Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya |
๕. จูฬสจฺจกสุตฺตํ
5. Cūḷasaccakasuttaṃ
๓๕๓. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฎาคารสาลายํฯ เตน โข ปน สมเยน สจฺจโก นิคณฺฐปุโตฺต เวสาลิยํ ปฎิวสติ ภสฺสปฺปวาทโก ปณฺฑิตวาโท สาธุสมฺมโต พหุชนสฺสฯ โส เวสาลิยํ ปริสติ เอวํ วาจํ ภาสติ – ‘‘นาหํ ตํ ปสฺสามิ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา, สงฺฆิํ คณิํ คณาจริยํ, อปิ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ปฎิชานมานํ, โย มยา วาเทน วาทํ สมารโทฺธ น สงฺกเมฺปยฺย น สมฺปกเมฺปยฺย น สมฺปเวเธยฺย, ยสฺส น กเจฺฉหิ เสทา มุเจฺจยฺยุํฯ ถูณํ เจปาหํ อเจตนํ วาเทน วาทํ สมารเภยฺยํ, สาปิ มยา วาเทน วาทํ สมารทฺธา สงฺกเมฺปยฺย สมฺปกเมฺปยฺย สมฺปเวเธยฺยฯ โก ปน วาโท มนุสฺสภูตสฺสา’’ติ?
353. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā vesāliyaṃ viharati mahāvane kūṭāgārasālāyaṃ. Tena kho pana samayena saccako nigaṇṭhaputto vesāliyaṃ paṭivasati bhassappavādako paṇḍitavādo sādhusammato bahujanassa. So vesāliyaṃ parisati evaṃ vācaṃ bhāsati – ‘‘nāhaṃ taṃ passāmi samaṇaṃ vā brāhmaṇaṃ vā, saṅghiṃ gaṇiṃ gaṇācariyaṃ, api arahantaṃ sammāsambuddhaṃ paṭijānamānaṃ, yo mayā vādena vādaṃ samāraddho na saṅkampeyya na sampakampeyya na sampavedheyya, yassa na kacchehi sedā mucceyyuṃ. Thūṇaṃ cepāhaṃ acetanaṃ vādena vādaṃ samārabheyyaṃ, sāpi mayā vādena vādaṃ samāraddhā saṅkampeyya sampakampeyya sampavedheyya. Ko pana vādo manussabhūtassā’’ti?
อถ โข อายสฺมา อสฺสชิ ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เวสาลิํ ปิณฺฑาย ปาวิสิฯ อทฺทสา โข สจฺจโก นิคณฺฐปุโตฺต เวสาลิยํ ชงฺฆาวิหารํ อนุจงฺกมมาโน อนุวิจรมาโน อายสฺมนฺตํ อสฺสชิํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํฯ ทิสฺวาน เยนายสฺมา อสฺสชิ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา อสฺสชินา สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิโต โข สจฺจโก นิคณฺฐปุโตฺต อายสฺมนฺตํ อสฺสชิํ เอตทโวจ – ‘‘กถํ ปน, โภ อสฺสชิ, สมโณ โคตโม สาวเก วิเนติ, กถํภาคา จ ปน สมณสฺส โคตมสฺส สาวเกสุ อนุสาสนี พหุลา ปวตฺตตี’’ติ? ‘‘เอวํ โข, อคฺคิเวสฺสน, ภควา สาวเก วิเนติ, เอวํภาคา จ ปน ภควโต สาวเกสุ อนุสาสนี พหุลา ปวตฺตติ – ‘รูปํ, ภิกฺขเว, อนิจฺจํ, เวทนา อนิจฺจา, สญฺญา อนิจฺจา, สงฺขารา อนิจฺจา, วิญฺญาณํ อนิจฺจํฯ รูปํ, ภิกฺขเว, อนตฺตา, เวทนา อนตฺตา, สญฺญา อนตฺตา, สงฺขารา อนตฺตา, วิญฺญาณํ อนตฺตาฯ สเพฺพ สงฺขารา อนิจฺจา, สเพฺพ ธมฺมา อนตฺตา’ติฯ เอวํ โข, อคฺคิเวสฺสน, ภควา สาวเก วิเนติ, เอวํภาคา จ ปน ภควโต สาวเกสุ อนุสาสนี พหุลา ปวตฺตตี’’ติฯ ‘‘ทุสฺสุตํ วต, โภ อสฺสชิ, อสฺสุมฺห เย มยํ เอวํวาทิํ สมณํ โคตมํ อสฺสุมฺหฯ อเปฺปว นาม มยํ กทาจิ กรหจิ เตน โภตา โคตเมน สทฺธิํ สมาคเจฺฉยฺยาม , อเปฺปว นาม สิยา โกจิเทว กถาสลฺลาโป, อเปฺปว นาม ตสฺมา ปาปกา ทิฎฺฐิคตา วิเวเจยฺยามา’’ติฯ
Atha kho āyasmā assaji pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya vesāliṃ piṇḍāya pāvisi. Addasā kho saccako nigaṇṭhaputto vesāliyaṃ jaṅghāvihāraṃ anucaṅkamamāno anuvicaramāno āyasmantaṃ assajiṃ dūratova āgacchantaṃ. Disvāna yenāyasmā assaji tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmatā assajinā saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhito kho saccako nigaṇṭhaputto āyasmantaṃ assajiṃ etadavoca – ‘‘kathaṃ pana, bho assaji, samaṇo gotamo sāvake vineti, kathaṃbhāgā ca pana samaṇassa gotamassa sāvakesu anusāsanī bahulā pavattatī’’ti? ‘‘Evaṃ kho, aggivessana, bhagavā sāvake vineti, evaṃbhāgā ca pana bhagavato sāvakesu anusāsanī bahulā pavattati – ‘rūpaṃ, bhikkhave, aniccaṃ, vedanā aniccā, saññā aniccā, saṅkhārā aniccā, viññāṇaṃ aniccaṃ. Rūpaṃ, bhikkhave, anattā, vedanā anattā, saññā anattā, saṅkhārā anattā, viññāṇaṃ anattā. Sabbe saṅkhārā aniccā, sabbe dhammā anattā’ti. Evaṃ kho, aggivessana, bhagavā sāvake vineti, evaṃbhāgā ca pana bhagavato sāvakesu anusāsanī bahulā pavattatī’’ti. ‘‘Dussutaṃ vata, bho assaji, assumha ye mayaṃ evaṃvādiṃ samaṇaṃ gotamaṃ assumha. Appeva nāma mayaṃ kadāci karahaci tena bhotā gotamena saddhiṃ samāgaccheyyāma , appeva nāma siyā kocideva kathāsallāpo, appeva nāma tasmā pāpakā diṭṭhigatā viveceyyāmā’’ti.
๓๕๔. เตน โข ปน สมเยน ปญฺจมตฺตานิ ลิจฺฉวิสตานิ สนฺถาคาเร 1 สนฺนิปติตานิ โหนฺติ เกนจิเทว กรณีเยนฯ อถ โข สจฺจโก นิคณฺฐปุโตฺต เยน เต ลิจฺฉวี เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เต ลิจฺฉวี เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกมนฺตุ โภโนฺต ลิจฺฉวี, อภิกฺกมนฺตุ โภโนฺต ลิจฺฉวี, อชฺช เม สมเณน โคตเมน สทฺธิํ กถาสลฺลาโป ภวิสฺสติฯ สเจ เม สมโณ โคตโม ตถา ปติฎฺฐิสฺสติ ยถา จ เม 2 ญาตญฺญตเรน สาวเกน อสฺสชินา นาม ภิกฺขุนา ปติฎฺฐิตํ, เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส ทีฆโลมิกํ เอฬกํ โลเมสุ คเหตฺวา อากเฑฺฒยฺย ปริกเฑฺฒยฺย สมฺปริกเฑฺฒยฺย , เอวเมวาหํ สมณํ โคตมํ วาเทน วาทํ อากฑฺฒิสฺสามิ ปริกฑฺฒิสฺสามิ สมฺปริกฑฺฒิสฺสามิฯ เสยฺยถาปิ นาม พลวา โสณฺฑิกากมฺมกาโร มหนฺตํ โสณฺฑิกากิฬญฺชํ คมฺภีเร อุทกรหเท ปกฺขิปิตฺวา กเณฺณ คเหตฺวา อากเฑฺฒยฺย ปริกเฑฺฒยฺย สมฺปริกเฑฺฒยฺย, เอวเมวาหํ สมณํ โคตมํ วาเทน วาทํ อากฑฺฒิสฺสามิ ปริกฑฺฒิสฺสามิ สมฺปริกฑฺฒิสฺสามิฯ เสยฺยถาปิ นาม พลวา โสณฺฑิกาธุโตฺต วาลํ 3 กเณฺณ คเหตฺวา โอธุเนยฺย นิทฺธุเนยฺย นิโปฺผเฎยฺย 4 เอวเมวาหํ สมณํ โคตมํ วาเทน วาทํ โอธุนิสฺสามิ นิทฺธุนิสฺสามิ นิโปฺผเฎสฺสามิฯ เสยฺยถาปิ นาม กุญฺชโร สฎฺฐิหายโน คมฺภีรํ โปกฺขรณิํ โอคาเหตฺวา สาณโธวิกํ นาม กีฬิตชาตํ กีฬติ, เอวเมวาหํ สมณํ โคตมํ สาณโธวิกํ มเญฺญ กีฬิตชาตํ กีฬิสฺสามิฯ อภิกฺกมนฺตุ โภโนฺต ลิจฺฉวี, อภิกฺกมนฺตุ โภโนฺต ลิจฺฉวี, อชฺช เม สมเณน โคตเมน สทฺธิํ กถาสลฺลาโป ภวิสฺสตี’’ติฯ ตเตฺรกเจฺจ ลิจฺฉวี เอวมาหํสุ – ‘‘กิํ สมโณ โคตโม สจฺจกสฺส นิคณฺฐปุตฺตสฺส วาทํ อาโรเปสฺสติ, อถ โข สจฺจโก นิคณฺฐปุโตฺต สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ อาโรเปสฺสตี’’ติ? เอกเจฺจ ลิจฺฉวี เอวมาหํสุ – ‘‘กิํ โส ภวมาโน สจฺจโก นิคณฺฐปุโตฺต โย ภควโต วาทํ อาโรเปสฺสติ, อถ โข ภควา สจฺจกสฺส นิคณฺฐปุตฺตสฺส วาทํ อาโรเปสฺสตี’’ติ? อถ โข สจฺจโก นิคณฺฐปุโตฺต ปญฺจมเตฺตหิ ลิจฺฉวิสเตหิ ปริวุโต เยน มหาวนํ กูฎาคารสาลา เตนุปสงฺกมิฯ
354. Tena kho pana samayena pañcamattāni licchavisatāni santhāgāre 5 sannipatitāni honti kenacideva karaṇīyena. Atha kho saccako nigaṇṭhaputto yena te licchavī tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā te licchavī etadavoca – ‘‘abhikkamantu bhonto licchavī, abhikkamantu bhonto licchavī, ajja me samaṇena gotamena saddhiṃ kathāsallāpo bhavissati. Sace me samaṇo gotamo tathā patiṭṭhissati yathā ca me 6 ñātaññatarena sāvakena assajinā nāma bhikkhunā patiṭṭhitaṃ, seyyathāpi nāma balavā puriso dīghalomikaṃ eḷakaṃ lomesu gahetvā ākaḍḍheyya parikaḍḍheyya samparikaḍḍheyya , evamevāhaṃ samaṇaṃ gotamaṃ vādena vādaṃ ākaḍḍhissāmi parikaḍḍhissāmi samparikaḍḍhissāmi. Seyyathāpi nāma balavā soṇḍikākammakāro mahantaṃ soṇḍikākiḷañjaṃ gambhīre udakarahade pakkhipitvā kaṇṇe gahetvā ākaḍḍheyya parikaḍḍheyya samparikaḍḍheyya, evamevāhaṃ samaṇaṃ gotamaṃ vādena vādaṃ ākaḍḍhissāmi parikaḍḍhissāmi samparikaḍḍhissāmi. Seyyathāpi nāma balavā soṇḍikādhutto vālaṃ 7 kaṇṇe gahetvā odhuneyya niddhuneyya nipphoṭeyya 8 evamevāhaṃ samaṇaṃ gotamaṃ vādena vādaṃ odhunissāmi niddhunissāmi nipphoṭessāmi. Seyyathāpi nāma kuñjaro saṭṭhihāyano gambhīraṃ pokkharaṇiṃ ogāhetvā sāṇadhovikaṃ nāma kīḷitajātaṃ kīḷati, evamevāhaṃ samaṇaṃ gotamaṃ sāṇadhovikaṃ maññe kīḷitajātaṃ kīḷissāmi. Abhikkamantu bhonto licchavī, abhikkamantu bhonto licchavī, ajja me samaṇena gotamena saddhiṃ kathāsallāpo bhavissatī’’ti. Tatrekacce licchavī evamāhaṃsu – ‘‘kiṃ samaṇo gotamo saccakassa nigaṇṭhaputtassa vādaṃ āropessati, atha kho saccako nigaṇṭhaputto samaṇassa gotamassa vādaṃ āropessatī’’ti? Ekacce licchavī evamāhaṃsu – ‘‘kiṃ so bhavamāno saccako nigaṇṭhaputto yo bhagavato vādaṃ āropessati, atha kho bhagavā saccakassa nigaṇṭhaputtassa vādaṃ āropessatī’’ti? Atha kho saccako nigaṇṭhaputto pañcamattehi licchavisatehi parivuto yena mahāvanaṃ kūṭāgārasālā tenupasaṅkami.
๓๕๕. เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา ภิกฺขู อโพฺภกาเส จงฺกมนฺติฯ อถ โข สจฺจโก นิคณฺฐปุโตฺต เยน เต ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เต ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘กหํ นุ โข, โภ, เอตรหิ โส ภวํ โคตโม วิหรติ? ทสฺสนกามา หิ มยํ ตํ ภวนฺตํ โคตม’’นฺติ ฯ ‘‘เอส, อคฺคิเวสฺสน, ภควา มหาวนํ อโชฺฌคาเหตฺวา อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสิโนฺน’’ติฯ อถ โข สจฺจโก นิคณฺฐปุโตฺต มหติยา ลิจฺฉวิปริสาย สทฺธิํ มหาวนํ อโชฺฌคาเหตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เตปิ โข ลิจฺฉวี อเปฺปกเจฺจ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุ, อเปฺปกเจฺจ ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิํสุ, สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ อเปฺปกเจฺจ เยน ภควา เตนญฺชลิํ ปณาเมตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุ, อเปฺปกเจฺจ ภควโต สนฺติเก นามโคตฺตํ สาเวตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุ, อเปฺปกเจฺจ ตุณฺหีภูตา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ
355. Tena kho pana samayena sambahulā bhikkhū abbhokāse caṅkamanti. Atha kho saccako nigaṇṭhaputto yena te bhikkhū tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā te bhikkhū etadavoca – ‘‘kahaṃ nu kho, bho, etarahi so bhavaṃ gotamo viharati? Dassanakāmā hi mayaṃ taṃ bhavantaṃ gotama’’nti . ‘‘Esa, aggivessana, bhagavā mahāvanaṃ ajjhogāhetvā aññatarasmiṃ rukkhamūle divāvihāraṃ nisinno’’ti. Atha kho saccako nigaṇṭhaputto mahatiyā licchaviparisāya saddhiṃ mahāvanaṃ ajjhogāhetvā yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavatā saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Tepi kho licchavī appekacce bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu, appekacce bhagavatā saddhiṃ sammodiṃsu, sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Appekacce yena bhagavā tenañjaliṃ paṇāmetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu, appekacce bhagavato santike nāmagottaṃ sāvetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu, appekacce tuṇhībhūtā ekamantaṃ nisīdiṃsu.
๓๕๖. เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข สจฺจโก นิคณฺฐปุโตฺต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ปุเจฺฉยฺยาหํ ภวนฺตํ โคตมํ กิญฺจิเทว เทสํ, สเจ เม ภวํ โคตโม โอกาสํ กโรติ ปญฺหสฺส เวยฺยากรณายา’’ติฯ ‘‘ปุจฺฉ, อคฺคิเวสฺสน , ยทากงฺขสี’’ติ ฯ ‘‘กถํ ปน ภวํ โคตโม สาวเก วิเนติ, กถํภาคา จ ปน โภโต โคตมสฺส สาวเกสุ อนุสาสนี พหุลา ปวตฺตตี’’ติ? ‘‘เอวํ โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, สาวเก วิเนมิ, เอวํภาคา จ ปน เม สาวเกสุ อนุสาสนี พหุลา ปวตฺตติ – ‘รูปํ, ภิกฺขเว, อนิจฺจํ, เวทนา อนิจฺจา, สญฺญา อนิจฺจา, สงฺขารา อนิจฺจา, วิญฺญาณํ อนิจฺจํฯ รูปํ, ภิกฺขเว, อนตฺตา, เวทนา อนตฺตา, สญฺญา อนตฺตา, สงฺขารา อนตฺตา, วิญฺญาณํ อนตฺตาฯ สเพฺพ สงฺขารา อนิจฺจา, สเพฺพ ธมฺมา อนตฺตา’ติฯ เอวํ โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, สาวเก วิเนมิ, เอวํภาคา จ ปน เม สาวเกสุ อนุสาสนี พหุลา ปวตฺตตี’’ติฯ
356. Ekamantaṃ nisinno kho saccako nigaṇṭhaputto bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘puccheyyāhaṃ bhavantaṃ gotamaṃ kiñcideva desaṃ, sace me bhavaṃ gotamo okāsaṃ karoti pañhassa veyyākaraṇāyā’’ti. ‘‘Puccha, aggivessana , yadākaṅkhasī’’ti . ‘‘Kathaṃ pana bhavaṃ gotamo sāvake vineti, kathaṃbhāgā ca pana bhoto gotamassa sāvakesu anusāsanī bahulā pavattatī’’ti? ‘‘Evaṃ kho ahaṃ, aggivessana, sāvake vinemi, evaṃbhāgā ca pana me sāvakesu anusāsanī bahulā pavattati – ‘rūpaṃ, bhikkhave, aniccaṃ, vedanā aniccā, saññā aniccā, saṅkhārā aniccā, viññāṇaṃ aniccaṃ. Rūpaṃ, bhikkhave, anattā, vedanā anattā, saññā anattā, saṅkhārā anattā, viññāṇaṃ anattā. Sabbe saṅkhārā aniccā, sabbe dhammā anattā’ti. Evaṃ kho ahaṃ, aggivessana, sāvake vinemi, evaṃbhāgā ca pana me sāvakesu anusāsanī bahulā pavattatī’’ti.
‘‘อุปมา มํ, โภ โคตม, ปฎิภาตี’’ติฯ ‘‘ปฎิภาตุ ตํ, อคฺคิเวสฺสนา’’ติ ภควา อโวจฯ
‘‘Upamā maṃ, bho gotama, paṭibhātī’’ti. ‘‘Paṭibhātu taṃ, aggivessanā’’ti bhagavā avoca.
‘‘เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, เย เกจิเม พีชคามภูตคามา วุทฺธิํ วิรูฬฺหิํ เวปุลฺลํ อาปชฺชนฺติ, สเพฺพ เต ปถวิํ นิสฺสาย ปถวิยํ ปติฎฺฐายฯ เอวเมเต พีชคามภูตคามา วุทฺธิํ วิรูฬฺหิํ เวปุลฺลํ อาปชฺชนฺติฯ เสยฺยถาปิ วา ปน, โภ โคตม, เย เกจิเม พลกรณียา กมฺมนฺตา กรียนฺติ, สเพฺพ เต ปถวิํ นิสฺสาย ปถวิยํ ปติฎฺฐายฯ เอวเมเต พลกรณียา กมฺมนฺตา กรียนฺติฯ เอวเมว โข, โภ โคตม, รูปตฺตายํ ปุริสปุคฺคโล รูเป ปติฎฺฐาย ปุญฺญํ วา อปุญฺญํ วา ปสวติ, เวทนตฺตายํ ปุริสปุคฺคโล เวทนายํ ปติฎฺฐาย ปุญฺญํ วา อปุญฺญํ วา ปสวติ, สญฺญตฺตายํ ปุริสปุคฺคโล สญฺญายํ ปติฎฺฐาย ปุญฺญํ วา อปุญฺญํ วา ปสวติ, สงฺขารตฺตายํ ปุริสปุคฺคโล สงฺขาเรสุ ปติฎฺฐาย ปุญฺญํ วา อปุญฺญํ วา ปสวติ, วิญฺญาณตฺตายํ ปุริสปุคฺคโล วิญฺญาเณ ปติฎฺฐาย ปุญฺญํ วา อปุญฺญํ วา ปสวตี’’ติฯ
‘‘Seyyathāpi, bho gotama, ye kecime bījagāmabhūtagāmā vuddhiṃ virūḷhiṃ vepullaṃ āpajjanti, sabbe te pathaviṃ nissāya pathaviyaṃ patiṭṭhāya. Evamete bījagāmabhūtagāmā vuddhiṃ virūḷhiṃ vepullaṃ āpajjanti. Seyyathāpi vā pana, bho gotama, ye kecime balakaraṇīyā kammantā karīyanti, sabbe te pathaviṃ nissāya pathaviyaṃ patiṭṭhāya. Evamete balakaraṇīyā kammantā karīyanti. Evameva kho, bho gotama, rūpattāyaṃ purisapuggalo rūpe patiṭṭhāya puññaṃ vā apuññaṃ vā pasavati, vedanattāyaṃ purisapuggalo vedanāyaṃ patiṭṭhāya puññaṃ vā apuññaṃ vā pasavati, saññattāyaṃ purisapuggalo saññāyaṃ patiṭṭhāya puññaṃ vā apuññaṃ vā pasavati, saṅkhārattāyaṃ purisapuggalo saṅkhāresu patiṭṭhāya puññaṃ vā apuññaṃ vā pasavati, viññāṇattāyaṃ purisapuggalo viññāṇe patiṭṭhāya puññaṃ vā apuññaṃ vā pasavatī’’ti.
‘‘นนุ ตฺวํ, อคฺคิเวสฺสน, เอวํ วเทสิ – ‘รูปํ เม อตฺตา, เวทนา เม อตฺตา, สญฺญา เม อตฺตา, สงฺขารา เม อตฺตา, วิญฺญาณํ เม อตฺตา’’’ติ? ‘‘อหญฺหิ, โภ โคตม , เอวํ วทามิ – ‘รูปํ เม อตฺตา, เวทนา เม อตฺตา, สญฺญา เม อตฺตา, สงฺขารา เม อตฺตา, วิญฺญาณํ เม อตฺตา’ติ, อยญฺจ มหตี ชนตา’’ติฯ
‘‘Nanu tvaṃ, aggivessana, evaṃ vadesi – ‘rūpaṃ me attā, vedanā me attā, saññā me attā, saṅkhārā me attā, viññāṇaṃ me attā’’’ti? ‘‘Ahañhi, bho gotama , evaṃ vadāmi – ‘rūpaṃ me attā, vedanā me attā, saññā me attā, saṅkhārā me attā, viññāṇaṃ me attā’ti, ayañca mahatī janatā’’ti.
‘‘กิญฺหิ เต, อคฺคิเวสฺสน, มหตี ชนตา กริสฺสติ? อิงฺฆ ตฺวํ, อคฺคิเวสฺสน, สกเญฺญว วาทํ นิเพฺพเฐหี’’ติฯ ‘‘อหญฺหิ, โภ โคตม, เอวํ วทามิ – ‘รูปํ เม อตฺตา, เวทนา เม อตฺตา, สญฺญา เม อตฺตา, สงฺขารา เม อตฺตา, วิญฺญาณํ เม อตฺตา’’’ติฯ
‘‘Kiñhi te, aggivessana, mahatī janatā karissati? Iṅgha tvaṃ, aggivessana, sakaññeva vādaṃ nibbeṭhehī’’ti. ‘‘Ahañhi, bho gotama, evaṃ vadāmi – ‘rūpaṃ me attā, vedanā me attā, saññā me attā, saṅkhārā me attā, viññāṇaṃ me attā’’’ti.
๓๕๗. ‘‘เตน หิ, อคฺคิเวสฺสน, ตเญฺญเวตฺถ ปฎิปุจฺฉิสฺสามิ, ยถา เต ขเมยฺย ตถา นํ 9 พฺยากเรยฺยาสิฯ ตํ กิํ มญฺญสิ , อคฺคิเวสฺสน, วเตฺตยฺย รโญฺญ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส สกสฺมิํ วิชิเต วโส – ฆาเตตายํ วา ฆาเตตุํ, ชาเปตายํ วา ชาเปตุํ, ปพฺพาเชตายํ วา ปพฺพาเชตุํ, เสยฺยถาปิ รโญฺญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส, เสยฺยถาปิ วา ปน รโญฺญ มาคธสฺส อชาตสตฺตุสฺส เวเทหิปุตฺตสฺสา’’ติ? ‘‘วเตฺตยฺย, โภ โคตม, รโญฺญ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส สกสฺมิํ วิชิเต วโส – ฆาเตตายํ วา ฆาเตตุํ, ชาเปตายํ วา ชาเปตุํ, ปพฺพาเชตายํ วา ปพฺพาเชตุํ, เสยฺยถาปิ รโญฺญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส, เสยฺยถาปิ วา ปน รโญฺญ มาคธสฺส อชาตสตฺตุสฺส เวเทหิปุตฺตสฺสฯ อิเมสมฺปิ หิ, โภ โคตม, สงฺฆานํ คณานํ – เสยฺยถิทํ, วชฺชีนํ มลฺลานํ – วตฺตติ สกสฺมิํ วิชิเต วโส – ฆาเตตายํ วา ฆาเตตุํ, ชาเปตายํ วา ชาเปตุํ, ปพฺพาเชตายํ วา ปพฺพาเชตุํฯ กิํ ปน รโญฺญ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส, เสยฺยถาปิ รโญฺญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส , เสยฺยถาปิ วา ปน รโญฺญ มาคธสฺส อชาตสตฺตุสฺส เวเทหิปุตฺตสฺส? วเตฺตยฺย, โภ โคตม, วตฺติตุญฺจ มรหตี’’ติฯ
357. ‘‘Tena hi, aggivessana, taññevettha paṭipucchissāmi, yathā te khameyya tathā naṃ 10 byākareyyāsi. Taṃ kiṃ maññasi , aggivessana, vatteyya rañño khattiyassa muddhāvasittassa sakasmiṃ vijite vaso – ghātetāyaṃ vā ghātetuṃ, jāpetāyaṃ vā jāpetuṃ, pabbājetāyaṃ vā pabbājetuṃ, seyyathāpi rañño pasenadissa kosalassa, seyyathāpi vā pana rañño māgadhassa ajātasattussa vedehiputtassā’’ti? ‘‘Vatteyya, bho gotama, rañño khattiyassa muddhāvasittassa sakasmiṃ vijite vaso – ghātetāyaṃ vā ghātetuṃ, jāpetāyaṃ vā jāpetuṃ, pabbājetāyaṃ vā pabbājetuṃ, seyyathāpi rañño pasenadissa kosalassa, seyyathāpi vā pana rañño māgadhassa ajātasattussa vedehiputtassa. Imesampi hi, bho gotama, saṅghānaṃ gaṇānaṃ – seyyathidaṃ, vajjīnaṃ mallānaṃ – vattati sakasmiṃ vijite vaso – ghātetāyaṃ vā ghātetuṃ, jāpetāyaṃ vā jāpetuṃ, pabbājetāyaṃ vā pabbājetuṃ. Kiṃ pana rañño khattiyassa muddhāvasittassa, seyyathāpi rañño pasenadissa kosalassa , seyyathāpi vā pana rañño māgadhassa ajātasattussa vedehiputtassa? Vatteyya, bho gotama, vattituñca marahatī’’ti.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, อคฺคิเวสฺสน, ยํ ตฺวํ เอวํ วเทสิ – ‘รูปํ เม อตฺตา’ติ, วตฺตติ เต ตสฺมิํ รูเป วโส – เอวํ เม รูปํ โหตุ, เอวํ เม รูปํ มา อโหสี’’ติ? เอวํ วุเตฺต, สจฺจโก นิคณฺฐปุโตฺต ตุณฺหี อโหสิฯ ทุติยมฺปิ โข ภควา สจฺจกํ นิคณฺฐปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, อคฺคิเวสฺสน, ยํ ตฺวํ เอวํ วเทสิ – ‘รูปํ เม อตฺตา’ติ, วตฺตติ เต ตสฺมิํ รูเป วโส – เอวํ เม รูปํ โหตุ, เอวํ เม รูปํ มา อโหสี’’ติ? ทุติยมฺปิ โข สจฺจโก นิคณฺฐปุโตฺต ตุณฺหี อโหสิฯ อถ โข ภควา สจฺจกํ นิคณฺฐปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘พฺยากโรหิ ทานิ, อคฺคิเวสฺสน, น ทานิ เต ตุณฺหีภาวสฺส กาโลฯ โย โกจิ, อคฺคิเวสฺสน ตถาคเตน ยาวตติยํ สหธมฺมิกํ ปญฺหํ ปุโฎฺฐ น พฺยากโรติ, เอเตฺถวสฺส สตฺตธา มุทฺธา ผลตี’’ติฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, aggivessana, yaṃ tvaṃ evaṃ vadesi – ‘rūpaṃ me attā’ti, vattati te tasmiṃ rūpe vaso – evaṃ me rūpaṃ hotu, evaṃ me rūpaṃ mā ahosī’’ti? Evaṃ vutte, saccako nigaṇṭhaputto tuṇhī ahosi. Dutiyampi kho bhagavā saccakaṃ nigaṇṭhaputtaṃ etadavoca – ‘‘taṃ kiṃ maññasi, aggivessana, yaṃ tvaṃ evaṃ vadesi – ‘rūpaṃ me attā’ti, vattati te tasmiṃ rūpe vaso – evaṃ me rūpaṃ hotu, evaṃ me rūpaṃ mā ahosī’’ti? Dutiyampi kho saccako nigaṇṭhaputto tuṇhī ahosi. Atha kho bhagavā saccakaṃ nigaṇṭhaputtaṃ etadavoca – ‘‘byākarohi dāni, aggivessana, na dāni te tuṇhībhāvassa kālo. Yo koci, aggivessana tathāgatena yāvatatiyaṃ sahadhammikaṃ pañhaṃ puṭṭho na byākaroti, etthevassa sattadhā muddhā phalatī’’ti.
เตน โข ปน สมเยน วชิรปาณิ ยโกฺข อายสํ วชิรํ อาทาย อาทิตฺตํ สมฺปชฺชลิตํ สโชติภูตํ สจฺจกสฺส นิคณฺฐปุตฺตสฺส อุปริเวหาสํ ฐิโต โหติ – ‘สจายํ สจฺจโก นิคณฺฐปุโตฺต ภควตา ยาวตติยํ สหธมฺมิกํ ปญฺหํ ปุโฎฺฐ น พฺยากริสฺสติ เอเตฺถวสฺส สตฺตธา มุทฺธํ ผาเลสฺสามี’ติฯ ตํ โข ปน วชิรปาณิํ ยกฺขํ ภควา เจว ปสฺสติ สจฺจโก จ นิคณฺฐปุโตฺตฯ อถ โข สจฺจโก นิคณฺฐปุโตฺต ภีโต สํวิโคฺค โลมหฎฺฐชาโต ภควนฺตํเยว ตาณํ คเวสี ภควนฺตํเยว เลณํ คเวสี ภควนฺตํเยว สรณํ คเวสี ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ปุจฺฉตุ มํ ภวํ โคตโม, พฺยากริสฺสามี’’ติฯ
Tena kho pana samayena vajirapāṇi yakkho āyasaṃ vajiraṃ ādāya ādittaṃ sampajjalitaṃ sajotibhūtaṃ saccakassa nigaṇṭhaputtassa uparivehāsaṃ ṭhito hoti – ‘sacāyaṃ saccako nigaṇṭhaputto bhagavatā yāvatatiyaṃ sahadhammikaṃ pañhaṃ puṭṭho na byākarissati etthevassa sattadhā muddhaṃ phālessāmī’ti. Taṃ kho pana vajirapāṇiṃ yakkhaṃ bhagavā ceva passati saccako ca nigaṇṭhaputto. Atha kho saccako nigaṇṭhaputto bhīto saṃviggo lomahaṭṭhajāto bhagavantaṃyeva tāṇaṃ gavesī bhagavantaṃyeva leṇaṃ gavesī bhagavantaṃyeva saraṇaṃ gavesī bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘pucchatu maṃ bhavaṃ gotamo, byākarissāmī’’ti.
๓๕๘. ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, อคฺคิเวสฺสน, ยํ ตฺวํ เอวํ วเทสิ – ‘รูปํ เม อตฺตา’ติ, วตฺตติ เต ตสฺมิํ รูเป วโส – เอวํ เม รูปํ โหตุ, เอวํ เม รูปํ มา อโหสี’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’ฯ
358. ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, aggivessana, yaṃ tvaṃ evaṃ vadesi – ‘rūpaṃ me attā’ti, vattati te tasmiṃ rūpe vaso – evaṃ me rūpaṃ hotu, evaṃ me rūpaṃ mā ahosī’’ti? ‘‘No hidaṃ, bho gotama’’.
‘‘มนสิ กโรหิ, อคฺคิเวสฺสน; มนสิ กริตฺวา โข, อคฺคิเวสฺสน, พฺยากโรหิฯ น โข เต สนฺธิยติ ปุริเมน วา ปจฺฉิมํ ปจฺฉิเมน วา ปุริมํฯ ตํ กิํ มญฺญสิ, อคฺคิเวสฺสน, ยํ ตฺวํ เอวํ วเทสิ – ‘เวทนา เม อตฺตา’ติ, วตฺตติ เต ติสฺสํ เวทนายํ 11 วโส – เอวํ เม เวทนา โหตุ, เอวํ เม เวทนา มา อโหสี’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’ฯ
‘‘Manasi karohi, aggivessana; manasi karitvā kho, aggivessana, byākarohi. Na kho te sandhiyati purimena vā pacchimaṃ pacchimena vā purimaṃ. Taṃ kiṃ maññasi, aggivessana, yaṃ tvaṃ evaṃ vadesi – ‘vedanā me attā’ti, vattati te tissaṃ vedanāyaṃ 12 vaso – evaṃ me vedanā hotu, evaṃ me vedanā mā ahosī’’ti? ‘‘No hidaṃ, bho gotama’’.
‘‘มนสิ กโรหิ, อคฺคิเวสฺสน; มนสิ กริตฺวา โข, อคฺคิเวสฺสน, พฺยากโรหิฯ น โข เต สนฺธิยติ ปุริเมน วา ปจฺฉิมํ, ปจฺฉิเมน วา ปุริมํฯ ตํ กิํ มญฺญสิ, อคฺคิเวสฺสน , ยํ ตฺวํ เอวํ วเทสิ – ‘สญฺญา เม อตฺตา’ติ, วตฺตติ เต ติสฺสํ สญฺญายํ วโส – เอวํ เม สญฺญา โหตุ, เอวํ เม สญฺญา มา อโหสี’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’ฯ
‘‘Manasi karohi, aggivessana; manasi karitvā kho, aggivessana, byākarohi. Na kho te sandhiyati purimena vā pacchimaṃ, pacchimena vā purimaṃ. Taṃ kiṃ maññasi, aggivessana , yaṃ tvaṃ evaṃ vadesi – ‘saññā me attā’ti, vattati te tissaṃ saññāyaṃ vaso – evaṃ me saññā hotu, evaṃ me saññā mā ahosī’’ti? ‘‘No hidaṃ, bho gotama’’.
‘‘มนสิ กโรหิ, อคฺคิเวสฺสน ; มนสิ กริตฺวา โข, อคฺคิเวสฺสน, พฺยากโรหิฯ น โข เต สนฺธิยติ ปุริเมน วา ปจฺฉิมํ, ปจฺฉิเมน วา ปุริมํฯ ตํ กิํ มญฺญสิ, อคฺคิเวสฺสน, ยํ ตฺวํ เอวํ วเทสิ – ‘สงฺขารา เม อตฺตา’ติ, วตฺตติ เต เตสุ สงฺขาเรสุ วโส – เอวํ เม สงฺขารา โหนฺตุ, เอวํ เม สงฺขารา มา อเหสุ’’นฺติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’ฯ
‘‘Manasi karohi, aggivessana ; manasi karitvā kho, aggivessana, byākarohi. Na kho te sandhiyati purimena vā pacchimaṃ, pacchimena vā purimaṃ. Taṃ kiṃ maññasi, aggivessana, yaṃ tvaṃ evaṃ vadesi – ‘saṅkhārā me attā’ti, vattati te tesu saṅkhāresu vaso – evaṃ me saṅkhārā hontu, evaṃ me saṅkhārā mā ahesu’’nti? ‘‘No hidaṃ, bho gotama’’.
‘‘มนสิ กโรหิ, อคฺคิเวสฺสน; มนสิ กริตฺวา โข, อคฺคิเวสฺสน, พฺยากโรหิฯ น โข เต สนฺธิยติ ปุริเมน วา ปจฺฉิมํ, ปจฺฉิเมน วา ปุริมํฯ ตํ กิํ มญฺญสิ, อคฺคิเวสฺสน, ยํ ตฺวํ เอวํ วเทสิ – ‘วิญฺญาณํ เม อตฺตา’ติ, วตฺตติ เต ตสฺมิํ วิญฺญาเณ วโส – เอวํ เม วิญฺญาณํ โหตุ, เอวํ เม วิญฺญาณํ มา อโหสี’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’ฯ
‘‘Manasi karohi, aggivessana; manasi karitvā kho, aggivessana, byākarohi. Na kho te sandhiyati purimena vā pacchimaṃ, pacchimena vā purimaṃ. Taṃ kiṃ maññasi, aggivessana, yaṃ tvaṃ evaṃ vadesi – ‘viññāṇaṃ me attā’ti, vattati te tasmiṃ viññāṇe vaso – evaṃ me viññāṇaṃ hotu, evaṃ me viññāṇaṃ mā ahosī’’ti? ‘‘No hidaṃ, bho gotama’’.
‘‘มนสิ กโรหิ, อคฺคิเวสฺสน; มนสิ กริตฺวา โข, อคฺคิเวสฺสน, พฺยากโรหิฯ น โข เต สนฺธิยติ ปุริเมน วา ปจฺฉิมํ, ปจฺฉิเมน วา ปุริมํฯ ตํ กิํ มญฺญสิ, อคฺคิเวสฺสน, รูปํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ? ‘‘อนิจฺจํ, โภ โคตม’’ฯ ‘‘ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วา ตํ สุขํ วา’’ติ? ‘‘ทุกฺขํ, โภ โคตม’’ฯ ‘‘ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ, กลฺลํ นุ ตํ สมนุปสฺสิตุํ – ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’ฯ
‘‘Manasi karohi, aggivessana; manasi karitvā kho, aggivessana, byākarohi. Na kho te sandhiyati purimena vā pacchimaṃ, pacchimena vā purimaṃ. Taṃ kiṃ maññasi, aggivessana, rūpaṃ niccaṃ vā aniccaṃ vā’’ti? ‘‘Aniccaṃ, bho gotama’’. ‘‘Yaṃ panāniccaṃ dukkhaṃ vā taṃ sukhaṃ vā’’ti? ‘‘Dukkhaṃ, bho gotama’’. ‘‘Yaṃ panāniccaṃ dukkhaṃ vipariṇāmadhammaṃ, kallaṃ nu taṃ samanupassituṃ – ‘etaṃ mama, esohamasmi, eso me attā’’’ti? ‘‘No hidaṃ, bho gotama’’.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, อคฺคิเวสฺสน, เวทนา…เป.… สญฺญา…เป.… สงฺขารา…เป.… ตํ กิํ มญฺญสิ, อคฺคิเวสฺสน, วิญฺญาณํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ? ‘‘อนิจฺจํ, โภ โคตม’’ฯ ‘‘ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วา ตํ สุขํ วา’’ติ? ‘‘ทุกฺขํ, โภ โคตม’’ฯ ‘‘ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ, กลฺลํ นุ ตํ สมนุปสฺสิตุํ – ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’ฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, aggivessana, vedanā…pe… saññā…pe… saṅkhārā…pe… taṃ kiṃ maññasi, aggivessana, viññāṇaṃ niccaṃ vā aniccaṃ vā’’ti? ‘‘Aniccaṃ, bho gotama’’. ‘‘Yaṃ panāniccaṃ dukkhaṃ vā taṃ sukhaṃ vā’’ti? ‘‘Dukkhaṃ, bho gotama’’. ‘‘Yaṃ panāniccaṃ dukkhaṃ vipariṇāmadhammaṃ, kallaṃ nu taṃ samanupassituṃ – ‘etaṃ mama, esohamasmi, eso me attā’’’ti? ‘‘No hidaṃ, bho gotama’’.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, อคฺคิเวสฺสน, โย นุ โข ทุกฺขํ อลฺลีโน ทุกฺขํ อุปคโต ทุกฺขํ อโชฺฌสิโต , ทุกฺขํ ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’ติ สมนุปสฺสติ, อปิ นุ โข โส สามํ วา ทุกฺขํ ปริชาเนยฺย, ทุกฺขํ วา ปริเกฺขเปตฺวา วิหเรยฺยา’’ติ? ‘‘กิญฺหิ สิยา, โภ โคตม? โน หิทํ, โภ โคตมา’’ติฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, aggivessana, yo nu kho dukkhaṃ allīno dukkhaṃ upagato dukkhaṃ ajjhosito , dukkhaṃ ‘etaṃ mama, esohamasmi, eso me attā’ti samanupassati, api nu kho so sāmaṃ vā dukkhaṃ parijāneyya, dukkhaṃ vā parikkhepetvā vihareyyā’’ti? ‘‘Kiñhi siyā, bho gotama? No hidaṃ, bho gotamā’’ti.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, อคฺคิเวสฺสน, นนุ ตฺวํ เอวํ สเนฺต ทุกฺขํ อลฺลีโน ทุกฺขํ อุปคโต ทุกฺขํ อโชฺฌสิโต, ทุกฺขํ – ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’ติ สมนุปสฺสสี’’ติ? ‘‘กิญฺหิ โน สิยา, โภ โคตม? เอวเมตํ โภ โคตมา’’ติฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, aggivessana, nanu tvaṃ evaṃ sante dukkhaṃ allīno dukkhaṃ upagato dukkhaṃ ajjhosito, dukkhaṃ – ‘etaṃ mama, esohamasmi, eso me attā’ti samanupassasī’’ti? ‘‘Kiñhi no siyā, bho gotama? Evametaṃ bho gotamā’’ti.
๓๕๙. ‘‘เสยฺยถาปิ , อคฺคิเวสฺสน, ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน ติณฺหํ กุฐาริํ 13 อาทาย วนํ ปวิเสยฺยฯ โส ตตฺถ ปเสฺสยฺย มหนฺตํ กทลิกฺขนฺธํ อุชุํ นวํ อกุกฺกุกชาตํ 14ฯ ตเมนํ มูเล ฉิเนฺทยฺย, มูเล เฉตฺวา อเคฺค ฉิเนฺทยฺย, อเคฺค เฉตฺวา ปตฺตวฎฺฎิํ วินิพฺภุเชยฺย 15ฯ โส ตตฺถ ปตฺตวฎฺฎิํ วินิพฺภุชโนฺต เผคฺคุมฺปิ นาธิคเจฺฉยฺย, กุโต สารํ? เอวเมว โข ตฺวํ, อคฺคิเวสฺสน, มยา สกสฺมิํ วาเท สมนุยุญฺชิยมาโน สมนุคาหิยมาโน สมนุภาสิยมาโน ริโตฺต ตุโจฺฉ อปรโทฺธฯ ภาสิตา โข ปน เต เอสา, อคฺคิเวสฺสน, เวสาลิยํ ปริสติ วาจา – ‘นาหํ ตํ ปสฺสามิ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา, สงฺฆิํ คณิํ คณาจริยํ, อปิ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ปฎิชานมานํ, โย มยา วาเทน วาทํ สมารโทฺธ น สงฺกเมฺปยฺย น สมฺปกเมฺปยฺย น สมฺปเวเธยฺย, ยสฺส น กเจฺฉหิ เสทา มุเจฺจยฺยุํฯ ถูณํ เจปาหํ อเจตนํ วาเทน วาทํ สมารเภยฺยํ สาปิ มยา วาเทน วาทํ สมารทฺธา สงฺกเมฺปยฺย สมฺปกเมฺปยฺย สมฺปเวเธยฺยฯ โก ปน วาโท มนุสฺสภูตสฺสา’ติ? ตุยฺหํ โข ปน, อคฺคิเวสฺสน, อเปฺปกจฺจานิ เสทผุสิตานิ นลาฎา มุตฺตานิ, อุตฺตราสงฺคํ วินิภินฺทิตฺวา ภูมิยํ ปติฎฺฐิตานิฯ มยฺหํ โข ปน, อคฺคิเวสฺสน, นตฺถิ เอตรหิ กายสฺมิํ เสโท’’ติฯ อิติ ภควา ตสฺมิํ 16 ปริสติ สุวณฺณวณฺณํ กายํ วิวริฯ เอวํ วุเตฺต, สจฺจโก นิคณฺฐปุโตฺต ตุณฺหีภูโต มงฺกุภูโต ปตฺตกฺขโนฺธ อโธมุโข ปชฺฌายโนฺต อปฺปฎิภาโน นิสีทิฯ
359. ‘‘Seyyathāpi , aggivessana, puriso sāratthiko sāragavesī sārapariyesanaṃ caramāno tiṇhaṃ kuṭhāriṃ 17 ādāya vanaṃ paviseyya. So tattha passeyya mahantaṃ kadalikkhandhaṃ ujuṃ navaṃ akukkukajātaṃ 18. Tamenaṃ mūle chindeyya, mūle chetvā agge chindeyya, agge chetvā pattavaṭṭiṃ vinibbhujeyya 19. So tattha pattavaṭṭiṃ vinibbhujanto pheggumpi nādhigaccheyya, kuto sāraṃ? Evameva kho tvaṃ, aggivessana, mayā sakasmiṃ vāde samanuyuñjiyamāno samanugāhiyamāno samanubhāsiyamāno ritto tuccho aparaddho. Bhāsitā kho pana te esā, aggivessana, vesāliyaṃ parisati vācā – ‘nāhaṃ taṃ passāmi samaṇaṃ vā brāhmaṇaṃ vā, saṅghiṃ gaṇiṃ gaṇācariyaṃ, api arahantaṃ sammāsambuddhaṃ paṭijānamānaṃ, yo mayā vādena vādaṃ samāraddho na saṅkampeyya na sampakampeyya na sampavedheyya, yassa na kacchehi sedā mucceyyuṃ. Thūṇaṃ cepāhaṃ acetanaṃ vādena vādaṃ samārabheyyaṃ sāpi mayā vādena vādaṃ samāraddhā saṅkampeyya sampakampeyya sampavedheyya. Ko pana vādo manussabhūtassā’ti? Tuyhaṃ kho pana, aggivessana, appekaccāni sedaphusitāni nalāṭā muttāni, uttarāsaṅgaṃ vinibhinditvā bhūmiyaṃ patiṭṭhitāni. Mayhaṃ kho pana, aggivessana, natthi etarahi kāyasmiṃ sedo’’ti. Iti bhagavā tasmiṃ 20 parisati suvaṇṇavaṇṇaṃ kāyaṃ vivari. Evaṃ vutte, saccako nigaṇṭhaputto tuṇhībhūto maṅkubhūto pattakkhandho adhomukho pajjhāyanto appaṭibhāno nisīdi.
๓๖๐. อถ โข ทุมฺมุโข ลิจฺฉวิปุโตฺต สจฺจกํ นิคณฺฐปุตฺตํ ตุณฺหีภูตํ มงฺกุภูตํ ปตฺตกฺขนฺธํ อโธมุขํ ปชฺฌายนฺตํ อปฺปฎิภานํ วิทิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อุปมา มํ, ภควา, ปฎิภาตี’’ติฯ ‘‘ปฎิภาตุ ตํ, ทุมฺมุขา’’ติ ภควา อโวจฯ ‘‘เสยฺยถาปิ, ภเนฺต, คามสฺส วา นิคมสฺส วา อวิทูเร โปกฺขรณีฯ ตตฺราสฺส กกฺกฎโกฯ อถ โข, ภเนฺต, สมฺพหุลา กุมารกา วา กุมาริกา วา ตมฺหา คามา วา นิคมา วา นิกฺขมิตฺวา เยน สา โปกฺขรณี เตนุปสงฺกเมยฺยุํ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ โปกฺขรณิํ โอคาเหตฺวา ตํ กกฺกฎกํ อุทกา อุทฺธริตฺวา ถเล ปติฎฺฐาเปยฺยุํฯ ยญฺญเทว หิ โส, ภเนฺต, กกฺกฎโก อฬํ อภินินฺนาเมยฺย ตํ ตเทว เต กุมารกา วา กุมาริกา วา กเฎฺฐน วา กถเลน วา สญฺฉิเนฺทยฺยุํ สมฺภเญฺชยฺยุํ สมฺปลิภเญฺชยฺยุํฯ เอวญฺหิ โส, ภเนฺต, กกฺกฎโก สเพฺพหิ อเฬหิ สญฺฉิเนฺนหิ สมฺภเคฺคหิ สมฺปลิภเคฺคหิ อภโพฺพ ตํ โปกฺขรณิํ ปุน โอตริตุํ, เสยฺยถาปิ ปุเพฺพฯ เอวเมว โข, ภเนฺต, ยานิ สจฺจกสฺส นิคณฺฐปุตฺตสฺส วิสูกายิตานิ วิเสวิตานิ วิปฺผนฺทิตานิ ตานิปิ สพฺพานิ 21 ภควตา สญฺฉินฺนานิ สมฺภคฺคานิ สมฺปลิภคฺคานิ; อภโพฺพ จ ทานิ, ภเนฺต, สจฺจโก นิคณฺฐปุโตฺต ปุน ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตุํ ยทิทํ วาทาธิปฺปาโย’’ติฯ เอวํ วุเตฺต, สจฺจโก นิคณฺฐปุโตฺต ทุมฺมุขํ ลิจฺฉวิปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อาคเมหิ ตฺวํ, ทุมฺมุข, อาคเมหิ ตฺวํ, ทุมฺมุข ( ) 22 น มยํ ตยา สทฺธิํ มเนฺตม, อิธ มยํ โภตา โคตเมน สทฺธิํ มเนฺตมฯ
360. Atha kho dummukho licchaviputto saccakaṃ nigaṇṭhaputtaṃ tuṇhībhūtaṃ maṅkubhūtaṃ pattakkhandhaṃ adhomukhaṃ pajjhāyantaṃ appaṭibhānaṃ viditvā bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘upamā maṃ, bhagavā, paṭibhātī’’ti. ‘‘Paṭibhātu taṃ, dummukhā’’ti bhagavā avoca. ‘‘Seyyathāpi, bhante, gāmassa vā nigamassa vā avidūre pokkharaṇī. Tatrāssa kakkaṭako. Atha kho, bhante, sambahulā kumārakā vā kumārikā vā tamhā gāmā vā nigamā vā nikkhamitvā yena sā pokkharaṇī tenupasaṅkameyyuṃ; upasaṅkamitvā taṃ pokkharaṇiṃ ogāhetvā taṃ kakkaṭakaṃ udakā uddharitvā thale patiṭṭhāpeyyuṃ. Yaññadeva hi so, bhante, kakkaṭako aḷaṃ abhininnāmeyya taṃ tadeva te kumārakā vā kumārikā vā kaṭṭhena vā kathalena vā sañchindeyyuṃ sambhañjeyyuṃ sampalibhañjeyyuṃ. Evañhi so, bhante, kakkaṭako sabbehi aḷehi sañchinnehi sambhaggehi sampalibhaggehi abhabbo taṃ pokkharaṇiṃ puna otarituṃ, seyyathāpi pubbe. Evameva kho, bhante, yāni saccakassa nigaṇṭhaputtassa visūkāyitāni visevitāni vipphanditāni tānipi sabbāni 23 bhagavatā sañchinnāni sambhaggāni sampalibhaggāni; abhabbo ca dāni, bhante, saccako nigaṇṭhaputto puna bhagavantaṃ upasaṅkamituṃ yadidaṃ vādādhippāyo’’ti. Evaṃ vutte, saccako nigaṇṭhaputto dummukhaṃ licchaviputtaṃ etadavoca – ‘‘āgamehi tvaṃ, dummukha, āgamehi tvaṃ, dummukha ( ) 24 na mayaṃ tayā saddhiṃ mantema, idha mayaṃ bhotā gotamena saddhiṃ mantema.
๓๖๑. ‘‘ติฎฺฐเตสา, โภ โคตม, อมฺหากเญฺจว อเญฺญสญฺจ ปุถุสมณพฺราหฺมณานํ วาจาฯ วิลาปํ วิลปิตํ มเญฺญฯ กิตฺตาวตา จ นุ โข โภโต โคตมสฺส สาวโก สาสนกโร โหติ โอวาทปติกโร ติณฺณวิจิกิโจฺฉ วิคตกถํกโถ เวสารชฺชปฺปโตฺต อปรปฺปจฺจโย สตฺถุสาสเน วิหรตี’’ติ? ‘‘อิธ, อคฺคิเวสฺสน, มม สาวโก ยํ กิญฺจิ รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา โอฬาริกํ วา สุขุมํ วา หีนํ วา ปณีตํ วา ยํ ทูเร สนฺติเก วา, สพฺพํ รูปํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสติ; ยา กาจิ เวทนา…เป.… ยา กาจิ สญฺญา…เป.… เย เกจิ สงฺขารา…เป.… ยํ กิญฺจิ วิญฺญาณํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา โอฬาริกํ วา สุขุมํ วา หีนํ วา ปณีตํ วา, ยํ ทูเร สนฺติเก วา, สพฺพํ วิญฺญาณํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสติฯ เอตฺตาวตา โข, อคฺคิเวสฺสน, มม สาวโก สาสนกโร โหติ โอวาทปติกโร ติณฺณวิจิกิโจฺฉ วิคตกถํกโถ เวสารชฺชปฺปโตฺต อปรปฺปจฺจโย สตฺถุสาสเน วิหรตี’’ติฯ
361. ‘‘Tiṭṭhatesā, bho gotama, amhākañceva aññesañca puthusamaṇabrāhmaṇānaṃ vācā. Vilāpaṃ vilapitaṃ maññe. Kittāvatā ca nu kho bhoto gotamassa sāvako sāsanakaro hoti ovādapatikaro tiṇṇavicikiccho vigatakathaṃkatho vesārajjappatto aparappaccayo satthusāsane viharatī’’ti? ‘‘Idha, aggivessana, mama sāvako yaṃ kiñci rūpaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ ajjhattaṃ vā bahiddhā vā oḷārikaṃ vā sukhumaṃ vā hīnaṃ vā paṇītaṃ vā yaṃ dūre santike vā, sabbaṃ rūpaṃ ‘netaṃ mama, nesohamasmi, na meso attā’ti evametaṃ yathābhūtaṃ sammappaññāya passati; yā kāci vedanā…pe… yā kāci saññā…pe… ye keci saṅkhārā…pe… yaṃ kiñci viññāṇaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ ajjhattaṃ vā bahiddhā vā oḷārikaṃ vā sukhumaṃ vā hīnaṃ vā paṇītaṃ vā, yaṃ dūre santike vā, sabbaṃ viññāṇaṃ ‘netaṃ mama, nesohamasmi, na meso attā’ti evametaṃ yathābhūtaṃ sammappaññāya passati. Ettāvatā kho, aggivessana, mama sāvako sāsanakaro hoti ovādapatikaro tiṇṇavicikiccho vigatakathaṃkatho vesārajjappatto aparappaccayo satthusāsane viharatī’’ti.
‘‘กิตฺตาวตา ปน, โภ โคตม, ภิกฺขุ อรหํ โหติ ขีณาสโว วุสิตวา กตกรณีโย โอหิตภาโร อนุปฺปตฺตสทโตฺถ ปริกฺขีณภวสํโยชโน สมฺมทญฺญา วิมุโตฺต’’ติ? ‘‘อิธ, อคฺคิเวสฺสน, ภิกฺขุ ยํ กิญฺจิ รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา โอฬาริกํ วา สุขุมํ วา หีนํ วา ปณีตํ วา ยํ ทูเร สนฺติเก วา สพฺพํ รูปํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ทิสฺวา อนุปาทา วิมุโตฺต โหติ; ยา กาจิ เวทนา…เป.… ยา กาจิ สญฺญา…เป.… เย เกจิ สงฺขารา…เป.… ยํ กิญฺจิ วิญฺญาณํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา โอฬาริกํ วา สุขุมํ วา หีนํ วา ปณีตํ วา ยํ ทูเร สนฺติเก วา สพฺพํ วิญฺญาณํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ทิสฺวา อนุปาทา วิมุโตฺต โหติฯ เอตฺตาวตา โข, อคฺคิเวสฺสน, ภิกฺขุ อรหํ โหติ ขีณาสโว วุสิตวา กตกรณีโย โอหิตภาโร อนุปฺปตฺตสทโตฺถ ปริกฺขีณภวสํโยชโน สมฺมทญฺญา วิมุโตฺตฯ เอวํ วิมุตฺตจิโตฺต โข, อคฺคิเวสฺสน, ภิกฺขุ ตีหิ อนุตฺตริเยหิ สมนฺนาคโต โหติ – ทสฺสนานุตฺตริเยน, ปฎิปทานุตฺตริเยน, วิมุตฺตานุตฺตริเยนฯ เอวํ วิมุตฺตจิโตฺต โข, อคฺคิเวสฺสน, ภิกฺขุ ตถาคตเญฺญว สกฺกโรติ ครุํ กโรติ มาเนติ ปูเชติ – พุโทฺธ โส ภควา โพธาย ธมฺมํ เทเสติ, ทโนฺต โส ภควา ทมถาย ธมฺมํ เทเสติ, สโนฺต โส ภควา สมถาย ธมฺมํ เทเสติ, ติโณฺณ โส ภควา ตรณาย ธมฺมํ เทเสติ, ปรินิพฺพุโต โส ภควา ปรินิพฺพานาย ธมฺมํ เทเสตี’’ติฯ
‘‘Kittāvatā pana, bho gotama, bhikkhu arahaṃ hoti khīṇāsavo vusitavā katakaraṇīyo ohitabhāro anuppattasadattho parikkhīṇabhavasaṃyojano sammadaññā vimutto’’ti? ‘‘Idha, aggivessana, bhikkhu yaṃ kiñci rūpaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ ajjhattaṃ vā bahiddhā vā oḷārikaṃ vā sukhumaṃ vā hīnaṃ vā paṇītaṃ vā yaṃ dūre santike vā sabbaṃ rūpaṃ ‘netaṃ mama, nesohamasmi, na meso attā’ti evametaṃ yathābhūtaṃ sammappaññāya disvā anupādā vimutto hoti; yā kāci vedanā…pe… yā kāci saññā…pe… ye keci saṅkhārā…pe… yaṃ kiñci viññāṇaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ ajjhattaṃ vā bahiddhā vā oḷārikaṃ vā sukhumaṃ vā hīnaṃ vā paṇītaṃ vā yaṃ dūre santike vā sabbaṃ viññāṇaṃ ‘netaṃ mama, nesohamasmi, na meso attā’ti evametaṃ yathābhūtaṃ sammappaññāya disvā anupādā vimutto hoti. Ettāvatā kho, aggivessana, bhikkhu arahaṃ hoti khīṇāsavo vusitavā katakaraṇīyo ohitabhāro anuppattasadattho parikkhīṇabhavasaṃyojano sammadaññā vimutto. Evaṃ vimuttacitto kho, aggivessana, bhikkhu tīhi anuttariyehi samannāgato hoti – dassanānuttariyena, paṭipadānuttariyena, vimuttānuttariyena. Evaṃ vimuttacitto kho, aggivessana, bhikkhu tathāgataññeva sakkaroti garuṃ karoti māneti pūjeti – buddho so bhagavā bodhāya dhammaṃ deseti, danto so bhagavā damathāya dhammaṃ deseti, santo so bhagavā samathāya dhammaṃ deseti, tiṇṇo so bhagavā taraṇāya dhammaṃ deseti, parinibbuto so bhagavā parinibbānāya dhammaṃ desetī’’ti.
๓๖๒. เอวํ วุเตฺต, สจฺจโก นิคณฺฐปุโตฺต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘มยเมว, โภ โคตม, ธํสี, มยํ ปคพฺพา, เย มยํ ภวนฺตํ โคตมํ วาเทน วาทํ อาสาเทตพฺพํ อมญฺญิมฺหฯ สิยา หิ, โภ โคตม, หตฺถิํ ปภินฺนํ อาสชฺช ปุริสสฺส โสตฺถิภาโว, น เตฺวว ภวนฺตํ โคตมํ อาสชฺช สิยา ปุริสสฺส โสตฺถิภาโวฯ สิยา หิ, โภ โคตม, ปชฺชลิตํ 25 อคฺคิกฺขนฺธํ อาสชฺช ปุริสสฺส โสตฺถิภาโว , น เตฺวว ภวนฺตํ โคตมํ อาสชฺช สิยา ปุริสสฺส โสตฺถิภาโวฯ สิยา หิ, โภ โคตม, อาสีวิสํ โฆรวิสํ อาสชฺช ปุริสสฺส โสตฺถิภาโว, น เตฺวว ภวนฺตํ โคตมํ อาสชฺช สิยา ปุริสสฺส โสตฺถิภาโวฯ มยเมว, โภ โคตม, ธํสี, มยํ ปคพฺพา, เย มยํ ภวนฺตํ โคตมํ วาเทน วาทํ อาสาเทตพฺพํ อมญฺญิมฺหฯ อธิวาเสตุ 26 เม ภวํ โคตโม สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆนา’’ติฯ อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวนฯ
362. Evaṃ vutte, saccako nigaṇṭhaputto bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘mayameva, bho gotama, dhaṃsī, mayaṃ pagabbā, ye mayaṃ bhavantaṃ gotamaṃ vādena vādaṃ āsādetabbaṃ amaññimha. Siyā hi, bho gotama, hatthiṃ pabhinnaṃ āsajja purisassa sotthibhāvo, na tveva bhavantaṃ gotamaṃ āsajja siyā purisassa sotthibhāvo. Siyā hi, bho gotama, pajjalitaṃ 27 aggikkhandhaṃ āsajja purisassa sotthibhāvo , na tveva bhavantaṃ gotamaṃ āsajja siyā purisassa sotthibhāvo. Siyā hi, bho gotama, āsīvisaṃ ghoravisaṃ āsajja purisassa sotthibhāvo, na tveva bhavantaṃ gotamaṃ āsajja siyā purisassa sotthibhāvo. Mayameva, bho gotama, dhaṃsī, mayaṃ pagabbā, ye mayaṃ bhavantaṃ gotamaṃ vādena vādaṃ āsādetabbaṃ amaññimha. Adhivāsetu 28 me bhavaṃ gotamo svātanāya bhattaṃ saddhiṃ bhikkhusaṅghenā’’ti. Adhivāsesi bhagavā tuṇhībhāvena.
๓๖๓. อถ โข สจฺจโก นิคณฺฐปุโตฺต ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา เต ลิจฺฉวี อามเนฺตสิ – ‘‘สุณนฺตุ เม โภโนฺต ลิจฺฉวี, สมโณ เม โคตโม นิมนฺติโต สฺวาตนาย สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆนฯ เตน เม อภิหเรยฺยาถ ยมสฺส ปติรูปํ มเญฺญยฺยาถา’’ติฯ อถ โข เต ลิจฺฉวี ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน สจฺจกสฺส นิคณฺฐปุตฺตสฺส ปญฺจมตฺตานิ ถาลิปากสตานิ ภตฺตาภิหารํ อภิหริํสุฯ อถ โข นิคณฺฐปุโตฺต สเก อาราเม ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฎิยาทาเปตฺวา ภควโต กาลํ อาโรจาเปสิ – ‘‘กาโล, โภ โคตม, นิฎฺฐิตํ ภตฺต’’นฺติฯ อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน สจฺจกสฺส นิคณฺฐปุตฺตสฺส อาราโม เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิ สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆนฯ อถ โข สจฺจโก นิคณฺฐปุโตฺต พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตเปฺปสิ สมฺปวาเรสิฯ อถ โข สจฺจโก นิคณฺฐปุโตฺต ภควนฺตํ ภุตฺตาวิํ โอนีตปตฺตปาณิํ อญฺญตรํ นีจํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข สจฺจโก นิคณฺฐปุโตฺต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ยมิทํ, โภ โคตม, ทาเน ปุญฺญญฺจ ปุญฺญมหี จ ตํ ทายกานํ สุขาย โหตู’’ติฯ ‘‘ยํ โข, อคฺคิเวสฺสน, ตาทิสํ ทกฺขิเณยฺยํ อาคมฺม อวีตราคํ อวีตโทสํ อวีตโมหํ, ตํ ทายกานํ ภวิสฺสติฯ ยํ โข, อคฺคิเวสฺสน, มาทิสํ ทกฺขิเณยฺยํ อาคมฺม วีตราคํ วีตโทสํ วีตโมหํ, ตํ ตุยฺหํ ภวิสฺสตี’’ติฯ
363. Atha kho saccako nigaṇṭhaputto bhagavato adhivāsanaṃ viditvā te licchavī āmantesi – ‘‘suṇantu me bhonto licchavī, samaṇo me gotamo nimantito svātanāya saddhiṃ bhikkhusaṅghena. Tena me abhihareyyātha yamassa patirūpaṃ maññeyyāthā’’ti. Atha kho te licchavī tassā rattiyā accayena saccakassa nigaṇṭhaputtassa pañcamattāni thālipākasatāni bhattābhihāraṃ abhihariṃsu. Atha kho nigaṇṭhaputto sake ārāme paṇītaṃ khādanīyaṃ bhojanīyaṃ paṭiyādāpetvā bhagavato kālaṃ ārocāpesi – ‘‘kālo, bho gotama, niṭṭhitaṃ bhatta’’nti. Atha kho bhagavā pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya yena saccakassa nigaṇṭhaputtassa ārāmo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā paññatte āsane nisīdi saddhiṃ bhikkhusaṅghena. Atha kho saccako nigaṇṭhaputto buddhappamukhaṃ bhikkhusaṅghaṃ paṇītena khādanīyena bhojanīyena sahatthā santappesi sampavāresi. Atha kho saccako nigaṇṭhaputto bhagavantaṃ bhuttāviṃ onītapattapāṇiṃ aññataraṃ nīcaṃ āsanaṃ gahetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho saccako nigaṇṭhaputto bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘yamidaṃ, bho gotama, dāne puññañca puññamahī ca taṃ dāyakānaṃ sukhāya hotū’’ti. ‘‘Yaṃ kho, aggivessana, tādisaṃ dakkhiṇeyyaṃ āgamma avītarāgaṃ avītadosaṃ avītamohaṃ, taṃ dāyakānaṃ bhavissati. Yaṃ kho, aggivessana, mādisaṃ dakkhiṇeyyaṃ āgamma vītarāgaṃ vītadosaṃ vītamohaṃ, taṃ tuyhaṃ bhavissatī’’ti.
จูฬสจฺจกสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ปญฺจมํฯ
Cūḷasaccakasuttaṃ niṭṭhitaṃ pañcamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๕. จูฬสจฺจกสุตฺตวณฺณนา • 5. Cūḷasaccakasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๕. จูฬสจฺจกสุตฺตวณฺณนา • 5. Cūḷasaccakasuttavaṇṇanā