Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๔๗๗] ๔. จูฬนารทชาตกวณฺณนา

    [477] 4. Cūḷanāradajātakavaṇṇanā

    เต กฎฺฐานิ ภินฺนานีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต ถุลฺลกุมาริกาปโลภนํ อารพฺภ กเถสิฯ สาวตฺถิวาสิโน กิเรกสฺส กุลสฺส ปนฺนรสโสฬสวสฺสุเทฺทสิกา ธีตา อโหสิ โสภคฺคปฺปตฺตา, น จ นํ โกจิ วาเรสิฯ อถสฺสา มาตา จิเนฺตสิ ‘‘มม ธีตา วยปฺปตฺตา, น จ นํ โกจิ วาเรติ, อามิเสน มจฺฉํ วิย เอตาย เอกํ สากิยภิกฺขุํ ปโลเภตฺวา อุปฺปพฺพาเชตฺวา ตํ นิสฺสาย ชีวิสฺสามี’’ติฯ ตทา จ สาวตฺถิวาสี เอโก กุลปุโตฺต สาสเน อุรํ ทตฺวา ปพฺพชิตฺวา อุปสมฺปนฺนกาลโต ปฎฺฐาย สิกฺขากามตํ ปหาย อาลสิโย สรีรมณฺฑนมนุยุโตฺต วิหาสิฯ มหาอุปาสิกา เคเห ยาคุขาทนียโภชนียานิ สมฺปาเทตฺวา ทฺวาเร ฐตฺวา อนฺตรวีถิยา คจฺฉเนฺตสุ ภิกฺขูสุ เอกํ ภิกฺขุํ รสตณฺหาย พนฺธิตฺวา คเหตุํ สกฺกุเณยฺยรูปํ อุปธาเรนฺตี เตปิฎกอาภิธมฺมิกวินยธรานํ มหเนฺตน ปริวาเรน คจฺฉนฺตานํ อนฺตเร กญฺจิ คยฺหุปคํ อทิสฺวา เตสํ ปจฺฉโต คจฺฉนฺตานํ มธุรธมฺมกถิกานํ อจฺฉินฺนวลาหกสทิสานํ ปิณฺฑปาติกานมฺปิ อนฺตเร กญฺจิ อทิสฺวาว เอกํ ยาว พหิ อปงฺคา อกฺขีนิ อเญฺชตฺวา เกเส โอสเณฺหตฺวา ทุกูลนฺตรวาสกํ นิวาเสตฺวา ฆฎิตมฎฺฐํ จีวรํ ปารุปิตฺวา มณิวณฺณปตฺตํ อาทาย มโนรมํ ฉตฺตํ ธารยมานํ วิสฺสฎฺฐินฺทฺริยํ กายทฬฺหิพหุลํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อิมํ สกฺกา คณฺหิตุ’’นฺติ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา ‘‘เอถ , ภเนฺต’’ติ ฆรํ อาเนตฺวา นิสีทาเปตฺวา ยาคุอาทีหิ ปริวิสิตฺวา กตภตฺตกิจฺจํ ตํ ภิกฺขุํ ‘‘ภเนฺต, อิโต ปฎฺฐาย อิเธวาคเจฺฉยฺยาถา’’ติ อาหฯ โสปิ ตโต ปฎฺฐาย ตเตฺถว คนฺตฺวา อปรภาเค วิสฺสาสิโก อโหสิฯ

    Nate kaṭṭhāni bhinnānīti idaṃ satthā jetavane viharanto thullakumārikāpalobhanaṃ ārabbha kathesi. Sāvatthivāsino kirekassa kulassa pannarasasoḷasavassuddesikā dhītā ahosi sobhaggappattā, na ca naṃ koci vāresi. Athassā mātā cintesi ‘‘mama dhītā vayappattā, na ca naṃ koci vāreti, āmisena macchaṃ viya etāya ekaṃ sākiyabhikkhuṃ palobhetvā uppabbājetvā taṃ nissāya jīvissāmī’’ti. Tadā ca sāvatthivāsī eko kulaputto sāsane uraṃ datvā pabbajitvā upasampannakālato paṭṭhāya sikkhākāmataṃ pahāya ālasiyo sarīramaṇḍanamanuyutto vihāsi. Mahāupāsikā gehe yāgukhādanīyabhojanīyāni sampādetvā dvāre ṭhatvā antaravīthiyā gacchantesu bhikkhūsu ekaṃ bhikkhuṃ rasataṇhāya bandhitvā gahetuṃ sakkuṇeyyarūpaṃ upadhārentī tepiṭakaābhidhammikavinayadharānaṃ mahantena parivārena gacchantānaṃ antare kañci gayhupagaṃ adisvā tesaṃ pacchato gacchantānaṃ madhuradhammakathikānaṃ acchinnavalāhakasadisānaṃ piṇḍapātikānampi antare kañci adisvāva ekaṃ yāva bahi apaṅgā akkhīni añjetvā kese osaṇhetvā dukūlantaravāsakaṃ nivāsetvā ghaṭitamaṭṭhaṃ cīvaraṃ pārupitvā maṇivaṇṇapattaṃ ādāya manoramaṃ chattaṃ dhārayamānaṃ vissaṭṭhindriyaṃ kāyadaḷhibahulaṃ āgacchantaṃ disvā ‘‘imaṃ sakkā gaṇhitu’’nti gantvā vanditvā pattaṃ gahetvā ‘‘etha , bhante’’ti gharaṃ ānetvā nisīdāpetvā yāguādīhi parivisitvā katabhattakiccaṃ taṃ bhikkhuṃ ‘‘bhante, ito paṭṭhāya idhevāgaccheyyāthā’’ti āha. Sopi tato paṭṭhāya tattheva gantvā aparabhāge vissāsiko ahosi.

    อเถกทิวสํ มหาอุปาสิกา ตสฺส สวนปเถ ฐตฺวา ‘‘อิมสฺมิํ เคเห อุปโภคปริโภคมตฺตา อตฺถิ, ตถารูโป ปน เม ปุโตฺต วา ชามาตา วา เคหํ วิจาริตุํ สมโตฺถ นตฺถี’’ติ อาหฯ โส ตสฺสา วจนํ สุตฺวา ‘‘กิมตฺถํ นุ โข กเถตี’’ติ โถกํ หทเย วิโทฺธ วิย อโหสิฯ สา ธีตรํ อาห ‘‘อิมํ ปโลเภตฺวา ตว วเส วตฺตาเปหี’’ติฯ สา ตโต ปฎฺฐาย มณฺฑิตปสาธิตา อิตฺถิกุตฺตวิลาเสหิ ตํ ปโลเภสิฯ ถุลฺลกุมาริกาติ น จ ถูลสรีรา ทฎฺฐพฺพา, ถูลา วา โหตุ กิสา วา, ปญฺจกามคุณิกราเคน ปน ถูลตาย ‘‘ถุลฺลกุมาริกา’’ติ วุจฺจติฯ โส ทหโร กิเลสวสิโก หุตฺวา ‘‘น ทานาหํ พุทฺธสาสเน ปติฎฺฐาตุํ สกฺขิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘วิหารํ คนฺตฺวา ปตฺตจีวรํ นิยฺยาเทตฺวา อสุกฎฺฐานํ นาม คมิสฺสามิ, ตตฺร เม วตฺถานิ เปเสถา’’ติ วตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา ปตฺตจีวรํ นิยฺยาเทตฺวา ‘‘อุกฺกณฺฐิโตสฺมี’’ติ อาจริยุปชฺฌาเย อาหฯ เต ตํ อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ เนตฺวา ‘‘อยํ ภิกฺขุ อุกฺกณฺฐิโต’’ติ อาโรเจสุํฯ สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ อุกฺกณฺฐิโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภเนฺต’’ติ วุเตฺต ‘‘เกน อุกฺกณฺฐาปิโตสี’’ติ วตฺวา ‘‘ถุลฺลกุมาริกาย, ภเนฺต’’ติ วุเตฺต ‘‘ภิกฺขุ ปุเพฺพเปสา ตว อรเญฺญ วสนฺตสฺส พฺรหฺมจริยนฺตรายํ กตฺวา มหนฺตํ อนตฺถมกาสิ, ปุน ตฺวํ เอตเมว นิสฺสาย กสฺมา อุกฺกณฺฐิโตสี’’ติ วตฺวา ภิกฺขูหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ

    Athekadivasaṃ mahāupāsikā tassa savanapathe ṭhatvā ‘‘imasmiṃ gehe upabhogaparibhogamattā atthi, tathārūpo pana me putto vā jāmātā vā gehaṃ vicārituṃ samattho natthī’’ti āha. So tassā vacanaṃ sutvā ‘‘kimatthaṃ nu kho kathetī’’ti thokaṃ hadaye viddho viya ahosi. Sā dhītaraṃ āha ‘‘imaṃ palobhetvā tava vase vattāpehī’’ti. Sā tato paṭṭhāya maṇḍitapasādhitā itthikuttavilāsehi taṃ palobhesi. Thullakumārikāti na ca thūlasarīrā daṭṭhabbā, thūlā vā hotu kisā vā, pañcakāmaguṇikarāgena pana thūlatāya ‘‘thullakumārikā’’ti vuccati. So daharo kilesavasiko hutvā ‘‘na dānāhaṃ buddhasāsane patiṭṭhātuṃ sakkhissāmī’’ti cintetvā ‘‘vihāraṃ gantvā pattacīvaraṃ niyyādetvā asukaṭṭhānaṃ nāma gamissāmi, tatra me vatthāni pesethā’’ti vatvā vihāraṃ gantvā pattacīvaraṃ niyyādetvā ‘‘ukkaṇṭhitosmī’’ti ācariyupajjhāye āha. Te taṃ ādāya satthu santikaṃ netvā ‘‘ayaṃ bhikkhu ukkaṇṭhito’’ti ārocesuṃ. Satthā ‘‘saccaṃ kira tvaṃ bhikkhu ukkaṇṭhitosī’’ti pucchitvā ‘‘saccaṃ, bhante’’ti vutte ‘‘kena ukkaṇṭhāpitosī’’ti vatvā ‘‘thullakumārikāya, bhante’’ti vutte ‘‘bhikkhu pubbepesā tava araññe vasantassa brahmacariyantarāyaṃ katvā mahantaṃ anatthamakāsi, puna tvaṃ etameva nissāya kasmā ukkaṇṭhitosī’’ti vatvā bhikkhūhi yācito atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต กาสิรเฎฺฐ มหาโภเค พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา อุคฺคหิตสิโปฺป กุฎุมฺพํ สณฺฐเปสิ, อถสฺส ภริยา เอกํ ปุตฺตํ วิชายิตฺวา กาลมกาสิฯ โส ‘‘ยเถว เม ปิยภริยาย, เอวํ มยิปิ มรณํ อาคมิสฺสติ, กิํ เม ฆราวาเสน, ปพฺพชิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา กาเม ปหาย ปุตฺตํ อาทาย หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา เตน สทฺธิํ อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ฌานาภิญฺญา นิพฺพเตฺตตฺวา วนมูลผลาหาโร อรเญฺญ วิหาสิฯ ตทา ปจฺจนฺตวาสิโน โจรา ชนปทํ ปวิสิตฺวา คามํ ปหริตฺวา กรมเร คเหตฺวา ภณฺฑิกํ อุกฺขิปาเปตฺวา ปุน ปจฺจนฺตํ ปาปยิํสุฯ เตสํ อนฺตเร เอกา อภิรูปา กุมาริกา เกราฎิกปญฺญาย สมนฺนาคตา จิเนฺตสิ ‘‘อิเม อเมฺห คเหตฺวา ทาสิโภเคน ปริภุญฺชิสฺสนฺติ, เอเกน อุปาเยน ปลายิตุํ วฎฺฎตี’’ติฯ สา ‘‘สามิ, สรีรกิจฺจํ กาตุกามามฺหิ, โถกํ ปฎิกฺกมิตฺวา ติฎฺฐถา’’ติ วตฺวา โจเร วเญฺจตฺวา ปลายิตฺวา อรญฺญํ ปวิสนฺตี โพธิสตฺตสฺส ปุตฺตํ อสฺสเม ฐเปตฺวา ผลาผลตฺถาย คตกาเล ปุพฺพณฺหสมเย ตํ อสฺสมํ ปาปุณิตฺวา ตํ ตาปสกุมารํ กามรติยา ปโลเภตฺวา สีลมสฺส ภินฺทิตฺวา อตฺตโน วเส วเตฺตตฺวา ‘‘กิํ เต อรญฺญวาเสน, เอหิ คามํ คนฺตฺวา วสิสฺสาม, ตตฺร หิ รูปาทโย กามคุณา สุลภา’’ติ อาหฯ โสปิ ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ‘‘ปิตา ตาว เม อรญฺญโต ผลาผลํ อาหริตุํ คโต, ตํ ทิสฺวา อุโภปิ เอกโตว คมิสฺสามา’’ติ อาหฯ

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto kāsiraṭṭhe mahābhoge brāhmaṇakule nibbattitvā uggahitasippo kuṭumbaṃ saṇṭhapesi, athassa bhariyā ekaṃ puttaṃ vijāyitvā kālamakāsi. So ‘‘yatheva me piyabhariyāya, evaṃ mayipi maraṇaṃ āgamissati, kiṃ me gharāvāsena, pabbajissāmī’’ti cintetvā kāme pahāya puttaṃ ādāya himavantaṃ pavisitvā tena saddhiṃ isipabbajjaṃ pabbajitvā jhānābhiññā nibbattetvā vanamūlaphalāhāro araññe vihāsi. Tadā paccantavāsino corā janapadaṃ pavisitvā gāmaṃ paharitvā karamare gahetvā bhaṇḍikaṃ ukkhipāpetvā puna paccantaṃ pāpayiṃsu. Tesaṃ antare ekā abhirūpā kumārikā kerāṭikapaññāya samannāgatā cintesi ‘‘ime amhe gahetvā dāsibhogena paribhuñjissanti, ekena upāyena palāyituṃ vaṭṭatī’’ti. Sā ‘‘sāmi, sarīrakiccaṃ kātukāmāmhi, thokaṃ paṭikkamitvā tiṭṭhathā’’ti vatvā core vañcetvā palāyitvā araññaṃ pavisantī bodhisattassa puttaṃ assame ṭhapetvā phalāphalatthāya gatakāle pubbaṇhasamaye taṃ assamaṃ pāpuṇitvā taṃ tāpasakumāraṃ kāmaratiyā palobhetvā sīlamassa bhinditvā attano vase vattetvā ‘‘kiṃ te araññavāsena, ehi gāmaṃ gantvā vasissāma, tatra hi rūpādayo kāmaguṇā sulabhā’’ti āha. Sopi ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchitvā ‘‘pitā tāva me araññato phalāphalaṃ āharituṃ gato, taṃ disvā ubhopi ekatova gamissāmā’’ti āha.

    สา จิเนฺตสิ – ‘‘อยํ ตรุณทารโก น กิญฺจิ ชานาติ, ปิตรา ปนสฺส มหลฺลกกาเล ปพฺพชิเตน ภวิตพฺพํ, โส อาคนฺตฺวา ‘อิธ กิํ กโรสี’ติ มํ โปเถตฺวา ปาเท คเหตฺวา กเฑฺฒตฺวา อรเญฺญ ขิปิสฺสติ, ตสฺมิํ อนาคเตเยว ปลายิสฺสามี’’ติฯ อถ นํ ‘‘อหํ ปุรโต คจฺฉามิ, ตฺวํ ปจฺฉา อาคเจฺฉยฺยาสี’’ติ วตฺวา มคฺคสญฺญํ อาจิกฺขิตฺวา ปกฺกามิฯ โส ตสฺสา คตกาลโต ปฎฺฐาย อุปฺปนฺนโทมนโสฺส ยถา ปุเร กิญฺจิ วตฺตํ อกตฺวา สสีสํ ปารุปิตฺวา อโนฺตปณฺณสาลาย ปชฺฌายโนฺต นิปชฺชิฯ มหาสโตฺต ผลาผลํ อาทาย อาคนฺตฺวา ตสฺสา ปทวลญฺชํ ทิสฺวา ‘‘อยํ มาตุคามสฺส ปทวลโญฺช, ‘‘ปุตฺตสฺส มม สีลํ ภินฺนํ ภวิสฺสตี’’ติ จิเนฺตโนฺต ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา ผลาผลํ โอตาเรตฺวา ปุตฺตํ ปุจฺฉโนฺต ปฐมํ คาถมาห –

    Sā cintesi – ‘‘ayaṃ taruṇadārako na kiñci jānāti, pitarā panassa mahallakakāle pabbajitena bhavitabbaṃ, so āgantvā ‘idha kiṃ karosī’ti maṃ pothetvā pāde gahetvā kaḍḍhetvā araññe khipissati, tasmiṃ anāgateyeva palāyissāmī’’ti. Atha naṃ ‘‘ahaṃ purato gacchāmi, tvaṃ pacchā āgaccheyyāsī’’ti vatvā maggasaññaṃ ācikkhitvā pakkāmi. So tassā gatakālato paṭṭhāya uppannadomanasso yathā pure kiñci vattaṃ akatvā sasīsaṃ pārupitvā antopaṇṇasālāya pajjhāyanto nipajji. Mahāsatto phalāphalaṃ ādāya āgantvā tassā padavalañjaṃ disvā ‘‘ayaṃ mātugāmassa padavalañjo, ‘‘puttassa mama sīlaṃ bhinnaṃ bhavissatī’’ti cintento paṇṇasālaṃ pavisitvā phalāphalaṃ otāretvā puttaṃ pucchanto paṭhamaṃ gāthamāha –

    ๔๐.

    40.

    ‘‘น เต กฎฺฐานิ ภินฺนานิ, น เต อุทกมาภตํ;

    ‘‘Na te kaṭṭhāni bhinnāni, na te udakamābhataṃ;

    อคฺคีปิ เต น หาปิโต, กิํ นุ มโนฺทว ฌายสี’’ติฯ

    Aggīpi te na hāpito, kiṃ nu mandova jhāyasī’’ti.

    ตตฺถ อคฺคีปิ เต น หาปิโตติ อคฺคิปิ เต น ชาลิโตฯ มโนฺทวาติ นิปฺปโญฺญ อนฺธพาโล วิยฯ

    Tattha aggīpi te na hāpitoti aggipi te na jālito. Mandovāti nippañño andhabālo viya.

    โส ปิตุ กถํ สุตฺวา อุฎฺฐาย ปิตรํ วนฺทิตฺวา คารเวเนว อรญฺญวาเส อนุสฺสาหํ ปเวเทโนฺต คาถาทฺวยมาห –

    So pitu kathaṃ sutvā uṭṭhāya pitaraṃ vanditvā gāraveneva araññavāse anussāhaṃ pavedento gāthādvayamāha –

    ๔๑.

    41.

    ‘‘น อุสฺสเห วเน วตฺถุํ, กสฺสปามนฺตยามิ ตํ;

    ‘‘Na ussahe vane vatthuṃ, kassapāmantayāmi taṃ;

    ทุโกฺข วาโส อรญฺญมฺหิ, รฎฺฐํ อิจฺฉามิ คนฺตเวฯ

    Dukkho vāso araññamhi, raṭṭhaṃ icchāmi gantave.

    ๔๒.

    42.

    ‘‘ยถา อหํ อิโต คนฺตฺวา, ยสฺมิํ ชนปเท วสํ;

    ‘‘Yathā ahaṃ ito gantvā, yasmiṃ janapade vasaṃ;

    อาจารํ พฺรเหฺม สิเกฺขยฺยํ, ตํ ธมฺมํ อนุสาส ม’’นฺติฯ

    Ācāraṃ brahme sikkheyyaṃ, taṃ dhammaṃ anusāsa ma’’nti.

    ตตฺถ กสฺสปามนฺตยามิ ตนฺติ กสฺสป อามนฺตยามิ ตํฯ คนฺตเวติ คนฺตุํฯ อาจารนฺติ ยสฺมิํ ชนปเท วสามิ, ตตฺถ วสโนฺต ยถา อาจารํ ชนปทจาริตฺตํ สิเกฺขยฺยํ ชาเนยฺยํ, ตํ ธมฺมํ อนุสาส โอวทาหีติ วทติฯ

    Tattha kassapāmantayāmi tanti kassapa āmantayāmi taṃ. Gantaveti gantuṃ. Ācāranti yasmiṃ janapade vasāmi, tattha vasanto yathā ācāraṃ janapadacārittaṃ sikkheyyaṃ jāneyyaṃ, taṃ dhammaṃ anusāsa ovadāhīti vadati.

    มหาสโตฺต ‘‘สาธุ, ตาต, เทสจาริตฺตํ เต กเถสฺสามี’’ติ วตฺวา คาถาทฺวยมาห –

    Mahāsatto ‘‘sādhu, tāta, desacārittaṃ te kathessāmī’’ti vatvā gāthādvayamāha –

    ๔๓.

    43.

    ‘‘สเจ อรญฺญํ หิตฺวาน, วนมูลผลานิ จ;

    ‘‘Sace araññaṃ hitvāna, vanamūlaphalāni ca;

    รเฎฺฐ โรจยเส วาสํ, ตํ ธมฺมํ นิสาเมหิ เมฯ

    Raṭṭhe rocayase vāsaṃ, taṃ dhammaṃ nisāmehi me.

    ๔๔.

    44.

    ‘‘วิสํ มา ปฎิเสวิโตฺถ, ปปาตํ ปริวชฺชย;

    ‘‘Visaṃ mā paṭisevittho, papātaṃ parivajjaya;

    ปเงฺก จ มา วิสีทิโตฺถ, ยโตฺต จาสีวิเส จเร’’ติฯ

    Paṅke ca mā visīdittho, yatto cāsīvise care’’ti.

    ตตฺถ ธมฺมนฺติ สเจ รฎฺฐวาสํ โรเจสิ, เตน หิ ตฺวํ ชนปทจาริตฺตํ ธมฺมํ นิสาเมหิฯ ยโตฺต จาสีวิเสติ อาสีวิสสฺส สนฺติเก ยโตฺต ปฎิยโตฺต จเรยฺยาสิ, สโกฺกโนฺต อาสีวิสํ ปริวเชฺชยฺยาสีติ อโตฺถฯ

    Tattha dhammanti sace raṭṭhavāsaṃ rocesi, tena hi tvaṃ janapadacārittaṃ dhammaṃ nisāmehi. Yatto cāsīviseti āsīvisassa santike yatto paṭiyatto careyyāsi, sakkonto āsīvisaṃ parivajjeyyāsīti attho.

    ตาปสกุมาโร สํขิเตฺตน ภาสิตสฺส อตฺถํ อชานโนฺต ปุจฺฉิ –

    Tāpasakumāro saṃkhittena bhāsitassa atthaṃ ajānanto pucchi –

    ๔๕.

    45.

    ‘‘กิํ นุ วิสํ ปปาโต วา, ปโงฺก วา พฺรหฺมจารินํ;

    ‘‘Kiṃ nu visaṃ papāto vā, paṅko vā brahmacārinaṃ;

    กํ ตฺวํ อาสีวิสํ พฺรูสิ, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติฯ

    Kaṃ tvaṃ āsīvisaṃ brūsi, taṃ me akkhāhi pucchito’’ti.

    อิตโรปิสฺส พฺยากาสิ –

    Itaropissa byākāsi –

    ๔๖.

    46.

    ‘‘อาสโว ตาต โลกสฺมิํ, สุรา นาม ปวุจฺจติ;

    ‘‘Āsavo tāta lokasmiṃ, surā nāma pavuccati;

    มนุโญฺญ สุรภี วคฺคุ, สาทุ ขุทฺทรสูปโม;

    Manuñño surabhī vaggu, sādu khuddarasūpamo;

    วิสํ ตทาหุ อริยา เส, พฺรหฺมจริยสฺส นารทฯ

    Visaṃ tadāhu ariyā se, brahmacariyassa nārada.

    ๔๗.

    47.

    ‘‘อิตฺถิโย ตาต โลกสฺมิํ, ปมตฺตํ ปมเถนฺติ ตา;

    ‘‘Itthiyo tāta lokasmiṃ, pamattaṃ pamathenti tā;

    หรนฺติ ยุวิโน จิตฺตํ, ตูลํ ภฎฺฐํว มาลุโต;

    Haranti yuvino cittaṃ, tūlaṃ bhaṭṭhaṃva māluto;

    ปปาโต เอโส อกฺขาโต, พฺรหฺมจริยสฺส นารทฯ

    Papāto eso akkhāto, brahmacariyassa nārada.

    ๔๘.

    48.

    ‘‘ลาโภ สิโลโก สกฺกาโร, ปูชา ปรกุเลสุ จ;

    ‘‘Lābho siloko sakkāro, pūjā parakulesu ca;

    ปโงฺก เอโส จ อกฺขาโต, พฺรหฺมจริยสฺส นารทฯ

    Paṅko eso ca akkhāto, brahmacariyassa nārada.

    ๔๙.

    49.

    ‘‘สสตฺถา ตาต ราชาโน, อาวสนฺติ มหิํ อิมํ;

    ‘‘Sasatthā tāta rājāno, āvasanti mahiṃ imaṃ;

    เต ตาทิเส มนุสฺสิเนฺท, มหเนฺต ตาต นารทฯ

    Te tādise manussinde, mahante tāta nārada.

    ๕๐.

    50.

    ‘‘อิสฺสรานํ อธิปตีนํ, น เตสํ ปาทโต จเร;

    ‘‘Issarānaṃ adhipatīnaṃ, na tesaṃ pādato care;

    อาสีวิโสติ อกฺขาโต, พฺรหฺมจริยสฺส นารทฯ

    Āsīvisoti akkhāto, brahmacariyassa nārada.

    ๕๑.

    51.

    ‘‘ภตฺตโตฺถ ภตฺตกาเล จ, ยํ เคหมุปสงฺกเม;

    ‘‘Bhattattho bhattakāle ca, yaṃ gehamupasaṅkame;

    ยเทตฺถ กุสลํ ชญฺญา, ตตฺถ ฆาเสสนํ จเรฯ

    Yadettha kusalaṃ jaññā, tattha ghāsesanaṃ care.

    ๕๒.

    52.

    ‘‘ปวิสิตฺวา ปรกุลํ, ปานตฺถํ โภชนาย วา;

    ‘‘Pavisitvā parakulaṃ, pānatthaṃ bhojanāya vā;

    มิตํ ขาเท มิตํ ภุเญฺช, น จ รูเป มนํ กเรฯ

    Mitaṃ khāde mitaṃ bhuñje, na ca rūpe manaṃ kare.

    ๕๓.

    53.

    ‘‘โคฎฺฐํ มชฺชํ กิราฎญฺจ, สภา นิกิรณานิ จ;

    ‘‘Goṭṭhaṃ majjaṃ kirāṭañca, sabhā nikiraṇāni ca;

    อารกา ปริวเชฺชหิ, ยานีว วิสมํ ปถ’’นฺติฯ

    Ārakā parivajjehi, yānīva visamaṃ patha’’nti.

    ตตฺถ อาสโวติ ปุปฺผาสวาทิฯ วิสํ ตทาหูติ ตํ อาสวสงฺขาตํ สุรํ อริยา ‘‘พฺรหฺมจริยสฺส วิส’’นฺติ วทนฺติฯ ปมตฺตนฺติ มุฎฺฐสฺสติํฯ ตูลํ ภฎฺฐํวาติ รุกฺขา ภสฺสิตฺวา ปติตตูลํ วิยฯ อกฺขาโตติ พุทฺธาทีหิ กถิโตฯ สิโลโกติ กิตฺติวโณฺณฯ สกฺกาโรติ อญฺชลิกมฺมาทิฯ ปูชาติ คนฺธมาลาทีหิ ปูชาฯ ปโงฺกติ เอส โอสีทาปนเฎฺฐน ‘‘ปโงฺก’’ติ อกฺขาโตฯ มหเนฺตติ มหนฺตภาวปฺปเตฺตฯ น เตสํ ปาทโต จเรติ เตสํ สนฺติเก น จเร, ราชกุลูปโก น ภเวยฺยาสีติ อโตฺถฯ ราชาโน หิ อาสีวิสา วิย มุหุเตฺตเนว กุชฺฌิตฺวา อนยพฺยสนํ ปาเปนฺติฯ อปิจ อเนฺตปุรปฺปเวสเน วุตฺตาทีนววเสนเปตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    Tattha āsavoti pupphāsavādi. Visaṃ tadāhūti taṃ āsavasaṅkhātaṃ suraṃ ariyā ‘‘brahmacariyassa visa’’nti vadanti. Pamattanti muṭṭhassatiṃ. Tūlaṃ bhaṭṭhaṃvāti rukkhā bhassitvā patitatūlaṃ viya. Akkhātoti buddhādīhi kathito. Silokoti kittivaṇṇo. Sakkāroti añjalikammādi. Pūjāti gandhamālādīhi pūjā. Paṅkoti esa osīdāpanaṭṭhena ‘‘paṅko’’ti akkhāto. Mahanteti mahantabhāvappatte. Na tesaṃ pādato careti tesaṃ santike na care, rājakulūpako na bhaveyyāsīti attho. Rājāno hi āsīvisā viya muhutteneva kujjhitvā anayabyasanaṃ pāpenti. Apica antepurappavesane vuttādīnavavasenapettha attho veditabbo.

    ภตฺตโตฺถติ ภเตฺตน อตฺถิโก หุตฺวาฯ ยเทตฺถ กุสลนฺติ ยํ เตสุ อุปสงฺกมิตเพฺพสุ เคเหสุ กุสลํ อนวชฺชํ ปญฺจอโคจรรหิตํ ชาเนยฺยาสิ, ตตฺถ ฆาเสสนํ จเรยฺยาสีติ อโตฺถฯ น จ รูเป มนํ กเรติ ปรกุเล มตฺตญฺญู หุตฺวา โภชนํ ภุญฺชโนฺตปิ ตตฺถ อิตฺถิรูเป มนํ มา กเรยฺยาสิ, มา จกฺขุํ อุมฺมีเลตฺวา อิตฺถิรูเป นิมิตฺตํ คเณฺหยฺยาสีติ วทติฯ โคฎฺฐํ มชฺชํ กิราฎนฺติ อยํ โปตฺถเกสุ ปาโฐ, อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘โคฎฺฐํ มชฺชํ กิราสญฺจา’’ติ วตฺวา ‘‘โคฎฺฐนฺติ คุนฺนํ ฐิตฎฺฐานํฯ มชฺชนฺติ ปานาคารํฯ กิราสนฺติ ธุตฺตเกราฎิกชน’’นฺติ วุตฺตํฯ สภา นิกิรณานิ จาติ สภาโย จ หิรญฺญสุวณฺณานํ นิกิรณฎฺฐานานิ จฯ อารกาติ เอตานิ สพฺพานิ ทูรโต ปริวเชฺชยฺยาสิฯ ยานีวาติ สปฺปิเตลยาเนน คจฺฉโนฺต วิสมํ มคฺคํ วิยฯ

    Bhattatthoti bhattena atthiko hutvā. Yadettha kusalanti yaṃ tesu upasaṅkamitabbesu gehesu kusalaṃ anavajjaṃ pañcaagocararahitaṃ jāneyyāsi, tattha ghāsesanaṃ careyyāsīti attho. Na ca rūpe manaṃ kareti parakule mattaññū hutvā bhojanaṃ bhuñjantopi tattha itthirūpe manaṃ mā kareyyāsi, mā cakkhuṃ ummīletvā itthirūpe nimittaṃ gaṇheyyāsīti vadati. Goṭṭhaṃ majjaṃ kirāṭanti ayaṃ potthakesu pāṭho, aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘goṭṭhaṃ majjaṃ kirāsañcā’’ti vatvā ‘‘goṭṭhanti gunnaṃ ṭhitaṭṭhānaṃ. Majjanti pānāgāraṃ. Kirāsanti dhuttakerāṭikajana’’nti vuttaṃ. Sabhā nikiraṇāni cāti sabhāyo ca hiraññasuvaṇṇānaṃ nikiraṇaṭṭhānāni ca. Ārakāti etāni sabbāni dūrato parivajjeyyāsi. Yānīvāti sappitelayānena gacchanto visamaṃ maggaṃ viya.

    มาณโว ปิตุ กเถนฺตเสฺสว สติํ ปฎิลภิตฺวา ‘‘ตาต, อลํ เม มนุสฺสปเถนา’’ติ อาหฯ อถสฺส ปิตา เมตฺตาทิภาวนํ อาจิกฺขิฯ โส ตโสฺสวาเท ฐตฺวา น จิรเสฺสว ฌานาภิญฺญา นิพฺพเตฺตสิฯ อุโภปิ ปิตาปุตฺตา อปริหีนชฺฌานา กาลํ กตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติํสุฯ

    Māṇavo pitu kathentasseva satiṃ paṭilabhitvā ‘‘tāta, alaṃ me manussapathenā’’ti āha. Athassa pitā mettādibhāvanaṃ ācikkhi. So tassovāde ṭhatvā na cirasseva jhānābhiññā nibbattesi. Ubhopi pitāputtā aparihīnajjhānā kālaṃ katvā brahmaloke nibbattiṃsu.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สา กุมาริกา อยํ กุมาริกา อโหสิ, ตาปสกุมาโร อุกฺกณฺฐิตภิกฺขุ, ปิตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā sā kumārikā ayaṃ kumārikā ahosi, tāpasakumāro ukkaṇṭhitabhikkhu, pitā pana ahameva ahosi’’nti.

    จูฬนารทชาตกวณฺณนา จตุตฺถาฯ

    Cūḷanāradajātakavaṇṇanā catutthā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๔๗๗. จูฬนารทชาตกํ • 477. Cūḷanāradajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact