Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๑๙๓] ๓. จูฬปทุมชาตกวณฺณนา

    [193] 3. Cūḷapadumajātakavaṇṇanā

    อยเมว สา อหมปิ โส อนโญฺญติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต อุกฺกณฺฐิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิฯ วตฺถุ อุมฺมาทนฺตีชาตเก (ชา. ๒.๒๐.๕๗ อาทโย) อาวิภวิสฺสติฯ โส ปน ภิกฺขุ สตฺถารา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภิกฺขุ, อุกฺกณฺฐิโต’’ติ วุเตฺต ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติ วตฺวา ‘‘เกน ปน ตฺวํ อุกฺกณฺฐาปิโต’’ติ วุเตฺต ‘‘อหํ, ภเนฺต, เอกํ อลงฺกตปฎิยตฺตํ มาตุคามํ ทิสฺวา กิเลสานุวตฺตโก หุตฺวา อุกฺกณฺฐิโตมฺหี’’ติ อาหฯ อถ นํ สตฺถา ‘‘ภิกฺขุ, มาตุคาโม นาม อกตญฺญู มิตฺตทุพฺภี พหุมายา, โปราณกปณฺฑิตาปิ อตฺตโน ทกฺขิณชาณุโลหิตํ ปาเยตฺวา ยาวชีวิตทานมฺปิ ทตฺวา มาตุคามสฺส จิตฺตํ น ลภิํสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Ayameva sā ahamapi so anaññoti idaṃ satthā jetavane viharanto ukkaṇṭhitabhikkhuṃ ārabbha kathesi. Vatthu ummādantījātake (jā. 2.20.57 ādayo) āvibhavissati. So pana bhikkhu satthārā ‘‘saccaṃ kira tvaṃ, bhikkhu, ukkaṇṭhito’’ti vutte ‘‘saccaṃ, bhagavā’’ti vatvā ‘‘kena pana tvaṃ ukkaṇṭhāpito’’ti vutte ‘‘ahaṃ, bhante, ekaṃ alaṅkatapaṭiyattaṃ mātugāmaṃ disvā kilesānuvattako hutvā ukkaṇṭhitomhī’’ti āha. Atha naṃ satthā ‘‘bhikkhu, mātugāmo nāma akataññū mittadubbhī bahumāyā, porāṇakapaṇḍitāpi attano dakkhiṇajāṇulohitaṃ pāyetvā yāvajīvitadānampi datvā mātugāmassa cittaṃ na labhiṃsū’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ, นามคฺคหณทิวเส จสฺส ‘‘ปทุมกุมาโร’’ติ นามํ อกํสุฯ ตสฺส อปเรน ฉ กนิฎฺฐภาติกา อเหสุํฯ เต สตฺตปิ ชนา อนุปุเพฺพน วุฑฺฒิปฺปตฺตา ฆราวาสํ คเหตฺวา รโญฺญ สหายา วิย วิจรนฺติฯ อเถกทิวสํ ราชา ราชงฺคณํ โอโลเกโนฺต ฐิโต เต มหาปริวาเรน ราชุปฎฺฐานํ อาคจฺฉเนฺต ทิสฺวา ‘‘อิเม มํ วธิตฺวา รชฺชมฺปิ คเณฺหยฺยุ’’นฺติ อาสงฺกํ อุปฺปาเทตฺวา เต ปโกฺกสาเปตฺวา – ‘‘ตาตา, ตุเมฺห อิมสฺมิํ นคเร วสิตุํ น ลภถ, อญฺญตฺถ คนฺตฺวา มม อจฺจเยน อาคนฺตฺวา กุลสนฺตกํ รชฺชํ คณฺหถา’’ติ อาหฯ เต ปิตุ วจนํ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา โรทิตฺวา กนฺทิตฺวา อตฺตโน อตฺตโน ฆรานิ คนฺตฺวา ปชาปติโย อาทาย ‘‘ยตฺถ วา ตตฺถ วา คนฺตฺวา ชีวิสฺสามา’’ติ นครา นิกฺขมิตฺวา มคฺคํ คจฺฉนฺตา เอกํ กนฺตารํ ปตฺวา อนฺนปานํ อลภมานา ขุทํ อธิวาเสตุํ อสโกฺกนฺตา ‘‘มยํ ชีวมานา อิตฺถิโย ลภิสฺสามา’’ติ กนิฎฺฐสฺส ภริยํ มาเรตฺวา เตรส โกฎฺฐาเส กตฺวา มํสํ ขาทิํสุฯ โพธิสโตฺต อตฺตโน จ ภริยาย จ ลทฺธโกฎฺฐาเสสุ เอกํ ฐเปตฺวา เอกํ เทฺวปิ ขาทิํสุฯ เอวํ ฉ ทิวเส ฉ อิตฺถิโย มาเรตฺวา มํสํ ขาทิํสุฯ

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto tassa aggamahesiyā kucchimhi nibbatti, nāmaggahaṇadivase cassa ‘‘padumakumāro’’ti nāmaṃ akaṃsu. Tassa aparena cha kaniṭṭhabhātikā ahesuṃ. Te sattapi janā anupubbena vuḍḍhippattā gharāvāsaṃ gahetvā rañño sahāyā viya vicaranti. Athekadivasaṃ rājā rājaṅgaṇaṃ olokento ṭhito te mahāparivārena rājupaṭṭhānaṃ āgacchante disvā ‘‘ime maṃ vadhitvā rajjampi gaṇheyyu’’nti āsaṅkaṃ uppādetvā te pakkosāpetvā – ‘‘tātā, tumhe imasmiṃ nagare vasituṃ na labhatha, aññattha gantvā mama accayena āgantvā kulasantakaṃ rajjaṃ gaṇhathā’’ti āha. Te pitu vacanaṃ sampaṭicchitvā roditvā kanditvā attano attano gharāni gantvā pajāpatiyo ādāya ‘‘yattha vā tattha vā gantvā jīvissāmā’’ti nagarā nikkhamitvā maggaṃ gacchantā ekaṃ kantāraṃ patvā annapānaṃ alabhamānā khudaṃ adhivāsetuṃ asakkontā ‘‘mayaṃ jīvamānā itthiyo labhissāmā’’ti kaniṭṭhassa bhariyaṃ māretvā terasa koṭṭhāse katvā maṃsaṃ khādiṃsu. Bodhisatto attano ca bhariyāya ca laddhakoṭṭhāsesu ekaṃ ṭhapetvā ekaṃ dvepi khādiṃsu. Evaṃ cha divase cha itthiyo māretvā maṃsaṃ khādiṃsu.

    โพธิสโตฺต ปน ทิวเส ทิวเส เอเกกํ ฐเปตฺวา ฉ โกฎฺฐาเส ฐเปสิฯ สตฺตเม ทิวเส ‘‘โพธิสตฺตสฺส ภริยํ มาเรสฺสามา’’ติ วุเตฺต โพธิสโตฺต เต ฉ โกฎฺฐาเส เตสํ ทตฺวา ‘‘อชฺช ตาว อิเม ฉ โกฎฺฐาเส ขาทถ, เสฺว ชานิสฺสามา’’ติ วตฺวา เตสํ มํสํ ขาทิตฺวา นิทฺทายนกาเล ภริยํ คเหตฺวา ปลายิฯ สา โถกํ คนฺตฺวา ‘‘คนฺตุํ น สโกฺกมิ, สามี’’ติ อาหฯ อถ นํ โพธิสโตฺต ขเนฺธนาทาย อรุณุคฺคมนเวลาย กนฺตารา นิกฺขมิฯ สา สูริเย อุคฺคเต ‘‘ปิปาสิตามฺหิ, สามี’’ติ อาหฯ โพธิสโตฺต ‘‘อุทกํ นตฺถิ, ภเทฺท’’ติ วตฺวา ปุนปฺปุนํ กถิเต ขเคฺคน ทกฺขิณชาณุกํ ปหริตฺวา – ‘‘ภเทฺท, ปานียํ นตฺถิ, อิทํ ปน เม ทกฺขิณชาณุโลหิตํ ปิวมานา นิสีทาหี’’ติ อาหฯ สา ตถา อกาสิฯ เต อนุปุเพฺพน มหาคงฺคํ ปตฺวา ปิวิตฺวา จ นฺหตฺวา จ ผลาผลํ ขาทิตฺวา ผาสุกฎฺฐาเน วิสฺสมิตฺวา เอกสฺมิํ คงฺคานิวตฺตเน อสฺสมปทํ มาเปตฺวา วาสํ กเปฺปสุํฯ

