Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) |
๓. จูฬมาลุกฺยสุตฺตวณฺณนา
3. Cūḷamālukyasuttavaṇṇanā
๑๒๒. เอวํ ฐปิตานีติ ‘‘สสฺสโต โลโก’’ติอาทินยปฺปวตฺตานิ ทิฎฺฐิคตานิ อนิยฺยานิกตาย น พฺยากาตพฺพานิ น กเถตพฺพานิ, เอวํ ฐปนียปเกฺข ฐปิตานิ เจว นิยฺยานิกสาสเน ฉฑฺฑนียตาย ปฎิกฺขิตฺตานิ จ, อปิเจตฺถ อตฺถโต ปฎิเกฺขโป เอว พฺยากาตพฺพโตฯ ยถา เอโก กมฺมกิเลสวเสน อิตฺถตฺตํ อาคโต, ตถา อปโรปิ อปโรปีติ สโตฺต ตถาคโต วุจฺจตีติ อาห – ‘‘ตถาคโตติ สโตฺต’’ติฯ ตํ อพฺยากรณํ มยฺหํ น รุจฺจตีติ ยทิ สสฺสโต โลโก, สสฺสโต โลโกติ, อสสฺสโต โลโก, อสสฺสโต โลโกติ ชานามาติ พฺยากาตพฺพเมว, ยํ ปน อุภยถา อพฺยากรณํ, ตํ เม จิตฺตํ น อาราเธติ อชานนเหตุกตฺตา อพฺยากรณสฺสฯ เตนาห – ‘‘อชานโต โข ปน อปสฺสโต เอตเทว อุชุกํ, ยทิทํ น ชานามิ น ปสฺสามี’’ติฯ สสฺสโตติอาทีสุ สสฺสโตติ สพฺพกาลิโก, นิโจฺจ ธุโว อวิปริณามธโมฺมติ อโตฺถฯ โส หิ ทิฎฺฐิคติเกหิ โลกียนฺติ เอตฺถ ปุญฺญปาปตพฺพิปากา, สยํ วา ตพฺพิปากากราทิภาเวน อวิยุเตฺตหิ โลกียตีติ โลโกติ อธิเปฺปโตฯ เอเตน จตฺตาโรปิ สสฺสตวาทา ทสฺสิตา โหนฺติฯ อสสฺสโตติ น สสฺสโต, อนิโจฺจ อทฺธุโว เภทนธโมฺมติ อโตฺถ, อสสฺสโตติ จ สสฺสตภาวปฎิเกฺขเปน อุเจฺฉโท ทีปิโตติ สตฺตปิ อุเจฺฉทวาทา ทสฺสิตา โหนฺติฯ อนฺตวาติ ปริวฎุโม ปริจฺฉินฺนปริมาโณ, อสพฺพคโตติ อโตฺถฯ เตน ‘‘สรีรปริมาโณ, องฺคุฎฺฐปริมาโณ, ยวปริมาโณ ปรมาณุปริมาโณ อตฺตา’’ติ (อุทา. อฎฺฐ. ๕๔; ที. นิ. ฎี. ๑.๗๖-๗๗) เอวมาทิวาทา ทสฺสิตา โหนฺติฯ
122.Evaṃṭhapitānīti ‘‘sassato loko’’tiādinayappavattāni diṭṭhigatāni aniyyānikatāya na byākātabbāni na kathetabbāni, evaṃ ṭhapanīyapakkhe ṭhapitāni ceva niyyānikasāsane chaḍḍanīyatāya paṭikkhittāni ca, apicettha atthato paṭikkhepo eva byākātabbato. Yathā eko kammakilesavasena itthattaṃ āgato, tathā aparopi aparopīti satto tathāgato vuccatīti āha – ‘‘tathāgatoti satto’’ti. Taṃ abyākaraṇaṃ mayhaṃ na ruccatīti yadi sassato loko, sassato lokoti, asassato loko, asassato lokoti jānāmāti byākātabbameva, yaṃ pana ubhayathā abyākaraṇaṃ, taṃ me cittaṃ na ārādheti ajānanahetukattā abyākaraṇassa. Tenāha – ‘‘ajānato kho pana apassato etadeva ujukaṃ, yadidaṃ na jānāmi na passāmī’’ti. Sassatotiādīsu sassatoti sabbakāliko, nicco dhuvo avipariṇāmadhammoti attho. So hi diṭṭhigatikehi lokīyanti ettha puññapāpatabbipākā, sayaṃ vā tabbipākākarādibhāvena aviyuttehi lokīyatīti lokoti adhippeto. Etena cattāropi sassatavādā dassitā honti. Asassatoti na sassato, anicco addhuvo bhedanadhammoti attho, asassatoti ca sassatabhāvapaṭikkhepena ucchedo dīpitoti sattapi ucchedavādā dassitā honti. Antavāti parivaṭumo paricchinnaparimāṇo, asabbagatoti attho. Tena ‘‘sarīraparimāṇo, aṅguṭṭhaparimāṇo, yavaparimāṇo paramāṇuparimāṇo attā’’ti (udā. aṭṭha. 54; dī. ni. ṭī. 1.76-77) evamādivādā dassitā honti.
ตถาคโต ปรํ มรณาติ ตถาคโต ชีโว อตฺตา มรณโต อิมสฺส กายสฺส เภทโต ปรํ อุทฺธํ โหติ อตฺถิ สํวิชฺชตีติ อโตฺถฯ เอเตน สสฺสตภาวมุเขน โสฬส สญฺญีวาทา, อฎฺฐ อสญฺญีวาทา, อฎฺฐ จ เนวสญฺญีนาสญฺญีวาทา ทสฺสิตา โหนฺติฯ น โหตีติ นตฺถิ น อุปลพฺภติฯ เอเตน อุเจฺฉทวาโท ทสฺสิโต โหติฯ อปิจ โหติ จ น จ โหตีติ อตฺถิ นตฺถิ จาติฯ เอเตน เอกจฺจสสฺสตวาโท ทสฺสิโตฯ เนว โหติ น น โหตีติ ปน อิมินา อมราวิเกฺขปวาโท ทสฺสิโตติ เวทิตพฺพํฯ ภควตา ปน อนิยฺยานิกตฺตา อนตฺถสํหิตานิ อิมานิ ทสฺสนานีติ ตานิ น พฺยากตานิ, ตํ อพฺยากรณํ สนฺธายาห อยํ เถโร ‘‘ตํ เม น รุจฺจตี’’ติฯ สิกฺขํ ปฎิกฺขิปิตฺวา ยถาสมาทินฺนสิกฺขํ ปหายฯ
Tathāgato paraṃ maraṇāti tathāgato jīvo attā maraṇato imassa kāyassa bhedato paraṃ uddhaṃ hoti atthi saṃvijjatīti attho. Etena sassatabhāvamukhena soḷasa saññīvādā, aṭṭha asaññīvādā, aṭṭha ca nevasaññīnāsaññīvādā dassitā honti. Na hotīti natthi na upalabbhati. Etena ucchedavādo dassito hoti. Apica hoti ca na ca hotīti atthi natthi cāti. Etena ekaccasassatavādo dassito. Neva hoti na na hotīti pana iminā amarāvikkhepavādo dassitoti veditabbaṃ. Bhagavatā pana aniyyānikattā anatthasaṃhitāni imāni dassanānīti tāni na byākatāni, taṃ abyākaraṇaṃ sandhāyāha ayaṃ thero ‘‘taṃ me na ruccatī’’ti. Sikkhaṃ paṭikkhipitvā yathāsamādinnasikkhaṃ pahāya.
๑๒๕. ตฺวํ เนว ยาจโกติ อหํ ภเนฺต ภควติ พฺรหฺมจริยํ จริสฺสามีติอาทินาฯ น ยาจิตโกติ ตฺวํ มาลุกฺยปุตฺต มยิ พฺรหฺมจริยํ จราติอาทินาฯ
125.Tvaṃnevayācakoti ahaṃ bhante bhagavati brahmacariyaṃ carissāmītiādinā. Na yācitakoti tvaṃ mālukyaputta mayi brahmacariyaṃ carātiādinā.
๑๒๖. ปรเสนาย ฐิเตน ปุริเสนฯ พหลเลปเนนาติ พหลวิเลปเนนฯ มหาสุปิยาทิ สโพฺพ มุทุหิทโก เวณุวิเสโส สโณฺหฯ มรุวาติ มกจิฯ ขีรปณฺณิโนติ ขีรปณฺณิยา, ยสฺสา ฉินฺทนมเตฺต ปเณฺณ ขีรํ ปคฺฆรติฯ คจฺฉนฺติ คจฺฉโต ชาตํ สยํชาตคุมฺพโต คหิตนฺติ อธิปฺปาโยฯ สิถิลหนุ นาม ทตฺตา กโณฺณ ปตโงฺคฯ เอตาย ทิฎฺฐิยา สติ น โหตีติ ‘‘สสฺสโต โลโก’’ติ เอตาย ทิฎฺฐิยา สติ มคฺคพฺรหฺมจริยวาโส น โหติ, ตํ ปหาย เอว ปตฺตพฺพโตฯ
126.Parasenāya ṭhitena purisena. Bahalalepanenāti bahalavilepanena. Mahāsupiyādi sabbo muduhidako veṇuviseso saṇho. Maruvāti makaci. Khīrapaṇṇinoti khīrapaṇṇiyā, yassā chindanamatte paṇṇe khīraṃ paggharati. Gacchanti gacchato jātaṃ sayaṃjātagumbato gahitanti adhippāyo. Sithilahanu nāma dattā kaṇṇo pataṅgo. Etāya diṭṭhiyā sati na hotīti ‘‘sassato loko’’ti etāya diṭṭhiyā sati maggabrahmacariyavāso na hoti, taṃ pahāya eva pattabbato.
๑๒๗. อเตฺถว ชาตีติอาทินา เอตา ทิฎฺฐิโย ปเจฺจกมฺปิ สํสารปริพฺรูหนา กฎสิวฑฺฒนา นิพฺพานวิพนฺธนาติ ทเสฺสติฯ
127.Attheva jātītiādinā etā diṭṭhiyo paccekampi saṃsāraparibrūhanā kaṭasivaḍḍhanā nibbānavibandhanāti dasseti.
๑๒๘. ตสฺมาติหาติ อิทํ อฎฺฐาเน อุทฺธฎํ, ฐาเนเยว ปน ‘‘วุตฺตปฎิปกฺขนเยน เวทิตพฺพ’’นฺติ อิมสฺส ปรโต กตฺวา สํวเณฺณตพฺพํฯ อตฺตโน ผเลน อรณียโต อนุคนฺตพฺพโต การณมฺปิ ‘‘อโตฺถ’’ติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘การณนิสฺสิต’’นฺติฯ เตนาห ‘‘พฺรหฺมจริยสฺส อาทิมตฺตมฺปี’’ติฯ ปุพฺพปทฎฺฐานนฺติ ปฐมารโมฺภฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
128.Tasmātihāti idaṃ aṭṭhāne uddhaṭaṃ, ṭhāneyeva pana ‘‘vuttapaṭipakkhanayena veditabba’’nti imassa parato katvā saṃvaṇṇetabbaṃ. Attano phalena araṇīyato anugantabbato kāraṇampi ‘‘attho’’ti vuccatīti āha ‘‘kāraṇanissita’’nti. Tenāha ‘‘brahmacariyassa ādimattampī’’ti. Pubbapadaṭṭhānanti paṭhamārambho. Sesaṃ suviññeyyameva.
จูฬมาลุกฺยสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Cūḷamālukyasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๓. จูฬมาลุกฺยสุตฺตํ • 3. Cūḷamālukyasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๓. จูฬมาลุกฺยสุตฺตวณฺณนา • 3. Cūḷamālukyasuttavaṇṇanā