Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya |
๑๐. จูฬปุณฺณมสุตฺตํ
10. Cūḷapuṇṇamasuttaṃ
๙๑. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ ปุพฺพาราเม มิคารมาตุปาสาเทฯ เตน โข ปน สมเยน ภควา ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส ปุณฺณาย ปุณฺณมาย รตฺติยา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต อโพฺภกาเส นิสิโนฺน โหติฯ อถ โข ภควา ตุณฺหีภูตํ ตุณฺหีภูตํ ภิกฺขุสงฺฆํ อนุวิโลเกตฺวา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘ชาเนยฺย นุ โข, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส อสปฺปุริสํ – ‘อสปฺปุริโส อยํ ภว’’’นฺติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘สาธุ, ภิกฺขเว; อฎฺฐานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส ยํ อสปฺปุริโส อสปฺปุริสํ ชาเนยฺย – ‘อสปฺปุริโส อยํ ภว’นฺติฯ ชาเนยฺย ปน, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส สปฺปุริสํ – ‘สปฺปุริโส อยํ ภว’’’นฺติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘สาธุ, ภิกฺขเว; เอตมฺปิ โข, ภิกฺขเว, อฎฺฐานํ อนวกาโส ยํ อสปฺปุริโส สปฺปุริสํ ชาเนยฺย – ‘สปฺปุริโส อยํ ภว’นฺติฯ อสปฺปุริโส, ภิกฺขเว, อสฺสทฺธมฺมสมนฺนาคโต โหติ, อสปฺปุริสภตฺติ 1 โหติ, อสปฺปุริสจินฺตี โหติ, อสปฺปุริสมนฺตี โหติ, อสปฺปุริสวาโจ โหติ, อสปฺปุริสกมฺมโนฺต โหติ, อสปฺปุริสทิฎฺฐิ 2 โหติ; อสปฺปุริสทานํ เทติ’’ฯ
91. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati pubbārāme migāramātupāsāde. Tena kho pana samayena bhagavā tadahuposathe pannarase puṇṇāya puṇṇamāya rattiyā bhikkhusaṅghaparivuto abbhokāse nisinno hoti. Atha kho bhagavā tuṇhībhūtaṃ tuṇhībhūtaṃ bhikkhusaṅghaṃ anuviloketvā bhikkhū āmantesi – ‘‘jāneyya nu kho, bhikkhave, asappuriso asappurisaṃ – ‘asappuriso ayaṃ bhava’’’nti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Sādhu, bhikkhave; aṭṭhānametaṃ, bhikkhave, anavakāso yaṃ asappuriso asappurisaṃ jāneyya – ‘asappuriso ayaṃ bhava’nti. Jāneyya pana, bhikkhave, asappuriso sappurisaṃ – ‘sappuriso ayaṃ bhava’’’nti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Sādhu, bhikkhave; etampi kho, bhikkhave, aṭṭhānaṃ anavakāso yaṃ asappuriso sappurisaṃ jāneyya – ‘sappuriso ayaṃ bhava’nti. Asappuriso, bhikkhave, assaddhammasamannāgato hoti, asappurisabhatti 3 hoti, asappurisacintī hoti, asappurisamantī hoti, asappurisavāco hoti, asappurisakammanto hoti, asappurisadiṭṭhi 4 hoti; asappurisadānaṃ deti’’.
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส อสฺสทฺธมฺมสมนฺนาคโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส อสฺสโทฺธ โหติ, อหิริโก โหติ, อโนตฺตปฺปี โหติ, อปฺปสฺสุโต โหติ , กุสีโต โหติ, มุฎฺฐสฺสติ โหติ, ทุปฺปโญฺญ โหติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส อสฺสทฺธมฺมสมนฺนาคโต โหติฯ
‘‘Kathañca, bhikkhave, asappuriso assaddhammasamannāgato hoti? Idha, bhikkhave, asappuriso assaddho hoti, ahiriko hoti, anottappī hoti, appassuto hoti , kusīto hoti, muṭṭhassati hoti, duppañño hoti. Evaṃ kho, bhikkhave, asappuriso assaddhammasamannāgato hoti.
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส อสปฺปุริสภตฺติ โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริสสฺส เย เต สมณพฺราหฺมณา อสฺสทฺธา อหิริกา อโนตฺตปฺปิโน อปฺปสฺสุตา กุสีตา มุฎฺฐสฺสติโน ทุปฺปญฺญา ตฺยาสฺส มิตฺตา โหนฺติ เต สหายาฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส อสปฺปุริสภตฺติ โหติฯ
‘‘Kathañca, bhikkhave, asappuriso asappurisabhatti hoti? Idha, bhikkhave, asappurisassa ye te samaṇabrāhmaṇā assaddhā ahirikā anottappino appassutā kusītā muṭṭhassatino duppaññā tyāssa mittā honti te sahāyā. Evaṃ kho, bhikkhave, asappuriso asappurisabhatti hoti.
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส อสปฺปุริสจินฺตี โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส อตฺตพฺยาพาธายปิ เจเตติ, ปรพฺยาพาธายปิ เจเตติ, อุภยพฺยาพาธายปิ เจเตติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส อสปฺปุริสจินฺตี โหติฯ
‘‘Kathañca, bhikkhave, asappuriso asappurisacintī hoti? Idha, bhikkhave, asappuriso attabyābādhāyapi ceteti, parabyābādhāyapi ceteti, ubhayabyābādhāyapi ceteti. Evaṃ kho, bhikkhave, asappuriso asappurisacintī hoti.
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส อสปฺปุริสมนฺตี โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส อตฺตพฺยาพาธายปิ มเนฺตติ, ปรพฺยาพาธายปิ มเนฺตติ, อุภยพฺยาพาธายปิ มเนฺตติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส อสปฺปุริสมนฺตี โหติฯ
‘‘Kathañca, bhikkhave, asappuriso asappurisamantī hoti? Idha, bhikkhave, asappuriso attabyābādhāyapi manteti, parabyābādhāyapi manteti, ubhayabyābādhāyapi manteti. Evaṃ kho, bhikkhave, asappuriso asappurisamantī hoti.
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส อสปฺปุริสวาโจ โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส มุสาวาที โหติ, ปิสุณวาโจ โหติ, ผรุสวาโจ โหติ , สมฺผปฺปลาปี โหติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส อสปฺปุริสวาโจ โหติฯ
‘‘Kathañca, bhikkhave, asappuriso asappurisavāco hoti? Idha, bhikkhave, asappuriso musāvādī hoti, pisuṇavāco hoti, pharusavāco hoti , samphappalāpī hoti. Evaṃ kho, bhikkhave, asappuriso asappurisavāco hoti.
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส อสปฺปุริสกมฺมโนฺต โหติ? อิธ , ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส ปาณาติปาตี โหติ, อทินฺนาทายี โหติ, กาเมสุมิจฺฉาจารี โหติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส อสปฺปุริสกมฺมโนฺต โหติฯ
‘‘Kathañca, bhikkhave, asappuriso asappurisakammanto hoti? Idha , bhikkhave, asappuriso pāṇātipātī hoti, adinnādāyī hoti, kāmesumicchācārī hoti. Evaṃ kho, bhikkhave, asappuriso asappurisakammanto hoti.
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส อสปฺปุริสทิฎฺฐิ โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส เอวํทิฎฺฐิ 5 โหติ – ‘นตฺถิ ทินฺนํ, นตฺถิ ยิฎฺฐํ, นตฺถิ หุตํ, นตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ 6 กมฺมานํ ผลํ วิปาโก, นตฺถิ อยํ โลโก, นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ มาตา, นตฺถิ ปิตา, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ โลเก สมณพฺราหฺมณา สมฺมคฺคตา 7 สมฺมาปฎิปนฺนา, เย อิมญฺจ โลกํ ปรญฺจ โลกํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตี’ติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส อสปฺปุริสทิฎฺฐิ โหติฯ
‘‘Kathañca, bhikkhave, asappuriso asappurisadiṭṭhi hoti? Idha, bhikkhave, asappuriso evaṃdiṭṭhi 8 hoti – ‘natthi dinnaṃ, natthi yiṭṭhaṃ, natthi hutaṃ, natthi sukatadukkaṭānaṃ 9 kammānaṃ phalaṃ vipāko, natthi ayaṃ loko, natthi paro loko, natthi mātā, natthi pitā, natthi sattā opapātikā, natthi loke samaṇabrāhmaṇā sammaggatā 10 sammāpaṭipannā, ye imañca lokaṃ parañca lokaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā pavedentī’ti. Evaṃ kho, bhikkhave, asappuriso asappurisadiṭṭhi hoti.
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส อสปฺปุริสทานํ เทติ? อิธ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส อสกฺกจฺจํ ทานํ เทติ, อสหตฺถา ทานํ เทติ, อจิตฺตีกตฺวา ทานํ เทติ, อปวิฎฺฐํ ทานํ เทติ อนาคมนทิฎฺฐิโก ทานํ เทติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส อสปฺปุริสทานํ เทติฯ
‘‘Kathañca, bhikkhave, asappuriso asappurisadānaṃ deti? Idha, bhikkhave, asappuriso asakkaccaṃ dānaṃ deti, asahatthā dānaṃ deti, acittīkatvā dānaṃ deti, apaviṭṭhaṃ dānaṃ deti anāgamanadiṭṭhiko dānaṃ deti. Evaṃ kho, bhikkhave, asappuriso asappurisadānaṃ deti.
‘‘โส, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส เอวํ อสฺสทฺธมฺมสมนฺนาคโต, เอวํ อสปฺปุริสภตฺติ, เอวํ อสปฺปุริสจินฺตี, เอวํ อสปฺปุริสมนฺตี, เอวํ อสปฺปุริสวาโจ, เอวํ อสปฺปุริสกมฺมโนฺต, เอวํ อสปฺปุริสทิฎฺฐิ; เอวํ อสปฺปุริสทานํ ทตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ยา อสปฺปุริสานํ คติ ตตฺถ อุปปชฺชติฯ กา จ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริสานํ คติ? นิรโย วา ติรจฺฉานโยนิ วาฯ
‘‘So, bhikkhave, asappuriso evaṃ assaddhammasamannāgato, evaṃ asappurisabhatti, evaṃ asappurisacintī, evaṃ asappurisamantī, evaṃ asappurisavāco, evaṃ asappurisakammanto, evaṃ asappurisadiṭṭhi; evaṃ asappurisadānaṃ datvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā yā asappurisānaṃ gati tattha upapajjati. Kā ca, bhikkhave, asappurisānaṃ gati? Nirayo vā tiracchānayoni vā.
๙๒. ‘‘ชาเนยฺย นุ โข, ภิกฺขเว, สปฺปุริโส สปฺปุริสํ – ‘สปฺปุริโส อยํ ภว’’’นฺติ? ‘‘เอวํ , ภเนฺต’’ฯ ‘‘สาธุ, ภิกฺขเว; ฐานเมตํ, ภิกฺขเว, วิชฺชติ ยํ สปฺปุริโส สปฺปุริสํ ชาเนยฺย – ‘สปฺปุริโส อยํ ภว’นฺติฯ ชาเนยฺย ปน, ภิกฺขเว, สปฺปุริโส อสปฺปุริสํ – ‘อสปฺปุริโส อยํ ภว’’’นฺติ? ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘สาธุ, ภิกฺขเว; เอตมฺปิ โข, ภิกฺขเว, ฐานํ วิชฺชติ ยํ สปฺปุริโส อสปฺปุริสํ ชาเนยฺย – ‘อสปฺปุริโส อยํ ภว’นฺติฯ สปฺปุริโส, ภิกฺขเว, สทฺธมฺมสมนฺนาคโต โหติ, สปฺปุริสภตฺติ โหติ, สปฺปุริสจินฺตี โหติ, สปฺปุริสมนฺตี โหติ, สปฺปุริสวาโจ โหติ, สปฺปุริสกมฺมโนฺต โหติ, สปฺปุริสทิฎฺฐิ โหติ; สปฺปุริสทานํ เทติ’’ฯ
92. ‘‘Jāneyya nu kho, bhikkhave, sappuriso sappurisaṃ – ‘sappuriso ayaṃ bhava’’’nti? ‘‘Evaṃ , bhante’’. ‘‘Sādhu, bhikkhave; ṭhānametaṃ, bhikkhave, vijjati yaṃ sappuriso sappurisaṃ jāneyya – ‘sappuriso ayaṃ bhava’nti. Jāneyya pana, bhikkhave, sappuriso asappurisaṃ – ‘asappuriso ayaṃ bhava’’’nti? ‘‘Evaṃ, bhante’’. ‘‘Sādhu, bhikkhave; etampi kho, bhikkhave, ṭhānaṃ vijjati yaṃ sappuriso asappurisaṃ jāneyya – ‘asappuriso ayaṃ bhava’nti. Sappuriso, bhikkhave, saddhammasamannāgato hoti, sappurisabhatti hoti, sappurisacintī hoti, sappurisamantī hoti, sappurisavāco hoti, sappurisakammanto hoti, sappurisadiṭṭhi hoti; sappurisadānaṃ deti’’.
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, สปฺปุริโส สทฺธมฺมสมนฺนาคโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, สปฺปุริโส สโทฺธ โหติ, หิริมา โหติ, โอตฺตปฺปี โหติ, พหุสฺสุโต โหติ, อารทฺธวีริโย โหติ, อุปฎฺฐิตสฺสติ โหติ, ปญฺญวา โหติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, สปฺปุริโส สทฺธมฺมสมนฺนาคโต โหติฯ
‘‘Kathañca, bhikkhave, sappuriso saddhammasamannāgato hoti? Idha, bhikkhave, sappuriso saddho hoti, hirimā hoti, ottappī hoti, bahussuto hoti, āraddhavīriyo hoti, upaṭṭhitassati hoti, paññavā hoti. Evaṃ kho, bhikkhave, sappuriso saddhammasamannāgato hoti.
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, สปฺปุริโส สปฺปุริสภตฺติ โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, สปฺปุริสสฺส เย เต สมณพฺราหฺมณา สทฺธา หิริมโนฺต โอตฺตปฺปิโน พหุสฺสุตา อารทฺธวีริยา อุปฎฺฐิตสฺสติโน ปญฺญวโนฺต ตฺยาสฺส มิตฺตา โหนฺติ, เต สหายาฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, สปฺปุริโส สปฺปุริสภตฺติ โหติฯ
‘‘Kathañca, bhikkhave, sappuriso sappurisabhatti hoti? Idha, bhikkhave, sappurisassa ye te samaṇabrāhmaṇā saddhā hirimanto ottappino bahussutā āraddhavīriyā upaṭṭhitassatino paññavanto tyāssa mittā honti, te sahāyā. Evaṃ kho, bhikkhave, sappuriso sappurisabhatti hoti.
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, สปฺปุริโส สปฺปุริสจินฺตี โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, สปฺปุริโส เนวตฺตพฺยาพาธาย เจเตติ, น ปรพฺยาพาธาย เจเตติ, น อุภยพฺยาพาธาย เจเตติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, สปฺปุริโส สปฺปุริสจินฺตี โหติฯ
‘‘Kathañca, bhikkhave, sappuriso sappurisacintī hoti? Idha, bhikkhave, sappuriso nevattabyābādhāya ceteti, na parabyābādhāya ceteti, na ubhayabyābādhāya ceteti. Evaṃ kho, bhikkhave, sappuriso sappurisacintī hoti.
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, สปฺปุริโส สปฺปุริสมนฺตี โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, สปฺปุริโส เนวตฺตพฺยาพาธาย มเนฺตติ, น ปรพฺยาพาธาย มเนฺตติ, น อุภยพฺยาพาธาย มเนฺตติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, สปฺปุริโส สปฺปุริสมนฺตี โหติฯ
‘‘Kathañca, bhikkhave, sappuriso sappurisamantī hoti? Idha, bhikkhave, sappuriso nevattabyābādhāya manteti, na parabyābādhāya manteti, na ubhayabyābādhāya manteti. Evaṃ kho, bhikkhave, sappuriso sappurisamantī hoti.
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, สปฺปุริโส สปฺปุริสวาโจ โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, สปฺปุริโส มุสาวาทา ปฎิวิรโต โหติ, ปิสุณาย วาจาย ปฎิวิรโต โหติ, ผรุสาย วาจาย ปฎิวิรโต โหติ, สมฺผปฺปลาปา ปฎิวิรโต โหติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, สปฺปุริโส สปฺปุริสวาโจ โหติฯ
‘‘Kathañca, bhikkhave, sappuriso sappurisavāco hoti? Idha, bhikkhave, sappuriso musāvādā paṭivirato hoti, pisuṇāya vācāya paṭivirato hoti, pharusāya vācāya paṭivirato hoti, samphappalāpā paṭivirato hoti. Evaṃ kho, bhikkhave, sappuriso sappurisavāco hoti.
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, สปฺปุริโส สปฺปุริสกมฺมโนฺต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, สปฺปุริโส ปาณาติปาตา ปฎิวิรโต โหติ, อทินฺนาทานา ปฎิวิรโต โหติ, กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฎิวิรโต โหติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, สปฺปุริโส สปฺปุริสกมฺมโนฺต โหติฯ
‘‘Kathañca, bhikkhave, sappuriso sappurisakammanto hoti? Idha, bhikkhave, sappuriso pāṇātipātā paṭivirato hoti, adinnādānā paṭivirato hoti, kāmesumicchācārā paṭivirato hoti. Evaṃ kho, bhikkhave, sappuriso sappurisakammanto hoti.
‘‘กถญฺจ , ภิกฺขเว, สปฺปุริโส สปฺปุริสทิฎฺฐิ โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, สปฺปุริโส เอวํทิฎฺฐิ โหติ – ‘อตฺถิ ทินฺนํ, อตฺถิ ยิฎฺฐํ, อตฺถิ หุตํ, อตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก, อตฺถิ อยํ โลโก , อตฺถิ ปโร โลโก, อตฺถิ มาตา, อตฺถิ ปิตา, อตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, อตฺถิ โลเก สมณพฺราหฺมณา สมฺมคฺคตา สมฺมาปฎิปนฺนา เย อิมญฺจ โลกํ ปรญฺจ โลกํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตี’ติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, สปฺปุริโส สปฺปุริสทิฎฺฐิ โหติฯ
‘‘Kathañca , bhikkhave, sappuriso sappurisadiṭṭhi hoti? Idha, bhikkhave, sappuriso evaṃdiṭṭhi hoti – ‘atthi dinnaṃ, atthi yiṭṭhaṃ, atthi hutaṃ, atthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko, atthi ayaṃ loko , atthi paro loko, atthi mātā, atthi pitā, atthi sattā opapātikā, atthi loke samaṇabrāhmaṇā sammaggatā sammāpaṭipannā ye imañca lokaṃ parañca lokaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā pavedentī’ti. Evaṃ kho, bhikkhave, sappuriso sappurisadiṭṭhi hoti.
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, สปฺปุริโส สปฺปุริสทานํ เทติ? อิธ, ภิกฺขเว, สปฺปุริโส สกฺกจฺจํ ทานํ เทติ, สหตฺถา ทานํ เทติ, จิตฺตีกตฺวา ทานํ เทติ, อนปวิฎฺฐํ ทานํ เทติ, อาคมนทิฎฺฐิโก ทานํ เทติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, สปฺปุริโส สปฺปุริสทานํ เทติฯ
‘‘Kathañca, bhikkhave, sappuriso sappurisadānaṃ deti? Idha, bhikkhave, sappuriso sakkaccaṃ dānaṃ deti, sahatthā dānaṃ deti, cittīkatvā dānaṃ deti, anapaviṭṭhaṃ dānaṃ deti, āgamanadiṭṭhiko dānaṃ deti. Evaṃ kho, bhikkhave, sappuriso sappurisadānaṃ deti.
‘‘โส, ภิกฺขเว, สปฺปุริโส เอวํ สทฺธมฺมสมนฺนาคโต, เอวํ สปฺปุริสภตฺติ, เอวํ สปฺปุริสจินฺตี, เอวํ สปฺปุริสมนฺตี, เอวํ สปฺปุริสวาโจ, เอวํ สปฺปุริสกมฺมโนฺต, เอวํ สปฺปุริสทิฎฺฐิ; เอวํ สปฺปุริสทานํ ทตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ยา สปฺปุริสานํ คติ ตตฺถ อุปปชฺชติฯ กา จ, ภิกฺขเว, สปฺปุริสานํ คติ? เทวมหตฺตตา วา มนุสฺสมหตฺตตา วา’’ติฯ
‘‘So, bhikkhave, sappuriso evaṃ saddhammasamannāgato, evaṃ sappurisabhatti, evaṃ sappurisacintī, evaṃ sappurisamantī, evaṃ sappurisavāco, evaṃ sappurisakammanto, evaṃ sappurisadiṭṭhi; evaṃ sappurisadānaṃ datvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā yā sappurisānaṃ gati tattha upapajjati. Kā ca, bhikkhave, sappurisānaṃ gati? Devamahattatā vā manussamahattatā vā’’ti.
อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ
Idamavoca bhagavā. Attamanā te bhikkhū bhagavato bhāsitaṃ abhinandunti.
จูฬปุณฺณมสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ทสมํฯ
Cūḷapuṇṇamasuttaṃ niṭṭhitaṃ dasamaṃ.
เทวทหวโคฺค นิฎฺฐิโต ปฐโมฯ
Devadahavaggo niṭṭhito paṭhamo.
ตสฺสุทฺทานํ –
Tassuddānaṃ –
เทวทหํ ปญฺจตฺตยํ, กินฺติ-สาม-สุนกฺขตฺตํ;
Devadahaṃ pañcattayaṃ, kinti-sāma-sunakkhattaṃ;
สปฺปาย-คณ-โคปก-มหาปุณฺณจูฬปุณฺณญฺจาติฯ
Sappāya-gaṇa-gopaka-mahāpuṇṇacūḷapuṇṇañcāti.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๑๐. จูฬปุณฺณมสุตฺตวณฺณนา • 10. Cūḷapuṇṇamasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๑๐. จูฬปุณฺณมสุตฺตวณฺณนา • 10. Cūḷapuṇṇamasuttavaṇṇanā