    Bodhisatto pana divase divase ekekaṃ ṭhapetvā cha koṭṭhāse ṭhapesi. Sattame divase ‘‘bodhisattassa bhariyaṃ māressāmā’’ti vutte bodhisatto te cha koṭṭhāse tesaṃ datvā ‘‘ajja tāva ime cha koṭṭhāse khādatha, sve jānissāmā’’ti vatvā tesaṃ maṃsaṃ khāditvā niddāyanakāle bhariyaṃ gahetvā palāyi. Sā thokaṃ gantvā ‘‘gantuṃ na sakkomi, sāmī’’ti āha. Atha naṃ bodhisatto khandhenādāya aruṇuggamanavelāya kantārā nikkhami. Sā sūriye uggate ‘‘pipāsitāmhi, sāmī’’ti āha. Bodhisatto ‘‘udakaṃ natthi, bhadde’’ti vatvā punappunaṃ kathite khaggena dakkhiṇajāṇukaṃ paharitvā – ‘‘bhadde, pānīyaṃ natthi, idaṃ pana me dakkhiṇajāṇulohitaṃ pivamānā nisīdāhī’’ti āha. Sā tathā akāsi. Te anupubbena mahāgaṅgaṃ patvā pivitvā ca nhatvā ca phalāphalaṃ khāditvā phāsukaṭṭhāne vissamitvā ekasmiṃ gaṅgānivattane assamapadaṃ māpetvā vāsaṃ kappesuṃ.

    อเถกทิวสํ อุปริคงฺคาย ราชาปราธิกํ โจรํ หตฺถปาเท จ กณฺณนาสญฺจ ฉินฺทิตฺวา เอกสฺมิํ อมฺพณเก นิปชฺชาเปตฺวา มหาคงฺคาย ปวาเหสุํฯ โส มหนฺตํ อฎฺฎสฺสรํ กโรโนฺต ตํ ฐานํ ปาปุณิฯ โพธิสโตฺต ตสฺส กรุณํ ปริเทวิตสทฺทํ สุตฺวา ‘‘ทุกฺขปฺปโตฺต สโตฺต มยิ ฐิเต มา นสฺสี’’ติ คงฺคาตีรํ คนฺตฺวา ตํ อุตฺตาเรตฺวา อสฺสมปทํ อาเนตฺวา กาสาวโธวนเลปนาทีหิ วณปฎิกมฺมํ อกาสิฯ ภริยา ปนสฺส ‘‘เอวรูปํ นาม ทุสฺสีลํ กุณฺฐํ คงฺคาย อาวาเหตฺวา ปฎิชคฺคโนฺต วิจรตี’’ติ วตฺวา ตํ กุณฺฐํ ชิคุจฺฉมานา นิฎฺฐุภนฺตี วิจรติฯ โพธิสโตฺต ตสฺส วเณสุ สํวิรุเฬฺหสุ ภริยาย สทฺธิํ ตํ อสฺสมปเทเยว ฐเปตฺวา อฎวิโต ผลาผลานิ อาหริตฺวา ตญฺจ ภริยญฺจ โปเสสิฯ เตสุ เอวํ วสเนฺตสุ สา อิตฺถี เอตสฺมิํ กุเณฺฐ ปฎิพทฺธจิตฺตา หุตฺวา เตน สทฺธิํ อนาจารํ จริตฺวา เอเกนุปาเยน โพธิสตฺตํ มาเรตุกามา หุตฺวา เอวมาห – ‘‘สามิ, อหํ ตุมฺหากํ อํเส นิสีทิตฺวา กนฺตารา นิกฺขมมานา เอกํ ปพฺพตํ โอโลเกตฺวา อเยฺย ปพฺพตมฺหิ นิพฺพตฺตเทวเต ‘สเจ อหํ สามิเกน สทฺธิํ อโรคา ชีวิตํ ลภิสฺสามิ, พลิกมฺมํ เต กริสฺสามี’ติ อายาจิํ, สา มํ อิทานิ อุตฺตาเสติ, กโรมสฺสา พลิกมฺม’’นฺติฯ โพธิสโตฺต ตํ มายํ อชานโนฺต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา พลิกมฺมํ สเชฺชตฺวา ตาย พลิภาชนํ คาหาเปตฺวา ปพฺพตมตฺถกํ อภิรุหิฯ อถ นํ สา เอวมาห – ‘‘สามิ, เทวตายปิ ตฺวเญฺญว อุตฺตมเทวตา, ปฐมํ ตาว ตํ วนปุเปฺผหิ ปูเชตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา วนฺทิตฺวา ปจฺฉา เทวตาย พลิกมฺมํ กริสฺสามี’’ติฯ สา โพธิสตฺตํ ปปาตาภิมุขํ ฐเปตฺวา วนปุเปฺผหิ ปูเชตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา วนฺทิตุกามา วิย หุตฺวา ปิฎฺฐิปเสฺส ฐตฺวา ปิฎฺฐิยํ ปหริตฺวา ปปาเต ปาเตตฺวา ‘‘ทิฎฺฐา เม ปจฺจามิตฺตสฺส ปิฎฺฐี’’ติ ตุฎฺฐมานสา ปพฺพตา โอโรหิตฺวา กุณฺฐสฺส สนฺติกํ อคมาสิฯ

    Athekadivasaṃ uparigaṅgāya rājāparādhikaṃ coraṃ hatthapāde ca kaṇṇanāsañca chinditvā ekasmiṃ ambaṇake nipajjāpetvā mahāgaṅgāya pavāhesuṃ. So mahantaṃ aṭṭassaraṃ karonto taṃ ṭhānaṃ pāpuṇi. Bodhisatto tassa karuṇaṃ paridevitasaddaṃ sutvā ‘‘dukkhappatto satto mayi ṭhite mā nassī’’ti gaṅgātīraṃ gantvā taṃ uttāretvā assamapadaṃ ānetvā kāsāvadhovanalepanādīhi vaṇapaṭikammaṃ akāsi. Bhariyā panassa ‘‘evarūpaṃ nāma dussīlaṃ kuṇṭhaṃ gaṅgāya āvāhetvā paṭijagganto vicaratī’’ti vatvā taṃ kuṇṭhaṃ jigucchamānā niṭṭhubhantī vicarati. Bodhisatto tassa vaṇesu saṃviruḷhesu bhariyāya saddhiṃ taṃ assamapadeyeva ṭhapetvā aṭavito phalāphalāni āharitvā tañca bhariyañca posesi. Tesu evaṃ vasantesu sā itthī etasmiṃ kuṇṭhe paṭibaddhacittā hutvā tena saddhiṃ anācāraṃ caritvā ekenupāyena bodhisattaṃ māretukāmā hutvā evamāha – ‘‘sāmi, ahaṃ tumhākaṃ aṃse nisīditvā kantārā nikkhamamānā ekaṃ pabbataṃ oloketvā ayye pabbatamhi nibbattadevate ‘sace ahaṃ sāmikena saddhiṃ arogā jīvitaṃ labhissāmi, balikammaṃ te karissāmī’ti āyāciṃ, sā maṃ idāni uttāseti, karomassā balikamma’’nti. Bodhisatto taṃ māyaṃ ajānanto ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchitvā balikammaṃ sajjetvā tāya balibhājanaṃ gāhāpetvā pabbatamatthakaṃ abhiruhi. Atha naṃ sā evamāha – ‘‘sāmi, devatāyapi tvaññeva uttamadevatā, paṭhamaṃ tāva taṃ vanapupphehi pūjetvā padakkhiṇaṃ katvā vanditvā pacchā devatāya balikammaṃ karissāmī’’ti. Sā bodhisattaṃ papātābhimukhaṃ ṭhapetvā vanapupphehi pūjetvā padakkhiṇaṃ katvā vanditukāmā viya hutvā piṭṭhipasse ṭhatvā piṭṭhiyaṃ paharitvā papāte pātetvā ‘‘diṭṭhā me paccāmittassa piṭṭhī’’ti tuṭṭhamānasā pabbatā orohitvā kuṇṭhassa santikaṃ agamāsi.

    โพธิสโตฺตปิ ปปาตานุสาเรน ปพฺพตา ปตโนฺต อุทุมฺพรรุกฺขมตฺถเก เอกสฺมิํ อกณฺฎเก ปตฺตสญฺฉเนฺน คุเมฺพ ลคฺคิ, เหฎฺฐาปพฺพตํ ปน โอโรหิตุํ น สกฺกาฯ โส อุทุมฺพรผลานิ ขาทิตฺวา สาขนฺตเร นิสีทิฯ อเถโก มหาสรีโร โคธราชา เหฎฺฐาปพฺพตปาทโต อภิรุหิตฺวา ตสฺมิํ อุทุมฺพรผลานิ ขาทติฯ โส ตํ ทิวสํ โพธิสตฺตํ ทิสฺวา ปลายิ, ปุนทิวเส อาคนฺตฺวา เอกสฺมิํ ปเสฺส ผลานิ ขาทิตฺวา ปกฺกามิฯ โส เอวํ ปุนปฺปุนํ อาคจฺฉโนฺต โพธิสเตฺตน สทฺธิํ วิสฺสาสํ อาปชฺชิตฺวา ‘‘ตฺวํ อิมํ ฐานํ เกน การเณน อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมินา นาม การเณนา’’ติ วุเตฺต ‘‘เตน หิ มา ภายี’’ติ วตฺวา โพธิสตฺตํ อตฺตโน ปิฎฺฐิยํ นิปชฺชาเปตฺวา โอตาเรตฺวา อรญฺญโต นิกฺขมิตฺวา มหามเคฺค ฐเปตฺวา ‘‘ตฺวํ อิมินา มเคฺคน คจฺฉาหี’’ติ อุโยฺยเชตฺวา อรญฺญเมว ปาวิสิฯ โพธิสโตฺต เอกํ คามกํ คนฺตฺวา ตเตฺถว วสโนฺต ปิตุ กาลกตภาวํ สุตฺวา พาราณสิํ คนฺตฺวา กุลสนฺตเก รเชฺช ปติฎฺฐาย ปทุมราชา นาม หุตฺวา ทส ราชธเมฺม อโกเปตฺวา ธเมฺมน รชฺชํ กาเรโนฺต จตูสุ นครทฺวาเรสุ นครมเชฺฌ นิเวสนทฺวาเรติ ฉ ทานสาลาโย กาเรตฺวา เทวสิกํ ฉ สตสหสฺสานิ วิสฺสเชฺชตฺวา ทานํ อทาสิฯ

    Bodhisattopi papātānusārena pabbatā patanto udumbararukkhamatthake ekasmiṃ akaṇṭake pattasañchanne gumbe laggi, heṭṭhāpabbataṃ pana orohituṃ na sakkā. So udumbaraphalāni khāditvā sākhantare nisīdi. Atheko mahāsarīro godharājā heṭṭhāpabbatapādato abhiruhitvā tasmiṃ udumbaraphalāni khādati. So taṃ divasaṃ bodhisattaṃ disvā palāyi, punadivase āgantvā ekasmiṃ passe phalāni khāditvā pakkāmi. So evaṃ punappunaṃ āgacchanto bodhisattena saddhiṃ vissāsaṃ āpajjitvā ‘‘tvaṃ imaṃ ṭhānaṃ kena kāraṇena āgatosī’’ti pucchitvā ‘‘iminā nāma kāraṇenā’’ti vutte ‘‘tena hi mā bhāyī’’ti vatvā bodhisattaṃ attano piṭṭhiyaṃ nipajjāpetvā otāretvā araññato nikkhamitvā mahāmagge ṭhapetvā ‘‘tvaṃ iminā maggena gacchāhī’’ti uyyojetvā araññameva pāvisi. Bodhisatto ekaṃ gāmakaṃ gantvā tattheva vasanto pitu kālakatabhāvaṃ sutvā bārāṇasiṃ gantvā kulasantake rajje patiṭṭhāya padumarājā nāma hutvā dasa rājadhamme akopetvā dhammena rajjaṃ kārento catūsu nagaradvāresu nagaramajjhe nivesanadvāreti cha dānasālāyo kāretvā devasikaṃ cha satasahassāni vissajjetvā dānaṃ adāsi.

    สาปิ โข อิตฺถี ตํ กุณฺฐํ ขเนฺธ นิสีทาเปตฺวา อรญฺญา นิกฺขมิตฺวา มนุสฺสปเถ ภิกฺขํ จรมานา ยาคุภตฺตํ สํหริตฺวา ตํ กุณฺฐํ โปเสสิฯ มนุสฺสา ‘‘อยํ เต กิํ โหตี’’ติ ปุจฺฉิยมานา ‘‘อหํ เอตสฺส มาตุลธีตา, ปิตุจฺฉาปุโตฺต เม เอโส, เอตเสฺสว มํ อทํสุ, สาหํ วชฺฌปฺปตฺตมฺปิ อตฺตโน สามิกํ อุกฺขิปิตฺวา ปริหรนฺตี ภิกฺขํ จริตฺวา โปเสมี’’ติฯ มนุสฺสา ‘‘อยํ ปติพฺพตา’’ติ ตโต ปฎฺฐาย พหุตรํ ยาคุภตฺตํ อทํสุฯ อปเร ปน ชนา เอวมาหํสุ – ‘‘ตฺวํ มา เอวํ วิจริ, ปทุมราชา พาราณสิยํ รชฺชํ กาเรติ, สกลชมฺพุทีปํ สโงฺขเภตฺวา ทานํ เทติ, โส ตํ ทิสฺวา ตุสฺสิสฺสติ, ตุโฎฺฐ เต พหุํ ธนํ ทสฺสติ, ตว สามิกํ อิเธว นิสีทาเปตฺวา คจฺฉา’’ติ ถิรํ กตฺวา เวตฺตปจฺฉิํ อทํสุฯ สา อนาจารา ตํ กุณฺฐํ เวตฺตปจฺฉิยํ นิสีทาเปตฺวา ปจฺฉิํ อุกฺขิปิตฺวา พาราณสิํ คนฺตฺวา ทานสาลาสุ ภุญฺชมานา วิจรติฯ โพธิสโตฺต อลงฺกตหตฺถิกฺขนฺธวรคโต ทานคฺคํ คนฺตฺวา อฎฺฐนฺนํ วา ทสนฺนํ วา สหตฺถา ทานํ ทตฺวา ปุน เคหํ คจฺฉติ ฯ สา อนาจารา ตํ กุณฺฐํ ปจฺฉิยํ นิสีทาเปตฺวา ปจฺฉิํ อุกฺขิปิตฺวา ตสฺส คมนมเคฺค อฎฺฐาสิฯ

    Sāpi kho itthī taṃ kuṇṭhaṃ khandhe nisīdāpetvā araññā nikkhamitvā manussapathe bhikkhaṃ caramānā yāgubhattaṃ saṃharitvā taṃ kuṇṭhaṃ posesi. Manussā ‘‘ayaṃ te kiṃ hotī’’ti pucchiyamānā ‘‘ahaṃ etassa mātuladhītā, pitucchāputto me eso, etasseva maṃ adaṃsu, sāhaṃ vajjhappattampi attano sāmikaṃ ukkhipitvā pariharantī bhikkhaṃ caritvā posemī’’ti. Manussā ‘‘ayaṃ patibbatā’’ti tato paṭṭhāya bahutaraṃ yāgubhattaṃ adaṃsu. Apare pana janā evamāhaṃsu – ‘‘tvaṃ mā evaṃ vicari, padumarājā bārāṇasiyaṃ rajjaṃ kāreti, sakalajambudīpaṃ saṅkhobhetvā dānaṃ deti, so taṃ disvā tussissati, tuṭṭho te bahuṃ dhanaṃ dassati, tava sāmikaṃ idheva nisīdāpetvā gacchā’’ti thiraṃ katvā vettapacchiṃ adaṃsu. Sā anācārā taṃ kuṇṭhaṃ vettapacchiyaṃ nisīdāpetvā pacchiṃ ukkhipitvā bārāṇasiṃ gantvā dānasālāsu bhuñjamānā vicarati. Bodhisatto alaṅkatahatthikkhandhavaragato dānaggaṃ gantvā aṭṭhannaṃ vā dasannaṃ vā sahatthā dānaṃ datvā puna gehaṃ gacchati . Sā anācārā taṃ kuṇṭhaṃ pacchiyaṃ nisīdāpetvā pacchiṃ ukkhipitvā tassa gamanamagge aṭṭhāsi.

    ราชา ทิสฺวา ‘‘กิํ เอต’’นฺติ ปุจฺฉิฯ ‘‘เอกา, เทว, ปติพฺพตา’’ติฯ อถ นํ ปโกฺกสาเปตฺวา สญฺชานิตฺวา กุณฺฐํ ปจฺฉิยา นีหราเปตฺวา ‘‘อยํ เต กิํ โหตี’’ติ ปุจฺฉิฯ สา ‘‘ปิตุจฺฉาปุโตฺต เม, เทว, กุลทตฺติโก สามิโก’’ติ อาหฯ มนุสฺสา ตํ อนฺตรํ อชานนฺตา ‘‘อโห ปติพฺพตา’’ติอาทีนิ วตฺวา ตํ อนาจาริตฺถิํ วณฺณยิํสุฯ ปุน ราชา ‘‘อยํ เต กุโณฺฐ กุลทตฺติโก สามิโก’’ติ ปุจฺฉิฯ สา ราชานํ อสญฺชานนฺตี ‘‘อาม, เทวา’’ติ สูรา หุตฺวา กเถสิฯ อถ นํ ราชา ‘‘กิํ เอส พาราณสิรโญฺญ ปุโตฺต, นนุ ตฺวํ ปทุมกุมารสฺส ภริยา อสุกรโญฺญ ธีตา, อสุกา นาม มม ชาณุโลหิตํ ปิวิตฺวา อิมสฺมิํ กุเณฺฐ ปฎิพทฺธจิตฺตา มํ ปปาเต ปาเตสิฯ สา อิทานิ ตฺวํ นลาเฎน มจฺจุํ คเหตฺวา มํ ‘มโต’ติ มญฺญมานา อิมํ ฐานํ อาคตา, นนุ อหํ ชีวามี’’ติ วตฺวา อมเจฺจ อามเนฺตตฺวา ‘‘โภ, อมจฺจา นนุ จาหํ ตุเมฺหหิ ปุโฎฺฐ เอวํ กเถสิํ ‘มม กนิฎฺฐภาติกา ฉ อิตฺถิโย มาเรตฺวา มํสํ ขาทิํสุ, อหํ ปน มยฺหํ ภริยํ อโรคํ กตฺวา คงฺคาตีรํ เนตฺวา อสฺสมปเท วสโนฺต เอกํ วชฺฌปฺปตฺตํ กุณฺฐํ อุตฺตาเรตฺวา ปฎิชคฺคิํฯ สา อิตฺถี เอตสฺมิํ ปฎิพทฺธจิตฺตา มํ ปพฺพตปาเท ปาเตสิฯ อหํ อตฺตโน เมตฺตจิตฺตตาย ชีวิตํ ลภิ’นฺติฯ ยาย อหํ ปพฺพตา ปาติโต, น สา อญฺญา, เอสา ทุสฺสีลา, โสปิ วชฺฌปฺปโตฺต กุโณฺฐ น อโญฺญ, อยเมวา’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อโวจ –

    Rājā disvā ‘‘kiṃ eta’’nti pucchi. ‘‘Ekā, deva, patibbatā’’ti. Atha naṃ pakkosāpetvā sañjānitvā kuṇṭhaṃ pacchiyā nīharāpetvā ‘‘ayaṃ te kiṃ hotī’’ti pucchi. Sā ‘‘pitucchāputto me, deva, kuladattiko sāmiko’’ti āha. Manussā taṃ antaraṃ ajānantā ‘‘aho patibbatā’’tiādīni vatvā taṃ anācāritthiṃ vaṇṇayiṃsu. Puna rājā ‘‘ayaṃ te kuṇṭho kuladattiko sāmiko’’ti pucchi. Sā rājānaṃ asañjānantī ‘‘āma, devā’’ti sūrā hutvā kathesi. Atha naṃ rājā ‘‘kiṃ esa bārāṇasirañño putto, nanu tvaṃ padumakumārassa bhariyā asukarañño dhītā, asukā nāma mama jāṇulohitaṃ pivitvā imasmiṃ kuṇṭhe paṭibaddhacittā maṃ papāte pātesi. Sā idāni tvaṃ nalāṭena maccuṃ gahetvā maṃ ‘mato’ti maññamānā imaṃ ṭhānaṃ āgatā, nanu ahaṃ jīvāmī’’ti vatvā amacce āmantetvā ‘‘bho, amaccā nanu cāhaṃ tumhehi puṭṭho evaṃ kathesiṃ ‘mama kaniṭṭhabhātikā cha itthiyo māretvā maṃsaṃ khādiṃsu, ahaṃ pana mayhaṃ bhariyaṃ arogaṃ katvā gaṅgātīraṃ netvā assamapade vasanto ekaṃ vajjhappattaṃ kuṇṭhaṃ uttāretvā paṭijaggiṃ. Sā itthī etasmiṃ paṭibaddhacittā maṃ pabbatapāde pātesi. Ahaṃ attano mettacittatāya jīvitaṃ labhi’nti. Yāya ahaṃ pabbatā pātito, na sā aññā, esā dussīlā, sopi vajjhappatto kuṇṭho na añño, ayamevā’’ti vatvā imā gāthā avoca –

    ๘๕.

    85.

    ‘‘อยเมว สา อหมปิ โส อนโญฺญ, อยเมว โส หตฺถจฺฉิโนฺน อนโญฺญ;

    ‘‘Ayameva sā ahamapi so anañño, ayameva so hatthacchinno anañño;

    ยมาห ‘โกมารปตี มม’นฺติ, วชฺฌิตฺถิโย นตฺถิ อิตฺถีสุ สจฺจํฯ

    Yamāha ‘komārapatī mama’nti, vajjhitthiyo natthi itthīsu saccaṃ.

    ๘๖.

    86.

    ‘‘อิมญฺจ ชมฺมํ มุสเลน หนฺตฺวา, ลุทฺทํ ฉวํ ปรทารูปเสวิํ;

    ‘‘Imañca jammaṃ musalena hantvā, luddaṃ chavaṃ paradārūpaseviṃ;

    อิมิสฺสา จ นํ ปาปปติพฺพตาย, ชีวนฺติยา ฉินฺทถ กณฺณนาส’’นฺติฯ

    Imissā ca naṃ pāpapatibbatāya, jīvantiyā chindatha kaṇṇanāsa’’nti.

    ตตฺถ ยมาห โกมารปตี มมนฺติ ยํ เอสา ‘‘อยํ เม, โกมารปติ, กุลทตฺติโก สามิโก’’ติ อาห, อยเมว โส, น อโญฺญฯ ‘‘ยมาหุ , โกมารปตี’’ติปิ ปาโฐฯ อยเมว หิ โปตฺถเกสุ ลิขิโต, ตสฺสาปิ อยเมวโตฺถ, วจนวิปลฺลาโส ปเนตฺถ เวทิตโพฺพฯ ยญฺหิ รญฺญา วุตฺตํ, ตเทว อิธ อาคตํฯ วชฺฌิตฺถิโยติ อิตฺถิโย นาม วชฺฌา วธิตพฺพา เอวฯ นตฺถิ อิตฺถีสุ สจฺจนฺติ เอตาสุ สภาโว นาเมโก นตฺถิฯ ‘‘อิมญฺจ ชมฺม’’นฺติอาทิ ทฺวินฺนมฺปิ เตสํ ทณฺฑาณาปนวเสน วุตฺตํฯ ตตฺถ ชมฺมนฺติ ลามกํฯ มุสเลน หนฺตฺวาติ มุสเลน หนิตฺวา โปเถตฺวา อฎฺฐีนิ ภญฺชิตฺวา จุณฺณวิจุณฺณํ กตฺวาฯ ลุทฺทนฺติ ทารุณํฯ ฉวนฺติ คุณาภาเวน นิชฺชีวํ มตสทิสํฯ อิมิสฺสา จ นนฺติ เอตฺถ นฺติ นิปาตมตฺตํ, อิมิสฺสา จ ปาปปติพฺพตาย อนาจาราย ทุสฺสีลาย ชีวนฺติยาว กณฺณนาสํ ฉินฺทถาติ อโตฺถฯ

    Tattha yamāha komārapatī mamanti yaṃ esā ‘‘ayaṃ me, komārapati, kuladattiko sāmiko’’ti āha, ayameva so, na añño. ‘‘Yamāhu , komārapatī’’tipi pāṭho. Ayameva hi potthakesu likhito, tassāpi ayamevattho, vacanavipallāso panettha veditabbo. Yañhi raññā vuttaṃ, tadeva idha āgataṃ. Vajjhitthiyoti itthiyo nāma vajjhā vadhitabbā eva. Natthi itthīsu saccanti etāsu sabhāvo nāmeko natthi. ‘‘Imañca jamma’’ntiādi dvinnampi tesaṃ daṇḍāṇāpanavasena vuttaṃ. Tattha jammanti lāmakaṃ. Musalena hantvāti musalena hanitvā pothetvā aṭṭhīni bhañjitvā cuṇṇavicuṇṇaṃ katvā. Luddanti dāruṇaṃ. Chavanti guṇābhāvena nijjīvaṃ matasadisaṃ. Imissāca nanti ettha nanti nipātamattaṃ, imissā ca pāpapatibbatāya anācārāya dussīlāya jīvantiyāva kaṇṇanāsaṃ chindathāti attho.

    โพธิสโตฺต โกธํ อธิวาเสตุํ อสโกฺกโนฺต เอวํ เตสํ ทณฺฑํ อาณาเปตฺวาปิ น ตถา กาเรสิ ฯ โกปํ ปน มนฺทํ กตฺวา ยถา สา ปจฺฉิํ สีสโต โอโรเปตุํ น สโกฺกติ, เอวํ คาฬฺหตรํ พนฺธาเปตฺวา กุณฺฐํ ตตฺถ ปกฺขิปาเปตฺวา อตฺตโน วิชิตา นีหราเปสิฯ

    Bodhisatto kodhaṃ adhivāsetuṃ asakkonto evaṃ tesaṃ daṇḍaṃ āṇāpetvāpi na tathā kāresi . Kopaṃ pana mandaṃ katvā yathā sā pacchiṃ sīsato oropetuṃ na sakkoti, evaṃ gāḷhataraṃ bandhāpetvā kuṇṭhaṃ tattha pakkhipāpetvā attano vijitā nīharāpesi.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺฐิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิฯ ‘‘ตทา ฉ ภาตโร อญฺญตรา เถรา อเหสุํ, ภริยา จิญฺจมาณวิกา, กุโณฺฐ เทวทโตฺต, โคธราชา อานโนฺท, ปทุมราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi – saccapariyosāne ukkaṇṭhitabhikkhu sotāpattiphale patiṭṭhahi. ‘‘Tadā cha bhātaro aññatarā therā ahesuṃ, bhariyā ciñcamāṇavikā, kuṇṭho devadatto, godharājā ānando, padumarājā pana ahameva ahosi’’nti.

    จูฬปทุมชาตกวณฺณนา ตติยาฯ

    Cūḷapadumajātakavaṇṇanā tatiyā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๑๙๓. จูฬปทุมชาตกํ • 193. Cūḷapadumajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact