English Edition
    Tipiṭaka / Tipiṭaka (English) / Majjhima Nikāya, English translation

    มชฺฌิม นิกาย ๖๓

    The Middle-Length Suttas Collection 63

    จูฬมาลุกฺยสุตฺต

    The Shorter Discourse With Māluṅkya

    เอวํ เม สุตํ—เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ

    So I have heard. At one time the Buddha was staying near Sāvatthī in Jeta’s Grove, Anāthapiṇḍika’s monastery.

    อถ โข อายสฺมโต มาลุกฺยปุตฺตสฺส รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ:

    Then as Venerable Māluṅkya was in private retreat this thought came to his mind:

    “ยานิมานิ ทิฏฺฐิคตานิ ภควตา อพฺยากตานิ ฐปิตานิ ปฏิกฺขิตฺตานิ: ‘สสฺสโต โลโก'ติปิ, ‘อสสฺสโต โลโก'ติปิ, ‘อนฺตวา โลโก'ติปิ, ‘อนนฺตวา โลโก'ติปิ, ‘ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺ'ติปิ, ‘อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีรนฺ'ติปิ, ‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา'ติปิ, ‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา'ติปิ, ‘โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา'ติปิ, ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา'ติปิ—ตานิ เม ภควา น พฺยากโรติฯ ยานิ เม ภควา น พฺยากโรติ ตํ เม น รุจฺจติ, ตํ เม นกฺขมติฯ โสหํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ ปุจฺฉิสฺสามิฯ สเจ เม ภควา พฺยากริสฺสติ: ‘สสฺสโต โลโก'ติ วา ‘อสสฺสโต โลโก'ติ วา …เป… ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา'ติ วา—เอวาหํ ภควติ พฺรหฺมจริยํ จริสฺสามิ; โน เจ เม ภควา พฺยากริสฺสติ: ‘สสฺสโต โลโก'ติ วา ‘อสสฺสโต โลโก'ติ วา …เป… ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา'ติ วา—เอวาหํ สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติสฺสามี”ติฯ

    “There are several convictions that the Buddha has left undeclared; he has set them aside and refused to comment on them. For example: the cosmos is eternal, or not eternal, or finite, or infinite; the soul and the body are the same thing, or they are different things; after death, a Realized One still exists, or no longer exists, or both still exists and no longer exists, or neither still exists nor no longer exists. The Buddha does not give me a straight answer on these points. I don’t like that, and do not accept it. I’ll go to him and ask him about this. If he gives me a straight answer on any of these points, I will lead the spiritual life under him. If he does not give me a straight answer on any of these points, I shall resign the training and return to a lesser life.”

    อถ โข อายสฺมา มาลุกฺยปุตฺโต สายนฺหสมยํ ปฏิสลฺลานา วุฏฺฐิโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา มาลุกฺยปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ:

    Then in the late afternoon, Māluṅkya came out of retreat and went to the Buddha. He bowed, sat down to one side, and told the Buddha of his thoughts. He then continued:

    “อิธ มยฺหํ, ภนฺเต, รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ—ยานิมานิ ทิฏฺฐิคตานิ ภควตา อพฺยากตานิ ฐปิตานิ ปฏิกฺขิตฺตานิ: ‘สสฺสโต โลโก'ติปิ, ‘อสสฺสโต โลโก'ติปิ …เป… ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา'ติปิ—ตานิ เม ภควา น พฺยากโรติฯ ยานิ เม ภควา น พฺยากโรติ ตํ เม น รุจฺจติ, ตํ เม นกฺขมติฯ โสหํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ ปุจฺฉิสฺสามิฯ สเจ เม ภควา พฺยากริสฺสติ: ‘สสฺสโต โลโก'ติ วา, ‘อสสฺสโต โลโก'ติ วา …เป… ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา'ติ วา—เอวาหํ ภควติ, พฺรหฺมจริยํ จริสฺสามิฯ โน เจ เม ภควา พฺยากริสฺสติ: ‘สสฺสโต โลโก'ติ วา, ‘อสสฺสโต โลโก'ติ วา …เป… ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา'ติ วา—เอวาหํ สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติสฺสามีติฯ สเจ ภควา ชานาติ: ‘สสฺสโต โลโก'ติ, ‘สสฺสโต โลโก'ติ เม ภควา พฺยากโรตุ; สเจ ภควา ชานาติ: ‘อสสฺสโต โลโก'ติ, ‘อสสฺสโต โลโก'ติ เม ภควา พฺยากโรตุฯ โน เจ ภควา ชานาติ: ‘สสฺสโต โลโก'ติ วา, ‘อสสฺสโต โลโก'ติ วา, อชานโต โข ปน อปสฺสโต เอตเทว อุชุกํ โหติ ยทิทํ: ‘น ชานามิ, น ปสฺสามี'ติฯ สเจ ภควา ชานาติ: ‘อนฺตวา โลโก'ติ, ‘อนนฺตวา โลโก'ติ เม ภควา พฺยากโรตุ; สเจ ภควา ชานาติ: ‘อนนฺตวา โลโก'ติ, ‘อนนฺตวา โลโก'ติ เม ภควา พฺยากโรตุฯ โน เจ ภควา ชานาติ: ‘อนฺตวา โลโก'ติ วา, ‘อนนฺตวา โลโก'ติ วา, อชานโต โข ปน อปสฺสโต เอตเทว อุชุกํ โหติ ยทิทํ: ‘น ชานามิ, น ปสฺสามี'ติฯ สเจ ภควา ชานาติ: ‘ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺ'ติ, ‘ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺ'ติ เม ภควา พฺยากโรตุ; สเจ ภควา ชานาติ: ‘อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีรนฺ'ติ, ‘อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีรนฺ'ติ เม ภควา พฺยากโรตุฯ โน เจ ภควา ชานาติ: ‘ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺ'ติ วา, ‘อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีรนฺ'ติ วา, อชานโต โข ปน อปสฺสโต เอตเทว อุชุกํ โหติ ยทิทํ: ‘น ชานามิ, น ปสฺสามี'ติฯ สเจ ภควา ชานาติ: ‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา'ติ, ‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา'ติ เม ภควา พฺยากโรตุ; สเจ ภควา ชานาติ: ‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา'ติ, ‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา'ติ เม ภควา พฺยากโรตุฯ โน เจ ภควา ชานาติ: ‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา'ติ วา, ‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา'ติ วา, อชานโต โข ปน อปสฺสโต เอตเทว อุชุกํ โหติ ยทิทํ: ‘น ชานามิ น ปสฺสามี'ติฯ สเจ ภควา ชานาติ: ‘โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา'ติ, ‘โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา'ติ เม ภควา พฺยากโรตุ; สเจ ภควา ชานาติ: ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา'ติ, ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา'ติ เม ภควา พฺยากโรตุฯ โน เจ ภควา ชานาติ: ‘โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา'ติ วา, ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา'ติ วา, อชานโต โข ปน อปสฺสโต เอตเทว อุชุกํ โหติ ยทิทํ: ‘น ชานามิ, น ปสฺสามี'”ติฯ

    “If the Buddha knows that the cosmos is eternal, please tell me. If you know that the cosmos is not eternal, tell me. If you don’t know whether the cosmos is eternal or not, then it is straightforward to simply say: ‘I neither know nor see.’ If you know that the world is finite, or infinite; that the soul and the body are the same thing, or they are different things; that after death, a Realized One still exists, or no longer exists, or both still exists and no longer exists, or neither still exists nor no longer exists, please tell me. If you don’t know any of these things, then it is straightforward to simply say: ‘I neither know nor see.’”

    “กึ นุ ตาหํ, มาลุกฺยปุตฺต, เอวํ อวจํ: ‘เอหิ ตฺวํ, มาลุกฺยปุตฺต, มยิ พฺรหฺมจริยํ จร, อหํ เต พฺยากริสฺสามิ:

    “What, Māluṅkyaputta, did I ever say to you: ‘Come, Māluṅkyaputta, lead the spiritual life under me, and I will declare these things to you’?”

    “สสฺสโต โลโก”ติ วา, “อสสฺสโต โลโก”ติ วา, “อนฺตวา โลโก”ติ วา, “อนนฺตวา โลโก”ติ วา, “ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺ”ติ วา, “อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีรนฺ”ติ วา, “โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา”ติ วา, “น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา”ติ วา, “โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา”ติ วา, “เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา”ติ วา'”ติ?

    “โน เหตํ, ภนฺเต”ฯ

    “No, sir.”

    “ตฺวํ วา ปน มํ เอวํ อวจ: ‘อหํ, ภนฺเต, ภควติ พฺรหฺมจริยํ จริสฺสามิ, ภควา เม พฺยากริสฺสติ:

    “Or did you ever say to me: ‘Sir, I will lead the spiritual life under the Buddha, and the Buddha will declare these things to me’?”

    “สสฺสโต โลโก”ติ วา, “อสสฺสโต โลโก”ติ วา, “อนฺตวา โลโก”ติ วา, “อนนฺตวา โลโก”ติ วา, “ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺ”ติ วา, “อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีรนฺ”ติ วา, “โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา”ติ วา, “น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา”ติ วา, “โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา”ติ วา, “เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา”ติ วา'”ติ?

    “โน เหตํ, ภนฺเต”ฯ

    “No, sir.”

    “อิติ กิร, มาลุกฺยปุตฺต, เนวาหํ ตํ วทามิ: ‘เอหิ ตฺวํ, มาลุกฺยปุตฺต, มยิ พฺรหฺมจริยํ จร, อหํ เต พฺยากริสฺสามิ: “สสฺสโต โลโก”ติ วา, “อสสฺสโต โลโก”ติ วา …เป… “เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ วา”'ติ; นปิ กิร มํ ตฺวํ วเทสิ: ‘อหํ, ภนฺเต, ภควติ พฺรหฺมจริยํ จริสฺสามิ, ภควา เม พฺยากริสฺสติ: “สสฺสโต โลโก”ติ วา “อสสฺสโต โลโก”ติ วา …เป… “เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา”ติ วา'ติฯ เอวํ สนฺเต, โมฆปุริส, โก สนฺโต กํ ปจฺจาจิกฺขสิ?

    “So it seems that I did not say to you: ‘Come, Māluṅkyaputta, lead the spiritual life under me, and I will declare these things to you.’ And you never said to me: ‘Sir, I will lead the spiritual life under the Buddha, and the Buddha will declare these things to me.’ In that case, you silly man, are you really in a position to be abandoning anything?

    โย โข, มาลุกฺยปุตฺต, เอวํ วเทยฺย: ‘น ตาวาหํ ภควติ พฺรหฺมจริยํ จริสฺสามิ ยาว เม ภควา น พฺยากริสฺสติ: “สสฺสโต โลโก”ติ วา, “อสสฺสโต โลโก”ติ วา …เป… “เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา”ติ วา'ติ, อพฺยากตเมว ตํ, มาลุกฺยปุตฺต, ตถาคเตน อสฺส, อถ โส ปุคฺคโล กาลํ กเรยฺยฯ

    Suppose someone were to say this: ‘I will not lead the spiritual life under the Buddha until the Buddha declares to me that the cosmos is eternal, or that the cosmos is not eternal … or that after death a Realized One neither still exists nor no longer exists.’ That would still remain undeclared by the Realized One, and meanwhile that person would die.

    เสยฺยถาปิ, มาลุกฺยปุตฺต, ปุริโส สเลฺลน วิทฺโธ อสฺส สวิเสน คาฬฺหปเลปเนนฯ ตสฺส มิตฺตามจฺจา ญาติสาโลหิตา ภิสกฺกํ สลฺลกตฺตํ อุปฏฺฐเปยฺยุํฯ โส เอวํ วเทยฺย: ‘น ตาวาหํ อิมํ สลฺลํ อาหริสฺสามิ ยาว น ตํ ปุริสํ ชานามิ เยนมฺหิ วิทฺโธ, ขตฺติโย วา พฺราหฺมโณ วา เวโสฺส วา สุทฺโท วา'ติ; โส เอวํ วเทยฺย: ‘น ตาวาหํ อิมํ สลฺลํ อาหริสฺสามิ ยาว น ตํ ปุริสํ ชานามิ เยนมฺหิ วิทฺโธ, เอวํนาโม เอวงฺโคตฺโต อิติ วา'ติ; โส เอวํ วเทยฺย: ‘น ตาวาหํ อิมํ สลฺลํ อาหริสฺสามิ ยาว น ตํ ปุริสํ ชานามิ เยนมฺหิ วิทฺโธ, ทีโฆ วา รโสฺส วา มชฺฌิโม วา'ติ; โส เอวํ วเทยฺย: ‘น ตาวาหํ อิมํ สลฺลํ อาหริสฺสามิ ยาว น ตํ ปุริสํ ชานามิ เยนมฺหิ วิทฺโธ, กาโฬ วา สาโม วา มงฺคุรจฺฉวี วา'ติ; โส เอวํ วเทยฺย: ‘น ตาวาหํ อิมํ สลฺลํ อาหริสฺสามิ ยาว น ตํ ปุริสํ ชานามิ เยนมฺหิ วิทฺโธ, อมุกสฺมึ คาเม วา นิคเม วา นคเร วา'ติ; โส เอวํ วเทยฺย: ‘น ตาวาหํ อิมํ สลฺลํ อาหริสฺสามิ ยาว น ตํ ธนุํ ชานามิ เยนมฺหิ วิทฺโธ, ยทิ วา จาโป ยทิ วา โกทณฺโฑ'ติ; โส เอวํ วเทยฺย: ‘น ตาวาหํ อิมํ สลฺลํ อาหริสฺสามิ ยาว น ตํ ชิยํ ชานามิ ยายมฺหิ วิทฺโธ, ยทิ วา อกฺกสฺส ยทิ วา สณฺหสฺส ยทิ วา นฺหารุสฺส ยทิ วา มรุวาย ยทิ วา ขีรปณฺณิโน'ติ; โส เอวํ วเทยฺย: ‘น ตาวาหํ อิมํ สลฺลํ อาหริสฺสามิ ยาว น ตํ กณฺฑํ ชานามิ เยนมฺหิ วิทฺโธ, ยทิ วา คจฺฉํ ยทิ วา โรปิมนฺ'ติ; โส เอวํ วเทยฺย: ‘น ตาวาหํ อิมํ สลฺลํ อาหริสฺสามิ ยาว น ตํ กณฺฑํ ชานามิ เยนมฺหิ วิทฺโธ, ยสฺส ปตฺเตหิ วาชิตํ ยทิ วา คิชฺฌสฺส ยทิ วา กงฺกสฺส ยทิ วา กุลลสฺส ยทิ วา โมรสฺส ยทิ วา สิถิลหนุโน'ติ; โส เอวํ วเทยฺย: ‘น ตาวาหํ อิมํ สลฺลํ อาหริสฺสามิ ยาว น ตํ กณฺฑํ ชานามิ เยนมฺหิ วิทฺโธ, ยสฺส นฺหารุนา ปริกฺขิตฺตํ ยทิ วา ควสฺส ยทิ วา มหึสสฺส ยทิ วา เภรวสฺส ยทิ วา เสมฺหารสฺสา'ติ; โส เอวํ วเทยฺย: ‘น ตาวาหํ อิมํ สลฺลํ อาหริสฺสามิ ยาว น ตํ สลฺลํ ชานามิ เยนมฺหิ วิทฺโธ, ยทิ วา สลฺลํ ยทิ วา ขุรปฺปํ ยทิ วา เวกณฺฑํ ยทิ วา นาราจํ ยทิ วา วจฺฉทนฺตํ ยทิ วา กรวีรปตฺตนฺ'ติ—อญฺญาตเมว ตํ, มาลุกฺยปุตฺต, เตน ปุริเสน อสฺส, อถ โส ปุริโส กาลํ กเรยฺยฯ

    Suppose a man was struck by an arrow thickly smeared with poison. His friends and colleagues, relatives and kin would get a field surgeon to treat him. But the man would say: ‘I won’t pull out this arrow as long as I don’t know whether the man who wounded me was an aristocrat, a brahmin, a peasant, or a menial.’ He’d say: ‘I won’t pull out this arrow as long as I don’t know the following things about the man who wounded me: his name and clan; whether he’s tall, short, or medium; whether his skin is black, brown, or tawny; and what village, town, or city he comes from. I won’t pull out this arrow as long as I don’t know whether the bow that wounded me is made of wood or cane; whether the bow-string is made of swallow-wort fibre, sunn hemp fibre, sinew, sanseveria fibre, or spurge fibre; whether the shaft is made from a bush or a plantation tree; whether the shaft was fitted with feathers from a vulture, a heron, a hawk, a peacock, or a stork; whether the shaft was bound with sinews of a cow, a buffalo, a swamp deer, or a gibbon; and whether the arrowhead was spiked, razor-tipped, barbed, made of iron or a calf’s tooth, or lancet-shaped.’ That man would still not have learned these things, and meanwhile they’d die.

    เอวเมว โข, มาลุกฺยปุตฺต, โย เอวํ วเทยฺย: ‘น ตาวาหํ ภควติ พฺรหฺมจริยํ จริสฺสามิ ยาว เม ภควา น พฺยากริสฺสติ: “สสฺสโต โลโก”ติ วา “อสสฺสโต โลโก”ติ วา …เป… “เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา”ติ วา'ติ—อพฺยากตเมว ตํ, มาลุกฺยปุตฺต, ตถาคเตน อสฺส, อถ โส ปุคฺคโล กาลํ กเรยฺยฯ

    In the same way, suppose someone was to say: ‘I will not lead the spiritual life under the Buddha until the Buddha declares to me that the cosmos is eternal, or that the cosmos is not eternal … or that after death a Realized One neither still exists nor no longer exists.’ That would still remain undeclared by the Realized One, and meanwhile that person would die.

    ‘สสฺสโต โลโก'ติ, มาลุกฺยปุตฺต, ทิฏฺฐิยา สติ พฺรหฺมจริยวาโส อภวิสฺสาติ, เอวํ โนฯ ‘อสสฺสโต โลโก'ติ, มาลุกฺยปุตฺต, ทิฏฺฐิยา สติ พฺรหฺมจริยวาโส อภวิสฺสาติ, เอวมฺปิ โนฯ ‘สสฺสโต โลโก'ติ วา, มาลุกฺยปุตฺต, ทิฏฺฐิยา สติ, ‘อสสฺสโต โลโก'ติ วา ทิฏฺฐิยา สติ อตฺเถว ชาติ, อตฺถิ ชรา, อตฺถิ มรณํ, สนฺติ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา; เยสาหํ ทิฏฺเฐว ธมฺเม นิฆาตํ ปญฺญเปมิฯ ‘อนฺตวา โลโก'ติ, มาลุกฺยปุตฺต, ทิฏฺฐิยา สติ พฺรหฺมจริยวาโส อภวิสฺสาติ, เอวํ โนฯ ‘อนนฺตวา โลโก'ติ, มาลุกฺยปุตฺต, ทิฏฺฐิยา สติ พฺรหฺมจริยวาโส อภวิสฺสาติ, เอวมฺปิ โนฯ ‘อนฺตวา โลโก'ติ วา, มาลุกฺยปุตฺต, ทิฏฺฐิยา สติ, ‘อนนฺตวา โลโก'ติ วา ทิฏฺฐิยา สติ อตฺเถว ชาติ, อตฺถิ ชรา, อตฺถิ มรณํ, สนฺติ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา; เยสาหํ ทิฏฺเฐว ธมฺเม นิฆาตํ ปญฺญเปมิฯ ‘ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺ'ติ, มาลุกฺยปุตฺต, ทิฏฺฐิยา สติ พฺรหฺมจริยวาโส อภวิสฺสาติ, เอวํ โนฯ ‘อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีรนฺ'ติ, มาลุกฺยปุตฺต, ทิฏฺฐิยา สติ พฺรหฺมจริยวาโส อภวิสฺสาติ, เอวมฺปิ โนฯ ‘ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺ'ติ วา, มาลุกฺยปุตฺต, ทิฏฺฐิยา สติ, ‘อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีรนฺ'ติ วา ทิฏฺฐิยา สติ อตฺเถว ชาติ …เป… นิฆาตํ ปญฺญเปมิฯ ‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา'ติ, มาลุกฺยปุตฺต, ทิฏฺฐิยา สติ พฺรหฺมจริยวาโส อภวิสฺสาติ, เอวํ โนฯ ‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา'ติ, มาลุกฺยปุตฺต, ทิฏฺฐิยา สติ พฺรหฺมจริยวาโส อภวิสฺสาติ, เอวมฺปิ โนฯ ‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา'ติ วา, มาลุกฺยปุตฺต, ทิฏฺฐิยา สติ, ‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา'ติ วา ทิฏฺฐิยา สติ อตฺเถว ชาติ …เป… เยสาหํ ทิฏฺเฐว ธมฺเม นิฆาตํ ปญฺญเปมิฯ ‘โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา'ติ, มาลุกฺยปุตฺต, ทิฏฺฐิยา สติ พฺรหฺมจริยวาโส อภวิสฺสาติ, เอวํ โนฯ ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา'ติ, มาลุกฺยปุตฺต, ทิฏฺฐิยา สติ พฺรหฺมจริยวาโส อภวิสฺสาติ, เอวมฺปิ โนฯ ‘โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา'ติ, มาลุกฺยปุตฺต, ทิฏฺฐิยา สติ, ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา'ติ วา ทิฏฺฐิยา สติ อตฺเถว ชาติ …เป… เยสาหํ ทิฏฺเฐว ธมฺเม นิฆาตํ ปญฺญเปมิฯ

    It’s not true that if there were the view ‘the cosmos is eternal’ there would be the living of the spiritual life. It’s not true that if there were the view ‘the cosmos is not eternal’ there would be the living of the spiritual life. When there is the view that the cosmos is eternal or that the cosmos is not eternal, there is rebirth, there is old age, there is death, and there is sorrow, lamentation, pain, sadness, and distress. And it is the defeat of these things in this very life that I advocate. It’s not true that if there were the view ‘the world is finite’ … ‘the world is infinite’ … ‘the soul and the body are the same thing’ … ‘the soul and the body are different things’ … ‘a Realized One still exists after death’ … ‘A Realized One no longer exists after death’ … ‘a Realized One both still exists and no longer exists after death’ … ‘a Realized One neither still exists nor no longer exists after death’ there would be the living of the spiritual life. When there are any of these views there is rebirth, there is old age, there is death, and there is sorrow, lamentation, pain, sadness, and distress. And it is the defeat of these things in this very life that I advocate.

    ตสฺมาติห, มาลุกฺยปุตฺต, อพฺยากตญฺจ เม อพฺยากตโต ธาเรถ; พฺยากตญฺจ เม พฺยากตโต ธาเรถฯ กิญฺจ, มาลุกฺยปุตฺต, มยา อพฺยากตํ? ‘สสฺสโต โลโก'ติ มาลุกฺยปุตฺต, มยา อพฺยากตํ; ‘อสสฺสโต โลโก'ติ—มยา อพฺยากตํ; ‘อนฺตวา โลโก'ติ—มยา อพฺยากตํ; ‘อนนฺตวา โลโก'ติ—มยา อพฺยากตํ; ‘ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺ'ติ—มยา อพฺยากตํ; ‘อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีรนฺ'ติ—มยา อพฺยากตํ; ‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา'ติ—มยา อพฺยากตํ; ‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา'ติ—มยา อพฺยากตํ; ‘โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา'ติ—มยา อพฺยากตํ; ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา'ติ—มยา อพฺยากตํฯ

    So, Māluṅkyaputta, you should remember what I have not declared as undeclared, and what I have declared as declared. And what have I not declared? I have not declared the following: ‘the cosmos is eternal,’ ‘the cosmos is not eternal,’ ‘the world is finite,’ ‘the world is infinite,’ ‘the soul and the body are the same thing,’ ‘the soul and the body are different things,’ ‘a Realized One still exists after death,’ ‘A Realized One no longer exists after death,’ ‘a Realized One both still exists and no longer exists after death,’ ‘a Realized One neither still exists nor no longer exists after death.’

    กสฺมา เจตํ, มาลุกฺยปุตฺต, มยา อพฺยากตํ? น เหตํ, มาลุกฺยปุตฺต, อตฺถสํหิตํ น อาทิพฺรหฺมจริยกํ น นิพฺพิทาย น วิราคาย น นิโรธาย น อุปสมาย น อภิญฺญาย น สมฺโพธาย น นิพฺพานาย สํวตฺตติฯ ตสฺมา ตํ มยา อพฺยากตํฯ

    And why haven’t I declared these things? Because they aren’t beneficial or relevant to the fundamentals of the spiritual life. They don’t lead to disillusionment, dispassion, cessation, peace, insight, awakening, and Nibbana. That’s why I haven’t declared them.

    กิญฺจ, มาลุกฺยปุตฺต, มยา พฺยากตํ? ‘อิทํ ทุกฺขนฺ'ติ, มาลุกฺยปุตฺต, มยา พฺยากตํ; ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย'ติ—มยา พฺยากตํ; ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ'ติ—มยา พฺยากตํ; ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา'ติ—มยา พฺยากตํฯ

    And what have I declared? I have declared the following: ‘this is suffering,’ ‘this is the origin of suffering,’ ‘this is the cessation of suffering,’ ‘this is the practice that leads to the cessation of suffering.’

    กสฺมา เจตํ, มาลุกฺยปุตฺต, มยา พฺยากตํ? เอตญฺหิ, มาลุกฺยปุตฺต, อตฺถสํหิตํ เอตํ อาทิพฺรหฺมจริยกํ นิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย อุปสมาย อภิญฺญาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติฯ ตสฺมา ตํ มยา พฺยากตํฯ ตสฺมาติห, มาลุกฺยปุตฺต, อพฺยากตญฺจ เม อพฺยากตโต ธาเรถ; พฺยากตญฺจ เม พฺยากตโต ธาเรถา”ติฯ

    And why have I declared these things? Because they are beneficial and relevant to the fundamentals of the spiritual life. They lead to disillusionment, dispassion, cessation, peace, insight, awakening, and Nibbana. That’s why I have declared them. So, Māluṅkyaputta, you should remember what I have not declared as undeclared, and what I have declared as declared.”

    อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมโน อายสฺมา มาลุกฺยปุตฺโต ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติฯ

    That is what the Buddha said. Satisfied, Venerable Māluṅkyaputta was happy with what the Buddha said.

    จูฬมาลุกฺยสุตฺตํ นิฏฺฐิตํ ตติยํฯ





    The authoritative text of the Majjhima Nikāya is the Pāli text. The English translation is provided as an aid to the study of the original Pāli text. [CREDITS »]


    © 1991-2024 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact