Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā

    ๔. จูฬปนฺถกเตฺถรคาถาวณฺณนา

    4. Cūḷapanthakattheragāthāvaṇṇanā

    ทนฺธา มยฺหํ คตีติอาทิกา อายสฺมโต จูฬปนฺถกเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? ยเทตฺถ อฎฺฐุปฺปตฺติวเสน วตฺตพฺพํ, ตํ อฎฺฐกนิปาเต มหาปนฺถกวตฺถุสฺมิํ (เถรคา. อฎฺฐ. ๒.มหาปนฺถกเตฺถรคาถาวณฺณนา) วุตฺตเมวฯ อยํ ปน วิเสโส – มหาปนฺถกเตฺถโร อรหตฺตํ ปตฺวา อคฺคผลสุเขน วีตินาเมโนฺต จิเนฺตสิ – ‘‘กถํ นุ โข สกฺกา จูฬปนฺถกมฺปิ อิมสฺมิํ สุเข ปติฎฺฐเปตุ’’นฺติ? โส อตฺตโน อยฺยกํ ธนเสฎฺฐิํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘สเจ, มหาเสฎฺฐิ, อนุชานาถ , อหํ จูฬปนฺถกํ ปพฺพาเชยฺย’’นฺติฯ ‘‘ปพฺพาเชถ, ภเนฺต’’ติฯ เถโร ตํ ปพฺพาเชสิฯ โส ทสสุ สีเลสุ ปติฎฺฐิโต ภาตุ สนฺติเก –

    Dandhāmayhaṃ gatītiādikā āyasmato cūḷapanthakattherassa gāthā. Kā uppatti? Yadettha aṭṭhuppattivasena vattabbaṃ, taṃ aṭṭhakanipāte mahāpanthakavatthusmiṃ (theragā. aṭṭha. 2.mahāpanthakattheragāthāvaṇṇanā) vuttameva. Ayaṃ pana viseso – mahāpanthakatthero arahattaṃ patvā aggaphalasukhena vītināmento cintesi – ‘‘kathaṃ nu kho sakkā cūḷapanthakampi imasmiṃ sukhe patiṭṭhapetu’’nti? So attano ayyakaṃ dhanaseṭṭhiṃ upasaṅkamitvā āha – ‘‘sace, mahāseṭṭhi, anujānātha , ahaṃ cūḷapanthakaṃ pabbājeyya’’nti. ‘‘Pabbājetha, bhante’’ti. Thero taṃ pabbājesi. So dasasu sīlesu patiṭṭhito bhātu santike –

    ‘‘ปทุมํ ยถา โกกนทํ สุคนฺธํ, ปาโต สิยา ผุลฺลมวีตคนฺธํ;

    ‘‘Padumaṃ yathā kokanadaṃ sugandhaṃ, pāto siyā phullamavītagandhaṃ;

    องฺคีรสํ ปสฺส วิโรจมานํ, ตปนฺตมาทิจฺจมิวนฺตลิเกฺข’’ติฯ (สํ. นิ. ๑.๑๒๓; อ. นิ. ๕.๑๙๕) –

    Aṅgīrasaṃ passa virocamānaṃ, tapantamādiccamivantalikkhe’’ti. (saṃ. ni. 1.123; a. ni. 5.195) –

    คาถํ อุคฺคณฺหโนฺต จตูหิ มาเสหิ คเหตุํ นาสกฺขิ, คหิตคหิตํ ปทํ หทเย น ติฎฺฐติฯ อถ นํ มหาปนฺถโก อาห – ‘‘ปนฺถก, ตฺวํ อิมสฺมิํ สาสเน อภโพฺพ, จตูหิ มาเสหิ เอกคาถมฺปิ คเหตุํ น สโกฺกสิฯ ปพฺพชิตกิจฺจํ ปน ตฺวํ กถํ มตฺถกํ ปาเปสฺสสิ? นิกฺขม อิโต’’ติฯ โส เถเรน ปณามิโต ทฺวารโกฎฺฐกสมีเป โรทมาโน อฎฺฐาสิฯ

    Gāthaṃ uggaṇhanto catūhi māsehi gahetuṃ nāsakkhi, gahitagahitaṃ padaṃ hadaye na tiṭṭhati. Atha naṃ mahāpanthako āha – ‘‘panthaka, tvaṃ imasmiṃ sāsane abhabbo, catūhi māsehi ekagāthampi gahetuṃ na sakkosi. Pabbajitakiccaṃ pana tvaṃ kathaṃ matthakaṃ pāpessasi? Nikkhama ito’’ti. So therena paṇāmito dvārakoṭṭhakasamīpe rodamāno aṭṭhāsi.

    เตน จ สมเยน สตฺถา ชีวกมฺพวเน วิหรติฯ อถ ชีวโก ปุริสํ เปเสสิ, ‘‘ปญฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธิํ สตฺถารํ นิมเนฺตหี’’ติฯ เตน จ สมเยน อายสฺมา มหาปนฺถโก ภตฺตุเทฺทสโก โหติฯ โส ‘‘ปญฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ ภิกฺขํ ปฎิจฺฉถ, ภเนฺต’’ติ วุโตฺต ‘‘จูฬปนฺถกํ ฐเปตฺวา เสสานํ ปฎิจฺฉามี’’ติ อาหฯ ตํ สุตฺวา จูฬปนฺถโก ภิโยฺยโสมตฺตาย โทมนสฺสปฺปโตฺต อโหสิฯ สตฺถา ตสฺส จิตฺตเกฺขทํ ญตฺวา, ‘‘จูฬปนฺถโก มยา กเตน อุปาเยน พุชฺฌิสฺสตี’’ติ ตสฺส อวิทูเร ฐาเน อตฺตานํ ทเสฺสตฺวา ‘‘กิํ, ปนฺถก, โรทสี’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘ภาตา มํ, ภเนฺต, ปณาเมตี’’ติ อาหฯ ‘‘ปนฺถก, มา จินฺตยิ, มม สาสเน ตุยฺหํ ปพฺพชฺชา, เอหิ, อิมํ คเหตฺวา ‘รโชหรณํ, รโชหรณ’นฺติ มนสิ กโรหี’’ติ อิทฺธิยา สุทฺธํ โจฬกฺขณฺฑํ อภิสงฺขริตฺวา อทาสิฯ โส สตฺถารา ทินฺนํ โจฬกฺขณฺฑํ ‘‘รโชหรณํ, รโชหรณ’’นฺติ หเตฺถน ปริมชฺชโนฺต นิสีทิฯ ตสฺส ตํ ปริมชฺชนฺตสฺส กิลิฎฺฐธาตุกํ ชาตํ, ปุน ปริมชฺชนฺตสฺส อุกฺขลิปริปุญฺฉนสทิสํ ชาตํฯ โส ญาณสฺส ปริปกฺกตฺตา เอวํ จิเนฺตสิ – ‘‘อิทํ โจฬกฺขณฺฑํ ปกติยา ปริสุทฺธํ, อิมํ อุปาทิณฺณกสรีรํ นิสฺสาย กิลิฎฺฐํ อญฺญถา ชาตํ, ตสฺมา อนิจฺจํ ยถาเปตํ, เอวํ จิตฺตมฺปี’’ติ ขยวยํ ปฎฺฐเปตฺวา ตสฺมิํเยว นิมิเตฺต ฌานานิ นิพฺพเตฺตตฺวา ฌานปาทกํ วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา สห ปฎิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๒.๓๕-๕๔) –

    Tena ca samayena satthā jīvakambavane viharati. Atha jīvako purisaṃ pesesi, ‘‘pañcahi bhikkhusatehi saddhiṃ satthāraṃ nimantehī’’ti. Tena ca samayena āyasmā mahāpanthako bhattuddesako hoti. So ‘‘pañcannaṃ bhikkhusatānaṃ bhikkhaṃ paṭicchatha, bhante’’ti vutto ‘‘cūḷapanthakaṃ ṭhapetvā sesānaṃ paṭicchāmī’’ti āha. Taṃ sutvā cūḷapanthako bhiyyosomattāya domanassappatto ahosi. Satthā tassa cittakkhedaṃ ñatvā, ‘‘cūḷapanthako mayā katena upāyena bujjhissatī’’ti tassa avidūre ṭhāne attānaṃ dassetvā ‘‘kiṃ, panthaka, rodasī’’ti pucchi. ‘‘Bhātā maṃ, bhante, paṇāmetī’’ti āha. ‘‘Panthaka, mā cintayi, mama sāsane tuyhaṃ pabbajjā, ehi, imaṃ gahetvā ‘rajoharaṇaṃ, rajoharaṇa’nti manasi karohī’’ti iddhiyā suddhaṃ coḷakkhaṇḍaṃ abhisaṅkharitvā adāsi. So satthārā dinnaṃ coḷakkhaṇḍaṃ ‘‘rajoharaṇaṃ, rajoharaṇa’’nti hatthena parimajjanto nisīdi. Tassa taṃ parimajjantassa kiliṭṭhadhātukaṃ jātaṃ, puna parimajjantassa ukkhaliparipuñchanasadisaṃ jātaṃ. So ñāṇassa paripakkattā evaṃ cintesi – ‘‘idaṃ coḷakkhaṇḍaṃ pakatiyā parisuddhaṃ, imaṃ upādiṇṇakasarīraṃ nissāya kiliṭṭhaṃ aññathā jātaṃ, tasmā aniccaṃ yathāpetaṃ, evaṃ cittampī’’ti khayavayaṃ paṭṭhapetvā tasmiṃyeva nimitte jhānāni nibbattetvā jhānapādakaṃ vipassanaṃ paṭṭhapetvā saha paṭisambhidāhi arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 1.2.35-54) –

    ‘‘ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, อาหุตีนํ ปฎิคฺคโห;

    ‘‘Padumuttaro nāma jino, āhutīnaṃ paṭiggaho;

    คณมฺหา วูปกโฎฺฐ โส, หิมวเนฺต วสี ตทาฯ

    Gaṇamhā vūpakaṭṭho so, himavante vasī tadā.

    ‘‘อหมฺปิ หิมวนฺตมฺหิ, วสามิ อสฺสเม ตทา;

    ‘‘Ahampi himavantamhi, vasāmi assame tadā;

    อจิราคตํ มหาวีรํ, อุเปสิํ โลกนายกํฯ

    Acirāgataṃ mahāvīraṃ, upesiṃ lokanāyakaṃ.

    ‘‘ปุปฺผจฺฉตฺตํ คเหตฺวาน, อุปคจฺฉิํ นราสภํ;

    ‘‘Pupphacchattaṃ gahetvāna, upagacchiṃ narāsabhaṃ;

    สมาธิํ สมาปชฺชนฺตํ, อนฺตรายมกาสหํฯ

    Samādhiṃ samāpajjantaṃ, antarāyamakāsahaṃ.

    ‘‘อุโภ หเตฺถหิ ปคฺคยฺห, ปุปฺผจฺฉตฺตํ อทาสหํ;

    ‘‘Ubho hatthehi paggayha, pupphacchattaṃ adāsahaṃ;

    ปฎิคฺคเหสิ ภควา, ปทุมุตฺตโร มหามุนิฯ

    Paṭiggahesi bhagavā, padumuttaro mahāmuni.

    ‘‘สเพฺพ เทวา อตฺตมนา, หิมวนฺตํ อุเปนฺติ เต;

    ‘‘Sabbe devā attamanā, himavantaṃ upenti te;

    สาธุการํ ปวเตฺตสุํ, อนุโมทิสฺสติ จกฺขุมาฯ

    Sādhukāraṃ pavattesuṃ, anumodissati cakkhumā.

    ‘‘อิทํ วตฺวาน เต เทวา, อุปคจฺฉุํ นรุตฺตมํ;

    ‘‘Idaṃ vatvāna te devā, upagacchuṃ naruttamaṃ;

    อากาเส ธารยนฺตสฺส, ปทุมจฺฉตฺตมุตฺตมํฯ

    Ākāse dhārayantassa, padumacchattamuttamaṃ.

    ‘‘สตปตฺตฉตฺตํ ปคฺคยฺห, อทาสิ ตาปโส มม;

    ‘‘Satapattachattaṃ paggayha, adāsi tāpaso mama;

    ตมหํ กิตฺตยิสฺสามิ, สุณาถ มม ภาสโตฯ

    Tamahaṃ kittayissāmi, suṇātha mama bhāsato.

    ‘‘ปญฺจวีสติกปฺปานิ, เทวรชฺชํ กริสฺสติ;

    ‘‘Pañcavīsatikappāni, devarajjaṃ karissati;

    จตุตฺติํสติกฺขตฺตุญฺจ, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติฯ

    Catuttiṃsatikkhattuñca, cakkavattī bhavissati.

    ‘‘ยํ ยํ โยนิํ สํสรติ, เทวตฺตํ อถ มานุสํ;

    ‘‘Yaṃ yaṃ yoniṃ saṃsarati, devattaṃ atha mānusaṃ;

    อโพฺภกาเส ปติฎฺฐนฺตํ, ปทุมํ ธารยิสฺสติฯ

    Abbhokāse patiṭṭhantaṃ, padumaṃ dhārayissati.

    ‘‘กปฺปสตสหสฺสมฺหิ , โอกฺกากกุลสมฺภโว;

    ‘‘Kappasatasahassamhi , okkākakulasambhavo;

    โคตโม นาม โคเตฺตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติฯ

    Gotamo nāma gottena, satthā loke bhavissati.

    ‘‘ปกาสิเต ปาวจเน, มนุสฺสตฺตํ ลภิสฺสติ;

    ‘‘Pakāsite pāvacane, manussattaṃ labhissati;

    มโนมยมฺหิ กายมฺหิ, อุตฺตโม โส ภวิสฺสติฯ

    Manomayamhi kāyamhi, uttamo so bhavissati.

    ‘‘เทฺว ภาตโร ภวิสฺสนฺติ, อุโภปิ ปนฺถกวฺหยา;

    ‘‘Dve bhātaro bhavissanti, ubhopi panthakavhayā;

    อนุโภตฺวา อุตฺตมตฺถํ, โชตยิสฺสนฺติ สาสนํฯ

    Anubhotvā uttamatthaṃ, jotayissanti sāsanaṃ.

    ‘‘โสหํ อฎฺฐารสวโสฺส, ปพฺพชิํ อนคาริยํ;

    ‘‘Sohaṃ aṭṭhārasavasso, pabbajiṃ anagāriyaṃ;

    วิเสสาหํ น วินฺทามิ, สกฺยปุตฺตสฺส สาสเนฯ

    Visesāhaṃ na vindāmi, sakyaputtassa sāsane.

    ‘‘ทนฺธา มยฺหํ คตี อาสิ, ปริภูโต ปุเร อหุํ;

    ‘‘Dandhā mayhaṃ gatī āsi, paribhūto pure ahuṃ;

    ภาตา จ มํ ปณาเมสิ, คจฺฉ ทานิ สกํ ฆรํฯ

    Bhātā ca maṃ paṇāmesi, gaccha dāni sakaṃ gharaṃ.

    ‘‘โสหํ ปณามิโต สโนฺต, สงฺฆารามสฺส โกฎฺฐเก;

    ‘‘Sohaṃ paṇāmito santo, saṅghārāmassa koṭṭhake;

    ทุมฺมโน ตตฺถ อฎฺฐาสิํ, สามญฺญสฺมิํ อเปกฺขวาฯ

    Dummano tattha aṭṭhāsiṃ, sāmaññasmiṃ apekkhavā.

    ‘‘ภควา ตตฺถ อาคจฺฉิ, สีสํ มยฺหํ ปรามสิ;

    ‘‘Bhagavā tattha āgacchi, sīsaṃ mayhaṃ parāmasi;

    พาหาย มํ คเหตฺวาน, สงฺฆารามํ ปเวสยิฯ

    Bāhāya maṃ gahetvāna, saṅghārāmaṃ pavesayi.

    ‘‘อนุกมฺปาย เม สตฺถา, อทาสิ ปาทปุญฺฉนิํ;

    ‘‘Anukampāya me satthā, adāsi pādapuñchaniṃ;

    เอวํ สุทฺธํ อธิเฎฺฐหิ, เอกมนฺตมธิฎฺฐหํฯ

    Evaṃ suddhaṃ adhiṭṭhehi, ekamantamadhiṭṭhahaṃ.

    ‘‘หเตฺถหิ ตมหํ คยฺห, สริํ โกกนทํ อหํ;

    ‘‘Hatthehi tamahaṃ gayha, sariṃ kokanadaṃ ahaṃ;

    ตตฺถ จิตฺตํ วิมุจฺจิ เม, อรหตฺตํ อปาปุณิํฯ

    Tattha cittaṃ vimucci me, arahattaṃ apāpuṇiṃ.

    ‘‘มโนมเยสุ กาเยสุ, สพฺพตฺถ ปารมิํ คโต;

    ‘‘Manomayesu kāyesu, sabbattha pāramiṃ gato;

    สพฺพาสเว ปริญฺญาย, วิหรามิ อนาสโวฯ

    Sabbāsave pariññāya, viharāmi anāsavo.

    ‘‘ปฎิสมฺภิทา จตโสฺส…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ

    ‘‘Paṭisambhidā catasso…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.

    อรหตฺตมเคฺคเนวสฺส เตปิฎกํ ปญฺจาภิญฺญา จ อาคมิํสุฯ สตฺถา เอเกน อูเนหิ ปญฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธิํ คนฺตฺวา ชีวกสฺส นิเวสเน ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิฯ จูฬปนฺถโก ปน อตฺตโน ภิกฺขาย อปฺปฎิจฺฉิตตฺตา เอว น คโตฯ ชีวโก ยาคุํ ทาตุํ อารภิ, สตฺถา ปตฺตํ หเตฺถน ปิทหิฯ ‘‘กสฺมา, ภเนฺต, น คณฺหถา’’ติ วุเตฺต – ‘‘วิหาเร เอโก ภิกฺขุ อตฺถิ, ชีวกา’’ติฯ โส ปุริสํ ปหิณิ, ‘‘คจฺฉ, ภเณ, วิหาเร นิสินฺนํ อยฺยํ คเหตฺวา เอหี’’ติฯ จูฬปนฺถกเตฺถโรปิ รูเปน กิริยาย จ เอกมฺปิ เอเกน อสทิสํ ภิกฺขุสหสฺสํ นิมฺมินิตฺวา นิสีทิฯ โส ปุริโส วิหาเร ภิกฺขูนํ พหุภาวํ ทิสฺวา คนฺตฺวา ชีวกสฺส กเถสิ – ‘‘อิมสฺมา ภิกฺขุสงฺฆา วิหาเร ภิกฺขุสโงฺฆ พหุตโร, ปโกฺกสิตพฺพํ อยฺยํ น ชานามี’’ติฯ ชีวโก สตฺถารํ ปฎิปุจฺฉิ – ‘‘โกนาโม, ภเนฺต, วิหาเร นิสิโนฺน ภิกฺขู’’ติ? ‘‘จูฬปนฺถโก นาม, ชีวกา’’ติฯ ‘‘คจฺฉ , ภเณ, ‘จูฬปนฺถโก นาม กตโร’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตํ อาเนหี’’ติฯ โส วิหารํ คนฺตฺวา ‘‘จูฬปนฺถโก นาม กตโร, ภเนฺต’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘อหํ จูฬปนฺถโก’’,‘‘อหํ จูฬปนฺถโก’’ติ เอกปหาเรเนว ภิกฺขุสหสฺสมฺปิ กเถสิฯ โส ปุนาคนฺตฺวา ตํ ปวตฺติํ ชีวกสฺส อาโรเจสิฯ ชีวโก ปฎิวิทฺธสจฺจตฺตา ‘‘อิทฺธิมา มเญฺญ, อโยฺย’’ติ นยโต ญตฺวา ‘‘คจฺฉ, ภเณ, ปฐมํ กถนกมยฺยเมว ‘ตุเมฺห สตฺถา ปโกฺกสตี’ติ วตฺวา จีวรกเณฺณ คณฺหา’’ติ อาหฯ โส วิหารํ คนฺตฺวา ตถา อกาสิ, ตาวเทว นิมฺมิตภิกฺขู อนฺตรธายิํสุฯ โส เถรํ คเหตฺวา อคมาสิฯ

