Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) |
๑๐. จูฬสาโรปมสุตฺตวณฺณนา
10. Cūḷasāropamasuttavaṇṇanā
๓๑๒. เอวํ เม สุตนฺติ จูฬสาโรปมสุตฺตํฯ ตตฺถ ปิงฺคลโกโจฺฉติ โส พฺราหฺมโณ ปิงฺคลธาตุโกฯ โกโจฺฉติ ปนสฺส นามํ, ตสฺมา ‘‘ปิงฺคลโกโจฺฉ’’ติ วุจฺจติฯ สงฺฆิโนติอาทีสุ ปพฺพชิตสมูหสงฺขาโต สโงฺฆ เอเตสํ อตฺถีติ สงฺฆิโนฯ เสฺวว คโณ เอเตสํ อตฺถีติ คณิโนฯ อาจารสิกฺขาปนวเสน ตสฺส คณสฺส อาจริยาติ คณาจริยาฯ ญาตาติ ปญฺญาตา ปากฎาฯ ‘‘อปฺปิจฺฉา สนฺตุฎฺฐา, อปฺปิจฺฉตาย วตฺถมฺปิ น นิวาเสนฺตี’’ติอาทินา นเยน สมุคฺคโต ยโส เอเตสํ อตฺถีติ ยสสฺสิโนฯ ติตฺถกราติ ลทฺธิกราฯ สาธุสมฺมตาติ อิเม สาธุ สุนฺทรา สปฺปุริสาติ เอวํ สมฺมตาฯ พหุชนสฺสาติ อสฺสุตวโต อนฺธพาลปุถุชฺชนสฺสฯ อิทานิ เต ทเสฺสโนฺต เสยฺยถิทํ ปูรโณติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปูรโณติ ตสฺส สตฺถุปฎิญฺญสฺส นามํฯ กสฺสโปติ โคตฺตํฯ โส กิร อญฺญตรสฺส กุลสฺส เอกูนทาสสตํ ปูรยมาโน ชาโต, เตนสฺส ‘‘ปูรโณ’’ติ นามํ อกํสุฯ มงฺคลทาสตฺตา จสฺส ‘‘ทุกฺกฎ’’นฺติ วตฺตา นตฺถิ, อกตํ วา น กตนฺติฯ ‘‘โส กิมหเมตฺถ วสามี’’ติ ปลายิฯ อถสฺส โจรา วตฺถานิ อจฺฉินฺทิํสุฯ โส ปเณฺณน วา ติเณน วา ปฎิจฺฉาเทตุมฺปิ อชานโนฺต ชาตรูเปเนว เอกํ คามํ ปาวิสิฯ มนุสฺสา ตํ ทิสฺวา, ‘‘อยํ สมโณ อรหา อปฺปิโจฺฉ, นตฺถิ อิมินา สทิโส’’ติ ปูวภตฺตาทีนิ คเหตฺวา อุปสงฺกมนฺติฯ โส ‘‘มยฺหํ สาฎกํ อนิวตฺถภาเวน อิทํ อุปฺปนฺน’’นฺติ ตโต ปฎฺฐาย สาฎกํ ลภิตฺวาปิ น นิวาเสสิ, ตเทว ปพฺพชฺชํ อคฺคเหสิฯ ตสฺส สนฺติเก อเญฺญปิ ปญฺจสตา มนุสฺสา ปพฺพชิํสุ, ตํ สนฺธายาห ‘‘ปูรโณ กสฺสโป’’ติฯ
312.Evaṃme sutanti cūḷasāropamasuttaṃ. Tattha piṅgalakocchoti so brāhmaṇo piṅgaladhātuko. Kocchoti panassa nāmaṃ, tasmā ‘‘piṅgalakoccho’’ti vuccati. Saṅghinotiādīsu pabbajitasamūhasaṅkhāto saṅgho etesaṃ atthīti saṅghino. Sveva gaṇo etesaṃ atthīti gaṇino. Ācārasikkhāpanavasena tassa gaṇassa ācariyāti gaṇācariyā. Ñātāti paññātā pākaṭā. ‘‘Appicchā santuṭṭhā, appicchatāya vatthampi na nivāsentī’’tiādinā nayena samuggato yaso etesaṃ atthīti yasassino. Titthakarāti laddhikarā. Sādhusammatāti ime sādhu sundarā sappurisāti evaṃ sammatā. Bahujanassāti assutavato andhabālaputhujjanassa. Idāni te dassento seyyathidaṃ pūraṇotiādimāha. Tattha pūraṇoti tassa satthupaṭiññassa nāmaṃ. Kassapoti gottaṃ. So kira aññatarassa kulassa ekūnadāsasataṃ pūrayamāno jāto, tenassa ‘‘pūraṇo’’ti nāmaṃ akaṃsu. Maṅgaladāsattā cassa ‘‘dukkaṭa’’nti vattā natthi, akataṃ vā na katanti. ‘‘So kimahamettha vasāmī’’ti palāyi. Athassa corā vatthāni acchindiṃsu. So paṇṇena vā tiṇena vā paṭicchādetumpi ajānanto jātarūpeneva ekaṃ gāmaṃ pāvisi. Manussā taṃ disvā, ‘‘ayaṃ samaṇo arahā appiccho, natthi iminā sadiso’’ti pūvabhattādīni gahetvā upasaṅkamanti. So ‘‘mayhaṃ sāṭakaṃ anivatthabhāvena idaṃ uppanna’’nti tato paṭṭhāya sāṭakaṃ labhitvāpi na nivāsesi, tadeva pabbajjaṃ aggahesi. Tassa santike aññepi pañcasatā manussā pabbajiṃsu, taṃ sandhāyāha ‘‘pūraṇo kassapo’’ti.
