Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) |
๔. มหายมกวโคฺค
4. Mahāyamakavaggo
๑. จูฬโคสิงฺคสุตฺตวณฺณนา
1. Cūḷagosiṅgasuttavaṇṇanā
๓๒๕. ญาตีนํ (อ. นิ. ฎี. ๓.๖.๑๙) นิวาสฎฺฐานภูโต คาโม ญาติโก, โส เอว นาติโกฯ โส กิร คาโม เยสํ สนฺตโก, เตสํ ปุพฺพปุริเสน อตฺตโน ญาตีนํ สาธารณภาเวน นิเวสิโต, เตน ‘‘นาติโก’’ติ ปญฺญายิตฺถฯ อถ ปจฺฉา ตตฺถ ทฺวีหิ ทายาเทหิ ทฺวิธา วิภชิตฺวา ปริภุโตฺตฯ เตนาห ‘‘ทฺวินฺนํ จูฬปิติมหาปิติปุตฺตานํ เทฺว คามา’’ติฯ คิญฺชกา วุจฺจนฺติ อิฎฺฐกา, คิญฺชกาหิเยว กโต อาวสโถ คิญฺชกาวสโถฯ ตสฺมิํ กิร ปเทเส มตฺติกา สกฺขรมรุมฺพวาลิกาทีหิ อสมฺมิสฺสา อกฐินา สณฺหา สุขุมา, ตาย กตานิ กุลาลภาชนานิปิ สิลามยานิ วิย ทฬฺหานิ, ตสฺมา เต อุปาสกา ตาย มตฺติกาย ทีฆปุถุลอิฎฺฐกา กาเรตฺวา ตาหิ ฐเปตฺวา ทฺวารพาหวาตปานกวาฎตุลาโย เสสํ สพฺพํ ทพฺพสมฺภาเรน วินา อิฎฺฐกาหิ เอว ปาสาทํ กาเรสุํฯ เตนาห ‘‘อิฎฺฐกาเหวา’’ติอาทิฯ
325. Ñātīnaṃ (a. ni. ṭī. 3.6.19) nivāsaṭṭhānabhūto gāmo ñātiko, so eva nātiko. So kira gāmo yesaṃ santako, tesaṃ pubbapurisena attano ñātīnaṃ sādhāraṇabhāvena nivesito, tena ‘‘nātiko’’ti paññāyittha. Atha pacchā tattha dvīhi dāyādehi dvidhā vibhajitvā paribhutto. Tenāha ‘‘dvinnaṃ cūḷapitimahāpitiputtānaṃ dve gāmā’’ti. Giñjakā vuccanti iṭṭhakā, giñjakāhiyeva kato āvasatho giñjakāvasatho. Tasmiṃ kira padese mattikā sakkharamarumbavālikādīhi asammissā akaṭhinā saṇhā sukhumā, tāya katāni kulālabhājanānipi silāmayāni viya daḷhāni, tasmā te upāsakā tāya mattikāya dīghaputhulaiṭṭhakā kāretvā tāhi ṭhapetvā dvārabāhavātapānakavāṭatulāyo sesaṃ sabbaṃ dabbasambhārena vinā iṭṭhakāhi eva pāsādaṃ kāresuṃ. Tenāha ‘‘iṭṭhakāhevā’’tiādi.
โคสิงฺคสาลวนทายนฺติ โคสิงฺคสาลวนนฺติ ลทฺธนามํ รกฺขิตํ อรญฺญํฯ เชฎฺฐกรุกฺขสฺสาติ วนปฺปติภูตสฺส สาลรุกฺขสฺสฯ สามคฺคิรสนฺติ สมคฺคภาวาทิคุณํ วิเวกสุขํฯ อุปริปณฺณาสเก อุปกฺกิเลสสุเตฺต (ม. นิ. ๓.๒๓๗-๒๓๘) ปุถุชฺชนกาโล กถิโต, อิธ จูฬโคสิงฺคสุเตฺต ขีณาสวกาโล กถิโตฯ กตกิจฺจาปิ หิ เต มหาเถรา อตฺตโน ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารํ ปเรสํ ทิฎฺฐานุคติํ อาปชฺชนญฺจ สมฺปสฺสนฺตา ปรมญฺจ วิเวกํ อนุพฺรูหนฺตา สามคฺคิรสํ อนุภวมานา ตตฺถ วิหรนฺติฯ ตทาติ ตสฺมิํ อุปกฺกิเลสสุตฺตเทสนากาเลฯ เตติ อนุรุทฺธปฺปมุขา กุลปุตฺตาฯ ลทฺธสฺสาทาติ วิปสฺสนาย วีถิปฎิปตฺติยา อธิคตสฺสาทาฯ วิปสฺสนา หิ ปุเพฺพนาปรํ วิเสสํ อาวหนฺตี ปวตฺตมานา สาติสยํ ปีติโสมนสฺสํ อาวหติฯ เตนาห ภควา –
Gosiṅgasālavanadāyanti gosiṅgasālavananti laddhanāmaṃ rakkhitaṃ araññaṃ. Jeṭṭhakarukkhassāti vanappatibhūtassa sālarukkhassa. Sāmaggirasanti samaggabhāvādiguṇaṃ vivekasukhaṃ. Uparipaṇṇāsake upakkilesasutte (ma. ni. 3.237-238) puthujjanakālo kathito, idha cūḷagosiṅgasutte khīṇāsavakālo kathito. Katakiccāpi hi te mahātherā attano diṭṭhadhammasukhavihāraṃ paresaṃ diṭṭhānugatiṃ āpajjanañca sampassantā paramañca vivekaṃ anubrūhantā sāmaggirasaṃ anubhavamānā tattha viharanti. Tadāti tasmiṃ upakkilesasuttadesanākāle. Teti anuruddhappamukhā kulaputtā. Laddhassādāti vipassanāya vīthipaṭipattiyā adhigatassādā. Vipassanā hi pubbenāparaṃ visesaṃ āvahantī pavattamānā sātisayaṃ pītisomanassaṃ āvahati. Tenāha bhagavā –
‘‘ยโต ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;
‘‘Yato yato sammasati, khandhānaṃ udayabbayaṃ;
ลภติ ปีติปาโมชฺชํ, อมตํ ตํ วิชานต’’นฺติฯ (ธ. ป. ๓๗๔);
Labhati pītipāmojjaṃ, amataṃ taṃ vijānata’’nti. (dha. pa. 374);
ลทฺธปติฎฺฐา มคฺคผลาธิคมเนนฯ สติ หิ มคฺคผลาธิคเม สาสเน ปติฎฺฐา ลทฺธา นาม โหติ, โน อญฺญถาฯ
Laddhapatiṭṭhā maggaphalādhigamanena. Sati hi maggaphalādhigame sāsane patiṭṭhā laddhā nāma hoti, no aññathā.
กามํ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานาปิ มหาสาวกปริยาปนฺนาว, อคฺคสาวกภาเวน ปน เนสํ วิเสสทสฺสนตฺถํ ‘‘ธมฺมเสนาปติมหาโมคฺคลฺลานเตฺถเรสุ วา’’ติ วิสุํ คหณํฯ สติปิ หิ สามญฺญโยเค วิเสสวโนฺต วิสุํ คยฺหนฺติ ยถา ‘‘พฺราหฺมณา อาคตา, วาสิโฎฺฐปิ อาคโต’’ติฯ เตสุ ปน วิสุํ คหิเตสุปิ ‘‘อสีติมหาสาวเกสู’’ติ อสีติคฺคหณํ อปฺปกํ อูนมธิกํ วา คณนุปคํ น โหตีติฯ อนฺตมโสติ อิทํ ธมฺมภณฺฑาคาริกสฺส อุปฎฺฐากภาเวน อาสนฺนจาริตาย วุตฺตํฯ อนีกาติ หตฺถานีกา, หตฺถานีกโต หตฺถิสมูหโตติ อโตฺถฯ กาฬสีโห เยภุเยฺยน ยูถจโรติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ยูถา นิสฺสโฎ กาฬสีโห วิยา’’ติฯ เกสรี ปน เอกจโรวฯ วาตจฺฉิโนฺน วลาหโก วิยาติ วาตจฺฉิโนฺน ปพฺพตกูฎปฺปมาโณ วลาหกเจฺฉโท วิยฯ เตสํ ปคฺคณฺหนโตติ ยถา นาม ชิฆจฺฉิตสฺส โภชเน, ปิปาสิตสฺส ปานีเย, สีเตน ผุฎฺฐสฺส อุเณฺห, อุเณฺหน ผุฎฺฐสฺส สีเต, ทุกฺขิตสฺส สุเข อภิรุจิ อุปฺปชฺชติ, เอวเมวํ ภควโต โกสมฺพเก ภิกฺขู อญฺญมญฺญํ วิวาทาปเนฺน ทิสฺวา อปเร สมคฺคาวาสํ วสเนฺต อาวชฺชิตสฺส อิเม ตโย กุลปุตฺตา อาปาถํ อาคมิํสุ, อถ เน ปคฺคณฺหิตุกาโม อุปสงฺกมิ, เอวายํ ปฎิปตฺติอนุกฺกเมน โกสมฺพกานํ ภิกฺขูนํ วินยนุปาโย โหตีติฯ เตนาห ‘‘เตสํ ปคฺคณฺหนโต’’ติฯ เอเตเนว ปจฺฉิมชนตํ อนุกมฺปนโตติ อิทมฺปิ การณํ เอกเทเสน สํวณฺณิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ อุกฺกํสิตฺวาติ ยถาภูเตหิ คุเณหิ สมฺปหํสเนน วิเสเสตฺวา วิสิเฎฺฐ กตฺวา ปสํสาวเสน เจตํ อาเมฑิตวจนํฯ
Kāmaṃ sāriputtamoggallānāpi mahāsāvakapariyāpannāva, aggasāvakabhāvena pana nesaṃ visesadassanatthaṃ ‘‘dhammasenāpatimahāmoggallānattheresu vā’’ti visuṃ gahaṇaṃ. Satipi hi sāmaññayoge visesavanto visuṃ gayhanti yathā ‘‘brāhmaṇā āgatā, vāsiṭṭhopi āgato’’ti. Tesu pana visuṃ gahitesupi ‘‘asītimahāsāvakesū’’ti asītiggahaṇaṃ appakaṃ ūnamadhikaṃ vā gaṇanupagaṃ na hotīti. Antamasoti idaṃ dhammabhaṇḍāgārikassa upaṭṭhākabhāvena āsannacāritāya vuttaṃ. Anīkāti hatthānīkā, hatthānīkato hatthisamūhatoti attho. Kāḷasīho yebhuyyena yūthacaroti katvā vuttaṃ ‘‘yūthā nissaṭo kāḷasīho viyā’’ti. Kesarī pana ekacarova. Vātacchinno valāhako viyāti vātacchinno pabbatakūṭappamāṇo valāhakacchedo viya. Tesaṃ paggaṇhanatoti yathā nāma jighacchitassa bhojane, pipāsitassa pānīye, sītena phuṭṭhassa uṇhe, uṇhena phuṭṭhassa sīte, dukkhitassa sukhe abhiruci uppajjati, evamevaṃ bhagavato kosambake bhikkhū aññamaññaṃ vivādāpanne disvā apare samaggāvāsaṃ vasante āvajjitassa ime tayo kulaputtā āpāthaṃ āgamiṃsu, atha ne paggaṇhitukāmo upasaṅkami, evāyaṃ paṭipattianukkamena kosambakānaṃ bhikkhūnaṃ vinayanupāyo hotīti. Tenāha ‘‘tesaṃ paggaṇhanato’’ti. Eteneva pacchimajanataṃ anukampanatoti idampi kāraṇaṃ ekadesena saṃvaṇṇitanti daṭṭhabbaṃ. Ukkaṃsitvāti yathābhūtehi guṇehi sampahaṃsanena visesetvā visiṭṭhe katvā pasaṃsāvasena cetaṃ āmeḍitavacanaṃ.
ตํ อรญฺญํ รกฺขติ วนสามินา อาณโตฺตฯ รกฺขิตโคปิตํ วนสณฺฑํ, น มหาวนาทิ วิย อปริคฺคหิตํฯ สีลาทิปฺปเภทาย อตฺตตฺถาย ปฎิปนฺนา อตฺตกามา, น อปริจฺจตฺตสิเนหาติ อาห ‘‘อตฺตโน หิตํ กามยมานา’’ติฯ เตนาห ‘‘โย หี’’ติอาทิฯ ภิเนฺทยฺยาติ วินาเสยฺยฯ
Taṃ araññaṃ rakkhati vanasāminā āṇatto. Rakkhitagopitaṃ vanasaṇḍaṃ, na mahāvanādi viya apariggahitaṃ. Sīlādippabhedāya attatthāya paṭipannā attakāmā, na apariccattasinehāti āha ‘‘attano hitaṃ kāmayamānā’’ti. Tenāha ‘‘yo hī’’tiādi. Bhindeyyāti vināseyya.
ทุพฺพลมนุสฺสาติ ปญฺญาย ทุพฺพลา อวิทฺทสุโน มนุสฺสาฯ ตานีติ อภิชาติอาทีสุ อุปฺปนฺนปาฎิหาริยานิฯ จีวรคเพฺภน ปฎิจฺฉาเทตฺวาติ จีวรสงฺขาเต โอวรเก นิคูหิตฺวา วิยฯ น หิ จีวรปารุปนมเตฺตน พุทฺธานุภาโว ปฎิจฺฉโนฺน โหติฯ ‘‘มา สุธ โกจิมํ พุทฺธานุภาวํ อญฺญาสี’’ติ ปน ตถารูเปน อิทฺธาภิสงฺขาเรน ตํ ฉาเทตฺวา คโต ภควา ตถา วุโตฺตฯ เตนาห ‘‘อญฺญาตกเวเสน อคมาสี’’ติฯ
Dubbalamanussāti paññāya dubbalā aviddasuno manussā. Tānīti abhijātiādīsu uppannapāṭihāriyāni. Cīvaragabbhena paṭicchādetvāti cīvarasaṅkhāte ovarake nigūhitvā viya. Na hi cīvarapārupanamattena buddhānubhāvo paṭicchanno hoti. ‘‘Mā sudha kocimaṃ buddhānubhāvaṃ aññāsī’’ti pana tathārūpena iddhābhisaṅkhārena taṃ chādetvā gato bhagavā tathā vutto. Tenāha ‘‘aññātakavesena agamāsī’’ti.
อภิกฺกมถาติ ปทํ อภิมุขภาเวน วิธิมุเขน วทตีติ อาห ‘‘อิโต อาคจฺฉถา’’ติฯ พุทฺธานํ กาโย นาม สุวิสุทฺธชาติมณิ วิย โสภโน, กิญฺจิ มลํ อปเนตพฺพํ นตฺถิ, กิมตฺถํ ภควา ปาเท ปกฺขาเลสีติ อาห ‘‘พุทฺธาน’’นฺติอาทิฯ
Abhikkamathāti padaṃ abhimukhabhāvena vidhimukhena vadatīti āha ‘‘ito āgacchathā’’ti. Buddhānaṃ kāyo nāma suvisuddhajātimaṇi viya sobhano, kiñci malaṃ apanetabbaṃ natthi, kimatthaṃ bhagavā pāde pakkhālesīti āha ‘‘buddhāna’’ntiādi.
๓๒๖. อนุรุทฺธาติ วา เอกเสสนเยน วุตฺตํ วิรูเปกเสสสฺสปิ อิจฺฉิตพฺพตฺตา, เอวญฺจ กตฺวา พหุวจนนิเทฺทโสปิ สมตฺถิโต โหติฯ อิริยาปโถ ขมตีติ สรีรสฺส ลหุฎฺฐานตาย จตุพฺพิโธปิ อิริยาปโถ สุขปฺปวตฺติโกฯ ชีวิตํ ยาเปตีติ ยาปนาลกฺขณํ ชีวิตํ อิมํ สรีรยนฺตํ ยาเปติ สุเขน ปวเตฺตติฯ อุฬุงฺกยาคุํ วา กฎจฺฉุภิกฺขํ วาติ อิทํ มกรวุตฺติยา มิสฺสกภเตฺตน ยาปนํ วตฺตนฺติ กตฺวา วุตฺตํฯ เตนาห ‘‘ภิกฺขาจารวตฺตํ ปุจฺฉตี’’ติฯ
326.Anuruddhāti vā ekasesanayena vuttaṃ virūpekasesassapi icchitabbattā, evañca katvā bahuvacananiddesopi samatthito hoti. Iriyāpatho khamatīti sarīrassa lahuṭṭhānatāya catubbidhopi iriyāpatho sukhappavattiko. Jīvitaṃ yāpetīti yāpanālakkhaṇaṃ jīvitaṃ imaṃ sarīrayantaṃ yāpeti sukhena pavatteti. Uḷuṅkayāguṃ vā kaṭacchubhikkhaṃ vāti idaṃ makaravuttiyā missakabhattena yāpanaṃ vattanti katvā vuttaṃ. Tenāha ‘‘bhikkhācāravattaṃ pucchatī’’ti.
อญฺญมญฺญํ สํสนฺทตีติ สติปิ อุภเยสํ กลาปานํ ปรมตฺถโต เภเท ปจุรชเนหิ ทุวิเญฺญยฺยนานตฺตํ ขีโรทกสโมฺมทิตํ อจฺจนฺตเมว สํสฎฺฐํ วิย หุตฺวา ติฎฺฐติฯ เตนาห ‘‘วิสุํ น โหติ, เอกตฺตํ วิย อุเปตี’’ติฯ ปิยภาวทีปนานิ จกฺขูนิ ปิยจกฺขูนิฯ ปิยายติ, ปิยายิตโพฺพติ วา ปิโยติฯ สมคฺควาสสฺส ยํ เอกนฺตการณํ, ตํ ปุจฺฉโนฺต ภควา ‘‘ยถา กถํ ปนา’’ติอาทิมาหาติ ‘‘กถนฺติ การณปุจฺฉา’’ติ วุตฺตํฯ โย เนสํ เมตฺตาสหิตานํเยว กมฺมาทีนํ อญฺญมญฺญสฺมิํ ปจฺจุปฎฺฐานากาโร, ตํ สนฺธาย ‘‘กถ’’นฺติ ปุจฺฉาฯ ตถา หิ ปรโต ‘‘เอวํ โข มยํ, ภเนฺต’’ติอาทินา เถเรหิ วิสฺสชฺชนํ กถิตํฯ
Aññamaññaṃ saṃsandatīti satipi ubhayesaṃ kalāpānaṃ paramatthato bhede pacurajanehi duviññeyyanānattaṃ khīrodakasammoditaṃ accantameva saṃsaṭṭhaṃ viya hutvā tiṭṭhati. Tenāha ‘‘visuṃ na hoti, ekattaṃ viya upetī’’ti. Piyabhāvadīpanāni cakkhūni piyacakkhūni. Piyāyati, piyāyitabboti vā piyoti. Samaggavāsassa yaṃ ekantakāraṇaṃ, taṃ pucchanto bhagavā ‘‘yathā kathaṃ panā’’tiādimāhāti ‘‘kathanti kāraṇapucchā’’ti vuttaṃ. Yo nesaṃ mettāsahitānaṃyeva kammādīnaṃ aññamaññasmiṃ paccupaṭṭhānākāro, taṃ sandhāya ‘‘katha’’nti pucchā. Tathā hi parato ‘‘evaṃ kho mayaṃ, bhante’’tiādinā therehi vissajjanaṃ kathitaṃ.
มิตฺตํ เอตสฺส อตฺถีติ เมตฺตํ, กายกมฺมํฯ อาวีติ ปกาสํฯ รโหติ อปฺปกาสํฯ ยญฺหิ อุทฺทิสฺส เมตฺตํ กายกมฺมํ ปจฺจุปฎฺฐเปติ, ตํ ตสฺส สมฺมุขา เจ, ปกาสํ โหติ, ปรมฺมุขา เจ, อปฺปกาสํฯ เตนาห ‘‘อาวิ เจว รโห จาติ สมฺมุขา เจว ปรมฺมุขา จา’’ติฯ อิตรานีติ ปรมฺมุขา กายวจีกมฺมานิฯ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทินา สเงฺขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘ยํ หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ สมฺมชฺชนาทิวเสน ปฎิชคฺคิตพฺพยุตฺตํ ฐานํ วาฯ ตเถวาติ ยถา สมฺมุขา กเต เมตฺตากายกเมฺม วุตฺตํ, ตเถว ฯ ‘‘กจฺจิ ขมนีย’’นฺติ เอวมาทิกา กถา สโมฺมทนียกถาฯ ยถา ปเรหิ สทฺธิํ อตฺตโน ฉิทฺทํ น โหติ, ตถา ปฎิสนฺถารวเสน ปวตฺตา กถา ปฎิสนฺถารกถาฯ ‘‘อโห ตทา เถเรน มยฺหํ ทิโนฺน โอวาโท, ทินฺนา อนุสาสนี’’ติ เอวํ กาลนฺตเร สริตพฺพยุตฺตา, ฉสารณียปฎิสํยุตฺตา วา กถา สารณียกถาฯ สุตฺตปทํ นิกฺขิปิตฺวา ตสฺส อตฺถนิเทฺทสวเสน สีลาทิธมฺมปฎิสํยุตฺตา กถา ธมฺมีกถาฯ สเรน สุตฺตสฺส อุจฺจารณํ สรภญฺญํฯ ปญฺหสฺส ญาตุํ อิจฺฉิตสฺส อตฺถสฺส ปุจฺฉนํ ปญฺหปุจฺฉนํฯ ตสฺส ยถาปุจฺฉิตสฺสอาทิสนํ ปญฺหวิสฺสชฺชนํฯ เอวํ สมนฺนาหรโตติ เอวํ มนสิกโรโต, เอวํ เมตฺตํ อุปสํหรโตติ อโตฺถฯ
Mittaṃ etassa atthīti mettaṃ, kāyakammaṃ. Āvīti pakāsaṃ. Rahoti appakāsaṃ. Yañhi uddissa mettaṃ kāyakammaṃ paccupaṭṭhapeti, taṃ tassa sammukhā ce, pakāsaṃ hoti, parammukhā ce, appakāsaṃ. Tenāha ‘‘āvi ceva raho cāti sammukhā ceva parammukhā cā’’ti. Itarānīti parammukhā kāyavacīkammāni. ‘‘Tatthā’’tiādinā saṅkhepato vuttamatthaṃ vivarituṃ ‘‘yaṃ hī’’tiādi vuttaṃ. Sammajjanādivasena paṭijaggitabbayuttaṃ ṭhānaṃ vā. Tathevāti yathā sammukhā kate mettākāyakamme vuttaṃ, tatheva . ‘‘Kacci khamanīya’’nti evamādikā kathā sammodanīyakathā. Yathā parehi saddhiṃ attano chiddaṃ na hoti, tathā paṭisanthāravasena pavattā kathā paṭisanthārakathā. ‘‘Aho tadā therena mayhaṃ dinno ovādo, dinnā anusāsanī’’ti evaṃ kālantare saritabbayuttā, chasāraṇīyapaṭisaṃyuttā vā kathā sāraṇīyakathā. Suttapadaṃ nikkhipitvā tassa atthaniddesavasena sīlādidhammapaṭisaṃyuttā kathā dhammīkathā. Sarena suttassa uccāraṇaṃ sarabhaññaṃ. Pañhassa ñātuṃ icchitassa atthassa pucchanaṃ pañhapucchanaṃ. Tassa yathāpucchitassaādisanaṃ pañhavissajjanaṃ. Evaṃ samannāharatoti evaṃ manasikaroto, evaṃ mettaṃ upasaṃharatoti attho.
เอกโต กาตุํ น สกฺกา, ตสฺมา นานาฯ หิตเฎฺฐนาติ อตฺตโน วิย อญฺญมญฺญสฺส หิตภาเวนฯ นิรนฺตรเฎฺฐนาติ อนฺตราภาเวน เภทาภาเวนฯ อวิคฺคหเฎฺฐนาติ อวิโรธภาเวนฯ สมคฺคเฎฺฐนาติ สหิตภาเวนฯ ปริภณฺฑํ กตฺวาติ พหลตนุมตฺติกาเลเปหิ ลิเมฺปตฺวาฯ จีวรํ วา โธวนฺตีติ อตฺตโน จีวรํ วา โธวนฺติฯ ปริภณฺฑํ วาติ อตฺตโน ปณฺณสาลาย ปริภณฺฑํ วา กโรนฺติฯ
Ekato kātuṃ na sakkā, tasmā nānā. Hitaṭṭhenāti attano viya aññamaññassa hitabhāvena. Nirantaraṭṭhenāti antarābhāvena bhedābhāvena. Aviggahaṭṭhenāti avirodhabhāvena. Samaggaṭṭhenāti sahitabhāvena. Paribhaṇḍaṃ katvāti bahalatanumattikālepehi limpetvā. Cīvaraṃ vā dhovantīti attano cīvaraṃ vā dhovanti. Paribhaṇḍaṃ vāti attano paṇṇasālāya paribhaṇḍaṃ vā karonti.
๓๒๗. ปฎิวิรุทฺธา เอวาติ เอตฺถาปิ ‘‘เยภุเยฺยนา’’ติ ปทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํฯ เตสํ อปฺปมาทลกฺขณนฺติ เตสํ อปฺปมชฺชนสภาวํฯ กจฺจิ ปน โว อนุรุทฺธา สมคฺคาติ เอตฺถาปิ โวติ นิปาตมตฺตํ, ปจฺจตฺตวจนํ วา, กจฺจิ ตุเมฺหติ เอวมโตฺถ เวทิตโพฺพฯ สมุคฺคปาตินฺติ สมุคฺคปุฎสทิสํ ปาติํฯ
327.Paṭiviruddhā evāti etthāpi ‘‘yebhuyyenā’’ti padaṃ ānetvā sambandhitabbaṃ. Tesaṃ appamādalakkhaṇanti tesaṃ appamajjanasabhāvaṃ. Kacci pana vo anuruddhā samaggāti etthāpi voti nipātamattaṃ, paccattavacanaṃ vā, kacci tumheti evamattho veditabbo. Samuggapātinti samuggapuṭasadisaṃ pātiṃ.
ปณฺณสาลายํ อโนฺต พหิ จ สมฺมชฺชเนน โสธิตงฺคณตา วตฺตปฎิปตฺติฯ ปฎิวิสมตฺตเมวาติ อตฺตโน ยาปนปฎิวิสมตฺตเมวฯ โอสาเปตฺวาติ ปกฺขิปิตฺวาฯ ปมาณเมวาติ อตฺตโน ยาปนปมาณเมวฯ วุตฺตนเยน ชหิตฺวาติ ปาฬิยํ วุตฺตนเยน ชหิตฺวาฯ
Paṇṇasālāyaṃ anto bahi ca sammajjanena sodhitaṅgaṇatā vattapaṭipatti. Paṭivisamattamevāti attano yāpanapaṭivisamattameva. Osāpetvāti pakkhipitvā. Pamāṇamevāti attano yāpanapamāṇameva. Vuttanayena jahitvāti pāḷiyaṃ vuttanayena jahitvā.
หเตฺถน หตฺถํ สํสิพฺพนฺตาติ อตฺตโน หเตฺถน อิตรสฺส หตฺถํ ทฬฺหคฺคหณวเสน พนฺธนฺตาฯ วิลเงฺฆติ เทสนฺตรํ ปาเปติ เอเตนาติ วิลงฺฆโก, หโตฺถฯ หโตฺถ เอว วิลงฺฆโก หตฺถวิลงฺฆโก, เตน หตฺถวิลงฺฆเกนฯ
Hatthena hatthaṃ saṃsibbantāti attano hatthena itarassa hatthaṃ daḷhaggahaṇavasena bandhantā. Vilaṅgheti desantaraṃ pāpeti etenāti vilaṅghako, hattho. Hattho eva vilaṅghako hatthavilaṅghako, tena hatthavilaṅghakena.
ตํ อขณฺฑํ กตฺวาติ ตํ ตีสุปิ ทิวเสสุ ธมฺมสฺสวนํ ปวตฺตนวเสน อขณฺฑิกํ กตฺวาฯ เอตนฺติ ‘‘ปญฺจาหิกํ โข ปนา’’ติอาทิวจนํฯ ปญฺจเม ปญฺจเม อหนิ ภวตีติ ปญฺจาหิกํฯ ภควตา ปุจฺฉิเตน อนุรุทฺธเตฺถเรนฯ ปมาทฎฺฐาเนสุเยวาติ อเญฺญสํ ปมาทฎฺฐาเนสุเยวฯ ‘‘ปมาทฎฺฐาเนสุเยวา’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ ปากฎตรํ กาตุํ ‘‘อเญฺญสญฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปปญฺจกรณฎฺฐานานีติ กถาปปญฺจสฺส กรณฎฺฐานานิ วิสฺสฎฺฐกถาปวตฺตเนน กมฺมฎฺฐาเน ปมชฺชนฎฺฐานานิฯ ตตฺถาปิ ‘‘มยํ, ภเนฺต, กมฺมฎฺฐานวิรุทฺธํ น ปฎิปชฺชามา’’ติ สิขาปฺปตฺตํ อตฺตโน อปฺปมาทลกฺขณํ เถโร ทเสฺสติฯ เอตฺตกํ ฐานํ มุญฺจิตฺวาติ ปน อิทํ ตทา วิหารสมาปตฺตีนํ วฬญฺชาภาเวน วุตฺตํฯ
Taṃ akhaṇḍaṃ katvāti taṃ tīsupi divasesu dhammassavanaṃ pavattanavasena akhaṇḍikaṃ katvā. Etanti ‘‘pañcāhikaṃ kho panā’’tiādivacanaṃ. Pañcame pañcame ahani bhavatīti pañcāhikaṃ. Bhagavatā pucchitena anuruddhattherena. Pamādaṭṭhānesuyevāti aññesaṃ pamādaṭṭhānesuyeva. ‘‘Pamādaṭṭhānesuyevā’’ti vuttamevatthaṃ pākaṭataraṃ kātuṃ ‘‘aññesañhī’’tiādi vuttaṃ. Papañcakaraṇaṭṭhānānīti kathāpapañcassa karaṇaṭṭhānāni vissaṭṭhakathāpavattanena kammaṭṭhāne pamajjanaṭṭhānāni. Tatthāpi ‘‘mayaṃ, bhante, kammaṭṭhānaviruddhaṃ na paṭipajjāmā’’ti sikhāppattaṃ attano appamādalakkhaṇaṃ thero dasseti. Ettakaṃ ṭhānaṃ muñcitvāti pana idaṃ tadā vihārasamāpattīnaṃ vaḷañjābhāvena vuttaṃ.
๓๒๘. ฌานสฺส อธิเปฺปตตฺตา ‘‘อลมริยญาณทสฺสนวิเสโส’’อิเจฺจว วุตฺตํฯ อตฺตโน สมฺมาปฎิปนฺนตาย สตฺถุ จิตฺตาราธนตฺถํ ตสฺส จ วิเสสาธิคมสฺส สตฺถุ ปจฺจกฺขภาวโต เถโร ‘‘กิญฺหิ โน สิยา, ภเนฺต’’ติ อาหฯ ยาวเทวาติ ยตฺตกํ กาลํ เอกํ ทิวสภาคํ วา สกลรตฺติํ วา ยาว สตฺต วา ทิวเสฯ
328. Jhānassa adhippetattā ‘‘alamariyañāṇadassanaviseso’’icceva vuttaṃ. Attano sammāpaṭipannatāya satthu cittārādhanatthaṃ tassa ca visesādhigamassa satthu paccakkhabhāvato thero ‘‘kiñhi no siyā, bhante’’ti āha. Yāvadevāti yattakaṃ kālaṃ ekaṃ divasabhāgaṃ vā sakalarattiṃ vā yāva satta vā divase.
๓๒๙. สมติกฺกมายาติ สมฺมเทว อติกฺกมนายฯ สติ หิ อุปริ วิเสสาธิคเม เหฎฺฐิมชฺฌานํ สมติกฺกนฺตํ นาม โหติ ปฎิปฺปสฺสทฺธิ จฯ เตนาห ‘‘ปฎิปฺปสฺสทฺธิยา’’ติฯ ญาณทสฺสนวิเสโสติ การณูปจาเรน วุโตฺตติ เวทิตโพฺพฯ เวทยิตสุขโตติ เวทนาสหิตชฺฌานสุขโต วา ผลสุขโต วาฯ อเวทยิตสุขนฺติ นิพฺพานสุขํ วิย เวทนารหิตํ สุขํฯ อเวทยิตสุขนฺติ จ นิทสฺสนมตฺตเมตํ, ตํ ปน อผสฺสํ อสญฺญํ อเจตนนฺติ สพฺพจิตฺตเจตสิกรหิตเมวฯ ตโต จ สติปิ รูปธมฺมปฺปวตฺติยํ ตสฺส อเจตนตฺตา สพฺพโส สงฺขารทุกฺขวิรหิตตาย สนฺตตรา ปณีตตรา จ นิโรธสมาปตฺตีติ วุจฺจเตฯ เตนาห ‘‘อเวทยิตสุขํ สนฺตตรํ ปณีตตรํ โหตี’’ติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อิมมฺหา จา’’ติอาทิฯ
329.Samatikkamāyāti sammadeva atikkamanāya. Sati hi upari visesādhigame heṭṭhimajjhānaṃ samatikkantaṃ nāma hoti paṭippassaddhi ca. Tenāha ‘‘paṭippassaddhiyā’’ti. Ñāṇadassanavisesoti kāraṇūpacārena vuttoti veditabbo. Vedayitasukhatoti vedanāsahitajjhānasukhato vā phalasukhato vā. Avedayitasukhanti nibbānasukhaṃ viya vedanārahitaṃ sukhaṃ. Avedayitasukhanti ca nidassanamattametaṃ, taṃ pana aphassaṃ asaññaṃ acetananti sabbacittacetasikarahitameva. Tato ca satipi rūpadhammappavattiyaṃ tassa acetanattā sabbaso saṅkhāradukkhavirahitatāya santatarā paṇītatarā ca nirodhasamāpattīti vuccate. Tenāha ‘‘avedayitasukhaṃ santataraṃ paṇītataraṃ hotī’’ti. Tena vuttaṃ ‘‘imamhā cā’’tiādi.
๓๓๐. สามคฺคิรสานิสํสเมว เนสํ ภควา กเถสิ อชฺฌาสยานุกูลตฺตา ตสฺสฯ อนุสาเวตฺวาติ อนุปคมนวเสน สมฺมเทว อาโรเจตฺวาฯ ‘‘อนุสํสาเวตฺวา’’ติ วา ปาโฐ, โส เอวโตฺถฯ ตโต ปฎินิวตฺติตฺวาติ เอตรหิ ภควโต เอกวิหาเร อชฺฌาสโยติ สตฺถุ มนํ คณฺหนฺตา ‘‘อิเธว ติฎฺฐถา’’ติ วิสฺสชฺชิตฎฺฐานโต นิวตฺติตฺวา ฯ ปพฺพชฺชาทีนีติ อาทิ-สเทฺทน อุปสมฺปทา-วิสุทฺธิ-ธุตกมฺมฎฺฐานานุโยค-ฌานวิโมกฺข-สมาปตฺติ-ญาณทสฺสน-มคฺคภาวนา-ผลสจฺฉิกิริยาทิเก สงฺคณฺหาติฯ อธิคนฺตฺวาปีติ ปิ-สเทฺทน ยถาธิคตานมฺปิฯ อตฺตโน คุณกถาย อฎฺฎิยมานาติ ภควนฺตํ นิสฺสาย อธิคนฺตฺวาปิ ธมฺมาธิกรณํ สตฺถุวิเหสาภาวทีปเน ภควโต ปากฎคุณานํ กถาย อฎฺฎิยมานาปีติ โยชนาฯ เทวตาติ ตํตํสมาปตฺติลาภินิโย เทวตาฯ มุขํ เม สชฺชนฺติ มุขํ เม กถเน สมตฺถํ, กถเน โยคฺยนฺติ อโตฺถฯ
330.Sāmaggirasānisaṃsameva nesaṃ bhagavā kathesi ajjhāsayānukūlattā tassa. Anusāvetvāti anupagamanavasena sammadeva ārocetvā. ‘‘Anusaṃsāvetvā’’ti vā pāṭho, so evattho. Tato paṭinivattitvāti etarahi bhagavato ekavihāre ajjhāsayoti satthu manaṃ gaṇhantā ‘‘idheva tiṭṭhathā’’ti vissajjitaṭṭhānato nivattitvā . Pabbajjādīnīti ādi-saddena upasampadā-visuddhi-dhutakammaṭṭhānānuyoga-jhānavimokkha-samāpatti-ñāṇadassana-maggabhāvanā-phalasacchikiriyādike saṅgaṇhāti. Adhigantvāpīti pi-saddena yathādhigatānampi. Attano guṇakathāya aṭṭiyamānāti bhagavantaṃ nissāya adhigantvāpi dhammādhikaraṇaṃ satthuvihesābhāvadīpane bhagavato pākaṭaguṇānaṃ kathāya aṭṭiyamānāpīti yojanā. Devatāti taṃtaṃsamāpattilābhiniyo devatā. Mukhaṃ me sajjanti mukhaṃ me kathane samatthaṃ, kathane yogyanti attho.
๓๓๑. เอวํ อาคโตติ เอวํ อาฎานาฎิยสุเตฺต อาคโตฯ ปลิเวเฐเนฺตติ โจเทเนฺตฯ มจฺฉรายนฺตีติ อตฺตโน คุณานํ ภควโตปิ อาโรจนํ อสหมานา มจฺฉรายนฺตีติ โส จิเนฺตตีติ กตฺวา วุตฺตํฯ
331.Evaṃ āgatoti evaṃ āṭānāṭiyasutte āgato. Paliveṭhenteti codente. Maccharāyantīti attano guṇānaṃ bhagavatopi ārocanaṃ asahamānā maccharāyantīti so cintetīti katvā vuttaṃ.
๐๑ เตสํ ลาภาติ เตสํ วชฺชิราชูนํ วชฺชิรฎฺฐวาสีนญฺจ มนุสฺสตฺตํ, ปติรูปเทสวาสาทิโก, ภควโต ติณฺณญฺจ กุลปุตฺตานํ ทสฺสนวนฺทนทานธมฺมสฺสวนาทโย ลาภาฯ สุลทฺธา ลาภาติ โยชนาฯ ปสนฺนจิตฺตํ อนุสฺสเรยฺยาติ ตํ กุลเญฺหตํ สีลาทิคุเณ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา อนุสฺสเรยฺยฯ วุตฺตํ เตสํ ‘‘อนุสฺสรณมฺปาหํ, ภิกฺขเว, เตสํ ภิกฺขูนํ พหูปการํ วทามี’’ติ (อิติวุ. ๑๐๔; สํ. นิ. ๕.๑๘๔)ฯ
01Tesaṃlābhāti tesaṃ vajjirājūnaṃ vajjiraṭṭhavāsīnañca manussattaṃ, patirūpadesavāsādiko, bhagavato tiṇṇañca kulaputtānaṃ dassanavandanadānadhammassavanādayo lābhā. Suladdhā lābhāti yojanā. Pasannacittaṃ anussareyyāti taṃ kulañhetaṃ sīlādiguṇe cittaṃ pasādetvā anussareyya. Vuttaṃ tesaṃ ‘‘anussaraṇampāhaṃ, bhikkhave, tesaṃ bhikkhūnaṃ bahūpakāraṃ vadāmī’’ti (itivu. 104; saṃ. ni. 5.184).
จูฬโคสิงฺคสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Cūḷagosiṅgasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๑. จูฬโคสิงฺคสุตฺตํ • 1. Cūḷagosiṅgasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๑. จูฬโคสิงฺคสุตฺตวณฺณนา • 1. Cūḷagosiṅgasuttavaṇṇanā