Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) |
๕. จูฬสจฺจกสุตฺตวณฺณนา
5. Cūḷasaccakasuttavaṇṇanā
๓๕๓. เอวํ เม สุตนฺติ จูฬสจฺจกสุตฺตํฯ ตตฺถ มหาวเน กูฎาคารสาลายนฺติ มหาวนํ นาม สยํชาตํ อโรปิมํ สปริเจฺฉทํ มหนฺตํ วนํฯ กปิลวตฺถุสามนฺตา ปน มหาวนํ หิมวเนฺตน สห เอกาพทฺธํ อปริเจฺฉทํ หุตฺวา มหาสมุทฺทํ อาหจฺจ ฐิตํฯ อิทํ ตาทิสํ น โหติฯ สปริเจฺฉทํ มหนฺตํ วนนฺติ มหาวนํฯ กูฎาคารสาลา ปน มหาวนํ นิสฺสาย กเต อาราเม กูฎาคารํ อโนฺตกตฺวา หํสวฎฺฎกจฺฉเนฺนน กตา สพฺพาการสมฺปนฺนา พุทฺธสฺส ภควโต คนฺธกุฎิ เวทิตพฺพาฯ
353.Evaṃme sutanti cūḷasaccakasuttaṃ. Tattha mahāvane kūṭāgārasālāyanti mahāvanaṃ nāma sayaṃjātaṃ aropimaṃ saparicchedaṃ mahantaṃ vanaṃ. Kapilavatthusāmantā pana mahāvanaṃ himavantena saha ekābaddhaṃ aparicchedaṃ hutvā mahāsamuddaṃ āhacca ṭhitaṃ. Idaṃ tādisaṃ na hoti. Saparicchedaṃ mahantaṃ vananti mahāvanaṃ. Kūṭāgārasālā pana mahāvanaṃ nissāya kate ārāme kūṭāgāraṃ antokatvā haṃsavaṭṭakacchannena katā sabbākārasampannā buddhassa bhagavato gandhakuṭi veditabbā.
สจฺจโก นิคณฺฐปุโตฺตติ ปุเพฺพ กิร เอโก นิคโณฺฐ จ นิคณฺฐี จ ปญฺจ ปญฺจ วาทสตานิ อุคฺคเหตฺวา, วาทํ อาโรเปสฺสามาติ ชมฺพุทีเป วิจรนฺตา เวสาลิยํ สมาคตาฯ ลิจฺฉวิราชาโน ทิสฺวา, – ‘‘ตฺวํ โก, ตฺวํ กา’’ติ ปุจฺฉิํสุฯ นิคโณฺฐ – ‘‘อหํ วาทํ อาโรเปสฺสามีติ ชมฺพุทีเป วิจรามี’’ติ อาหฯ นิคณฺฐีปิ ตถา อาหฯ ลิจฺฉวิโน, ‘‘อิเธว อญฺญมญฺญํ วาทํ อาโรเปถา’’ติ อาหํสุฯ นิคณฺฐี อตฺตนา อุคฺคหิตานิ ปญฺจวาทสตานิ ปุจฺฉิ, นิคโณฺฐ กเถสิฯ นิคเณฺฐน ปุจฺฉิเตปิ นิคณฺฐี กเถสิเยวฯ เอกสฺสปิ น ชโย, น ปราชโย, อุโภ สมสมาว อเหสุํฯ ลิจฺฉวิโน, – ‘‘ตุเมฺห อุโภปิ สมสมา อาหิณฺฑิตฺวา กิํ กริสฺสถ, อิเธว วสถา’’ติ เคหํ ทตฺวา พลิํ ปฎฺฐเปสุํฯ เตสํ สํวาสมนฺวาย จตโสฺส ธีตโร ชาตา, – เอกา สจฺจา นาม, เอกา โลลา นาม, เอกา ปฎาจารา นาม, เอกา อาจารวตี นามฯ ตาปิ ปณฺฑิตาว อเหสุํ, มาตาปิตูหิ อุคฺคหิตานิ ปญฺจ ปญฺจ วาทสตานิ อุคฺคเหสุํฯ ตา วยปตฺตา มาตาปิตโร อโวจุํ – ‘‘อมฺหากํ อมฺมา กุเล ทาริกา นาม หิรญฺญสุวณฺณาทีนิ ทตฺวา กุลฆรํ เปสิตปุพฺพา นาม นตฺถิฯ โย ปน อคาริโก ตาสํ วาทํ มทฺทิตุํ สโกฺกติ, ตสฺส ปาทปริจาริกา โหนฺติฯ โย ปพฺพชิโต ตาสํ มทฺทิตุํ สโกฺกติ, ตสฺส สนฺติเก ปพฺพชนฺติฯ ตุเมฺห กิํ กริสฺสถา’’ติ? มยมฺปิ เอวเมว กริสฺสามาติฯ จตโสฺสปิ ปริพฺพาชิกเวสํ คเหตฺวา, ‘‘อยํ ชมฺพุทีโป นาม ชมฺพุยา ปญฺญายตี’’ติ ชมฺพุสาขํ คเหตฺวา จาริกํ ปกฺกมิํสุฯ ยํ คามํ ปาปุณนฺติ, ตสฺส ทฺวาเร ปํสุปุเญฺช วา วาลิกปุเญฺช วา ชมฺพุธชํ ฐเปตฺวา, – ‘‘โย วาทํ อาโรเปตุํ สโกฺกติ, โส อิมํ มทฺทตู’’ติ วตฺวา คามํ ปวิสนฺติฯ เอวํ คาเมน คามํ วิจรนฺติโย สาวตฺถิํ ปาปุณิตฺวา ตเถว คามทฺวาเร ชมฺพุธชํ ฐเปตฺวา สมฺปตฺตมนุสฺสานํ อาโรเจตฺวา อโนฺตนครํ ปวิฎฺฐาฯ
Saccakonigaṇṭhaputtoti pubbe kira eko nigaṇṭho ca nigaṇṭhī ca pañca pañca vādasatāni uggahetvā, vādaṃ āropessāmāti jambudīpe vicarantā vesāliyaṃ samāgatā. Licchavirājāno disvā, – ‘‘tvaṃ ko, tvaṃ kā’’ti pucchiṃsu. Nigaṇṭho – ‘‘ahaṃ vādaṃ āropessāmīti jambudīpe vicarāmī’’ti āha. Nigaṇṭhīpi tathā āha. Licchavino, ‘‘idheva aññamaññaṃ vādaṃ āropethā’’ti āhaṃsu. Nigaṇṭhī attanā uggahitāni pañcavādasatāni pucchi, nigaṇṭho kathesi. Nigaṇṭhena pucchitepi nigaṇṭhī kathesiyeva. Ekassapi na jayo, na parājayo, ubho samasamāva ahesuṃ. Licchavino, – ‘‘tumhe ubhopi samasamā āhiṇḍitvā kiṃ karissatha, idheva vasathā’’ti gehaṃ datvā baliṃ paṭṭhapesuṃ. Tesaṃ saṃvāsamanvāya catasso dhītaro jātā, – ekā saccā nāma, ekā lolā nāma, ekā paṭācārā nāma, ekā ācāravatī nāma. Tāpi paṇḍitāva ahesuṃ, mātāpitūhi uggahitāni pañca pañca vādasatāni uggahesuṃ. Tā vayapattā mātāpitaro avocuṃ – ‘‘amhākaṃ ammā kule dārikā nāma hiraññasuvaṇṇādīni datvā kulagharaṃ pesitapubbā nāma natthi. Yo pana agāriko tāsaṃ vādaṃ maddituṃ sakkoti, tassa pādaparicārikā honti. Yo pabbajito tāsaṃ maddituṃ sakkoti, tassa santike pabbajanti. Tumhe kiṃ karissathā’’ti? Mayampi evameva karissāmāti. Catassopi paribbājikavesaṃ gahetvā, ‘‘ayaṃ jambudīpo nāma jambuyā paññāyatī’’ti jambusākhaṃ gahetvā cārikaṃ pakkamiṃsu. Yaṃ gāmaṃ pāpuṇanti, tassa dvāre paṃsupuñje vā vālikapuñje vā jambudhajaṃ ṭhapetvā, – ‘‘yo vādaṃ āropetuṃ sakkoti, so imaṃ maddatū’’ti vatvā gāmaṃ pavisanti. Evaṃ gāmena gāmaṃ vicarantiyo sāvatthiṃ pāpuṇitvā tatheva gāmadvāre jambudhajaṃ ṭhapetvā sampattamanussānaṃ ārocetvā antonagaraṃ paviṭṭhā.
เตน สมเยน ภควา สาวตฺถิํ นิสฺสาย เชตวเน วิหรติฯ อถายสฺมา สาริปุโตฺต คิลาเน ปุจฺฉโนฺต อชคฺคิตฎฺฐานํ ชคฺคโนฺต อตฺตโน กิจฺจมหนฺตตาย อเญฺญหิ ภิกฺขูหิ ทิวาตรํ คามํ ปิณฺฑาย ปวิสโนฺต คามทฺวาเร ชมฺพุธชํ ทิสฺวา, – ‘‘กิมิท’’นฺติ ทารเก ปุจฺฉิฯ เต ตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ เตน หิ มทฺทถาติฯ น สโกฺกม, ภเนฺต, ภายามาติฯ ‘‘กุมารา มา ภายถ, ‘เกน อมฺหากํ ชมฺพุธโช มทฺทาปิโต’ติ วุเตฺต, พุทฺธสาวเกน สาริปุตฺตเตฺถเรน มทฺทาปิโต, วาทํ อาโรเปตุกามา เชตวเน เถรสฺส สนฺติกํ คจฺฉถาติ วเทยฺยาถา’’ติ อาหฯ เต เถรสฺส วจนํ สุตฺวา ชมฺพุธชํ มทฺทิตฺวา ฉเฑฺฑสุํฯ เถโร ปิณฺฑาย จริตฺวา วิหารํ คโตฯ ปริพฺพาชิกาปิ คามโต นิกฺขมิตฺวา, ‘‘อมฺหากํ ธโช เกน มทฺทาปิโต’’ติ ปุจฺฉิํสุฯ ทารกา ตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ปริพฺพาชิกา ปุน คามํ ปวิสิตฺวา เอเกกํ วีถิํ คเหตฺวา, – ‘‘พุทฺธสาวโก กิร สาริปุโตฺต นาม อเมฺหหิ สทฺธิํ วาทํ กริสฺสติ, โสตุกามา นิกฺขมถา’’ติ อาโรเจสุํฯ มหาชโน นิกฺขมิ, เตน สทฺธิํ ปริพฺพาชิกา เชตวนํ อคมิํสุฯ
Tena samayena bhagavā sāvatthiṃ nissāya jetavane viharati. Athāyasmā sāriputto gilāne pucchanto ajaggitaṭṭhānaṃ jagganto attano kiccamahantatāya aññehi bhikkhūhi divātaraṃ gāmaṃ piṇḍāya pavisanto gāmadvāre jambudhajaṃ disvā, – ‘‘kimida’’nti dārake pucchi. Te tamatthaṃ ārocesuṃ. Tena hi maddathāti. Na sakkoma, bhante, bhāyāmāti. ‘‘Kumārā mā bhāyatha, ‘kena amhākaṃ jambudhajo maddāpito’ti vutte, buddhasāvakena sāriputtattherena maddāpito, vādaṃ āropetukāmā jetavane therassa santikaṃ gacchathāti vadeyyāthā’’ti āha. Te therassa vacanaṃ sutvā jambudhajaṃ madditvā chaḍḍesuṃ. Thero piṇḍāya caritvā vihāraṃ gato. Paribbājikāpi gāmato nikkhamitvā, ‘‘amhākaṃ dhajo kena maddāpito’’ti pucchiṃsu. Dārakā tamatthaṃ ārocesuṃ. Paribbājikā puna gāmaṃ pavisitvā ekekaṃ vīthiṃ gahetvā, – ‘‘buddhasāvako kira sāriputto nāma amhehi saddhiṃ vādaṃ karissati, sotukāmā nikkhamathā’’ti ārocesuṃ. Mahājano nikkhami, tena saddhiṃ paribbājikā jetavanaṃ agamiṃsu.
เถโร – ‘‘อมฺหากํ วสนฎฺฐาเน มาตุคามสฺส อาคมนํ นาม อผาสุก’’นฺติ วิหารมเชฺฌ นิสีทิฯ ปริพฺพาชิกาโย คนฺตฺวา เถรํ ปุจฺฉิํสุ – ‘‘ตุเมฺหหิ อมฺหากํ ธโช มทฺทาปิโต’’ติ? อาม, มยา มทฺทาปิโตติฯ มยํ ตุเมฺหหิ สทฺธิํ วาทํ กริสฺสามาติฯ สาธุ กโรถ, กสฺส ปุจฺฉา กสฺส วิสฺสชฺชนํ โหตูติ? ปุจฺฉา นาม อมฺหากํ ปตฺตา, ตุเมฺห ปน มาตุคามา นาม ปฐมํ ปุจฺฉถาติ อาหฯ ตา จตโสฺสปิ จตูสุ ทิสาสุ ฐตฺวา มาตาปิตูนํ สนฺติเก อุคฺคหิตํ วาทสหสฺสํ ปุจฺฉิํสุฯ เถโร ขเคฺคน กุมุทนาฬํ ฉินฺทโนฺต วิย ปุจฺฉิตํ ปุจฺฉิตํ นิชฺชฎํ นิคฺคณฺฐิํ กตฺวา กเถสิ, กเถตฺวา ปุน ปุจฺฉถาติ อาหฯ เอตฺตกเมว, ภเนฺต, มยํ ชานามาติฯ เถโร อาห – ‘‘ตุเมฺหหิ วาทสหสฺสํ ปุจฺฉิตํ มยา กถิตํ, อหํ ปน เอกํ เยว ปญฺหํ ปุจฺฉิสฺสามิ, ตํ ตุเมฺห กเถถา’’ติฯ ตา เถรสฺส วิสยํ ทิสฺวา, ‘‘ปุจฺฉถ, ภเนฺต, พฺยากริสฺสามา’’ติ วตฺตุํ นาสกฺขิํสุฯ ‘‘วท, ภเนฺต, ชานมานา พฺยากริสฺสามา’’ติ ปุน อาหํสุฯ
Thero – ‘‘amhākaṃ vasanaṭṭhāne mātugāmassa āgamanaṃ nāma aphāsuka’’nti vihāramajjhe nisīdi. Paribbājikāyo gantvā theraṃ pucchiṃsu – ‘‘tumhehi amhākaṃ dhajo maddāpito’’ti? Āma, mayā maddāpitoti. Mayaṃ tumhehi saddhiṃ vādaṃ karissāmāti. Sādhu karotha, kassa pucchā kassa vissajjanaṃ hotūti? Pucchā nāma amhākaṃ pattā, tumhe pana mātugāmā nāma paṭhamaṃ pucchathāti āha. Tā catassopi catūsu disāsu ṭhatvā mātāpitūnaṃ santike uggahitaṃ vādasahassaṃ pucchiṃsu. Thero khaggena kumudanāḷaṃ chindanto viya pucchitaṃ pucchitaṃ nijjaṭaṃ niggaṇṭhiṃ katvā kathesi, kathetvā puna pucchathāti āha. Ettakameva, bhante, mayaṃ jānāmāti. Thero āha – ‘‘tumhehi vādasahassaṃ pucchitaṃ mayā kathitaṃ, ahaṃ pana ekaṃ yeva pañhaṃ pucchissāmi, taṃ tumhe kathethā’’ti. Tā therassa visayaṃ disvā, ‘‘pucchatha, bhante, byākarissāmā’’ti vattuṃ nāsakkhiṃsu. ‘‘Vada, bhante, jānamānā byākarissāmā’’ti puna āhaṃsu.
เถโร อยํ ปน กุลปุเตฺต ปพฺพาเชตฺวา ปฐมํ สิกฺขาเปตพฺพปโญฺหติ วตฺวา, – ‘‘เอกํ นาม กิ’’นฺติ ปุจฺฉิฯ ตา เนว อนฺตํ, น โกฎิํ อทฺทสํสุฯ เถโร กเถถาติ อาหฯ น ปสฺสาม, ภเนฺตติฯ ตุเมฺหหิ วาทสหสฺสํ ปุจฺฉิตํ มยา กถิตํ, มยฺหํ ตุเมฺห เอกํ ปญฺหมฺปิ กเถตุํ น สโกฺกถ, เอวํ สเนฺต กสฺส ชโย กสฺส ปราชโยติ? ตุมฺหากํ, ภเนฺต, ชโย, อมฺหากํ ปราชโยติฯ อิทานิ กิํ กริสฺสถาติ? ตา มาตาปิตูหิ วุตฺตวจนํ อาโรเจตฺวา, ‘‘ตุมฺหากํ สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามา’’ติ อาหํสุฯ ตุเมฺห มาตุคามา นาม อมฺหากํ สนฺติเก ปพฺพชิตุํ น วฎฺฎติ, อมฺหากํ ปน สาสนํ คเหตฺวา ภิกฺขุนิอุปสฺสยํ คนฺตฺวา ปพฺพชถาติฯ ตา สาธูติ เถรสฺส สาสนํ คเหตฺวา ภิกฺขุนิสงฺฆสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ปพฺพชิํสุฯ ปพฺพชิตา จ ปน อปฺปมตฺตา อาตาปินิโย หุตฺวา นจิรเสฺสว อรหตฺตํ ปาปุณิํสุฯ
Thero ayaṃ pana kulaputte pabbājetvā paṭhamaṃ sikkhāpetabbapañhoti vatvā, – ‘‘ekaṃ nāma ki’’nti pucchi. Tā neva antaṃ, na koṭiṃ addasaṃsu. Thero kathethāti āha. Na passāma, bhanteti. Tumhehi vādasahassaṃ pucchitaṃ mayā kathitaṃ, mayhaṃ tumhe ekaṃ pañhampi kathetuṃ na sakkotha, evaṃ sante kassa jayo kassa parājayoti? Tumhākaṃ, bhante, jayo, amhākaṃ parājayoti. Idāni kiṃ karissathāti? Tā mātāpitūhi vuttavacanaṃ ārocetvā, ‘‘tumhākaṃ santike pabbajissāmā’’ti āhaṃsu. Tumhe mātugāmā nāma amhākaṃ santike pabbajituṃ na vaṭṭati, amhākaṃ pana sāsanaṃ gahetvā bhikkhuniupassayaṃ gantvā pabbajathāti. Tā sādhūti therassa sāsanaṃ gahetvā bhikkhunisaṅghassa santikaṃ gantvā pabbajiṃsu. Pabbajitā ca pana appamattā ātāpiniyo hutvā nacirasseva arahattaṃ pāpuṇiṃsu.
อยํ สจฺจโก ตาสํ จตุนฺนมฺปิ กนิฎฺฐภาติโกฯ ตาหิ จตูหิปิ อุตฺตริตรปโญฺญ, มาตาปิตูนมฺปิ สนฺติกา วาทสหสฺสํ, ตโต พหุตรญฺจ พาหิรสมยํ อุคฺคเหตฺวา กตฺถจิ อคนฺตฺวา ราชทารเก สิปฺปํ สิกฺขาเปโนฺต ตเตฺถว เวสาลิยํ วสติ, ปญฺญาย อติปูริตตฺตา กุจฺฉิ เม ภิเชฺชยฺยาติ ภีโต อยปเฎฺฎน กุจฺฉิํ ปริกฺขิปิตฺวา จรติ, อิมํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สจฺจโก นิคณฺฐปุโตฺต’’ติฯ
Ayaṃ saccako tāsaṃ catunnampi kaniṭṭhabhātiko. Tāhi catūhipi uttaritarapañño, mātāpitūnampi santikā vādasahassaṃ, tato bahutarañca bāhirasamayaṃ uggahetvā katthaci agantvā rājadārake sippaṃ sikkhāpento tattheva vesāliyaṃ vasati, paññāya atipūritattā kucchi me bhijjeyyāti bhīto ayapaṭṭena kucchiṃ parikkhipitvā carati, imaṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘saccako nigaṇṭhaputto’’ti.
ภสฺสปฺปวาทโกติ ภสฺสํ วุจฺจติ กถามโคฺค, ตํ ปวทติ กเถตีติ ภสฺสปฺปวาทโกฯ ปณฺฑิตวาโทติ อหํ ปณฺฑิโตติ เอวํ วาโทฯ สาธุสมฺมโต พหุชนสฺสาติ ยํ ยํ นกฺขตฺตจาเรน อาทิสติ, ตํ ตํ เยภุเยฺยน ตเถว โหติ, ตสฺมา อยํ สาธุลทฺธิโก ภทฺทโกติ เอวํ สมฺมโต มหาชนสฺสฯ วาเทน วาทํ สมารโทฺธติ กถามเคฺคน โทสํ อาโรปิโตฯ อายสฺมา อสฺสชีติ สาริปุตฺตเตฺถรสฺส อาจริโย อสฺสชิเตฺถโรฯ ชงฺฆาวิหารํ อนุจงฺกมมาโนติ ตโต ตโต ลิจฺฉวิราชเคหโต ตํ ตํ เคหํ คมนตฺถาย อนุจงฺกมมาโนฯ เยนายสฺมา อสฺสชิ เตนุปสงฺกมีติ กสฺมา อุปสงฺกมิ? สมยชานนตฺถํฯ
Bhassappavādakoti bhassaṃ vuccati kathāmaggo, taṃ pavadati kathetīti bhassappavādako. Paṇḍitavādoti ahaṃ paṇḍitoti evaṃ vādo. Sādhusammato bahujanassāti yaṃ yaṃ nakkhattacārena ādisati, taṃ taṃ yebhuyyena tatheva hoti, tasmā ayaṃ sādhuladdhiko bhaddakoti evaṃ sammato mahājanassa. Vādena vādaṃ samāraddhoti kathāmaggena dosaṃ āropito. Āyasmā assajīti sāriputtattherassa ācariyo assajitthero. Jaṅghāvihāraṃ anucaṅkamamānoti tato tato licchavirājagehato taṃ taṃ gehaṃ gamanatthāya anucaṅkamamāno. Yenāyasmā assaji tenupasaṅkamīti kasmā upasaṅkami? Samayajānanatthaṃ.
เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘อหํ ‘สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ อาโรเปสฺสามี’ติ อาหิณฺฑามิ, ‘สมยํ ปนสฺส น ชานามี’ติ น อาโรเปสิํฯ ปรสฺส หิ สมยํ ญตฺวา อาโรปิโต วาโท สฺวาโรปิโต นาม โหติฯ อยํ ปน สมณสฺส โคตมสฺส สาวโก ปญฺญายติ อสฺสชิเตฺถโร ; โส อตฺตโน สตฺถุ สมเย โกวิโท, เอตาหํ ปุจฺฉิตฺวา กถํ ปติฎฺฐาเปตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ อาโรเปสฺสามี’’ติฯ ตสฺมา อุปสงฺกมิฯ วิเนตีติ กถํ วิเนติ, กถํ สิกฺขาเปตีติ ปุจฺฉติฯ เถโร ปน ยสฺมา ทุกฺขนฺติ วุเตฺต อุปารมฺภสฺส โอกาโส โหติ, มคฺคผลานิปิ ปริยาเยน ทุกฺขนฺติ อาคตานิ, อยญฺจ ทุกฺขนฺติ วุเตฺต เถรํ ปุเจฺฉยฺย – ‘‘โภ อสฺสชิ, กิมตฺถํ ตุเมฺห ปพฺพชิตา’’ติฯ ตโต ‘‘มคฺคผลตฺถายา’’ติ วุเตฺต, – ‘‘นยิทํ, โภ อสฺสชิ, ตุมฺหากํ สาสนํ นาม, มหาอาฆาตนํ นาเมตํ, นิรยุสฺสโท นาเมส, นตฺถิ ตุมฺหากํ สุขาสา, อุฎฺฐายุฎฺฐาย ทุกฺขเมว ชิราเปนฺตา อาหิณฺฑถา’’ติ โทสํ อาโรเปยฺย, ตสฺมา ปรวาทิสฺส ปริยายกถํ กาตุํ น วฎฺฎติฯ ยถา เอส อปฺปติโฎฺฐ โหติ, เอวมสฺส นิปฺปริยายกถํ กเถสฺสามีติ จิเนฺตตฺวา, ‘‘รูปํ, ภิกฺขเว, อนิจฺจ’’นฺติ อิมํ อนิจฺจานตฺตวเสเนว กถํ กเถติฯ ทุสฺสุตนฺติ โสตุํ อยุตฺตํฯ
Evaṃ kirassa ahosi – ‘‘ahaṃ ‘samaṇassa gotamassa vādaṃ āropessāmī’ti āhiṇḍāmi, ‘samayaṃ panassa na jānāmī’ti na āropesiṃ. Parassa hi samayaṃ ñatvā āropito vādo svāropito nāma hoti. Ayaṃ pana samaṇassa gotamassa sāvako paññāyati assajitthero ; so attano satthu samaye kovido, etāhaṃ pucchitvā kathaṃ patiṭṭhāpetvā samaṇassa gotamassa vādaṃ āropessāmī’’ti. Tasmā upasaṅkami. Vinetīti kathaṃ vineti, kathaṃ sikkhāpetīti pucchati. Thero pana yasmā dukkhanti vutte upārambhassa okāso hoti, maggaphalānipi pariyāyena dukkhanti āgatāni, ayañca dukkhanti vutte theraṃ puccheyya – ‘‘bho assaji, kimatthaṃ tumhe pabbajitā’’ti. Tato ‘‘maggaphalatthāyā’’ti vutte, – ‘‘nayidaṃ, bho assaji, tumhākaṃ sāsanaṃ nāma, mahāāghātanaṃ nāmetaṃ, nirayussado nāmesa, natthi tumhākaṃ sukhāsā, uṭṭhāyuṭṭhāya dukkhameva jirāpentā āhiṇḍathā’’ti dosaṃ āropeyya, tasmā paravādissa pariyāyakathaṃ kātuṃ na vaṭṭati. Yathā esa appatiṭṭho hoti, evamassa nippariyāyakathaṃ kathessāmīti cintetvā, ‘‘rūpaṃ, bhikkhave, anicca’’nti imaṃ aniccānattavaseneva kathaṃ katheti. Dussutanti sotuṃ ayuttaṃ.
๓๕๔. สนฺถาคาเรติ ราชกุลานํ อตฺถานุสาสนสนฺถาคารสาลายํฯ เยน เต ลิจฺฉวี เตนุปสงฺกมีติ เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘อหํ ปุเพฺพ สมยํ อชานนภาเวน สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ น อาโรเปสิํ, อิทานิ ปนสฺส มหาสาวเกน กถิตํ สมยํ ชานามิ, อิเม จ มม อเนฺตวาสิกา ปญฺจสตา ลิจฺฉวี สนฺนิปติตาฯ เอเตหิ สทฺธิํ คนฺตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ อาโรเปสฺสามี’’ติ ตสฺมา อุปสงฺกมิฯ ญาตญฺญตเรนาติ ญาเตสุ อภิญฺญาเตสุ ปญฺจวคฺคิยเตฺถเรสุ อญฺญตเรนฯ ปติฎฺฐิตนฺติ ยถา เตน ปติฎฺฐิตํฯ สเจ เอวํ ปติฎฺฐิสฺสติ, อถ ปน อญฺญเทว วกฺขติ, ตตฺร มยา กิํ สกฺกา กาตุนฺติ อิทาเนว ปิฎฺฐิํ ปริวเตฺตโนฺต อาหฯ อากเฑฺฒยฺยาติ อตฺตโน อภิมุขํ กเฑฺฒยฺยฯ ปริกเฑฺฒยฺยาติ ปุรโต ปฎิปณาเมยฺยฯ สมฺปริกเฑฺฒยฺยาติ กาเลน อากเฑฺฒยฺย, กาเลน ปริกเฑฺฒยฺยฯ โสณฺฑิกากิลญฺชนฺติ สุราฆเร ปิฎฺฐกิลญฺชํฯ โสณฺฑิกาธุโตฺตติ สุราธุโตฺตฯ วาลํ กเณฺณ คเหตฺวาติ สุราปริสฺสาวนตฺถวิกํ โธวิตุกาโม กสฎนิธุนนตฺถํ อุโภสุ กเณฺณสุ คเหตฺวาฯ โอธุเนยฺยาติ อโธมุขํ กตฺวา ธุเนยฺยฯ นิทฺธุเนยฺยาติ อุทฺธํมุขํ กตฺวา ธุเนยฺยฯ นิโปฺผเฎยฺยาติ ปุนปฺปุนํ ปโปฺผเฎยฺยฯ สาณโธวิกํ นามาติ เอตฺถ มนุสฺสา สาณสาฎกกรณตฺถํ สาณวาเก คเหตฺวา มุฎฺฐิํ มุฎฺฐิํ พนฺธิตฺวา อุทเก ปกฺขิปนฺติฯ เต ตติยทิวเส สุฎฺฐุ กิลินฺนา โหนฺติฯ อถ มนุสฺสา อมฺพิลยาคุสุราทีนิ อาทาย ตตฺถ คนฺตฺวา สาณมุฎฺฐิํ คเหตฺวา, ทกฺขิณโต วามโต สมฺมุขา จาติ ตีสุ ผลเกสุ สกิํ ทกฺขิณผลเก, สกิํ วามผลเก, สกิํ สมฺมุขผลเก ปหรนฺตา อมฺพิลยาคุสุราทีนิ ภุญฺชนฺตา ปิวนฺตา ขาทนฺตา โธวนฺติฯ มหนฺตา กีฬา โหติฯ รโญฺญ นาโค ตํ กีฬํ ทิสฺวา คมฺภีรํ อุทกํ อนุปวิสิตฺวา โสณฺฑาย อุทกํ คเหตฺวา สกิํ กุเมฺภ สกิํ ปิฎฺฐิยํ สกิํ อุโภสุ ปเสฺสสุ สกิํ อนฺตรสตฺถิยํ ปกฺขิปโนฺต กีฬิตฺถฯ ตทุปาทาย ตํ กีฬิตชาตํ สาณโธวิกํ นาม วุจฺจติ , ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘สาณโธวิกํ นาม กีฬิตชาตํ กีฬตี’’ติฯ กิํ โส ภวมาโน สจฺจโก นิคณฺฐปุโตฺต, โย ภควโต วาทํ อาโรเปสฺสตีติ โย สจฺจโก นิคณฺฐปุโตฺต ภควโต วาทํ อาโรเปสฺสติ, โส กิํ ภวมาโน กิํ ยโกฺข ภวมาโน อุทาหุ อิโนฺท, อุทาหุ พฺรหฺมา ภวมาโน ภควโต วาทํ อาโรเปสฺสติ? น หิ สกฺกา ปกติมนุเสฺสน ภควโต วาทํ อาโรเปตุนฺติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโยฯ
354.Santhāgāreti rājakulānaṃ atthānusāsanasanthāgārasālāyaṃ. Yena te licchavī tenupasaṅkamīti evaṃ kirassa ahosi – ‘‘ahaṃ pubbe samayaṃ ajānanabhāvena samaṇassa gotamassa vādaṃ na āropesiṃ, idāni panassa mahāsāvakena kathitaṃ samayaṃ jānāmi, ime ca mama antevāsikā pañcasatā licchavī sannipatitā. Etehi saddhiṃ gantvā samaṇassa gotamassa vādaṃ āropessāmī’’ti tasmā upasaṅkami. Ñātaññatarenāti ñātesu abhiññātesu pañcavaggiyattheresu aññatarena. Patiṭṭhitanti yathā tena patiṭṭhitaṃ. Sace evaṃ patiṭṭhissati, atha pana aññadeva vakkhati, tatra mayā kiṃ sakkā kātunti idāneva piṭṭhiṃ parivattento āha. Ākaḍḍheyyāti attano abhimukhaṃ kaḍḍheyya. Parikaḍḍheyyāti purato paṭipaṇāmeyya. Samparikaḍḍheyyāti kālena ākaḍḍheyya, kālena parikaḍḍheyya. Soṇḍikākilañjanti surāghare piṭṭhakilañjaṃ. Soṇḍikādhuttoti surādhutto. Vālaṃ kaṇṇe gahetvāti surāparissāvanatthavikaṃ dhovitukāmo kasaṭanidhunanatthaṃ ubhosu kaṇṇesu gahetvā. Odhuneyyāti adhomukhaṃ katvā dhuneyya. Niddhuneyyāti uddhaṃmukhaṃ katvā dhuneyya. Nipphoṭeyyāti punappunaṃ papphoṭeyya. Sāṇadhovikaṃ nāmāti ettha manussā sāṇasāṭakakaraṇatthaṃ sāṇavāke gahetvā muṭṭhiṃ muṭṭhiṃ bandhitvā udake pakkhipanti. Te tatiyadivase suṭṭhu kilinnā honti. Atha manussā ambilayāgusurādīni ādāya tattha gantvā sāṇamuṭṭhiṃ gahetvā, dakkhiṇato vāmato sammukhā cāti tīsu phalakesu sakiṃ dakkhiṇaphalake, sakiṃ vāmaphalake, sakiṃ sammukhaphalake paharantā ambilayāgusurādīni bhuñjantā pivantā khādantā dhovanti. Mahantā kīḷā hoti. Rañño nāgo taṃ kīḷaṃ disvā gambhīraṃ udakaṃ anupavisitvā soṇḍāya udakaṃ gahetvā sakiṃ kumbhe sakiṃ piṭṭhiyaṃ sakiṃ ubhosu passesu sakiṃ antarasatthiyaṃ pakkhipanto kīḷittha. Tadupādāya taṃ kīḷitajātaṃ sāṇadhovikaṃ nāma vuccati , taṃ sandhāya vuttaṃ – ‘‘sāṇadhovikaṃ nāma kīḷitajātaṃ kīḷatī’’ti. Kiṃ so bhavamāno saccako nigaṇṭhaputto, yo bhagavato vādaṃ āropessatīti yo saccako nigaṇṭhaputto bhagavato vādaṃ āropessati, so kiṃ bhavamāno kiṃ yakkho bhavamāno udāhu indo, udāhu brahmā bhavamāno bhagavato vādaṃ āropessati? Na hi sakkā pakatimanussena bhagavato vādaṃ āropetunti ayamettha adhippāyo.
๓๕๕. เตน โข ปน สมเยนาติ ยสฺมิํ สมเย สจฺจโก อารามํ ปาวิสิ, ตสฺมิํฯ กิสฺมิํ ปน สมเย ปาวิสีติ? มหามชฺฌนฺหิกสมเยฯ กสฺมา ปน ตสฺมิํ สมเย จงฺกมนฺตีติ? ปณีตโภชนปจฺจยสฺส ถินมิทฺธสฺส วิโนทนตฺถํฯ ทิวาปธานิกา วา เตฯ ตาทิสานญฺหิ ปจฺฉาภตฺตํ จงฺกมิตฺวา นฺหตฺวา สรีรํ อุตุํ คณฺหาเปตฺวา นิสชฺช สมณธมฺมํ กโรนฺตานํ จิตฺตํ เอกคฺคํ โหติฯ เยน เต ภิกฺขูติ โส กิร กุหิํ สมโณ โคตโมติ ปริเวณโต ปริเวณํ คนฺตฺวา ปุจฺฉิตฺวา ปวิสิสฺสามีติ วิโลเกโนฺต อรเญฺญ หตฺถี วิย จงฺกเม จงฺกมมาเน ปํสุกูลิกภิกฺขู ทิสฺวา เตสํ สนฺติกํ อคมาสิฯ ตํ สนฺธาย, ‘‘เยน เต ภิกฺขู’’ติอาทิ วุตฺตํฯ กหํ นุ โข, โภติ กตรสฺมิํ อาวาเส วา มณฺฑเป วาติ อโตฺถฯ เอส, อคฺคิเวสฺสน, ภควาติ ตทา กิร ภควา ปจฺจูสกาเล มหากรุณา สมาปตฺติํ สมาปชฺชิตฺวา ทสสหสฺสจกฺกวาเฬ สพฺพญฺญุตญฺญาณชาลํ ปตฺถริตฺวา โพธเนยฺยสตฺตํ โอโลเกโนฺต อทฺทส – ‘‘เสฺว สจฺจโก นิคณฺฐปุโตฺต มหติํ ลิจฺฉวิปริสํ คเหตฺวา มม วาทํ อาโรเปตุกาโม อาคมิสฺสตี’’ติฯ ตสฺมา ปาโตว สรีรปฎิชคฺคนํ กตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวาโร เวสาลิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปิณฺฑปาตปฎิกฺกโนฺต มหาปริสาย นิสีทิตุํ สุขฎฺฐาเน นิสีทิสฺสามีติ คนฺธกุฎิํ อปวิสิตฺวา มหาวเน อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิฯ เต ภิกฺขู ภควโต วตฺตํ ทเสฺสตฺวา อาคตา, สจฺจเกน ปุฎฺฐา ทูเร นิสินฺนํ ภควนฺตํ ทเสฺสนฺตา, ‘‘เอส อคฺคิเวสฺสน ภควา’’ติ อาหํสุฯ
355.Tena kho pana samayenāti yasmiṃ samaye saccako ārāmaṃ pāvisi, tasmiṃ. Kismiṃ pana samaye pāvisīti? Mahāmajjhanhikasamaye. Kasmā pana tasmiṃ samaye caṅkamantīti? Paṇītabhojanapaccayassa thinamiddhassa vinodanatthaṃ. Divāpadhānikā vā te. Tādisānañhi pacchābhattaṃ caṅkamitvā nhatvā sarīraṃ utuṃ gaṇhāpetvā nisajja samaṇadhammaṃ karontānaṃ cittaṃ ekaggaṃ hoti. Yena te bhikkhūti so kira kuhiṃ samaṇo gotamoti pariveṇato pariveṇaṃ gantvā pucchitvā pavisissāmīti vilokento araññe hatthī viya caṅkame caṅkamamāne paṃsukūlikabhikkhū disvā tesaṃ santikaṃ agamāsi. Taṃ sandhāya, ‘‘yena te bhikkhū’’tiādi vuttaṃ. Kahaṃnu kho, bhoti katarasmiṃ āvāse vā maṇḍape vāti attho. Esa, aggivessana, bhagavāti tadā kira bhagavā paccūsakāle mahākaruṇā samāpattiṃ samāpajjitvā dasasahassacakkavāḷe sabbaññutaññāṇajālaṃ pattharitvā bodhaneyyasattaṃ olokento addasa – ‘‘sve saccako nigaṇṭhaputto mahatiṃ licchaviparisaṃ gahetvā mama vādaṃ āropetukāmo āgamissatī’’ti. Tasmā pātova sarīrapaṭijagganaṃ katvā bhikkhusaṅghaparivāro vesāliyaṃ piṇḍāya caritvā piṇḍapātapaṭikkanto mahāparisāya nisīdituṃ sukhaṭṭhāne nisīdissāmīti gandhakuṭiṃ apavisitvā mahāvane aññatarasmiṃ rukkhamūle divāvihāraṃ nisīdi. Te bhikkhū bhagavato vattaṃ dassetvā āgatā, saccakena puṭṭhā dūre nisinnaṃ bhagavantaṃ dassentā, ‘‘esa aggivessana bhagavā’’ti āhaṃsu.
มหติยา ลิจฺฉวิปริสาย สทฺธินฺติ เหฎฺฐา ปญฺจมเตฺตหิ ลิจฺฉวิสเตหิ ปริวุโตติ วุตฺตํฯ เต เอตสฺส อเนฺตวาสิกาเยว, อโนฺตเวสาลิยํ ปน สจฺจโก ปญฺจมตฺตานิ ลิจฺฉวิราชสตานิ คเหตฺวา, ‘‘วาทตฺถิโก ภควนฺตํ อุปสงฺกมโนฺต’’ติ สุตฺวา ทฺวินฺนํ ปณฺฑิตานํ กถาสลฺลาปํ โสสฺสามาติ เยภุเยฺยน มนุสฺสา นิกฺขนฺตา, เอวํ สา ปริสา มหตี อปริจฺฉินฺนคณนา อโหสิฯ ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ อญฺชลิํ ปณาเมตฺวาติ เอเต อุภโตปกฺขิกา, เต เอวํ จิเนฺตสุํ – ‘‘สเจ โน มิจฺฉาทิฎฺฐิกา โจเทสฺสนฺติ, ‘กสฺมา ตุเมฺห สมณํ โคตมํ วนฺทิตฺถา’ติ, เตสํ, ‘กิํ อญฺชลิมตฺตกรเณนปิ วนฺทิตํ โหตี’ติ วกฺขามฯ สเจ โน สมฺมาทิฎฺฐิกา โจเทสฺสนฺติ, ‘กสฺมา ภควนฺตํ น วนฺทิตฺถา’ติ, ‘กิํ สีเสน ภูมิํ ปหรเนฺตเนว วนฺทิตํ โหติ, นนุ อญฺชลิกมฺมมฺปิ วนฺทนา เอวา’ติ วกฺขามา’’ติฯ นาม โคตฺตนฺติ, โภ โคตม, อหํ อสุกสฺส ปุโตฺต ทโตฺต นาม มิโตฺต นาม อิธ อาคโตติ วทนฺตา นามํ สาเวนฺติ นามฯ โภ โคตม, อหํ วาสิโฎฺฐ นาม กจฺจาโน นาม อิธ อาคโตติ วทนฺตา โคตฺตํ สาเวนฺติ นามฯ เอเต กิร ทลิทฺทา ชิณฺณกุลปุตฺตา ปริสมเชฺฌ นามโคตฺตวเสน ปากฎา ภวิสฺสามาติ เอวํ อกํสุฯ เย ปน ตุณฺหีภูตา นิสีทิํสุ, เต เกราฎิกา เจว อนฺธพาลา จฯ ตตฺถ เกราฎิกา, ‘‘เอกํ เทฺว กถาสลฺลาเป กโรโนฺต วิสฺสาสิโก โหติ, อถ วิสฺสาเส สติ เอกํ เทฺว ภิกฺขา อทาตุํ น ยุตฺต’’นฺติ ตโต อตฺตานํ โมเจนฺตา ตุณฺหี นิสีทนฺติฯ อนฺธพาลา อญฺญาณตาเยว อวกฺขิตฺตมตฺติกาปิโณฺฑ วิย ยตฺถ กตฺถจิ ตุณฺหีภูตา นิสีทนฺติฯ
Mahatiyā licchaviparisāya saddhinti heṭṭhā pañcamattehi licchavisatehi parivutoti vuttaṃ. Te etassa antevāsikāyeva, antovesāliyaṃ pana saccako pañcamattāni licchavirājasatāni gahetvā, ‘‘vādatthiko bhagavantaṃ upasaṅkamanto’’ti sutvā dvinnaṃ paṇḍitānaṃ kathāsallāpaṃ sossāmāti yebhuyyena manussā nikkhantā, evaṃ sā parisā mahatī aparicchinnagaṇanā ahosi. Taṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ. Añjaliṃ paṇāmetvāti ete ubhatopakkhikā, te evaṃ cintesuṃ – ‘‘sace no micchādiṭṭhikā codessanti, ‘kasmā tumhe samaṇaṃ gotamaṃ vanditthā’ti, tesaṃ, ‘kiṃ añjalimattakaraṇenapi vanditaṃ hotī’ti vakkhāma. Sace no sammādiṭṭhikā codessanti, ‘kasmā bhagavantaṃ na vanditthā’ti, ‘kiṃ sīsena bhūmiṃ paharanteneva vanditaṃ hoti, nanu añjalikammampi vandanā evā’ti vakkhāmā’’ti. Nāma gottanti, bho gotama, ahaṃ asukassa putto datto nāma mitto nāma idha āgatoti vadantā nāmaṃ sāventi nāma. Bho gotama, ahaṃ vāsiṭṭho nāma kaccāno nāma idha āgatoti vadantā gottaṃ sāventi nāma. Ete kira daliddā jiṇṇakulaputtā parisamajjhe nāmagottavasena pākaṭā bhavissāmāti evaṃ akaṃsu. Ye pana tuṇhībhūtā nisīdiṃsu, te kerāṭikā ceva andhabālā ca. Tattha kerāṭikā, ‘‘ekaṃ dve kathāsallāpe karonto vissāsiko hoti, atha vissāse sati ekaṃ dve bhikkhā adātuṃ na yutta’’nti tato attānaṃ mocentā tuṇhī nisīdanti. Andhabālā aññāṇatāyeva avakkhittamattikāpiṇḍo viya yattha katthaci tuṇhībhūtā nisīdanti.
๓๕๖. กิญฺจิเทว เทสนฺติ กญฺจิ โอกาสํ กิญฺจิ การณํ, อถสฺส ภควา ปญฺหปุจฺฉเน อุสฺสาหํ ชเนโนฺต อาห – ปุจฺฉ, อคฺคิเวสฺสน, ยทากงฺขสีติฯ ตสฺสโตฺถ – ‘‘ปุจฺฉ ยทิ อากงฺขสิ, น เม ปญฺหวิสฺสชฺชเน ภาโร อตฺถิ’’ฯ อถ วา ‘‘ปุจฺฉ ยํ อากงฺขสิ, สพฺพํ เต วิสฺสเชฺชสฺสามี’’ติ สพฺพญฺญุปวารณํ ปวาเรสิ อสาธารณํ ปเจฺจกพุทฺธอคฺคสาวมหาสาวเกหิฯ เต หิ ยทากงฺขสีติ น วทนฺติ, สุตฺวา เวทิสฺสามาติ วทนฺติฯ พุทฺธา ปน ‘‘ปุจฺฉาวุโส, ยทากงฺขสี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๒๓๗) วา, ‘‘ปุจฺฉ, มหาราช, ยทากงฺขสี’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๖๒) วา,
356.Kiñcideva desanti kañci okāsaṃ kiñci kāraṇaṃ, athassa bhagavā pañhapucchane ussāhaṃ janento āha – puccha, aggivessana, yadākaṅkhasīti. Tassattho – ‘‘puccha yadi ākaṅkhasi, na me pañhavissajjane bhāro atthi’’. Atha vā ‘‘puccha yaṃ ākaṅkhasi, sabbaṃ te vissajjessāmī’’ti sabbaññupavāraṇaṃ pavāresi asādhāraṇaṃ paccekabuddhaaggasāvamahāsāvakehi. Te hi yadākaṅkhasīti na vadanti, sutvā vedissāmāti vadanti. Buddhā pana ‘‘pucchāvuso, yadākaṅkhasī’’ti (saṃ. ni. 1.237) vā, ‘‘puccha, mahārāja, yadākaṅkhasī’’ti (dī. ni. 1.162) vā,
‘‘ปุจฺฉ วาสว มํ ปญฺหํ, ยํ กิญฺจิ มนสิจฺฉสิ;
‘‘Puccha vāsava maṃ pañhaṃ, yaṃ kiñci manasicchasi;
ตสฺส ตเสฺสว ปญฺหสฺส, อหํ อนฺตํ กโรมิ เต’’ อิติฯ (ที. นิ. ๒.๓๕๖) วา,
Tassa tasseva pañhassa, ahaṃ antaṃ karomi te’’ iti. (dī. ni. 2.356) vā,
‘‘เตน หิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, สเก อาสเน นิสีทิตฺวา ปุจฺฉ ยทากงฺขสี’’ติ (ม. นิ. ๓.๘๕) วา,
‘‘Tena hi tvaṃ, bhikkhu, sake āsane nisīditvā puccha yadākaṅkhasī’’ti (ma. ni. 3.85) vā,
‘‘พาวริสฺส จ ตุยฺหํ วา, สเพฺพสํ สพฺพสํสยํ;
‘‘Bāvarissa ca tuyhaṃ vā, sabbesaṃ sabbasaṃsayaṃ;
กตาวกาสา ปุจฺฉโวฺห, ยํ กิญฺจิ มนสิจฺฉถา’’ติฯ (สุ. นิ. ๑๐๓๖) วา,
Katāvakāsā pucchavho, yaṃ kiñci manasicchathā’’ti. (su. ni. 1036) vā,
‘‘ปุจฺฉ มํ สภิย ปญฺหํ, ยํ กิญฺจิ มนสิจฺฉสิ;
‘‘Puccha maṃ sabhiya pañhaṃ, yaṃ kiñci manasicchasi;
ตสฺส ตเสฺสว ปญฺหสฺส, อหํ อนฺตํ กโรมิ เต’’ อิติฯ (สุ. นิ. ๕๑๗) วา –
Tassa tasseva pañhassa, ahaṃ antaṃ karomi te’’ iti. (su. ni. 517) vā –
เตสํ เตสํ ยกฺขนรินฺทเทวสมณพฺราหฺมณปริพฺพาชกานํ สพฺพญฺญุปวารณํ ปวาเรนฺติฯ อนจฺฉริยเญฺจตํ, ยํ ภควา พุทฺธภูมิํ ปตฺวา เอตํ ปวารณํ ปวาเรยฺยฯ โย โพธิสตฺตภูมิยํ ปเทสญาเณปิ ฐิโต
Tesaṃ tesaṃ yakkhanarindadevasamaṇabrāhmaṇaparibbājakānaṃ sabbaññupavāraṇaṃ pavārenti. Anacchariyañcetaṃ, yaṃ bhagavā buddhabhūmiṃ patvā etaṃ pavāraṇaṃ pavāreyya. Yo bodhisattabhūmiyaṃ padesañāṇepi ṭhito
‘‘โกณฺฑญฺญ ปญฺหานิ วิยากโรหิ,
‘‘Koṇḍañña pañhāni viyākarohi,
ยาจนฺติ ตํ อิสโย สาธุรูปา;
Yācanti taṃ isayo sādhurūpā;
โกณฺฑญฺญ เอโส มนุเชสุ ธโมฺม,
Koṇḍañña eso manujesu dhammo,
ยํ วุทฺธมาคจฺฉติ เอส ภาโร’’ติฯ (ชา. ๒.๑๗.๖๐) –
Yaṃ vuddhamāgacchati esa bhāro’’ti. (jā. 2.17.60) –
เอวํ สกฺกาทีนํ อตฺถาย อิสีหิ ยาจิโต
Evaṃ sakkādīnaṃ atthāya isīhi yācito
‘‘กตาวกาสา ปุจฺฉนฺตุ โภโนฺต,
‘‘Katāvakāsā pucchantu bhonto,
ยํ กิญฺจิ ปญฺหํ มนสาภิปตฺถิตํ;
Yaṃ kiñci pañhaṃ manasābhipatthitaṃ;
อหญฺหิ ตํ ตํ โว วิยากริสฺสํ,
Ahañhi taṃ taṃ vo viyākarissaṃ,
ญตฺวา สยํ โลกมิมํ ปรญฺจา’’ติฯ (ชา. ๒.๑๗.๖๑);
Ñatvā sayaṃ lokamimaṃ parañcā’’ti. (jā. 2.17.61);
เอวํ สรภงฺคกาเล, สมฺภวชาตเก จ สกลชมฺพุทีปํ ติกฺขตฺตุํ วิจริตฺวา ปญฺหานํ อนฺตกรํ อทิสฺวา สุจิรเตน พฺราหฺมเณน ปญฺหํ ปุโฎฺฐ โอกาเส การิเต, ชาติยา สตฺตวโสฺส รถิกายํ ปํสุํ กีฬโนฺต ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อนฺตรวีถิยํ นิสิโนฺนว –
Evaṃ sarabhaṅgakāle, sambhavajātake ca sakalajambudīpaṃ tikkhattuṃ vicaritvā pañhānaṃ antakaraṃ adisvā suciratena brāhmaṇena pañhaṃ puṭṭho okāse kārite, jātiyā sattavasso rathikāyaṃ paṃsuṃ kīḷanto pallaṅkaṃ ābhujitvā antaravīthiyaṃ nisinnova –
‘‘ตคฺฆ เต อหมกฺขิสฺสํ, ยถาปิ กุสโล ตถา;
‘‘Taggha te ahamakkhissaṃ, yathāpi kusalo tathā;
ราชา จ โข ตํ ชานาติ, ยทิ กาหติ วา น วา’’ติฯ (ชา. ๑.๑๖.๑๗๒) –
Rājā ca kho taṃ jānāti, yadi kāhati vā na vā’’ti. (jā. 1.16.172) –
สพฺพญฺญุปวารณํ ปวาเรสิฯ
Sabbaññupavāraṇaṃ pavāresi.
เอวํ ภควตา สพฺพญฺญุปวารณาย ปวาริตาย อตฺตมโน ปญฺหํ ปุจฺฉโนฺต, ‘‘กถํ ปน, โภ โคตมา’’ติอาทิมาหฯ
Evaṃ bhagavatā sabbaññupavāraṇāya pavāritāya attamano pañhaṃ pucchanto, ‘‘kathaṃ pana, bho gotamā’’tiādimāha.
อถสฺส ภควา, ‘‘ปสฺสถ, โภ, อญฺญํ สาวเกน กถิตํ, อญฺญํ สตฺถา กเถติ, นนุ มยา ปฎิกเจฺจว วุตฺตํ, ‘สเจ ตถา ปติฎฺฐิสฺสติ, ยถาสฺส สาวเกน ปติฎฺฐิตํ, เอวาหํ วาทํ อาโรเปสฺสามี’ติฯ อยํ ปน อญฺญเมว กเถติ, ตตฺถ กิํ มยา สกฺกา กาตุ’’นฺติ เอวํ นิคณฺฐสฺส วจโนกาโส มา โหตูติ เหฎฺฐา อสฺสชิเตฺถเรน กถิตนิยาเมเนว กเถโนฺต, เอวํ โข อหํ, อคฺคิเวสฺสนาติอาทิมาหฯ อุปมา มํ, โภ โคตม, ปฎิภาตีติ, โภ โคตม, มยฺหํ เอกา อุปมา อุปฎฺฐาติ, อาหรามิ ตํ อุปมนฺติ วทติฯ ปฎิภาตุ ตํ, อคฺคิเวสฺสนาติ อุปฎฺฐาตุ เต, อคฺคิเวสฺสน, อาหร ตํ อุปมํ วิสโตฺถติ ภควา อโวจฯ พลกรณียาติ พาหุพเลน กตฺตพฺพา กสิวาณิชฺชาทิกา กมฺมนฺตาฯ รูปตฺตายํ ปุริสปุคฺคโลติ รูปํ อตฺตา อสฺสาติ รูปตฺตา, รูปํ อตฺตาติ คเหตฺวา ฐิตปุคฺคลํ ทีเปติฯ รูเป ปติฎฺฐายาติ ตสฺมิํ อตฺตาติ คหิตรูเป ปติฎฺฐหิตฺวาฯ ปุญฺญํ วา อปุญฺญํ วา ปสวตีติ กุสลํ วา อกุสลํ วา ปฎิลภติฯ เวทนตฺตาทีสุปิ เอเสว นโยฯ อิมินา กิํ ทีเปติ? อิเม ปญฺจกฺขนฺธา อิเมสํ สตฺตานํ ปถวี วิย ปติฎฺฐา, เต อิเมสุ ปญฺจสุ ขเนฺธสุ ปติฎฺฐาย กุสลากุสลกมฺมํ นาม อายูหนฺติฯ ตุเมฺห เอวรูปํ วิชฺชมานเมว อตฺตานํ ปฎิเสเธโนฺต ปญฺจกฺขนฺธา อนตฺตาติ ทีเปถาติ อติวิย สการณํ กตฺวา อุปมํ อาหริฯ อิมินา จ นิคเณฺฐน อาหฎโอปมฺมํ นิยตเมว , สพฺพญฺญุพุทฺธโต อโญฺญ ตสฺส กถํ ฉินฺทิตฺวา วาเท โทสํ ทาตุํ สมโตฺถ นาม นตฺถิฯ ทุวิธา หิ ปุคฺคลา พุทฺธเวเนยฺยา จ สาวกเวเนยฺยา จฯ สาวกเวเนเยฺย สาวกาปิ วิเนนฺติ พุทฺธาปิฯ พุทฺธเวเนเยฺย ปน สาวกา วิเนตุํ น สโกฺกนฺติ, พุทฺธาว วิเนนฺติฯ อยมฺปิ นิคโณฺฐ พุทฺธเวเนโยฺย, ตสฺมา เอตสฺส วาทํ ฉินฺทิตฺวา อโญฺญ โทสํ ทาตุํ สมโตฺถ นาม นตฺถิฯ เตนสฺส ภควา สยเมว วาเท โทสทสฺสนตฺถํ นนุ ตฺวํ, อคฺคิเวสฺสนาติอาทิมาหฯ
Athassa bhagavā, ‘‘passatha, bho, aññaṃ sāvakena kathitaṃ, aññaṃ satthā katheti, nanu mayā paṭikacceva vuttaṃ, ‘sace tathā patiṭṭhissati, yathāssa sāvakena patiṭṭhitaṃ, evāhaṃ vādaṃ āropessāmī’ti. Ayaṃ pana aññameva katheti, tattha kiṃ mayā sakkā kātu’’nti evaṃ nigaṇṭhassa vacanokāso mā hotūti heṭṭhā assajittherena kathitaniyāmeneva kathento, evaṃ kho ahaṃ, aggivessanātiādimāha. Upamā maṃ, bho gotama, paṭibhātīti, bho gotama, mayhaṃ ekā upamā upaṭṭhāti, āharāmi taṃ upamanti vadati. Paṭibhātu taṃ, aggivessanāti upaṭṭhātu te, aggivessana, āhara taṃ upamaṃ visatthoti bhagavā avoca. Balakaraṇīyāti bāhubalena kattabbā kasivāṇijjādikā kammantā. Rūpattāyaṃ purisapuggaloti rūpaṃ attā assāti rūpattā, rūpaṃ attāti gahetvā ṭhitapuggalaṃ dīpeti. Rūpe patiṭṭhāyāti tasmiṃ attāti gahitarūpe patiṭṭhahitvā. Puññaṃ vā apuññaṃ vā pasavatīti kusalaṃ vā akusalaṃ vā paṭilabhati. Vedanattādīsupi eseva nayo. Iminā kiṃ dīpeti? Ime pañcakkhandhā imesaṃ sattānaṃ pathavī viya patiṭṭhā, te imesu pañcasu khandhesu patiṭṭhāya kusalākusalakammaṃ nāma āyūhanti. Tumhe evarūpaṃ vijjamānameva attānaṃ paṭisedhento pañcakkhandhā anattāti dīpethāti ativiya sakāraṇaṃ katvā upamaṃ āhari. Iminā ca nigaṇṭhena āhaṭaopammaṃ niyatameva , sabbaññubuddhato añño tassa kathaṃ chinditvā vāde dosaṃ dātuṃ samattho nāma natthi. Duvidhā hi puggalā buddhaveneyyā ca sāvakaveneyyā ca. Sāvakaveneyye sāvakāpi vinenti buddhāpi. Buddhaveneyye pana sāvakā vinetuṃ na sakkonti, buddhāva vinenti. Ayampi nigaṇṭho buddhaveneyyo, tasmā etassa vādaṃ chinditvā añño dosaṃ dātuṃ samattho nāma natthi. Tenassa bhagavā sayameva vāde dosadassanatthaṃ nanu tvaṃ, aggivessanātiādimāha.
อถ นิคโณฺฐ จิเนฺตสิ – ‘‘อติวิย สมโณ โคตโม มม วาทํ ปติฎฺฐเปติ, สเจ อุปริ โกจิ โทโส ภวิสฺสติ, มมํ เอกกํเยว นิคฺคณฺหิสฺสติฯ หนฺทาหํ อิมํ วาทํ มหาชนสฺสาปิ มตฺถเก ปกฺขิปามี’’ติ, ตสฺมา เอวมาห – อหมฺปิ, โภ โคตม, เอวํ วทามิ รูปํ เม อตฺตา…เป.… วิญฺญาณํ เม อตฺตาติ, อยญฺจ มหตี ชนตาติฯ ภควา ปน นิคณฺฐโต สตคุเณนปิ สหสฺสคุเณนปิ สตสหสฺสคุเณนปิ วาทีวรตโร, ตสฺมา จิเนฺตสิ – ‘‘อยํ นิคโณฺฐ อตฺตานํ โมเจตฺวา มหาชนสฺส มตฺถเก วาทํ ปกฺขิปติ, นาสฺส อตฺตานํ โมเจตุํ ทสฺสามิ, มหาชนโต นิวเตฺตตฺวา เอกกํเยว นํ นิคฺคณฺหิสฺสามี’’ติฯ อถ นํ กิญฺหิ เต, อคฺคิเวสฺสนาติอาทิมาหฯ ตสฺสโตฺถ – นายํ ชนตา มม วาทํ อาโรเปตุํ อาคตา, ตฺวํเยว สกลํ เวสาลิํ สํวฎฺฎิตฺวา มม วาทํ อาโรเปตุํ อาคโต, ตสฺมา ตฺวํ สกเมว วาทํ นิเวเฐหิ, มา มหาชนสฺส มตฺถเก ปกฺขิปสีติฯ โส ปฎิชานโนฺต อหญฺหิ, โภ โคตมาติอาทิมาหฯ
Atha nigaṇṭho cintesi – ‘‘ativiya samaṇo gotamo mama vādaṃ patiṭṭhapeti, sace upari koci doso bhavissati, mamaṃ ekakaṃyeva niggaṇhissati. Handāhaṃ imaṃ vādaṃ mahājanassāpi matthake pakkhipāmī’’ti, tasmā evamāha – ahampi, bho gotama, evaṃ vadāmi rūpaṃ me attā…pe… viññāṇaṃ me attāti, ayañca mahatī janatāti. Bhagavā pana nigaṇṭhato sataguṇenapi sahassaguṇenapi satasahassaguṇenapi vādīvarataro, tasmā cintesi – ‘‘ayaṃ nigaṇṭho attānaṃ mocetvā mahājanassa matthake vādaṃ pakkhipati, nāssa attānaṃ mocetuṃ dassāmi, mahājanato nivattetvā ekakaṃyeva naṃ niggaṇhissāmī’’ti. Atha naṃ kiñhi te, aggivessanātiādimāha. Tassattho – nāyaṃ janatā mama vādaṃ āropetuṃ āgatā, tvaṃyeva sakalaṃ vesāliṃ saṃvaṭṭitvā mama vādaṃ āropetuṃ āgato, tasmā tvaṃ sakameva vādaṃ niveṭhehi, mā mahājanassa matthake pakkhipasīti. So paṭijānanto ahañhi, bho gotamātiādimāha.
๓๕๗. อิติ ภควา นิคณฺฐสฺส วาทํ ปติฎฺฐเปตฺวา, เตน หิ, อคฺคิเวสฺสนาติ ปุจฺฉํ อารภิฯ ตตฺถ เตน หีติ การณเตฺถ นิปาโตฯ ยสฺมา ตฺวํ ปญฺจกฺขเนฺธ อตฺตโต ปฎิชานาสิ, ตสฺมาติ อโตฺถฯ สกสฺมิํ วิชิเตติ อตฺตโน รเฎฺฐฯ ฆาเตตายํ วา ฆาเตตุนฺติ ฆาตารหํ ฆาเตตพฺพยุตฺตกํ ฆาเตตุํ ฯ ชาเปตายํ วา ชาเปตุนฺติ ธนชานิรหํ ชาเปตพฺพยุตฺตํ ชาเปตุํ ชิณฺณธนํ กาตุํฯ ปพฺพาเชตายํ วา ปพฺพาเชตุนฺติ สกรฎฺฐโต ปพฺพาชนารหํ ปพฺพาเชตุํ, นีหริตุํฯ วตฺติตุญฺจ อรหตีติ วตฺตติ เจว วตฺติตุญฺจ อรหติฯ วตฺติตุํ ยุโตฺตติ ทีเปติฯ อิติ นิคโณฺฐ อตฺตโน วาทเภทนตฺถํ อาหฎการณเมว อตฺตโน มารณตฺถาย อาวุธํ ติขิณํ กโรโนฺต วิย วิเสเสตฺวา ทีเปติ, ยถา ตํ พาโลฯ เอวํ เม รูปํ โหตูติ มม รูปํ เอวํวิธํ โหตุ, ปาสาทิกํ อภิรูปํ อลงฺกตปฺปฎิยตฺตํ สุวณฺณโตรณํ วิย สุสชฺชิตจิตฺตปโฎ วิย จ มนาปทสฺสนนฺติฯ เอวํ เม รูปํ มา อโหสีติ มม รูปํ เอวํวิธํ มา โหตุ, ทุพฺพณฺณํ ทุสฺสณฺฐิตํ วลิตปลิตํ ติลกสมากิณฺณนฺติฯ
357. Iti bhagavā nigaṇṭhassa vādaṃ patiṭṭhapetvā, tena hi, aggivessanāti pucchaṃ ārabhi. Tattha tena hīti kāraṇatthe nipāto. Yasmā tvaṃ pañcakkhandhe attato paṭijānāsi, tasmāti attho. Sakasmiṃ vijiteti attano raṭṭhe. Ghātetāyaṃ vā ghātetunti ghātārahaṃ ghātetabbayuttakaṃ ghātetuṃ . Jāpetāyaṃ vā jāpetunti dhanajānirahaṃ jāpetabbayuttaṃ jāpetuṃ jiṇṇadhanaṃ kātuṃ. Pabbājetāyaṃ vā pabbājetunti sakaraṭṭhato pabbājanārahaṃ pabbājetuṃ, nīharituṃ. Vattituñca arahatīti vattati ceva vattituñca arahati. Vattituṃ yuttoti dīpeti. Iti nigaṇṭho attano vādabhedanatthaṃ āhaṭakāraṇameva attano māraṇatthāya āvudhaṃ tikhiṇaṃ karonto viya visesetvā dīpeti, yathā taṃ bālo. Evaṃ me rūpaṃ hotūti mama rūpaṃ evaṃvidhaṃ hotu, pāsādikaṃ abhirūpaṃ alaṅkatappaṭiyattaṃ suvaṇṇatoraṇaṃ viya susajjitacittapaṭo viya ca manāpadassananti. Evaṃ me rūpaṃmā ahosīti mama rūpaṃ evaṃvidhaṃ mā hotu, dubbaṇṇaṃ dussaṇṭhitaṃ valitapalitaṃ tilakasamākiṇṇanti.
ตุณฺหี อโหสีติ นิคโณฺฐ อิมสฺมิํ ฐาเน วิรทฺธภาวํ ญตฺวา, ‘‘สมโณ โคตโม มม วาทํ ภินฺทนตฺถาย การณํ อาหริ, อหํ พาลตาย ตเมว วิเสเสตฺวา ทีเปสิํ, อิทานิ นโฎฺฐมฺหิ, สเจ วตฺตตีติ วกฺขามิ, อิเม ราชาโน อุฎฺฐหิตฺวา, ‘อคฺคิเวสฺสน, ตฺวํ มม รูเป วโส วตฺตตีติ วทสิ, ยทิ เต รูเป วโส วตฺตติ, กสฺมา ตฺวํ ยถา อิเม ลิจฺฉวิราชาโน ตาวติํสเทวสทิเสหิ อตฺตภาเวหิ วิโรจนฺติ อภิรูปา ปาสาทิกา, เอวํ น วิโรจสี’ติฯ สเจ น วตฺตตีติ วกฺขามิ, สมโณ โคตโม อุฎฺฐหิตฺวา, ‘อคฺคิเวสฺสน, ตฺวํ ปุเพฺพ วตฺตติ เม รูปสฺมิํ วโสติ วตฺวา อิทานิ ปฎิกฺขิปสี’ติ วาทํ อาโรเปสฺสติฯ อิติ วตฺตตีติ วุเตฺตปิ เอโก โทโส, น วตฺตตีติ วุเตฺตปิ เอโก โทโส’’ติ ตุณฺหี อโหสิฯ ทุติยมฺปิ ภควา ปุจฺฉิ, ทุติยมฺปิ ตุณฺหี อโหสิฯ ยสฺมา ปน ยาวตติยํ ภควตา ปุจฺฉิเต อพฺยากโรนฺตสฺส สตฺตธา มุทฺธา ผลติ, พุทฺธา จ นาม สตฺตานํเยว อตฺถาย กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสเงฺขฺยยฺยานิ ปารมีนํ ปูริตตฺตา สเตฺตสุ พลวอนุทฺทยา โหนฺติฯ ตสฺมา ยาวตติยํ อปุจฺฉิตฺวา อถ โข ภควา สจฺจกํ นิคณฺฐปุตฺตํ เอตทโวจ – เอตํ ‘‘พฺยากโรหี ทานี’’ติอาทิวจนํ อโวจฯ
Tuṇhī ahosīti nigaṇṭho imasmiṃ ṭhāne viraddhabhāvaṃ ñatvā, ‘‘samaṇo gotamo mama vādaṃ bhindanatthāya kāraṇaṃ āhari, ahaṃ bālatāya tameva visesetvā dīpesiṃ, idāni naṭṭhomhi, sace vattatīti vakkhāmi, ime rājāno uṭṭhahitvā, ‘aggivessana, tvaṃ mama rūpe vaso vattatīti vadasi, yadi te rūpe vaso vattati, kasmā tvaṃ yathā ime licchavirājāno tāvatiṃsadevasadisehi attabhāvehi virocanti abhirūpā pāsādikā, evaṃ na virocasī’ti. Sace na vattatīti vakkhāmi, samaṇo gotamo uṭṭhahitvā, ‘aggivessana, tvaṃ pubbe vattati me rūpasmiṃ vasoti vatvā idāni paṭikkhipasī’ti vādaṃ āropessati. Iti vattatīti vuttepi eko doso, na vattatīti vuttepi eko doso’’ti tuṇhī ahosi. Dutiyampi bhagavā pucchi, dutiyampi tuṇhī ahosi. Yasmā pana yāvatatiyaṃ bhagavatā pucchite abyākarontassa sattadhā muddhā phalati, buddhā ca nāma sattānaṃyeva atthāya kappasatasahassādhikāni cattāri asaṅkhyeyyāni pāramīnaṃ pūritattā sattesu balavaanuddayā honti. Tasmā yāvatatiyaṃ apucchitvā atha kho bhagavā saccakaṃ nigaṇṭhaputtaṃ etadavoca – etaṃ ‘‘byākarohī dānī’’tiādivacanaṃ avoca.
ตตฺถ สหธมฺมิกนฺติ สเหตุกํ สการณํฯ วชิรํ ปาณิมฺหิ อสฺสาติ วชิรปาณิฯ ยโกฺขติ น โย วา โส วา ยโกฺข, สโกฺก เทวราชาติ เวทิตโพฺพฯ อาทิตฺตนฺติ อคฺคิวณฺณํฯ สมฺปชฺชลิตนฺติ สุฎฺฐุ ปชฺชลิตํฯ สโชติภูตนฺติ สมนฺตโต โชติภูตํ, เอกคฺคิชาลภูตนฺติ อโตฺถฯ ฐิโต โหตีติ มหนฺตํ สีสํ, กนฺทลมกุลสทิสา ทาฐา, ภยานกานิ อกฺขินาสาทีนีติ เอวํ วิรูปรูปํ มาเปตฺวา ฐิโตฯ กสฺมา ปเนส อาคโตติ? ทิฎฺฐิวิสฺสชฺชาปนตฺถํฯ อปิจ, ‘‘อหเญฺจว โข ปน ธมฺมํ เทเสยฺยํ, ปเร จ เม น อาชาเนยฺยุ’’นฺติ เอวํ ธมฺมเทสนาย อโปฺปสฺสุกฺกภาวํ อาปเนฺน ภควติ สโกฺก มหาพฺรหฺมุนา สทฺธิํ อาคนฺตฺวา, ‘‘ภควา ธมฺมํ เทเสถ, ตุมฺหากํ อาณาย อวตฺตมาเน มยํ วตฺตาเปสฺสาม, ตุมฺหากํ ธมฺมจกฺกํ โหตุ, อมฺหากํ อาณาจกฺก’’นฺติ ปฎิญฺญมกาสิฯ ตสฺมา ‘‘อชฺช สจฺจกํ ตาเสตฺวา ปญฺหํ วิสฺสชฺชาเปสฺสามี’’ติ อาคโตฯ
Tattha sahadhammikanti sahetukaṃ sakāraṇaṃ. Vajiraṃ pāṇimhi assāti vajirapāṇi. Yakkhoti na yo vā so vā yakkho, sakko devarājāti veditabbo. Ādittanti aggivaṇṇaṃ. Sampajjalitanti suṭṭhu pajjalitaṃ. Sajotibhūtanti samantato jotibhūtaṃ, ekaggijālabhūtanti attho. Ṭhito hotīti mahantaṃ sīsaṃ, kandalamakulasadisā dāṭhā, bhayānakāni akkhināsādīnīti evaṃ virūparūpaṃ māpetvā ṭhito. Kasmā panesa āgatoti? Diṭṭhivissajjāpanatthaṃ. Apica, ‘‘ahañceva kho pana dhammaṃ deseyyaṃ, pare ca me na ājāneyyu’’nti evaṃ dhammadesanāya appossukkabhāvaṃ āpanne bhagavati sakko mahābrahmunā saddhiṃ āgantvā, ‘‘bhagavā dhammaṃ desetha, tumhākaṃ āṇāya avattamāne mayaṃ vattāpessāma, tumhākaṃ dhammacakkaṃ hotu, amhākaṃ āṇācakka’’nti paṭiññamakāsi. Tasmā ‘‘ajja saccakaṃ tāsetvā pañhaṃ vissajjāpessāmī’’ti āgato.
ภควา เจว ปสฺสติ, สจฺจโก จ นิคณฺฐปุโตฺตติ ยทิ หิ ตํ อเญฺญปิ ปเสฺสยฺยุํฯ ตํ การณํ อครุ อสฺส, ‘‘สมโณ โคตโม สจฺจกํ อตฺตโน วาเท อโนตรนฺตํ ญตฺวา ยกฺขํ อาวาเหตฺวา ทเสฺสสิ, ตโต สจฺจโก ภเยน กเถสี’’ติ วเทยฺยุํฯ ตสฺมา ภควา เจว ปสฺสติ สจฺจโก จฯ ตสฺส ตํ ทิสฺวาว สกลสรีรโต เสทา มุจฺจิํสุ, อโนฺตกุจฺฉิ วิปริวตฺตมานา มหารวํ รวิฯ โส ‘‘อเญฺญปิ นุ โข ปสฺสนฺตี’’ติ โอโลเกโนฺต กสฺสจิ โลมหํสมตฺตมฺปิ น อทฺทสฯ ตโต – ‘‘อิทํ ภยํ มเมว อุปฺปนฺนํฯ สจาหํ ยโกฺขติ วกฺขามิ, ‘กิํ ตุยฺหเมว อกฺขีนิ อตฺถิ, ตฺวเมว ยกฺขํ ปสฺสสิ, ปฐมํ ยกฺขํ อทิสฺวา สมเณน โคตเมน วาทสงฺฆาเฎ ขิโตฺตว ยกฺขํ ปสฺสสี’ติ วเทยฺยุ’’นฺติ จิเนฺตตฺวา – ‘‘น ทานิ เม อิธ อญฺญํ ปฎิสรณํ อตฺถิ, อญฺญตฺร สมณา โคตมา’’ติ มญฺญมาโน, อถ โข สจฺจโก นิคณฺฐปุโตฺต…เป.… ภควนฺตํ เอตทโวจฯ ตาณํ คเวสีติ ตาณนฺติ คเวสมาโนฯ เลณํ คเวสีติ เลณนฺติ คเวสมาโนฯ สรณํ คเวสีติ สรณนฺติ คเวสมาโนฯ เอตฺถ จ ตายติ รกฺขตีติ ตาณํฯ นิลียนฺติ เอตฺถาติ เลณํฯ สรตีติ สรณํ, ภยํ หิํสติ วิทฺธํเสตีติ อโตฺถฯ
Bhagavāceva passati, saccako ca nigaṇṭhaputtoti yadi hi taṃ aññepi passeyyuṃ. Taṃ kāraṇaṃ agaru assa, ‘‘samaṇo gotamo saccakaṃ attano vāde anotarantaṃ ñatvā yakkhaṃ āvāhetvā dassesi, tato saccako bhayena kathesī’’ti vadeyyuṃ. Tasmā bhagavā ceva passati saccako ca. Tassa taṃ disvāva sakalasarīrato sedā mucciṃsu, antokucchi viparivattamānā mahāravaṃ ravi. So ‘‘aññepi nu kho passantī’’ti olokento kassaci lomahaṃsamattampi na addasa. Tato – ‘‘idaṃ bhayaṃ mameva uppannaṃ. Sacāhaṃ yakkhoti vakkhāmi, ‘kiṃ tuyhameva akkhīni atthi, tvameva yakkhaṃ passasi, paṭhamaṃ yakkhaṃ adisvā samaṇena gotamena vādasaṅghāṭe khittova yakkhaṃ passasī’ti vadeyyu’’nti cintetvā – ‘‘na dāni me idha aññaṃ paṭisaraṇaṃ atthi, aññatra samaṇā gotamā’’ti maññamāno, atha kho saccako nigaṇṭhaputto…pe… bhagavantaṃ etadavoca. Tāṇaṃ gavesīti tāṇanti gavesamāno. Leṇaṃ gavesīti leṇanti gavesamāno. Saraṇaṃ gavesīti saraṇanti gavesamāno. Ettha ca tāyati rakkhatīti tāṇaṃ. Nilīyanti etthāti leṇaṃ. Saratīti saraṇaṃ, bhayaṃ hiṃsati viddhaṃsetīti attho.
๓๕๘. มนสิ กริตฺวาติ มนมฺหิ กตฺวา ปจฺจเวกฺขิตฺวา อุปธาเรตฺวาฯ เอวํ เม เวทนา โหตูติ กุสลาว โหตุ, สุขาว โหตุฯ เอวํ เม สญฺญา โหตูติ กุสลาว โหตุ, สุขาว โหตุ, โสมนสฺสสมฺปยุตฺตาว โหตูติฯ สงฺขารวิญฺญาเณสุปิ เอเสว นโยฯ มา อโหสีติ เอตฺถ ปน วุตฺตวิปริยาเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ กลฺลํ นูติ ยุตฺตํ นุฯ สมนุปสฺสิตุนฺติ ‘‘เอตํ มม เอโสหมสฺมิ เอโส เม อตฺตา’’ติ เอวํ ตณฺหามานทิฎฺฐิวเสน ปสฺสิตุํฯ โน หิทํ, โภ โคตมาติ น ยุตฺตเมตํ, โภ โคตมฯ อิติ ภควา ยถา นาม เฉโก อหิตุณฺฑิโก สปฺปทฎฺฐวิสํ เตเนว สเปฺปน ปุน ฑํสาเปตฺวา อุพฺพาเหยฺย, เอวํ ตสฺสํเยว ปริสติ สจฺจกํ นิคณฺฐปุตฺตํ เตเนว มุเขน ปญฺจกฺขนฺธา อนิจฺจา ทุกฺขา อนตฺตาติ วทาเปสิฯ ทุกฺขํ อลฺลีโนติ อิมํ ปญฺจกฺขนฺธทุกฺขํ ตณฺหาทิฎฺฐีหิ อลฺลีโนฯ อุปคโต อโชฺฌสิโตติปิ ตณฺหาทิฎฺฐิวเสเนว เวทิตโพฺพฯ ทุกฺขํ เอตํ มมาติอาทีสุ ปญฺจกฺขนฺธทุกฺขํ ตณฺหามานทิฎฺฐิวเสน สมนุปสฺสตีติ อโตฺถฯ ปริชาเนยฺยาติ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตาติ ตีรณปริญฺญาย ปริโต ชาเนยฺยฯ ปริเกฺขเปตฺวาติ ขยํ วยํ อนุปฺปาทํ อุปเนตฺวาฯ
358.Manasi karitvāti manamhi katvā paccavekkhitvā upadhāretvā. Evaṃ me vedanā hotūti kusalāva hotu, sukhāva hotu. Evaṃ me saññā hotūti kusalāva hotu, sukhāva hotu, somanassasampayuttāva hotūti. Saṅkhāraviññāṇesupi eseva nayo. Mā ahosīti ettha pana vuttavipariyāyena attho veditabbo. Kallaṃ nūti yuttaṃ nu. Samanupassitunti ‘‘etaṃ mama esohamasmi eso me attā’’ti evaṃ taṇhāmānadiṭṭhivasena passituṃ. No hidaṃ, bho gotamāti na yuttametaṃ, bho gotama. Iti bhagavā yathā nāma cheko ahituṇḍiko sappadaṭṭhavisaṃ teneva sappena puna ḍaṃsāpetvā ubbāheyya, evaṃ tassaṃyeva parisati saccakaṃ nigaṇṭhaputtaṃ teneva mukhena pañcakkhandhā aniccā dukkhā anattāti vadāpesi. Dukkhaṃ allīnoti imaṃ pañcakkhandhadukkhaṃ taṇhādiṭṭhīhi allīno. Upagato ajjhositotipi taṇhādiṭṭhivaseneva veditabbo. Dukkhaṃ etaṃ mamātiādīsu pañcakkhandhadukkhaṃ taṇhāmānadiṭṭhivasena samanupassatīti attho. Parijāneyyāti aniccaṃ dukkhaṃ anattāti tīraṇapariññāya parito jāneyya. Parikkhepetvāti khayaṃ vayaṃ anuppādaṃ upanetvā.
๓๕๙. นวนฺติ ตรุณํฯ อกุกฺกุกชาตนฺติ ปุปฺผคฺคหณกาเล อโนฺต องฺคุฎฺฐปฺปมาโณ เอโก ฆนทณฺฑโก นิพฺพตฺตติ, เตน วิรหิตนฺติ อโตฺถฯ ริโตฺตติ สุโญฺญ อโนฺตสารวิรหิโตฯ ริตฺตตฺตาว ตุโจฺฉฯ อปรโทฺธติ ปราชิโตฯ ภาสิตา โข ปน เตติ อิทํ ภควา ตสฺส มุขรภาวํ ปกาเสตฺวา นิคฺคณฺหโนฺต อาหฯ โส กิร ปุเพฺพ ปูรณาทโย ฉ สตฺถาโร อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺหํ ปุจฺฉติฯ เต วิสฺสเชฺชตุํ น สโกฺกนฺติฯ อถ เนสํ ปริสมเชฺฌ มหนฺตํ วิปฺปการํ อาโรเปตฺวา อุฎฺฐาย ชยํ ปเวเทโนฺต คจฺฉติฯ โส สมฺมาสมฺพุทฺธมฺปิ ตเถว วิเหเฐสฺสามีติ สญฺญาย อุปสงฺกมิตฺวา –
359.Navanti taruṇaṃ. Akukkukajātanti pupphaggahaṇakāle anto aṅguṭṭhappamāṇo eko ghanadaṇḍako nibbattati, tena virahitanti attho. Rittoti suñño antosāravirahito. Rittattāva tuccho. Aparaddhoti parājito. Bhāsitā kho pana teti idaṃ bhagavā tassa mukharabhāvaṃ pakāsetvā niggaṇhanto āha. So kira pubbe pūraṇādayo cha satthāro upasaṅkamitvā pañhaṃ pucchati. Te vissajjetuṃ na sakkonti. Atha nesaṃ parisamajjhe mahantaṃ vippakāraṃ āropetvā uṭṭhāya jayaṃ pavedento gacchati. So sammāsambuddhampi tatheva viheṭhessāmīti saññāya upasaṅkamitvā –
‘‘อโมฺภ โก นาม ยํ รุโกฺข, สินฺนปโตฺต สกณฺฎโก;
‘‘Ambho ko nāma yaṃ rukkho, sinnapatto sakaṇṭako;
ยตฺถ เอกปฺปหาเรน, อุตฺตมงฺคํ วิภิชฺชิต’’นฺติฯ
Yattha ekappahārena, uttamaṅgaṃ vibhijjita’’nti.
อยํ ขทิรํ อาหจฺจ อสารกรุกฺขปริจิโต มุทุตุณฺฑสกุโณ วิย สพฺพญฺญุตญฺญาณสารํ อาหจฺจ ญาณตุณฺฑเภทํ ปโตฺต สพฺพญฺญุตญฺญาณสฺส ถทฺธภาวํ อญฺญาสิฯ ตทสฺส ปริสมเชฺฌ ปกาเสโนฺต ภาสิตา โข ปน เตติอาทิมาหฯ นตฺถิ เอตรหีติ อุปาทินฺนกสรีเร เสโท นาม นตฺถีติ น วตฺตพฺพํ, เอตรหิ ปน นตฺถีติ วทติฯ สุวณฺณวณฺณํ กายํ วิวรีติ น สพฺพํ กายํ วิวริฯ พุทฺธา นาม คณฺฐิกํ ปฎิมุญฺจิตฺวา ปฎิจฺฉนฺนสรีรา ปริสติ ธมฺมํ เทเสนฺติฯ อถ ภควา คลวาฎกสมฺมุขฎฺฐาเน จีวรํ คเหตฺวา จตุรงฺคุลมตฺตํ โอตาเรสิฯ โอตาริตมเตฺต ปน ตสฺมิํ สุวณฺณวณฺณา รสฺมิโย ปุญฺชปุญฺชา หุตฺวา สุวณฺณฆฎโต รตฺตสุวณฺณรสธารา วิย, รตฺตวณฺณวลาหกโต วิชฺชุลตา วิย จ นิกฺขมิตฺวา สุวณฺณมุรชสทิสํ มหาขนฺธํ อุตฺตมสิรํ ปทกฺขิณํ กุรุมานา อากาเส ปกฺขนฺทิํสุฯ กสฺมา ปน ภควา เอวมกาสีติ? มหาชนสฺส กงฺขาวิโนทนตฺถํฯ มหาชโน หิ สมโณ โคตโม มยฺหํ เสโท นตฺถีติ วทติ, สจฺจกสฺส ตาว นิคณฺฐปุตฺตสฺส ยนฺตารุฬฺหสฺส วิย เสทา ปคฺฆรนฺติฯ สมโณ ปน โคตโม ฆนทุปฎฺฎจีวรํ ปารุปิตฺวา นิสิโนฺน, อโนฺต เสทสฺส อตฺถิตา วา นตฺถิตา วา กถํ สกฺกา ญาตุนฺติ กงฺขํ กเรยฺย, ตสฺส กงฺขาวิโนทนตฺถํ เอวมกาสิฯ มงฺกุภูโตติ นิเตฺตชภูโตฯ ปตฺตกฺขโนฺธติ ปติตกฺขโนฺธฯ อปฺปฎิภาโนติ อุตฺตริ อปฺปสฺสโนฺตฯ นิสีทีติ ปาทงฺคุฎฺฐเกน ภูมิํ กสมาโน นิสีทิฯ
Ayaṃ khadiraṃ āhacca asārakarukkhaparicito mudutuṇḍasakuṇo viya sabbaññutaññāṇasāraṃ āhacca ñāṇatuṇḍabhedaṃ patto sabbaññutaññāṇassa thaddhabhāvaṃ aññāsi. Tadassa parisamajjhe pakāsento bhāsitā kho pana tetiādimāha. Natthi etarahīti upādinnakasarīre sedo nāma natthīti na vattabbaṃ, etarahi pana natthīti vadati. Suvaṇṇavaṇṇaṃ kāyaṃ vivarīti na sabbaṃ kāyaṃ vivari. Buddhā nāma gaṇṭhikaṃ paṭimuñcitvā paṭicchannasarīrā parisati dhammaṃ desenti. Atha bhagavā galavāṭakasammukhaṭṭhāne cīvaraṃ gahetvā caturaṅgulamattaṃ otāresi. Otāritamatte pana tasmiṃ suvaṇṇavaṇṇā rasmiyo puñjapuñjā hutvā suvaṇṇaghaṭato rattasuvaṇṇarasadhārā viya, rattavaṇṇavalāhakato vijjulatā viya ca nikkhamitvā suvaṇṇamurajasadisaṃ mahākhandhaṃ uttamasiraṃ padakkhiṇaṃ kurumānā ākāse pakkhandiṃsu. Kasmā pana bhagavā evamakāsīti? Mahājanassa kaṅkhāvinodanatthaṃ. Mahājano hi samaṇo gotamo mayhaṃ sedo natthīti vadati, saccakassa tāva nigaṇṭhaputtassa yantāruḷhassa viya sedā paggharanti. Samaṇo pana gotamo ghanadupaṭṭacīvaraṃ pārupitvā nisinno, anto sedassa atthitā vā natthitā vā kathaṃ sakkā ñātunti kaṅkhaṃ kareyya, tassa kaṅkhāvinodanatthaṃ evamakāsi. Maṅkubhūtoti nittejabhūto. Pattakkhandhoti patitakkhandho. Appaṭibhānoti uttari appassanto. Nisīdīti pādaṅguṭṭhakena bhūmiṃ kasamāno nisīdi.
๓๖๐. ทุมฺมุโขติ น วิรูปมุโข, อภิรูโป หิ โส ปาสาทิโกฯ นามํ ปนสฺส เอตํฯ อภโพฺพ ตํ โปกฺขรณิํ ปุน โอตริตุนฺติ สเพฺพสํ อฬานํ ภคฺคตฺตา ปจฺฉินฺนคมโน โอตริตุํ อภโพฺพ, ตเตฺถว กากกุลลาทีนํ ภตฺตํ โหตีติ ทเสฺสติฯ วิสูกายิกานีติ ทิฎฺฐิวิสูกานิฯ วิเสวิตานีติ ทิฎฺฐิสญฺจริตานิฯ วิปฺผนฺทิตานีติ ทิฎฺฐิวิปฺผนฺทิตานิฯ ยทิทํ วาทาธิปฺปาโยติ เอตฺถ ยทิทนฺติ นิปาตมตฺตํ; วาทาธิปฺปาโย หุตฺวา วาทํ อาโรเปสฺสามีติ อชฺฌาสเยน อุปสงฺกมิตุํ อภโพฺพ; ธมฺมสฺสวนาย ปน อุปสงฺกเมยฺยาติ ทเสฺสติฯ ทุมฺมุขํ ลิจฺฉวิปุตฺตํ เอตทโวจาติ กสฺมา อโวจ ? ทุมฺมุขสฺส กิรสฺส อุปมาหรณกาเล เสส ลิจฺฉวิกุมาราปิ จิเนฺตสุํ – ‘‘อิมินา นิคเณฺฐน อมฺหากํ สิปฺปุคฺคหณฎฺฐาเน จิรํ อวมาโน กโต, อยํ ทานิ อมิตฺตสฺส ปิฎฺฐิํ ปสฺสิตุํ กาโลฯ มยมฺปิ เอเกกํ อุปมํ อาหริตฺวา ปาณิปฺปหาเรน ปติตํ มุคฺคเรน โปเถโนฺต วิย ตถา นํ กริสฺสาม, ยถา น ปุน ปริสมเชฺฌ สีสํ อุกฺขิปิตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ, เต โอปมฺมานิ กริตฺวา ทุมฺมุขสฺส กถาปริโยสานํ อาคมยมานา นิสีทิํสุฯ สจฺจโก เตสํ อธิปฺปายํ ญตฺวา, อิเม สเพฺพว คีวํ อุกฺขิปิตฺวา โอเฎฺฐหิ จลมาเนหิ ฐิตา; สเจ ปเจฺจกา อุปมา หริตุํ ลภิสฺสนฺติ, ปุน มยา ปริสมเชฺฌ สีสํ อุกฺขิปิตุํ น สกฺกา ภวิสฺสติ, หนฺทาหํ ทุมฺมุขํ อปสาเทตฺวา ยถา อญฺญสฺส โอกาโส น โหติ, เอวํ กถาวารํ ปจฺฉินฺทิตฺวา สมณํ โคตมํ ปญฺหํ ปุจฺฉิสฺสามีติ ตสฺมา เอตทโวจฯ ตตฺถ อาคเมหีติ ติฎฺฐ, มา ปุน ภณาหีติ อโตฺถฯ
360.Dummukhoti na virūpamukho, abhirūpo hi so pāsādiko. Nāmaṃ panassa etaṃ. Abhabbo taṃ pokkharaṇiṃ puna otaritunti sabbesaṃ aḷānaṃ bhaggattā pacchinnagamano otarituṃ abhabbo, tattheva kākakulalādīnaṃ bhattaṃ hotīti dasseti. Visūkāyikānīti diṭṭhivisūkāni. Visevitānīti diṭṭhisañcaritāni. Vipphanditānīti diṭṭhivipphanditāni. Yadidaṃ vādādhippāyoti ettha yadidanti nipātamattaṃ; vādādhippāyo hutvā vādaṃ āropessāmīti ajjhāsayena upasaṅkamituṃ abhabbo; dhammassavanāya pana upasaṅkameyyāti dasseti. Dummukhaṃ licchaviputtaṃ etadavocāti kasmā avoca ? Dummukhassa kirassa upamāharaṇakāle sesa licchavikumārāpi cintesuṃ – ‘‘iminā nigaṇṭhena amhākaṃ sippuggahaṇaṭṭhāne ciraṃ avamāno kato, ayaṃ dāni amittassa piṭṭhiṃ passituṃ kālo. Mayampi ekekaṃ upamaṃ āharitvā pāṇippahārena patitaṃ muggarena pothento viya tathā naṃ karissāma, yathā na puna parisamajjhe sīsaṃ ukkhipituṃ sakkhissatī’’ti, te opammāni karitvā dummukhassa kathāpariyosānaṃ āgamayamānā nisīdiṃsu. Saccako tesaṃ adhippāyaṃ ñatvā, ime sabbeva gīvaṃ ukkhipitvā oṭṭhehi calamānehi ṭhitā; sace paccekā upamā harituṃ labhissanti, puna mayā parisamajjhe sīsaṃ ukkhipituṃ na sakkā bhavissati, handāhaṃ dummukhaṃ apasādetvā yathā aññassa okāso na hoti, evaṃ kathāvāraṃ pacchinditvā samaṇaṃ gotamaṃ pañhaṃ pucchissāmīti tasmā etadavoca. Tattha āgamehīti tiṭṭha, mā puna bhaṇāhīti attho.
๓๖๑. ติฎฺฐเตสา, โภ โคตมาติ, โภ โคตม, เอสา อมฺหากเญฺจว อเญฺญสญฺจ ปุถุสมณพฺราหฺมณานํ วาจา ติฎฺฐตุฯ วิลาปํ วิลปิตํ มเญฺญติ เอตญฺหิ วจนํ วิลปิตํ วิย โหติ, วิปฺปลปิตมตฺตํ โหตีติ อโตฺถฯ อถ วา ติฎฺฐเตสาติ เอตฺถ กถาติ อาหริตฺวา วตฺตพฺพาฯ วาจาวิลาปํ วิลปิตํ มเญฺญติ เอตฺถ ปนิทํ วาจานิจฺฉารณํ วิลปิตมตฺตํ มเญฺญ โหตีติ อโตฺถฯ
361.Tiṭṭhatesā, bho gotamāti, bho gotama, esā amhākañceva aññesañca puthusamaṇabrāhmaṇānaṃ vācā tiṭṭhatu. Vilāpaṃ vilapitaṃ maññeti etañhi vacanaṃ vilapitaṃ viya hoti, vippalapitamattaṃ hotīti attho. Atha vā tiṭṭhatesāti ettha kathāti āharitvā vattabbā. Vācāvilāpaṃ vilapitaṃ maññeti ettha panidaṃ vācānicchāraṇaṃ vilapitamattaṃ maññe hotīti attho.
อิทานิ ปญฺหํ ปุจฺฉโนฺต กิตฺตาวตาติอาทิมาหฯ ตตฺถ เวสารชฺชปโตฺตติ ญาณปโตฺตฯ อปรปฺปจฺจโยติ อปรปฺปตฺติโยฯ อถสฺส ภควา ปญฺหํ วิสฺสเชฺชโนฺต อิธ, อคฺคิเวสฺสนาติอาทิมาห, ตํ อุตฺตานตฺถเมวฯ ยสฺมา ปเนตฺถ ปสฺสตีติ วุตฺตตฺตา เสกฺขภูมิ ทสฺสิตาฯ ตสฺมา อุตฺตริ อเสกฺขภูมิํ ปุจฺฉโนฺต ทุติยํ ปญฺหํ ปุจฺฉิ, ตมฺปิสฺส ภควา พฺยากาสิ ฯ ตตฺถ ทสฺสนานุตฺตริเยนาติอาทีสุ ทสฺสนานุตฺตริยนฺติ โลกิยโลกุตฺตรา ปญฺญาฯ ปฎิปทานุตฺตริยนฺติ โลกิยโลกุตฺตรา ปฎิปทาฯ วิมุตฺตานุตฺตริยนฺติ โลกิยโลกุตฺตรา วิมุตฺติฯ สุทฺธโลกุตฺตรเมว วา คเหตฺวา ทสฺสนานุตฺตริยนฺติ อรหตฺตมคฺคสมฺมาทิฎฺฐิฯ ปฎิปทานุตฺตริยนฺติ เสสานิ มคฺคงฺคานิฯ วิมุตฺตานุตฺตริยนฺติ อคฺคผลวิมุตฺติฯ ขีณาสวสฺส วา นิพฺพานทสฺสนํ ทสฺสนานุตฺตริยํ นามฯ มคฺคงฺคานิ ปฎิปทานุตฺตริยํฯ อคฺคผลํ วิมุตฺตานุตฺตริยนฺติ เวทิตพฺพํฯ พุโทฺธ โส ภควาติ โส ภควา สยมฺปิ จตฺตาริ สจฺจานิ พุโทฺธฯ โพธายาติ ปเรสมฺปิ จตุสจฺจโพธาย ธมฺมํ เทเสติฯ ทโนฺตติอาทีสุ ทโนฺตติ นิพฺพิเสวโนฯ ทมถายาติ นิพฺพิเสวนตฺถายฯ สโนฺตติ สพฺพกิเลสวูปสเมน สโนฺตฯ สมถายาติ กิเลสวูปสมายฯ ติโณฺณติ จตุโรฆติโณฺณฯ ตรณายาติ จตุโรฆตรณายฯ ปรินิพฺพุโตติ กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพุโตฯ ปรินิพฺพานายาติ กิเลสปรินิพฺพานตฺถายฯ
Idāni pañhaṃ pucchanto kittāvatātiādimāha. Tattha vesārajjapattoti ñāṇapatto. Aparappaccayoti aparappattiyo. Athassa bhagavā pañhaṃ vissajjento idha, aggivessanātiādimāha, taṃ uttānatthameva. Yasmā panettha passatīti vuttattā sekkhabhūmi dassitā. Tasmā uttari asekkhabhūmiṃ pucchanto dutiyaṃ pañhaṃ pucchi, tampissa bhagavā byākāsi . Tattha dassanānuttariyenātiādīsu dassanānuttariyanti lokiyalokuttarā paññā. Paṭipadānuttariyanti lokiyalokuttarā paṭipadā. Vimuttānuttariyanti lokiyalokuttarā vimutti. Suddhalokuttarameva vā gahetvā dassanānuttariyanti arahattamaggasammādiṭṭhi. Paṭipadānuttariyanti sesāni maggaṅgāni. Vimuttānuttariyanti aggaphalavimutti. Khīṇāsavassa vā nibbānadassanaṃ dassanānuttariyaṃ nāma. Maggaṅgāni paṭipadānuttariyaṃ. Aggaphalaṃ vimuttānuttariyanti veditabbaṃ. Buddho so bhagavāti so bhagavā sayampi cattāri saccāni buddho. Bodhāyāti paresampi catusaccabodhāya dhammaṃ deseti. Dantotiādīsu dantoti nibbisevano. Damathāyāti nibbisevanatthāya. Santoti sabbakilesavūpasamena santo. Samathāyāti kilesavūpasamāya. Tiṇṇoti caturoghatiṇṇo. Taraṇāyāti caturoghataraṇāya. Parinibbutoti kilesaparinibbānena parinibbuto. Parinibbānāyāti kilesaparinibbānatthāya.
๓๖๒. ธํสีติ คุณธํสกาฯ ปคพฺพาติ วาจาปาคพฺพิเยน สมนฺนาคตาฯ อาสาเทตพฺพนฺติ ฆเฎฺฎตพฺพํฯ อาสชฺชาติ ฆเฎฺฎตฺวาฯ นเตฺวว ภวนฺตํ โคตมนฺติ ภวนฺตํ โคตมํ อาสชฺช กสฺสจิ อตฺตโน วาทํ อนุปหตํ สกลํ อาทาย ปกฺกมิตุํ ถาโม นตฺถีติ ทเสฺสติฯ น หิ ภควา หตฺถิอาทโย วิย กสฺสจิ ชีวิตนฺตรายํ กโรติฯ อยํ ปน นิคโณฺฐ อิมา ติโสฺส อุปมา น ภควโต อุกฺกํสนตฺถํ อาหริ, อตฺตุกฺกํสนตฺถเมว อาหริฯ ยถา หิ ราชา กญฺจิ ปจฺจตฺถิกํ ฆาเตตฺวา เอวํ นาม สูโร เอวํ ถามสมฺปโนฺน ปุริโส ภวิสฺสตีติ ปจฺจตฺถิกํ โถเมโนฺตปิ อตฺตานเมว โถเมติฯ เอวเมว โสปิ สิยา หิ, โภ โคตม, หตฺถิํ ปภินฺนนฺติอาทีหิ ภควนฺตํ อุกฺกํเสโนฺตปิ มยเมว สูรา มยํ ปณฺฑิตา มยํ พหุสฺสุตาเยว เอวํ ปภินฺนหตฺถิํ วิย, ชลิตอคฺคิกฺขนฺธํ วิย, ผณกตอาสีวิสํ วิย จ วาทตฺถิกา สมฺมาสมฺพุทฺธํ อุปสงฺกมิมฺหาติ อตฺตานํเยว อุกฺกํเสติฯ เอวํ อตฺตานํ อุกฺกํเสตฺวา ภควนฺตํ นิมนฺตยมาโน อธิวาเสตุ เมติอาทิมาหฯ ตตฺถ อธิวาเสตูติ สมฺปฎิจฺฉตุฯ สฺวาตนายาติ ยํ เม ตุเมฺหสุ การํ กโรโต เสฺว ภวิสฺสติ ปุญฺญญฺจ ปีติปาโมชฺชญฺจ, ตทตฺถายฯ อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวนาติ ภควา กายงฺคํ วา วาจงฺคํ วา อโจเปตฺวา อพฺภนฺตเรเยว ขนฺติํ ธาเรโนฺต ตุณฺหีภาเวน อธิวาเสสิฯ สจฺจกสฺส อนุคฺคหกรณตฺถํ มนสาว สมฺปฎิจฺฉีติ วุตฺตํ โหติฯ
362.Dhaṃsīti guṇadhaṃsakā. Pagabbāti vācāpāgabbiyena samannāgatā. Āsādetabbanti ghaṭṭetabbaṃ. Āsajjāti ghaṭṭetvā. Natveva bhavantaṃ gotamanti bhavantaṃ gotamaṃ āsajja kassaci attano vādaṃ anupahataṃ sakalaṃ ādāya pakkamituṃ thāmo natthīti dasseti. Na hi bhagavā hatthiādayo viya kassaci jīvitantarāyaṃ karoti. Ayaṃ pana nigaṇṭho imā tisso upamā na bhagavato ukkaṃsanatthaṃ āhari, attukkaṃsanatthameva āhari. Yathā hi rājā kañci paccatthikaṃ ghātetvā evaṃ nāma sūro evaṃ thāmasampanno puriso bhavissatīti paccatthikaṃ thomentopi attānameva thometi. Evameva sopi siyā hi, bho gotama, hatthiṃ pabhinnantiādīhi bhagavantaṃ ukkaṃsentopi mayameva sūrā mayaṃ paṇḍitā mayaṃ bahussutāyeva evaṃ pabhinnahatthiṃ viya, jalitaaggikkhandhaṃ viya, phaṇakataāsīvisaṃ viya ca vādatthikā sammāsambuddhaṃ upasaṅkamimhāti attānaṃyeva ukkaṃseti. Evaṃ attānaṃ ukkaṃsetvā bhagavantaṃ nimantayamāno adhivāsetu metiādimāha. Tattha adhivāsetūti sampaṭicchatu. Svātanāyāti yaṃ me tumhesu kāraṃ karoto sve bhavissati puññañca pītipāmojjañca, tadatthāya. Adhivāsesi bhagavā tuṇhībhāvenāti bhagavā kāyaṅgaṃ vā vācaṅgaṃ vā acopetvā abbhantareyeva khantiṃ dhārento tuṇhībhāvena adhivāsesi. Saccakassa anuggahakaraṇatthaṃ manasāva sampaṭicchīti vuttaṃ hoti.
๓๖๓. ยมสฺส ปติรูปํ มเญฺญยฺยาถาติ เต กิร ลิจฺฉวี ตสฺส ปญฺจถาลิปากสตานิ นิจฺจภตฺตํ อาหรนฺติ ฯ ตเทว สนฺธาย เอส เสฺว ตุเมฺห ยํ อสฺส สมณสฺส โคตมสฺส ปติรูปํ กปฺปิยนฺติ มเญฺญยฺยาถ, ตํ อาหเรยฺยาถ; สมณสฺส หิ โคตมสฺส ตุเมฺห ปริจารกา กปฺปิยากปฺปิยํ ยุตฺตายุตฺตํ ชานาถาติ วทติฯ ภตฺตาภิหารํ อภิหริํสูติ อภิหริตพฺพํ ภตฺตํ อภิหริํสุฯ ปณีเตนาติ อุตฺตเมนฯ สหตฺถาติ สหเตฺถนฯ สนฺตเปฺปตฺวาติ สุฎฺฐุ ตเปฺปตฺวา, ปริปุณฺณํ สุหิตํ ยาวทตฺถํ กตฺวาฯ สมฺปวาเรตฺวาติ สุฎฺฐุ ปวาเรตฺวา, อลํ อลนฺติ หตฺถสญฺญาย ปฎิกฺขิปาเปตฺวาฯ ภุตฺตาวินฺติ ภุตฺตวนฺตํฯ โอนีตปตฺตปาณินฺติ ปตฺตโต โอนีตปาณิํ, อปนีตหตฺถนฺติ วุตฺตํ โหติฯ ‘‘โอนิตฺตปตฺตปาณิ’’นฺติปิ ปาโฐ, ตสฺสโตฺถ, โอนิตฺตํ นานาภูตํ ปตฺตํ ปาณิโต อสฺสาติ โอนิตฺตปตฺตปาณีฯ ตํ โอนิตฺตปตฺตปาณิํ, หเตฺถ จ ปตฺตญฺจ โธวิตฺวา เอกมเนฺต ปตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา นิสินฺนนฺติ อโตฺถฯ เอกมนฺตํ นิสีทีติ ภควนฺตํ เอวํภูตํ ญตฺวา เอกสฺมิํ โอกาเส นิสีทีติ อโตฺถฯ ปุญฺญญฺจาติ ยํ อิมสฺมิํ ทาเน ปุญฺญํ, อายติํ วิปากกฺขนฺธาติ อโตฺถฯ ปุญฺญมหีติ วิปากกฺขนฺธานํเยว ปริวาโรฯ ตํ ทายกานํ สุขาย โหตูติ ตํ อิเมสํ ลิจฺฉวีนํ สุขตฺถาย โหตุฯ อิทํ กิร โส อหํ ปพฺพชิโต นาม, ปพฺพชิเตน จ น ยุตฺตํ อตฺตโน ทานํ นิยฺยาเตตุนฺติ เตสํ นิยฺยาเตโนฺต เอวมาหฯ อถ ภควา ยสฺมา ลิจฺฉวีหิ สจฺจกสฺส ทินฺนํ, น ภควโตฯ สจฺจเกน ปน ภควโต ทินฺนํ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทีเปโนฺต ยํ โข, อคฺคิเวสฺสนาติอาทิมาหฯ อิติ ภควา นิคณฺฐสฺส มเตน วินาเยว อตฺตโน ทินฺนํ ทกฺขิณํ นิคณฺฐสฺส นิยฺยาเตสิ, สา จสฺส อนาคเต วาสนา ภวิสฺสตีติฯ
363.Yamassa patirūpaṃ maññeyyāthāti te kira licchavī tassa pañcathālipākasatāni niccabhattaṃ āharanti . Tadeva sandhāya esa sve tumhe yaṃ assa samaṇassa gotamassa patirūpaṃ kappiyanti maññeyyātha, taṃ āhareyyātha; samaṇassa hi gotamassa tumhe paricārakā kappiyākappiyaṃ yuttāyuttaṃ jānāthāti vadati. Bhattābhihāraṃ abhihariṃsūti abhiharitabbaṃ bhattaṃ abhihariṃsu. Paṇītenāti uttamena. Sahatthāti sahatthena. Santappetvāti suṭṭhu tappetvā, paripuṇṇaṃ suhitaṃ yāvadatthaṃ katvā. Sampavāretvāti suṭṭhu pavāretvā, alaṃ alanti hatthasaññāya paṭikkhipāpetvā. Bhuttāvinti bhuttavantaṃ. Onītapattapāṇinti pattato onītapāṇiṃ, apanītahatthanti vuttaṃ hoti. ‘‘Onittapattapāṇi’’ntipi pāṭho, tassattho, onittaṃ nānābhūtaṃ pattaṃ pāṇito assāti onittapattapāṇī. Taṃ onittapattapāṇiṃ, hatthe ca pattañca dhovitvā ekamante pattaṃ nikkhipitvā nisinnanti attho. Ekamantaṃ nisīdīti bhagavantaṃ evaṃbhūtaṃ ñatvā ekasmiṃ okāse nisīdīti attho. Puññañcāti yaṃ imasmiṃ dāne puññaṃ, āyatiṃ vipākakkhandhāti attho. Puññamahīti vipākakkhandhānaṃyeva parivāro. Taṃ dāyakānaṃ sukhāya hotūti taṃ imesaṃ licchavīnaṃ sukhatthāya hotu. Idaṃ kira so ahaṃ pabbajito nāma, pabbajitena ca na yuttaṃ attano dānaṃ niyyātetunti tesaṃ niyyātento evamāha. Atha bhagavā yasmā licchavīhi saccakassa dinnaṃ, na bhagavato. Saccakena pana bhagavato dinnaṃ, tasmā tamatthaṃ dīpento yaṃ kho, aggivessanātiādimāha. Iti bhagavā nigaṇṭhassa matena vināyeva attano dinnaṃ dakkhiṇaṃ nigaṇṭhassa niyyātesi, sā cassa anāgate vāsanā bhavissatīti.
ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย
Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya
จูฬสจฺจกสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Cūḷasaccakasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๕. จูฬสจฺจกสุตฺตํ • 5. Cūḷasaccakasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๕. จูฬสจฺจกสุตฺตวณฺณนา • 5. Cūḷasaccakasuttavaṇṇanā