Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) |
๑๐. จูฬนิกาสุตฺตวณฺณนา
10. Cūḷanikāsuttavaṇṇanā
๘๑. ทสเม อรุณวติสุตฺตนฺตอฎฺฐุปฺปตฺติยนฺติ ‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, ราชา อโหสิ อรุณวา นามฯ รโญฺญ โข ปน, ภิกฺขเว, อรุณวโต อรุณวตี นาม ราชธานี อโหสิฯ อรุณวติํ โข ปน, ภิกฺขเว, ราชธานิํ สิขี ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ อุปนิสฺสาย วิหาสิฯ สิขิสฺส โข ปน, ภิกฺขเว, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อภิภูสมฺภวํ นาม สาวกยุคํ อโหสิ อคฺคํ ภทฺทยุคํฯ อถ โข, ภิกฺขเว, สิขี ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ อภิภุํ ภิกฺขุํ อามเนฺตสี’’ติอาทินา พฺรหฺมสํยุเตฺต (สํ. นิ. ๑.๑๘๕) อาคตสฺส อรุณวติสุตฺตนฺตสฺส อฎฺฐุปฺปตฺติยํฯ อติปฺปโคติ อติวิย ปโค, อติวิย ปาโตติ อโตฺถ, น ตาว กุเลสุ ภตฺตํ นิฎฺฐาตีติ วุตฺตํ โหติฯ
81. Dasame aruṇavatisuttantaaṭṭhuppattiyanti ‘‘bhūtapubbaṃ, bhikkhave, rājā ahosi aruṇavā nāma. Rañño kho pana, bhikkhave, aruṇavato aruṇavatī nāma rājadhānī ahosi. Aruṇavatiṃ kho pana, bhikkhave, rājadhāniṃ sikhī bhagavā arahaṃ sammāsambuddho upanissāya vihāsi. Sikhissa kho pana, bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa abhibhūsambhavaṃ nāma sāvakayugaṃ ahosi aggaṃ bhaddayugaṃ. Atha kho, bhikkhave, sikhī bhagavā arahaṃ sammāsambuddho abhibhuṃ bhikkhuṃ āmantesī’’tiādinā brahmasaṃyutte (saṃ. ni. 1.185) āgatassa aruṇavatisuttantassa aṭṭhuppattiyaṃ. Atippagoti ativiya pago, ativiya pātoti attho, na tāva kulesu bhattaṃ niṭṭhātīti vuttaṃ hoti.
อุชฺฌายนฺตีติ อวฌายนฺติ, เหฎฺฐา กตฺวา จิเนฺตนฺติ, ลามกโต จิเนฺตนฺติฯ อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิกุพฺพนํ กตฺวาติ ‘‘ปกติวณฺณํ วิชหิตฺวา นาควณฺณํ วา ทเสฺสติ, สุปณฺณวณฺณํ วา ทเสฺสตี’’ติอาทินา (ปฎิ. ม. ๓.๑๓) นเยน อาคตํ อเนกปฺปการํ อิทฺธิวิกุพฺพนํ กตฺวาฯ สหสฺสิโลกธาตุนฺติ จกฺกวาฬสหสฺสํฯ คาถาทฺวยํ อภาสีติ เถโร กิร ‘‘กถํ เทสิตา โข ธมฺมเทสนา สเพฺพสํ ปิยา มนาปา’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘สเพฺพปิ ปาสณฺฑา สเพฺพ เทวมนุสฺสา อตฺตโน อตฺตโน สมเย ปุริสการํ วณฺณยนฺติ, วีริยสฺส อวณฺณวาที นาม นตฺถิ, วีริยปฺปฎิสํยุตฺตํ กตฺวา เทเสสฺสามิฯ เอวมสฺส ธมฺมเทสนา สเพฺพสํ ปิยา ภวิสฺสติ มนาปา’’ติ ญตฺวา ตีสุ ปิฎเกสุ วิจินิตฺวา ‘‘อารมฺภถ นิกฺกมถา’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๘๖) อิทํ คาถาทฺวยํ อภาสิฯ
Ujjhāyantīti avajhāyanti, heṭṭhā katvā cintenti, lāmakato cintenti. Anekavihitaṃ iddhivikubbanaṃ katvāti ‘‘pakativaṇṇaṃ vijahitvā nāgavaṇṇaṃ vā dasseti, supaṇṇavaṇṇaṃ vā dassetī’’tiādinā (paṭi. ma. 3.13) nayena āgataṃ anekappakāraṃ iddhivikubbanaṃ katvā. Sahassilokadhātunti cakkavāḷasahassaṃ. Gāthādvayaṃ abhāsīti thero kira ‘‘kathaṃ desitā kho dhammadesanā sabbesaṃ piyā manāpā’’ti cintetvā ‘‘sabbepi pāsaṇḍā sabbe devamanussā attano attano samaye purisakāraṃ vaṇṇayanti, vīriyassa avaṇṇavādī nāma natthi, vīriyappaṭisaṃyuttaṃ katvā desessāmi. Evamassa dhammadesanā sabbesaṃ piyā bhavissati manāpā’’ti ñatvā tīsu piṭakesu vicinitvā ‘‘ārambhatha nikkamathā’’ti (saṃ. ni. 1.186) idaṃ gāthādvayaṃ abhāsi.
กิํ อาโลโก อยนฺติ กสฺส นุ โข อยํ อาโลโกติฯ วิจินนฺตานนฺติ จิเนฺตนฺตานํฯ สเพฺพติ โลกธาตุยํ สเพฺพ เทวา จ มนุสฺสา จฯ โอสฎาย ปริสายาติ ธมฺมสฺสวนตฺถํ สโมสฎาย ปริมิตปริจฺฉินฺนาย ปริสายฯ อโตฺถปิ เนสํ ปากโฎ อโหสีติ น เกวลํ เต สทฺทเมว อโสฺสสุํ, อถ โข อโตฺถปิ เตสํ ปกติสวนูปจาเร วิย ปากโฎ อโหสิฯ เตน สหสฺสํ โลกธาตุํ วิญฺญาเปตีติ อธิปฺปาโยฯ
Kiṃ āloko ayanti kassa nu kho ayaṃ ālokoti. Vicinantānanti cintentānaṃ. Sabbeti lokadhātuyaṃ sabbe devā ca manussā ca. Osaṭāya parisāyāti dhammassavanatthaṃ samosaṭāya parimitaparicchinnāya parisāya. Atthopi nesaṃ pākaṭo ahosīti na kevalaṃ te saddameva assosuṃ, atha kho atthopi tesaṃ pakatisavanūpacāre viya pākaṭo ahosi. Tena sahassaṃ lokadhātuṃ viññāpetīti adhippāyo.
ปริหรนฺตีติ สิเนรุํ ทกฺขิณโต กตฺวา ปริวเตฺตนฺติฯ วิโรจมานาติ อตฺตโน ชุติยา ทิพฺพมานา, โสภมานา วาฯ ตาว สหสฺสธา โลโกติ ยตฺตโก จนฺทิมสูริเยหิ โอภาสิยมาโน โลกธาตุสงฺขาโต เอเกโก โลโก, ตตฺตเกน ปมาเณน สหสฺสธา โลโก, อิมินา จกฺกวาเฬน สทฺธิํ จกฺกวาฬสหสฺสนฺติ อโตฺถฯ กสฺมา ปเนสา อานีตาติ เอสา จูฬนิกา โลกธาตุ กสฺมา ภควตา อานีตา, เทสิตาติ อโตฺถฯ มชฺฌิมิกาย โลกธาตุยา ปริเจฺฉททสฺสนตฺถนฺติ ทฺวิสหสฺสิโลกธาตุยา ปริมาณทสฺสนตฺถํฯ
Pariharantīti sineruṃ dakkhiṇato katvā parivattenti. Virocamānāti attano jutiyā dibbamānā, sobhamānā vā. Tāva sahassadhā lokoti yattako candimasūriyehi obhāsiyamāno lokadhātusaṅkhāto ekeko loko, tattakena pamāṇena sahassadhā loko, iminā cakkavāḷena saddhiṃ cakkavāḷasahassanti attho. Kasmā panesā ānītāti esā cūḷanikā lokadhātu kasmā bhagavatā ānītā, desitāti attho. Majjhimikāya lokadhātuyā paricchedadassanatthanti dvisahassilokadhātuyā parimāṇadassanatthaṃ.
สหสฺสิโลกธาตุยา สหสฺสี ทฺวิสหสฺสิโลกธาตุ, สา จกฺกวาฬคณนาย ทสสตสหสฺสจกฺกวาฬปริมาณาฯ เตนาห ‘‘สหสฺสจกฺกวาฬานิ สหสฺสภาเคน คเณตฺวา’’ติอาทิฯ กมฺปนเทวตูปสงฺกมนาทินา ชาตจกฺกวาเฬน สห โยคเกฺขมํ ฐานํ ชาติเกฺขตฺตํฯ ตตฺตกาย เอว ชาติเกฺขตฺตภาโว ธมฺมตาวเสเนว เวทิตโพฺพ, ‘‘ปริคฺคหวเสนา’’ติ เกจิฯ สเพฺพสมฺปิ พุทฺธานํ เอวํ ชาติเกฺขตฺตํ ตนฺนิวาสีนํเยว จ เทวตานํ ธมฺมาภิสมโยติ วทนฺติฯ ปฎิสนฺธิคฺคหณาทีนํ สตฺตนฺนํเยว คหณํ นิทสฺสนมตฺตํ มหาภินีหาราทิกาเลปิ ตสฺส ปกมฺปนสฺส ลพฺภนโตฯ
Sahassilokadhātuyā sahassī dvisahassilokadhātu, sā cakkavāḷagaṇanāya dasasatasahassacakkavāḷaparimāṇā. Tenāha ‘‘sahassacakkavāḷāni sahassabhāgena gaṇetvā’’tiādi. Kampanadevatūpasaṅkamanādinā jātacakkavāḷena saha yogakkhemaṃ ṭhānaṃ jātikkhettaṃ. Tattakāya eva jātikkhettabhāvo dhammatāvaseneva veditabbo, ‘‘pariggahavasenā’’ti keci. Sabbesampi buddhānaṃ evaṃ jātikkhettaṃ tannivāsīnaṃyeva ca devatānaṃ dhammābhisamayoti vadanti. Paṭisandhiggahaṇādīnaṃ sattannaṃyeva gahaṇaṃ nidassanamattaṃ mahābhinīhārādikālepi tassa pakampanassa labbhanato.
สหสฺสํ สหสฺสธา กตฺวา คณิตํ มชฺฌิมิกนฺติอาทินา มชฺฌิมิกาย โลกธาตุยา สหสฺสํ ติสหสฺสิโลกธาตุ, สาเยว จ มหาสหสฺสิโลกธาตูติ ทเสฺสติฯ สรเสเนว อาณาปวตฺตนํ อาณาเกฺขตฺตํ, ยํ เอกชฺฌํ สํวฎฺฎติ วิวฎฺฎติ จฯ อาณา ผรตีติ ตนฺนิวาสิเทวตานํ สิรสา สมฺปฎิจฺฉเนน วตฺตติ, ตญฺจ โข เกวลํ พุทฺธานุภาเวเนว, อธิปฺปายวเสน จ ปน ‘‘ยาวตา ปน อากเงฺขยฺยา’’ติ (อ. นิ. ๓.๘๑) วจนโต พุทฺธานํ อวิสโย นาม นตฺถิ, วิสยเกฺขตฺตสฺส ปมาณปริเจฺฉโท นาม นตฺถิฯ วิสโมติ สูริยุคฺคมนาทีนํ วิสมภาวโต วิสโมฯ เตเนวาห ‘‘เอกสฺมิํ ฐาเน สูริโย อุคฺคโต โหตี’’ติอาทิฯ เสสเมตฺถ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
Sahassaṃ sahassadhā katvā gaṇitaṃ majjhimikantiādinā majjhimikāya lokadhātuyā sahassaṃ tisahassilokadhātu, sāyeva ca mahāsahassilokadhātūti dasseti. Saraseneva āṇāpavattanaṃ āṇākkhettaṃ, yaṃ ekajjhaṃ saṃvaṭṭati vivaṭṭati ca. Āṇā pharatīti tannivāsidevatānaṃ sirasā sampaṭicchanena vattati, tañca kho kevalaṃ buddhānubhāveneva, adhippāyavasena ca pana ‘‘yāvatā pana ākaṅkheyyā’’ti (a. ni. 3.81) vacanato buddhānaṃ avisayo nāma natthi, visayakkhettassa pamāṇaparicchedo nāma natthi. Visamoti sūriyuggamanādīnaṃ visamabhāvato visamo. Tenevāha ‘‘ekasmiṃ ṭhāne sūriyo uggato hotī’’tiādi. Sesamettha suviññeyyameva.
จูฬนิกาสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Cūḷanikāsuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
อานนฺทวคฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Ānandavaggavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๑๐. จูฬนิกาสุตฺตํ • 10. Cūḷanikāsuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๑๐. จูฬนิกาสุตฺตวณฺณนา • 10. Cūḷanikāsuttavaṇṇanā