสนา ปกฺกามิฯ

    Then the Buddha educated, encouraged, fired up, and inspired the venerables Anuruddha, Nandiya, and Kimbila with a Dhamma talk, after which he got up from his seat and left.

    อถ โข อายสฺมา จ อนุรุทฺโธ อายสฺมา จ นนฺทิโย อายสฺมา จ กิมิโล ภควนฺตํ อนุสํยายิตฺวา ตโต ปฏินิวตฺติตฺวา อายสฺมา จ นนฺทิโย อายสฺมา จ กิมิโล อายสฺมนฺตํ อนุรุทฺธํ เอตทโวจุํ: “กึ นุ โข มยํ อายสฺมโต อนุรุทฺธสฺส เอวมาโรจิมฺห: ‘อิมาสญฺจ อิมาสญฺจ วิหารสมาปตฺตีนํ มยํ ลาภิโน'ติ, ยํ โน อายสฺมา อนุรุทฺโธ ภควโต สมฺมุขา ยาว อาสวานํ ขยา ปกาเสตี”ติ?

    The venerables then accompanied the Buddha for a little way before turning back. Nandiya and Kimbila said to Anuruddha, “Did we ever tell you that we had gained such and such meditations and attainments, up to the ending of defilements, as you revealed to the Buddha?”

    “น โข เม อายสฺมนฺโต เอวมาโรเจสุํ: ‘อิมาสญฺจ อิมาสญฺจ วิหารสมาปตฺตีนํ มยํ ลาภิโน'ติ, อปิ จ เม อายสฺมนฺตานํ เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิโต: ‘อิมาสญฺจ อิมาสญฺจ วิหารสมาปตฺตีนํ อิเม อายสฺมนฺโต ลาภิโน'ติฯ เทวตาปิ เม เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ: ‘อิมาสญฺจ อิมาสญฺจ วิหารสมาปตฺตีนํ อิเม อายสฺมนฺโต ลาภิโน'ติฯ ตเมนํ ภควตา ปญฺหาภิปุฏฺเฐน พฺยากตนฺ”ติฯ

    “The venerables did not tell me that they had gained such meditations and attainments. But I discovered it by comprehending your minds, and deities also told me. I answered when the Buddha directly asked about it.”

    อถ โข ทีโฆ ปรชโน ยกฺโข เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิโต โข ทีโฆ ปรชโน ยกฺโข ภควนฺตํ เอตทโวจ: “ลาภา วต, ภนฺเต, วชฺชีนํ, สุลทฺธลาภา วชฺชิปชาย, ยตฺถ ตถาคโต วิหรติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ, อิเม จ ตโย กุลปุตฺตา—อายสฺมา จ อนุรุทฺโธ, อายสฺมา จ นนฺทิโย, อายสฺมา จ กิมิโล”ติฯ

    Then the native spirit Dīgha Parajana went up to the Buddha, bowed, stood to one side, and said to him, “The Vajjis are lucky! The Vajjian people are so very lucky that the Realized One, the perfected one, the fully awakened Buddha stays there, as well as these three gentlemen, the venerables Anuruddha, Nandiya, and Kimbila.”

    ทีฆสฺส ปรชนสฺส ยกฺขสฺส สทฺทํ สุตฺวา ภุมฺมา เทวา สทฺทมนุสฺสาเวสุํ: “ลาภา วต, โภ, วชฺชีนํ, สุลทฺธลาภา วชฺชิปชาย, ยตฺถ ตถาคโต วิหรติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ, อิเม จ ตโย กุลปุตฺตา—อายสฺมา จ อนุรุทฺโธ, อายสฺมา จ นนฺทิโย, อายสฺมา จ กิมิโล”ติฯ

    Hearing the cry of Dīgha Parajana, the Earth Gods raised the cry …

    ภุมฺมานํ เทวานํ สทฺทํ สุตฺวา จาตุมหาราชิกา เทวา …เป… ตาวตึสา เทวา …เป… ยามา เทวา …เป… ตุสิตา เทวา …เป… นิมฺมานรตี เทวา …เป… ปรนิมฺมิตวสวตฺตี เทวา …เป… พฺรหฺมกายิกา เทวา สทฺทมนุสฺสาเวสุํ: “ลาภา วต, โภ, วชฺชีนํ, สุลทฺธลาภา วชฺชิปชาย, ยตฺถ ตถาคโต วิหรติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ, อิเม จ ตโย กุลปุตฺตา—อายสฺมา จ อนุรุทฺโธ, อายสฺมา จ นนฺทิโย, อายสฺมา จ กิมิโล”ติฯ

    Hearing the cry of the Earth Gods, the Gods of the Four Great Kings … the Gods of the Thirty-Three … the Gods of Yama … the Joyful Gods … the Gods Who Love to Create … the Gods Who Control the Creations of Others … the Gods of Brahmā’s Host raised the cry, “The Vajjis are lucky! The Vajjian people are so very lucky that the Realized One, the perfected one, the fully awakened Buddha stays there, as well as these three gentlemen, the venerables Anuruddha, Nandiya, and Kimbila.”

    อิติห เต อายสฺมนฺโต เตน ขเณน เตน ลเยน เตน มุหุตฺเตน ยาว พฺรหฺมโลกา วิทิตา อเหสุํฯ

    And so at that moment, in that instant, those venerables were known as far as the Brahmā realm.

    “เอวเมตํ, ทีฆ, เอวเมตํ, ทีฆฯ ยสฺมาปิ, ทีฆ, กุลา เอเต ตโย กุลปุตฺตา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา, ตญฺเจปิ กุลํ เอเต ตโย กุลปุตฺเต ปสนฺนจิตฺตํ อนุสฺสเรยฺย, ตสฺสปาสฺส กุลสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายฯ ยสฺมาปิ, ทีฆ, กุลปริวฏฺฏา เอเต ตโย กุลปุตฺตา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา, โส เจปิ กุลปริวฏฺโฏ เอเต ตโย กุลปุตฺเต ปสนฺนจิตฺโต อนุสฺสเรยฺย, ตสฺสปาสฺส กุลปริวฏฺฏสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายฯ ยสฺมาปิ, ทีฆ, คามา เอเต ตโย กุลปุตฺตา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา, โส เจปิ คาโม เอเต ตโย กุลปุตฺเต ปสนฺนจิตฺโต อนุสฺสเรยฺย, ตสฺสปาสฺส คามสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายฯ ยสฺมาปิ, ทีฆ, นิคมา เอเต ตโย กุลปุตฺตา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา, โส เจปิ นิคโม เอเต ตโย กุลปุตฺเต ปสนฺนจิตฺโต อนุสฺสเรยฺย, ตสฺสปาสฺส นิคมสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายฯ ยสฺมาปิ, ทีฆ, นครา เอเต ตโย กุลปุตฺตา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา, ตญฺเจปิ นครํ เอเต ตโย กุลปุตฺเต ปสนฺนจิตฺตํ อนุสฺสเรยฺย, ตสฺสปาสฺส นครสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายฯ ยสฺมาปิ, ทีฆ, ชนปทา เอเต ตโย กุลปุตฺตา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา, โส เจปิ ชนปโท เอเต ตโย กุลปุตฺเต ปสนฺนจิตฺโต อนุสฺสเรยฺย, ตสฺสปาสฺส ชนปทสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายฯ สพฺเพ เจปิ, ทีฆ, ขตฺติยา เอเต ตโย กุลปุตฺเต ปสนฺนจิตฺตา อนุสฺสเรยฺยุํ, สพฺเพสานมฺปาสฺส ขตฺติยานํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายฯ สพฺเพ เจปิ, ทีฆ, พฺราหฺมณา …เป… สพฺเพ เจปิ, ทีฆ, เวสฺสา …เป… สพฺเพ เจปิ, ทีฆ, สุทฺทา เอเต ตโย กุลปุตฺเต ปสนฺนจิตฺตา อนุสฺสเรยฺยุํ, สพฺเพสานมฺปาสฺส สุทฺทานํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายฯ

    “That’s so true, Dīgha! That’s so true! If the family from which those three gentlemen went forth from the lay life to homelessness were to recollect those venerables with confident heart, that would be for that family’s lasting welfare and happiness. If the family circle … village … town … city … country … all the aristocrats … all the brahmins … all the peasants … all the workers were to recollect those venerables with confident heart, that would be for all those menials’ lasting welfare and happiness.

    สเทวโก เจปิ, ทีฆ, โลโก สมารโก สพฺรหฺมโก สสฺสมณพฺราหฺมณี ปชา สเทวมนุสฺสา เอเต ตโย กุลปุตฺเต ปสนฺนจิตฺตา อนุสฺสเรยฺย, สเทวกสฺสปาสฺส โลกสฺส สมารกสฺส สพฺรหฺมกสฺส สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายฯ

    If the whole world—with its gods, Māras and Brahmās, this population with its ascetics and brahmins, gods and humans—were to recollect those venerables with confident heart, that would be for the whole world’s lasting welfare and happiness.

    ปสฺส, ทีฆ, ยาว เอเต ตโย กุลปุตฺตา พหุชนหิตาย ปฏิปนฺนา พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย, อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานนฺ”ติฯ

    See, Dīgha, how those three gentlemen are practicing for the welfare and happiness of the people, out of compassion for the world, for the benefit, welfare, and happiness of gods and humans!”

    อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมโน ทีโฆ ปรชโน ยกฺโข ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติฯ

    That is what the Buddha said. Satisfied, the native spirit Dīgha Parajana was happy with what the Buddha said.

    จูฬโคสิงฺคสุตฺตํ นิฏฺฐิตํ ปฐมํฯ





    The authoritative text of the Majjhima Nikāya is the Pāli text. The English translation is provided as an aid to the study of the original Pāli text. [CREDITS »]


    © 1991-2024 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact