Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) |
๙. จูฬสกุลุทายิสุตฺตวณฺณนา
9. Cūḷasakuludāyisuttavaṇṇanā
๒๗๑. ปโญฺหติ ญาตุํ อิจฺฉิโต อโตฺถ, ตเทว ธมฺมเทสนาย นิมิตฺตภาวโต การณํฯ อุปฎฺฐาตูติ ญาณสฺส โคจรภาวํ อุปคจฺฉตุฯ เยน การเณนาติ เยน ตุยฺหํ อุปฎฺฐิเตน การเณน ธมฺมเทสนา อุปฎฺฐเหยฺย, ตํ ปน ปริพฺพาชกสฺส อชฺฌาสยวเสน ตถา วุตฺตํฯ เตนาห ‘‘เอเตน หิ…เป.… ทีเปตี’’ติฯ เอกงฺคณานีติ ปิธานาภาเวน เอกงฺคณสทิสานิฯ เตนาห ‘‘ปากฎานี’’ติฯ
271.Pañhoti ñātuṃ icchito attho, tadeva dhammadesanāya nimittabhāvato kāraṇaṃ. Upaṭṭhātūti ñāṇassa gocarabhāvaṃ upagacchatu. Yena kāraṇenāti yena tuyhaṃ upaṭṭhitena kāraṇena dhammadesanā upaṭṭhaheyya, taṃ pana paribbājakassa ajjhāsayavasena tathā vuttaṃ. Tenāha ‘‘etena hi…pe… dīpetī’’ti. Ekaṅgaṇānīti pidhānābhāvena ekaṅgaṇasadisāni. Tenāha ‘‘pākaṭānī’’ti.
ชานโนฺตติ อตฺตโน ตถาภาวํ สยํ ชานโนฺตฯ สกฺกจฺจํ สุสฺสูสตีติ ‘‘ตถาภูตํเยว มํ ตถา อโวจา’’ติ สาทรํ สุสฺสูสติฯ ตสฺมาติ ทิพฺพจกฺขุลาภิโน อนาคตํสญาณลาภโตฯ เอวมาหาติ ‘‘โย โข, อุทายิ, ทิเพฺพน จกฺขุนา’’ติ อารภิตฺวา ‘‘โส วา มํ อปรนฺตํ อารพฺภ ปญฺหํ ปุเจฺฉยฺยา’’ติ เอวํ อโวจฯ
Jānantoti attano tathābhāvaṃ sayaṃ jānanto. Sakkaccaṃ sussūsatīti ‘‘tathābhūtaṃyeva maṃ tathā avocā’’ti sādaraṃ sussūsati. Tasmāti dibbacakkhulābhino anāgataṃsañāṇalābhato. Evamāhāti ‘‘yo kho, udāyi, dibbena cakkhunā’’ti ārabhitvā ‘‘so vā maṃ aparantaṃ ārabbha pañhaṃ puccheyyā’’ti evaṃ avoca.
อิตรนฺติ อวสิฎฺฐํ อิมสฺมิํ ฐาเน วตฺตพฺพํฯ วุตฺตนยเมวาติ ‘‘โย หิ ลาภี’’ติอาทินา วุตฺตนยเมวฯ อตีเตติ ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณสฺส วิสยภูเต อเตฺถฯ อนาคเตติ อนาคตํสญาณสฺส วิสยภูเต อนาคเต อเตฺถฯ
Itaranti avasiṭṭhaṃ imasmiṃ ṭhāne vattabbaṃ. Vuttanayamevāti ‘‘yo hi lābhī’’tiādinā vuttanayameva. Atīteti pubbenivāsānussatiñāṇassa visayabhūte atthe. Anāgateti anāgataṃsañāṇassa visayabhūte anāgate atthe.
ปํสุปเทเส นิพฺพตฺตนโต ปํสุสโมกิณฺณสรีรตาย ปํสุปิสาจกํฯ เอกํ มูลํ คเหตฺวาติ ทีฆโส เหฎฺฐิมเนฺตน จตุรงฺคุลํ, อุปริมเนฺตน วิทตฺถิกํ รุกฺขคจฺฉลตาทีสุ ยสฺส กสฺสจิ เอกํ มูลํ คเหตฺวา อญฺญชาติกานํ อทิสฺสมานกาโย โหติฯ อยํ กิร เนสํ ชาติสิทฺธา ธมฺมตาฯ ตตฺราติ ตสฺส มูลวเสน อทิสฺสมานกตายฯ น ทิสฺสติ ญาเณน น ปสฺสติฯ
Paṃsupadese nibbattanato paṃsusamokiṇṇasarīratāya paṃsupisācakaṃ. Ekaṃ mūlaṃ gahetvāti dīghaso heṭṭhimantena caturaṅgulaṃ, uparimantena vidatthikaṃ rukkhagacchalatādīsu yassa kassaci ekaṃ mūlaṃ gahetvā aññajātikānaṃ adissamānakāyo hoti. Ayaṃ kira nesaṃ jātisiddhā dhammatā. Tatrāti tassa mūlavasena adissamānakatāya. Na dissati ñāṇena na passati.
๒๗๒. น จ อตฺถํ ทีเปยฺยาติ อธิเปฺปตมตฺถํ สา วาจา สรูปโต น จ ทีเปยฺย, เกวลํ วาจามตฺตเมวาติ อธิปฺปาโยฯ ปฎิหริตพฺพเฎฺฐน ปรสนฺตาเน เนตพฺพเฎฺฐน ปฎิหาริย-สทฺททฺวาเรน วิญฺญาตโพฺพ ภาวโตฺถ, โสว ปาฎิหีรโก นิรุตฺตินเยน, นตฺถิ เอตสฺส ปาฎิหีรกนฺติ อปฺปาฎิหีรกตํ, ต-สเทฺทน ปทํ วเฑฺฒตฺวา ตถา วุตฺตํ, อนิยฺยานํฯ เตนาห ‘‘นิรตฺถกํ สมฺปชฺชตี’’ติฯ สุภกิณฺหเทวโลเก ขนฺธา วิย โชเตตีติ อิมินา – ‘‘ทิโพฺพ รูปี มโนมโย สพฺพงฺคปจฺจงฺคี อหีนินฺทฺริโย อตฺตา’’ติ อิมมตฺถํ ทเสฺสติฯ
272.Na ca atthaṃ dīpeyyāti adhippetamatthaṃ sā vācā sarūpato na ca dīpeyya, kevalaṃ vācāmattamevāti adhippāyo. Paṭiharitabbaṭṭhena parasantāne netabbaṭṭhena paṭihāriya-saddadvārena viññātabbo bhāvattho, sova pāṭihīrako niruttinayena, natthi etassa pāṭihīrakanti appāṭihīrakataṃ, ta-saddena padaṃ vaḍḍhetvā tathā vuttaṃ, aniyyānaṃ. Tenāha ‘‘niratthakaṃ sampajjatī’’ti. Subhakiṇhadevaloke khandhā viya jotetīti iminā – ‘‘dibbo rūpī manomayo sabbaṅgapaccaṅgī ahīnindriyo attā’’ti imamatthaṃ dasseti.
๒๗๓. สอุปสคฺคปทสฺส อโตฺถ อุปสเคฺคน วินาปิ วิญฺญายตีติ อาห ‘‘วิเทฺธติ อุพฺพิเทฺธ’’ติฯ สา จสฺส อุพฺพิทฺธตา อุปกฺกิเลสวิคเมน สุจิภาเวน อุปฎฺฐานนฺติ อาห ‘‘เมฆวิคเมน ทูรีภูเต’’ติฯ อินฺทนีลมณิ วิย ทิพฺพติ โชเตตีติ เทโว, อากาโสฯ ‘‘อฑฺฒรตฺตสมเย’’ติ วตฺตเพฺพ ภุมฺมเตฺถ วิหิตวจนานํ อจฺจนฺตสํโยคาภาวา อุปโยควจนํ เวทิตพฺพํฯ ปุณฺณมาสิยญฺหิ คคนมชฺฌสฺส ปุรโต วา ปจฺฉโต วา อเนฺต ฐิเต อฑฺฒรเตฺต สมโย ภิโนฺน นาม โหติ, มเชฺฌ เอว ปน ฐิโต อภิโนฺน นามฯ เตนาห ‘‘อภิเนฺน อฑฺฒรตฺตสมเย’’ติฯ
273. Saupasaggapadassa attho upasaggena vināpi viññāyatīti āha ‘‘viddheti ubbiddhe’’ti. Sā cassa ubbiddhatā upakkilesavigamena sucibhāvena upaṭṭhānanti āha ‘‘meghavigamena dūrībhūte’’ti. Indanīlamaṇi viya dibbati jotetīti devo, ākāso. ‘‘Aḍḍharattasamaye’’ti vattabbe bhummatthe vihitavacanānaṃ accantasaṃyogābhāvā upayogavacanaṃ veditabbaṃ. Puṇṇamāsiyañhi gaganamajjhassa purato vā pacchato vā ante ṭhite aḍḍharatte samayo bhinno nāma hoti, majjhe eva pana ṭhito abhinno nāma. Tenāha ‘‘abhinne aḍḍharattasamaye’’ti.
เย อนุโภนฺตีติ เย เทวา จนฺทิมสูริยานํ อาภา อนุโภนฺติ วินิภุญฺชนฺติ วฬญฺชนฺติ จ เตหิ เทเวหิ พหู เจว พหุตรา จ จนฺทิมสูริยานํ อาภา อนนุโภโนฺตฯ เตนาห – ‘‘อตฺตโน สรีโรภาเสเนว อาโลกํ ผริตฺวา วิหรนฺตี’’ติฯ
Ye anubhontīti ye devā candimasūriyānaṃ ābhā anubhonti vinibhuñjanti vaḷañjanti ca tehi devehi bahū ceva bahutarā ca candimasūriyānaṃ ābhā ananubhonto. Tenāha – ‘‘attano sarīrobhāseneva ālokaṃ pharitvā viharantī’’ti.
๒๗๔. ปุจฺฉามูโฬฺห ปน ชาโต ‘‘อยํ ปรโม วโณฺณ’’ติ คหิตปทสฺส วิธมเนนฯ อเจลกปาฬินฺติ ‘‘อเจลโก โหติ มุตฺตาจาโร’’ติอาทินยปฺปวตฺตํ (ที. นิ. ๑.๓๙๔) อเจลกปฎิปตฺติทีปกคนฺถํ, คนฺถสีเสเนว เตน ปกาสิตวาทานิ วทติฯ สุราเมรยปานมนุยุตฺตปุคฺคลสฺส สุราปานโต วิรติ ตสฺส กายํ จิตฺตญฺจ ตาเปนฺตี สํวตฺตตีติ สุราปานวิรติ (ตโป, โสเยว คุโณฯ เตนาห ‘‘สุราปานวิรตีติ อโตฺถ’’ติ)ฯ
274.Pucchāmūḷho pana jāto ‘‘ayaṃ paramo vaṇṇo’’ti gahitapadassa vidhamanena. Acelakapāḷinti ‘‘acelako hoti muttācāro’’tiādinayappavattaṃ (dī. ni. 1.394) acelakapaṭipattidīpakaganthaṃ, ganthasīseneva tena pakāsitavādāni vadati. Surāmerayapānamanuyuttapuggalassa surāpānato virati tassa kāyaṃ cittañca tāpentī saṃvattatīti surāpānavirati (tapo, soyeva guṇo. Tenāha ‘‘surāpānaviratīti attho’’ti).
๒๗๕. เอกนฺตํ อจฺจนฺตเมว สุขํ อสฺสาติ เอกนฺตสุขํฯ ปญฺจสุ ธเมฺมสูติ ‘‘ปาณาติปาตา ปฎิวิรตี’’ติอาทีสุ ปญฺจสุ สีลาจารธเมฺมสุฯ น ชานิํสูติ สโมฺมเสน อนุปฎฺฐหนฺติ ตทตฺถํ น พุชฺฌนฺติฯ พุทฺธุปฺปาเทน กิร วิหตเตชานิ มหานุภาวานิ มนฺตปทานิ วิย พาหิรกานํ โยคาวจรคเนฺถน สทฺธิํ โยคาวจรปฎิปทา นสฺสติฯ อุคฺคณฺหิํสูติ ‘‘ปญฺจ ปุพฺพภาคธเมฺม’’ติอาทิวจนมตฺตํ อุคฺคณฺหิํสุฯ ตติยชฺฌานโตติ การโณปจาเรน ผลํ วทติ, ผลภูตโต ตติยชฺฌานโตฯ
275. Ekantaṃ accantameva sukhaṃ assāti ekantasukhaṃ. Pañcasu dhammesūti ‘‘pāṇātipātā paṭiviratī’’tiādīsu pañcasu sīlācāradhammesu. Na jāniṃsūti sammosena anupaṭṭhahanti tadatthaṃ na bujjhanti. Buddhuppādena kira vihatatejāni mahānubhāvāni mantapadāni viya bāhirakānaṃ yogāvacaraganthena saddhiṃ yogāvacarapaṭipadā nassati. Uggaṇhiṃsūti ‘‘pañca pubbabhāgadhamme’’tiādivacanamattaṃ uggaṇhiṃsu. Tatiyajjhānatoti kāraṇopacārena phalaṃ vadati, phalabhūtato tatiyajjhānato.
๒๗๖. เอกนฺตสุขสฺส โลกสฺส ปฎิลาเภน ปตฺติยา ตตฺถ นิพฺพตฺติ ปฎิลาภสจฺฉิกิริยาฯ เอกนฺตสุเข โลเก อนภินิพฺพตฺติตฺวา เอว อิทฺธิยา ตตฺถ คนฺตฺวา ตสฺส สตฺตโลกสฺส ภาชนโลกสฺส จ ปจฺจกฺขโต ทสฺสนํ ปจฺจกฺขสจฺฉิกิริยาฯ เตนาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิฯ
276. Ekantasukhassa lokassa paṭilābhena pattiyā tattha nibbatti paṭilābhasacchikiriyā. Ekantasukhe loke anabhinibbattitvā eva iddhiyā tattha gantvā tassa sattalokassa bhājanalokassa ca paccakkhato dassanaṃ paccakkhasacchikiriyā. Tenāha ‘‘tatthā’’tiādi.
๒๗๗. อุทญฺจนิโกติ อุทญฺจโนฯ วิญฺฌุปพฺพตปเสฺส คามานํ อนิวิฎฺฐตฺตา ติํสโยชนมตฺตํ ฐานํ อฎวี นาม, ตตฺถ เสนาสนํ, ตสฺมิํ อฎวิเสนาสเน ปธานกมฺมิกานํ ภิกฺขูนํ พหูนํ ตตฺถ นิวาเสน เอกํ ปธานฆรํ อโหสิฯ
277.Udañcanikoti udañcano. Viñjhupabbatapasse gāmānaṃ aniviṭṭhattā tiṃsayojanamattaṃ ṭhānaṃ aṭavī nāma, tattha senāsanaṃ, tasmiṃ aṭavisenāsane padhānakammikānaṃ bhikkhūnaṃ bahūnaṃ tattha nivāsena ekaṃ padhānagharaṃ ahosi.
จูฬสกุลุทายิสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Cūḷasakuludāyisuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๙. จูฬสกุลุทายิสุตฺตํ • 9. Cūḷasakuludāyisuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๙. จูฬสกุลุทายิสุตฺตวณฺณนา • 9. Cūḷasakuludāyisuttavaṇṇanā