มกฺขลีติ ตสฺส นามํฯ โคสาลาย ชาตตฺตา โคสาโลติ ทุติยํ นามํฯ ตํ กิร สกทฺทมาย ภูมิยา เตลฆฎํ คเหตฺวา คจฺฉนฺตํ, ‘‘ตาต, มา ขลี’’ติ สามิโก อาหฯ โส ปมาเทน ขลิตฺวา ปติตฺวา สามิกสฺส ภเยน ปลายิตุํ อารโทฺธฯ สามิโก อุปธาวิตฺวา สาฎกกเณฺณ อคฺคเหสิฯ โสปิ สาฎกํ ฉเฑฺฑตฺวา อเจลโก หุตฺวา ปลายิ, เสสํ ปูรณสทิสเมวฯ
Makkhalīti tassa nāmaṃ. Gosālāya jātattā gosāloti dutiyaṃ nāmaṃ. Taṃ kira sakaddamāya bhūmiyā telaghaṭaṃ gahetvā gacchantaṃ, ‘‘tāta, mā khalī’’ti sāmiko āha. So pamādena khalitvā patitvā sāmikassa bhayena palāyituṃ āraddho. Sāmiko upadhāvitvā sāṭakakaṇṇe aggahesi. Sopi sāṭakaṃ chaḍḍetvā acelako hutvā palāyi, sesaṃ pūraṇasadisameva.
อชิโตติ ตสฺส นามํฯ เกสกมฺพลํ ธาเรตีติ เกสกมฺพโลฯ อิติ นามทฺวยํ สํสนฺทิตฺวา ‘‘อชิโต เกสกมฺพโล’’ติ วุจฺจติฯ ตตฺถ เกสกมฺพโล นาม มนุสฺสเกเสหิ กตกมฺพโล, ตโต ปฎิกิฎฺฐตรํ วตฺถํ นาม นตฺถิฯ ยถาห – ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ยานิ กานิจิ ตนฺตาวุตานํ วตฺถานํ, เกสกมฺพโล เตสํ ปฎิกิโฎฺฐ อกฺขายติ, เกสกมฺพโล, ภิกฺขเว, สีเต สีโต อุเณฺห อุโณฺห ทุพฺพโณฺณ ทุคฺคโนฺธ ทุกฺขสมฺผโสฺส’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๓๘)ฯ
Ajitoti tassa nāmaṃ. Kesakambalaṃ dhāretīti kesakambalo. Iti nāmadvayaṃ saṃsanditvā ‘‘ajito kesakambalo’’ti vuccati. Tattha kesakambalo nāma manussakesehi katakambalo, tato paṭikiṭṭhataraṃ vatthaṃ nāma natthi. Yathāha – ‘‘seyyathāpi, bhikkhave, yāni kānici tantāvutānaṃ vatthānaṃ, kesakambalo tesaṃ paṭikiṭṭho akkhāyati, kesakambalo, bhikkhave, sīte sīto uṇhe uṇho dubbaṇṇo duggandho dukkhasamphasso’’ti (a. ni. 3.138).
ปกุโธติ ตสฺส นามํฯ กจฺจายโนติ โคตฺตํฯ อิติ นามโคตฺตํ สํสนฺทิตฺวา, ‘‘ปกุโธ กจฺจายโน’’ติ วุจฺจติฯ สีตุทกปฎิกฺขิตฺตโก เอส, วจฺจํ กตฺวาปิ อุทกกิจฺจํ น กโรติ, อุโณฺหทกํ วา กญฺชิยํ วา ลภิตฺวา กโรติ, นทิํ วา มโคฺคทกํ วา อติกฺกมฺม, ‘‘สีลํ เม ภินฺน’’นฺติ วาลิกถูปํ กตฺวา สีลํ อธิฎฺฐาย คจฺฉติ, เอวรูโป นิสฺสิริกลทฺธิโก เอสฯ
Pakudhoti tassa nāmaṃ. Kaccāyanoti gottaṃ. Iti nāmagottaṃ saṃsanditvā, ‘‘pakudho kaccāyano’’ti vuccati. Sītudakapaṭikkhittako esa, vaccaṃ katvāpi udakakiccaṃ na karoti, uṇhodakaṃ vā kañjiyaṃ vā labhitvā karoti, nadiṃ vā maggodakaṃ vā atikkamma, ‘‘sīlaṃ me bhinna’’nti vālikathūpaṃ katvā sīlaṃ adhiṭṭhāya gacchati, evarūpo nissirikaladdhiko esa.
สญฺชโยติ ตสฺส นามํฯ เพลฎฺฐสฺส ปุโตฺตติ เพลฎฺฐปุโตฺตฯ อมฺหากํ คณฺฐนกิเลโส ปลิพุชฺฌนกิเลโส นตฺถิ, กิเลสคณฺฐรหิตา มยนฺติ เอวํ วาทิตาย ลทฺธนามวเสน นิคโณฺฐฯ นาฎสฺส ปุโตฺตติ นาฎปุโตฺตฯ อพฺภญฺญํสูติ ยถา เตสํ ปฎิญฺญา, ตเถว ชานิํสุฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – สเจ เนสํ สา ปฎิญฺญา นิยฺยานิกา สเพฺพ อพฺภญฺญํสุฯ โน เจ, น อพฺภญฺญํสุฯ ตสฺมา กิํ เตสํ ปฎิญฺญา นิยฺยานิกา น นิยฺยานิกาติ, อยเมตสฺส ปญฺหสฺส อโตฺถฯ อถ ภควา เนสํ อนิยฺยานิกภาวกถเนน อตฺถาภาวโต อลนฺติ ปฎิกฺขิปิตฺวา อุปมาย อตฺถํ ปเวเทโนฺต ธมฺมเมว เทเสตุํ, ธมฺมํ, เต พฺราหฺมณ, เทเสสฺสามีติ อาหฯ
Sañjayoti tassa nāmaṃ. Belaṭṭhassa puttoti belaṭṭhaputto. Amhākaṃ gaṇṭhanakileso palibujjhanakileso natthi, kilesagaṇṭharahitā mayanti evaṃ vāditāya laddhanāmavasena nigaṇṭho. Nāṭassa puttoti nāṭaputto. Abbhaññaṃsūti yathā tesaṃ paṭiññā, tatheva jāniṃsu. Idaṃ vuttaṃ hoti – sace nesaṃ sā paṭiññā niyyānikā sabbe abbhaññaṃsu. No ce, na abbhaññaṃsu. Tasmā kiṃ tesaṃ paṭiññā niyyānikā na niyyānikāti, ayametassa pañhassa attho. Atha bhagavā nesaṃ aniyyānikabhāvakathanena atthābhāvato alanti paṭikkhipitvā upamāya atthaṃ pavedento dhammameva desetuṃ, dhammaṃ, te brāhmaṇa, desessāmīti āha.
๓๒๐. ตตฺถ สจฺฉิกิริยายาติ สจฺฉิกรณตฺถํฯ น ฉนฺทํ ชเนตีติ กตฺตุกมฺยตาฉนฺทํ น ชนยติฯ น วายมตีติ วายามํ ปรกฺกมํ น กโรติฯ โอลีนวุตฺติโก จ โหตีติ ลีนชฺฌาสโย โหติฯ สาถลิโกติ สิถิลคฺคาหี, สาสนํ สิถิลํ กตฺวา คณฺหาติ, ทฬฺหํ น คณฺหาติฯ
320. Tattha sacchikiriyāyāti sacchikaraṇatthaṃ. Na chandaṃ janetīti kattukamyatāchandaṃ na janayati. Na vāyamatīti vāyāmaṃ parakkamaṃ na karoti. Olīnavuttiko ca hotīti līnajjhāsayo hoti. Sāthalikoti sithilaggāhī, sāsanaṃ sithilaṃ katvā gaṇhāti, daḷhaṃ na gaṇhāti.
๓๒๓. อิธ, พฺราหฺมณ ภิกฺขุ, วิวิเจฺจว กาเมหีติ กถํ อิเม ปฐมชฺฌานาทิธมฺมา ญาณทสฺสเนน อุตฺตริตรา ชาตาติ? นิโรธปาทกตฺตาฯ เหฎฺฐา ปฐมชฺฌานาทิธมฺมา หิ วิปสฺสนาปาทกา , อิธ นิโรธปาทกา, ตสฺมา อุตฺตริตรา ชาตาติ เวทิตพฺพาฯ อิติ ภควา อิทมฺปิ สุตฺตํ ยถานุสนฺธินาว นิฎฺฐเปสิฯ เทสนาวสาเน พฺราหฺมโณ สรเณสุ ปติฎฺฐิโตติฯ
323.Idha, brāhmaṇa bhikkhu, vivicceva kāmehīti kathaṃ ime paṭhamajjhānādidhammā ñāṇadassanena uttaritarā jātāti? Nirodhapādakattā. Heṭṭhā paṭhamajjhānādidhammā hi vipassanāpādakā , idha nirodhapādakā, tasmā uttaritarā jātāti veditabbā. Iti bhagavā idampi suttaṃ yathānusandhināva niṭṭhapesi. Desanāvasāne brāhmaṇo saraṇesu patiṭṭhitoti.
ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย
Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya
จูฬสาโรปมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Cūḷasāropamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
ตติยวคฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Tatiyavaggavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๑๐. จูฬสาโรปมสุตฺตํ • 10. Cūḷasāropamasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๑๐. จูฬสาโรปมสุตฺตวณฺณนา • 10. Cūḷasāropamasuttavaṇṇanā