Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) |
๕. จูฬสจฺจกสุตฺตวณฺณนา
5. Cūḷasaccakasuttavaṇṇanā
๓๕๓. หํสวฎฺฎกจฺฉเนฺนนาติ หํสวฎฺฎกปฎิจฺฉเนฺนน, หํสมณฺฑลากาเรนาติ อโตฺถฯ
353.Haṃsavaṭṭakacchannenāti haṃsavaṭṭakapaṭicchannena, haṃsamaṇḍalākārenāti attho.
วทนฺติ เอเตนาติ วาโท, มโคฺคฯ กิํ วทนฺติ? อุตฺตรํฯ วาทานํ สตานิ วาทสตานิฯ ‘‘นิคโณฺฐ ปญฺจวาทสตานิ, นิคณฺฐี ปญฺจวาทสตานี’’ติ เอวํ นิคโณฺฐ จ นิคณฺฐี จ ปญฺจ ปญฺจ วาทสตานิ อุคฺคเหตฺวา วิจรนฺตาฯ กิริยโต เต ปุจฺฉิํสุ, ลิงฺคโต ปน นิคณฺฐภาโว ญาโตฯ เตนาห ‘‘อหํ วาทํ อาโรเปสฺสามี’’ติฯ
Vadanti etenāti vādo, maggo. Kiṃ vadanti? Uttaraṃ. Vādānaṃ satāni vādasatāni. ‘‘Nigaṇṭho pañcavādasatāni, nigaṇṭhī pañcavādasatānī’’ti evaṃ nigaṇṭhoca nigaṇṭhī ca pañca pañca vādasatāni uggahetvā vicarantā. Kiriyato te pucchiṃsu, liṅgato pana nigaṇṭhabhāvo ñāto. Tenāha ‘‘ahaṃ vādaṃ āropessāmī’’ti.
ชคฺคโนฺต สมฺมชฺชนาทิวเสนฯ ทิวาตรนฺติ อติทิวํฯ ‘‘กสฺส ปุจฺฉา, กสฺส วิสฺสชฺชนํ โหตู’’ติ ปริพฺพาชิกาหิ วุเตฺต เถโร อาห ‘‘ปุจฺฉา นาม อมฺหากํ ปตฺตา’’ติฯ ปุจฺฉา วาทานํ ปุพฺพปโกฺข, ยสฺมา ตุเมฺห วาทปสุตา วาทาภิรตา ธชํ ปคฺคยฺห วิจรถ, ตสฺมา วาทานํ ปุพฺพปโกฺข อมฺหากํ ปโตฺต, เอวํ สเนฺตปิ ตุมฺหากํ มาตุคามภาวโต ปุพฺพปกฺขํ เทมาติ อาห ‘‘ตุเมฺห ปน มาตุคามา นาม ปฐมํ ปุจฺฉถา’’ติฯ ตา ปริพฺพาชิกา เอเกกา อฑฺฒเตยฺยสตวาทมคฺคํ ปุจฺฉนฺติโย วาทสหสฺสํ ปุจฺฉิํสุฯ ยถา นิสิตสฺส ขคฺคสฺส กุมุทนาฬเจฺฉทเน กิมตฺถิ ภาริยํ, เอวํ ปฎิสมฺภิทาปฺปตฺตสฺส สาวเกสุ ปญฺญวนฺตานํ อคฺคภาเว ฐิตสฺส ธมฺมเสนาปติโน ปุถุชฺชนปริกปฺปิตปญฺหวิสฺสชฺชเน กิมตฺถิ ภาริยํฯ เตนาห ‘‘เถโร ขเคฺคนา’’ติอาทิฯ ตตฺถ นิชฺชฎํ นิคฺคณฺฐิํ กตฺวาติ ยถา ตา ปุน ตตฺถ ชฎํ คณฺฐิํ กาตุํ น วิสหนฺติ, ตถา วิชเฎตฺวา กเถสิฯ อยํ เถโร จตุรงฺคสมนฺนาคเต อนฺธกาเร สหสฺสวฎฺฎิกํ ทีเปโนฺต วิย อเญฺญสํ อวิสเย อนฺธการภูเต ปเญฺห ปุจฺฉิตมเตฺตเยว วิสฺสเชฺชสีติ เถรสฺส ปญฺญาเวยฺยตฺติยํ ทิสฺวา สยญฺจ อนฺติมภวิกตาย โกหเญฺญ ฐาตุํ อสโกฺกนฺติโย ‘‘เอตฺตกเมว, ภเนฺต, มยํ ชานามา’’ติ อาหํสุฯ เถรสฺส วิสยนฺติ เถรสฺส ปญฺญาวิสยํฯ
Jagganto sammajjanādivasena. Divātaranti atidivaṃ. ‘‘Kassa pucchā, kassa vissajjanaṃ hotū’’ti paribbājikāhi vutte thero āha ‘‘pucchā nāma amhākaṃ pattā’’ti. Pucchā vādānaṃ pubbapakkho, yasmā tumhe vādapasutā vādābhiratā dhajaṃ paggayha vicaratha, tasmā vādānaṃ pubbapakkho amhākaṃ patto, evaṃ santepi tumhākaṃ mātugāmabhāvato pubbapakkhaṃ demāti āha ‘‘tumhe pana mātugāmā nāma paṭhamaṃ pucchathā’’ti. Tā paribbājikā ekekā aḍḍhateyyasatavādamaggaṃ pucchantiyo vādasahassaṃ pucchiṃsu. Yathā nisitassa khaggassa kumudanāḷacchedane kimatthi bhāriyaṃ, evaṃ paṭisambhidāppattassa sāvakesu paññavantānaṃ aggabhāve ṭhitassa dhammasenāpatino puthujjanaparikappitapañhavissajjane kimatthi bhāriyaṃ. Tenāha ‘‘thero khaggenā’’tiādi. Tattha nijjaṭaṃ niggaṇṭhiṃ katvāti yathā tā puna tattha jaṭaṃ gaṇṭhiṃ kātuṃ na visahanti, tathā vijaṭetvā kathesi. Ayaṃ thero caturaṅgasamannāgate andhakāre sahassavaṭṭikaṃ dīpento viya aññesaṃ avisaye andhakārabhūte pañhe pucchitamatteyeva vissajjesīti therassa paññāveyyattiyaṃ disvā sayañca antimabhavikatāya kohaññe ṭhātuṃ asakkontiyo ‘‘ettakameva, bhante, mayaṃ jānāmā’’ti āhaṃsu. Therassa visayanti therassa paññāvisayaṃ.
เนว อนฺตํ น โกฎิํ อทฺทสํสูติ เอกนฺติ วตฺตพฺพสฺส พหุภาวโต ตสฺสา ปุจฺฉาย อโตฺถ เอวมโนฺต เอวมวสานโกฎีติ น ปสฺสิํสุ น ชานิํสุฯ เถโร ตาสํ อชฺฌาสยํ โอโลเกโนฺต ปพฺพชฺชารุจิํ ทิสฺวา อาห ‘‘อิทานิ กิํ กริสฺสถา’’ติ? อุตฺตริตรปโญฺญติ วาทมคฺคปริจเยน เมธาวิตาย จ ยาทิสา ตาสํ ปญฺญา, ตโต อุตฺตริตรปโญฺญฯ
Neva antaṃ na koṭiṃ addasaṃsūti ekanti vattabbassa bahubhāvato tassā pucchāya attho evamanto evamavasānakoṭīti na passiṃsu na jāniṃsu. Thero tāsaṃ ajjhāsayaṃ olokento pabbajjāruciṃ disvā āha ‘‘idāni kiṃ karissathā’’ti? Uttaritarapaññoti vādamaggaparicayena medhāvitāya ca yādisā tāsaṃ paññā, tato uttaritarapañño.
กถามโคฺคติ วาทมโคฺคฯ ตสฺมา เตหิ เตหิ ปรปฺปวาทาทีหิ ภสฺสํ วาทมคฺคํ ปกาเรหิ วเทตีติ ภสฺสปฺปวาทโกฯ ปณฺฑิตวาโทติ อหํ ปณฺฑิโต นิปุโณ พหุสฺสุโตติ เอวํวาทีฯ ยํ ยํ นกฺขตฺตาจาเรน อาทิสตีติ นกฺขตฺตคติยา กาลญาเณน ‘‘อสุกทิวเส จนฺทคฺคาโห ภวิสฺสติ, สูริยคฺคาโห ภวิสฺสตี’’ติอาทินา ยํ ยํ อาเทสํ ภณติฯ สาธุลทฺธิโก ญาณสมฺปตฺติยา สุนฺทโรฯ อาโรปิโตติ ปฎิญฺญาเหตุนิทสฺสนาทิโทสํ อุปริ อาโรปิโต วาโท สฺวาโรปิโตฯ โทสปทํ อาโรเปเนฺตน วาทินา ปรวาทิมฺหิ อภิภุยฺย ตสฺส ธาตุโกฺขโภปิ สิยา, จิตฺตวิเกฺขเปน เยน โทโส เตน สงฺกปฺปิโต สมฺปเวธิโตติฯ ถูณนฺติ สรีรํ โขภิตนฺติ กตฺวาฯ ถูณนฺติ หิ โลหิตปิตฺตเสมฺหานํ อธิวจนํ สพฺพงฺคสรีรธารณโตฯ อปิจ ถูณปโท นาม อตฺถิ กถามโคฺค วาทมคฺคํ คณฺหนฺตานํฯ สจฺจโก ปน โกหเญฺญ ฐตฺวา อตฺตโน วาทปฺปเภทวเสน ปเร วิมฺหาเปโนฺต ‘‘ถูณํ เจปาห’’นฺติอาทิมาหฯ สาวกานํ วินยํ นาม สิกฺขาปทํ, ตญฺจ ธมฺมเทสนา โหตีติ เอสา เอว จสฺส อนุสาสนีติ วินยนาทิมุเขน สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส มตํ สาสนํ ปุจฺฉโนฺต สจฺจโก ‘‘กถํ ปน, โภ, อสฺสชี’’ติอาทิมาหฯ อถสฺส เถโร ‘‘ลกฺขณตฺตยกถา นาม อนญฺญสาธารณา พุทฺธาเวณิกา ธมฺมเทสนา, ตตฺร จ มยา อนิจฺจกถาย สมุฎฺฐาปิตาย ตํ อสหโนฺต สจฺจโก ตุจฺฉมาเนน ปฎปฎายโนฺต กุรุมาโน ลิจฺฉวี คเหตฺวา ภควโต สนฺติกํ อาคมิสฺสติ, อถสฺส ภควา วาทํ มทฺทิตฺวา อนิจฺจนฺติ ปติฎฺฐเปโนฺต ธมฺมํ กเถสฺสติ, ตทา ภวิสฺสติ วิชหิตวาโท สมฺมาปฎิปตฺติยา ปติฎฺฐิโต’’ติ จิเนฺตตฺวา อนิจฺจานตฺตลกฺขณปฎิสํยุตฺตํ ภควโต อนุสาสนํ ทเสฺสโนฺต ‘‘เอวํ, โภ, อคฺคิเวสฺสนา’’ติอาทิมาหฯ
Kathāmaggoti vādamaggo. Tasmā tehi tehi parappavādādīhi bhassaṃ vādamaggaṃ pakārehi vadetīti bhassappavādako. Paṇḍitavādoti ahaṃ paṇḍito nipuṇo bahussutoti evaṃvādī. Yaṃ yaṃ nakkhattācārena ādisatīti nakkhattagatiyā kālañāṇena ‘‘asukadivase candaggāho bhavissati, sūriyaggāho bhavissatī’’tiādinā yaṃ yaṃ ādesaṃ bhaṇati. Sādhuladdhiko ñāṇasampattiyā sundaro. Āropitoti paṭiññāhetunidassanādidosaṃ upari āropito vādo svāropito. Dosapadaṃ āropentena vādinā paravādimhi abhibhuyya tassa dhātukkhobhopi siyā, cittavikkhepena yena doso tena saṅkappito sampavedhitoti. Thūṇanti sarīraṃ khobhitanti katvā. Thūṇanti hi lohitapittasemhānaṃ adhivacanaṃ sabbaṅgasarīradhāraṇato. Apica thūṇapado nāma atthi kathāmaggo vādamaggaṃ gaṇhantānaṃ. Saccako pana kohaññe ṭhatvā attano vādappabhedavasena pare vimhāpento ‘‘thūṇaṃ cepāha’’ntiādimāha. Sāvakānaṃ vinayaṃ nāma sikkhāpadaṃ, tañca dhammadesanā hotīti esā eva cassa anusāsanīti vinayanādimukhena sammāsambuddhassa mataṃ sāsanaṃ pucchanto saccako ‘‘kathaṃ pana, bho, assajī’’tiādimāha. Athassa thero ‘‘lakkhaṇattayakathā nāma anaññasādhāraṇā buddhāveṇikā dhammadesanā, tatra ca mayā aniccakathāya samuṭṭhāpitāya taṃ asahanto saccako tucchamānena paṭapaṭāyanto kurumāno licchavī gahetvā bhagavato santikaṃ āgamissati, athassa bhagavā vādaṃ madditvā aniccanti patiṭṭhapento dhammaṃ kathessati, tadā bhavissati vijahitavādo sammāpaṭipattiyā patiṭṭhito’’ti cintetvā aniccānattalakkhaṇapaṭisaṃyuttaṃ bhagavato anusāsanaṃ dassento ‘‘evaṃ, bho, aggivessanā’’tiādimāha.
กสฺมา ปเนตฺถ ทุกฺขลกฺขณํ อคฺคหิตนฺติ อาห ‘‘เถโร ปนา’’ติอาทิฯ ‘‘อุปารมฺภสฺส โอกาโส โหตี’’ติ สเงฺขปโต วุตฺตํ วิวริตุํ ‘‘มคฺคผลานี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ปริยาเยนาติ สงฺขารทุกฺขตาปริยาเยนฯ อยนฺติ สจฺจโกฯ นยิทํ ตุมฺหากํ สาสนํ นามาติ ยตฺถ ตุเมฺห อวฎฺฐิตา, อิทํ ตุมฺหากํ สพฺพญฺญุสาสนํ นาม น โหติ ทุกฺขโต อนิสฺสรณตฺตา, อถ โข มหาอาฆาตนํ นาเมตํ, มหาทุกฺขนิทฺทิฎฺฐตฺตา ปน นิรยุสฺสโท นาม อุสฺสทนิรโย นาม, ตสฺมา นตฺติ นาม ตุมฺหากํ สุขาสาฯ อุฎฺฐายุฎฺฐายาติ อุสฺสุกฺกํ กตฺวา, ทุกฺขเมว ชีราเปนฺตา สพฺพโส ทุกฺขเมว อนุภวนฺตา, อาหิณฺฑถ วิจรถาติฯ สพฺพมิทํ ตสฺส มิจฺฉาปริกปฺปิตเมวฯ กสฺมา? ทุกฺขสจฺจูปสญฺหิตาเยว เหตฺถ นิปฺปริยายกถา นามฯ ตสฺส หิ ปริญฺญตฺถํ ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสติฯ มคฺคผลานิ สงฺขารภาเวน ‘‘ยทนิจฺจํ, ตํ ทุกฺข’’นฺติ ปริยายโต ทุกฺขํ, น นิปฺปริยายโตฯ เตนาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิฯ โสตุํ อยุตฺตํ มิจฺฉาวาทตฺตาติ อธิปฺปาโยฯ
Kasmā panettha dukkhalakkhaṇaṃ aggahitanti āha ‘‘thero panā’’tiādi. ‘‘Upārambhassa okāso hotī’’ti saṅkhepato vuttaṃ vivarituṃ ‘‘maggaphalānī’’tiādi vuttaṃ. Tattha pariyāyenāti saṅkhāradukkhatāpariyāyena. Ayanti saccako. Nayidaṃ tumhākaṃ sāsanaṃ nāmāti yattha tumhe avaṭṭhitā, idaṃ tumhākaṃ sabbaññusāsanaṃ nāma na hoti dukkhato anissaraṇattā, atha kho mahāāghātanaṃ nāmetaṃ, mahādukkhaniddiṭṭhattā pana nirayussado nāma ussadanirayo nāma, tasmā natti nāma tumhākaṃ sukhāsā. Uṭṭhāyuṭṭhāyāti ussukkaṃ katvā, dukkhameva jīrāpentā sabbaso dukkhameva anubhavantā, āhiṇḍatha vicarathāti. Sabbamidaṃ tassa micchāparikappitameva. Kasmā? Dukkhasaccūpasañhitāyeva hettha nippariyāyakathā nāma. Tassa hi pariññatthaṃ bhagavati brahmacariyaṃ vussati. Maggaphalāni saṅkhārabhāvena ‘‘yadaniccaṃ, taṃ dukkha’’nti pariyāyato dukkhaṃ, na nippariyāyato. Tenāha ‘‘tasmā’’tiādi. Sotuṃ ayuttaṃ micchāvādattāti adhippāyo.
๓๕๔. สห อตฺถานุสาสนํ อคารนฺติ สนฺธาคารํ, ราชกุลานํ สนฺถาปนอคารนฺติปิ สนฺธาคารํ, ตสฺมิํ สนฺถาคาเรติ อโตฺถฯ เอกสฺมิํ กาเล ตาทิเส กาเล ราชกิจฺจานํ สนฺถานเมตฺถ วิจาเรนฺตีติ สนฺธาคารํ, ตสฺมิํ สนฺถาคาเรติปิ อโตฺถฯ ปติฎฺฐิตนฺติ ‘‘อนิจฺจํ อนตฺตา’’ติ จ ปฎิญฺญาตํฯ อิทาเนว ปิฎฺฐิํ ปริวเตฺตโนฺตติ ภควโต นลาฎํ อโนโลเกตฺวา วิมุขภาวํ อาปชฺชโนฺตฯ สุราฆเรติ สุราสมฺปาทกเคเหฯ ปิฎฺฐกิลญฺชนฺติ ปิฎฺฐฐปนกิฬญฺชํฯ วาลนฺติ จงฺควารํฯ สาณสาฎกกรณตฺถนฺติ สาณสาฎกํ กโรนฺติ เอเตนาติ สาณสาฎกกรณํ, สุตฺตํ, ตทตฺถํฯ สาณวากา เอเตสุ สนฺตีติ สาณวากา, สาณทณฺฑาฯ เต คเหตฺวา สาณานํ โธวนสทิสํ กีฬิตชาตํ ยถา ‘‘อุทฺทาลปุปฺผภญฺชิกา, สาณภญฺชิกา’’ติ จฯ กิํ โส ภวมาโนติ กีทิโส หุตฺวา โส ภวมาโน, กิํ โหโนฺต โลเก อคฺคปุคฺคลสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส วาทาโรปนํ นาม ตโต อุตฺตริตรสูรคุโณ เอว ยกฺขาทิภาเวน โส ภวมาโน อภิสมฺภุเณยฺยฯ อยํ ปน อปฺปานุภาวตาย ปิสาจรูโป กิํ เอตฺตกํ กาลํ นิทฺทายโนฺต อชฺช ปพุชฺฌิตฺวา เอวํ วทตีติ อธิปฺปาโยฯ เตนาห ‘‘กิํ ยโกฺข’’ติอาทิฯ
354. Saha atthānusāsanaṃ agāranti sandhāgāraṃ, rājakulānaṃ santhāpanaagārantipi sandhāgāraṃ, tasmiṃ santhāgāreti attho. Ekasmiṃ kāle tādise kāle rājakiccānaṃ santhānamettha vicārentīti sandhāgāraṃ, tasmiṃ santhāgāretipi attho. Patiṭṭhitanti ‘‘aniccaṃ anattā’’ti ca paṭiññātaṃ. Idāneva piṭṭhiṃ parivattentoti bhagavato nalāṭaṃ anoloketvā vimukhabhāvaṃ āpajjanto. Surāghareti surāsampādakagehe. Piṭṭhakilañjanti piṭṭhaṭhapanakiḷañjaṃ. Vālanti caṅgavāraṃ. Sāṇasāṭakakaraṇatthanti sāṇasāṭakaṃ karonti etenāti sāṇasāṭakakaraṇaṃ, suttaṃ, tadatthaṃ. Sāṇavākā etesu santīti sāṇavākā, sāṇadaṇḍā. Te gahetvā sāṇānaṃ dhovanasadisaṃ kīḷitajātaṃ yathā ‘‘uddālapupphabhañjikā, sāṇabhañjikā’’ti ca. Kiṃ so bhavamānoti kīdiso hutvā so bhavamāno, kiṃ honto loke aggapuggalassa sammāsambuddhassa vādāropanaṃ nāma tato uttaritarasūraguṇo eva yakkhādibhāvena so bhavamāno abhisambhuṇeyya. Ayaṃ pana appānubhāvatāya pisācarūpo kiṃ ettakaṃ kālaṃ niddāyanto ajja pabujjhitvā evaṃ vadatīti adhippāyo. Tenāha ‘‘kiṃ yakkho’’tiādi.
๓๕๕. มหามชฺฌนฺหิกสมเยติ มหติ มชฺฌนฺหิกกาเล, คคนมเชฺฌ สูริยคตเวลายฯ ทิวาปธานิกา ปธานานุยุญฺชกาฯ วตฺตํ ทเสฺสตฺวาติ ปจฺฉาภตฺตํ ทิวาวิหารูปคมนโต ปุเพฺพ กาตพฺพวตฺตํ ทเสฺสตฺวา ปฎิปชฺชิตฺวาฯ ภควนฺตํ ทเสฺสโนฺตติ ภควติ คารวพหุมานํ วิภาเวโนฺต อุโภ หเตฺถ กมลมกุลากาเร กตฺวา อุกฺขิปฺป ภควนฺตํ ทเสฺสโนฺตฯ
355.Mahāmajjhanhikasamayeti mahati majjhanhikakāle, gaganamajjhe sūriyagatavelāya. Divāpadhānikā padhānānuyuñjakā. Vattaṃ dassetvāti pacchābhattaṃ divāvihārūpagamanato pubbe kātabbavattaṃ dassetvā paṭipajjitvā. Bhagavantaṃ dassentoti bhagavati gāravabahumānaṃ vibhāvento ubho hatthe kamalamakulākāre katvā ukkhippa bhagavantaṃ dassento.
ตํ สนฺธายาติ ตํ อปริจฺฉินฺนคณนํ สนฺธาย เอวํ ‘‘มหติยา ลิจฺฉวิปริสายา’’ติ วุตฺตํฯ กิํ สีเสน ภูมิํ ปหรเนฺตเนว วนฺทนา กตา โหติ? เกราฎิกาติ สฐาฯ โมเจนฺตาติ ภิกฺขาทานโต โมเจนฺตาฯ อวกฺขิตฺตมตฺติกาปิโณฺฑ วิยาติ เหฎฺฐาขิตฺตมตฺติกาปิโณฺฑ วิยฯ ยตฺถ กตฺถจีติ อตฺตโน อนุรูปํ วจนํ อสลฺลเปโนฺต ยตฺถ กตฺถจิฯ
Taṃ sandhāyāti taṃ aparicchinnagaṇanaṃ sandhāya evaṃ ‘‘mahatiyā licchaviparisāyā’’ti vuttaṃ. Kiṃ sīsena bhūmiṃ paharanteneva vandanā katā hoti? Kerāṭikāti saṭhā. Mocentāti bhikkhādānato mocentā. Avakkhittamattikāpiṇḍo viyāti heṭṭhākhittamattikāpiṇḍo viya. Yattha katthacīti attano anurūpaṃ vacanaṃ asallapento yattha katthaci.
๓๕๖. ทิสฺสติ ‘‘อิทํ อิมสฺส ผล’’นฺติ อปทิสฺสติ เอเตนาติ เทโส, การณํ, ตเทว ตสฺส ปวตฺติฎฺฐานตาย โอกาโสติ อาห ‘‘กญฺจิเทว เทสนฺติ กญฺจิ โอกาสํ กิญฺจิ การณ’’นฺติฯ โอกาโส ฐานนฺติ จ การณํ วุจฺจติ ‘‘อฎฺฐานเมตํ อนวกาโส’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๑๖๑; ม. นิ. ๓.๑๒๘-๑๓๑; อ. นิ. ๑.๒๖๘-๒๙๕; วิภ. ๘๐๙)ฯ ยทากงฺขสีติ น วทนฺติ อนวเสสธมฺมวิสยตฺตา ปฎิญฺญายฯ ตุมฺหนฺติ ตุมฺหากํฯ ยกฺข…เป.… ปริพฺพาชกานนฺติ เอตฺถ ‘‘ปุจฺฉาวุโส, ยทากงฺขสี’’ติอาทีนิ (สํ. นิ. ๑.๒๔๖; สุ. นิ. อาฬวกสุตฺต) ปุจฺฉาวจนานิ ยถากฺกมํ โยเชตพฺพานิฯ
356. Dissati ‘‘idaṃ imassa phala’’nti apadissati etenāti deso, kāraṇaṃ, tadeva tassa pavattiṭṭhānatāya okāsoti āha ‘‘kañcideva desanti kañci okāsaṃ kiñci kāraṇa’’nti. Okāso ṭhānanti ca kāraṇaṃ vuccati ‘‘aṭṭhānametaṃ anavakāso’’tiādīsu (dī. ni. 3.161; ma. ni. 3.128-131; a. ni. 1.268-295; vibha. 809). Yadākaṅkhasīti na vadanti anavasesadhammavisayattā paṭiññāya. Tumhanti tumhākaṃ. Yakkha…pe… paribbājakānanti ettha ‘‘pucchāvuso, yadākaṅkhasī’’tiādīni (saṃ. ni. 1.246; su. ni. āḷavakasutta) pucchāvacanāni yathākkamaṃ yojetabbāni.
ญตฺวา สยํ โลกมิมํ ปรญฺจาติ อิทํ มหาสโตฺต นิรยํ สคฺคญฺจ เตสํ ปจฺจกฺขโต ทเสฺสตฺวา อาหฯ
Ñatvāsayaṃ lokamimaṃ parañcāti idaṃ mahāsatto nirayaṃ saggañca tesaṃ paccakkhato dassetvā āha.
ตคฺฆ เต อหมกฺขิสฺสํ, ยถาปิ กุสโล ตถาติ ยถา ปกาเรน สุกุสโล สพฺพญฺญู ชานาติ กเถติ, ตถา อหํ กเถสฺสามิฯ ตสฺส ปน การณํ อการณญฺจ อวิชานโนฺต ราชานํ กโรตุ วา มา วา, อหํ ปน เต อกฺขิสฺสามีติ อาห ‘‘ราชา จ โข…เป.… น วา’’ติฯ
Taggha te ahamakkhissaṃ, yathāpi kusalo tathāti yathā pakārena sukusalo sabbaññū jānāti katheti, tathā ahaṃ kathessāmi. Tassa pana kāraṇaṃ akāraṇañca avijānanto rājānaṃ karotu vā mā vā, ahaṃ pana te akkhissāmīti āha ‘‘rājā ca kho…pe… na vā’’ti.
กถิตนิยาเมเนว กเถโนฺตติ เตปริวฎฺฎกถาย ทุกฺขลกฺขณเมฺปส กเถสฺสติ, อิธ ปน อญฺญถา สาวเกน อสฺสชินา กถิตํ, อญฺญถา สมเณน โคตเมนาติ วจโนกาสปริหรณตฺถํ ทุกฺขลกฺขณํ อนามสิตฺวา เถเรน กถิตนิยาเมเนว อนิจฺจานตฺตลกฺขณเมว กเถเนฺตน ภควตา – ‘‘รูปํ อนตฺตา ยาว วิญฺญาณํ อนตฺตา’’ติ วุเตฺต สจฺจโก ตํ อสมฺปฎิจฺฉโนฺต อุปมาย อตฺถญาปเน อุปมาปมาณํ ยถา ‘‘โค วิย ควโย’’ติ อตฺตานํ อุปเมยฺยํ กตฺวา อุปมาปมาเณน ปติฎฺฐาเปตุกาโม อาห ‘‘อุปมา มํ, โภ โคตม, ปฎิภาตี’’ติ, อุปมํ เต กริสฺสามิ, อุปมายปิเธกเจฺจ วิญฺญู ปุริสา ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชานนฺตีติ อธิปฺปาโยฯ ภควา อุปมาสเตน, อเญฺญน วาปิ ปมาเณน ตว อตฺตา ปติฎฺฐาเปตุํ น ลพฺภา อตฺตโน วิย ปมาณสฺสปิ อนุปลพฺภนโตติ อาห ‘‘ปฎิภาตุ ตํ อคฺคิเวสฺสนา’’ติฯ ยถา หิ อตฺตา นาม โกจิ ปรมตฺถโต น อุปลพฺภติ เอกํเสน อนุปลทฺธิโต, เอวสฺส ญาปกปุคฺคลํ ปมาณมฺปิ น อุปลพฺภติฯ เตนาห ‘‘อาหร ตํ อุปมํ วิสฺสโตฺถ’’ติ, น เตน ตว อตฺตวาโท ปติฎฺฐํ ลภตีติ อธิปฺปาโยฯ
Kathitaniyāmeneva kathentoti teparivaṭṭakathāya dukkhalakkhaṇampesa kathessati, idha pana aññathā sāvakena assajinā kathitaṃ, aññathā samaṇena gotamenāti vacanokāsapariharaṇatthaṃ dukkhalakkhaṇaṃ anāmasitvā therena kathitaniyāmeneva aniccānattalakkhaṇameva kathentena bhagavatā – ‘‘rūpaṃ anattā yāva viññāṇaṃ anattā’’ti vutte saccako taṃ asampaṭicchanto upamāya atthañāpane upamāpamāṇaṃ yathā ‘‘go viya gavayo’’ti attānaṃ upameyyaṃ katvā upamāpamāṇena patiṭṭhāpetukāmo āha ‘‘upamā maṃ, bho gotama, paṭibhātī’’ti, upamaṃ te karissāmi, upamāyapidhekacce viññū purisā bhāsitassa atthaṃ ājānantīti adhippāyo. Bhagavā upamāsatena, aññena vāpi pamāṇena tava attā patiṭṭhāpetuṃ na labbhā attano viya pamāṇassapi anupalabbhanatoti āha ‘‘paṭibhātu taṃ aggivessanā’’ti. Yathā hi attā nāma koci paramatthato na upalabbhati ekaṃsena anupaladdhito, evassa ñāpakapuggalaṃ pamāṇampi na upalabbhati. Tenāha ‘‘āhara taṃupamaṃ vissattho’’ti, na tena tava attavādo patiṭṭhaṃ labhatīti adhippāyo.
ยํ ทิฎฺฐํ กายิกํ วา ปุญฺญาปุญฺญํ ปุริสปุคฺคเล อุปลพฺภติ, เตน วิญฺญายติ รูปตฺตายํ ปุริสปุคฺคโล, ตถา ยํ ทิฎฺฐํ สุขทุกฺขปฎิสํเวทนํ ปุริสปุคฺคเล อุปลพฺภติ, ยํ ทิฎฺฐํ นีลาทิสญฺชานนํ, ยํ ทิฎฺฐํ รชฺชนทุสฺสนาทิ, ยํ ทิฎฺฐํ อารมฺมณปฎิวิชานนํ ปุริสปุคฺคเล อุปลพฺภติ, เตน วิญฺญายติ วิญฺญาณตฺตายํ ปุริสปุคฺคโลติฯ เอวํ รูปาทิลกฺขโณ อตฺตา ตตฺถ ตตฺถ กาเย กลฺยาณปาปกานํ กมฺมานํ วิปากํ สุขทุกฺขํ ปฎิสํเวเทติ, เอวเญฺจตํ สมฺปฎิจฺฉิตพฺพํ, อญฺญถา กมฺมผลสมฺพโนฺธ น ยุเชฺชยฺยาติ อิมมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อิมินา กิํ ทีเปตี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ เตติ สตฺตาฯ ปติฎฺฐายาติ นิสฺสายฯ ‘‘รูปตฺตายํ ปุริสปุคฺคโล’’ติอาทินา รูปาทิธเมฺม ‘‘อตฺตา’’ติ วตฺวา ปุน ‘‘รูเป ปติฎฺฐายา’’ติอาทิํ วทโนฺต อยํ นิคโณฺฐ อตฺตโน วาทํ ภินฺทติ ปติฎฺฐานสฺส, ปติฎฺฐายกสฺส จ อเภททีปนโตฯ รูปาทโย เวทนาทิสภาวา อตฺตา ตนฺนิสฺสเยน ปุญฺญาทิกิริยาสมุปลทฺธิโต อิธ ยํ นิสฺสาย ปุญฺญาทิกิริยา สมุปลพฺภติ, เต รูปาทโย สตฺตสญฺญิตา อตฺตสภาวา ทิฎฺฐา ยถา ตํ เทวตาทีสุ, เย ปน สตฺตสญฺญิตา ตโต อเญฺญ อสตฺตสภาวา ทิฎฺฐา ยถา ตํ กฎฺฐกลิงฺคราทีสูติ เอวํ สาเธตพฺพํ อตฺถํ สเหตุํ กตฺวา ทเสฺสโนฺต นิคโณฺฐ นิทสฺสนํ อาเนสีติ อาห ‘‘อติวิย สการณํ กตฺวา อุปมํ อาหรี’’ติฯ ตสฺส ปน ‘‘พลกรณียา’’ติ วุตฺตปุริสปฺปโยคา วิย พีชคามภูตคามาปิ สชีวา เอวาติ ลทฺธีติ เต สทิสูทาหรณภาเวน วุตฺตาติ ทฎฺฐพฺพํฯ สเจ ปน เย ชีวสฺส อาธารณภาเวน สหิเตน ปวเตฺตตพฺพภาเวน สลฺลเกฺขตพฺพา, เต สชีวาติ อิจฺฉิตา, น เกวเลน ปวเตฺตตพฺพภาเวนฯ เอวํ สติ ‘‘พลกรณียา กมฺมนฺตา’’ติ วทเนฺตน วิสทิสูทาหรณภาเวน อุปนีตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Yaṃ diṭṭhaṃ kāyikaṃ vā puññāpuññaṃ purisapuggale upalabbhati, tena viññāyati rūpattāyaṃ purisapuggalo, tathā yaṃ diṭṭhaṃ sukhadukkhapaṭisaṃvedanaṃ purisapuggale upalabbhati, yaṃ diṭṭhaṃ nīlādisañjānanaṃ, yaṃ diṭṭhaṃ rajjanadussanādi, yaṃ diṭṭhaṃ ārammaṇapaṭivijānanaṃ purisapuggale upalabbhati, tena viññāyati viññāṇattāyaṃ purisapuggaloti. Evaṃ rūpādilakkhaṇo attā tattha tattha kāye kalyāṇapāpakānaṃ kammānaṃ vipākaṃ sukhadukkhaṃ paṭisaṃvedeti, evañcetaṃ sampaṭicchitabbaṃ, aññathā kammaphalasambandho na yujjeyyāti imamatthaṃ dassento ‘‘iminā kiṃ dīpetī’’tiādimāha. Tattha teti sattā. Patiṭṭhāyāti nissāya. ‘‘Rūpattāyaṃ purisapuggalo’’tiādinā rūpādidhamme ‘‘attā’’ti vatvā puna ‘‘rūpe patiṭṭhāyā’’tiādiṃ vadanto ayaṃ nigaṇṭho attano vādaṃ bhindati patiṭṭhānassa, patiṭṭhāyakassa ca abhedadīpanato. Rūpādayo vedanādisabhāvā attā tannissayena puññādikiriyāsamupaladdhito idha yaṃ nissāya puññādikiriyā samupalabbhati, te rūpādayo sattasaññitā attasabhāvā diṭṭhā yathā taṃ devatādīsu, ye pana sattasaññitā tato aññe asattasabhāvā diṭṭhā yathā taṃ kaṭṭhakaliṅgarādīsūti evaṃ sādhetabbaṃ atthaṃ sahetuṃ katvā dassento nigaṇṭho nidassanaṃ ānesīti āha ‘‘ativiya sakāraṇaṃ katvā upamaṃ āharī’’ti. Tassa pana ‘‘balakaraṇīyā’’ti vuttapurisappayogā viya bījagāmabhūtagāmāpi sajīvā evāti laddhīti te sadisūdāharaṇabhāvena vuttāti daṭṭhabbaṃ. Sace pana ye jīvassa ādhāraṇabhāvena sahitena pavattetabbabhāvena sallakkhetabbā, te sajīvāti icchitā, na kevalena pavattetabbabhāvena. Evaṃ sati ‘‘balakaraṇīyā kammantā’’ti vadantena visadisūdāharaṇabhāvena upanītanti daṭṭhabbaṃ.
สมโตฺถ นาม นตฺถิ อตฺตวาทภญฺชนสฺส อนตฺตตาปติฎฺฐาปนสฺส จ สุคตาเวณิกตฺตาฯ ยํ ปเนตรหิ สาสนิกา ยถาสตฺติ ตทุภยํ กโรนฺติ, ตํ พุเทฺธหิ ทินฺนนเย ฐตฺวา เตสํ เทสนานุสารโตฯ นิวเตฺตตฺวาติ นีหริตฺวา, วิสุํ กตฺวาติ อโตฺถฯ สกลํ เวสาลินฺติ สพฺพเวสาลิวาสินํ ชนํ นิสฺสยูปจาเรน นิสฺสิตํ วทติ ยถา ‘‘คาโม อาคโต’’ติฯ สํวฎฺฎิตฺวาติ สมฺปิณฺฑิตฺวา, เอกชฺฌํ คเหตฺวาติ อโตฺถฯ
Samattho nāma natthi attavādabhañjanassa anattatāpatiṭṭhāpanassa ca sugatāveṇikattā. Yaṃ panetarahi sāsanikā yathāsatti tadubhayaṃ karonti, taṃ buddhehi dinnanaye ṭhatvā tesaṃ desanānusārato. Nivattetvāti nīharitvā, visuṃ katvāti attho. Sakalaṃ vesālinti sabbavesālivāsinaṃ janaṃ nissayūpacārena nissitaṃ vadati yathā ‘‘gāmo āgato’’ti. Saṃvaṭṭitvāti sampiṇḍitvā, ekajjhaṃ gahetvāti attho.
๓๕๗. ปติฎฺฐเปตฺวาติ ยถา ตํ วาทํ น อวชานาติ, เอวํ ปฎิญฺญํ กาเรตฺวาติ อโตฺถฯ ฆาติ-สโทฺท หิํสนโตฺถ, ตโต จ สทฺทวิทู อรหตฺถํ ตาย-สทฺทํ อุปฺปาเทตฺวา ฆาเตตายนฺติ รูปสิทฺธิํ อิจฺฉนฺตีติ อาห ‘‘ฆาตารห’’นฺติฯ ชาเปตายนฺติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ วตฺติตุญฺจ มรหตีติ ม-กาโร ปทสนฺธิกโรฯ วิเสเสตฺวา ทีเปตีติ ‘‘วตฺตติ’’อิเจฺจว อวตฺวา ‘‘วตฺติตุญฺจ มรหตี’’ติ ทุติเยน ปเทน ภควตา วุตฺตํ วิเสเสตฺวา ทีเปติฯ
357.Patiṭṭhapetvāti yathā taṃ vādaṃ na avajānāti, evaṃ paṭiññaṃ kāretvāti attho. Ghāti-saddo hiṃsanattho, tato ca saddavidū arahatthaṃ tāya-saddaṃ uppādetvā ghātetāyanti rūpasiddhiṃ icchantīti āha ‘‘ghātāraha’’nti. Jāpetāyantiādīsupi eseva nayo. Vattituñca marahatīti ma-kāro padasandhikaro. Visesetvā dīpetīti ‘‘vattati’’icceva avatvā ‘‘vattituñca marahatī’’ti dutiyena padena bhagavatā vuttaṃ visesetvā dīpeti.
ปาสาทิกํ อภิรูปนฺติ อภิมตรูปสมฺปนฺนํ สพฺพาวยวํฯ ตโต เอว สุสชฺชิตํ สพฺพกาลํ สุฎฺฐุ สชฺชิตาการเมวฯ เอวํวิธนฺติ ยาทิสํ สนฺธาย วุตฺตํ, ตํ ทเสฺสติ ‘‘ทุพฺพณฺณ’’นฺติอาทินาฯ อิมสฺมิํ ฐาเนติ ‘‘วตฺตติ เต ตสฺมิํ รูเป วโส’’ติ เอตสฺมิํ การณคฺคหเณฯ การณเญฺหตํ ภควตา คหิตํ ‘‘วตฺตติ…เป.… มา อโหสี’’ติฯ เตเนตํ ทเสฺสติ รูปํ อนตฺตา อวสวตฺตนโต, ยญฺหิ วเส น วตฺตติ, ตํ อนตฺตกเมว ทิฎฺฐํ ยถา ตํ สมฺปตฺติฯ วาทนฺติ โทสํ นิคฺคหํ อาโรเปสฺสติฯ สตฺตธา มุทฺธา ผลตีติ สหธมฺมิกสากจฺฉาหิ ตถาคเต, ปุจฺฉเนฺต อพฺยากรเณน วิเหสาย กยิรมานตฺตา ตติเย วาเร ธมฺมตาวเสน วิเหสกสฺส สตฺตธา มุทฺธา ผลติ ยถา ตํ สพฺพญฺญุปฎิญฺญาย ภควโต สมฺมุขภาวูปคมเนฯ วชิรปาณิ ปน กสฺมา ฐิโต โหตีติ? ภควา วิย อนุกมฺปมาโน มหนฺตํ ภยานกํ รูปํ มาเปตฺวา ตาเสตฺวา อิมํ ทิฎฺฐิํ วิสฺสชฺชาเปมีติ ตสฺส ปุรโต อากาเส วชิรํ อาหรโนฺต ติฎฺฐติ, น มุทฺธํ ผาเลตุกาโมฯ น หิ ภควโต ปุรโต กสฺสจิ อนโตฺถ นาม โหติฯ ยสฺมา ปน ภควา เอกํสโต สหธมฺมิกเมว ปญฺหํ ปุจฺฉติ, ตสฺมา อฎฺฐกถายํ ‘‘ปุจฺฉิเต’’อิเจฺจว วุตฺตํฯ
Pāsādikaṃ abhirūpanti abhimatarūpasampannaṃ sabbāvayavaṃ. Tato eva susajjitaṃ sabbakālaṃ suṭṭhu sajjitākārameva. Evaṃvidhanti yādisaṃ sandhāya vuttaṃ, taṃ dasseti ‘‘dubbaṇṇa’’ntiādinā. Imasmiṃ ṭhāneti ‘‘vattati te tasmiṃ rūpe vaso’’ti etasmiṃ kāraṇaggahaṇe. Kāraṇañhetaṃ bhagavatā gahitaṃ ‘‘vattati…pe… mā ahosī’’ti. Tenetaṃ dasseti rūpaṃ anattā avasavattanato, yañhi vase na vattati, taṃ anattakameva diṭṭhaṃ yathā taṃ sampatti. Vādanti dosaṃ niggahaṃ āropessati. Sattadhā muddhā phalatīti sahadhammikasākacchāhi tathāgate, pucchante abyākaraṇena vihesāya kayiramānattā tatiye vāre dhammatāvasena vihesakassa sattadhā muddhā phalati yathā taṃ sabbaññupaṭiññāya bhagavato sammukhabhāvūpagamane. Vajirapāṇi pana kasmā ṭhito hotīti? Bhagavā viya anukampamāno mahantaṃ bhayānakaṃ rūpaṃ māpetvā tāsetvā imaṃ diṭṭhiṃ vissajjāpemīti tassa purato ākāse vajiraṃ āharanto tiṭṭhati, na muddhaṃ phāletukāmo. Na hi bhagavato purato kassaci anattho nāma hoti. Yasmā pana bhagavā ekaṃsato sahadhammikameva pañhaṃ pucchati, tasmā aṭṭhakathāyaṃ ‘‘pucchite’’icceva vuttaṃ.
อาทิตฺตนฺติ ทิปฺปมานํฯ อกฺขินาสาทีนีติ อาทิ-สเทฺทน เอฬกสีสสทิสเกสมสฺสุอาทีนํ สงฺคณฺหาติฯ ‘‘ทิฎฺฐิวิสฺสชฺชาปนตฺถ’’นฺติ วตฺวา นยิทํ ยทิจฺฉาวเสน อาคมนํ, อถ โข อาทิโต มหาพฺรหฺมานํ ปุรโต กตฺวา อตฺตนา กตปฎิญฺญาวเสนาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาหฯ นฺติ วชิรปาณิํฯ ตํ สจฺจกสฺส ปฎิญฺญาย ปริวตฺตนการณํฯ อเญฺญปิ นุ โขติอาทิ สจฺจกสฺส วีมํสกภาวทสฺสนํฯ อวีมํสเกน หิ ตํ ทิสฺวา มหายโกฺขติ วเทยฺย, เตนสฺส อสารุปฺปํ สิยา, อยํ ปน อเญฺญสํ อภีตภาวํ อุปธาเรตฺวา ‘‘อทฺธาเม ยกฺขํ น ปสฺสนฺติ, ตสฺมา มยฺหเมว ภยํ อุปฺปนฺน’’นฺติ ตีเรตฺวา ยุตฺตปฺปตฺตวเสน ปฎิปชฺชิฯ
Ādittanti dippamānaṃ. Akkhināsādīnīti ādi-saddena eḷakasīsasadisakesamassuādīnaṃ saṅgaṇhāti. ‘‘Diṭṭhivissajjāpanattha’’nti vatvā nayidaṃ yadicchāvasena āgamanaṃ, atha kho ādito mahābrahmānaṃ purato katvā attanā katapaṭiññāvasenāti dassento ‘‘apicā’’tiādimāha. Nti vajirapāṇiṃ. Taṃ saccakassa paṭiññāya parivattanakāraṇaṃ. Aññepi nu khotiādi saccakassa vīmaṃsakabhāvadassanaṃ. Avīmaṃsakena hi taṃ disvā mahāyakkhoti vadeyya, tenassa asāruppaṃ siyā, ayaṃ pana aññesaṃ abhītabhāvaṃ upadhāretvā ‘‘addhāme yakkhaṃ na passanti, tasmā mayhameva bhayaṃ uppanna’’nti tīretvā yuttappattavasena paṭipajji.
๓๕๘. อุปธาเรตฺวาติ พฺยากาตพฺพมตฺถํ สลฺลเกฺขตฺวาฯ เอเสว นโยติ สงฺขารวิญฺญาเณสุปิ สญฺญาย วิย นโยติ อโตฺถฯ วุตฺตวิปริยาเยนาติ ‘‘อกุสลา ทุกฺขา เวทนา มา อโหสิ, อกุสลา โทมนสฺสสมฺปยุตฺตา สญฺญา มา อโหสี’’ติอาทินา นเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ สปฺปทฎฺฐวิสนฺติ สพฺพสตฺตานํ สปฺปทฎฺฐฎฺฐาเน สรีรปเทเส ปติตํ วิสํฯ อลฺลีโนติ สํสิลิโฎฺฐฯ อุปคโตติ น อปคโตฯ อโชฺฌสิโตติ คิลิตฺวา ปรินิฎฺฐเปตฺวา ฐิโตฯ ปริโต ชาเนยฺยาติ สมนฺตโต สพฺพโส กิญฺจิปิ อเสเสตฺวา ชาเนยฺยฯ ปริเกฺขเปตฺวาติ อายติํ อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทนวเสน สพฺพโส เขเปตฺวาฯ ตถาภูโต จสฺส ขยวยํ อุปเนติ นามาติ อาห ‘‘ขยํ วยํ อนุปฺปาทํ อุปเนตฺวา’’ติฯ
358.Upadhāretvāti byākātabbamatthaṃ sallakkhetvā. Eseva nayoti saṅkhāraviññāṇesupi saññāya viya nayoti attho. Vuttavipariyāyenāti ‘‘akusalā dukkhā vedanā mā ahosi, akusalā domanassasampayuttā saññā mā ahosī’’tiādinā nayena attho veditabbo. Sappadaṭṭhavisanti sabbasattānaṃ sappadaṭṭhaṭṭhāne sarīrapadese patitaṃ visaṃ. Allīnoti saṃsiliṭṭho. Upagatoti na apagato. Ajjhositoti gilitvā pariniṭṭhapetvā ṭhito. Parito jāneyyāti samantato sabbaso kiñcipi asesetvā jāneyya. Parikkhepetvāti āyatiṃ anuppattidhammatāpādanavasena sabbaso khepetvā. Tathābhūto cassa khayavayaṃ upaneti nāmāti āha ‘‘khayaṃ vayaṃ anuppādaṃ upanetvā’’ti.
๓๕๙. อตฺตโน วาทสฺส อสารภาวโต, ยถาปริกปฺปิตสฺส วา สารสฺส อภาวโต อโนฺตสารวิรหิโต ริโตฺตฯ วิปฺปการนฺติ ทิฎฺฐิยา สีลาจารสฺส จ วเสน วิรูปตํ สาปราธตํ สาวชฺชตํ เตสํ อุปริ อาโรเปตฺวาฯ สินฺนปโตฺตติ ตนุกปโตฺตฯ วิผาริตนฺติ วิผาฬิตํฯ
359. Attano vādassa asārabhāvato, yathāparikappitassa vā sārassa abhāvato antosāravirahito ritto. Vippakāranti diṭṭhiyā sīlācārassa ca vasena virūpataṃ sāparādhataṃ sāvajjataṃ tesaṃ upari āropetvā. Sinnapattoti tanukapatto. Viphāritanti viphāḷitaṃ.
อสารกรุกฺขปริจิโตติ ปลาสาทิอสารรุกฺขโกฎฺฎเน กตปริจโยฯ ถทฺธภาวนฺติ วิปกฺกภาวํ, ติกฺขภาวนฺติ อโตฺถฯ นตฺถีติ สทา นตฺถีติ น วตฺตพฺพํฯ ปริสตีติ จตุปริสมเชฺฌ ฯ ตถา หิ ‘‘คณฺฐิกํ ปฎิมุญฺจิตฺวา ปฎิจฺฉนฺนสรีรา’’ติ วุตฺตํฯ ยนฺตารุฬฺหสฺส วิยาติ พฺยากรณตฺถํ วายมยนฺตํ อารุฬฺหสฺส วิยฯ
Asārakarukkhaparicitoti palāsādiasārarukkhakoṭṭane kataparicayo. Thaddhabhāvanti vipakkabhāvaṃ, tikkhabhāvanti attho. Natthīti sadā natthīti na vattabbaṃ. Parisatīti catuparisamajjhe . Tathā hi ‘‘gaṇṭhikaṃ paṭimuñcitvā paṭicchannasarīrā’’ti vuttaṃ. Yantāruḷhassa viyāti byākaraṇatthaṃ vāyamayantaṃ āruḷhassa viya.
๓๖๐. ทิฎฺฐิวิสูกานีติ ทิฎฺฐิกิญฺจกานิฯ ทิฎฺฐิสญฺจริตานีติ ทิฎฺฐิตาฬนานิฯ ทิฎฺฐิวิปฺผนฺทิตานีติ ทิฎฺฐิอิญฺชิตานิฯ เตสํ อธิปฺปายํ ญตฺวาติ เตสํ ลิจฺฉวิกุมารานํ อิญฺชิเตเนว อชฺฌาสยํ ชานิตฺวาฯ เตนาห ‘‘อิเม’’ติอาทิฯ
360.Diṭṭhivisūkānīti diṭṭhikiñcakāni. Diṭṭhisañcaritānīti diṭṭhitāḷanāni. Diṭṭhivipphanditānīti diṭṭhiiñjitāni. Tesaṃ adhippāyaṃ ñatvāti tesaṃ licchavikumārānaṃ iñjiteneva ajjhāsayaṃ jānitvā. Tenāha ‘‘ime’’tiādi.
๓๖๑. ยสฺมิํ อธิคเต ปุคฺคโล สตฺถุสาสเน วิสารโท โหติ ปเรหิ อสํหาริโย, ตํ ญาณํ วิสารทสฺส ภาโวติ กตฺวา เวสารชฺชนฺติ อาห ‘‘เวสารชฺชปฺปโตฺตติ ญาณปฺปโตฺต’’ติฯ ตโต เอวมสฺส น ปโร ปเจฺจตโพฺพ เอตสฺส อตฺถีติ อปรปฺปจฺจโยฯ น ปโร ปตฺติโย สทฺทหาตโพฺพ เอตสฺส อตฺถีติ อปรปฺปตฺติโยฯ กามํ สจฺจโก เสกฺขภูมิ อเสกฺขภูมีติ อิทํ สาสนโวหารํ น ชานาติฯ ปสฺสตีติ ปน ทสฺสนกิริยาย วิปฺปกตภาวสฺส วุตฺตตฺตา ‘‘น เอตฺตาวตา ภิกฺขุกิจฺจํ ปริโยสิต’’นฺติ อญฺญาสิ, ตสฺมา ปุน ‘‘กิตฺตาวตา ปนา’’ติ ปุจฺฉํ อารภิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ปสฺสตีติ วุตฺตตฺตา’’ติอาทิฯ
361. Yasmiṃ adhigate puggalo satthusāsane visārado hoti parehi asaṃhāriyo, taṃ ñāṇaṃ visāradassa bhāvoti katvā vesārajjanti āha ‘‘vesārajjappattoti ñāṇappatto’’ti. Tato evamassa na paro paccetabbo etassa atthīti aparappaccayo. Na paro pattiyo saddahātabbo etassa atthīti aparappattiyo. Kāmaṃ saccako sekkhabhūmi asekkhabhūmīti idaṃ sāsanavohāraṃ na jānāti. Passatīti pana dassanakiriyāya vippakatabhāvassa vuttattā ‘‘na ettāvatā bhikkhukiccaṃ pariyosita’’nti aññāsi, tasmā puna ‘‘kittāvatā panā’’ti pucchaṃ ārabhi. Tena vuttaṃ ‘‘passatīti vuttattā’’tiādi.
ยถาภูตํ ปสฺสตีติ ทสฺสนํ, วิสิฎฺฐเฎฺฐน อนุตฺตริยํ, ทสฺสนเมว อนุตฺตริยนฺติ ทสฺสนานุตฺตริยํ, ทสฺสเนสุ วา อนุตฺตริยํ ทสฺสนานุตฺตริยํฯ โลกิยปญฺญาติ เจตฺถ วิปสฺสนาปญฺญา เวทิตพฺพาฯ สา หิ สพฺพโลกิยปญฺญาหิ วิสิฎฺฐเฎฺฐน ‘‘อนุตฺตรา’’ติ วุตฺตาฯ โลกิยปฎิปทานุตฺตริเยสุปิ เอเสว นโยฯ อิทานิ นิปฺปริยายโตว ติวิธมฺปิ อนุตฺตริยํ ทเสฺสตุํ ‘‘สุทฺธโลกุตฺตรเมวา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ สติปิ สเพฺพสมฺปิ โลกุตฺตรธมฺมานํ อนุตฺตรภาเว อุกฺกฎฺฐนิเทฺทเสน อคฺคมคฺคปญฺญา ตโต อุตฺตริตรสฺส อภาวโต ทสฺสนานุตฺตริยํฯ เตนาห ‘‘อรหตฺตมคฺคสมฺมาทิฎฺฐี’’ติฯ เสสานิ มคฺคงฺคานีติ เสสานิ อรหตฺตมคฺคงฺคานิฯ ตานิ หิ มตฺถกปฺปตฺตานิ นิพฺพานคามินี ปฎิปทาติฯ อคฺคผลวิมุตฺตีติ อคฺคมคฺคสฺส ผลวิมุตฺติ อรหตฺตผลํฯ ขีณาสวสฺสาติ สพฺพโส ขียมานาสวสฺสฯ นิพฺพานทสฺสนนฺติ อคฺคมคฺคสมฺมาทิฎฺฐิยา สจฺฉิกิริยาภิสมยมาหฯ ตตฺถ มคฺคงฺคานีติ อฎฺฐ มคฺคงฺคานิฯ จตุสจฺจโนฺตคธตฺตา สพฺพสฺส เญยฺยธมฺมสฺส ‘‘จตฺตาริ สจฺจานิ พุโทฺธ’’ติ วุตฺตํฯ สจฺจานุคตสโมฺมหวิทฺธํสเนเนว หิ ภควโต สพฺพโส เญยฺยาวรณปฺปหานํฯ นิพฺพิเสวโนติ นิรุทฺธกิเลสวิเสวโนฯ
Yathābhūtaṃ passatīti dassanaṃ, visiṭṭhaṭṭhena anuttariyaṃ, dassanameva anuttariyanti dassanānuttariyaṃ, dassanesu vā anuttariyaṃ dassanānuttariyaṃ. Lokiyapaññāti cettha vipassanāpaññā veditabbā. Sā hi sabbalokiyapaññāhi visiṭṭhaṭṭhena ‘‘anuttarā’’ti vuttā. Lokiyapaṭipadānuttariyesupi eseva nayo. Idāni nippariyāyatova tividhampi anuttariyaṃ dassetuṃ ‘‘suddhalokuttaramevā’’tiādi vuttaṃ. Satipi sabbesampi lokuttaradhammānaṃ anuttarabhāve ukkaṭṭhaniddesena aggamaggapaññā tato uttaritarassa abhāvato dassanānuttariyaṃ. Tenāha ‘‘arahattamaggasammādiṭṭhī’’ti. Sesāni maggaṅgānīti sesāni arahattamaggaṅgāni. Tāni hi matthakappattāni nibbānagāminī paṭipadāti. Aggaphalavimuttīti aggamaggassa phalavimutti arahattaphalaṃ. Khīṇāsavassāti sabbaso khīyamānāsavassa. Nibbānadassananti aggamaggasammādiṭṭhiyā sacchikiriyābhisamayamāha. Tattha maggaṅgānīti aṭṭha maggaṅgāni. Catusaccantogadhattā sabbassa ñeyyadhammassa ‘‘cattāri saccāni buddho’’ti vuttaṃ. Saccānugatasammohaviddhaṃsaneneva hi bhagavato sabbaso ñeyyāvaraṇappahānaṃ. Nibbisevanoti niruddhakilesavisevano.
๓๖๒. ธํสีติ อนุทฺธํสนสีลาฯ อนุปหตนฺติ อวิกฺขิตฺตํฯ สกลนฺติ อนูนํฯ กายงฺคนฺติ กายเมว องฺคนฺติ วทนฺติ, กายสงฺขาตํ องฺคํ สีสาทิอวยวนฺติ อโตฺถฯ ตถา ‘‘โหตุ, สาธู’’ติ เอวมิทํ วาจาย อวยโว วาจงฺคนฺติฯ
362.Dhaṃsīti anuddhaṃsanasīlā. Anupahatanti avikkhittaṃ. Sakalanti anūnaṃ. Kāyaṅganti kāyameva aṅganti vadanti, kāyasaṅkhātaṃ aṅgaṃ sīsādiavayavanti attho. Tathā ‘‘hotu, sādhū’’ti evamidaṃ vācāya avayavo vācaṅganti.
๓๖๓. อาหรนฺตีติ อภิหรนฺติฯ ปุญฺญนฺติ ปุญฺญผลสงฺขาโต อานุภาโวฯ ปุญฺญผลมฺปิ หิ อุตฺตรปทโลเปน ‘‘ปุญฺญ’’นฺติ วุจฺจติ – ‘‘กุสลานํ, ภิกฺขเว, ธมฺมานํ สมาทานเหตุ เอวมิทํ ปุญฺญํ ปวฑฺฒตี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๘๐)ฯ เตนาห ‘‘อายติํ วิปากกฺขนฺธา’’ติฯ ปุญฺญมหีติ มหติ ปุญฺญผลวิภูติ เสตจฺฉตฺตมกุฎจามราทิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘วิปากกฺขนฺธานํเยว ปริวาโร’’ติฯ ลิจฺฉวีหิ เปสิเตน ขาทนียโภชนีเยน สมโณ โคตโม สสาวกสโงฺฆ มยา ปริวิสิโต, ตสฺมา ลิจฺฉวีนเมว ตํ ปุญฺญํ โหตีติฯ เตนาห ‘‘ตํ ทายกานํ สุขาย โหตู’’ติฯ ยสฺมา ปน ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ สจฺจเกน ทานํ ทินฺนํ, น ลิจฺฉวีหิ, ตสฺมา ภควา สจฺจกสฺส สติํ ปริวเตฺตโนฺต ‘‘ยํ โข’’ติอาทิมาหฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อิติ ภควา’’ติอาทิฯ นิคณฺฐสฺส มเตน วินาเยวาติ สจฺจกสฺส จิเตฺตน วินา เอว ตสฺส ทกฺขิณํ เขตฺตคตํ กตฺวา ทเสฺสติฯ เตนาห ‘‘อตฺตโน ทินฺนํ ทกฺขิณํ…เป.… นิยฺยาเตสี’’ติฯ
363.Āharantīti abhiharanti. Puññanti puññaphalasaṅkhāto ānubhāvo. Puññaphalampi hi uttarapadalopena ‘‘puñña’’nti vuccati – ‘‘kusalānaṃ, bhikkhave, dhammānaṃ samādānahetu evamidaṃ puññaṃ pavaḍḍhatī’’tiādīsu (dī. ni. 3.80). Tenāha ‘‘āyatiṃ vipākakkhandhā’’ti. Puññamahīti mahati puññaphalavibhūti setacchattamakuṭacāmarādi. Tena vuttaṃ ‘‘vipākakkhandhānaṃyeva parivāro’’ti. Licchavīhi pesitena khādanīyabhojanīyena samaṇo gotamo sasāvakasaṅgho mayā parivisito, tasmā licchavīnameva taṃ puññaṃ hotīti. Tenāha ‘‘taṃ dāyakānaṃ sukhāya hotū’’ti. Yasmā pana bhagavato bhikkhusaṅghassa ca saccakena dānaṃ dinnaṃ, na licchavīhi, tasmā bhagavā saccakassa satiṃ parivattento ‘‘yaṃ kho’’tiādimāha. Tena vuttaṃ ‘‘iti bhagavā’’tiādi. Nigaṇṭhassa matena vināyevāti saccakassa cittena vinā eva tassa dakkhiṇaṃ khettagataṃ katvā dasseti. Tenāha ‘‘attano dinnaṃ dakkhiṇaṃ…pe… niyyātesī’’ti.
จูฬสจฺจกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Cūḷasaccakasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๕. จูฬสจฺจกสุตฺตํ • 5. Cūḷasaccakasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๕. จูฬสจฺจกสุตฺตวณฺณนา • 5. Cūḷasaccakasuttavaṇṇanā