Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมานวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Vimānavatthu-aṭṭhakathā

    ๑๓. จูฬรถวิมานวณฺณนา

    13. Cūḷarathavimānavaṇṇanā

    ทฬฺหธมฺมา นิสารสฺสาติ จูฬรถวิมานํฯ ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควติ ปรินิพฺพุเต ธาตุวิภาคํ กตฺวา ตตฺถ ตตฺถ สตฺถุ ถูเปสุ ปติฎฺฐาปิยมาเนสุ มหากสฺสปเตฺถรปฺปมุเขสุ ธมฺมํ สงฺคายิตุํ อุจฺจินิตฺวา คหิเตสุ สาวเกสุ ยาว วสฺสูปคมนา เวเนยฺยาเปกฺขาย อตฺตโน อตฺตโน ปริสาย สทฺธิํ ตตฺถ ตตฺถ วสเนฺตสุ อายสฺมา มหากจฺจายโน ปจฺจนฺตเทเส อญฺญตรสฺมิํ อรญฺญายตเน วิหรติฯ เตน สมเยน อสฺสกรเฎฺฐ โปตลินคเร อสฺสกราชา รชฺชํ กาเรติ, ตสฺส เชฎฺฐาย เทวิยา ปุโตฺต สุชาโต นาม กุมาโร โสฬสวสฺสุเทฺทสิโก กนิฎฺฐาย เทวิยา นิพนฺธเนน ปิตรา รฎฺฐโต ปพฺพาชิโต อรญฺญํ ปวิสิตฺวา วนจรเก นิสฺสาย อรเญฺญ วสติฯ โส กิร กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน ปพฺพชิตฺวา สีลมเตฺต ปติฎฺฐิโต ปุถุชฺชนกาลกิริยํ กตฺวา ตาวติํเสสุ นิพฺพตฺติตฺวา ตตฺถ ยาวตายุกํ ฐตฺวา อปราปรํ สุคติยํเยว ปริพฺภมโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท ภควโต อภิสโมฺพธิโต ติํสวเสฺส อสฺสกรเฎฺฐ อสฺสกรโญฺญ อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิสฺมิํ นิพฺพตฺติ, ‘‘สุชาโต’’ติสฺส นามํ อโหสิฯ โส มหเนฺตน ปริวาเรน วฑฺฒติฯ

    Daḷhadhammānisārassāti cūḷarathavimānaṃ. Tassa kā uppatti? Bhagavati parinibbute dhātuvibhāgaṃ katvā tattha tattha satthu thūpesu patiṭṭhāpiyamānesu mahākassapattherappamukhesu dhammaṃ saṅgāyituṃ uccinitvā gahitesu sāvakesu yāva vassūpagamanā veneyyāpekkhāya attano attano parisāya saddhiṃ tattha tattha vasantesu āyasmā mahākaccāyano paccantadese aññatarasmiṃ araññāyatane viharati. Tena samayena assakaraṭṭhe potalinagare assakarājā rajjaṃ kāreti, tassa jeṭṭhāya deviyā putto sujāto nāma kumāro soḷasavassuddesiko kaniṭṭhāya deviyā nibandhanena pitarā raṭṭhato pabbājito araññaṃ pavisitvā vanacarake nissāya araññe vasati. So kira kassapassa bhagavato sāsane pabbajitvā sīlamatte patiṭṭhito puthujjanakālakiriyaṃ katvā tāvatiṃsesu nibbattitvā tattha yāvatāyukaṃ ṭhatvā aparāparaṃ sugatiyaṃyeva paribbhamanto imasmiṃ buddhuppāde bhagavato abhisambodhito tiṃsavasse assakaraṭṭhe assakarañño aggamahesiyā kucchismiṃ nibbatti, ‘‘sujāto’’tissa nāmaṃ ahosi. So mahantena parivārena vaḍḍhati.

    ตสฺส ปน มาตริ กาลกตาย ราชา อญฺญํ ราชธีตรํ อคฺคมเหสิฎฺฐาเน ฐเปสิฯ สาปิ อปเรน สมเยน ปุตฺตํ วิชายิฯ ตสฺสา ราชา ปุตฺตํ ทิสฺวา ปสโนฺน ‘‘ภเทฺท, ตยา อิจฺฉิตํ วรํ คณฺหาหี’’ติ วรํ อทาสิฯ สา คหิตกํ กตฺวา ฐเปตฺวา ยทา สุชาตกุมาโร โสฬสวสฺสุเทฺทสิโก ชาโต, ตทา ราชานํ อาห ‘‘เทว, ตุเมฺหหิ มม ปุตฺตํ ทิสฺวา ตุฎฺฐจิเตฺตหิ วโร ทิโนฺน, ตํ อิทานิ เทถา’’ติฯ ‘‘คณฺห, เทวี’’ติ ฯ ‘‘มยฺหํ ปุตฺตสฺส รชฺชํ เทถา’’ติฯ ‘‘นสฺส, วสลิ, มม เชฎฺฐปุเตฺต เทวกุมารสทิเส สุชาตกุมาเร ฐิเต กสฺมา เอวํ วทสี’’ติ ปฎิกฺขิปิฯ เทวี ปุนปฺปุนํ นิพนฺธนํ กโรนฺตี มนํ อลภิตฺวา เอกทิวสํ อาห ‘‘เทว, ยทิ สเจฺจ ติฎฺฐสิ, เทหิ เอวา’’ติฯ ราชา ‘‘อนุปธาเรตฺวา มยา อิมิสฺสา วโร ทิโนฺน, อยญฺจ เอวํ วทตี’’ติ วิปฺปฎิสารี หุตฺวา สุชาตกุมารํ ปโกฺกสิตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา อสฺสูนิ ปวเตฺตสิฯ กุมาโร ปิตรํ โสจมานํ ทิสฺวา โทมนสฺสปฺปโตฺต อสฺสูนิ ปวเตฺตตฺวา ‘‘อนุชานาหิ, เทว, อหํ อญฺญตฺถ คมิสฺสามี’’ติ อาหฯ ตํ สุตฺวา รญฺญา ‘‘อญฺญํ เต นครํ มาเปสฺสามิ, ตตฺถ วเสยฺยาสี’’ติ วุเตฺต กุมาโร น อิจฺฉิฯ ‘‘มม สหายานํ ราชูนํ สนฺติเก เปเสสฺสามี’’ติ จ วุเตฺต ตมฺปิ นานุชานิฯ เกวลํ ‘‘เทว, อรญฺญํ คมิสฺสามี’’ติ อาหฯ ราชา ปุตฺตํ อาลิงฺคิตฺวา สีเส จุมฺพิตฺวา ‘‘มมจฺจเยน อิธาคนฺตฺวา รเชฺช ปติฎฺฐหา’’ติ วตฺวา วิสฺสเชฺชสิฯ

    Tassa pana mātari kālakatāya rājā aññaṃ rājadhītaraṃ aggamahesiṭṭhāne ṭhapesi. Sāpi aparena samayena puttaṃ vijāyi. Tassā rājā puttaṃ disvā pasanno ‘‘bhadde, tayā icchitaṃ varaṃ gaṇhāhī’’ti varaṃ adāsi. Sā gahitakaṃ katvā ṭhapetvā yadā sujātakumāro soḷasavassuddesiko jāto, tadā rājānaṃ āha ‘‘deva, tumhehi mama puttaṃ disvā tuṭṭhacittehi varo dinno, taṃ idāni dethā’’ti. ‘‘Gaṇha, devī’’ti . ‘‘Mayhaṃ puttassa rajjaṃ dethā’’ti. ‘‘Nassa, vasali, mama jeṭṭhaputte devakumārasadise sujātakumāre ṭhite kasmā evaṃ vadasī’’ti paṭikkhipi. Devī punappunaṃ nibandhanaṃ karontī manaṃ alabhitvā ekadivasaṃ āha ‘‘deva, yadi sacce tiṭṭhasi, dehi evā’’ti. Rājā ‘‘anupadhāretvā mayā imissā varo dinno, ayañca evaṃ vadatī’’ti vippaṭisārī hutvā sujātakumāraṃ pakkositvā tamatthaṃ ārocetvā assūni pavattesi. Kumāro pitaraṃ socamānaṃ disvā domanassappatto assūni pavattetvā ‘‘anujānāhi, deva, ahaṃ aññattha gamissāmī’’ti āha. Taṃ sutvā raññā ‘‘aññaṃ te nagaraṃ māpessāmi, tattha vaseyyāsī’’ti vutte kumāro na icchi. ‘‘Mama sahāyānaṃ rājūnaṃ santike pesessāmī’’ti ca vutte tampi nānujāni. Kevalaṃ ‘‘deva, araññaṃ gamissāmī’’ti āha. Rājā puttaṃ āliṅgitvā sīse cumbitvā ‘‘mamaccayena idhāgantvā rajje patiṭṭhahā’’ti vatvā vissajjesi.

    โส อรญฺญํ ปวิสิตฺวา วนจรเก นิสฺสาย วสโนฺต เอกทิวสํ มิควํ คโตฯ ตสฺส สมณกาเล สหายวโร เอโก เทวปุโตฺต หิเตสิตาย มิครูเปน ตํ ปโลเภโนฺต ธาวิตฺวา อายสฺมโต มหากจฺจายนสฺส วสนฎฺฐานสมีปํ ปตฺวา อนฺตรธายิฯ โส ‘‘อิมํ มิคํ อิทานิ คณฺหิสฺสามี’’ติ อุปธาวโนฺต เถรสฺส วสนฎฺฐานํ ปตฺวา ตํ อปสฺสโนฺต พหิ ปณฺณสาลาย เถรํ นิสินฺนํ ทิสฺวา ตสฺส สมีเป จาปโกฎิํ โอลุพฺภ อฎฺฐาสิฯ เถโร ตํ โอโลเกตฺวา อาทิโต ปฎฺฐาย สพฺพํ ตสฺส ปวตฺติํ ญตฺวา อนุคฺคณฺหโนฺต อชานโนฺต วิย สงฺคหํ กโรโนฺต –

    So araññaṃ pavisitvā vanacarake nissāya vasanto ekadivasaṃ migavaṃ gato. Tassa samaṇakāle sahāyavaro eko devaputto hitesitāya migarūpena taṃ palobhento dhāvitvā āyasmato mahākaccāyanassa vasanaṭṭhānasamīpaṃ patvā antaradhāyi. So ‘‘imaṃ migaṃ idāni gaṇhissāmī’’ti upadhāvanto therassa vasanaṭṭhānaṃ patvā taṃ apassanto bahi paṇṇasālāya theraṃ nisinnaṃ disvā tassa samīpe cāpakoṭiṃ olubbha aṭṭhāsi. Thero taṃ oloketvā ādito paṭṭhāya sabbaṃ tassa pavattiṃ ñatvā anuggaṇhanto ajānanto viya saṅgahaṃ karonto –

    ๙๘๑.

    981.

    ‘‘ทฬฺหธมฺมา นิสารสฺส, ธนุํ โอลุพฺภ ติฎฺฐสิ;

    ‘‘Daḷhadhammā nisārassa, dhanuṃ olubbha tiṭṭhasi;

    ขตฺติโย นุสิ ราชโญฺญ, อทุ ลุโทฺท วเนจโร’’ติฯ –

    Khattiyo nusi rājañño, adu luddo vanecaro’’ti. –

    ปุจฺฉิฯ ตตฺถ ทฬฺหธมฺมาติ ทฬฺหธนุฯ ทฬฺหธนุ นาม ทฺวิสหสฺสถามํ วุจฺจติฯ ทฺวิสหสฺสถามนฺติ จ ยสฺส อาโรปิตสฺส ชิยาย พโทฺธ โลหสีสาทีนํ ภาโร ทเณฺฑ คเหตฺวา ยาว กณฺฑปฺปมาณา อุกฺขิตฺตสฺส ปถวิโต มุจฺจติฯ นิสารสฺสาติ นิรติสยสารสฺส วิสิฎฺฐสารสฺส รุกฺขสฺส ธนุํ, สารตรรุกฺขมยํ ธนุนฺติ อโตฺถฯ โอลุพฺภาติ สนฺนิรุมฺภิตฺวาฯ ราชโญฺญติ ราชกุมาโรฯ วเนจโรติ วนจโรฯ

    Pucchi. Tattha daḷhadhammāti daḷhadhanu. Daḷhadhanu nāma dvisahassathāmaṃ vuccati. Dvisahassathāmanti ca yassa āropitassa jiyāya baddho lohasīsādīnaṃ bhāro daṇḍe gahetvā yāva kaṇḍappamāṇā ukkhittassa pathavito muccati. Nisārassāti niratisayasārassa visiṭṭhasārassa rukkhassa dhanuṃ, sāratararukkhamayaṃ dhanunti attho. Olubbhāti sannirumbhitvā. Rājaññoti rājakumāro. Vanecaroti vanacaro.

    อถ โส อตฺตานํ อาวิกโรโนฺต –

    Atha so attānaṃ āvikaronto –

    ๙๘๒.

    982.

    ‘‘อสฺสกาธิปติสฺสาหํ, ภเนฺต ปุโตฺต วเนจโร;

    ‘‘Assakādhipatissāhaṃ, bhante putto vanecaro;

    นามํ เม ภิกฺขุ เต พฺรูมิ, สุชาโต อิติ มํ วิทูฯ

    Nāmaṃ me bhikkhu te brūmi, sujāto iti maṃ vidū.

    ๙๘๓.

    983.

    ‘‘มิเค คเวสมาโนหํ, โอคาหโนฺต พฺรหาวนํ;

    ‘‘Mige gavesamānohaṃ, ogāhanto brahāvanaṃ;

    มิคํ ตเญฺจว นาทฺทกฺขิํ, ตญฺจ ทิสฺวา ฐิโต อห’’นฺติฯ –

    Migaṃ tañceva nāddakkhiṃ, tañca disvā ṭhito aha’’nti. –

    อาหฯ ตตฺถ อสฺสกาธิปติสฺสาติ อสฺสกรฎฺฐาธิปติโน อสฺสกราชสฺสฯ ภิกฺขูติ เถรํ อาลปติฯ มิเค คเวสมาโนติ มิคสูกราทิเก คเวสโนฺต, มิควํ จรโนฺตติ อโตฺถฯ

    Āha. Tattha assakādhipatissāti assakaraṭṭhādhipatino assakarājassa. Bhikkhūti theraṃ ālapati. Mige gavesamānoti migasūkarādike gavesanto, migavaṃ carantoti attho.

    ตํ สุตฺวา เถโร เตน สทฺธิํ ปฎิสนฺถารํ กโรโนฺต –

    Taṃ sutvā thero tena saddhiṃ paṭisanthāraṃ karonto –

    ๙๘๔.

    984.

    ‘‘สฺวาคตํ เต มหาปุญฺญ, อโถ เต อทุราคตํ;

    ‘‘Svāgataṃ te mahāpuñña, atho te adurāgataṃ;

    เอโตฺต อุทกมาทาย, ปาเท ปกฺขาลยสฺสุ เตฯ

    Etto udakamādāya, pāde pakkhālayassu te.

    ๙๘๕.

    985.

    ‘‘อิทมฺปิ ปานียํ สีตํ, อาภตํ คิริคพฺภรา;

    ‘‘Idampi pānīyaṃ sītaṃ, ābhataṃ girigabbharā;

    ราชปุตฺต ตโต ปิตฺวา, สนฺถตสฺมิํ อุปาวิสา’’ติฯ – อาห;

    Rājaputta tato pitvā, santhatasmiṃ upāvisā’’ti. – āha;

    ๙๘๔. ตตฺถ อทุราคตนฺติ ทุราคมนวชฺชิตํ, มหาปุญฺญ, เต อิธาคมนํ สฺวาคตํ, น เต อปฺปกมฺปิ ทุราคมนํ อตฺถิ ตุยฺหญฺจ มยฺหญฺจ ปีติโสมนสฺสชนนโตติ อธิปฺปาโยฯ ‘‘อธุนาคต’’นฺติปิ ปาโฐ, อิทานิ อาคมนนฺติ อโตฺถฯ

    984. Tattha adurāgatanti durāgamanavajjitaṃ, mahāpuñña, te idhāgamanaṃ svāgataṃ, na te appakampi durāgamanaṃ atthi tuyhañca mayhañca pītisomanassajananatoti adhippāyo. ‘‘Adhunāgata’’ntipi pāṭho, idāni āgamananti attho.

    ๙๘๕. สนฺถตสฺมิํ อุปาวิสาติ อนนฺตรหิตาย ภูมิยา อนิสีทิตฺวา อมุกสฺมิํ ติณสนฺถารเก นิสีทาติฯ

    985.Santhatasmiṃ upāvisāti anantarahitāya bhūmiyā anisīditvā amukasmiṃ tiṇasanthārake nisīdāti.

    ตโต ราชกุมาโร เถรสฺส ปฎิสนฺถารํ สมฺปฎิจฺฉโนฺต อาห –

    Tato rājakumāro therassa paṭisanthāraṃ sampaṭicchanto āha –

    ๙๘๖.

    986.

    ‘‘กลฺยาณี วต เต วาจา, สวนียา มหามุนิ;

    ‘‘Kalyāṇī vata te vācā, savanīyā mahāmuni;

    เนลา อตฺถวตี วคฺคุ, มนฺตฺวา อตฺถญฺจ ภาสสิฯ

    Nelā atthavatī vaggu, mantvā atthañca bhāsasi.

    ๙๘๗.

    987.

    ‘‘กา เต รติ วเน วิหรโต, อิสินิสภ วเทหิ ปุโฎฺฐ;

    ‘‘Kā te rati vane viharato, isinisabha vadehi puṭṭho;

    ตว วจนปถํ นิสามยิตฺวา, อตฺถธมฺมปทํ สมาจเรมเส’’ติฯ

    Tava vacanapathaṃ nisāmayitvā, atthadhammapadaṃ samācaremase’’ti.

    ๙๘๖. ตตฺถ กลฺยาณีติ สุนฺทรา โสภนาฯ สวนียาติ โสตุํ ยุตฺตาฯ เนลาติ นิโทฺทสาฯ อตฺถวตีติ อตฺถยุตฺตา ทิฎฺฐธมฺมิกาทินา หิเตน อุเปตาฯ วคฺคูติ มธุราฯ มนฺตฺวาติ ชานิตฺวา ปญฺญาย ปริจฺฉินฺทิตฺวาฯ อตฺถนฺติ อตฺถโต อนเปตํ เอกนฺตหิตาวหํฯ

    986. Tattha kalyāṇīti sundarā sobhanā. Savanīyāti sotuṃ yuttā. Nelāti niddosā. Atthavatīti atthayuttā diṭṭhadhammikādinā hitena upetā. Vaggūti madhurā. Mantvāti jānitvā paññāya paricchinditvā. Atthanti atthato anapetaṃ ekantahitāvahaṃ.

    ๙๘๗. อิสินิสภาติ อิสีสุ นิสภ อาชานียสทิสฯ วจนปถนฺติ วจนํฯ วจนเมว หิ อตฺถาธิคมสฺส อุปายภาวโต ‘‘วจนปถ’’นฺติ วุตฺตํฯ อตฺถธมฺมปทํ สมาจเรมเสติ อิธ เจว สมฺปราเย จ อตฺถาวหํ สีลาทิธมฺมโกฎฺฐาสํ ปฎิปชฺชามเสฯ

    987.Isinisabhāti isīsu nisabha ājānīyasadisa. Vacanapathanti vacanaṃ. Vacanameva hi atthādhigamassa upāyabhāvato ‘‘vacanapatha’’nti vuttaṃ. Atthadhammapadaṃsamācaremaseti idha ceva samparāye ca atthāvahaṃ sīlādidhammakoṭṭhāsaṃ paṭipajjāmase.

    อิทานิ เถโร อตฺตโน สมฺมาปฎิปตฺติํ ตสฺส อนุจฺฉวิกํ วทโนฺต –

    Idāni thero attano sammāpaṭipattiṃ tassa anucchavikaṃ vadanto –

    ๙๘๘.

    988.

    ‘‘อหิํสา สพฺพปาณีนํ, กุมารมฺหาก รุจฺจติ;

    ‘‘Ahiṃsā sabbapāṇīnaṃ, kumāramhāka ruccati;

    เถยฺยา จ อติจารา จ, มชฺชปานา จ อารติฯ

    Theyyā ca aticārā ca, majjapānā ca ārati.

    ๙๘๙.

    989.

    ‘‘อารติ สมจริยา จ, พาหุสจฺจํ กตญฺญุตา;

    ‘‘Ārati samacariyā ca, bāhusaccaṃ kataññutā;

    ทิเฎฺฐว ธเมฺม ปาสํสา, ธมฺมา เอเต ปสํสิยา’’ติฯ – อาห;

    Diṭṭheva dhamme pāsaṃsā, dhammā ete pasaṃsiyā’’ti. – āha;

    ๙๘๙. ตตฺถ อารติ สมจริยา จาติ ยถาวุตฺตา จ ปาปธมฺมโต อารติ, ปฎิวิรติ กายสมตาทิสมจริยา จฯ พาหุสจฺจนฺติ ปริยตฺติพาหุสจฺจํฯ กตญฺญุตาติ ปเรหิ อตฺตโน กตสฺส อุปการสฺส ชานนาฯ ปาสํสาติ อตฺถกาเมหิ กุลปุเตฺตหิ ปการโต อาสํสิตพฺพาฯ ธมฺมา เอเตติ เอเต ยถาวุตฺตา อหิํสาทิธมฺมาฯ ปสํสิยาติ วิญฺญูหิ ปสํสิตพฺพาฯ

    989. Tattha ārati samacariyā cāti yathāvuttā ca pāpadhammato ārati, paṭivirati kāyasamatādisamacariyā ca. Bāhusaccanti pariyattibāhusaccaṃ. Kataññutāti parehi attano katassa upakārassa jānanā. Pāsaṃsāti atthakāmehi kulaputtehi pakārato āsaṃsitabbā. Dhammā eteti ete yathāvuttā ahiṃsādidhammā. Pasaṃsiyāti viññūhi pasaṃsitabbā.

    เอวํ เถโร ตสฺส อนุจฺฉวิกํ สมฺมาปฎิปตฺติํ วตฺวา อนาคตํสญาเณน อายุสงฺขาเร โอโลเกโนฺต ‘‘ปญฺจมาสมตฺตเมวา’’ติ ทิสฺวา ตํ สํเวเชตฺวา ทฬฺหํ ตตฺถ สมฺมาปฎิปตฺติยํ ปติฎฺฐาเปตุํ อิมํ คาถมาห –

    Evaṃ thero tassa anucchavikaṃ sammāpaṭipattiṃ vatvā anāgataṃsañāṇena āyusaṅkhāre olokento ‘‘pañcamāsamattamevā’’ti disvā taṃ saṃvejetvā daḷhaṃ tattha sammāpaṭipattiyaṃ patiṭṭhāpetuṃ imaṃ gāthamāha –

    ๙๙๐.

    990.

    ‘‘สนฺติเก มรณํ ตุยฺหํ, โอรํ มาเสหิ ปญฺจหิ;

    ‘‘Santike maraṇaṃ tuyhaṃ, oraṃ māsehi pañcahi;

    ราชปุตฺต วิชานาหิ, อตฺตานํ ปริโมจยา’’ติฯ

    Rājaputta vijānāhi, attānaṃ parimocayā’’ti.

    ตตฺถ อตฺตานํ ปริโมจยาติ อตฺตานํ อปายทุกฺขโต โมเจหิฯ

    Tattha attānaṃ parimocayāti attānaṃ apāyadukkhato mocehi.

    ตโต กุมาโร อตฺตโน มุตฺติยา อุปายํ ปุจฺฉโนฺต อาห –

    Tato kumāro attano muttiyā upāyaṃ pucchanto āha –

    ๙๙๑.

    991.

    ‘‘กตมํ สฺวาหํ ชนปทํ คนฺตฺวา, กิํ กมฺมํ กิญฺจ โปริสํ;

    ‘‘Katamaṃ svāhaṃ janapadaṃ gantvā, kiṃ kammaṃ kiñca porisaṃ;

    กาย วา ปน วิชฺชาย, ภเวยฺยํ อชรามโร’’ติฯ

    Kāya vā pana vijjāya, bhaveyyaṃ ajarāmaro’’ti.

    ตตฺถ กตมํ สฺวาหนฺติ กตมํ สุ อหํ, กตมํ นูติ อโตฺถฯ กิํ กมฺมํ กิญฺจ โปริสนฺติ กตฺวาติ วจนเสโสฯ โปริสนฺติ ปุริสกิจฺจํฯ

    Tattha katamaṃ svāhanti katamaṃ su ahaṃ, katamaṃ nūti attho. Kiṃ kammaṃ kiñca porisanti katvāti vacanaseso. Porisanti purisakiccaṃ.

    ตโต เถโร ตสฺส ธมฺมํ เทเสตุํ อิมา คาถาโย อโวจ –

    Tato thero tassa dhammaṃ desetuṃ imā gāthāyo avoca –

    ๙๙๒.

    992.

    ‘‘น วิชฺชเต โส ปเทโส, กมฺมํ วิชฺชา จ โปริสํ;

    ‘‘Na vijjate so padeso, kammaṃ vijjā ca porisaṃ;

    ยตฺถ คนฺตฺวา ภเว มโจฺจ, ราชปุตฺตาชรามโรฯ

    Yattha gantvā bhave macco, rājaputtājarāmaro.

    ๙๙๓.

    993.

    ‘‘มหทฺธนา มหาโภคา, รฎฺฐวโนฺตปิ ขตฺติยา;

    ‘‘Mahaddhanā mahābhogā, raṭṭhavantopi khattiyā;

    ปหูตธนธญฺญาเส, เตปิ โน อชรามราฯ

    Pahūtadhanadhaññāse, tepi no ajarāmarā.

    ๙๙๔.

    994.

    ‘‘ยทิ เต สุตา อนฺธกเวณฺฑุปุตฺตา, สูรา วีรา วิกฺกนฺตปฺปหาริโน;

    ‘‘Yadi te sutā andhakaveṇḍuputtā, sūrā vīrā vikkantappahārino;

    เตปิ อายุกฺขยํ ปตฺตา, วิทฺธสฺตา สสฺสตีสมาฯ

    Tepi āyukkhayaṃ pattā, viddhastā sassatīsamā.

    ๙๙๕.

    995.

    ‘‘ขตฺติยา พฺราหฺมณา เวสฺสา, สุทฺทา จณฺฑาลปุกฺกุสา;

    ‘‘Khattiyā brāhmaṇā vessā, suddā caṇḍālapukkusā;

    เอเต จเญฺญ จ ชาติยา, เตปิ โน อชรามราฯ

    Ete caññe ca jātiyā, tepi no ajarāmarā.

    ๙๙๖.

    996.

    ‘‘เย มนฺตํ ปริวเตฺตนฺติ, ฉฬงฺคํ พฺรหฺมจินฺติตํ;

    ‘‘Ye mantaṃ parivattenti, chaḷaṅgaṃ brahmacintitaṃ;

    เอเต จเญฺญ จ วิชฺชาย, เตปิ โน อชรามราฯ

    Ete caññe ca vijjāya, tepi no ajarāmarā.

    ๙๙๗.

    997.

    ‘‘อิสโย จาปิ เย สนฺตา, สญฺญตตฺตา ตปสฺสิโน;

    ‘‘Isayo cāpi ye santā, saññatattā tapassino;

    สรีรํ เตปิ กาเลน, วิชหนฺติ ตปสฺสิโนฯ

    Sarīraṃ tepi kālena, vijahanti tapassino.

    ๙๙๘.

    998.

    ‘‘ภาวิตตฺตาปิ อรหโนฺต, กตกิจฺจา อนาสวา;

    ‘‘Bhāvitattāpi arahanto, katakiccā anāsavā;

    นิกฺขิปนฺติ อิมํ เทหํ, ปุญฺญปาปปริกฺขยา’’ติฯ

    Nikkhipanti imaṃ dehaṃ, puññapāpaparikkhayā’’ti.

    ๙๙๒. ตตฺถ ยตฺถ คนฺตฺวาติ ยํ ปเทสํ คนฺตฺวา กมฺมํ วิชฺชํ โปริสญฺจ กายปโยเคน อิตรปโยเคน จ อุปคนฺตฺวา ปาปุณิตฺวา ภเวยฺย อชรามโรติ อโตฺถฯ

    992. Tattha yattha gantvāti yaṃ padesaṃ gantvā kammaṃ vijjaṃ porisañca kāyapayogena itarapayogena ca upagantvā pāpuṇitvā bhaveyya ajarāmaroti attho.

    ๙๙๓. เหฎฺฐิมโกฎิยา โกฎิสตาทิปริมาณํ สํหริตฺวา ฐปิตํ มหนฺตํ ธนํ เอเตสนฺติ มหทฺธนาฯ กุมฺภตฺตยาทิกหาปณปริพฺพโย มหโนฺต โภโค เอเตสนฺติ มหาโภคาฯ รฎฺฐวโนฺตติ รฎฺฐสามิกา, อเนกโยชนปริมาณํ รฎฺฐํ ปสาสนฺตาติ อธิปฺปาโยฯ ขตฺติยาติ ขตฺติยชาติกาฯ ปหูตธนธญฺญาเสติ มหาธนธญฺญสนฺนิจยา, อตฺตโน ปริสาย จ สตฺตฎฺฐสํวจฺฉรปโหนกธนธญฺญสนฺนิจยาฯ เตปิ โน อชรามราติ ชรามรณธมฺมา เอว, มหทฺธนตาทีนิปิ เตสํ อุปริ นิปตนฺตํ ชรามรณํ นิวเตฺตตุํ น สโกฺกนฺตีติ อโตฺถฯ

    993. Heṭṭhimakoṭiyā koṭisatādiparimāṇaṃ saṃharitvā ṭhapitaṃ mahantaṃ dhanaṃ etesanti mahaddhanā. Kumbhattayādikahāpaṇaparibbayo mahanto bhogo etesanti mahābhogā. Raṭṭhavantoti raṭṭhasāmikā, anekayojanaparimāṇaṃ raṭṭhaṃ pasāsantāti adhippāyo. Khattiyāti khattiyajātikā. Pahūtadhanadhaññāseti mahādhanadhaññasannicayā, attano parisāya ca sattaṭṭhasaṃvaccharapahonakadhanadhaññasannicayā. Tepi no ajarāmarāti jarāmaraṇadhammā eva, mahaddhanatādīnipi tesaṃ upari nipatantaṃ jarāmaraṇaṃ nivattetuṃ na sakkontīti attho.

    ๙๙๔. อนฺธกเวณฺฑุปุตฺตาติ อนฺธกเวณฺฑุสฺส ปุตฺตาติ ปญฺญาตาฯ สูราติ สตฺติมโนฺตฯ วีราติ วีริยวโนฺตฯ วิกฺกนฺตปฺปหาริโนติ สูรวีรภาเวเนว ปฎิสตฺตุพลํ วิกฺกมฺม ปสยฺห ปหรณสีลาฯ วิทฺธสฺตาติ วินฎฺฐาฯ สสฺสตีสมาติ กุลปรมฺปราย สสฺสตีหิ จนฺทสูริยาทีหิ สมานา, เตปิ อจิรกาลปวตฺตกุลนฺวยาติ อโตฺถฯ

    994.Andhakaveṇḍuputtāti andhakaveṇḍussa puttāti paññātā. Sūrāti sattimanto. Vīrāti vīriyavanto. Vikkantappahārinoti sūravīrabhāveneva paṭisattubalaṃ vikkamma pasayha paharaṇasīlā. Viddhastāti vinaṭṭhā. Sassatīsamāti kulaparamparāya sassatīhi candasūriyādīhi samānā, tepi acirakālapavattakulanvayāti attho.

    ๙๙๕. ชาติยาติ อตฺตโน ชาติยา, วิสิฎฺฐตรา ปน ชาติปิ เนสํ ชรามรณํ นิวเตฺตตุํ น สโกฺกตีติ อโตฺถฯ

    995.Jātiyāti attano jātiyā, visiṭṭhatarā pana jātipi nesaṃ jarāmaraṇaṃ nivattetuṃ na sakkotīti attho.

    ๙๙๖. มนฺตนฺติ เวทํฯ ฉฬงฺคนฺติ กปฺปพฺยากรณนิรุตฺติสิกฺขาฉโนฺทวิจิติโชติสตฺถสงฺขาเตหิ ฉหิ อเงฺคหิ ฉฬงฺคํฯ พฺรหฺมจินฺติตนฺติ พฺรเหฺมหิ อฎฺฐกาทีหิ จินฺติตํ ปญฺญาจกฺขุนา ทิฎฺฐํฯ

    996.Mantanti vedaṃ. Chaḷaṅganti kappabyākaraṇaniruttisikkhāchandovicitijotisatthasaṅkhātehi chahi aṅgehi chaḷaṅgaṃ. Brahmacintitanti brahmehi aṭṭhakādīhi cintitaṃ paññācakkhunā diṭṭhaṃ.

    ๙๙๗. สนฺตาติ อุปสนฺตกายวจีกมฺมนฺตาฯ สญฺญตตฺตาติ สญฺญตจิตฺตาฯ ตปสฺสิโนติ ตปนิสฺสิตาฯ

    997.Santāti upasantakāyavacīkammantā. Saññatattāti saññatacittā. Tapassinoti tapanissitā.

    อิทานิ กุมาโร อตฺตนา กตฺตพฺพํ วทโนฺต –

    Idāni kumāro attanā kattabbaṃ vadanto –

    ๙๙๙.

    999.

    ‘‘สุภาสิตา อตฺถวตี, คาถาโย เต มหามุนิ;

    ‘‘Subhāsitā atthavatī, gāthāyo te mahāmuni;

    นิชฺฌโตฺตมฺหิ สุภเฎฺฐน, ตฺวญฺจ เม สรณํ ภวา’’ติฯ –

    Nijjhattomhi subhaṭṭhena, tvañca me saraṇaṃ bhavā’’ti. –

    อาห ฯ ตตฺถ นิชฺฌโตฺตมฺหีติ นิชฺฌาปิโต ธโมฺมชสญฺญาย สญฺญตฺติคโต อมฺหิฯ สุภเฎฺฐนาติ สุฎฺฐุ ภาสิเตนฯ

    Āha . Tattha nijjhattomhīti nijjhāpito dhammojasaññāya saññattigato amhi. Subhaṭṭhenāti suṭṭhu bhāsitena.

    ตโต เถโร ตํ อนุสาสโนฺต อิมํ คาถํ อภาสิ –

    Tato thero taṃ anusāsanto imaṃ gāthaṃ abhāsi –

    ๑๐๐๐.

    1000.

    ‘‘มา มํ ตฺวํ สรณํ คจฺฉ, ตเมว สรณํ วช;

    ‘‘Mā maṃ tvaṃ saraṇaṃ gaccha, tameva saraṇaṃ vaja;

    สกฺยปุตฺตํ มหาวีรํ, ยมหํ สรณํ คโต’’ติฯ

    Sakyaputtaṃ mahāvīraṃ, yamahaṃ saraṇaṃ gato’’ti.

    ตโต ราชกุมาโร อาห –

    Tato rājakumāro āha –

    ๑๐๐๑.

    1001.

    ‘‘กตรสฺมิํ โส ชนปเท, สตฺถา ตุมฺหาก มาริส;

    ‘‘Katarasmiṃ so janapade, satthā tumhāka mārisa;

    อหมฺปิ ทฎฺฐุํ คจฺฉิสฺสํ, ชินํ อปฺปฎิปุคฺคล’’นฺติฯ

    Ahampi daṭṭhuṃ gacchissaṃ, jinaṃ appaṭipuggala’’nti.

    ปุน เถโร อาห –

    Puna thero āha –

    ๑๐๐๒.

    1002.

    ‘‘ปุรตฺถิมสฺมิํ ชนปเท, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

    ‘‘Puratthimasmiṃ janapade, okkākakulasambhavo;

    ตตฺถาสิ ปุริสาชโญฺญ, โส จ โข ปรินิพฺพุโต’’ติฯ

    Tatthāsi purisājañño, so ca kho parinibbuto’’ti.

    ตตฺถ เถเรน นิสินฺนปเทสโต มชฺฌิมเทสสฺส ปาจีนทิสาภาคตฺตา วุตฺตํ ‘‘ปุรตฺถิมสฺมิํ ชนปเท’’ติฯ

    Tattha therena nisinnapadesato majjhimadesassa pācīnadisābhāgattā vuttaṃ ‘‘puratthimasmiṃ janapade’’ti.

    เอวํ โส ราชปุโตฺต เถรสฺส ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปสนฺนมานโส สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฎฺฐหิฯ เตน วุตฺตํ –

    Evaṃ so rājaputto therassa dhammadesanaṃ sutvā pasannamānaso saraṇesu ca sīlesu ca patiṭṭhahi. Tena vuttaṃ –

    ๑๐๐๓.

    1003.

    ‘‘สเจ หิ พุโทฺธ ติเฎฺฐยฺย, สตฺถา ตุมฺหาก มาริส;

    ‘‘Sace hi buddho tiṭṭheyya, satthā tumhāka mārisa;

    โยชนานิ สหสฺสานิ, คเจฺฉยฺยํ ปยิรุปาสิตุํฯ

    Yojanāni sahassāni, gaccheyyaṃ payirupāsituṃ.

    ๑๐๐๔.

    1004.

    ‘‘ยโต จ โข ปรินิพฺพุโต, สตฺถา ตุมฺหาก มาริส;

    ‘‘Yato ca kho parinibbuto, satthā tumhāka mārisa;

    นิพฺพุตมฺปิ มหาวีรํ, คจฺฉามิ สรณํ อหํฯ

    Nibbutampi mahāvīraṃ, gacchāmi saraṇaṃ ahaṃ.

    ๑๐๐๕.

    1005.

    ‘‘อุเปมิ สรณํ พุทฺธํ, ธมฺมญฺจาปิ อนุตฺตรํ;

    ‘‘Upemi saraṇaṃ buddhaṃ, dhammañcāpi anuttaraṃ;

    สงฺฆญฺจ นรเทวสฺส, คจฺฉามิ สรณํ อหํฯ

    Saṅghañca naradevassa, gacchāmi saraṇaṃ ahaṃ.

    ๑๐๐๖.

    1006.

    ‘‘ปาณาติปาตา วิรมามิ ขิปฺปํ, โลเก อทินฺนํ ปริวชฺชยามิ;

    ‘‘Pāṇātipātā viramāmi khippaṃ, loke adinnaṃ parivajjayāmi;

    อมชฺชโป โน จ มุสา ภณามิ, สเกน ทาเรน จ โหมิ ตุโฎฺฐ’’ติฯ

    Amajjapo no ca musā bhaṇāmi, sakena dārena ca homi tuṭṭho’’ti.

    เอวํ ปน ตํ สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฎฺฐิตํ เถโร เอวมาห ‘‘ราชกุมาร, ตุยฺหํ อิธ อรญฺญวาเสน อโตฺถ นตฺถิ, น จิรํ ตว ชีวิตํ, ปญฺจมาสพฺภนฺตเร เอว กาลํ กริสฺสสิ, ตสฺมา ตว ปิตุ สนฺติกเมว คนฺตฺวา ทานาทีนิ ปุญฺญานิ กตฺวา สคฺคปรายโณ ภเวยฺยาสี’’ติ วตฺวา อตฺตโน สนฺติเก ธาตุโย ทตฺวา วิสฺสเชฺชสิฯ โส คจฺฉโนฺต ‘‘อหํ, ภเนฺต, ตุมฺหากํ วจเนน อิโต คมิสฺสามิ, ตุเมฺหหิปิ มยฺหํ อนุกมฺปาย ตตฺถ อาคนฺตพฺพ’’นฺติ วตฺวา เถรสฺส อธิวาสนํ วิทิตฺวา วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปิตุ นครํ คนฺตฺวา อุยฺยานํ ปวิสิตฺวา อตฺตโน อาคตภาวํ รโญฺญ นิเวเทสิฯ

    Evaṃ pana taṃ saraṇesu ca sīlesu ca patiṭṭhitaṃ thero evamāha ‘‘rājakumāra, tuyhaṃ idha araññavāsena attho natthi, na ciraṃ tava jīvitaṃ, pañcamāsabbhantare eva kālaṃ karissasi, tasmā tava pitu santikameva gantvā dānādīni puññāni katvā saggaparāyaṇo bhaveyyāsī’’ti vatvā attano santike dhātuyo datvā vissajjesi. So gacchanto ‘‘ahaṃ, bhante, tumhākaṃ vacanena ito gamissāmi, tumhehipi mayhaṃ anukampāya tattha āgantabba’’nti vatvā therassa adhivāsanaṃ viditvā vanditvā padakkhiṇaṃ katvā pitu nagaraṃ gantvā uyyānaṃ pavisitvā attano āgatabhāvaṃ rañño nivedesi.

    ตํ สุตฺวา ราชา สปริวาโร อุยฺยานํ คนฺตฺวา กุมารํ อาลิงฺคิตฺวา อเนฺตปุรํ เนตฺวา อภิสิญฺจิตุกาโม อโหสิฯ กุมาโร ‘‘เทว, มยฺหํ อปฺปกํ อายุ, อิโต จตุนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน มรณํ ภวิสฺสติ, กิํ เม รเชฺชน, ตุเมฺห นิสฺสาย ปุญฺญเมว กริสฺสามี’’ติ วตฺวา เถรสฺส คุณํ รตนตฺตยสฺส จ อานุภาวํ ปเวเทสิฯ ตํ สุตฺวา ราชา สํเวคปฺปโตฺต รตนตฺตเย จ เถเร จ ปสนฺนมานโส มหนฺตํ วิหารํ กาเรตฺวา มหากจฺจายนเตฺถรสฺส สนฺติเก ทูตํ ปาเหสิฯ เถโรปิ ราชานํ มหาชนญฺจ อนุคฺคณฺหโนฺต อาคจฺฉิฯ ราชา จ สปริวาโร ทูรโตว ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา เถรํ วิหารํ ปเวเสตฺวา จตูหิ ปจฺจเยหิ สกฺกจฺจํ อุปฎฺฐหโนฺต สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฎฺฐหิฯ กุมาโร จ สีลานิ สมาทิยิตฺวา เถรํ ภิกฺขู เจว สกฺกจฺจํ อุปฎฺฐหโนฺต ทานานิ ททโนฺต ธมฺมํ สุณโนฺต จตุนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน กาลํ กตฺวา ตาวติํสภวเน นิพฺพตฺติฯ ตสฺส ปุญฺญานุภาเวน สตฺตรตนปฎิมณฺฑิโต สตฺตโยชนปฺปมาโณ รโถ อุปฺปชฺชิ, อเนกานิ จสฺส อจฺฉราสหสฺสานิ ปริวาโร อโหสิฯ

    Taṃ sutvā rājā saparivāro uyyānaṃ gantvā kumāraṃ āliṅgitvā antepuraṃ netvā abhisiñcitukāmo ahosi. Kumāro ‘‘deva, mayhaṃ appakaṃ āyu, ito catunnaṃ māsānaṃ accayena maraṇaṃ bhavissati, kiṃ me rajjena, tumhe nissāya puññameva karissāmī’’ti vatvā therassa guṇaṃ ratanattayassa ca ānubhāvaṃ pavedesi. Taṃ sutvā rājā saṃvegappatto ratanattaye ca there ca pasannamānaso mahantaṃ vihāraṃ kāretvā mahākaccāyanattherassa santike dūtaṃ pāhesi. Theropi rājānaṃ mahājanañca anuggaṇhanto āgacchi. Rājā ca saparivāro dūratova paccuggamanaṃ katvā theraṃ vihāraṃ pavesetvā catūhi paccayehi sakkaccaṃ upaṭṭhahanto saraṇesu ca sīlesu ca patiṭṭhahi. Kumāro ca sīlāni samādiyitvā theraṃ bhikkhū ceva sakkaccaṃ upaṭṭhahanto dānāni dadanto dhammaṃ suṇanto catunnaṃ māsānaṃ accayena kālaṃ katvā tāvatiṃsabhavane nibbatti. Tassa puññānubhāvena sattaratanapaṭimaṇḍito sattayojanappamāṇo ratho uppajji, anekāni cassa accharāsahassāni parivāro ahosi.

    ราชา กุมารสฺส สรีรสกฺการํ กตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ มหาทานํ ปวเตฺตตฺวา เจติยสฺส ปูชํ อกาสิ, ตตฺถ มหาชโน สนฺนิปติ, เถโรปิ สปริวาโร ตํ ปเทสํ อุปคญฺฉิฯ อถ เทวปุโตฺต อตฺตนา กตกุสลกมฺมํ โอโลเกตฺวา กตญฺญุตาย ‘‘คนฺตฺวา เถรํ วนฺทิสฺสามิ, สาสนคุเณ จ ปากเฎ กริสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ทิพฺพรถํ อารุยฺห มหตา ปริวาเรน ทิสฺสมานรูโป อาคนฺตฺวา รถา โอรุยฺห เถรสฺส ปาเท วนฺทิตฺวา ปิตรา สทฺธิํ ปฎิสนฺถารํ กตฺวา เถรํ ปยิรุปาสมาโน อญฺชลิํ ปคฺคยฺห อฎฺฐาสิฯ ตํ เถโร อิมาหิ คาถาหิ ปุจฺฉิ –

    Rājā kumārassa sarīrasakkāraṃ katvā bhikkhusaṅghassa ca mahādānaṃ pavattetvā cetiyassa pūjaṃ akāsi, tattha mahājano sannipati, theropi saparivāro taṃ padesaṃ upagañchi. Atha devaputto attanā katakusalakammaṃ oloketvā kataññutāya ‘‘gantvā theraṃ vandissāmi, sāsanaguṇe ca pākaṭe karissāmī’’ti cintetvā dibbarathaṃ āruyha mahatā parivārena dissamānarūpo āgantvā rathā oruyha therassa pāde vanditvā pitarā saddhiṃ paṭisanthāraṃ katvā theraṃ payirupāsamāno añjaliṃ paggayha aṭṭhāsi. Taṃ thero imāhi gāthāhi pucchi –

    ๑๐๐๗.

    1007.

    ‘‘สหสฺสรํสีว ยถามหปฺปโภ, ทิสํ ยถา ภาติ นเภ อนุกฺกมํ;

    ‘‘Sahassaraṃsīva yathāmahappabho, disaṃ yathā bhāti nabhe anukkamaṃ;

    ตถาปกาโร ตวายํ มหารโถ, สมนฺตโต โยชนสตฺตมายโตฯ

    Tathāpakāro tavāyaṃ mahāratho, samantato yojanasattamāyato.

    ๑๐๐๘.

    1008.

    ‘‘สุวณฺณปเฎฺฎหิ สมนฺตโมตฺถโฎ, อุรสฺส มุตฺตาหิ มณีหิ จิตฺติโต;

    ‘‘Suvaṇṇapaṭṭehi samantamotthaṭo, urassa muttāhi maṇīhi cittito;

    เลขา สุวณฺณสฺส จ รูปิยสฺส จ, โสเภนฺติ เวฬุริยมยา สุนิมฺมิตาฯ

    Lekhā suvaṇṇassa ca rūpiyassa ca, sobhenti veḷuriyamayā sunimmitā.

    ๑๐๐๙.

    1009.

    ‘‘สีสญฺจิทํ เวฬุริยสฺส นิมฺมิตํ, ยุคญฺจิทํ โลหิตกาย จิตฺติตํ;

    ‘‘Sīsañcidaṃ veḷuriyassa nimmitaṃ, yugañcidaṃ lohitakāya cittitaṃ;

    ยุตฺตา สุวณฺณสฺส จ รูปิยสฺส จ, โสภนฺติ อสฺสา จ อิเม มโนชวาฯ

    Yuttā suvaṇṇassa ca rūpiyassa ca, sobhanti assā ca ime manojavā.

    ๑๐๑๐.

    1010.

    ‘‘โส ติฎฺฐสิ เหมรเถ อธิฎฺฐิโต, เทวานมิโนฺทว สหสฺสวาหโน;

    ‘‘So tiṭṭhasi hemarathe adhiṭṭhito, devānamindova sahassavāhano;

    ปุจฺฉามิ ตาหํ ยสวนฺต โกวิทํ, กถํ ตยา ลโทฺธ อยํ อุฬาโร’’ติฯ

    Pucchāmi tāhaṃ yasavanta kovidaṃ, kathaṃ tayā laddho ayaṃ uḷāro’’ti.

    ๑๐๐๗. ตตฺถ สหสฺสรํสีติ สูริโยฯ โส หิ อเนกสหสฺสรํสิมนฺตตาย ‘‘สหสฺสรํสี’’ติ วุจฺจติฯ ยถามหปฺปโภติ อตฺตโน มหตฺตสฺส อนุรูปปฺปโภฯ ยถา หิ มหเตฺตน สูริยมณฺฑเลน สทิสํ โชติมณฺฑลํ นตฺถิ, เอวํ ปภายปิฯ ตถา หิ ตํ เอกสฺมิํ ขเณ ตีสุ มหาทีเปสุ อาโลกํ ผรนฺตํ ติฎฺฐติฯ ทิสํ ยถา ภาติ นเภ อนุกฺกมนฺติ นเภ อากาเส ยเถว ทิสํ อนุกฺกมโนฺต คจฺฉโนฺต ยถา เยน ปกาเรน ภาติ ทิพฺพติ โชตติฯ ตถาปกาโรติ ตาทิสากาโรฯ ตวายนฺติ ตว อยํฯ

    1007. Tattha sahassaraṃsīti sūriyo. So hi anekasahassaraṃsimantatāya ‘‘sahassaraṃsī’’ti vuccati. Yathāmahappabhoti attano mahattassa anurūpappabho. Yathā hi mahattena sūriyamaṇḍalena sadisaṃ jotimaṇḍalaṃ natthi, evaṃ pabhāyapi. Tathā hi taṃ ekasmiṃ khaṇe tīsu mahādīpesu ālokaṃ pharantaṃ tiṭṭhati. Disaṃ yathā bhāti nabhe anukkamanti nabhe ākāse yatheva disaṃ anukkamanto gacchanto yathā yena pakārena bhāti dibbati jotati. Tathāpakāroti tādisākāro. Tavāyanti tava ayaṃ.

    ๑๐๐๘. สุวณฺณปเฎฺฎหีติ สุวณฺณมเยหิ ปเฎฺฎหิฯ สมนฺตโมตฺถโฎ สมนฺตโต ฉาทิโตฯ อุรสฺสาติ อุโร อสฺส, รถสฺส อุโรติ จ อีสามูลํ วทติฯ เลขาติ เวฬุริยมยา มาลากมฺมลตากมฺมาทิเลขาฯ ตาสํ สุวณฺณปเฎฺฎสุ จ รชตปเฎฺฎสุ จ ทิสฺสมานตฺตา วุตฺตํ ‘‘สุวณฺณสฺส จ รูปิยสฺส จา’’ติฯ โสเภนฺตีติ รถํ โสภยนฺติฯ

    1008.Suvaṇṇapaṭṭehīti suvaṇṇamayehi paṭṭehi. Samantamotthaṭo samantato chādito. Urassāti uro assa, rathassa uroti ca īsāmūlaṃ vadati. Lekhāti veḷuriyamayā mālākammalatākammādilekhā. Tāsaṃ suvaṇṇapaṭṭesu ca rajatapaṭṭesu ca dissamānattā vuttaṃ ‘‘suvaṇṇassa ca rūpiyassa cā’’ti. Sobhentīti rathaṃ sobhayanti.

    ๑๐๐๙. สีสนฺติ รถกุพฺพรสีสํฯ เวฬุริยสฺส นิมฺมิตนฺติ เวฬุริเยน นิมฺมิตํ, เวฬุริยมณิมยนฺติ อโตฺถฯ โลหิตกายาติ โลหิตกมณินา, เยน เกนจิ รตฺตมณินา วาฯ ยุตฺตาติ โยชิตา, อถ วา โยตฺตา สุวณฺณสฺส จ รูปิยสฺส จาติ สุวณฺณมยา จ รูปิยมยา จ โยตฺตา, สงฺขลิกาติ อโตฺถฯ

    1009.Sīsanti rathakubbarasīsaṃ. Veḷuriyassa nimmitanti veḷuriyena nimmitaṃ, veḷuriyamaṇimayanti attho. Lohitakāyāti lohitakamaṇinā, yena kenaci rattamaṇinā vā. Yuttāti yojitā, atha vā yottā suvaṇṇassa ca rūpiyassa cāti suvaṇṇamayā ca rūpiyamayā ca yottā, saṅkhalikāti attho.

    ๑๐๑๐. อธิฎฺฐิโตติ อตฺตโน เทวิทฺธิยา สกลมิทํ ฐานํ อภิภวิตฺวา ฐิโตฯ สหสฺสวาหโนติ สหสฺสยุตฺตวาหโน, สหสฺสอาชานียยุตฺตรโถ เทวานมิโนฺท ยถาติ อธิปฺปาโยฯ ยสวนฺตาติ อาลปนํ, ยสสฺสีติ อโตฺถฯ โกวิทนฺติ กุสลญาณวนฺตํ, รถาโรหเน วา เฉกํฯ อยํ อุฬาโรติ อยํ อุฬาโร มหโนฺต ยโสติ อธิปฺปาโยฯ

    1010.Adhiṭṭhitoti attano deviddhiyā sakalamidaṃ ṭhānaṃ abhibhavitvā ṭhito. Sahassavāhanoti sahassayuttavāhano, sahassaājānīyayuttaratho devānamindo yathāti adhippāyo. Yasavantāti ālapanaṃ, yasassīti attho. Kovidanti kusalañāṇavantaṃ, rathārohane vā chekaṃ. Ayaṃ uḷāroti ayaṃ uḷāro mahanto yasoti adhippāyo.

    เอวํ เถเรน ปุโฎฺฐ เทวปุโตฺต อิมาหิ คาถาหิ พฺยากาสิ –

    Evaṃ therena puṭṭho devaputto imāhi gāthāhi byākāsi –

    ๑๐๑๑.

    1011.

    ‘‘สุชาโต นามหํ ภเนฺต, ราชปุโตฺต ปุเร อหุํ;

    ‘‘Sujāto nāmahaṃ bhante, rājaputto pure ahuṃ;

    ตฺวญฺจ มํ อนุกมฺปาย, สญฺญมสฺมิํ นิเวสยิฯ

    Tvañca maṃ anukampāya, saññamasmiṃ nivesayi.

    ๑๐๑๒.

    1012.

    ‘‘ขีณายุกญฺจ มํ ญตฺวา, สรีรํ ปาทาสิ สตฺถุโน;

    ‘‘Khīṇāyukañca maṃ ñatvā, sarīraṃ pādāsi satthuno;

    อิมํ สุชาต ปูเชหิ, ตํ เต อตฺถาย เหหิติฯ

    Imaṃ sujāta pūjehi, taṃ te atthāya hehiti.

    ๑๐๑๓.

    1013.

    ‘‘ตาหํ คเนฺธหิ มาเลหิ, ปูชยิตฺวา สมุยฺยุโต;

    ‘‘Tāhaṃ gandhehi mālehi, pūjayitvā samuyyuto;

    ปหาย มานุสํ เทหํ, อุปปโนฺนมฺหิ นนฺทนํฯ

    Pahāya mānusaṃ dehaṃ, upapannomhi nandanaṃ.

    ๑๐๑๔.

    1014.

    ‘‘นนฺทเน จ วเน รเมฺม, นานาทิชคณายุเต;

    ‘‘Nandane ca vane ramme, nānādijagaṇāyute;

    รมามิ นจฺจคีเตหิ, อจฺฉราหิ ปุรกฺขโต’’ติฯ

    Ramāmi naccagītehi, accharāhi purakkhato’’ti.

    ๑๐๑๒-๓. ตตฺถ สรีรนฺตี สรีรธาตุํฯ เหหิตีติ ภวิสฺสติฯ สมุยฺยุโตติ สมฺมา อุยฺยุโตฺต, ยุตฺตปฺปยุโตฺตติ อโตฺถฯ

    1012-3. Tattha sarīrantī sarīradhātuṃ. Hehitīti bhavissati. Samuyyutoti sammā uyyutto, yuttappayuttoti attho.

    เอวํ เทวปุโตฺต เถเรน ปุจฺฉิตมตฺถํ กเถตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปิตรํ อาปุจฺฉิตฺวา รถํ อารุยฺห เทวโลกเมว คโตฯ เถโรปิ ตมตฺถํ อฎฺฐุปฺปตฺติํ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย วิตฺถาเรน ธมฺมกถํ กเถสิฯ สา ธมฺมกถา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสิฯ อถ เถโร ตํ สพฺพํ อตฺตนา จ เตน จ กถิตนิยาเมเนว สงฺคีติกาเล ธมฺมสงฺคาหกานํ อาโรเจสิ, เต จ ตํ ตถา สงฺคหํ อาโรเปสุนฺติฯ

    Evaṃ devaputto therena pucchitamatthaṃ kathetvā theraṃ vanditvā padakkhiṇaṃ katvā pitaraṃ āpucchitvā rathaṃ āruyha devalokameva gato. Theropi tamatthaṃ aṭṭhuppattiṃ katvā sampattaparisāya vitthārena dhammakathaṃ kathesi. Sā dhammakathā mahājanassa sātthikā ahosi. Atha thero taṃ sabbaṃ attanā ca tena ca kathitaniyāmeneva saṅgītikāle dhammasaṅgāhakānaṃ ārocesi, te ca taṃ tathā saṅgahaṃ āropesunti.

    จูฬรถวิมานวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Cūḷarathavimānavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / วิมานวตฺถุปาฬิ • Vimānavatthupāḷi / ๑๓. จูฬรถวิมานวตฺถุ • 13. Cūḷarathavimānavatthu


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact