Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
๒๑. อสีตินิปาโต
21. Asītinipāto
[๕๓๓] ๑. จูฬหํสชาตกวณฺณนา
[533] 1. Cūḷahaṃsajātakavaṇṇanā
สุมุขาติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรโนฺต อายสฺมโต อานนฺทสฺส ชีวิตปริจฺจาคํ อารพฺภ กเถสิฯ เทวทเตฺตน หิ ตถาคตํ ชีวิตา โวโรเปตุํ ปโยชิเตสุ ธนุคฺคเหสุ สพฺพปฐมํ เปสิเตน อาคนฺตฺวา ‘‘นาหํ, ภเนฺต, สโกฺกมิ ตํ ภควนฺตํ ชีวิตา โวโรเปตุํ, มหิทฺธิโก โส ภควา มหานุภาโว’’ติ วุเตฺต เทวทโตฺต ‘‘อลํ, อาวุโส, มา ตฺวํ สมณํ โคตมํ ชีวิตา โวโรเปหิ, อหเมว สมณํ โคตมํ ชีวิตา โวโรเปสฺสามี’’ติ วตฺวา ตถาคเต คิชฺฌกูฎปพฺพตสฺส ปจฺฉิมฉายาย จงฺกมเนฺต สยํ คิชฺฌกูฎํ ปพฺพตํ อภิรุหิตฺวา ยนฺตเวเคน มหติํ สิลํ ปวิชฺฌิ, ‘‘อิมาย สิลาย สมณํ โคตมํ ชีวิตา โวโรเปสฺสามี’’ติฯ ตทา เทฺว ปพฺพตกูฎา สมาคนฺตฺวา ตํ สิลํ สมฺปฎิจฺฉิํสุฯ ตโต ปปฎิกา อุปฺปติตฺวา ภควโต ปาทํ ปหริตฺวา รุหิรํ อุปฺปาเทสิ, พลวเวทนา ปวตฺติํสุฯ ชีวโก ตถาคตสฺส ปาทํ สตฺถเกน ผาเลตฺวา ทุฎฺฐโลหิตํ วเมตฺวา ปูติมํสํ อปเนตฺวา โธวิตฺวา เภสชฺชํ อาลิมฺปิตฺวา นิโรคมกาสิฯ สตฺถา ปุริมสทิสเมว ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต มหติยา พุทฺธลีลาย วิจริฯ
Sumukhāti idaṃ satthā veḷuvane viharanto āyasmato ānandassa jīvitapariccāgaṃ ārabbha kathesi. Devadattena hi tathāgataṃ jīvitā voropetuṃ payojitesu dhanuggahesu sabbapaṭhamaṃ pesitena āgantvā ‘‘nāhaṃ, bhante, sakkomi taṃ bhagavantaṃ jīvitā voropetuṃ, mahiddhiko so bhagavā mahānubhāvo’’ti vutte devadatto ‘‘alaṃ, āvuso, mā tvaṃ samaṇaṃ gotamaṃ jīvitā voropehi, ahameva samaṇaṃ gotamaṃ jīvitā voropessāmī’’ti vatvā tathāgate gijjhakūṭapabbatassa pacchimachāyāya caṅkamante sayaṃ gijjhakūṭaṃ pabbataṃ abhiruhitvā yantavegena mahatiṃ silaṃ pavijjhi, ‘‘imāya silāya samaṇaṃ gotamaṃ jīvitā voropessāmī’’ti. Tadā dve pabbatakūṭā samāgantvā taṃ silaṃ sampaṭicchiṃsu. Tato papaṭikā uppatitvā bhagavato pādaṃ paharitvā ruhiraṃ uppādesi, balavavedanā pavattiṃsu. Jīvako tathāgatassa pādaṃ satthakena phāletvā duṭṭhalohitaṃ vametvā pūtimaṃsaṃ apanetvā dhovitvā bhesajjaṃ ālimpitvā nirogamakāsi. Satthā purimasadisameva bhikkhusaṅghaparivuto mahatiyā buddhalīlāya vicari.
อถ นํ ทิสฺวา เทวทโตฺต จิเนฺตสิ – ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส รูปโสภคฺคปฺปตฺตํ สรีรํ ทิสฺวา โกจิ มนุสฺสภูโต อุปสงฺกมิตุํ น สโกฺกติ, รโญฺญ โข ปน นาฬาคิริ นาม หตฺถี จโณฺฑ ผรุโส มนุสฺสฆาตโก พุทฺธธมฺมสงฺฆคุเณ น ชานาติ, โส ตํ ชีวิตกฺขยํ ปาเปสฺสตี’’ติฯ โส คนฺตฺวา รโญฺญ ตมตฺถํ อาโรเจสิฯ ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา หตฺถาจริยํ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘สมฺม, เสฺว นาฬาคิริํ มตฺตํ กตฺวา ปาโตว สมเณน โคตเมน ปฎิปนฺนวีถิยํ วิสฺสเชฺชหี’’ติ อาหฯ เทวทโตฺตปิ นํ ‘‘อเญฺญสุ ทิวเสสุ หตฺถี กิตฺตกํ สุรํ ปิวตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อฎฺฐ ฆเฎ, ภเนฺต’’ติ วุเตฺต ‘‘เตน หิ เสฺว ตฺวํ ตํ โสฬส ฆเฎ ปาเยตฺวา สมเณน โคตเมน ปฎิปนฺนวีถิยํ อภิมุขํ กเรยฺยาสี’’ติ อาหฯ โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิฯ ราชา นคเร เภริํ จราเปสิ – ‘‘เสฺว นาฬาคิริํ มตฺตํ กตฺวา นคเร วิสฺสเชฺชสฺสติ, นาครา ปาโตว สพฺพกิจฺจานิ กตฺวา อนฺตรวีถิํ มา ปฎิปชฺชิํสู’’ติฯ เทวทโตฺตปิ ราชนิเวสนา โอรุยฺห หตฺถิสาลํ คนฺตฺวา หตฺถิโคปเก อามเนฺตตฺวา ‘‘มยํ ภเณ อุจฺจฎฺฐานิยํ นีจฎฺฐาเน, นีจฎฺฐานิยํ วา อุจฺจฎฺฐาเน กาตุํ สมตฺถา, สเจ โว ยเสน อโตฺถ, เสฺว ปาโตว นาฬาคิริํ ติขิณสุราย โสฬส ฆเฎ ปาเยตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส อาคมนเวลาย ตุตฺตโตมเรหิ วิชฺฌิตฺวา กุชฺฌาเปตฺวา หตฺถิสาลํ ภินฺทาเปตฺวา สมเณน โคตเมน ปฎิปนฺนวีถิยํ อภิมุขํ กตฺวา สมณํ โคตมํ ชีวิตกฺขยํ ปาเปถา’’ติ อาหฯ เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิํสุฯ
Atha naṃ disvā devadatto cintesi – ‘‘samaṇassa gotamassa rūpasobhaggappattaṃ sarīraṃ disvā koci manussabhūto upasaṅkamituṃ na sakkoti, rañño kho pana nāḷāgiri nāma hatthī caṇḍo pharuso manussaghātako buddhadhammasaṅghaguṇe na jānāti, so taṃ jīvitakkhayaṃ pāpessatī’’ti. So gantvā rañño tamatthaṃ ārocesi. Rājā ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchitvā hatthācariyaṃ pakkosāpetvā ‘‘samma, sve nāḷāgiriṃ mattaṃ katvā pātova samaṇena gotamena paṭipannavīthiyaṃ vissajjehī’’ti āha. Devadattopi naṃ ‘‘aññesu divasesu hatthī kittakaṃ suraṃ pivatī’’ti pucchitvā ‘‘aṭṭha ghaṭe, bhante’’ti vutte ‘‘tena hi sve tvaṃ taṃ soḷasa ghaṭe pāyetvā samaṇena gotamena paṭipannavīthiyaṃ abhimukhaṃ kareyyāsī’’ti āha. So ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchi. Rājā nagare bheriṃ carāpesi – ‘‘sve nāḷāgiriṃ mattaṃ katvā nagare vissajjessati, nāgarā pātova sabbakiccāni katvā antaravīthiṃ mā paṭipajjiṃsū’’ti. Devadattopi rājanivesanā oruyha hatthisālaṃ gantvā hatthigopake āmantetvā ‘‘mayaṃ bhaṇe uccaṭṭhāniyaṃ nīcaṭṭhāne, nīcaṭṭhāniyaṃ vā uccaṭṭhāne kātuṃ samatthā, sace vo yasena attho, sve pātova nāḷāgiriṃ tikhiṇasurāya soḷasa ghaṭe pāyetvā samaṇassa gotamassa āgamanavelāya tuttatomarehi vijjhitvā kujjhāpetvā hatthisālaṃ bhindāpetvā samaṇena gotamena paṭipannavīthiyaṃ abhimukhaṃ katvā samaṇaṃ gotamaṃ jīvitakkhayaṃ pāpethā’’ti āha. Te ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchiṃsu.
สา ปวตฺติ สกลนคเร วิตฺถาริกา อโหสิฯ พุทฺธธมฺมสงฺฆมามกา อุปาสกา ตํ สุตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ภเนฺต, เทวทโตฺต รญฺญา สทฺธิํ เอกโต หุตฺวา เสฺว ตุเมฺหหิ ปฎิปนฺนวีถิยํ นาฬาคิริํ วิสฺสชฺชาเปสฺสติ, เสฺว ปิณฺฑาย อปวิสิตฺวา อิเธว โหถ, มยํ วิหาเรเยว พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ภิกฺขํ ทสฺสามา’’ติ วทิํสุฯ สตฺถาปิ ‘‘เสฺว ปิณฺฑาย น ปวิสิสฺสามี’’ติ อวตฺวาว ‘‘อหํ เสฺว นาฬาคิริํ ทเมตฺวา ปาฎิหาริยํ กตฺวา ติตฺถิเย มทฺทิตฺวา ราชคเห ปิณฺฑาย อจริตฺวาว ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต นครา นิกฺขมิตฺวา เวฬุวนเมว อาคมิสฺสามิ, ราชคหวาสิโนปิ พหูนิ ภตฺตภาชนานิ คเหตฺวา เวฬุวนเมว อาคมิสฺสนฺติ, เสฺว วิหาเรเยว ภตฺตคฺคํ ภวิสฺสตี’’ติ อิมินา การเณน เตสํ อธิวาเสสิฯ เต ตถาคตสฺส อธิวาสนํ วิทิตฺวา ภตฺตภาชนานิ อาหริตฺวา ‘‘วิหาเรเยว ทานํ ทสฺสามา’’ติ ปกฺกมิํสุฯ
Sā pavatti sakalanagare vitthārikā ahosi. Buddhadhammasaṅghamāmakā upāsakā taṃ sutvā satthāraṃ upasaṅkamitvā ‘‘bhante, devadatto raññā saddhiṃ ekato hutvā sve tumhehi paṭipannavīthiyaṃ nāḷāgiriṃ vissajjāpessati, sve piṇḍāya apavisitvā idheva hotha, mayaṃ vihāreyeva buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa bhikkhaṃ dassāmā’’ti vadiṃsu. Satthāpi ‘‘sve piṇḍāya na pavisissāmī’’ti avatvāva ‘‘ahaṃ sve nāḷāgiriṃ dametvā pāṭihāriyaṃ katvā titthiye madditvā rājagahe piṇḍāya acaritvāva bhikkhusaṅghaparivuto nagarā nikkhamitvā veḷuvanameva āgamissāmi, rājagahavāsinopi bahūni bhattabhājanāni gahetvā veḷuvanameva āgamissanti, sve vihāreyeva bhattaggaṃ bhavissatī’’ti iminā kāraṇena tesaṃ adhivāsesi. Te tathāgatassa adhivāsanaṃ viditvā bhattabhājanāni āharitvā ‘‘vihāreyeva dānaṃ dassāmā’’ti pakkamiṃsu.
สตฺถาปิ ปฐมยาเม ธมฺมํ เทเสตฺวา มชฺฌิมยาเม เทวตานํ ปญฺหํ วิสฺสเชฺชตฺวา ปจฺฉิมยามสฺส ปฐมโกฎฺฐาเส สีหเสยฺยํ กเปฺปตฺวา ทุติยโกฎฺฐาเส ผลสมาปตฺติยา วีตินาเมตฺวา ตติยโกฎฺฐาเส มหากรุณาสมาปตฺติํ สมาปชฺชิตฺวา วุฎฺฐาย โพธเนยฺยพนฺธเว โอโลเกโนฺต นาฬาคิริทมเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมยํ ทิสฺวา วิภาตาย รตฺติยา กตสรีรปฎิชคฺคโน หุตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตตฺวา , ‘‘อานนฺท, อชฺช ราชคหปริวตฺตเกสุ อฎฺฐารสสุ มหาวิหาเรสุ สเพฺพสมฺปิ ภิกฺขูนํ มยาสทฺธิํ ราชคหํ ปวิสิตุํ อาโรเจหี’’ติ อาหฯ เถโร ตถา อกาสิฯ สเพฺพปิ ภิกฺขู เวฬุวเน สนฺนิปติํสุฯ สตฺถา มหาภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ราชคหํ ปาวิสิฯ อถ หตฺถิเมณฺฑา ยถานุสิฎฺฐํ ปฎิปชฺชิํสุ, มหโนฺต สมาคโม อโหสิฯ สทฺธาสมฺปนฺนา มนุสฺสา ‘‘อชฺช กิร พุทฺธนาคสฺส ติรจฺฉานนาเคน สงฺคาโม ภวิสฺสติ, อนูปมาย พุทฺธลีลาย นาฬาคิริทมนํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ ปาสาทหมฺมิยเคหจฺฉทนาทีนิ อภิรุหิตฺวา อฎฺฐํสุฯ อสทฺธา ปน มิจฺฉาทิฎฺฐิกา ‘‘อยํ นาฬาคิริ จโณฺฑ ผรุโส มนุสฺสฆาตโก พุทฺธาทีนํ คุณํ น ชานาติ, โส อชฺช สมณสฺส โคตมสฺส สุวณฺณวณฺณํ สรีรํ วิทฺธํเสตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปสฺสติ, อชฺช ปจฺจามิตฺตสฺส ปิฎฺฐิํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ ปาสาทาทีสุ อฎฺฐํสุฯ
Satthāpi paṭhamayāme dhammaṃ desetvā majjhimayāme devatānaṃ pañhaṃ vissajjetvā pacchimayāmassa paṭhamakoṭṭhāse sīhaseyyaṃ kappetvā dutiyakoṭṭhāse phalasamāpattiyā vītināmetvā tatiyakoṭṭhāse mahākaruṇāsamāpattiṃ samāpajjitvā vuṭṭhāya bodhaneyyabandhave olokento nāḷāgiridamane caturāsītiyā pāṇasahassānaṃ dhammābhisamayaṃ disvā vibhātāya rattiyā katasarīrapaṭijaggano hutvā āyasmantaṃ ānandaṃ āmantetvā , ‘‘ānanda, ajja rājagahaparivattakesu aṭṭhārasasu mahāvihāresu sabbesampi bhikkhūnaṃ mayāsaddhiṃ rājagahaṃ pavisituṃ ārocehī’’ti āha. Thero tathā akāsi. Sabbepi bhikkhū veḷuvane sannipatiṃsu. Satthā mahābhikkhusaṅghaparivuto rājagahaṃ pāvisi. Atha hatthimeṇḍā yathānusiṭṭhaṃ paṭipajjiṃsu, mahanto samāgamo ahosi. Saddhāsampannā manussā ‘‘ajja kira buddhanāgassa tiracchānanāgena saṅgāmo bhavissati, anūpamāya buddhalīlāya nāḷāgiridamanaṃ passissāmā’’ti pāsādahammiyagehacchadanādīni abhiruhitvā aṭṭhaṃsu. Asaddhā pana micchādiṭṭhikā ‘‘ayaṃ nāḷāgiri caṇḍo pharuso manussaghātako buddhādīnaṃ guṇaṃ na jānāti, so ajja samaṇassa gotamassa suvaṇṇavaṇṇaṃ sarīraṃ viddhaṃsetvā jīvitakkhayaṃ pāpessati, ajja paccāmittassa piṭṭhiṃ passissāmā’’ti pāsādādīsu aṭṭhaṃsu.
หตฺถีปิ ภควนฺตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา มนุเสฺส ตาเสโนฺต เคหานิ วิทฺธํเสโนฺต สกฎานิ สํจุเณฺณโนฺต โสณฺฑํ อุสฺสาเปตฺวา ปหฎฺฐกณฺณวาโล ปพฺพโต วิย อโชฺฌตฺถรโนฺต เยน ภควา เตนาภิธาวิฯ ตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อยํ, ภเนฺต, นาฬาคิริ จโณฺฑ ผรุโส มนุสฺสฆาตโก อิมํ รจฺฉํ ปฎิปโนฺน, น โข ปนายํ พุทฺธาทิคุณํ ชานาติ, ปฎิกฺกมตุ, ภเนฺต, ภควา, ปฎิกฺกมตุ สุคโต’’ติฯ มา, ภิกฺขเว, ภายิตฺถ, ปฎิพโล อหํ นาฬาคิริํ ทเมตุนฺติฯ อถายสฺมา สาริปุโตฺต สตฺถารํ ยาจิ – ‘‘ภเนฺต, ปิตุ อุปฺปนฺนกิจฺจํ นาม เชฎฺฐปุตฺตสฺส ภาโร, อหเมว ตํ ทเมมี’’ติฯ อถ นํ สตฺถา, ‘‘สาริปุตฺต, พุทฺธพลํ นาม อญฺญํ, สาวกพลํ อญฺญํ, ติฎฺฐ ตฺว’’นฺติ ปฎิพาหิฯ เอวํ เยภุเยฺยน อสีติ มหาเถรา ยาจิํสุฯ สตฺถา สเพฺพปิ ปฎิพาหิฯ อถ อายสฺมา อานโนฺท สตฺถริ พลวสิเนเหน อธิวาเสตุํ อสโกฺกโนฺต ‘‘อยํ หตฺถี ปฐมํ มํ มาเรตู’’ติ ตถาคตสฺสตฺถาย ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา คนฺตฺวา สตฺถุ ปุรโต อฎฺฐาสิฯ อถ นํ สตฺถา ‘‘อเปหิ, อานนฺท, มา เม ปุรโต อฎฺฐาสี’’ติ อาหฯ ‘‘ภเนฺต, อยํ หตฺถี จโณฺฑ ผรุโส มนุสฺสฆาตโก กปฺปุฎฺฐานคฺคิสทิโส ปฐมํ มํ มาเรตฺวา ปจฺฉา ตุมฺหากํ สนฺติกํ อาคจฺฉตู’’ติ เถโร อวจฯ ยาวตติยํ วุจฺจมาโนปิ ตเถว อฎฺฐาสิ น ปฎิกฺกมิฯ อถ นํ ภควา อิทฺธิพเลน ปฎิกฺกมาเปตฺวา ภิกฺขูนํ อนฺตเร ฐเปสิฯ
Hatthīpi bhagavantaṃ āgacchantaṃ disvā manusse tāsento gehāni viddhaṃsento sakaṭāni saṃcuṇṇento soṇḍaṃ ussāpetvā pahaṭṭhakaṇṇavālo pabbato viya ajjhottharanto yena bhagavā tenābhidhāvi. Taṃ āgacchantaṃ disvā bhikkhū bhagavantaṃ etadavocuṃ – ‘‘ayaṃ, bhante, nāḷāgiri caṇḍo pharuso manussaghātako imaṃ racchaṃ paṭipanno, na kho panāyaṃ buddhādiguṇaṃ jānāti, paṭikkamatu, bhante, bhagavā, paṭikkamatu sugato’’ti. Mā, bhikkhave, bhāyittha, paṭibalo ahaṃ nāḷāgiriṃ dametunti. Athāyasmā sāriputto satthāraṃ yāci – ‘‘bhante, pitu uppannakiccaṃ nāma jeṭṭhaputtassa bhāro, ahameva taṃ damemī’’ti. Atha naṃ satthā, ‘‘sāriputta, buddhabalaṃ nāma aññaṃ, sāvakabalaṃ aññaṃ, tiṭṭha tva’’nti paṭibāhi. Evaṃ yebhuyyena asīti mahātherā yāciṃsu. Satthā sabbepi paṭibāhi. Atha āyasmā ānando satthari balavasinehena adhivāsetuṃ asakkonto ‘‘ayaṃ hatthī paṭhamaṃ maṃ māretū’’ti tathāgatassatthāya jīvitaṃ pariccajitvā gantvā satthu purato aṭṭhāsi. Atha naṃ satthā ‘‘apehi, ānanda, mā me purato aṭṭhāsī’’ti āha. ‘‘Bhante, ayaṃ hatthī caṇḍo pharuso manussaghātako kappuṭṭhānaggisadiso paṭhamaṃ maṃ māretvā pacchā tumhākaṃ santikaṃ āgacchatū’’ti thero avaca. Yāvatatiyaṃ vuccamānopi tatheva aṭṭhāsi na paṭikkami. Atha naṃ bhagavā iddhibalena paṭikkamāpetvā bhikkhūnaṃ antare ṭhapesi.
ตสฺมิํ ขเณ เอกา อิตฺถี นาฬาคิริํ ทิสฺวา มรณภยภีตา ปลายมานา อเงฺกน คหิตํ ทารกํ หตฺถิโน จ ตถาคตสฺส จ อนฺตเร ฉเฑฺฑตฺวา ปลายิฯ หตฺถี ตํ อนุพนฺธิตฺวา นิวตฺติตฺวา ทารกสฺส สนฺติกํ อคมาสิฯ ตทา ทารโก มหารวํ รวิฯ สตฺถา นาฬาคิริํ โอทิสฺสกเมตฺตาย ผริตฺวา สุมธุรํ พฺรหฺมสฺสรํ นิจฺฉาเรตฺวา ‘‘อโมฺภ นาฬาคิริ ตํ โสฬส สุราฆเฎ ปาเยตฺวา มตฺตํ กโรนฺตา น ‘อญฺญํ คณฺหิสฺสตี’ติ กริํสุ, ‘มํ คณฺหิสฺสตี’ติ ปน กริํสุ, มา อการเณน ชงฺฆาโย กิลเมโนฺต วิจริ, อิโต เอหี’’ติ ปโกฺกสิฯ โส สตฺถุ วจนํ สุตฺวา อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา ภควโต รูปสิริํ โอโลเกตฺวา ปฎิลทฺธสํเวโค พุทฺธเตเชน ปจฺฉินฺนสุรามโท โสณฺฑํ โอลเมฺพโนฺต กเณฺณ จาเลโนฺต อาคนฺตฺวา ตถาคตสฺส ปาเทสุ ปติฯ อถ นํ สตฺถา, ‘‘นาฬาคิริ, ตฺวํ ติรจฺฉานหตฺถี, อหํ พุทฺธวารโณ, อิโต ปฎฺฐาย มา จโณฺฑ ผรุโส มนุสฺสฆาตโก ภว, สพฺพสเตฺตสุ เมตฺตจิตฺตํ ปฎิลภา’’ติ วตฺวา ทกฺขิณหตฺถํ ปสาเรตฺวา กุเมฺภ ปรามสิตฺวา –
Tasmiṃ khaṇe ekā itthī nāḷāgiriṃ disvā maraṇabhayabhītā palāyamānā aṅkena gahitaṃ dārakaṃ hatthino ca tathāgatassa ca antare chaḍḍetvā palāyi. Hatthī taṃ anubandhitvā nivattitvā dārakassa santikaṃ agamāsi. Tadā dārako mahāravaṃ ravi. Satthā nāḷāgiriṃ odissakamettāya pharitvā sumadhuraṃ brahmassaraṃ nicchāretvā ‘‘ambho nāḷāgiri taṃ soḷasa surāghaṭe pāyetvā mattaṃ karontā na ‘aññaṃ gaṇhissatī’ti kariṃsu, ‘maṃ gaṇhissatī’ti pana kariṃsu, mā akāraṇena jaṅghāyo kilamento vicari, ito ehī’’ti pakkosi. So satthu vacanaṃ sutvā akkhīni ummīletvā bhagavato rūpasiriṃ oloketvā paṭiladdhasaṃvego buddhatejena pacchinnasurāmado soṇḍaṃ olambento kaṇṇe cālento āgantvā tathāgatassa pādesu pati. Atha naṃ satthā, ‘‘nāḷāgiri, tvaṃ tiracchānahatthī, ahaṃ buddhavāraṇo, ito paṭṭhāya mā caṇḍo pharuso manussaghātako bhava, sabbasattesu mettacittaṃ paṭilabhā’’ti vatvā dakkhiṇahatthaṃ pasāretvā kumbhe parāmasitvā –
‘‘มา กุญฺชร นาคมาสโท, ทุโกฺข หิ กุญฺชร นาคมาสโท;
‘‘Mā kuñjara nāgamāsado, dukkho hi kuñjara nāgamāsado;
น หิ นาคหตสฺส กุญฺชร, สุคติ โหติ อิโต ปรํ ยโตฯ
Na hi nāgahatassa kuñjara, sugati hoti ito paraṃ yato.
‘‘มา จ มโท มา จ ปมาโท, น หิ ปมตฺตา สุคติํ วชนฺติ เต;
‘‘Mā ca mado mā ca pamādo, na hi pamattā sugatiṃ vajanti te;
ตฺวเญฺญว ตถา กริสฺสสิ, เยน ตฺวํ สุคติํ คมิสฺสสี’’ติฯ (จูฬว. ๓๔๒) –
Tvaññeva tathā karissasi, yena tvaṃ sugatiṃ gamissasī’’ti. (cūḷava. 342) –
ธมฺมํ เทเสสิฯ
Dhammaṃ desesi.
ตสฺส สกลสรีรํ ปีติยา นิรนฺตรํ ผุฎํ อโหสิฯ สเจ กิร ติรจฺฉานคโต นาภวิสฺสา, โสตาปตฺติผลํ อธิคมิสฺสาฯ มนุสฺสา ตํ ปาฎิหาริยํ ทิสฺวา อุนฺนทิํสุ อโปฺผฎิํสุ, สญฺชาตโสมนสฺสา นานาภรณานิ ขิปิํสุ, ตานิ หตฺถิสฺส สรีรํ ปฎิจฺฉาทยิํสุฯ ตโต ปฎฺฐาย นาฬาคิริ ธนปาลโก นาม ชาโตฯ ตสฺมิํ โข ปน ธนปาลกสมาคเม จตุราสีติ ปาณสหสฺสานิ อมตํ ปิวิํสุฯ สตฺถา ธนปาลกํ ปญฺจสุ สีเลสุ ปติฎฺฐาเปสิฯ โส โสณฺฑาย ภควโต ปาเท ปํสูนิ คเหตฺวา อุปริ มุทฺธนิ อากิริตฺวา ปฎิกุฎิโตว ปฎิกฺกมิตฺวา ทสฺสนูปจาเร ฐิโต ทสพลํ วนฺทิตฺวา นิวตฺติตฺวา หตฺถิสาลํ ปาวิสิฯ ตโต ปฎฺฐาย ทนฺตสุทโนฺต หุตฺวา น กญฺจิ วิเหเฐติฯ สตฺถา นิปฺผนฺนมโนรโถ ‘‘เยหิ ยํ ธนํ ขิตฺตํ, เตสเญฺญว ตํ โหตู’’ติ อธิฎฺฐาย ‘‘อชฺช มยา มหนฺตํ ปาฎิหาริยํ กตํ, อิมสฺมิํ นคเร ปิณฺฑาย จรณํ อปฺปฎิรูป’’นฺติ ติตฺถิเย มทฺทิตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ชยปฺปโตฺต วิย ขตฺติโย นครา นิกฺขมิตฺวา เวฬุวนเมว คโตฯ นครวาสิโน พหุํ อนฺนปานขาทนียํ อาทาย วิหารํ คนฺตฺวา มหาทานํ ปวตฺตยิํสุฯ
Tassa sakalasarīraṃ pītiyā nirantaraṃ phuṭaṃ ahosi. Sace kira tiracchānagato nābhavissā, sotāpattiphalaṃ adhigamissā. Manussā taṃ pāṭihāriyaṃ disvā unnadiṃsu apphoṭiṃsu, sañjātasomanassā nānābharaṇāni khipiṃsu, tāni hatthissa sarīraṃ paṭicchādayiṃsu. Tato paṭṭhāya nāḷāgiri dhanapālako nāma jāto. Tasmiṃ kho pana dhanapālakasamāgame caturāsīti pāṇasahassāni amataṃ piviṃsu. Satthā dhanapālakaṃ pañcasu sīlesu patiṭṭhāpesi. So soṇḍāya bhagavato pāde paṃsūni gahetvā upari muddhani ākiritvā paṭikuṭitova paṭikkamitvā dassanūpacāre ṭhito dasabalaṃ vanditvā nivattitvā hatthisālaṃ pāvisi. Tato paṭṭhāya dantasudanto hutvā na kañci viheṭheti. Satthā nipphannamanoratho ‘‘yehi yaṃ dhanaṃ khittaṃ, tesaññeva taṃ hotū’’ti adhiṭṭhāya ‘‘ajja mayā mahantaṃ pāṭihāriyaṃ kataṃ, imasmiṃ nagare piṇḍāya caraṇaṃ appaṭirūpa’’nti titthiye madditvā bhikkhusaṅghaparivuto jayappatto viya khattiyo nagarā nikkhamitvā veḷuvanameva gato. Nagaravāsino bahuṃ annapānakhādanīyaṃ ādāya vihāraṃ gantvā mahādānaṃ pavattayiṃsu.
ตํ ทิวสํ สายนฺหสมเย ธมฺมสภํ ปูเรตฺวา สนฺนิสินฺนา ภิกฺขู กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อายสฺมตา อานเนฺทน ตถาคตสฺสตฺถาย อตฺตโน ชีวิตํ ปริจฺจชเนฺตน ทุกฺกรํ กตํ, นาฬาคิริํ ทิสฺวา สตฺถารา ติกฺขตฺตุํ ปฎิพาหิยมาโนปิ นาปคโต, อโห ทุกฺกรการโก, อาวุโส, อายสฺมา อานโนฺท’’ติฯ สตฺถา ‘‘อานนฺทสฺส คุณกถา ปวตฺตติ, คนฺตพฺพํ มยา เอตฺถา’’ติ คนฺธกุฎิโต นิกฺขมิตฺวา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพปิ อานโนฺท ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพโตฺตปิ มมตฺถาย ชีวิตํ ปริจฺจชิเยวา’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ
Taṃ divasaṃ sāyanhasamaye dhammasabhaṃ pūretvā sannisinnā bhikkhū kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ – ‘‘āvuso, āyasmatā ānandena tathāgatassatthāya attano jīvitaṃ pariccajantena dukkaraṃ kataṃ, nāḷāgiriṃ disvā satthārā tikkhattuṃ paṭibāhiyamānopi nāpagato, aho dukkarakārako, āvuso, āyasmā ānando’’ti. Satthā ‘‘ānandassa guṇakathā pavattati, gantabbaṃ mayā etthā’’ti gandhakuṭito nikkhamitvā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepi ānando tiracchānayoniyaṃ nibbattopi mamatthāya jīvitaṃ pariccajiyevā’’ti vatvā tehi yācito atītaṃ āhari.
อตีเต มหิํสกรเฎฺฐ สาคลนคเร สาคโล นาม ราชา ธเมฺมน รชฺชํ กาเรสิฯ ตทา นครโต อวิทูเร เอกสฺมิํ เนสาทคามเก อญฺญตโร เนสาโท ปาเสหิ สกุเณ พนฺธิตฺวา นคเร วิกฺกิณโนฺต ชีวิกํ กเปฺปสิฯ นครโต จ อวิทูเร อาวฎฺฎโต ทฺวาทสโยชโน มานุสิโย นาม ปทุมสโร อโหสิ ปญฺจวณฺณปทุมสญฺฉโนฺนฯ ตตฺถ นานปฺปกาโร สกุณสโงฺฆ โอตริฯ โส เนสาโท ตตฺถ อนิยาเมน ปาเส โอเฑฺฑสิฯ ตสฺมิํ กาเล ธตรโฎฺฐ หํสราชา ฉนฺนวุติหํสสหสฺสปริวาโร จิตฺตกูฎปพฺพเต สุวณฺณคุหายํ วสติ, สุมุโข นามสฺส เสนาปติ อโหสิฯ อเถกทิวสํ ตโต หํสยูถา กติปยา สุวณฺณหํสา มานุสิยํ สรํ คนฺตฺวา ปหูตโคจเร ตสฺมิํ ยถาสุขํ วิจริตฺวา สุหิตา จิตฺตกูฎํ อาคนฺตฺวา ธตรฎฺฐสฺส อาโรเจสุํ – ‘‘มหาราช, มนุสฺสปเถ มานุสิโย นาม ปทุมสโร สมฺปนฺนโคจโร, ตตฺถ โคจรํ คณฺหิตุํ คจฺฉามา’’ติฯ โส ‘‘มนุสฺสปโถ นาม สาสโงฺก สปฺปฎิภโย, มา โว รุจฺจิตฺถา’’ติ ปฎิกฺขิปิตฺวาปิ เตหิ ปุนปฺปุนํ วุจฺจมาโน ‘‘สเจ ตุมฺหากํ รุจฺจติ, คจฺฉามา’’ติ สปริวาโร ตํ สรํ อคมาสิฯ โส อากาสา โอตรโนฺต ปาทํ ปาเส ปเวเสโนฺตเยว โอตริฯ อถสฺส ปาโส ปาทํ อยปฎฺฎเกน กฑฺฒโนฺต วิย อาพนฺธิตฺวา คณฺหิฯ อถสฺส ‘‘ฉินฺทิสฺสามิ น’’นฺติ อากฑฺฒนฺตสฺส ปฐมวาเร จมฺมํ ฉิชฺชิ, ทุติยวาเร มํสํ ฉิชฺชิ, ตติยวาเร นฺหารุ ฉิชฺชิ, ปาโส อฎฺฐิํ อาหจฺจ อฎฺฐาสิ, โลหิตํ ปคฺฆริ, พลวเวทนา ปวตฺติํสุฯ
Atīte mahiṃsakaraṭṭhe sāgalanagare sāgalo nāma rājā dhammena rajjaṃ kāresi. Tadā nagarato avidūre ekasmiṃ nesādagāmake aññataro nesādo pāsehi sakuṇe bandhitvā nagare vikkiṇanto jīvikaṃ kappesi. Nagarato ca avidūre āvaṭṭato dvādasayojano mānusiyo nāma padumasaro ahosi pañcavaṇṇapadumasañchanno. Tattha nānappakāro sakuṇasaṅgho otari. So nesādo tattha aniyāmena pāse oḍḍesi. Tasmiṃ kāle dhataraṭṭho haṃsarājā channavutihaṃsasahassaparivāro cittakūṭapabbate suvaṇṇaguhāyaṃ vasati, sumukho nāmassa senāpati ahosi. Athekadivasaṃ tato haṃsayūthā katipayā suvaṇṇahaṃsā mānusiyaṃ saraṃ gantvā pahūtagocare tasmiṃ yathāsukhaṃ vicaritvā suhitā cittakūṭaṃ āgantvā dhataraṭṭhassa ārocesuṃ – ‘‘mahārāja, manussapathe mānusiyo nāma padumasaro sampannagocaro, tattha gocaraṃ gaṇhituṃ gacchāmā’’ti. So ‘‘manussapatho nāma sāsaṅko sappaṭibhayo, mā vo ruccitthā’’ti paṭikkhipitvāpi tehi punappunaṃ vuccamāno ‘‘sace tumhākaṃ ruccati, gacchāmā’’ti saparivāro taṃ saraṃ agamāsi. So ākāsā otaranto pādaṃ pāse pavesentoyeva otari. Athassa pāso pādaṃ ayapaṭṭakena kaḍḍhanto viya ābandhitvā gaṇhi. Athassa ‘‘chindissāmi na’’nti ākaḍḍhantassa paṭhamavāre cammaṃ chijji, dutiyavāre maṃsaṃ chijji, tatiyavāre nhāru chijji, pāso aṭṭhiṃ āhacca aṭṭhāsi, lohitaṃ pagghari, balavavedanā pavattiṃsu.
โส จิเนฺตสิ – ‘‘สจาหํ พทฺธรวํ รวิสฺสามิ, ญาตกา เม อุตฺรสฺตา หุตฺวา โคจรํ อคฺคณฺหิตฺวา ฉาตชฺฌตฺตาว ปลายนฺตา ทุพฺพลตาย มหาสมุเทฺท ปติสฺสนฺตี’’ติฯ โส เวทนํ อธิวาเสตฺวา ญาตีนํ ยาวทตฺถํ จริตฺวา หํสานํ กีฬนกาเล มหเนฺตน สเทฺทน พทฺธรวํ รวิฯ ตํ สุตฺวา เต หํสา มรณภยตชฺชิตา วคฺควคฺคา หุตฺวา จิตฺตกูฎาภิมุขา ปกฺกมิํสุฯ เตสุ ปกฺกเนฺตสุ สุมุโข หํสเสนาปติ ‘‘กจฺจิ นุ โข อิทํ ภยํ มหาราชสฺส อุปฺปนฺนํ, ชานิสฺสามิ น’’นฺติ เวเคน ปกฺขนฺทิตฺวา ปุรโต คจฺฉนฺตสฺส หํสคณสฺส อนฺตเร มหาสตฺตํ อทิสฺวา มชฺฌิมหํสคณํ วิจินิ, ตตฺถปิ อทิสฺวา ปจฺฉิมหํสคณํ วิจินิ, ตตฺถปิ อทิสฺวา ‘‘นิสฺสํสยํ ตเสฺสเวทํ ภยํ อุปฺปนฺน’’นฺติ นิวตฺติตฺวา อาคจฺฉโนฺต มหาสตฺตํ ปาเส พทฺธํ โลหิตมกฺขิตํ ทุกฺขาตุรํ ปงฺกปิเฎฺฐ นิปนฺนํ ทิสฺวา ‘‘มา ภายิ, มหาราช, อหํ มม ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา ตุเมฺห ปาสโต โมเจสฺสามี’’ติ วทโนฺต โอตริตฺวา มหาสตฺตํ อสฺสาเสโนฺตว ปงฺกปิเฎฺฐ นิสีทิฯ อถ นํ วีมํสโนฺต มหาสโตฺต ปฐมํ คาถมาห –
So cintesi – ‘‘sacāhaṃ baddharavaṃ ravissāmi, ñātakā me utrastā hutvā gocaraṃ aggaṇhitvā chātajjhattāva palāyantā dubbalatāya mahāsamudde patissantī’’ti. So vedanaṃ adhivāsetvā ñātīnaṃ yāvadatthaṃ caritvā haṃsānaṃ kīḷanakāle mahantena saddena baddharavaṃ ravi. Taṃ sutvā te haṃsā maraṇabhayatajjitā vaggavaggā hutvā cittakūṭābhimukhā pakkamiṃsu. Tesu pakkantesu sumukho haṃsasenāpati ‘‘kacci nu kho idaṃ bhayaṃ mahārājassa uppannaṃ, jānissāmi na’’nti vegena pakkhanditvā purato gacchantassa haṃsagaṇassa antare mahāsattaṃ adisvā majjhimahaṃsagaṇaṃ vicini, tatthapi adisvā pacchimahaṃsagaṇaṃ vicini, tatthapi adisvā ‘‘nissaṃsayaṃ tassevedaṃ bhayaṃ uppanna’’nti nivattitvā āgacchanto mahāsattaṃ pāse baddhaṃ lohitamakkhitaṃ dukkhāturaṃ paṅkapiṭṭhe nipannaṃ disvā ‘‘mā bhāyi, mahārāja, ahaṃ mama jīvitaṃ pariccajitvā tumhe pāsato mocessāmī’’ti vadanto otaritvā mahāsattaṃ assāsentova paṅkapiṭṭhe nisīdi. Atha naṃ vīmaṃsanto mahāsatto paṭhamaṃ gāthamāha –
๑.
1.
‘‘สุมุข อนุปจินนฺตา, ปกฺกมนฺติ วิหงฺคมา;
‘‘Sumukha anupacinantā, pakkamanti vihaṅgamā;
คจฺฉ ตุวมฺปิ มา กงฺขิ, นตฺถิ พเทฺธ สหายตา’’ติฯ
Gaccha tuvampi mā kaṅkhi, natthi baddhe sahāyatā’’ti.
ตตฺถ อนุปจินนฺตาติ สิเนเหน อาลยวเสน อโนโลเกนฺตาฯ ปกฺกมนฺตีติ เอเต ฉนฺนวุติ หํสสหสฺสา ญาติวิหงฺคมา มํ ฉเฑฺฑตฺวา คจฺฉนฺติ, ตฺวมฺปิ คจฺฉ, มา อิธ วาสํ อากงฺขิ, เอวญฺหิ ปาเสน พเทฺธ มยิ สหายตา นาม นตฺถิ, น หิ เต อหํ อิทานิ กิญฺจิ สหายกิจฺจํ กาตุํ สกฺขิสฺสามิ, กิํ เต มยา นิรูปกาเรน, ปปญฺจํ อกตฺวา คเจฺฉวาติ วทติฯ
Tattha anupacinantāti sinehena ālayavasena anolokentā. Pakkamantīti ete channavuti haṃsasahassā ñātivihaṅgamā maṃ chaḍḍetvā gacchanti, tvampi gaccha, mā idha vāsaṃ ākaṅkhi, evañhi pāsena baddhe mayi sahāyatā nāma natthi, na hi te ahaṃ idāni kiñci sahāyakiccaṃ kātuṃ sakkhissāmi, kiṃ te mayā nirūpakārena, papañcaṃ akatvā gacchevāti vadati.
อิโต ปรํ –
Ito paraṃ –
๒.
2.
‘‘คเจฺฉ วาหํ น วา คเจฺฉ, น เตน อมโร สิยํ;
‘‘Gacche vāhaṃ na vā gacche, na tena amaro siyaṃ;
สุขิตํ ตํ อุปาสิตฺวา, ทุกฺขิตํ ตํ กถํ ชเหฯ
Sukhitaṃ taṃ upāsitvā, dukkhitaṃ taṃ kathaṃ jahe.
๓.
3.
‘‘มรณํ วา ตยา สทฺธิํ, ชีวิตํ วา ตยา วินา;
‘‘Maraṇaṃ vā tayā saddhiṃ, jīvitaṃ vā tayā vinā;
ตเทว มรณํ เสโยฺย, ยเญฺจ ชีเว ตยา วินาฯ
Tadeva maraṇaṃ seyyo, yañce jīve tayā vinā.
๔.
4.
‘‘เนส ธโมฺม มหาราช, ยํ ตํ เอวํ คตํ ชเห;
‘‘Nesa dhammo mahārāja, yaṃ taṃ evaṃ gataṃ jahe;
ยา คติ ตุยฺหํ สา มยฺหํ, รุจฺจเต วิหคาธิปฯ
Yā gati tuyhaṃ sā mayhaṃ, ruccate vihagādhipa.
๕.
5.
‘‘กา นุ ปาเสน พทฺธสฺส, คติ อญฺญา มหานสา;
‘‘Kā nu pāsena baddhassa, gati aññā mahānasā;
สา กถํ เจตยานสฺส, มุตฺตสฺส ตว รุจฺจติฯ
Sā kathaṃ cetayānassa, muttassa tava ruccati.
๖.
6.
‘‘กํ วา ตฺวํ ปสฺสเส อตฺถํ, มม ตุยฺหญฺจ ปกฺขิม;
‘‘Kaṃ vā tvaṃ passase atthaṃ, mama tuyhañca pakkhima;
ญาตีนํ วาวสิฎฺฐานํ, อุภินฺนํ ชีวิตกฺขเยฯ
Ñātīnaṃ vāvasiṭṭhānaṃ, ubhinnaṃ jīvitakkhaye.
๗.
7.
‘‘ยํ น กญฺจนเทปิญฺฉ, อเนฺธน ตมสา คตํ;
‘‘Yaṃ na kañcanadepiñcha, andhena tamasā gataṃ;
ตาทิเส สญฺจชํ ปาณํ, กมตฺถมภิโชตเยฯ
Tādise sañcajaṃ pāṇaṃ, kamatthamabhijotaye.
๘.
8.
‘‘กถํ นุ ปตตํ เสฎฺฐ, ธเมฺม อตฺถํ น พุชฺฌสิ;
‘‘Kathaṃ nu patataṃ seṭṭha, dhamme atthaṃ na bujjhasi;
ธโมฺม อปจิโต สโนฺต, อตฺถํ ทเสฺสติ ปาณินํฯ
Dhammo apacito santo, atthaṃ dasseti pāṇinaṃ.
๙.
9.
‘‘โสหํ ธมฺมํ อเปกฺขาโน, ธมฺมา จตฺถํ สมุฎฺฐิตํ;
‘‘Sohaṃ dhammaṃ apekkhāno, dhammā catthaṃ samuṭṭhitaṃ;
ภตฺติญฺจ ตยิ สมฺปสฺสํ, นาวกงฺขามิ ชีวิตํฯ
Bhattiñca tayi sampassaṃ, nāvakaṅkhāmi jīvitaṃ.
๑๐. ‘‘อทฺธา เอโส สตํ ธโมฺม, โย มิโตฺต มิตฺตมาปเทฯ
10. ‘‘Addhā eso sataṃ dhammo, yo mitto mittamāpade.
น จเช ชีวิตสฺสาปิ, เหตุธมฺมมนุสฺสรํฯ
Na caje jīvitassāpi, hetudhammamanussaraṃ.
๑๑.
11.
‘‘สฺวายํ ธโมฺม จ เต จิโณฺณ, ภตฺติ จ วิทิตา มยิ;
‘‘Svāyaṃ dhammo ca te ciṇṇo, bhatti ca viditā mayi;
กามํ กรสฺสุ มเยฺหตํ, คเจฺฉวานุมโต มยาฯ
Kāmaṃ karassu mayhetaṃ, gacchevānumato mayā.
๑๒.
12.
‘‘อปิ เตฺววํ คเต กาเล, ยํ ขณฺฑํ ญาตินํ มยา;
‘‘Api tvevaṃ gate kāle, yaṃ khaṇḍaṃ ñātinaṃ mayā;
ตยา ตํ พุทฺธิสมฺปนฺนํ, อสฺส ปรมสํวุตํฯ
Tayā taṃ buddhisampannaṃ, assa paramasaṃvutaṃ.
๑๓.
13.
‘‘อิเจฺจวํ มนฺตยนฺตานํ, อริยานํ อริยวุตฺตินํ;
‘‘Iccevaṃ mantayantānaṃ, ariyānaṃ ariyavuttinaṃ;
ปจฺจทิสฺสถ เนสาโท, อาตุรานมิวนฺตโกฯ
Paccadissatha nesādo, āturānamivantako.
๑๔.
14.
‘‘เต สตฺตุมภิสญฺจิกฺข, ทีฆรตฺตํ หิตา ทิชา;
‘‘Te sattumabhisañcikkha, dīgharattaṃ hitā dijā;
ตุณฺหีมาสิตฺถ อุภโย, น สญฺจเลสุมาสนาฯ
Tuṇhīmāsittha ubhayo, na sañcalesumāsanā.
๑๕.
15.
‘‘ธตรเฎฺฐ จ ทิสฺวาน, สมุเฑฺฑเนฺต ตโต ตโต;
‘‘Dhataraṭṭhe ca disvāna, samuḍḍente tato tato;
อภิกฺขมถ เวเคน, ทิชสตฺตุ ทิชาธิเปฯ
Abhikkhamatha vegena, dijasattu dijādhipe.
๑๖.
16.
‘‘โส จ เวเคนภิกฺกมฺม, อาสชฺช ปรเม ทิเช;
‘‘So ca vegenabhikkamma, āsajja parame dije;
ปจฺจกมิตฺถ เนสาโท, พทฺธา อิติ วิจินฺตยํฯ
Paccakamittha nesādo, baddhā iti vicintayaṃ.
๑๗.
17.
‘‘เอกํว พทฺธมาสีนํ, อพทฺธญฺจ ปุนาปรํ;
‘‘Ekaṃva baddhamāsīnaṃ, abaddhañca punāparaṃ;
อาสชฺช พทฺธมาสีนํ, เปกฺขมานมทีนวํฯ
Āsajja baddhamāsīnaṃ, pekkhamānamadīnavaṃ.
๑๘.
18.
‘‘ตโต โส วิมโตเยว, ปณฺฑเร อชฺฌภาสถ;
‘‘Tato so vimatoyeva, paṇḍare ajjhabhāsatha;
ปวฑฺฒกาเย อาสีเน, ทิชสงฺฆคณาธิเปฯ
Pavaḍḍhakāye āsīne, dijasaṅghagaṇādhipe.
๑๙.
19.
‘‘ยํ นุ ปาเสน มหตา, พโทฺธ น กุรุเต ทิสํ;
‘‘Yaṃ nu pāsena mahatā, baddho na kurute disaṃ;
อถ กสฺมา อพโทฺธ ตฺวํ, พลี ปกฺขิ น คจฺฉสิฯ
Atha kasmā abaddho tvaṃ, balī pakkhi na gacchasi.
๒๐.
20.
‘‘กิํ นุ ตฺยายํ ทิโช โหติ, มุโตฺต พทฺธํ อุปาสสิ;
‘‘Kiṃ nu tyāyaṃ dijo hoti, mutto baddhaṃ upāsasi;
โอหาย สกุณา ยนฺติ, กิํ เอโก อวหียสิฯ
Ohāya sakuṇā yanti, kiṃ eko avahīyasi.
๒๑.
21.
‘‘ราชา เม โส ทิชามิตฺต, สขา ปาณสโม จ เม;
‘‘Rājā me so dijāmitta, sakhā pāṇasamo ca me;
เนว นํ วิชหิสฺสามิ, ยาว กาลสฺส ปริยายํฯ
Neva naṃ vijahissāmi, yāva kālassa pariyāyaṃ.
๒๒.
22.
‘‘กถํ ปนายํ วิหโงฺค, นาทฺทส ปาสโมฑฺฑิตํ;
‘‘Kathaṃ panāyaṃ vihaṅgo, nāddasa pāsamoḍḍitaṃ;
ปทเญฺหตํ มหนฺตานํ, โพทฺธุมรหนฺติ อาปทํฯ
Padañhetaṃ mahantānaṃ, boddhumarahanti āpadaṃ.
๒๓.
23.
‘‘ยทา ปราภโว โหติ, โปโส ชีวิตสงฺขเย;
‘‘Yadā parābhavo hoti, poso jīvitasaṅkhaye;
อถ ชาลญฺจ ปาสญฺจ, อาสชฺชาปิ น พุชฺฌติฯ
Atha jālañca pāsañca, āsajjāpi na bujjhati.
๒๔.
24.
‘‘อปิ เตฺวว มหาปญฺญ, ปาสา พหุวิธา ตตา;
‘‘Api tveva mahāpañña, pāsā bahuvidhā tatā;
คุยฺหมาสชฺช พชฺฌนฺติ, อเถวํ ชีวิตกฺขเย’’ติฯ –
Guyhamāsajja bajjhanti, athevaṃ jīvitakkhaye’’ti. –
อิมาสํ คาถานํ สมฺพโนฺธ ปาฬินเยเนว เวทิตโพฺพฯ
Imāsaṃ gāthānaṃ sambandho pāḷinayeneva veditabbo.
ตตฺถ คเจฺฉ วาติ, มหาราช, อหํ อิโต คเจฺฉยฺยํ วา น วา, นาหํ เตน คมเนน วา อคมเนน วา อมโร สิยํ, อหญฺหิ อิโต คโตปิ อคโตปิ มรณโต อมุโตฺตว, อิโต ปุเพฺพ ปน สุขิตํ ตํ อุปาสิตฺวา อิทานิ ทุกฺขิตํ ตํ กถํ ชเหยฺยนฺติ วทติฯ มรณํ วาติ มม อคจฺฉนฺตสฺส วา ตยา สทฺธิํ มรณํ ภเวยฺย, คจฺฉนฺตสฺส วา ตยา วินา ชีวิตํฯ เตสุ ทฺวีสุ ยํ ตยา สทฺธิํ มรณํ, ตเทว เม วรํ, ยํ ตยา วินา ชีเวยฺยํ, น เม ตํ วรนฺติ อโตฺถฯ รุจฺจเตติ ยา ตว คติ นิปฺผตฺติ, สาว มยฺหํ รุจฺจติฯ สา กถนฺติ สมฺม สุมุข มม ตาว ทเฬฺหน วาลปาเสน พทฺธสฺส ปรหตฺถํ คตสฺส สา คติ รุจฺจตุ, ตว ปน เจตยานสฺส สเจตนสฺส ปญฺญวโต มุตฺตสฺส กถํ รุจฺจติฯ
Tattha gacche vāti, mahārāja, ahaṃ ito gaccheyyaṃ vā na vā, nāhaṃ tena gamanena vā agamanena vā amaro siyaṃ, ahañhi ito gatopi agatopi maraṇato amuttova, ito pubbe pana sukhitaṃ taṃ upāsitvā idāni dukkhitaṃ taṃ kathaṃ jaheyyanti vadati. Maraṇaṃ vāti mama agacchantassa vā tayā saddhiṃ maraṇaṃ bhaveyya, gacchantassa vā tayā vinā jīvitaṃ. Tesu dvīsu yaṃ tayā saddhiṃ maraṇaṃ, tadeva me varaṃ, yaṃ tayā vinā jīveyyaṃ, na me taṃ varanti attho. Ruccateti yā tava gati nipphatti, sāva mayhaṃ ruccati. Sā kathanti samma sumukha mama tāva daḷhena vālapāsena baddhassa parahatthaṃ gatassa sā gati ruccatu, tava pana cetayānassa sacetanassa paññavato muttassa kathaṃ ruccati.
ปกฺขิมาติ ปกฺขสมฺปนฺนฯ อุภินฺนนฺติ อมฺหากํ ทฺวินฺนํ ชีวิตกฺขเย สติ ตฺวํ มม วา ตว วา อวสิฎฺฐญาตีนํ วา กํ อตฺถํ ปสฺสสิฯ ยํ นาติ เอตฺถ น-กาโร อุปมาเนฯ กญฺจนเทปิญฺฉาติ กญฺจนเทฺวปิญฺฉ, อยเมว วา ปาโฐ, กญฺจนสทิสอุภยปกฺขาติ อโตฺถฯ ตมสาติ ตมสิฯ คตนฺติ กตํ, อยเมว วา ปาโฐฯ ปุริมสฺส น-การสฺส อิมินา สมฺพโนฺธ, ‘‘น กต’’นฺติ กตํ วิยาติ อโตฺถฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ตยิ ปาณํ จชเนฺตปิ อจชเนฺตปิ มม ชีวิตสฺส อภาวา ยํ ตว ปาณสญฺจชนํ, ตํ อเนฺธน ตมสิ กตํ วิย กิญฺจิเทว รูปกมฺมํ อปจฺจกฺขคุณํ, ตาทิเส ตว อปจฺจกฺขคุเณ ปาณสญฺจชเน ตฺวํ ปาณํ สญฺจชโนฺต กมตฺถํ โชเตยฺยาสีติฯ
Pakkhimāti pakkhasampanna. Ubhinnanti amhākaṃ dvinnaṃ jīvitakkhaye sati tvaṃ mama vā tava vā avasiṭṭhañātīnaṃ vā kaṃ atthaṃ passasi. Yaṃ nāti ettha na-kāro upamāne. Kañcanadepiñchāti kañcanadvepiñcha, ayameva vā pāṭho, kañcanasadisaubhayapakkhāti attho. Tamasāti tamasi. Gatanti kataṃ, ayameva vā pāṭho. Purimassa na-kārassa iminā sambandho, ‘‘na kata’’nti kataṃ viyāti attho. Idaṃ vuttaṃ hoti – tayi pāṇaṃ cajantepi acajantepi mama jīvitassa abhāvā yaṃ tava pāṇasañcajanaṃ, taṃ andhena tamasi kataṃ viya kiñcideva rūpakammaṃ apaccakkhaguṇaṃ, tādise tava apaccakkhaguṇe pāṇasañcajane tvaṃ pāṇaṃ sañcajanto kamatthaṃ joteyyāsīti.
ธโมฺม อปจิโต สโนฺตติ ธโมฺม ปูชิโต มานิโต สมาโนฯ อตฺถํ ทเสฺสตีติ วุทฺธิํ ทเสฺสติฯ อเปกฺขาโนติ อเปกฺขโนฺตฯ ธมฺมา จตฺถนฺติ ธมฺมโต จ อตฺถํ สมุฎฺฐิตํ ปสฺสโนฺต ฯ ภตฺตินฺติ สิเนหํฯ สตํ ธโมฺมติ ปณฺฑิตานํ สภาโวฯ โย มิโตฺตติ โย มิโตฺต อาปทาสุ มิตฺตํ น จเช, ตสฺส อจชนฺตสฺส มิตฺตสฺส เอส สภาโว นาม อทฺธา สตํ ธโมฺมฯ วิทิตาติ ปากฎา ชาตาฯ กามํ กรสฺสูติ เอตํ มม กามํ มยา อิจฺฉิตํ มม วจนํ กรสฺสุฯ อปิ เตฺววํ คเต กาเลติ อปิ ตุ เอวํ คเต กาเล มยิ อิมสฺมิํ ฐาเน ปาเสน พเทฺธฯ ปรมสํวุตนฺติ ปรมปริปุณฺณํฯ
Dhammo apacito santoti dhammo pūjito mānito samāno. Atthaṃ dassetīti vuddhiṃ dasseti. Apekkhānoti apekkhanto. Dhammā catthanti dhammato ca atthaṃ samuṭṭhitaṃ passanto . Bhattinti sinehaṃ. Sataṃ dhammoti paṇḍitānaṃ sabhāvo. Yo mittoti yo mitto āpadāsu mittaṃ na caje, tassa acajantassa mittassa esa sabhāvo nāma addhā sataṃ dhammo. Viditāti pākaṭā jātā. Kāmaṃ karassūti etaṃ mama kāmaṃ mayā icchitaṃ mama vacanaṃ karassu. Api tvevaṃ gate kāleti api tu evaṃ gate kāle mayi imasmiṃ ṭhāne pāsena baddhe. Paramasaṃvutanti paramaparipuṇṇaṃ.
อิเจฺจวํ มนฺตยนฺตานนฺติ ‘‘คจฺฉ, น คจฺฉามี’’ติ เอวํ กเถนฺตานํ อริยานนฺติ อาจารอริยานํฯ ปจฺจทิสฺสถาติ กาสายานิ นิวาเสตฺวา รตฺตมาลํ ปิฬนฺธิตฺวา มุคฺครํ อาทาย อาคจฺฉโนฺต อทิสฺสถฯ อาตุรานนฺติ คิลานานํ มจฺจุ วิยฯ อภิสญฺจิกฺขาติ, ภิกฺขเว, เต อุโภปิ สตฺตุํ อายนฺตํ ปสฺสิตฺวาฯ หิตาติ ทีฆรตฺตํ อญฺญมญฺญสฺส หิตา มุทุจิตฺตาฯ น สญฺจเลสุมาสนาติ อาสนโต น จลิํสุ, ยถานิสินฺนาว อเหสุํฯ สุมุโข ปน ‘‘อยํ เนสาโท อาคนฺตฺวา ปหรโนฺต มํ ปฐมํ ปหรตู’’ติ จิเนฺตตฺวา มหาสตฺตํ ปจฺฉโต กตฺวา นิสีทิฯ
Iccevaṃ mantayantānanti ‘‘gaccha, na gacchāmī’’ti evaṃ kathentānaṃ ariyānanti ācāraariyānaṃ. Paccadissathāti kāsāyāni nivāsetvā rattamālaṃ piḷandhitvā muggaraṃ ādāya āgacchanto adissatha. Āturānanti gilānānaṃ maccu viya. Abhisañcikkhāti, bhikkhave, te ubhopi sattuṃ āyantaṃ passitvā. Hitāti dīgharattaṃ aññamaññassa hitā muducittā. Na sañcalesumāsanāti āsanato na caliṃsu, yathānisinnāva ahesuṃ. Sumukho pana ‘‘ayaṃ nesādo āgantvā paharanto maṃ paṭhamaṃ paharatū’’ti cintetvā mahāsattaṃ pacchato katvā nisīdi.
ธตรเฎฺฐติ หํเสฯ สมุเฑฺฑเนฺตติ มรณภเยน อิโต จิโต จ อุปฺปตเนฺต ทิสฺวาฯ อาสชฺชาติ อิตเร เทฺว ชเน อุปคนฺตฺวาฯ ปจฺจกมิตฺถาติ ‘‘พทฺธา, น พทฺธา’’ติ จิเนฺตโนฺต อุปธาเรโนฺต อกมิตฺถ, เวคํ หาเปตฺวา สณิกํ อคมาสิฯ อาสชฺช พทฺธมาสีนนฺติ พทฺธํ มหาสตฺตํ อุปคนฺตฺวา นิสินฺนํ สุมุขํฯ อทีนวนฺติอาทีนวเมว หุตฺวา มหาสตฺตํ โอโลเกนฺตํ ทิสฺวาฯ วิมโตติ กิํ นุ โข อพโทฺธ พทฺธสฺส สนฺติเก นิสิโนฺน, การณํ ปุจฺฉิสฺสามีติ วิมติชาโต หุตฺวาติ อโตฺถฯ ปณฺฑเรติ หํเส, อถ วา ปริสุเทฺธ นิมฺมเล, สมฺปหฎฺฐกญฺจนวเณฺณติ อโตฺถฯ ปวฑฺฒกาเยติ วฑฺฒิตกาเย มหาสรีเรฯ ยํ นูติ ยํ ตาว เอโส มหาปาเสน พโทฺธฯ น กุรุเต ทิสนฺติ ปลายนตฺถาย เอกํ ทิสํ น ภชติ, ตํ ยุตฺตนฺติ อธิปฺปาโยฯ พลีติ พลสมฺปโนฺน หุตฺวาปิฯ ปกฺขีติ ตํ อาลปติฯ โอหายาติ ฉเฑฺฑตฺวาฯ ยนฺตีติ เสสสกุณา คจฺฉนฺติฯ อวหียสีติ โอหียสิฯ
Dhataraṭṭheti haṃse. Samuḍḍenteti maraṇabhayena ito cito ca uppatante disvā. Āsajjāti itare dve jane upagantvā. Paccakamitthāti ‘‘baddhā, na baddhā’’ti cintento upadhārento akamittha, vegaṃ hāpetvā saṇikaṃ agamāsi. Āsajja baddhamāsīnanti baddhaṃ mahāsattaṃ upagantvā nisinnaṃ sumukhaṃ. Adīnavantiādīnavameva hutvā mahāsattaṃ olokentaṃ disvā. Vimatoti kiṃ nu kho abaddho baddhassa santike nisinno, kāraṇaṃ pucchissāmīti vimatijāto hutvāti attho. Paṇḍareti haṃse, atha vā parisuddhe nimmale, sampahaṭṭhakañcanavaṇṇeti attho. Pavaḍḍhakāyeti vaḍḍhitakāye mahāsarīre. Yaṃ nūti yaṃ tāva eso mahāpāsena baddho. Na kurute disanti palāyanatthāya ekaṃ disaṃ na bhajati, taṃ yuttanti adhippāyo. Balīti balasampanno hutvāpi. Pakkhīti taṃ ālapati. Ohāyāti chaḍḍetvā. Yantīti sesasakuṇā gacchanti. Avahīyasīti ohīyasi.
ทิชามิตฺตาติ ทิชานํ อมิตฺตฯ ยาว กาลสฺส ปริยายนฺติ ยาว มรณสฺส วาโร อาคจฺฉติฯ กถํ ปนายนฺติ ตฺวํ ราชา เม โสติ วทสิ, ราชาโน จ นาม ปณฺฑิตา โหนฺติ, อิติปิ ปณฺฑิโต สมาโน เกน การเณน โอฑฺฑิตํ ปาสํ น อทฺทสฯ ปทํ เหตนฺติ ยสมหตฺตํ วา ญาณมหตฺตํ วา ปตฺตานํ อตฺตโน อาปทพุชฺฌนํ นาม ปทํ การณํ, ตสฺมา เต อาปทํ โพทฺธุมรหนฺติฯ ปราภโวติ อวฑฺฒิฯ อาสชฺชาปีติ อุปคนฺตฺวาปิ น พุชฺฌติฯ ตตาติ วิตตา โอฑฺฑิตาฯ คุยฺหมาสชฺชาติ เตสุ ปาเสสุ โย คุโฬฺห ปฎิจฺฉโนฺน ปาโส, ตํ อาสชฺช พชฺฌนฺติฯ อเถวนฺติ อถ เอวํ ชีวิตกฺขเย พชฺฌเนฺตวาติ อโตฺถฯ
Dijāmittāti dijānaṃ amitta. Yāva kālassa pariyāyanti yāva maraṇassa vāro āgacchati. Kathaṃ panāyanti tvaṃ rājā me soti vadasi, rājāno ca nāma paṇḍitā honti, itipi paṇḍito samāno kena kāraṇena oḍḍitaṃ pāsaṃ na addasa. Padaṃ hetanti yasamahattaṃ vā ñāṇamahattaṃ vā pattānaṃ attano āpadabujjhanaṃ nāma padaṃ kāraṇaṃ, tasmā te āpadaṃ boddhumarahanti. Parābhavoti avaḍḍhi. Āsajjāpīti upagantvāpi na bujjhati. Tatāti vitatā oḍḍitā. Guyhamāsajjāti tesu pāsesu yo guḷho paṭicchanno pāso, taṃ āsajja bajjhanti. Athevanti atha evaṃ jīvitakkhaye bajjhantevāti attho.
อิติ นํ โส กถาสลฺลาเปน มุทุหทยํ กตฺวา มหาสตฺตสฺส ชีวิตํ ยาจโนฺต คาถมาห –
Iti naṃ so kathāsallāpena muduhadayaṃ katvā mahāsattassa jīvitaṃ yācanto gāthamāha –
๒๕.
25.
‘‘อปิ นายํ ตยา สทฺธิํ, สํวาสสฺส สุขุทฺรโย;
‘‘Api nāyaṃ tayā saddhiṃ, saṃvāsassa sukhudrayo;
อปิ โน อนุมญฺญาสิ, อปิ โน ชีวิตํ ทเท’’ติฯ
Api no anumaññāsi, api no jīvitaṃ dade’’ti.
ตตฺถ อปิ นายนฺติ อปิ นุ อยํฯ สุขุทฺรโยติ สุขผโลฯ อปิ โน อนุมญฺญาสีติ จิตฺตกูฎํ คนฺตฺวา ญาตเก ปสฺสิตุํ ตฺวํ อปิ โน อนุชาเนยฺยาสิฯ อปิ โน ชีวิตํ ทเทติ อปิ โน อิมาย กถาย อุปฺปนฺนวิสฺสาโส น มาเรยฺยาสีติฯ
Tattha api nāyanti api nu ayaṃ. Sukhudrayoti sukhaphalo. Api no anumaññāsīti cittakūṭaṃ gantvā ñātake passituṃ tvaṃ api no anujāneyyāsi. Api no jīvitaṃ dadeti api no imāya kathāya uppannavissāso na māreyyāsīti.
โส ตสฺส มธุรกถาย พชฺฌิตฺวา คาถมาห –
So tassa madhurakathāya bajjhitvā gāthamāha –
๒๖.
26.
‘‘น เจว เม ตฺวํ พโทฺธสิ, นปิ อิจฺฉามิ เต วธํ;
‘‘Na ceva me tvaṃ baddhosi, napi icchāmi te vadhaṃ;
กามํ ขิปฺปมิโต คนฺตฺวา, ชีว ตฺวํ อนิโฆ จิร’’นฺติฯ
Kāmaṃ khippamito gantvā, jīva tvaṃ anigho cira’’nti.
ตโต สุมุโข จตโสฺส คาถา อภาสิ –
Tato sumukho catasso gāthā abhāsi –
๒๗.
27.
‘‘เนวาหเมตมิจฺฉามิ , อญฺญเตฺรตสฺส ชีวิตา;
‘‘Nevāhametamicchāmi , aññatretassa jīvitā;
สเจ เอเกน ตุโฎฺฐสิ, มุเญฺจตํ มญฺจ ภกฺขยฯ
Sace ekena tuṭṭhosi, muñcetaṃ mañca bhakkhaya.
๒๘.
28.
‘‘อาโรหปริณาเหน, ตุลฺยาสฺมา วยสา อุโภ;
‘‘Ārohapariṇāhena, tulyāsmā vayasā ubho;
น เต ลาเภน ชีวตฺถิ, เอเตน นิมินา ตุวํฯ
Na te lābhena jīvatthi, etena niminā tuvaṃ.
๒๙.
29.
‘‘ตทิงฺฆ สมเปกฺขสฺสุ, โหตุ คิทฺธิ ตวมฺหสุ;
‘‘Tadiṅgha samapekkhassu, hotu giddhi tavamhasu;
มํ ปุเพฺพ พนฺธ ปาเสน, ปจฺฉา มุญฺจ ทิชาธิปํฯ
Maṃ pubbe bandha pāsena, pacchā muñca dijādhipaṃ.
๓๐.
30.
‘‘ตาวเทว จ เต ลาโภ, กตาสฺส ยาจนาย จ;
‘‘Tāvadeva ca te lābho, katāssa yācanāya ca;
มิตฺติ จ ธตรเฎฺฐหิ, ยาวชีวาย เต สิยา’’ติฯ
Mitti ca dhataraṭṭhehi, yāvajīvāya te siyā’’ti.
ตตฺถ เอตนฺติ ยํ อญฺญตฺร เอตสฺส ชีวิตา มม ชีวิตํ, เอตํ อหํ เนว อิจฺฉามิฯ ตุลฺยาสฺมาติ สมานา โหมฯ นิมินา ตุวนฺติ ปริวเตฺตหิ ตฺวํฯ ตวมฺหสูติ ตว อเมฺหสุ คิทฺธิ โหตุ, กิํ เต เอเตน, มยิ โลภํ อุปฺปาเทหีติ วทติฯ ตาวเทวาติ ตตฺตโกเยวฯ ยาจนาย จาติ ยา มม ยาจนา, สาว กตา อสฺสาติ อโตฺถฯ
Tattha etanti yaṃ aññatra etassa jīvitā mama jīvitaṃ, etaṃ ahaṃ neva icchāmi. Tulyāsmāti samānā homa. Niminā tuvanti parivattehi tvaṃ. Tavamhasūti tava amhesu giddhi hotu, kiṃ te etena, mayi lobhaṃ uppādehīti vadati. Tāvadevāti tattakoyeva. Yācanāya cāti yā mama yācanā, sāva katā assāti attho.
อิติ โส ตาย ธมฺมเทสนาย เตเล ปกฺขิตฺตกปฺปาสปิจุ วิย มุทุคตหทโย มหาสตฺตํ ตสฺส ทายํ กตฺวา ททโนฺต อาห –
Iti so tāya dhammadesanāya tele pakkhittakappāsapicu viya mudugatahadayo mahāsattaṃ tassa dāyaṃ katvā dadanto āha –
๓๑.
31.
‘‘ปสฺสนฺตุ โน มหาสงฺฆา, ตยา มุตฺตํ อิโต คตํ;
‘‘Passantu no mahāsaṅghā, tayā muttaṃ ito gataṃ;
มิตฺตามจฺจา จ ภจฺจา จ, ปุตฺตทารา จ พนฺธวาฯ
Mittāmaccā ca bhaccā ca, puttadārā ca bandhavā.
๓๒.
32.
‘‘น จ เต ตาทิสา มิตฺตา, พหูนํ อิธ วิชฺชติ;
‘‘Na ca te tādisā mittā, bahūnaṃ idha vijjati;
ยถา ตฺวํ ธตรฎฺฐสฺส, ปาณสาธารโณ สขาฯ
Yathā tvaṃ dhataraṭṭhassa, pāṇasādhāraṇo sakhā.
๓๓.
33.
‘‘โส เต สหายํ มุญฺจามิ, โหตุ ราชา ตวานุโค;
‘‘So te sahāyaṃ muñcāmi, hotu rājā tavānugo;
กามํ ขิปฺปมิโต คนฺตฺวา, ญาติมเชฺฌ วิโรจถา’’ติฯ
Kāmaṃ khippamito gantvā, ñātimajjhe virocathā’’ti.
ตตฺถ โนติ นิปาตมตฺตํฯ ตยา มุตฺตนฺติ อิมญฺหิ ตฺวเญฺญว มุญฺจสิ นาม, ตสฺมา อิมํ ตยา มุตฺตํ อิโต จิตฺตกูฎปพฺพตํ คตํ มหนฺตา ญาติสงฺฆา เอเต จ มิตฺตาทโย ปสฺสนฺตุฯ เอตฺถ จ พนฺธวาติ เอกโลหิตสมฺพนฺธาฯ วิชฺชตีติ วิชฺชนฺติฯ ปาณสาธารโณติ สาธารณปาโณ อวิภตฺตชีวิโก, ยถา ตฺวํ เอตสฺส สขา, เอตาทิสา อเญฺญสํ พหูนํ มิตฺตา นาม น วิชฺชนฺติฯ ตวานุโคติ เอตํ ทุกฺขิตํ อาทาย ปุรโต คจฺฉนฺตสฺส ตว อยํ อนุโค โหตูติฯ
Tattha noti nipātamattaṃ. Tayā muttanti imañhi tvaññeva muñcasi nāma, tasmā imaṃ tayā muttaṃ ito cittakūṭapabbataṃ gataṃ mahantā ñātisaṅghā ete ca mittādayo passantu. Ettha ca bandhavāti ekalohitasambandhā. Vijjatīti vijjanti. Pāṇasādhāraṇoti sādhāraṇapāṇo avibhattajīviko, yathā tvaṃ etassa sakhā, etādisā aññesaṃ bahūnaṃ mittā nāma na vijjanti. Tavānugoti etaṃ dukkhitaṃ ādāya purato gacchantassa tava ayaṃ anugo hotūti.
เอวํ วตฺวา ปน เนสาทปุโตฺต เมตฺตจิเตฺตน มหาสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา พนฺธนํ ฉินฺทิตฺวา อาลิงฺคิตฺวา สรโต นิกฺขาเมตฺวา สรตีเร ตรุณทพฺพติณปิเฎฺฐ นิสีทาเปตฺวา ปาเท พนฺธนปาสํ มุทุจิเตฺตน สณิกํ โมเจตฺวา ทูเร ขิปิตฺวา มหาสเตฺต พลวสิเนหํ ปจฺจุปฎฺฐาเปตฺวา เมตฺตจิเตฺตน อุทกํ อาทาย โลหิตํ โธวิตฺวา ปุนปฺปุนํ ปริมชฺชิฯ ตสฺส เมตฺตจิตฺตานุภาเวน โพธิสตฺตสฺส ปาเท สิรา สิราหิ, มํสํ มํเสน, จมฺมํ จเมฺมน ฆฎิตํ, ตาวเทว ปาโท สํรุโฬฺห สญฺชาตฉวิสญฺชาตโลโม อโหสิ อพทฺธปาเทน นิพฺพิเสโสฯ โพธิสโตฺต สุขิโต ปกติภาเวเนว นิสีทิฯ อถ สุมุโข อตฺตานํ นิสฺสาย มหาสตฺตสฺส สุขิตภาวํ ทิสฺวา สญฺชาตโสมนโสฺส เนสาทสฺส ถุติมกาสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Evaṃ vatvā pana nesādaputto mettacittena mahāsattaṃ upasaṅkamitvā bandhanaṃ chinditvā āliṅgitvā sarato nikkhāmetvā saratīre taruṇadabbatiṇapiṭṭhe nisīdāpetvā pāde bandhanapāsaṃ muducittena saṇikaṃ mocetvā dūre khipitvā mahāsatte balavasinehaṃ paccupaṭṭhāpetvā mettacittena udakaṃ ādāya lohitaṃ dhovitvā punappunaṃ parimajji. Tassa mettacittānubhāvena bodhisattassa pāde sirā sirāhi, maṃsaṃ maṃsena, cammaṃ cammena ghaṭitaṃ, tāvadeva pādo saṃruḷho sañjātachavisañjātalomo ahosi abaddhapādena nibbiseso. Bodhisatto sukhito pakatibhāveneva nisīdi. Atha sumukho attānaṃ nissāya mahāsattassa sukhitabhāvaṃ disvā sañjātasomanasso nesādassa thutimakāsi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๓๔.
34.
‘‘โส ปตีโต ปมุเตฺตน, ภตฺตุนา ภตฺตุคารโว;
‘‘So patīto pamuttena, bhattunā bhattugāravo;
อชฺฌภาสถ วกฺกโงฺค, วาจํ กณฺณสุขํ ภณํฯ
Ajjhabhāsatha vakkaṅgo, vācaṃ kaṇṇasukhaṃ bhaṇaṃ.
๓๕.
35.
‘‘เอวํ ลุทฺทก นนฺทสฺสุ, สห สเพฺพหิ ญาติภิ;
‘‘Evaṃ luddaka nandassu, saha sabbehi ñātibhi;
ยถาหมชฺช นนฺทามิ, มุตฺตํ ทิสฺวา ทิชาธิป’’นฺติฯ
Yathāhamajja nandāmi, muttaṃ disvā dijādhipa’’nti.
ตตฺถ วกฺกโงฺคติ วงฺกคีโวฯ
Tattha vakkaṅgoti vaṅkagīvo.
เอวํ ลุทฺทสฺส ถุติํ กตฺวา สุมุโข โพธิสตฺตํ อาห – ‘‘มหาราช, อิมินา อมฺหากํ มหาอุปกาโร กโต, อยญฺหิ อมฺหากํ วจนํ อกตฺวา กีฬาหํเส โน กตฺวา อิสฺสรานํ เทโนฺต พหุํ ธนํ ลเภยฺย, มาเรตฺวา มํสํ วิกฺกิณโนฺต มูลมฺปิ ลเภถ, อตฺตโน ปน ชีวิตํ อโนโลเกตฺวา อมฺหากํ วจนํ อกริ , อิมํ รโญฺญ สนฺติกํ เนตฺวา สุขชีวิตํ กโรมา’’ติฯ มหาสโตฺต สมฺปฎิจฺฉิฯ สุมุโข อตฺตโน ภาสาย มหาสเตฺตน สทฺธิํ กเถตฺวา ปุน มนุสฺสภาสาย ลุทฺทปุตฺตํ อามเนฺตตฺวา ‘‘สมฺม, ตฺวํ กิมตฺถํ ปาเส โอเฑฺฑสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ธนตฺถ’’นฺติ วุเตฺต ‘‘เอวํ สเนฺต อเมฺห อาทาย นครํ ปวิสิตฺวา รโญฺญ ทเสฺสหิ, พหุํ เต ธนํ ทาเปสฺสามี’’ติ วตฺวา อาห –
Evaṃ luddassa thutiṃ katvā sumukho bodhisattaṃ āha – ‘‘mahārāja, iminā amhākaṃ mahāupakāro kato, ayañhi amhākaṃ vacanaṃ akatvā kīḷāhaṃse no katvā issarānaṃ dento bahuṃ dhanaṃ labheyya, māretvā maṃsaṃ vikkiṇanto mūlampi labhetha, attano pana jīvitaṃ anoloketvā amhākaṃ vacanaṃ akari , imaṃ rañño santikaṃ netvā sukhajīvitaṃ karomā’’ti. Mahāsatto sampaṭicchi. Sumukho attano bhāsāya mahāsattena saddhiṃ kathetvā puna manussabhāsāya luddaputtaṃ āmantetvā ‘‘samma, tvaṃ kimatthaṃ pāse oḍḍesī’’ti pucchitvā ‘‘dhanattha’’nti vutte ‘‘evaṃ sante amhe ādāya nagaraṃ pavisitvā rañño dassehi, bahuṃ te dhanaṃ dāpessāmī’’ti vatvā āha –
๓๖.
36.
‘‘เอหิ ตํ อนุสิกฺขามิ, ยถา ตฺวมปิ ลจฺฉเส;
‘‘Ehi taṃ anusikkhāmi, yathā tvamapi lacchase;
ลาภํ ตวายํ ธตรโฎฺฐ, ปาปํ กิญฺจิ น ทกฺขติฯ
Lābhaṃ tavāyaṃ dhataraṭṭho, pāpaṃ kiñci na dakkhati.
๓๗.
37.
‘‘ขิปฺปมเนฺตปุรํ เนตฺวา, รโญฺญ ทเสฺสหิ โน อุโภ;
‘‘Khippamantepuraṃ netvā, rañño dassehi no ubho;
อพเทฺธ ปกติภูเต, กาเช อุภยโต ฐิเตฯ
Abaddhe pakatibhūte, kāje ubhayato ṭhite.
๓๘.
38.
‘‘ธตรฎฺฐา มหาราช, หํสาธิปติโน อิเม;
‘‘Dhataraṭṭhā mahārāja, haṃsādhipatino ime;
อยญฺหิ ราชา หํสานํ, อยํ เสนาปตีตโรฯ
Ayañhi rājā haṃsānaṃ, ayaṃ senāpatītaro.
๓๙. ‘‘อสํสยํ อิมํ ทิสฺวา, หํสราชํ นราธิโปฯ
39. ‘‘Asaṃsayaṃ imaṃ disvā, haṃsarājaṃ narādhipo.
ปตีโต สุมโน วิโตฺต, พหุํ ทสฺสติ เต ธน’’นฺติฯ
Patīto sumano vitto, bahuṃ dassati te dhana’’nti.
ตตฺถ อนุสิกฺขามีติ อนุสาสามิฯ ปาปนฺติ ลามกํฯ รโญฺญ ทเสฺสหิ โน อุโภติ อเมฺห อุโภปิ รโญฺญ ทเสฺสหิฯ อยํ โพธิสตฺตสฺส ปญฺญาปภาวทสฺสนตฺถํ, อตฺตโน มิตฺตธมฺมสฺส อาวิภาวนตฺถํ, ลุทฺทสฺส ธนลาภตฺถํ, รโญฺญ สีเลสุ ปติฎฺฐาปนตฺถญฺจาติ จตูหิ การเณหิ เอวมาหฯ ธตรฎฺฐาติ เนตฺวา จ ปน รโญฺญ เอวํ อาจิเกฺขยฺยาสิ, ‘‘มหาราช, อิเม ธตรฎฺฐกุเล ชาตา เทฺว หํสาธิปติโน, เอเตสุ อยํ ราชา, อิตโร เสนาปตี’’ติฯ อิติ นํ สิกฺขาเปสิฯ ‘‘ปตีโต’’ติอาทีนิ ตีณิปิ ตุฎฺฐาการเววจนาเนวฯ
Tattha anusikkhāmīti anusāsāmi. Pāpanti lāmakaṃ. Rañño dassehi no ubhoti amhe ubhopi rañño dassehi. Ayaṃ bodhisattassa paññāpabhāvadassanatthaṃ, attano mittadhammassa āvibhāvanatthaṃ, luddassa dhanalābhatthaṃ, rañño sīlesu patiṭṭhāpanatthañcāti catūhi kāraṇehi evamāha. Dhataraṭṭhāti netvā ca pana rañño evaṃ ācikkheyyāsi, ‘‘mahārāja, ime dhataraṭṭhakule jātā dve haṃsādhipatino, etesu ayaṃ rājā, itaro senāpatī’’ti. Iti naṃ sikkhāpesi. ‘‘Patīto’’tiādīni tīṇipi tuṭṭhākāravevacanāneva.
เอวํ วุเตฺต ลุโทฺท, ‘‘สามิ, มา โว ราชทสฺสนํ รุจฺจิ, ราชาโน นาม จลจิตฺตา, กีฬาหํเส วา โว กเรยฺยุํ มาราเปยฺยุํ วา’’ติ วตฺวา, ‘‘สมฺม, มา ภายิ, อหํ ตาทิสํ กกฺขฬํ ลุทฺทํ โลหิตปาณิํ ธมฺมกถาย มุทุกํ กตฺวา มม ปาเทสุ ปาเตสิํ, ราชาโน นาม ปุญฺญวโนฺต ปญฺญวโนฺต จ สุภาสิตทุพฺภาสิตญฺญู จ, ขิปฺปํ อเมฺห รโญฺญ ทเสฺสหี’’ติ วุเตฺต ‘‘เตน หิ มา มยฺหํ กุชฺฌิตฺถ, อหํ อวสฺสํ ตุมฺหากํ รุจิยา เนมี’’ติ วตฺวา อุโภปิ กาชํ อาโรเปตฺวา ราชกุลํ คนฺตฺวา รโญฺญ ทเสฺสตฺวา รญฺญา ปุโฎฺฐ ยถาภูตํ อาโรเจสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Evaṃ vutte luddo, ‘‘sāmi, mā vo rājadassanaṃ rucci, rājāno nāma calacittā, kīḷāhaṃse vā vo kareyyuṃ mārāpeyyuṃ vā’’ti vatvā, ‘‘samma, mā bhāyi, ahaṃ tādisaṃ kakkhaḷaṃ luddaṃ lohitapāṇiṃ dhammakathāya mudukaṃ katvā mama pādesu pātesiṃ, rājāno nāma puññavanto paññavanto ca subhāsitadubbhāsitaññū ca, khippaṃ amhe rañño dassehī’’ti vutte ‘‘tena hi mā mayhaṃ kujjhittha, ahaṃ avassaṃ tumhākaṃ ruciyā nemī’’ti vatvā ubhopi kājaṃ āropetvā rājakulaṃ gantvā rañño dassetvā raññā puṭṭho yathābhūtaṃ ārocesi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๔๐.
40.
‘‘ตสฺส ตํ วจนํ สุตฺวา, กมฺมุนา อุปปาทยิ;
‘‘Tassa taṃ vacanaṃ sutvā, kammunā upapādayi;
ขิปฺปมเนฺตปุรํ คนฺตฺวา, รโญฺญ หํเส อทสฺสยิ;
Khippamantepuraṃ gantvā, rañño haṃse adassayi;
อพเทฺธ ปกติภูเต, กาเช อุภยโต ฐิเตฯ
Abaddhe pakatibhūte, kāje ubhayato ṭhite.
๔๑.
41.
‘‘ธตรฎฺฐา มหาราช, หํสาธิปติโน อิเม;
‘‘Dhataraṭṭhā mahārāja, haṃsādhipatino ime;
อยญฺหิ ราชา หํสานํ, อยํ เสนาปตีตโร;
Ayañhi rājā haṃsānaṃ, ayaṃ senāpatītaro;
๔๒.
42.
‘‘กถํ ปนิเม วิหงฺคา, ตว หตฺถตฺตมาคตา;
‘‘Kathaṃ panime vihaṅgā, tava hatthattamāgatā;
กถํ ลุโทฺท มหนฺตานํ, อิสฺสเร อิธ อชฺฌคาฯ
Kathaṃ luddo mahantānaṃ, issare idha ajjhagā.
๔๓.
43.
‘‘วิหิตา สนฺติเม ปาสา, ปลฺลเลสุ ชนาธิป;
‘‘Vihitā santime pāsā, pallalesu janādhipa;
ยํ ยทายตนํ มเญฺญ, ทิชานํ ปาณโรธนํฯ
Yaṃ yadāyatanaṃ maññe, dijānaṃ pāṇarodhanaṃ.
๔๔.
44.
‘‘ตาทิสํ ปาสมาสชฺช, หํสราชา อพชฺฌถ;
‘‘Tādisaṃ pāsamāsajja, haṃsarājā abajjhatha;
ตํ อพโทฺธ อุปาสิโน, มมายํ อชฺฌภาสถฯ
Taṃ abaddho upāsino, mamāyaṃ ajjhabhāsatha.
๔๕.
45.
‘‘สุทุกฺกรํ อนริเยภิ, ทหเต ภาวมุตฺตมํ;
‘‘Sudukkaraṃ anariyebhi, dahate bhāvamuttamaṃ;
ภตฺตุรเตฺถ ปรกฺกโนฺต, ธมฺมยุโตฺต วิหงฺคโมฯ
Bhatturatthe parakkanto, dhammayutto vihaṅgamo.
๔๖.
46.
‘‘อตฺตนายํ จชิตฺวาน, ชีวิตํ ชีวิตารโห;
‘‘Attanāyaṃ cajitvāna, jīvitaṃ jīvitāraho;
อนุตฺถุนโนฺต อาสีโน, ภตฺตุ ยาจิตฺถ ชีวิตํฯ
Anutthunanto āsīno, bhattu yācittha jīvitaṃ.
๔๗.
47.
‘‘ตสฺส ตํ วจนํ สุตฺวา, ปสาทมหมชฺฌคา;
‘‘Tassa taṃ vacanaṃ sutvā, pasādamahamajjhagā;
ตโต นํ ปามุจิํ ปาสา, อนุญฺญาสิํ สุเขน จฯ
Tato naṃ pāmuciṃ pāsā, anuññāsiṃ sukhena ca.
๔๘.
48.
‘‘โส ปตีโต ปมุเตฺตน, ภตฺตุนา ภตฺตุคารโว;
‘‘So patīto pamuttena, bhattunā bhattugāravo;
อชฺฌภาสถ วกฺกโงฺค, วาจํ กณฺณสุขํ ภณํฯ
Ajjhabhāsatha vakkaṅgo, vācaṃ kaṇṇasukhaṃ bhaṇaṃ.
๔๙.
49.
‘‘เอวํ ลุทฺทก นนฺทสฺสุ, สห สเพฺพหิ ญาติภิ;
‘‘Evaṃ luddaka nandassu, saha sabbehi ñātibhi;
ยถาหมชฺช นนฺทามิ, มุตฺตํ ทิสฺวา ทิชาธิปํฯ
Yathāhamajja nandāmi, muttaṃ disvā dijādhipaṃ.
๕๐.
50.
‘‘เอหิ ตํ อนุสิกฺขามิ, ยถา ตฺวมปิ ลจฺฉเส;
‘‘Ehi taṃ anusikkhāmi, yathā tvamapi lacchase;
ลาภํ ตวายํ ธตรโฎฺฐ, ปาปํ กิญฺจิ น ทกฺขติฯ
Lābhaṃ tavāyaṃ dhataraṭṭho, pāpaṃ kiñci na dakkhati.
๕๑.
51.
‘‘ขิปฺปมเนฺตปุรํ เนตฺวา, รโญฺญ ทเสฺสหิ โน อุโภ;
‘‘Khippamantepuraṃ netvā, rañño dassehi no ubho;
อพเทฺธ ปกติภูเต, กาเช อุภยโต ฐิเตฯ
Abaddhe pakatibhūte, kāje ubhayato ṭhite.
๕๒.
52.
‘‘ธตรฎฺฐา มหาราช, หํสาธิปติโน อิเม;
‘‘Dhataraṭṭhā mahārāja, haṃsādhipatino ime;
อยญฺหิ ราชา หํสานํ, อยํ เสนาปตีตโรฯ
Ayañhi rājā haṃsānaṃ, ayaṃ senāpatītaro.
๕๓.
53.
‘‘อสํสยํ อิมํ ทิสฺวา, หํสราชํ นราธิโป;
‘‘Asaṃsayaṃ imaṃ disvā, haṃsarājaṃ narādhipo;
ปตีโต สุมโน วิโตฺต, พหุํ ทสฺสติ เต ธนํฯ
Patīto sumano vitto, bahuṃ dassati te dhanaṃ.
๕๔.
54.
‘‘เอวเมตสฺส วจนา, อานีตาเม อุโภ มยา;
‘‘Evametassa vacanā, ānītāme ubho mayā;
เอเตฺถว หิ อิเม อาสุํ, อุโภ อนุมตา มยาฯ
Ettheva hi ime āsuṃ, ubho anumatā mayā.
๕๕.
55.
‘‘โสยํ เอวํ คโต ปกฺขี, ทิโช ปรมธมฺมิโก;
‘‘Soyaṃ evaṃ gato pakkhī, dijo paramadhammiko;
มาทิสสฺส หิ ลุทฺทสฺส, ชนเยยฺยาถ มทฺทวํฯ
Mādisassa hi luddassa, janayeyyātha maddavaṃ.
๕๖.
56.
‘‘อุปายนญฺจ เต เทว, นาญฺญํ ปสฺสามิ เอทิสํ;
‘‘Upāyanañca te deva, nāññaṃ passāmi edisaṃ;
สพฺพสากุณิกาคาเม, ตํ ปสฺส มนุชาธิปา’’ติฯ
Sabbasākuṇikāgāme, taṃ passa manujādhipā’’ti.
ตตฺถ กมฺมุนา อุปปาทยีติ ยํ โส อวจ, ตํ กโรโนฺต กายกเมฺมน สมฺปาเทสิฯ คนฺตฺวาติ หํสราเชน นิสินฺนกาชโกฎิํ อุจฺจตรํ, เสนาปตินา นิสินฺนกาชโกฎิํ โถกํ นีจํ กตฺวา อุโภปิ เต อุกฺขิปิตฺวา ‘‘หํสราชา จ เสนาปติ จ ราชานํ ปสฺสิตุํ คจฺฉนฺติ, อุสฺสรถ อุสฺสรถา’’ติ ชนํ อุสฺสาเรโนฺต ‘‘เอวรูปา นาม โสภคฺคปฺปตฺตา สุวณฺณวณฺณา หํสราชาโน น ทิฎฺฐปุพฺพา’’ติ มุทุหทเยสุ มนุเสฺสสุ ปสํสเนฺตสุ ขิปฺปมเนฺตปุรํ คนฺตฺวาฯ อทสฺสยีติ ‘‘หํสราชาโน ตุเมฺห ทฎฺฐุํ อาคตา’’ติ รโญฺญ อาโรจาเปตฺวา เตน ตุฎฺฐจิเตฺตน ‘‘อาคจฺฉนฺตู’’ติ ปโกฺกสาปิโต อภิหริตฺวา ทเสฺสสิฯ หตฺถตฺตนฺติ หเตฺถสุ อาคตํ, ปตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติฯ มหนฺตานนฺติ ยสมหนฺตปฺปตฺตานํ สุวณฺณวณฺณานํ ธตรฎฺฐหํสานํ อิสฺสเร สามิโน กถํ ตฺวํ ลุโทฺท หุตฺวา อธิคโตติ ปุจฺฉติฯ ‘‘อิสฺสรมิธมชฺฌคา’’ติปิ ปาโฐ, เอเตสํ อิสฺสริยํ ตฺวํ กถํ อชฺฌคาติ อโตฺถฯ
Tattha kammunā upapādayīti yaṃ so avaca, taṃ karonto kāyakammena sampādesi. Gantvāti haṃsarājena nisinnakājakoṭiṃ uccataraṃ, senāpatinā nisinnakājakoṭiṃ thokaṃ nīcaṃ katvā ubhopi te ukkhipitvā ‘‘haṃsarājā ca senāpati ca rājānaṃ passituṃ gacchanti, ussaratha ussarathā’’ti janaṃ ussārento ‘‘evarūpā nāma sobhaggappattā suvaṇṇavaṇṇā haṃsarājāno na diṭṭhapubbā’’ti muduhadayesu manussesu pasaṃsantesu khippamantepuraṃ gantvā. Adassayīti ‘‘haṃsarājāno tumhe daṭṭhuṃ āgatā’’ti rañño ārocāpetvā tena tuṭṭhacittena ‘‘āgacchantū’’ti pakkosāpito abhiharitvā dassesi. Hatthattanti hatthesu āgataṃ, pattanti vuttaṃ hoti. Mahantānanti yasamahantappattānaṃ suvaṇṇavaṇṇānaṃ dhataraṭṭhahaṃsānaṃ issare sāmino kathaṃ tvaṃ luddo hutvā adhigatoti pucchati. ‘‘Issaramidhamajjhagā’’tipi pāṭho, etesaṃ issariyaṃ tvaṃ kathaṃ ajjhagāti attho.
วิหิตาติ โยชิตาฯ ยํ ยทายตนํ มเญฺญติ, มหาราช, ยํ ยํ สโมสรณฎฺฐานํ ทิชานํ ปาณโรธนํ ชีวิตกฺขยกรํ มญฺญามิ, ตตฺถ ตตฺถ มยา ปลฺลเลสุ ปาสา วิหิตาฯ ตาทิสนฺติ มานุสิยสเร ตถาวิธํ ปาณโรธนํ มยา วิหิตํ ปาสํฯ ตนฺติ ตํ เอตํ ตตฺถ พทฺธํฯ อุปาสิโนติ อตฺตโน ชีวิตํ อคเณตฺวา อุปคนฺตฺวา นิสิโนฺนฯ มมายนฺติ มํ อยํ เสนาปติ อชฺฌภาสถ, มยา สทฺธิํ กเถสิฯ สุทุกฺกรนฺติ ตสฺมิํ ขเณ เอส อมฺหาทิเสหิ อนริเยหิ สุทุกฺกรํ อกาสิฯ กิํ ตนฺติ? ทหเต ภาวมุตฺตมํ, อตฺตโน อุตฺตมํ อชฺฌาสยํ ทหติ วิทหติ ปกาเสติฯ อตฺตนายนฺติ อตฺตโน อยํฯ อนุตฺถุนโนฺตติ ภตฺตุคุเณ วเณฺณโนฺต ตสฺส ชีวิตํ มุญฺจาติ มํ ยาจิฯ
Vihitāti yojitā. Yaṃ yadāyatanaṃ maññeti, mahārāja, yaṃ yaṃ samosaraṇaṭṭhānaṃ dijānaṃ pāṇarodhanaṃ jīvitakkhayakaraṃ maññāmi, tattha tattha mayā pallalesu pāsā vihitā. Tādisanti mānusiyasare tathāvidhaṃ pāṇarodhanaṃ mayā vihitaṃ pāsaṃ. Tanti taṃ etaṃ tattha baddhaṃ. Upāsinoti attano jīvitaṃ agaṇetvā upagantvā nisinno. Mamāyanti maṃ ayaṃ senāpati ajjhabhāsatha, mayā saddhiṃ kathesi. Sudukkaranti tasmiṃ khaṇe esa amhādisehi anariyehi sudukkaraṃ akāsi. Kiṃ tanti? Dahate bhāvamuttamaṃ, attano uttamaṃ ajjhāsayaṃ dahati vidahati pakāseti. Attanāyanti attano ayaṃ. Anutthunantoti bhattuguṇe vaṇṇento tassa jīvitaṃ muñcāti maṃ yāci.
ตสฺสาติ ตสฺส ตถา ยาจนฺตสฺสฯ สุเขน จาติ ยถาสุเขน จิตฺตกูฎํ คนฺตฺวา ญาติสงฺฆํ ปสฺสถาติ จ อนุชานิํฯ เอเตฺถว หีติ มยา ปน อิเม เทฺว เอตฺถ มานุสิยสเรเยว จิตฺตกูฎคมนาย อนุมตา อเหสุํฯ เอวํ คโตติ เอวํ สตฺตุ หตฺถคโตฯ ชนเยยฺยาถ มทฺทวนฺติ อตฺตนิ เมตฺตจิตฺตํ ชเนสิฯ อุปายนนฺติ ปณฺณาการํฯ สพฺพสากุณิกาคาเมติ สพฺพสฺมิมฺปิ สากุณิกคาเม นาหํ อญฺญํ ตว เอวรูปํ เกนจิ สากุณิเกน อาภตปุพฺพํ อุปายนํ ปสฺสามิฯ ตํ ปสฺสาติ ตํ มยา อาภตํ อุปายนํ ปสฺส มนุชาธิปาติฯ
Tassāti tassa tathā yācantassa. Sukhena cāti yathāsukhena cittakūṭaṃ gantvā ñātisaṅghaṃ passathāti ca anujāniṃ. Ettheva hīti mayā pana ime dve ettha mānusiyasareyeva cittakūṭagamanāya anumatā ahesuṃ. Evaṃ gatoti evaṃ sattu hatthagato. Janayeyyātha maddavanti attani mettacittaṃ janesi. Upāyananti paṇṇākāraṃ. Sabbasākuṇikāgāmeti sabbasmimpi sākuṇikagāme nāhaṃ aññaṃ tava evarūpaṃ kenaci sākuṇikena ābhatapubbaṃ upāyanaṃ passāmi. Taṃ passāti taṃ mayā ābhataṃ upāyanaṃ passa manujādhipāti.
เอวํ โส ฐิตโกว สุมุขสฺส คุณํ กเถสิฯ ตโต ราชา หํสรโญฺญ มหารหํ อาสนํ, สุมุขสฺส จ สุวณฺณภทฺทปีฐกํ ทาเปตฺวา เตสํ ตตฺถ นิสินฺนานํ สุวณฺณภาชเนหิ ลาชมธุผาณิตาทีนิ ทาเปตฺวา นิฎฺฐิเต ปานโภชนกิเจฺจ อญฺชลิํ ปคฺคยฺห มหาสตฺตํ ธมฺมกถํ ยาจิตฺวา สุวณฺณปีฐเก นิสีทิฯ โส เตน ยาจิโต ปฎิสนฺถารํ ตาว อกาสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Evaṃ so ṭhitakova sumukhassa guṇaṃ kathesi. Tato rājā haṃsarañño mahārahaṃ āsanaṃ, sumukhassa ca suvaṇṇabhaddapīṭhakaṃ dāpetvā tesaṃ tattha nisinnānaṃ suvaṇṇabhājanehi lājamadhuphāṇitādīni dāpetvā niṭṭhite pānabhojanakicce añjaliṃ paggayha mahāsattaṃ dhammakathaṃ yācitvā suvaṇṇapīṭhake nisīdi. So tena yācito paṭisanthāraṃ tāva akāsi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๕๗.
57.
‘‘ทิสฺวา นิสินฺนํ ราชานํ, ปีเฐ โสวณฺณเย สุเภ;
‘‘Disvā nisinnaṃ rājānaṃ, pīṭhe sovaṇṇaye subhe;
อชฺฌภาสถ วกฺกโงฺค, วาจํ กณฺณสุขํ ภณํฯ
Ajjhabhāsatha vakkaṅgo, vācaṃ kaṇṇasukhaṃ bhaṇaṃ.
๕๘.
58.
‘‘กจฺจิ นุ โภโต กุสลํ, กจฺจิ โภโต อนามยํ;
‘‘Kacci nu bhoto kusalaṃ, kacci bhoto anāmayaṃ;
กจฺจิ รฎฺฐมิทํ ผีตํ, ธเมฺมน มนุสาสสิฯ
Kacci raṭṭhamidaṃ phītaṃ, dhammena manusāsasi.
๕๙.
59.
‘‘กุสลเญฺจว เม หํส, อโถ หํส อนามยํ;
‘‘Kusalañceva me haṃsa, atho haṃsa anāmayaṃ;
อโถ รฎฺฐมิทํ ผีตํ, ธเมฺมน มนุสาสหํฯ
Atho raṭṭhamidaṃ phītaṃ, dhammena manusāsahaṃ.
๖๐.
60.
‘‘กจฺจิ โภโต อมเจฺจสุ, โทโส โกจิ น วิชฺชติ;
‘‘Kacci bhoto amaccesu, doso koci na vijjati;
กจฺจิ จ เต ตวเตฺถสุ, นาวกงฺขนฺติ ชีวิตํฯ
Kacci ca te tavatthesu, nāvakaṅkhanti jīvitaṃ.
๖๑.
61.
‘‘อโถปิ เม อมเจฺจสุ, โทโส โกจิ น วิชฺชติ;
‘‘Athopi me amaccesu, doso koci na vijjati;
อโถปิ เต มมเตฺถสุ, นาวกงฺขนฺติ ชีวิตํฯ
Athopi te mamatthesu, nāvakaṅkhanti jīvitaṃ.
๖๒.
62.
‘‘กจฺจิ เต สาทิสี ภริยา, อสฺสวา ปิยภาณินี;
‘‘Kacci te sādisī bhariyā, assavā piyabhāṇinī;
ปุตฺตรูปยสูเปตา, ตว ฉนฺทวสานุคาฯ
Puttarūpayasūpetā, tava chandavasānugā.
๖๓.
63.
‘‘อโถ เม สาทิสี ภริยา, อสฺสวา ปิยภาณินี;
‘‘Atho me sādisī bhariyā, assavā piyabhāṇinī;
ปุตฺตรูปยสูเปตา, มม ฉนฺทวสานุคา’’ติฯ
Puttarūpayasūpetā, mama chandavasānugā’’ti.
ตตฺถ ราชานนฺติ สาคลราชานํฯ วกฺกโงฺคติ หํสราชาฯ ธเมฺมน มนุสาสสีติ ธเมฺมน อนุสาสสิฯ โทโสติ อปราโธฯ ตวเตฺถสูติ อุปฺปเนฺนสุ ตว ยุทฺธาทีสุ อเตฺถสุฯ นาวกงฺขนฺตีติ อุรํ ทตฺวา ปริจฺจชนฺตา กิจฺจิ อตฺตโน ชีวิตํ น ปเตฺถนฺติ, ชีวิตญฺจ จชิตฺวา ตเววตฺถํ กโรนฺติฯ สาทิสีติ สมานชาติกาฯ อสฺสวาติ วจนสมฺปฎิจฺฉิกาฯ ปุตฺตรูปยสูเปตาติ ปุเตฺตหิ จ รูเปน จ ยเสน จ อุเปตาฯ ตว ฉนฺทวสานุคาติ กจฺจิ ตว อชฺฌาสยํ ตว วสํ อนุวตฺตติ, น อตฺตโน จิตฺตวเสน วตฺตตีติ ปุจฺฉติฯ
Tattha rājānanti sāgalarājānaṃ. Vakkaṅgoti haṃsarājā. Dhammena manusāsasīti dhammena anusāsasi. Dosoti aparādho. Tavatthesūti uppannesu tava yuddhādīsu atthesu. Nāvakaṅkhantīti uraṃ datvā pariccajantā kicci attano jīvitaṃ na patthenti, jīvitañca cajitvā tavevatthaṃ karonti. Sādisīti samānajātikā. Assavāti vacanasampaṭicchikā. Puttarūpayasūpetāti puttehi ca rūpena ca yasena ca upetā. Tava chandavasānugāti kacci tava ajjhāsayaṃ tava vasaṃ anuvattati, na attano cittavasena vattatīti pucchati.
เอวํ โพธิสเตฺตน ปฎิสนฺถาเร กเต ปุน ราชา เตน สทฺธิํ กเถโนฺต อาห –
Evaṃ bodhisattena paṭisanthāre kate puna rājā tena saddhiṃ kathento āha –
๖๔.
64.
‘‘ภวนฺตํ กจฺจิ นุ มหา-สตฺตุหตฺถตฺตตํ คโต;
‘‘Bhavantaṃ kacci nu mahā-sattuhatthattataṃ gato;
ทุกฺขมาปชฺชิ วิปุลํ, ตสฺมิํ ปฐมมาปเทฯ
Dukkhamāpajji vipulaṃ, tasmiṃ paṭhamamāpade.
๖๕.
65.
‘‘กจฺจิ ยนฺตาปติตฺวาน, ทเณฺฑน สมโปถยิ;
‘‘Kacci yantāpatitvāna, daṇḍena samapothayi;
เอวเมเตสํ ชมฺมานํ, ปาติกํ ภวติ ตาวเทฯ
Evametesaṃ jammānaṃ, pātikaṃ bhavati tāvade.
๖๖.
66.
‘‘เขมมาสิ มหาราช, เอวมาปทิยา สติ;
‘‘Khemamāsi mahārāja, evamāpadiyā sati;
น จายํ กิญฺจิ รสฺมาสุ, สตฺตูว สมปชฺชถฯ
Na cāyaṃ kiñci rasmāsu, sattūva samapajjatha.
๖๗.
67.
‘‘ปจฺจคมิตฺถ เนสาโท, ปุเพฺพว อชฺฌภาสถ;
‘‘Paccagamittha nesādo, pubbeva ajjhabhāsatha;
ตทายํ สุมุโขเยว, ปณฺฑิโต ปจฺจภาสถฯ
Tadāyaṃ sumukhoyeva, paṇḍito paccabhāsatha.
๖๘.
68.
‘‘ตสฺส ตํ วจนํ สุตฺวา, ปสาทมยมชฺฌคา;
‘‘Tassa taṃ vacanaṃ sutvā, pasādamayamajjhagā;
ตโต มํ ปามุจี ปาสา, อนุญฺญาสิ สุเขน จฯ
Tato maṃ pāmucī pāsā, anuññāsi sukhena ca.
๖๙.
69.
‘‘อิทญฺจ สุมุเขเนว, เอตทตฺถาย จินฺติตํ;
‘‘Idañca sumukheneva, etadatthāya cintitaṃ;
โภโต สกาเสคมนํ, เอตสฺส ธนมิจฺฉตาฯ
Bhoto sakāsegamanaṃ, etassa dhanamicchatā.
๗๐.
70.
‘‘สฺวาคตเญฺจวิทํ ภวตํ, ปตีโต จสฺมิ ทสฺสนา;
‘‘Svāgatañcevidaṃ bhavataṃ, patīto casmi dassanā;
เอโส จาปิ พหุํ วิตฺตํ, ลภตํ ยาวทิจฺฉตี’’ติฯ
Eso cāpi bahuṃ vittaṃ, labhataṃ yāvadicchatī’’ti.
ตตฺถ มหาสตฺตุหตฺถตฺตตํ คโตติ มหนฺตสฺส สตฺตุโน หตฺถตฺตํ คโตฯ อาปติตฺวานาติ อุปธาวิตฺวาฯ ปาติกนฺติ ปากติกํ, อยเมว วา ปาโฐฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – เอเตสญฺหิ ชมฺมานํ ตาวเทว เอวํ ปากติกํ โหติ, สกุเณ ทเณฺฑน โปเถตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปโนฺต ธนเวตนํ ลภตีติฯ กิญฺจิ รสฺมาสูติ กิญฺจิ อเมฺหสุฯ สตฺตูวาติ สตฺตุ วิยฯ ปจฺจคมิตฺถาติ, มหาราช, เอส อเมฺห ทิสฺวา พทฺธาติ สญฺญาย โถกํ โอสกฺกิตฺถฯ ปุเพฺพวาติ อยเมว ปฐมํ อชฺฌภาสิฯ ตทาติ ตสฺมิํ กาเลฯ เอตทตฺถายาติ เอตสฺส เนสาทปุตฺตสฺส อตฺถาย จินฺติตํฯ ธนมิจฺฉตาติ เอตสฺส ธนํ อิจฺฉเนฺตน ตว สนฺติกํ อมฺหากํ อาคมนํ จินฺติตํฯ สฺวาคตเญฺจวิทนฺติ มา โภโนฺต จินฺตยนฺตุ, ภวตํ อิทํ อิธาคมนํ สฺวาคตเมวฯ ลภตนฺติ ลภตุฯ
Tattha mahāsattuhatthattataṃ gatoti mahantassa sattuno hatthattaṃ gato. Āpatitvānāti upadhāvitvā. Pātikanti pākatikaṃ, ayameva vā pāṭho. Idaṃ vuttaṃ hoti – etesañhi jammānaṃ tāvadeva evaṃ pākatikaṃ hoti, sakuṇe daṇḍena pothetvā jīvitakkhayaṃ pāpento dhanavetanaṃ labhatīti. Kiñci rasmāsūti kiñci amhesu. Sattūvāti sattu viya. Paccagamitthāti, mahārāja, esa amhe disvā baddhāti saññāya thokaṃ osakkittha. Pubbevāti ayameva paṭhamaṃ ajjhabhāsi. Tadāti tasmiṃ kāle. Etadatthāyāti etassa nesādaputtassa atthāya cintitaṃ. Dhanamicchatāti etassa dhanaṃ icchantena tava santikaṃ amhākaṃ āgamanaṃ cintitaṃ. Svāgatañcevidanti mā bhonto cintayantu, bhavataṃ idaṃ idhāgamanaṃ svāgatameva. Labhatanti labhatu.
เอวญฺจ ปน วตฺวา ราชา อญฺญตรํ อมจฺจํ โอโลเกตฺวา ‘‘กิํ กโรมิ เทวา’’ติ วุเตฺต ‘‘อิมํ เนสาทํ กปฺปิตเกสมสฺสุํ นฺหาตานุลิตฺตํ สพฺพาลงฺการปฎิมณฺฑิตํ กาเรตฺวา อาเนหี’’ติ วตฺวา เตน ตถา กตฺวา อานีตสฺส ตสฺส สํวจฺฉเร สํวจฺฉเร สตสหสฺสุฎฺฐานกํ คามํ, เทฺว วีถิโย คเหตฺวา ฐิตํ มหนฺตํ เคหํ, รถวรญฺจ, อญฺญญฺจ พหุํ หิรญฺญสุวณฺณํ อทาสิฯ ตมตฺถํ อาวิกโรโนฺต สตฺถา อาห –
Evañca pana vatvā rājā aññataraṃ amaccaṃ oloketvā ‘‘kiṃ karomi devā’’ti vutte ‘‘imaṃ nesādaṃ kappitakesamassuṃ nhātānulittaṃ sabbālaṅkārapaṭimaṇḍitaṃ kāretvā ānehī’’ti vatvā tena tathā katvā ānītassa tassa saṃvacchare saṃvacchare satasahassuṭṭhānakaṃ gāmaṃ, dve vīthiyo gahetvā ṭhitaṃ mahantaṃ gehaṃ, rathavarañca, aññañca bahuṃ hiraññasuvaṇṇaṃ adāsi. Tamatthaṃ āvikaronto satthā āha –
๗๑.
71.
‘‘สนฺตปฺปยิตฺวา เนสาทํ, โภเคหิ มนุชาธิโป;
‘‘Santappayitvā nesādaṃ, bhogehi manujādhipo;
อชฺฌภาสถ วกฺกงฺคํ, วาจํ กณฺณสุขํ ภณ’’นฺติฯ
Ajjhabhāsatha vakkaṅgaṃ, vācaṃ kaṇṇasukhaṃ bhaṇa’’nti.
อถ มหาสโตฺต รโญฺญ ธมฺมํ เทเสสิฯ โส ตสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา ตุฎฺฐหทโย ‘‘ธมฺมกถิกสฺส สกฺการํ กริสฺสามี’’ติ เสตจฺฉตฺตํ ทตฺวา รชฺชํ ปฎิจฺฉาเปโนฺต อาห –
Atha mahāsatto rañño dhammaṃ desesi. So tassa dhammakathaṃ sutvā tuṭṭhahadayo ‘‘dhammakathikassa sakkāraṃ karissāmī’’ti setacchattaṃ datvā rajjaṃ paṭicchāpento āha –
๗๒.
72.
‘‘ยํ ขลุ ธมฺมมาธีนํ, วโส วตฺตติ กิญฺจนํ;
‘‘Yaṃ khalu dhammamādhīnaṃ, vaso vattati kiñcanaṃ;
สพฺพตฺถิสฺสริยํ ภวตํ, ปสาสถ ยทิจฺฉถฯ
Sabbatthissariyaṃ bhavataṃ, pasāsatha yadicchatha.
๗๓.
73.
‘‘ทานตฺถํ อุปโภตฺตุํ วา, ยํ จญฺญํ อุปกปฺปติ;
‘‘Dānatthaṃ upabhottuṃ vā, yaṃ caññaṃ upakappati;
เอตํ ททามิ โว วิตฺตํ, อิสฺสริยํ วิสฺสชามิ โว’’ติฯ
Etaṃ dadāmi vo vittaṃ, issariyaṃ vissajāmi vo’’ti.
ตตฺถ วโส วตฺตตีติ ยตฺถ มม วโส วตฺตติฯ กิญฺจนนฺติ ตํ อปฺปมตฺตกมฺปิฯ สพฺพตฺถิสฺสริยนฺติ สพฺพํ ภวตํเยว อิสฺสริยํ อตฺถุฯ ยํ จญฺญํ อุปกปฺปตีติ ปุญฺญกามตาย ทานตฺถํ วา ฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา รชฺชเมว อุปโภตฺตุํ วา ยํ วา อญฺญํ ตุมฺหากํ รุจฺจติ, ตํ กโรถ, เอตํ ททามิ โว วิตฺตํ, สทฺธิํเยว เสตจฺฉเตฺตน มม สนฺตกํ อิสฺสริยํ วิสฺสชฺชามิ โวติฯ
Tattha vaso vattatīti yattha mama vaso vattati. Kiñcananti taṃ appamattakampi. Sabbatthissariyanti sabbaṃ bhavataṃyeva issariyaṃ atthu. Yaṃ caññaṃ upakappatīti puññakāmatāya dānatthaṃ vā chattaṃ ussāpetvā rajjameva upabhottuṃ vā yaṃ vā aññaṃ tumhākaṃ ruccati, taṃ karotha, etaṃ dadāmi vo vittaṃ, saddhiṃyeva setacchattena mama santakaṃ issariyaṃ vissajjāmi voti.
อถ มหาสโตฺต รญฺญา ทินฺนํ เสตจฺฉตฺตํ ปุน ตเสฺสว อทาสิฯ ราชาปิ จิเนฺตสิ – ‘‘หํสรโญฺญ ตาว เม ธมฺมกถา สุตา, ลุทฺทปุเตฺตน ปน ‘อยํ สุมุโข มุธุรกโถ’ติ อติวิย วณฺณิโต, อิมสฺสปิ ธมฺมกถํ โสสฺสามี’’ติฯ โส เตน สทฺธิํ สลฺลปโนฺต อนนฺตรํ คาถมาห –
Atha mahāsatto raññā dinnaṃ setacchattaṃ puna tasseva adāsi. Rājāpi cintesi – ‘‘haṃsarañño tāva me dhammakathā sutā, luddaputtena pana ‘ayaṃ sumukho mudhurakatho’ti ativiya vaṇṇito, imassapi dhammakathaṃ sossāmī’’ti. So tena saddhiṃ sallapanto anantaraṃ gāthamāha –
๗๔.
74.
‘‘ยถา จ มฺยายํ สุมุโข, อชฺฌภาเสยฺย ปณฺฑิโต;
‘‘Yathā ca myāyaṃ sumukho, ajjhabhāseyya paṇḍito;
กามสา พุทฺธิสมฺปโนฺน, ตํ มฺยาสฺส ปรมปฺปิย’’นฺติฯ
Kāmasā buddhisampanno, taṃ myāssa paramappiya’’nti.
ตตฺถ ยถาติ ยทิฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยทิ จ เม อยํ สุมุโข ปณฺฑิโต พุทฺธิสมฺปโนฺน กามสา อตฺตโน รุจิยา อชฺฌภาเสยฺย, ตํ เม ปรมปฺปิยํ อสฺสาติฯ
Tattha yathāti yadi. Idaṃ vuttaṃ hoti – yadi ca me ayaṃ sumukho paṇḍito buddhisampanno kāmasā attano ruciyā ajjhabhāseyya, taṃ me paramappiyaṃ assāti.
ตโต สุมุโข อาห –
Tato sumukho āha –
๗๕.
75.
‘‘อหํ ขลุ มหาราช, นาคราชาริวนฺตรํ;
‘‘Ahaṃ khalu mahārāja, nāgarājārivantaraṃ;
ปฎิวตฺตุํ น สโกฺกมิ, น เม โส วินโย สิยาฯ
Paṭivattuṃ na sakkomi, na me so vinayo siyā.
๗๖.
76.
‘‘อมฺหากเญฺจว โส เสโฎฺฐ, ตฺวญฺจ อุตฺตมสตฺตโว;
‘‘Amhākañceva so seṭṭho, tvañca uttamasattavo;
ภูมิปาโล มนุสฺสิโนฺท, ปูชา พหูหิ เหตุภิฯ
Bhūmipālo manussindo, pūjā bahūhi hetubhi.
๗๗.
77.
‘‘เตสํ อุภินฺนํ ภณตํ, วตฺตมาเน วินิจฺฉเย;
‘‘Tesaṃ ubhinnaṃ bhaṇataṃ, vattamāne vinicchaye;
นนฺตรํ ปติวตฺตพฺพํ, เปเสฺสน มนุชาธิปา’’ติฯ
Nantaraṃ pativattabbaṃ, pessena manujādhipā’’ti.
ตตฺถ นาคราชาริวนฺตรนฺติ เปฬาย อพฺภนฺตรํ ปวิโฎฺฐ นาคราชา วิยฯ ปฎิวตฺตุนฺติ ตุมฺหากํ ทฺวินฺนํ อนฺตเร วตฺตุํ น สโกฺกมิฯ น เม โสติ สเจ วเทยฺยํ, น เม โส วินโย ภเวยฺยฯ อมฺหากเญฺจวาติ ฉนฺนวุติยา หํสสหสฺสานํฯ อุตฺตมสตฺตโวติ อุตฺตมสโตฺตฯ ปูชาติ อุโภ ตุเมฺห มยฺหํ พหูหิ การเณหิ ปูชารหา เจว ปสํสารหา จฯ เปเสฺสนาติ เวยฺยาวจฺจกเรน เสวเกนฯ
Tattha nāgarājārivantaranti peḷāya abbhantaraṃ paviṭṭho nāgarājā viya. Paṭivattunti tumhākaṃ dvinnaṃ antare vattuṃ na sakkomi. Na me soti sace vadeyyaṃ, na me so vinayo bhaveyya. Amhākañcevāti channavutiyā haṃsasahassānaṃ. Uttamasattavoti uttamasatto. Pūjāti ubho tumhe mayhaṃ bahūhi kāraṇehi pūjārahā ceva pasaṃsārahā ca. Pessenāti veyyāvaccakarena sevakena.
ราชา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ตุฎฺฐหทโย ‘‘เนสาทปุโตฺต ตํ วเณฺณติ, น อเญฺญน ตุมฺหาทิเสน มธุรธมฺมกถิเกน นาม ภวิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา อาห –
Rājā tassa vacanaṃ sutvā tuṭṭhahadayo ‘‘nesādaputto taṃ vaṇṇeti, na aññena tumhādisena madhuradhammakathikena nāma bhavitabba’’nti vatvā āha –
๗๘.
78.
‘‘ธเมฺมน กิร เนสาโท, ปณฺฑิโต อณฺฑโช อิติ;
‘‘Dhammena kira nesādo, paṇḍito aṇḍajo iti;
นเหว อกตตฺตสฺส, นโย เอตาทิโส สิยาฯ
Naheva akatattassa, nayo etādiso siyā.
๗๙.
79.
‘‘เอวํ อคฺคปกติมา, เอวํ อุตฺตมสตฺตโว;
‘‘Evaṃ aggapakatimā, evaṃ uttamasattavo;
ยาวตตฺถิ มยา ทิฎฺฐา, นาญฺญํ ปสฺสามิ เอทิสํฯ
Yāvatatthi mayā diṭṭhā, nāññaṃ passāmi edisaṃ.
๘๐.
80.
‘‘ตุโฎฺฐสฺมิ โว ปกติยา, วาเกฺยน มธุเรน จ;
‘‘Tuṭṭhosmi vo pakatiyā, vākyena madhurena ca;
เอโส จาปิ มมจฺฉโนฺท, จิรํ ปเสฺสยฺย โว อุโภ’’ติฯ
Eso cāpi mamacchando, ciraṃ passeyya vo ubho’’ti.
ตตฺถ ธเมฺมนาติ สภาเวน การเณนฯ อกตตฺตสฺสาติ อสมฺปาทิตอตฺตภาวสฺส มิตฺตทุพฺภิสฺสฯ นโยติ ปญฺญาฯ อคฺคปกติมาติ อคฺคสภาโวฯ อุตฺตมสตฺตโวติ อุตฺตมสโตฺตฯ ยาวตตฺถีติ ยาวตา มยา ทิฎฺฐา นาม อตฺถิฯ นาญฺญนฺติ ตสฺมิํ มยา ทิฎฺฐฎฺฐาเน อญฺญํ เอวรูปํ น ปสฺสามิฯ ตุโฎฺฐสฺมิ โว ปกติยาติ สมฺม หํสราช อหํ ปกติยา ปฐมเมว ตุมฺหากํ ทสฺสเนน ตุโฎฺฐฯ วาเกฺยนาติ อิทานิ ปน โว มธุรวจเนน ตุโฎฺฐสฺมิฯ จิรํ ปเสฺสยฺย โวติ อิเธว วสาเปตฺวา มุหุตฺตมฺปิ อวิปฺปวาสโนฺต จิรํ ตุเมฺห ปเสฺสยฺยนฺติ เอส เม ฉโนฺทติ วทติฯ
Tattha dhammenāti sabhāvena kāraṇena. Akatattassāti asampāditaattabhāvassa mittadubbhissa. Nayoti paññā. Aggapakatimāti aggasabhāvo. Uttamasattavoti uttamasatto. Yāvatatthīti yāvatā mayā diṭṭhā nāma atthi. Nāññanti tasmiṃ mayā diṭṭhaṭṭhāne aññaṃ evarūpaṃ na passāmi. Tuṭṭhosmi vo pakatiyāti samma haṃsarāja ahaṃ pakatiyā paṭhamameva tumhākaṃ dassanena tuṭṭho. Vākyenāti idāni pana vo madhuravacanena tuṭṭhosmi. Ciraṃ passeyya voti idheva vasāpetvā muhuttampi avippavāsanto ciraṃ tumhe passeyyanti esa me chandoti vadati.
ตโต มหาสโตฺต ราชานํ ปสํสโนฺต อาห –
Tato mahāsatto rājānaṃ pasaṃsanto āha –
๘๑.
81.
‘‘ยํ กิจฺจํ ปรเม มิเตฺต, กตมสฺมาสุ ตํ ตยา;
‘‘Yaṃ kiccaṃ parame mitte, katamasmāsu taṃ tayā;
ปตฺตา นิสฺสํสยํ ตฺยามฺหา, ภตฺติรสฺมาสุ ยา ตวฯ
Pattā nissaṃsayaṃ tyāmhā, bhattirasmāsu yā tava.
๘๒.
82.
‘‘อทุญฺจ นูน สุมหา, ญาติสงฺฆสฺส มนฺตรํ;
‘‘Aduñca nūna sumahā, ñātisaṅghassa mantaraṃ;
อทสฺสเนน อสฺมากํ, ทุกฺขํ พหูสุ ปกฺขิสุฯ
Adassanena asmākaṃ, dukkhaṃ bahūsu pakkhisu.
๘๓.
83.
‘‘เตสํ โสกวิฆาตาย, ตยา อนุมตา มยํ;
‘‘Tesaṃ sokavighātāya, tayā anumatā mayaṃ;
ตํ ปทกฺขิณโต กตฺวา, ญาติํ ปเสฺสมุรินฺทมฯ
Taṃ padakkhiṇato katvā, ñātiṃ passemurindama.
๘๔.
84.
‘‘อทฺธาหํ วิปุลํ ปีติํ, ภวตํ วินฺทามิ ทสฺสนา;
‘‘Addhāhaṃ vipulaṃ pītiṃ, bhavataṃ vindāmi dassanā;
เอโส จาปิ มหา อโตฺถ, ญาติวิสฺสาสนา สิยา’’ติฯ
Eso cāpi mahā attho, ñātivissāsanā siyā’’ti.
ตตฺถ กตมสฺมาสูติ กตํ อเมฺหสุฯ ปตฺตา นิสฺสํสยํ ตฺยามฺหาติ มยํ นิสฺสํสเยน ตยา ปตฺตาเยวฯ ภตฺติรสฺมาสุ ยา ตวาติ ยา ตว อเมฺหสุ ภตฺติ, ตาย ภตฺติยา มยํ ตยา อสํสเยน ปตฺตาเยว, น จ วิปฺปยุตฺตา, วิปฺปวุฎฺฐาปิ สหวาสิโนเยว นาม มยนฺติ ทีเปติฯ อทุญฺจ นูน สุมหาติ เอตญฺจ เอกํเสเนว สุมหนฺตํฯ ญาติสงฺฆสฺส มนฺตรนฺติ อเมฺหหิ ทฺวีหิ ชเนหิ วิรหิตสฺส มม ญาติสงฺฆสฺส อนฺตรํ ฉิทฺทํฯ อสฺมากนฺติ อมฺหากํ ทฺวินฺนํ อทสฺสเนน พหูสุ ปกฺขีสุ ทุกฺขํ อุปฺปนฺนํฯ ปเสฺสมุรินฺทมาติ ปเสฺสยฺยาม อรินฺทมฯ ภวตนฺติ โภโต ทสฺสเนนฯ เอโส จาปิ มหา อโตฺถติ ยา เอสา ญาติสงฺฆสงฺขาตา ญาติวิสฺสาสนา สิยา, เอโส จาปิ มหโนฺต อโตฺถปิฯ
Tattha katamasmāsūti kataṃ amhesu. Pattā nissaṃsayaṃ tyāmhāti mayaṃ nissaṃsayena tayā pattāyeva. Bhattirasmāsu yā tavāti yā tava amhesu bhatti, tāya bhattiyā mayaṃ tayā asaṃsayena pattāyeva, na ca vippayuttā, vippavuṭṭhāpi sahavāsinoyeva nāma mayanti dīpeti. Aduñca nūna sumahāti etañca ekaṃseneva sumahantaṃ. Ñātisaṅghassa mantaranti amhehi dvīhi janehi virahitassa mama ñātisaṅghassa antaraṃ chiddaṃ. Asmākanti amhākaṃ dvinnaṃ adassanena bahūsu pakkhīsu dukkhaṃ uppannaṃ. Passemurindamāti passeyyāma arindama. Bhavatanti bhoto dassanena. Eso cāpi mahā atthoti yā esā ñātisaṅghasaṅkhātā ñātivissāsanā siyā, eso cāpi mahanto atthopi.
เอวํ วุเตฺต ราชา เตสํ คมนํ อนุชานิฯ มหาสโตฺตปิ รโญฺญ ปญฺจวิเธ ทุสฺสีเลฺย อาทีนวํ, สีเล จ อานิสํสํ กเถตฺวา ‘‘อิมํ สีลํ รกฺข, ธเมฺมน รชฺชํ กาเรหิ, จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ ชนํ สงฺคณฺหาหี’’ติ โอวทิตฺวา จิตฺตกูฎํ อคมาสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Evaṃ vutte rājā tesaṃ gamanaṃ anujāni. Mahāsattopi rañño pañcavidhe dussīlye ādīnavaṃ, sīle ca ānisaṃsaṃ kathetvā ‘‘imaṃ sīlaṃ rakkha, dhammena rajjaṃ kārehi, catūhi saṅgahavatthūhi janaṃ saṅgaṇhāhī’’ti ovaditvā cittakūṭaṃ agamāsi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๘๕.
85.
‘‘อิทํ วตฺวา ธตรโฎฺฐ, หํสราชา นราธิปํ;
‘‘Idaṃ vatvā dhataraṭṭho, haṃsarājā narādhipaṃ;
อุตฺตมํ ชวมนฺวาย, ญาติสงฺฆํ อุปาคมุํฯ
Uttamaṃ javamanvāya, ñātisaṅghaṃ upāgamuṃ.
๘๖.
86.
‘‘เต อโรเค อนุปฺปเตฺต, ทิสฺวาน ปรเม ทิเช;
‘‘Te aroge anuppatte, disvāna parame dije;
เกกาติ มกรุํ หํสา, ปุถุสโทฺท อชายถฯ
Kekāti makaruṃ haṃsā, puthusaddo ajāyatha.
๘๗.
87.
‘‘เต ปตีตา ปมุเตฺตน, ภตฺตุนา ภตฺตุคารวา;
‘‘Te patītā pamuttena, bhattunā bhattugāravā;
สมนฺตา ปริกิริํสุ, อณฺฑชา ลทฺธปจฺจยา’’ติฯ
Samantā parikiriṃsu, aṇḍajā laddhapaccayā’’ti.
ตตฺถ อุปาคมุนฺติ อรุณุคฺคมนเวลายเมว ลาชมธุผาณิตาทีนิ ปริภุญฺชิตฺวา รญฺญา จ เทวิยา จ ทฺวีหิ สุวณฺณตาลวเณฺฎหิ อุกฺขิปิตฺวา คนฺธมาลาทีหิ กตสกฺการา ตาลวเณฺฎหิ โอตริตฺวา ราชานํ ปทกฺขิณํ กตฺวา เวหาสํ อุปฺปติตฺวา รญฺญา อญฺชลิํ ปคฺคยฺห ‘‘คจฺฉถ สามิโน’’ติ วุเตฺต สีหปญฺชเรน นิกฺขนฺตา อุตฺตเมน ชเวน คนฺตฺวา ญาติคณํ อุปาคมิํสุฯ ปรเมติ อุตฺตเมฯ เกกาติ อตฺตโน สภาเวน ‘‘เกกา’’ติ สทฺทมกํสุฯ ภตฺตุคารวาติ ภตฺตริ สคารวาฯ ปริกิริํสูติ ภตฺตุโน มุตฺตภาเวน ตุฎฺฐา ตํ ภตฺตารํ สมนฺตา ปริวารยิํสุฯ ลทฺธปจฺจยาติ ลทฺธปติฎฺฐาฯ
Tattha upāgamunti aruṇuggamanavelāyameva lājamadhuphāṇitādīni paribhuñjitvā raññā ca deviyā ca dvīhi suvaṇṇatālavaṇṭehi ukkhipitvā gandhamālādīhi katasakkārā tālavaṇṭehi otaritvā rājānaṃ padakkhiṇaṃ katvā vehāsaṃ uppatitvā raññā añjaliṃ paggayha ‘‘gacchatha sāmino’’ti vutte sīhapañjarena nikkhantā uttamena javena gantvā ñātigaṇaṃ upāgamiṃsu. Parameti uttame. Kekāti attano sabhāvena ‘‘kekā’’ti saddamakaṃsu. Bhattugāravāti bhattari sagāravā. Parikiriṃsūti bhattuno muttabhāvena tuṭṭhā taṃ bhattāraṃ samantā parivārayiṃsu. Laddhapaccayāti laddhapatiṭṭhā.
เอวํ ปริวาเรตฺวา ปน เต หํสา ‘‘กถํ มุโตฺตสิ, มหาราชา’’ติ ปุจฺฉิํสุฯ มหาสโตฺต สุมุขํ นิสฺสาย มุตฺตภาวํ, สาคลราชลุทฺทปุเตฺตหิ กตกมฺมญฺจ กเถสิฯ ตํ สุตฺวา ตุโฎฺฐ หํสคโณ ‘‘สุมุขเสนาปติ จ ราชา จ ลุทฺทปุโตฺต จ สุขิตา นิทฺทุกฺขา จิรํ ชีวนฺตู’’ติ ถุติมกาสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา โอสานคาถมาห –
Evaṃ parivāretvā pana te haṃsā ‘‘kathaṃ muttosi, mahārājā’’ti pucchiṃsu. Mahāsatto sumukhaṃ nissāya muttabhāvaṃ, sāgalarājaluddaputtehi katakammañca kathesi. Taṃ sutvā tuṭṭho haṃsagaṇo ‘‘sumukhasenāpati ca rājā ca luddaputto ca sukhitā niddukkhā ciraṃ jīvantū’’ti thutimakāsi. Tamatthaṃ pakāsento satthā osānagāthamāha –
๘๘.
88.
‘‘เอวํ มิตฺตวตํ อตฺถา, สเพฺพ โหนฺติ ปทกฺขิณา;
‘‘Evaṃ mittavataṃ atthā, sabbe honti padakkhiṇā;
หํสา ยถา ธตรฎฺฐา, ญาติสงฺฆํ อุปาคมุ’’นฺติฯ
Haṃsā yathā dhataraṭṭhā, ñātisaṅghaṃ upāgamu’’nti.
ตตฺถ มิตฺตวตนฺติ กลฺยาณมิตฺตสมฺปนฺนานํฯ ปทกฺขิณาติ สุขนิปฺผตฺติโน วุฑฺฒิยุตฺตาฯ ธตรฎฺฐาติ หํสราชา สุมุโข รญฺญา เจว ลุทฺทปุเตฺตน จาติ ทฺวีหิ เอวํ อุโภปิ เต ธตรฎฺฐา กลฺยาณมิตฺตสมฺปนฺนา ยถา ญาติสงฺฆํ อุปาคมุํ , ญาติสงฺฆอุปคมนสงฺขาโต เนสํ อโตฺถ ปทกฺขิโณ ชาโต, เอวํ อเญฺญสมฺปิ มิตฺตวตํ อตฺถา ปทกฺขิณา โหนฺตีติฯ
Tattha mittavatanti kalyāṇamittasampannānaṃ. Padakkhiṇāti sukhanipphattino vuḍḍhiyuttā. Dhataraṭṭhāti haṃsarājā sumukho raññā ceva luddaputtena cāti dvīhi evaṃ ubhopi te dhataraṭṭhā kalyāṇamittasampannā yathā ñātisaṅghaṃ upāgamuṃ , ñātisaṅghaupagamanasaṅkhāto nesaṃ attho padakkhiṇo jāto, evaṃ aññesampi mittavataṃ atthā padakkhiṇā hontīti.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘น ภิกฺขเว อิทาเนว, ปุเพฺพปานโนฺท มมตฺถาย ชีวิตํ ปริจฺจชี’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา เนสาโท ฉโนฺน อโหสิ, ราชา สาริปุโตฺต , สุมุโข อานโนฺท, ฉนฺนวุติ หํสสหสฺสา พุทฺธปริสา, หํสราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā ‘‘na bhikkhave idāneva, pubbepānando mamatthāya jīvitaṃ pariccajī’’ti vatvā jātakaṃ samodhānesi ‘‘tadā nesādo channo ahosi, rājā sāriputto , sumukho ānando, channavuti haṃsasahassā buddhaparisā, haṃsarājā pana ahameva ahosi’’nti.
จูฬหํสชาตกวณฺณนา ปฐมาฯ
Cūḷahaṃsajātakavaṇṇanā paṭhamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๕๓๓. จูฬหํสชาตกํ • 533. Cūḷahaṃsajātakaṃ