Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อปทาน-อฎฺฐกถา • Apadāna-aṭṭhakathā |
๔. จูฬปนฺถกเตฺถรอปทานวณฺณนา
4. Cūḷapanthakattheraapadānavaṇṇanā
ปทุมุตฺตโร นาม ชิโนติอาทิกํ อายสฺมโต จูฬปนฺถกเตฺถรสฺส อปทานํฯ อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยานิ ปุญฺญานิ อุปจินโนฺต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล ยเทตฺถ อฎฺฐุปฺปตฺติวเสน วตฺตพฺพํ, ตํ อฎฺฐกนิปาเต มหาปนฺถกวตฺถุสฺมิํ (เถรคา. ๕๑๐ อาทโย) วุตฺตเมวฯ อยํ ปน วิเสโส – มหาปนฺถกเตฺถโร อรหตฺตํ ปตฺวา ผลสมาปตฺติสุเขน วีตินาเมโนฺต จิเนฺตสิ – ‘‘กถํ นุ โข สกฺกา จูฬปนฺถกมฺปิ อิมสฺมิํ สุเข ปติฎฺฐาเปตุ’’นฺติฯ โส อตฺตโน อยฺยกํ ธนเสฎฺฐิํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘สเจ, มหาเสฎฺฐิ , อนุชานาถ, อหํ จูฬปนฺถกํ ปพฺพาเชยฺย’’นฺติฯ ‘‘ปพฺพาเชถ, ภเนฺต’’ติฯ เถโร ตํ ปพฺพาเชสิฯ โส ทสสุ สีเลสุ ปติฎฺฐิโต ภาตุ สนฺติเก –
Padumuttaronāma jinotiādikaṃ āyasmato cūḷapanthakattherassa apadānaṃ. Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayāni puññāni upacinanto padumuttarassa bhagavato kāle yadettha aṭṭhuppattivasena vattabbaṃ, taṃ aṭṭhakanipāte mahāpanthakavatthusmiṃ (theragā. 510 ādayo) vuttameva. Ayaṃ pana viseso – mahāpanthakatthero arahattaṃ patvā phalasamāpattisukhena vītināmento cintesi – ‘‘kathaṃ nu kho sakkā cūḷapanthakampi imasmiṃ sukhe patiṭṭhāpetu’’nti. So attano ayyakaṃ dhanaseṭṭhiṃ upasaṅkamitvā āha – ‘‘sace, mahāseṭṭhi , anujānātha, ahaṃ cūḷapanthakaṃ pabbājeyya’’nti. ‘‘Pabbājetha, bhante’’ti. Thero taṃ pabbājesi. So dasasu sīlesu patiṭṭhito bhātu santike –
‘‘ปทุมํ ยถา โกกนทํ สุคนฺธํ, ปาโต สิยา ผุลฺลมวีตคนฺธํ;
‘‘Padumaṃ yathā kokanadaṃ sugandhaṃ, pāto siyā phullamavītagandhaṃ;
องฺคีรสํ ปสฺส วิโรจมานํ, ตปนฺตมาทิจฺจมิวนฺตลิเกฺข’’ติฯ (สํ. นิ. ๑.๑๒๓; อ. นิ. ๕.๑๙๕) –
Aṅgīrasaṃ passa virocamānaṃ, tapantamādiccamivantalikkhe’’ti. (saṃ. ni. 1.123; a. ni. 5.195) –
คาถํ อุคฺคณฺหโนฺต จตูหิ มาเสหิ อุคฺคเหตุํ นาสกฺขิ, คหิตมฺปิ หทเย น ติฎฺฐติฯ อถ นํ มหาปนฺถโก, ‘‘จูฬปนฺถก, ตฺวํ อิมสฺมิํ สาสเน อภโพฺพ, จตูหิ มาเสหิ เอกํ คาถมฺปิ คเหตุํ น สโกฺกสิ, ปพฺพชิตกิจฺจํ ปน ตฺวํ กถํ มตฺถกํ ปาเปสฺสสิ, นิกฺขม อิโต’’ติ โส เถเรน ปณามิโก ทฺวารโกฎฺฐกสมีเป โรทมาโน อฎฺฐาสิฯ
Gāthaṃ uggaṇhanto catūhi māsehi uggahetuṃ nāsakkhi, gahitampi hadaye na tiṭṭhati. Atha naṃ mahāpanthako, ‘‘cūḷapanthaka, tvaṃ imasmiṃ sāsane abhabbo, catūhi māsehi ekaṃ gāthampi gahetuṃ na sakkosi, pabbajitakiccaṃ pana tvaṃ kathaṃ matthakaṃ pāpessasi, nikkhama ito’’ti so therena paṇāmiko dvārakoṭṭhakasamīpe rodamāno aṭṭhāsi.
เตน จ สมเยน สตฺถา ชีวกมฺพวเน วิหรติฯ อถ ชีวโก ปุริสํ เปเสสิ – ‘‘คจฺฉ, ปญฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธิํ สตฺถารํ นิมเนฺตหี’’ติฯ เตน จ สมเยน อายสฺมา มหาปนฺถโก ภตฺตุเทฺทสโก โหติฯ โส ‘‘ปญฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ ภิกฺขํ ปฎิจฺฉถา’’ติ วุโตฺต ‘‘จูฬปนฺถกํ ฐเปตฺวา เสสานํ ปฎิจฺฉามี’’ติ อาหฯ ตํ สุตฺวา จูฬปนฺถโก ภิโยฺยโสมตฺตาย โทมนสฺสปฺปโตฺต อโหสิฯ สตฺถา ตสฺส จิตฺตเกฺขทํ ญตฺวา ‘‘จูฬปนฺถโก มยา กเตน อุปาเยน พุชฺฌิสฺสตี’’ติ ตสฺส อวิทูรฎฺฐาเน อตฺตานํ ทเสฺสตฺวา ‘‘กิํ, ปนฺถก, โรทสี’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘ภาตา มํ, ภเนฺต, ปณาเมตี’’ติ อาหฯ ‘‘ปนฺถก, มา จินฺตยิ, มม สาสเน ตุยฺหํ ปพฺพชฺชา, เอหิ อิมํ คเหตฺวา ‘รโชหรณํ, รโชหรณ’นฺติ มนสิ กโรหี’’ติ อิทฺธิยา สุทฺธํ โจฬกฺขณฺฑํ อภิสงฺขริตฺวา อทาสิฯ โส สตฺถารา ทินฺนํ โจฬกฺขณฺฑํ ‘‘รโชหรณํ, รโชหรณ’’นฺติ หเตฺถน ปริมชฺชโนฺต นิสีทิฯ ตสฺส ตํ ปริมชฺชนฺตสฺส กิลิฎฺฐธาตุกํ ชาตํ, ปุน ปริมชฺชนฺตสฺส อุกฺขลิปริปุญฺฉนสทิสํ ชาตํฯ โส ญาณปริปากตฺตา เอวํ จิเนฺตสิ – ‘‘อิทํ โจฬกฺขณฺฑํ ปกติยา ปริสุทฺธํ, อิมํ อุปาทิณฺณกสรีรํ นิสฺสาย กิลิฎฺฐํ อญฺญถา ชาตํ, ตสฺมา อนิจฺจํ ยถาเปตํ, เอวํ จิตฺตมฺปี’’ติ ขยวยํ ปฎฺฐเปตฺวา ตสฺมิํเยว นิมิเตฺต ฌานานิ นิพฺพเตฺตตฺวา ฌานปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา สห ปฎิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิฯ อรหตฺตปตฺตเสฺสวสฺส เตปิฎกํ ปญฺจาภิญฺญา จ อาคมิํสุฯ
Tena ca samayena satthā jīvakambavane viharati. Atha jīvako purisaṃ pesesi – ‘‘gaccha, pañcahi bhikkhusatehi saddhiṃ satthāraṃ nimantehī’’ti. Tena ca samayena āyasmā mahāpanthako bhattuddesako hoti. So ‘‘pañcannaṃ bhikkhusatānaṃ bhikkhaṃ paṭicchathā’’ti vutto ‘‘cūḷapanthakaṃ ṭhapetvā sesānaṃ paṭicchāmī’’ti āha. Taṃ sutvā cūḷapanthako bhiyyosomattāya domanassappatto ahosi. Satthā tassa cittakkhedaṃ ñatvā ‘‘cūḷapanthako mayā katena upāyena bujjhissatī’’ti tassa avidūraṭṭhāne attānaṃ dassetvā ‘‘kiṃ, panthaka, rodasī’’ti pucchi. ‘‘Bhātā maṃ, bhante, paṇāmetī’’ti āha. ‘‘Panthaka, mā cintayi, mama sāsane tuyhaṃ pabbajjā, ehi imaṃ gahetvā ‘rajoharaṇaṃ, rajoharaṇa’nti manasi karohī’’ti iddhiyā suddhaṃ coḷakkhaṇḍaṃ abhisaṅkharitvā adāsi. So satthārā dinnaṃ coḷakkhaṇḍaṃ ‘‘rajoharaṇaṃ, rajoharaṇa’’nti hatthena parimajjanto nisīdi. Tassa taṃ parimajjantassa kiliṭṭhadhātukaṃ jātaṃ, puna parimajjantassa ukkhaliparipuñchanasadisaṃ jātaṃ. So ñāṇaparipākattā evaṃ cintesi – ‘‘idaṃ coḷakkhaṇḍaṃ pakatiyā parisuddhaṃ, imaṃ upādiṇṇakasarīraṃ nissāya kiliṭṭhaṃ aññathā jātaṃ, tasmā aniccaṃ yathāpetaṃ, evaṃ cittampī’’ti khayavayaṃ paṭṭhapetvā tasmiṃyeva nimitte jhānāni nibbattetvā jhānapādakaṃ katvā vipassanaṃ paṭṭhapetvā saha paṭisambhidāhi arahattaṃ pāpuṇi. Arahattapattassevassa tepiṭakaṃ pañcābhiññā ca āgamiṃsu.
สตฺถา เอกูเนหิ ปญฺจภิกฺขุสเตหิ สทฺธิํ คนฺตฺวา ชีวกสฺส นิเวสเน ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิฯ จูฬปนฺถโก ปน อตฺตโน ภิกฺขาย อปฺปฎิจฺฉิตตฺตา เอว น คโตฯ ชีวโก ยาคุํ ทาตุํ อารภิฯ สตฺถา หเตฺถน ปตฺตํ ปิทหิฯ ‘‘กสฺมา, ภเนฺต, น คณฺหถา’’ติ วุเตฺต ‘‘วิหาเร เอโก ภิกฺขุ อตฺถิ, ชีวกา’’ติฯ โส ปุริสํ เปเสสิ – ‘‘คจฺฉ, ภเณ, วิหาเร นิสินฺนํ อยฺยํ คเหตฺวา เอหี’’ติฯ จูฬปนฺถกเตฺถโรปิ รูเปน กิริยาย จ เอกมฺปิ เอเกน อสทิสํ ภิกฺขุสหสฺสํ นิมฺมินิตฺวา นิสีทิฯ โส ปุริโส วิหาเร ภิกฺขูนํ พหุภาวํ ทิสฺวา คนฺตฺวา ชีวกสฺส กเถสิ – ‘‘อิมสฺมา ภิกฺขุสงฺฆา วิหาเร ภิกฺขุสโงฺฆ พหุตโร, ปโกฺกสิตพฺพํ อยฺยํ น ชานามี’’ติฯ ชีวโก สตฺถารํ ปุจฺฉิ – ‘‘โก นาโม, ภเนฺต, วิหาเร นิสิโนฺน ภิกฺขู’’ติ? ‘‘จูฬปนฺถโก นาม, ชีวกา’’ติฯ ‘‘คจฺฉ, ภเณ, ‘จูฬปนฺถโก นาม กตโร’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตํ อาเนหี’’ติฯ โส วิหารํ คนฺตฺวา ‘‘จูฬปนฺถโก นาม กตโร, ภเนฺต’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘อหํ จูฬปนฺถโก, อหํ จูฬปนฺถโก’’ติ เอกปฺปหาเรน ภิกฺขุสหสฺสมฺปิ กเถสิฯ โส ปุนาคนฺตฺวา ตํ ปวตฺติํ ชีวกสฺส อาโรเจสิ ชีวโก ปฎิวิทฺธสจฺจตฺตา ‘‘อิทฺธิมา มเญฺญ, อโยฺย’’ติ นยโต ญตฺวา ‘‘คจฺฉ, ภเณ, ปฐมํ กเถนฺตํ อยฺยเมว ‘ตุเมฺห สตฺถา ปโกฺกสตี’ติ วตฺวา จีวรกเณฺณ คณฺหาหี’’ติ อาหฯ โส วิหารํ คนฺตฺวา ตถา อกาสิฯ ตาวเทว นิมฺมิตภิกฺขู อนฺตรธายิํสุฯ โส เถรํ คเหตฺวา อคมาสิฯ
Satthā ekūnehi pañcabhikkhusatehi saddhiṃ gantvā jīvakassa nivesane paññatte āsane nisīdi. Cūḷapanthako pana attano bhikkhāya appaṭicchitattā eva na gato. Jīvako yāguṃ dātuṃ ārabhi. Satthā hatthena pattaṃ pidahi. ‘‘Kasmā, bhante, na gaṇhathā’’ti vutte ‘‘vihāre eko bhikkhu atthi, jīvakā’’ti. So purisaṃ pesesi – ‘‘gaccha, bhaṇe, vihāre nisinnaṃ ayyaṃ gahetvā ehī’’ti. Cūḷapanthakattheropi rūpena kiriyāya ca ekampi ekena asadisaṃ bhikkhusahassaṃ nimminitvā nisīdi. So puriso vihāre bhikkhūnaṃ bahubhāvaṃ disvā gantvā jīvakassa kathesi – ‘‘imasmā bhikkhusaṅghā vihāre bhikkhusaṅgho bahutaro, pakkositabbaṃ ayyaṃ na jānāmī’’ti. Jīvako satthāraṃ pucchi – ‘‘ko nāmo, bhante, vihāre nisinno bhikkhū’’ti? ‘‘Cūḷapanthako nāma, jīvakā’’ti. ‘‘Gaccha, bhaṇe, ‘cūḷapanthako nāma kataro’ti pucchitvā taṃ ānehī’’ti. So vihāraṃ gantvā ‘‘cūḷapanthako nāma kataro, bhante’’ti pucchi. ‘‘Ahaṃ cūḷapanthako, ahaṃ cūḷapanthako’’ti ekappahārena bhikkhusahassampi kathesi. So punāgantvā taṃ pavattiṃ jīvakassa ārocesi jīvako paṭividdhasaccattā ‘‘iddhimā maññe, ayyo’’ti nayato ñatvā ‘‘gaccha, bhaṇe, paṭhamaṃ kathentaṃ ayyameva ‘tumhe satthā pakkosatī’ti vatvā cīvarakaṇṇe gaṇhāhī’’ti āha. So vihāraṃ gantvā tathā akāsi. Tāvadeva nimmitabhikkhū antaradhāyiṃsu. So theraṃ gahetvā agamāsi.
สตฺถา ตสฺมิํ ขเณ ยาคุญฺจ ขชฺชกาทิเภทญฺจ ปฎิคฺคณฺหิฯ กตภตฺตกิโจฺจ ภควา อายสฺมนฺตํ จูฬปนฺถกํ อาณาเปสิ ‘‘อนุโมทนํ กโรหี’’ติฯ โส ปภินฺนปฎิสมฺภิโท สิเนรุํ คเหตฺวา มหาสมุทฺทํ มเนฺถโนฺต วิย เตปิฎกํ พุทฺธวจนํ สโงฺขเภโนฺต สตฺถุ อชฺฌาสยํ คณฺหโนฺต อนุโมทนํ อกาสิฯ ทสพเล ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา วิหารํ คเต ธมฺมสภายํ กถา อุทปาทิ ‘อโห พุทฺธานํ อานุภาโว, ยตฺร หิ นาม จตฺตาโร มาเส เอกคาถํ คเหตุํ อสโกฺกนฺตมฺปิ ลหุเกน ขเณเนว เอวํ มหิทฺธิกํ อกํสู’ติ, ตถา หิ ชีวกสฺส นิเวสเน นิสิโนฺน ภควา ‘เอวํ จูฬปนฺถกสฺส จิตฺตํ สมาหิตํ, วีถิปฎิปนฺนา วิปสฺสนา’ติ ญตฺวา ยถานิสิโนฺนเยว อตฺตานํ ทเสฺสตฺวา, ‘ปนฺถก, เนวายํ ปิโลติกา กิลิฎฺฐา รชานุกิณฺณา, อิโต ปน อโญฺญปิ อริยสฺส วินเย สํกิเลโส รโช’ติ ทเสฺสโนฺต –
Satthā tasmiṃ khaṇe yāguñca khajjakādibhedañca paṭiggaṇhi. Katabhattakicco bhagavā āyasmantaṃ cūḷapanthakaṃ āṇāpesi ‘‘anumodanaṃ karohī’’ti. So pabhinnapaṭisambhido sineruṃ gahetvā mahāsamuddaṃ manthento viya tepiṭakaṃ buddhavacanaṃ saṅkhobhento satthu ajjhāsayaṃ gaṇhanto anumodanaṃ akāsi. Dasabale bhattakiccaṃ katvā vihāraṃ gate dhammasabhāyaṃ kathā udapādi ‘aho buddhānaṃ ānubhāvo, yatra hi nāma cattāro māse ekagāthaṃ gahetuṃ asakkontampi lahukena khaṇeneva evaṃ mahiddhikaṃ akaṃsū’ti, tathā hi jīvakassa nivesane nisinno bhagavā ‘evaṃ cūḷapanthakassa cittaṃ samāhitaṃ, vīthipaṭipannā vipassanā’ti ñatvā yathānisinnoyeva attānaṃ dassetvā, ‘panthaka, nevāyaṃ pilotikā kiliṭṭhā rajānukiṇṇā, ito pana aññopi ariyassa vinaye saṃkileso rajo’ti dassento –
‘‘ราโค รโช น จ ปน เรณุ วุจฺจติ, ราคเสฺสตํ อธิวจนํ รโชติ;
‘‘Rāgo rajo na ca pana reṇu vuccati, rāgassetaṃ adhivacanaṃ rajoti;
เอตํ รชํ วิปฺปชหิตฺวา ภิกฺขโว, วิหรนฺติ เต วิคตรชสฺส สาสเนฯ
Etaṃ rajaṃ vippajahitvā bhikkhavo, viharanti te vigatarajassa sāsane.
‘‘โทโส รโช…เป.… วิคตรชสฺส สาสเนฯ
‘‘Doso rajo…pe… vigatarajassa sāsane.
‘‘โมโห รโช…เป.… วิคตรชสฺส สาสเน’’ติฯ (มหานิ. ๒๐๙; จูฬนิ. อุทยมาณวปุจฺฉานิเทฺทส ๗๔) –
‘‘Moho rajo…pe… vigatarajassa sāsane’’ti. (mahāni. 209; cūḷani. udayamāṇavapucchāniddesa 74) –
อิมา ติโสฺส คาถาโย อภาสิฯ คาถาปริโยสาเน จูฬปนฺถโก สหปฎิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณีติฯ สตฺถา เตสํ ภิกฺขูนํ กถาสลฺลาปํ สุตฺวา อาคนฺตฺวา พุทฺธาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘กิํ วเทถ, ภิกฺขเว’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมํ นาม, ภเนฺต’’ติ วุเตฺต ‘‘ภิกฺขเว, จูฬปนฺถเกน อิทานิ มยฺหํ โอวาเท ฐตฺวา โลกุตฺถรทายชฺชํ ลทฺธํ, ปุเพฺพ ปน โลกิยทายชฺชํ ลทฺธ’’นฺติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต จูฬเสฎฺฐิชาตกํ (ชา. ๑.๑.๔) กเถสิฯ อปรภาเค นํ สตฺถา อริยคณปริวุโต ธมฺมาสเน นิสิโนฺน มโนมยํ กายํ อภินิมฺมินนฺตานํ ภิกฺขูนํ เจโตวิวฎฺฎกุสลานญฺจ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปสิฯ
Imā tisso gāthāyo abhāsi. Gāthāpariyosāne cūḷapanthako sahapaṭisambhidāhi arahattaṃ pāpuṇīti. Satthā tesaṃ bhikkhūnaṃ kathāsallāpaṃ sutvā āgantvā buddhāsane nisīditvā ‘‘kiṃ vadetha, bhikkhave’’ti pucchitvā ‘‘imaṃ nāma, bhante’’ti vutte ‘‘bhikkhave, cūḷapanthakena idāni mayhaṃ ovāde ṭhatvā lokuttharadāyajjaṃ laddhaṃ, pubbe pana lokiyadāyajjaṃ laddha’’nti vatvā tehi yācito cūḷaseṭṭhijātakaṃ (jā. 1.1.4) kathesi. Aparabhāge naṃ satthā ariyagaṇaparivuto dhammāsane nisinno manomayaṃ kāyaṃ abhinimminantānaṃ bhikkhūnaṃ cetovivaṭṭakusalānañca aggaṭṭhāne ṭhapesi.
๓๕. เอวํ โส ปตฺตเอตทคฺคฎฺฐาโน อตฺตโน ปุพฺพกมฺมํ สริตฺวา ปีติโสมนสฺสวเสน ปุพฺพจริตาปทานํ ปกาเสโนฺต ปทุมุตฺตโร นาม ชิโนติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปุริมปททฺวยํ วุตฺตตฺถเมวฯ คณมฺหา วูปกโฎฺฐ โสติ โส ปทุมุตฺตโร นาม สตฺถา คณมฺหา มหตา ภิกฺขุสมูหโต วูปกโฎฺฐ วิสุํ ภูโต วิเวกํ อุปคโตฯ ตทา มม ตาปสกาเล หิมวเนฺต หิมาลยปพฺพตสมีเป วสิ วาสํ กเปฺปสิ, จตูหิ อิริยาปเถหิ วิหาสีติ อโตฺถฯ
35. Evaṃ so pattaetadaggaṭṭhāno attano pubbakammaṃ saritvā pītisomanassavasena pubbacaritāpadānaṃ pakāsento padumuttaro nāma jinotiādimāha. Tattha purimapadadvayaṃ vuttatthameva. Gaṇamhā vūpakaṭṭhosoti so padumuttaro nāma satthā gaṇamhā mahatā bhikkhusamūhato vūpakaṭṭho visuṃ bhūto vivekaṃ upagato. Tadā mama tāpasakāle himavante himālayapabbatasamīpe vasi vāsaṃ kappesi, catūhi iriyāpathehi vihāsīti attho.
๓๖. อหมฺปิ…เป.… ตทาติ ยทา โส ภควา หิมวนฺตํ อุปคนฺตฺวา วสิ, ตทา อหมฺปิ หิมวนฺตสมีเป กตอสฺสเม อา สมนฺตโต กายจิตฺตปีฬาสงฺขาตา ปริสฺสยา สมนฺติ เอตฺถาติ อสฺสโมติ ลทฺธนาเม อรญฺญาวาเส วสามีติ สมฺพโนฺธฯ อจิราคตํ มหาวีรนฺติ อจิรํ อาคตํ มหาวีริยวนฺตํ โลกนายกํ ปธานํ ตํ ภควนฺตํ อุเปสินฺติ สมฺพโนฺธ, อาคตกฺขเณเยว อุปาคมินฺติ อโตฺถฯ
36.Ahampi…pe… tadāti yadā so bhagavā himavantaṃ upagantvā vasi, tadā ahampi himavantasamīpe kataassame ā samantato kāyacittapīḷāsaṅkhātā parissayā samanti etthāti assamoti laddhanāme araññāvāse vasāmīti sambandho. Acirāgataṃ mahāvīranti aciraṃ āgataṃ mahāvīriyavantaṃ lokanāyakaṃ padhānaṃ taṃ bhagavantaṃ upesinti sambandho, āgatakkhaṇeyeva upāgaminti attho.
๓๗. ปุปฺผจฺฉตฺตํ คเหตฺวานาติ เอวํ อุปคจฺฉโนฺต จ ปทุมุปฺปลปุปฺผาทีหิ ฉาทิตํ ปุปฺผมยํ ฉตฺตํ คเหตฺวา นราสภํ นรานํ เสฎฺฐํ ภควนฺตํ ฉาเทโนฺต อุปคจฺฉิํ สมีปํ คโตสฺมีติ อโตฺถฯ สมาธิํ สมาปชฺชนฺตนฺติ รูปาวจรสมาธิชฺฌานํ สมาปชฺชนฺตํ อเปฺปตฺวา นิสินฺนสฺส อนฺตรายํ อหํ อกาสินฺติ สมฺพโนฺธฯ
37.Pupphacchattaṃ gahetvānāti evaṃ upagacchanto ca padumuppalapupphādīhi chāditaṃ pupphamayaṃ chattaṃ gahetvā narāsabhaṃ narānaṃ seṭṭhaṃ bhagavantaṃ chādento upagacchiṃ samīpaṃ gatosmīti attho. Samādhiṃ samāpajjantanti rūpāvacarasamādhijjhānaṃ samāpajjantaṃ appetvā nisinnassa antarāyaṃ ahaṃ akāsinti sambandho.
๓๘. อุโภ หเตฺถหิ ปคฺคยฺหาติ ตํ สุสชฺชิตํ ปุปฺผจฺฉตฺตํ ทฺวีหิ หเตฺถหิ อุกฺขิปิตฺวา อหํ ภควโต อทาสินฺติ สมฺพโนฺธฯ ปฎิคฺคเหสีติ ตํ มยา ทินฺนํ ปุปฺผจฺฉตฺตํ ปทุมุตฺตโร ภควา สมฺปฎิจฺฉิ, สาทรํ สาทิยีติ อโตฺถฯ
38.Ubho hatthehi paggayhāti taṃ susajjitaṃ pupphacchattaṃ dvīhi hatthehi ukkhipitvā ahaṃ bhagavato adāsinti sambandho. Paṭiggahesīti taṃ mayā dinnaṃ pupphacchattaṃ padumuttaro bhagavā sampaṭicchi, sādaraṃ sādiyīti attho.
๔๑. สตปตฺตฉตฺตํ ปคฺคยฺหาติ เอเกกสฺมิํ ปทุมปุเปฺผ สตสตปตฺตานํ วเสน สตปเตฺตหิ ปทุมปุเปฺผหิ ฉาทิตํ ปุปฺผจฺฉตฺตํ ปกาเรน อาทเรน คเหตฺวา ตาปโส มม อทาสีติ อโตฺถฯ ตมหํ กิตฺตยิสฺสามีติ ตํ ตาปสํ อหํ กิตฺตยิสฺสามิ ปากฎํ กริสฺสามีติ อโตฺถฯ มม ภาสโต ภาสมานสฺส วจนํ สุโณถ มนสิ กโรถฯ
41.Satapattachattaṃ paggayhāti ekekasmiṃ padumapupphe satasatapattānaṃ vasena satapattehi padumapupphehi chāditaṃ pupphacchattaṃ pakārena ādarena gahetvā tāpaso mama adāsīti attho. Tamahaṃ kittayissāmīti taṃ tāpasaṃ ahaṃ kittayissāmi pākaṭaṃ karissāmīti attho. Mama bhāsato bhāsamānassa vacanaṃ suṇotha manasi karotha.
๔๒. ปญฺจวีสติกปฺปานีติ อิมินา ปุปฺผจฺฉตฺตทาเนน ปญฺจวีสติวาเร ตาวติํสภวเน สโกฺก หุตฺวา เทวรชฺชํ กริสฺสตีติ สมฺพโนฺธฯ จตุตฺติํสติกฺขตฺตุญฺจาติ จตุตฺติํสติวาเร มนุสฺสโลเก จกฺกวตฺตี ราชา ภวิสฺสติฯ
42.Pañcavīsatikappānīti iminā pupphacchattadānena pañcavīsativāre tāvatiṃsabhavane sakko hutvā devarajjaṃ karissatīti sambandho. Catuttiṃsatikkhattuñcāti catuttiṃsativāre manussaloke cakkavattī rājā bhavissati.
๔๓. ยํ ยํ โยนินฺติ มนุสฺสโยนิอาทีสุ ยํ ยํ ชาติํ สํสรติ คจฺฉติ อุปปชฺชติฯ ตตฺถ ตตฺถ โยนิยํ อโพฺภกาเส สุญฺญฎฺฐาเน ปติฎฺฐนฺตํ นิสินฺนํ ฐิตํ วา ปทุมํ ธารยิสฺสติ อุปริ ฉาทยิสฺสตีติ อโตฺถฯ
43.Yaṃyaṃ yoninti manussayoniādīsu yaṃ yaṃ jātiṃ saṃsarati gacchati upapajjati. Tattha tattha yoniyaṃ abbhokāse suññaṭṭhāne patiṭṭhantaṃ nisinnaṃ ṭhitaṃ vā padumaṃ dhārayissati upari chādayissatīti attho.
๔๕. ปกาสิเต ปาวจเนติ เตน ภควโต สกลปิฎกตฺตเย ปกาสิเต ทีปิเต มนุสฺสตฺตํ มนุสฺสชาติํ ลภิสฺสติ อุปปชฺชิสฺสติฯ มโนมยมฺหิ กายมฺหีติ มเนน ฌานจิเตฺตน นิพฺพโตฺตติ มโนมโย, ยถา จิตฺตํ ปวตฺตติ, ตถา กายํ ปวเตฺตติ จิตฺตคติกํ กโรตีติ อโตฺถฯ ตมฺหิ มโนมเย กายมฺหิ โส ตาปโส จูฬปนฺถโก นาม หุตฺวา อุตฺตโม อโคฺค ภวิสฺสตีติ อโตฺถฯ เสสํ เหฎฺฐา วุตฺตตฺตา อุตฺตานตฺตา จ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
45.Pakāsite pāvacaneti tena bhagavato sakalapiṭakattaye pakāsite dīpite manussattaṃ manussajātiṃ labhissati upapajjissati. Manomayamhi kāyamhīti manena jhānacittena nibbattoti manomayo, yathā cittaṃ pavattati, tathā kāyaṃ pavatteti cittagatikaṃ karotīti attho. Tamhi manomaye kāyamhi so tāpaso cūḷapanthako nāma hutvā uttamo aggo bhavissatīti attho. Sesaṃ heṭṭhā vuttattā uttānattā ca suviññeyyameva.
๕๒. สริํ โกกนทํ อหนฺติ อหํ ภควโต นิมฺมิตโจฬกํ ปริมชฺชโนฺต โกกนทํ ปทุมํ สรินฺติ อโตฺถฯ ตตฺถ จิตฺตํ วิมุจฺจิ เมติ ตสฺมิํ โกกนเท ปทุเม มยฺหํ จิตฺตํ อธิมุจฺจิ อลฺลีโน, ตโต อหํ อรหตฺตํ ปาปุณินฺติ สมฺพโนฺธฯ
52.Sariṃ kokanadaṃ ahanti ahaṃ bhagavato nimmitacoḷakaṃ parimajjanto kokanadaṃ padumaṃ sarinti attho. Tattha cittaṃ vimucci meti tasmiṃ kokanade padume mayhaṃ cittaṃ adhimucci allīno, tato ahaṃ arahattaṃ pāpuṇinti sambandho.
๕๓. อหํ มโนมเยสุ จิตฺตคติเกสุ กาเยสุ สพฺพตฺถ สเพฺพสุ ปารมิํ ปริโยสานํ คโต ปโตฺตติ สมฺพโนฺธฯ เสสํ วุตฺตนยเมวาติฯ
53. Ahaṃ manomayesu cittagatikesu kāyesu sabbattha sabbesu pāramiṃ pariyosānaṃ gato pattoti sambandho. Sesaṃ vuttanayamevāti.
จูฬปนฺถกเตฺถรอปทานวณฺณนา สมตฺตาฯ
Cūḷapanthakattheraapadānavaṇṇanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อปทานปาฬิ • Apadānapāḷi / ๔. จูฬปนฺถกเตฺถรอปทานํ • 4. Cūḷapanthakattheraapadānaṃ