    Arahattamaggenevassa tepiṭakaṃ pañcābhiññā ca āgamiṃsu. Satthā ekena ūnehi pañcahi bhikkhusatehi saddhiṃ gantvā jīvakassa nivesane paññatte āsane nisīdi. Cūḷapanthako pana attano bhikkhāya appaṭicchitattā eva na gato. Jīvako yāguṃ dātuṃ ārabhi, satthā pattaṃ hatthena pidahi. ‘‘Kasmā, bhante, na gaṇhathā’’ti vutte – ‘‘vihāre eko bhikkhu atthi, jīvakā’’ti. So purisaṃ pahiṇi, ‘‘gaccha, bhaṇe, vihāre nisinnaṃ ayyaṃ gahetvā ehī’’ti. Cūḷapanthakattheropi rūpena kiriyāya ca ekampi ekena asadisaṃ bhikkhusahassaṃ nimminitvā nisīdi. So puriso vihāre bhikkhūnaṃ bahubhāvaṃ disvā gantvā jīvakassa kathesi – ‘‘imasmā bhikkhusaṅghā vihāre bhikkhusaṅgho bahutaro, pakkositabbaṃ ayyaṃ na jānāmī’’ti. Jīvako satthāraṃ paṭipucchi – ‘‘konāmo, bhante, vihāre nisinno bhikkhū’’ti? ‘‘Cūḷapanthako nāma, jīvakā’’ti. ‘‘Gaccha , bhaṇe, ‘cūḷapanthako nāma kataro’ti pucchitvā taṃ ānehī’’ti. So vihāraṃ gantvā ‘‘cūḷapanthako nāma kataro, bhante’’ti pucchi. ‘‘Ahaṃ cūḷapanthako’’,‘‘ahaṃ cūḷapanthako’’ti ekapahāreneva bhikkhusahassampi kathesi. So punāgantvā taṃ pavattiṃ jīvakassa ārocesi. Jīvako paṭividdhasaccattā ‘‘iddhimā maññe, ayyo’’ti nayato ñatvā ‘‘gaccha, bhaṇe, paṭhamaṃ kathanakamayyameva ‘tumhe satthā pakkosatī’ti vatvā cīvarakaṇṇe gaṇhā’’ti āha. So vihāraṃ gantvā tathā akāsi, tāvadeva nimmitabhikkhū antaradhāyiṃsu. So theraṃ gahetvā agamāsi.

    สตฺถา ตสฺมิํ ขเณ ยาคุญฺจ ขชฺชกาทิเภทญฺจ ปฎิคฺคณฺหิฯ ทสพเล ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา วิหารํ คเต ธมฺมสภายํ กถา อุทปาทิ – ‘‘อโห พุทฺธานํ อานุภาโว, ยตฺร หิ นาม จตฺตาโร มาเส เอกคาถํ คเหตุํ อสโกฺกนฺตมฺปิ ลหุเกน ขเณเนว เอวํ มหิทฺธิกํ อกํสู’’ติฯ สตฺถา เตสํ ภิกฺขูนํ กถาสลฺลาปํ สุตฺวา อาคนฺตฺวา พุทฺธาสเน นิสชฺช, ‘‘กิํ วเทถ, ภิกฺขเว’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อิมํ นาม, ภเนฺต’’ติ วุเตฺต, ‘‘ภิกฺขเว, จูฬปนฺถเกน อิทานิ มยฺหํ โอวาเท ฐตฺวา โลกุตฺตรทายชฺชํ ลทฺธํ, ปุเพฺพ ปน โลกิยทายชฺช’’นฺติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต จูฬเสฎฺฐิชาตกํ (ชา. ๑.๑.๔) กเถสิฯ อปรภาเค ตํ สตฺถา อริยคณปริวุโต ธมฺมาสเน นิสิโนฺน มโนมยํ กายํ อภินิมฺมินนฺตานํ ภิกฺขูนํ เจโตวิวฎฺฎกุสลานญฺจ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปสิฯ โส อปเรน สมเยน ภิกฺขูหิ ‘‘ตถา ทนฺธธาตุเกน กถํ ตยา สจฺจานิ ปฎิวิทฺธานี’’ติ ปุโฎฺฐ ภาตุ ปณามนโต ปฎฺฐาย อตฺตโน ปฎิปตฺติํ ปกาเสโนฺต –

    Satthā tasmiṃ khaṇe yāguñca khajjakādibhedañca paṭiggaṇhi. Dasabale bhattakiccaṃ katvā vihāraṃ gate dhammasabhāyaṃ kathā udapādi – ‘‘aho buddhānaṃ ānubhāvo, yatra hi nāma cattāro māse ekagāthaṃ gahetuṃ asakkontampi lahukena khaṇeneva evaṃ mahiddhikaṃ akaṃsū’’ti. Satthā tesaṃ bhikkhūnaṃ kathāsallāpaṃ sutvā āgantvā buddhāsane nisajja, ‘‘kiṃ vadetha, bhikkhave’’ti pucchitvā, ‘‘imaṃ nāma, bhante’’ti vutte, ‘‘bhikkhave, cūḷapanthakena idāni mayhaṃ ovāde ṭhatvā lokuttaradāyajjaṃ laddhaṃ, pubbe pana lokiyadāyajja’’nti vatvā tehi yācito cūḷaseṭṭhijātakaṃ (jā. 1.1.4) kathesi. Aparabhāge taṃ satthā ariyagaṇaparivuto dhammāsane nisinno manomayaṃ kāyaṃ abhinimminantānaṃ bhikkhūnaṃ cetovivaṭṭakusalānañca aggaṭṭhāne ṭhapesi. So aparena samayena bhikkhūhi ‘‘tathā dandhadhātukena kathaṃ tayā saccāni paṭividdhānī’’ti puṭṭho bhātu paṇāmanato paṭṭhāya attano paṭipattiṃ pakāsento –

    ๕๕๗.

    557.

    ‘‘ทนฺธา มยฺหํ คตี อาสิ, ปริภูโต ปุเร อหํ;

    ‘‘Dandhā mayhaṃ gatī āsi, paribhūto pure ahaṃ;

    ภาตา จ มํ ปณาเมสิ, คจฺฉ ทานิ ตุวํ ฆรํฯ

    Bhātā ca maṃ paṇāmesi, gaccha dāni tuvaṃ gharaṃ.

    ๕๕๘.

    558.

    ‘‘โสหํ ปณามิโต สโนฺต, สงฺฆารามสฺส โกฎฺฐเก;

    ‘‘Sohaṃ paṇāmito santo, saṅghārāmassa koṭṭhake;

    ทุมฺมโน ตตฺถ อฎฺฐาสิํ, สาสนสฺมิํ อเปกฺขวาฯ

    Dummano tattha aṭṭhāsiṃ, sāsanasmiṃ apekkhavā.

    ๕๕๙.

    559.

    ‘‘ภควา ตตฺถ อาคจฺฉิ, สีสํ มยฺหํ ปรามสิ;

    ‘‘Bhagavā tattha āgacchi, sīsaṃ mayhaṃ parāmasi;

    พาหาย มํ คเหตฺวาน, สงฺฆารามํ ปเวสยิฯ

    Bāhāya maṃ gahetvāna, saṅghārāmaṃ pavesayi.

    ๕๖๐.

    560.

    ‘‘อนุกมฺปาย เม สตฺถา, ปาทาสิ ปาทปุญฺฉนิํ;

    ‘‘Anukampāya me satthā, pādāsi pādapuñchaniṃ;

    เอตํ สุทฺธํ อธิเฎฺฐหิ, เอกมนฺตํ สฺวธิฎฺฐิตํฯ

    Etaṃ suddhaṃ adhiṭṭhehi, ekamantaṃ svadhiṭṭhitaṃ.

    ๕๖๑.

    561.

    ‘‘ตสฺสาหํ วจนํ สุตฺวา, วิหาสิํ สาสเน รโต;

    ‘‘Tassāhaṃ vacanaṃ sutvā, vihāsiṃ sāsane rato;

    สมาธิํ ปฎิปาเทสิํ, อุตฺตมตฺถสฺส ปตฺติยาฯ

    Samādhiṃ paṭipādesiṃ, uttamatthassa pattiyā.

    ๕๖๒.

    562.

    ‘‘ปุเพฺพนิวาสํ ชานามิ, ทิพฺพจกฺขุ วิโสธิตํ;

    ‘‘Pubbenivāsaṃ jānāmi, dibbacakkhu visodhitaṃ;

    ติโสฺส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสนํฯ

    Tisso vijjā anuppattā, kataṃ buddhassa sāsanaṃ.

    ๕๖๓.

    563.

    ‘‘สหสฺสกฺขตฺตุมตฺตานํ, นิมฺมินิตฺวาน ปนฺถโก;

    ‘‘Sahassakkhattumattānaṃ, nimminitvāna panthako;

    นิสีทมฺพวเน รเมฺม, ยาว กาลปฺปเวทนาฯ

    Nisīdambavane ramme, yāva kālappavedanā.

    ๕๖๔.

    564.

    ‘‘ตโต เม สตฺถา ปาเหสิ, ทูตํ กาลปฺปเวทกํ;

    ‘‘Tato me satthā pāhesi, dūtaṃ kālappavedakaṃ;

    ปเวทิตมฺหิ กาลมฺหิ, เวหาสาทุปสงฺกมิํฯ

    Paveditamhi kālamhi, vehāsādupasaṅkamiṃ.

    ๕๖๕.

    565.

    ‘‘วนฺทิตฺวา สตฺถุโน ปาเท, เอกมนฺตํ นิสีทหํ;

    ‘‘Vanditvā satthuno pāde, ekamantaṃ nisīdahaṃ;

    นิสินฺนํ มํ วิทิตฺวาน, อตฺถ สตฺถา ปฎิคฺคหิฯ

    Nisinnaṃ maṃ viditvāna, attha satthā paṭiggahi.

    ๕๖๖.

    566.

    ‘‘อายาโค สพฺพโลกสฺส, อาหุตีนํ ปฎิคฺคโห;

    ‘‘Āyāgo sabbalokassa, āhutīnaṃ paṭiggaho;

    ปุญฺญเกฺขตฺตํ มนุสฺสานํ, ปฎิคฺคณฺหิตฺถ ทกฺขิณ’’นฺติฯ –

    Puññakkhettaṃ manussānaṃ, paṭiggaṇhittha dakkhiṇa’’nti. –

    อิมา คาถา อภาสิฯ

    Imā gāthā abhāsi.

    ตตฺถ ทนฺธาติ, มนฺทา, จตุปฺปทิกํ คาถํ จตูหิ มาเสหิ คเหตุํ อสมตฺถภาเวน ทุพฺพลาฯ คตีติ ญาณคติฯ อาสีติ, อโหสิฯ ปริภูโตติ, ตโต เอว ‘‘มุฎฺฐสฺสติ อสมฺปชาโน’’ติ หีฬิโตฯ ปุเรติ, ปุเพฺพ ปุถุชฺชนกาเลฯ ภาตา จาติ สมุจฺจยโตฺถ จ-สโทฺท, น เกวลํ ปริภูโตว, อถ โข ภาตาปิ มํ ปณาเมสิ, ‘‘ปนฺถก, ตฺวํ ทุปฺปโญฺญ อเหตุโก มเญฺญ, ตสฺมา ปพฺพชิตกิจฺจํ มตฺถกํ ปาเปตุํ อสมโตฺถ , น อิมสฺส สาสนสฺส อนุจฺฉวิโก, คจฺฉ ทานิ ตุยฺหํ อยฺยกฆร’’นฺติ นิกฺกเฑฺฒสิฯ ภาตาติ, ภาตราฯ

    Tattha dandhāti, mandā, catuppadikaṃ gāthaṃ catūhi māsehi gahetuṃ asamatthabhāvena dubbalā. Gatīti ñāṇagati. Āsīti, ahosi. Paribhūtoti, tato eva ‘‘muṭṭhassati asampajāno’’ti hīḷito. Pureti, pubbe puthujjanakāle. Bhātā cāti samuccayattho ca-saddo, na kevalaṃ paribhūtova, atha kho bhātāpi maṃ paṇāmesi, ‘‘panthaka, tvaṃ duppañño ahetuko maññe, tasmā pabbajitakiccaṃ matthakaṃ pāpetuṃ asamattho , na imassa sāsanassa anucchaviko, gaccha dāni tuyhaṃ ayyakaghara’’nti nikkaḍḍhesi. Bhātāti, bhātarā.

    โกฎฺฐเกติ, ทฺวารโกฎฺฐกสมีเปฯ ทุมฺมโนติ, โทมนสฺสิโตฯ สาสนสฺมิํ อเปกฺขวาติ, สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาสเน สาเปโกฺข อวิพฺภมิตุกาโมฯ

    Koṭṭhaketi, dvārakoṭṭhakasamīpe. Dummanoti, domanassito. Sāsanasmiṃ apekkhavāti, sammāsambuddhassa sāsane sāpekkho avibbhamitukāmo.

    ภควา ตตฺถ อาคจฺฉีติ, มหากรุณาสโญฺจทิตมานโส มํ อนุคฺคณฺหโนฺต ภควา ยตฺถาหํ ฐิโต, ตตฺถ อาคจฺฉิฯ อาคนฺตฺวา จ, ‘‘ปนฺถก, อหํ เต สตฺถา, น มหาปนฺถโก, มํ อุทฺทิสฺส ตว ปพฺพชฺชา’’ติ สมสฺสาเสโนฺต สีสํ มยฺหํ ปรามสิ ชาลาพนฺธนมุทุตลุนปีณวรายตงฺคุลิสมุปโสภิเตน วิกสิตปทุมสสฺสิรีเกน จกฺกงฺกิเตน หตฺถตเลน ‘‘อิทานิเยว มม ปุโตฺต ภวิสฺสตี’’ติ ทีเปโนฺต มยฺหํ สีสํ ปรามสิฯ พาหาย มํ คเหตฺวานาติ, ‘‘กสฺมา ตฺวํ, อิธ ติฎฺฐสี’’ติ จนฺทนคนฺธคนฺธินา อตฺตโน หเตฺถน มํ ภุเช คเหตฺวา อโนฺตสงฺฆารามํ ปเวเสสิฯ ปาทาสิ ปาทปุญฺฉนินฺติ ปาทปุญฺฉนิํ กตฺวา ปาทาสิ ‘‘รโชหรณนฺติ มนสิ กโรหี’’ติ อทาสีติ อโตฺถฯ ‘‘อทาสี’’ติ ‘‘ปาทปุญฺฉนิ’’นฺติ จ ปฐนฺติฯ เกจิ ปน ‘‘ปาทปุญฺฉนิ’’นฺติ ปาทปุญฺฉนโจฬกฺขณฺฑํ ปาทาสี’’ติ วทนฺติฯ ตทยุตฺตํ อิทฺธิยา อภิสงฺขริตฺวา โจฬกฺขณฺฑสฺส ทินฺนตฺตาฯ เอตํ สุทฺธํ อธิเฎฺฐหิ, เอกมนฺตํ สฺวธิฎฺฐิตนฺติ, เอตํ สุทฺธํ โจฬกฺขณฺฑํ ‘‘รโชหรณํ, รโชหรณ’’นฺติ มนสิกาเรน สฺวธิฎฺฐิตํ กตฺวา เอกมนฺตํ เอกมเนฺต วิวิเตฺต คนฺธกุฎิปมุเข นิสิโนฺน อธิเฎฺฐหิ ตถา จิตฺตํ สมาหิตํ กตฺวา ปวเตฺตหิฯ

    Bhagavā tattha āgacchīti, mahākaruṇāsañcoditamānaso maṃ anuggaṇhanto bhagavā yatthāhaṃ ṭhito, tattha āgacchi. Āgantvā ca, ‘‘panthaka, ahaṃ te satthā, na mahāpanthako, maṃ uddissa tava pabbajjā’’ti samassāsento sīsaṃ mayhaṃ parāmasi jālābandhanamudutalunapīṇavarāyataṅgulisamupasobhitena vikasitapadumasassirīkena cakkaṅkitena hatthatalena ‘‘idāniyeva mama putto bhavissatī’’ti dīpento mayhaṃ sīsaṃ parāmasi. Bāhāya maṃ gahetvānāti, ‘‘kasmā tvaṃ, idha tiṭṭhasī’’ti candanagandhagandhinā attano hatthena maṃ bhuje gahetvā antosaṅghārāmaṃ pavesesi. Pādāsipādapuñchaninti pādapuñchaniṃ katvā pādāsi ‘‘rajoharaṇanti manasi karohī’’ti adāsīti attho. ‘‘Adāsī’’ti ‘‘pādapuñchani’’nti ca paṭhanti. Keci pana ‘‘pādapuñchani’’nti pādapuñchanacoḷakkhaṇḍaṃ pādāsī’’ti vadanti. Tadayuttaṃ iddhiyā abhisaṅkharitvā coḷakkhaṇḍassa dinnattā. Etaṃ suddhaṃ adhiṭṭhehi, ekamantaṃ svadhiṭṭhitanti, etaṃ suddhaṃ coḷakkhaṇḍaṃ ‘‘rajoharaṇaṃ, rajoharaṇa’’nti manasikārena svadhiṭṭhitaṃ katvā ekamantaṃ ekamante vivitte gandhakuṭipamukhe nisinno adhiṭṭhehi tathā cittaṃ samāhitaṃ katvā pavattehi.

    ตสฺสาหํ วจนํ สุตฺวาติ, ตสฺส ภควโต วจนํ โอวาทํ อหํ สุตฺวา ตสฺมิํ สาสเน โอวาเท รโต อภิรโต หุตฺวา วิหาสิํ ยถานุสิฎฺฐํ ปฎิปชฺชิํฯ ปฎิปชฺชโนฺต จ สมาธิํ ปฎิปาเทสิํ, อุตฺตมตฺถสฺส ปตฺติยาติ, อุตฺตมโตฺถ นาม อรหตฺตํ, ตสฺส อธิคมาย กสิณปริกมฺมวเสน รูปชฺฌานานิ นิพฺพเตฺตตฺวา ฌานปาทกํ วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา มคฺคปฎิปาฎิยา อคฺคมคฺคสมาธิํ สมฺปาเทสินฺติ อโตฺถฯ เอตฺถ หิ สมาธีติ อุปจารสมาธิโต ปฎฺฐาย ยาว จตุตฺถมคฺคสมาธิ, ตาว สมาธิสามเญฺญน คหิโต, อคฺคผลสมาธิ ปน อุตฺตมตฺถคฺคหเณน, สาติสยํ เจวายํ สมาธิกุสโล, ตสฺมา ‘‘สมาธิํ ปฎิปาเทสิ’’นฺติ อาหฯ สมาธิกุสลตาย หิ อยมายสฺมา เจโตวิวฎฺฎกุสโล นาม ชาโต, มหาปนฺถกเตฺถโร ปน วิปสฺสนากุสลตาย สญฺญาวิวฎฺฎกุสโล นามฯ เอโก เจตฺถ สมาธิลกฺขเณ เฉโก, เอโก วิปสฺสนาลกฺขเณ, เอโก สมาธิคาโฬฺห, เอโก วิปสฺสนาคาโฬฺห เอโก องฺคสํขิเตฺต เฉโก, เอโก อารมฺมณสํขิเตฺต, เอโก องฺคววตฺถาเน, เอโก อารมฺมณววตฺถาเนติ วเณฺณนฺติฯ อปิจ จูฬปนฺถกเตฺถโร สาติสยํ จตุนฺนํ รูปาวจรชฺฌานานํ ลาภิตาย เจโตวิวฎฺฎกุสโล วุโตฺต, มหาปนฺถกเตฺถโร สาติสยํ จตุนฺนํ อรูปาวจรชฺฌานานํ ลาภิตาย สญฺญาวิวฎฺฎกุสโลฯ ปฐโม วา รูปาวจรชฺฌานลาภี หุตฺวา ฌานเงฺคหิ วุฎฺฐาย อรหตฺตํ ปโตฺตติ เจโตวิวฎฺฎกุสโล, อิตโร อรูปาวจรชฺฌานลาภี หุตฺวา ฌานเงฺคหิ วุฎฺฐาย อรหตฺตํ ปโตฺตติ สญฺญาวิวฎฺฎกุสโลฯ มโนมยํ ปน กายํ นิพฺพเตฺตโนฺต อเญฺญ ตโย วา จตฺตาโร วา นิพฺพตฺตนฺติ, น พหุเก, เอกสทิเสเยว จ กตฺวา นิพฺพเตฺตนฺติ, เอกวิธเมว กมฺมํ กุรุมาเนฯ อยํ ปน เถโร เอกาวชฺชเนน สมณสหสฺสํ มาเปสิ, เทฺวปิ น กาเยน เอกสทิเส อกาสิ, น เอกวิธํ กมฺมํ กุรุมาเนฯ ตสฺมา มโนมยํ กายํ อภินิมฺมินนฺตานํ อโคฺค นาม ชาโตฯ

    Tassāhaṃ vacanaṃ sutvāti, tassa bhagavato vacanaṃ ovādaṃ ahaṃ sutvā tasmiṃ sāsane ovāde rato abhirato hutvā vihāsiṃ yathānusiṭṭhaṃ paṭipajjiṃ. Paṭipajjanto ca samādhiṃ paṭipādesiṃ, uttamatthassa pattiyāti, uttamattho nāma arahattaṃ, tassa adhigamāya kasiṇaparikammavasena rūpajjhānāni nibbattetvā jhānapādakaṃ vipassanaṃ paṭṭhapetvā maggapaṭipāṭiyā aggamaggasamādhiṃ sampādesinti attho. Ettha hi samādhīti upacārasamādhito paṭṭhāya yāva catutthamaggasamādhi, tāva samādhisāmaññena gahito, aggaphalasamādhi pana uttamatthaggahaṇena, sātisayaṃ cevāyaṃ samādhikusalo, tasmā ‘‘samādhiṃ paṭipādesi’’nti āha. Samādhikusalatāya hi ayamāyasmā cetovivaṭṭakusalo nāma jāto, mahāpanthakatthero pana vipassanākusalatāya saññāvivaṭṭakusalo nāma. Eko cettha samādhilakkhaṇe cheko, eko vipassanālakkhaṇe, eko samādhigāḷho, eko vipassanāgāḷho eko aṅgasaṃkhitte cheko, eko ārammaṇasaṃkhitte, eko aṅgavavatthāne, eko ārammaṇavavatthāneti vaṇṇenti. Apica cūḷapanthakatthero sātisayaṃ catunnaṃ rūpāvacarajjhānānaṃ lābhitāya cetovivaṭṭakusalo vutto, mahāpanthakatthero sātisayaṃ catunnaṃ arūpāvacarajjhānānaṃ lābhitāya saññāvivaṭṭakusalo. Paṭhamo vā rūpāvacarajjhānalābhī hutvā jhānaṅgehi vuṭṭhāya arahattaṃ pattoti cetovivaṭṭakusalo, itaro arūpāvacarajjhānalābhī hutvā jhānaṅgehi vuṭṭhāya arahattaṃ pattoti saññāvivaṭṭakusalo. Manomayaṃ pana kāyaṃ nibbattento aññe tayo vā cattāro vā nibbattanti, na bahuke, ekasadiseyeva ca katvā nibbattenti, ekavidhameva kammaṃ kurumāne. Ayaṃ pana thero ekāvajjanena samaṇasahassaṃ māpesi, dvepi na kāyena ekasadise akāsi, na ekavidhaṃ kammaṃ kurumāne. Tasmā manomayaṃ kāyaṃ abhinimminantānaṃ aggo nāma jāto.

    อิทานิ อตฺตโน อธิคตวิเสสํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปุเพฺพนิวาสํ ชานามี’’ติอาทิมาหฯ กามญฺจายํ เถโร ฉฬภิโญฺญ, ยา ปน อภิญฺญา อาสวกฺขยญาณาธิคมสฺส พหูปการา, ตํ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ปุเพฺพนิวาสํ ชานามิ, ทิพฺพจกฺขุ วิโสธิต’’นฺติ วตฺวา ‘‘ติโสฺส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา’’ติ วุตฺตํฯ ปุเพฺพนิวาสยถากมฺมุปคอนาคตํสญาณานิ หิ วิปสฺสนาจารสฺส พหูปการานิ, น ตถา อิตรญาณานิฯ

    Idāni attano adhigatavisesaṃ dassetuṃ ‘‘pubbenivāsaṃ jānāmī’’tiādimāha. Kāmañcāyaṃ thero chaḷabhiñño, yā pana abhiññā āsavakkhayañāṇādhigamassa bahūpakārā, taṃ dassanatthaṃ ‘‘pubbenivāsaṃ jānāmi, dibbacakkhu visodhita’’nti vatvā ‘‘tisso vijjā anuppattā’’ti vuttaṃ. Pubbenivāsayathākammupagaanāgataṃsañāṇāni hi vipassanācārassa bahūpakārāni, na tathā itarañāṇāni.

    สหสฺสกฺขตฺตุนฺติ สหสฺสํฯ ‘‘สหสฺสวาร’’นฺติ เกจิ วทนฺติฯ เอกาวชฺชเนน ปน เถโร สหเสฺส มโนมเย กาเย นิมฺมินิ, น วาเรนฯ เต จ โข อญฺญมญฺญมสทิเส วิวิธญฺจ กมฺมํ กโรเนฺตฯ ‘‘กิํ ปน สาวกานมฺปิ เอวรูปํ อิทฺธินิมฺมานํ สมฺภวตี’’ติ? น สมฺภวติ สเพฺพสํ, อภินีหารสมฺปตฺติยา ปน อยเมว เถโร เอวมกาสิ, ตถา เหส อิมินา อเงฺคน เอตทเคฺค ฐปิโตฯ ปนฺถโก นิสีทีติ อตฺตานเมว ปรํ วิย วทติฯ อมฺพวเนติ, อมฺพวเน ชีวเกน กตวิหาเรฯ เวหาสาทุปสงฺกมินฺติ เวหาสาติ กรเณ นิสฺสกฺกวจนํ, เวหาเสนาติ อโตฺถ, -กาโร ปทสนฺธิกโรฯ อถาติ, มม นิสชฺชาย ปจฺฉาฯ ปฎิคฺคหีติ ทกฺขิโณทกํ ปฎิคฺคณฺหิฯ อายาโค สพฺพโลกสฺสาติ, สพฺพสฺส สเทวกสฺส โลกสฺส อคฺคทกฺขิเณยฺยตาย เทยฺยธมฺมํ อาเนตฺวา ยชิตพฺพฎฺฐานภูโตฯ อาหุตีนํ ปฎิคฺคโหติ, มหาผลภาวกรเณน ทกฺขิณาหุตีนํ ปฎิคฺคณฺหโกฯ ปฎิคฺคณฺหิตฺถ ทกฺขิณนฺติ ชีวเกน อุปนีตํ ยาคุขชฺชาทิเภทํ ทกฺขิณํ ปฎิคฺคเหสิฯ

    Sahassakkhattunti sahassaṃ. ‘‘Sahassavāra’’nti keci vadanti. Ekāvajjanena pana thero sahasse manomaye kāye nimmini, na vārena. Te ca kho aññamaññamasadise vividhañca kammaṃ karonte. ‘‘Kiṃ pana sāvakānampi evarūpaṃ iddhinimmānaṃ sambhavatī’’ti? Na sambhavati sabbesaṃ, abhinīhārasampattiyā pana ayameva thero evamakāsi, tathā hesa iminā aṅgena etadagge ṭhapito. Panthako nisīdīti attānameva paraṃ viya vadati. Ambavaneti, ambavane jīvakena katavihāre. Vehāsādupasaṅkaminti vehāsāti karaṇe nissakkavacanaṃ, vehāsenāti attho, da-kāro padasandhikaro. Athāti, mama nisajjāya pacchā. Paṭiggahīti dakkhiṇodakaṃ paṭiggaṇhi. Āyāgo sabbalokassāti, sabbassa sadevakassa lokassa aggadakkhiṇeyyatāya deyyadhammaṃ ānetvā yajitabbaṭṭhānabhūto. Āhutīnaṃ paṭiggahoti, mahāphalabhāvakaraṇena dakkhiṇāhutīnaṃ paṭiggaṇhako. Paṭiggaṇhittha dakkhiṇanti jīvakena upanītaṃ yāgukhajjādibhedaṃ dakkhiṇaṃ paṭiggahesi.

    อถ โข ภควา กตภตฺตกิโจฺจ อายสฺมนฺตํ จูฬปนฺถกํ อาณาเปสิ – ‘‘อนุโมทนํ กโรหี’’ติฯ โส สิเนรุํ คเหตฺวา มหาสมุทฺทํ มเนฺถโนฺต วิย ปภินฺนปฎิสมฺภิทาปฺปตฺตตาย เตปิฎกํ พุทฺธวจนํ สโงฺขเภโนฺต สตฺถุ อชฺฌาสยํ คณฺหโนฺต อนุโมทนํ อกาสิฯ ตถา อุปนิสฺสยสมฺปโนฺนปิ จายมายสฺมา ตถารูปาย กมฺมปิโลติกาย ปริพาธิโต จตุปฺปทิกํ คาถํ จตูหิปิ มาเสหิ คเหตุํ นาสกฺขิฯ ตํ ปนสฺส อุปนิสฺสยสมฺปตฺติํ โอโลเกตฺวา สตฺถา ปุพฺพจริยานุรูปํ โยนิโสมนสิกาเร นิโยเชสิฯ ตถา หิ ภควา ตทา ชีวกสฺส นิเวสเน นิสิโนฺน เอว ‘‘จูฬปนฺถกสฺส จิตฺตํ สมาหิตํ, วีถิปฎิปนฺนา วิปสฺสนา’’ติ ญตฺวา ยถานิสิโนฺนว อตฺตานํ ทเสฺสตฺวา, ‘‘ปนฺถก, ยทิปายํ ปิโลติกา สํกิลิฎฺฐา รชานุกิณฺณา, อิโต ปน อโญฺญ เอว อริยสฺส วินเย สํกิเลโส รโช จาติ ทเสฺสโนฺต –

    Atha kho bhagavā katabhattakicco āyasmantaṃ cūḷapanthakaṃ āṇāpesi – ‘‘anumodanaṃ karohī’’ti. So sineruṃ gahetvā mahāsamuddaṃ manthento viya pabhinnapaṭisambhidāppattatāya tepiṭakaṃ buddhavacanaṃ saṅkhobhento satthu ajjhāsayaṃ gaṇhanto anumodanaṃ akāsi. Tathā upanissayasampannopi cāyamāyasmā tathārūpāya kammapilotikāya paribādhito catuppadikaṃ gāthaṃ catūhipi māsehi gahetuṃ nāsakkhi. Taṃ panassa upanissayasampattiṃ oloketvā satthā pubbacariyānurūpaṃ yonisomanasikāre niyojesi. Tathā hi bhagavā tadā jīvakassa nivesane nisinno eva ‘‘cūḷapanthakassa cittaṃ samāhitaṃ, vīthipaṭipannā vipassanā’’ti ñatvā yathānisinnova attānaṃ dassetvā, ‘‘panthaka, yadipāyaṃ pilotikā saṃkiliṭṭhā rajānukiṇṇā, ito pana añño eva ariyassa vinaye saṃkileso rajo cāti dassento –

    ‘‘ราโค รโช น จ ปน เรณุ วุจฺจติ, ราคเสฺสตํ อธิวจนํ รโชติ;

    ‘‘Rāgo rajo na ca pana reṇu vuccati, rāgassetaṃ adhivacanaṃ rajoti;

    เอตํ รชํ วิปฺปชหิตฺวา ภิกฺขโว, วิหรนฺติ เต วีตรชสฺส สาสเนฯ

    Etaṃ rajaṃ vippajahitvā bhikkhavo, viharanti te vītarajassa sāsane.

    ‘‘โทโส รโช…เป.… สาสเนฯ

    ‘‘Doso rajo…pe… sāsane.

    ‘‘โมโห รโช…เป.… วีตรชสฺส สาสเน’’ติฯ –

    ‘‘Moho rajo…pe… vītarajassa sāsane’’ti. –

    อิมา ติโสฺส โอภาสคาถา อภาสิฯ คาถาปริโยสาเน จูฬปนฺถโก อภิญฺญาปฎิสมฺภิทาปริวารํ อรหตฺตํ ปาปุณีติฯ

    Imā tisso obhāsagāthā abhāsi. Gāthāpariyosāne cūḷapanthako abhiññāpaṭisambhidāparivāraṃ arahattaṃ pāpuṇīti.

    จูฬปนฺถกเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Cūḷapanthakattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๔. จูฬปนฺถกเตฺถรคาถา • 4. Cūḷapanthakattheragāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact