Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๒๒๒] ๒. จูฬนนฺทิยชาตกวณฺณนา

    [222] 2. Cūḷanandiyajātakavaṇṇanā

    อิทํ ตทาจริยวโจติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรโนฺต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิฯ เอกทิวสญฺหิ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, เทวทโตฺต นาม กกฺขโฬ ผรุโส สาหสิโก สมฺมาสมฺพุเทฺธ อภิมาเร ปโยเชสิ, สิลํ ปวิชฺฌิ, นาฬาคิริํ ปโยเชสิ, ขนฺติเมตฺตานุทฺทยมตฺตมฺปิสฺส ตถาคเต นตฺถี’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพปิ เทวทโตฺต กกฺขโฬ ผรุโส นิกฺการุณิโกเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Idaṃtadācariyavacoti idaṃ satthā veḷuvane viharanto devadattaṃ ārabbha kathesi. Ekadivasañhi bhikkhū dhammasabhāyaṃ kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ – ‘‘āvuso, devadatto nāma kakkhaḷo pharuso sāhasiko sammāsambuddhe abhimāre payojesi, silaṃ pavijjhi, nāḷāgiriṃ payojesi, khantimettānuddayamattampissa tathāgate natthī’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepi devadatto kakkhaḷo pharuso nikkāruṇikoyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต หิมวนฺตปเทเส มหานนฺทิโย นาม วานโร อโหสิ, กนิฎฺฐภาติโก ปนสฺส จูฬนนฺทิโย นามฯ เต อุโภปิ อสีติสหสฺสวานรปริวารา หิมวนฺตปเทเส อนฺธมาตรํ ปฎิชคฺคนฺตา วาสํ กเปฺปสุํฯ เต มาตรํ สยนคุเมฺพ ฐเปตฺวา อรญฺญํ ปวิสิตฺวา มธุรานิ ผลาผลานิ มาตุยา เปเสนฺติฯ อาหรณกวานรา ตสฺสา น เทนฺติ, สา ขุทาปีฬิตา อฎฺฐิจมฺมาวเสสา กิสา อโหสิฯ อถ นํ โพธิสโตฺต อาห – ‘‘มยํ, อมฺม, ตุมฺหากํ มธุรผลาผลานิ เปเสม, ตุเมฺห กสฺมา มิลายถา’’ติฯ ‘‘ตาต, นาหํ ลภามี’’ติฯ โพธิสโตฺต จิเนฺตสิ – ‘‘มยิ ยูถํ ปริหรเนฺต มาตา เม นสฺสิสฺสติ, ยูถํ ปหาย มาตรํเยว ปฎิชคฺคิสฺสามี’’ติฯ โส จูฬนนฺทิยํ ปโกฺกสิตฺวา ‘‘ตาต, ตฺวํ ยูถํ ปริหร, อหํ มาตรํ ปฎิชคฺคิสฺสามี’’ติ อาหฯ โสปิ นํ ‘‘ภาติก, มยฺหํ ยูถปริหรเณน กมฺมํ นตฺถิ, อหมฺปิ มาตรเมว ปฎิชคฺคิสฺสามี’’ติ อาหฯ อิติ เต อุโภปิ เอกจฺฉนฺทา หุตฺวา ยูถํ ปหาย มาตรํ คเหตฺวา หิมวนฺตา โอรุยฺห ปจฺจเนฺต นิโคฺรธรุเกฺข วาสํ กเปฺปตฺวา มาตรํ ปฎิชคฺคิํสุฯ

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto himavantapadese mahānandiyo nāma vānaro ahosi, kaniṭṭhabhātiko panassa cūḷanandiyo nāma. Te ubhopi asītisahassavānaraparivārā himavantapadese andhamātaraṃ paṭijaggantā vāsaṃ kappesuṃ. Te mātaraṃ sayanagumbe ṭhapetvā araññaṃ pavisitvā madhurāni phalāphalāni mātuyā pesenti. Āharaṇakavānarā tassā na denti, sā khudāpīḷitā aṭṭhicammāvasesā kisā ahosi. Atha naṃ bodhisatto āha – ‘‘mayaṃ, amma, tumhākaṃ madhuraphalāphalāni pesema, tumhe kasmā milāyathā’’ti. ‘‘Tāta, nāhaṃ labhāmī’’ti. Bodhisatto cintesi – ‘‘mayi yūthaṃ pariharante mātā me nassissati, yūthaṃ pahāya mātaraṃyeva paṭijaggissāmī’’ti. So cūḷanandiyaṃ pakkositvā ‘‘tāta, tvaṃ yūthaṃ parihara, ahaṃ mātaraṃ paṭijaggissāmī’’ti āha. Sopi naṃ ‘‘bhātika, mayhaṃ yūthapariharaṇena kammaṃ natthi, ahampi mātarameva paṭijaggissāmī’’ti āha. Iti te ubhopi ekacchandā hutvā yūthaṃ pahāya mātaraṃ gahetvā himavantā oruyha paccante nigrodharukkhe vāsaṃ kappetvā mātaraṃ paṭijaggiṃsu.

    อเถโก พาราณสิวาสี พฺราหฺมณมาณโว ตกฺกสิลายํ ทิสาปาโมกฺขสฺส อาจริยสฺส สนฺติเก สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา ‘‘คมิสฺสามี’’ติ อาจริยํ อาปุจฺฉิฯ อาจริโย องฺควิชฺชานุภาเวน ตสฺส กกฺขฬผรุสสาหสิกภาวํ ญตฺวา ‘‘ตาต, ตฺวํ กกฺขโฬ ผรุโส สาหสิโก, เอวรูปานํ น สพฺพกาลํ เอกสทิสเมว อิชฺฌติ, มหาวินาสํ มหาทุกฺขํ ปาปุณิสฺสสิ, มา ตฺวํ กกฺขโฬ โหหิ, ปจฺฉานุตาปนการณํ กมฺมํ มา กรี’’ติ โอวทิตฺวา อุโยฺยเชสิฯ โส อาจริยํ วนฺทิตฺวา พาราณสิํ คนฺตฺวา ฆราวาสํ คเหตฺวา อเญฺญหิ สิเปฺปหิ ชีวิกํ กเปฺปตุํ อสโกฺกโนฺต ‘‘ธนุโกฎิํ นิสฺสาย ชีวิสฺสามิ, ลุทฺทกมฺมํ กตฺวา ชีวิกํ กเปฺปสฺสามี’’ติ พาราณสิโต นิกฺขมิตฺวา ปจฺจนฺตคามเก วสโนฺต ธนุกลาปสนฺนโทฺธ อรญฺญํ ปวิสิตฺวา นานามิเค มาเรตฺวา มํสวิกฺกเยน ชีวิกํ กเปฺปสิฯ โส เอกทิวสํ อรเญฺญ กิญฺจิ อลภิตฺวา อาคจฺฉโนฺต องฺคณปริยเนฺต ฐิตํ นิโคฺรธรุกฺขํ ทิสฺวา ‘‘อปิ นาเมตฺถ กิญฺจิ ภเวยฺยา’’ติ นิโคฺรธรุกฺขาภิมุโข ปายาสิฯ

    Atheko bārāṇasivāsī brāhmaṇamāṇavo takkasilāyaṃ disāpāmokkhassa ācariyassa santike sabbasippāni uggaṇhitvā ‘‘gamissāmī’’ti ācariyaṃ āpucchi. Ācariyo aṅgavijjānubhāvena tassa kakkhaḷapharusasāhasikabhāvaṃ ñatvā ‘‘tāta, tvaṃ kakkhaḷo pharuso sāhasiko, evarūpānaṃ na sabbakālaṃ ekasadisameva ijjhati, mahāvināsaṃ mahādukkhaṃ pāpuṇissasi, mā tvaṃ kakkhaḷo hohi, pacchānutāpanakāraṇaṃ kammaṃ mā karī’’ti ovaditvā uyyojesi. So ācariyaṃ vanditvā bārāṇasiṃ gantvā gharāvāsaṃ gahetvā aññehi sippehi jīvikaṃ kappetuṃ asakkonto ‘‘dhanukoṭiṃ nissāya jīvissāmi, luddakammaṃ katvā jīvikaṃ kappessāmī’’ti bārāṇasito nikkhamitvā paccantagāmake vasanto dhanukalāpasannaddho araññaṃ pavisitvā nānāmige māretvā maṃsavikkayena jīvikaṃ kappesi. So ekadivasaṃ araññe kiñci alabhitvā āgacchanto aṅgaṇapariyante ṭhitaṃ nigrodharukkhaṃ disvā ‘‘api nāmettha kiñci bhaveyyā’’ti nigrodharukkhābhimukho pāyāsi.

    ตสฺมิํ ขเณ อุโภปิ เต ภาตโร มาตรํ ผลานิ ขาทาเปตฺวา ปุรโต กตฺวา วิฎปพฺภนฺตเร นิสินฺนา ตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘กิํ โน มาตรํ กริสฺสตี’’ติ สาขนฺตเร นิลียิํสุฯ โสปิ โข สาหสิกปุริโส รุกฺขมูลํ อาคนฺตฺวา ตํ เตสํ มาตรํ ชราทุพฺพลํ อนฺธํ ทิสฺวา จิเนฺตสิ – ‘‘กิํ เม ตุจฺฉหตฺถคมเนน อิมํ มกฺกฎิํ วิชฺฌิตฺวา คเหตฺวา คมิสฺสามี’’ติฯ โส ตสฺสา วิชฺฌนตฺถาย ธนุํ คณฺหิฯ ตํ ทิสฺวา โพธิสโตฺต ‘‘ตาต จูฬนนฺทิย, เอโส เม ปุริโส มาตรํ วิชฺฌิตุกาโม, อหมสฺสา ชีวิตทานํ ทสฺสามิ, ตฺวํ มมจฺจเยน มาตรํ ปฎิชเคฺคยฺยาสี’’ติ วตฺวา สาขนฺตรา นิกฺขมิตฺวา ‘‘โภ ปุริส, มา เม มาตรํ วิชฺฌิ, เอสา อนฺธา ชราทุพฺพลา, อหมสฺสา ชีวิตทานํ เทมิ, ตฺวํ เอตํ อมาเรตฺวา มํ มาเรหี’’ติ ตสฺส ปฎิญฺญํ คเหตฺวา สรสฺส อาสนฺนฎฺฐาเน นิสีทิฯ โส นิกฺกรุโณ โพธิสตฺตํ วิชฺฌิตฺวา ปาเตตฺวา มาตรมฺปิสฺส วิชฺฌิตุํ ปุน ธนุํ สนฺนยฺหิฯ ตํ ทิสฺวา จูฬนนฺทิโย ‘‘อยํ เม มาตรํ วิชฺฌิตุกาโม, เอกทิวสมฺปิ โข เม มาตา ชีวมานา ลทฺธชีวิตาเยว นาม โหติ, ชีวิตทานมสฺสา ทสฺสามี’’ติ สาขนฺตรา นิกฺขมิตฺวา ‘‘โภ ปุริส, มา เม มาตรํ วิชฺฌิ, อหมสฺสา ชีวิตทานํ ทมฺมิ, ตฺวํ มํ วิชฺฌิตฺวา อเมฺห เทฺว ภาติเก คเหตฺวา อมฺหากํ มาตุ ชีวิตทานํ เทหี’’ติ ตสฺส ปฎิญฺญํ คเหตฺวา สรสฺส อาสนฺนฎฺฐาเน นิสีทิฯ โส ตมฺปิ วิชฺฌิตฺวา ปาเตตฺวา ‘‘อยํ มกฺกฎี ฆเร ทารกานํ ภวิสฺสตี’’ติ มาตรมฺปิ เตสํ วิชฺฌิตฺวา ปาเตตฺวา ตโยปิ กาเชนาทาย เคหาภิมุโข ปายาสิฯ

    Tasmiṃ khaṇe ubhopi te bhātaro mātaraṃ phalāni khādāpetvā purato katvā viṭapabbhantare nisinnā taṃ āgacchantaṃ disvā ‘‘kiṃ no mātaraṃ karissatī’’ti sākhantare nilīyiṃsu. Sopi kho sāhasikapuriso rukkhamūlaṃ āgantvā taṃ tesaṃ mātaraṃ jarādubbalaṃ andhaṃ disvā cintesi – ‘‘kiṃ me tucchahatthagamanena imaṃ makkaṭiṃ vijjhitvā gahetvā gamissāmī’’ti. So tassā vijjhanatthāya dhanuṃ gaṇhi. Taṃ disvā bodhisatto ‘‘tāta cūḷanandiya, eso me puriso mātaraṃ vijjhitukāmo, ahamassā jīvitadānaṃ dassāmi, tvaṃ mamaccayena mātaraṃ paṭijaggeyyāsī’’ti vatvā sākhantarā nikkhamitvā ‘‘bho purisa, mā me mātaraṃ vijjhi, esā andhā jarādubbalā, ahamassā jīvitadānaṃ demi, tvaṃ etaṃ amāretvā maṃ mārehī’’ti tassa paṭiññaṃ gahetvā sarassa āsannaṭṭhāne nisīdi. So nikkaruṇo bodhisattaṃ vijjhitvā pātetvā mātarampissa vijjhituṃ puna dhanuṃ sannayhi. Taṃ disvā cūḷanandiyo ‘‘ayaṃ me mātaraṃ vijjhitukāmo, ekadivasampi kho me mātā jīvamānā laddhajīvitāyeva nāma hoti, jīvitadānamassā dassāmī’’ti sākhantarā nikkhamitvā ‘‘bho purisa, mā me mātaraṃ vijjhi, ahamassā jīvitadānaṃ dammi, tvaṃ maṃ vijjhitvā amhe dve bhātike gahetvā amhākaṃ mātu jīvitadānaṃ dehī’’ti tassa paṭiññaṃ gahetvā sarassa āsannaṭṭhāne nisīdi. So tampi vijjhitvā pātetvā ‘‘ayaṃ makkaṭī ghare dārakānaṃ bhavissatī’’ti mātarampi tesaṃ vijjhitvā pātetvā tayopi kājenādāya gehābhimukho pāyāsi.

    อถสฺส ปาปปุริสสฺส เคเห อสนิ ปติตฺวา ภริยญฺจ เทฺว ทารเก จ เคเหเนว สทฺธิํ ฌาเปสิ, ปิฎฺฐิวํสถูณมตฺตํ อวสิสฺสิฯ อถสฺส นํ คามทฺวาเรเยว เอโก ปุริโส ทิสฺวา ตํ ปวตฺติํ อาโรเจสิฯ โส ปุตฺตทารโสเกน อภิภูโต ตสฺมิํเยว ฐาเน มํสกาชญฺช ธนุญฺจ ฉเฑฺฑตฺวา วตฺถํ ปหาย นโคฺค พาหา ปคฺคยฺห ปริเทวมาโน คนฺตฺวา ฆรํ ปาวิสิฯ อถสฺส สา ถูณา ภิชฺชิตฺวา สีเส ปติตฺวา สีสํ ภินฺทิ, ปถวี วิวรํ อทาสิ, อวีจิโต ชาลา อุฎฺฐหิฯ โส ปถวิยา คิลิยมาโน อาจริยสฺส โอวาทํ สริตฺวา ‘‘อิมํ วต การณํ ทิสฺวา ปาราสริยพฺราหฺมโณ มยฺหํ โอวาทมทาสี’’ติ ปริเทวมาโน อิมํ คาถาทฺวยมาห –

    Athassa pāpapurisassa gehe asani patitvā bhariyañca dve dārake ca geheneva saddhiṃ jhāpesi, piṭṭhivaṃsathūṇamattaṃ avasissi. Athassa naṃ gāmadvāreyeva eko puriso disvā taṃ pavattiṃ ārocesi. So puttadārasokena abhibhūto tasmiṃyeva ṭhāne maṃsakājañja dhanuñca chaḍḍetvā vatthaṃ pahāya naggo bāhā paggayha paridevamāno gantvā gharaṃ pāvisi. Athassa sā thūṇā bhijjitvā sīse patitvā sīsaṃ bhindi, pathavī vivaraṃ adāsi, avīcito jālā uṭṭhahi. So pathaviyā giliyamāno ācariyassa ovādaṃ saritvā ‘‘imaṃ vata kāraṇaṃ disvā pārāsariyabrāhmaṇo mayhaṃ ovādamadāsī’’ti paridevamāno imaṃ gāthādvayamāha –

    ๑๔๓.

    143.

    ‘‘อิทํ ตทาจริยวโจ, ปาราสริโย ยทพฺรวิ;

    ‘‘Idaṃ tadācariyavaco, pārāsariyo yadabravi;

    มาสุ ตฺวํ อกริ ปาปํ, ยํ ตฺวํ ปจฺฉา กตํ ตเปฯ

    Māsu tvaṃ akari pāpaṃ, yaṃ tvaṃ pacchā kataṃ tape.

    ๑๔๔.

    144.

    ‘‘ยานิ กโรติ ปุริโส, ตานิ อตฺตนิ ปสฺสติ;

    ‘‘Yāni karoti puriso, tāni attani passati;

    กลฺยาณการี กลฺยาณํ, ปาปการี จ ปาปกํ;

    Kalyāṇakārī kalyāṇaṃ, pāpakārī ca pāpakaṃ;

    ยาทิสํ วปเต พีชํ, ตาทิสํ หรเต ผล’’นฺติฯ

    Yādisaṃ vapate bījaṃ, tādisaṃ harate phala’’nti.

    ตสฺสโตฺถ – ยํ ปาราสริโย พฺราหฺมโณ อพฺรวิ – ‘‘มาสุ ตฺวํ ปาปํ อกรี, ยํ กตํ ปจฺฉา ตฺวเญฺญว ตเปยฺยา’’ติ, อิทํ ตํ อาจริยสฺส วจนํฯ ยานิ กายวจีมโนทฺวาเรหิ กมฺมานิ ปุริโส กโรติ, เตสํ วิปากํ ปฎิลภโนฺต ตานิเยว อตฺตนิ ปสฺสติฯ กลฺยาณกมฺมการี กลฺยาณํ ผลมนุโภติ, ปาปการี จ ปาปกเมว หีนํ ลามกํ อนิฎฺฐผลํ อนุโภติฯ โลกสฺมิมฺปิ หิ ยาทิสํ วปเต พีชํ, ตาทิสํ หรเต ผลํ, พีชานุรูปํ พีชานุจฺฉวิกเมว ผลํ หรติ คณฺหาติ อนุภวตีติฯ อิติ โส ปริเทวโนฺต ปถวิํ ปวิสิตฺวา อวีจิมหานิรเย นิพฺพตฺติฯ

    Tassattho – yaṃ pārāsariyo brāhmaṇo abravi – ‘‘māsu tvaṃ pāpaṃ akarī, yaṃ kataṃ pacchā tvaññeva tapeyyā’’ti, idaṃ taṃ ācariyassa vacanaṃ. Yāni kāyavacīmanodvārehi kammāni puriso karoti, tesaṃ vipākaṃ paṭilabhanto tāniyeva attani passati. Kalyāṇakammakārī kalyāṇaṃ phalamanubhoti, pāpakārī ca pāpakameva hīnaṃ lāmakaṃ aniṭṭhaphalaṃ anubhoti. Lokasmimpi hi yādisaṃ vapate bījaṃ, tādisaṃ harate phalaṃ, bījānurūpaṃ bījānucchavikameva phalaṃ harati gaṇhāti anubhavatīti. Iti so paridevanto pathaviṃ pavisitvā avīcimahāniraye nibbatti.

    สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, เทวทโตฺต อิทาเนว, ปุเพฺพปิ กกฺขโฬ ผรุโส นิกฺการุณิโกเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ลุทฺทกปุริโส เทวทโตฺต อโหสิ, ทิสาปาโมโกฺข อาจริโย สาริปุโตฺต, จูฬนนฺทิโย อานโนฺท, มาตา มหาปชาปติโคตมี, มหานนฺทิโย ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā ‘‘na, bhikkhave, devadatto idāneva, pubbepi kakkhaḷo pharuso nikkāruṇikoyevā’’ti vatvā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā luddakapuriso devadatto ahosi, disāpāmokkho ācariyo sāriputto, cūḷanandiyo ānando, mātā mahāpajāpatigotamī, mahānandiyo pana ahameva ahosi’’nti.

    จูฬนนฺทิยชาตกวณฺณนา ทุติยาฯ

    Cūḷanandiyajātakavaṇṇanā dutiyā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๒๒๒. จูฬนนฺทิยชาตกํ • 222. Cūḷanandiyajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact