Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เปตวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Petavatthu-aṭṭhakathā

    ๘. จูฬเสฎฺฐิเปตวตฺถุวณฺณนา

    8. Cūḷaseṭṭhipetavatthuvaṇṇanā

    นโคฺค กิโส ปพฺพชิโตสิ, ภเนฺตติ อิทํ สตฺถริ เวฬุวเน วิหรเนฺต จูฬเสฎฺฐิเปตํ อารพฺภ วุตฺตํฯ พาราณสิยํ กิร เอโก คหปติ อสฺสโทฺธ อปฺปสโนฺน มจฺฉรี กทริโย ปุญฺญกิริยาย อนาทโร จูฬเสฎฺฐิ นาม อโหสิฯ โส กาลํ กตฺวา เปเตสุ นิพฺพตฺติ, ตสฺส กาโย อปคตมํสโลหิโต อฎฺฐินฺหารุจมฺมมโตฺต มุโณฺฑ อเปตวโตฺถ อโหสิฯ ธีตา ปนสฺส อนุลา อนฺธกวิเนฺท สามิกสฺส เคเห วสนฺตี ปิตรํ อุทฺทิสฺส พฺราหฺมเณ โภเชตุกามา ตณฺฑุลาทีนิ ทานูปกรณานิ สเชฺชสิฯ ตํ ญตฺวา เปโต อาสาย อากาเสน ตตฺถ คจฺฉโนฺต ราชคหํ สมฺปาปุณิฯ เตน จ สมเยน ราชา อชาตสตฺตุ เทวทเตฺตน อุโยฺยชิโต ปิตรํ ชีวิตา โวโรเปตฺวา เตน วิปฺปฎิสาเรน ทุสฺสุปิเนน จ นิทฺทํ อนุปคจฺฉโนฺต อุปริปาสาทวรคโต จงฺกมโนฺต ตํ เปตํ อากาเสน คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา อิมาย คาถาย ปุจฺฉิ –

    Naggo kiso pabbajitosi, bhanteti idaṃ satthari veḷuvane viharante cūḷaseṭṭhipetaṃ ārabbha vuttaṃ. Bārāṇasiyaṃ kira eko gahapati assaddho appasanno maccharī kadariyo puññakiriyāya anādaro cūḷaseṭṭhi nāma ahosi. So kālaṃ katvā petesu nibbatti, tassa kāyo apagatamaṃsalohito aṭṭhinhārucammamatto muṇḍo apetavattho ahosi. Dhītā panassa anulā andhakavinde sāmikassa gehe vasantī pitaraṃ uddissa brāhmaṇe bhojetukāmā taṇḍulādīni dānūpakaraṇāni sajjesi. Taṃ ñatvā peto āsāya ākāsena tattha gacchanto rājagahaṃ sampāpuṇi. Tena ca samayena rājā ajātasattu devadattena uyyojito pitaraṃ jīvitā voropetvā tena vippaṭisārena dussupinena ca niddaṃ anupagacchanto uparipāsādavaragato caṅkamanto taṃ petaṃ ākāsena gacchantaṃ disvā imāya gāthāya pucchi –

    ๒๔๖.

    246.

    ‘‘นโคฺค กิโส ปพฺพชิโตสิ ภเนฺต, รตฺติํ กุหิํ คจฺฉสิ กิสฺสเหตุ;

    ‘‘Naggo kiso pabbajitosi bhante, rattiṃ kuhiṃ gacchasi kissahetu;

    อาจิกฺข เม ตํ อปิ สกฺกุเณมุ, สเพฺพน วิตฺตํ ปฎิปาทเย ตุว’’นฺติฯ

    Ācikkha me taṃ api sakkuṇemu, sabbena vittaṃ paṭipādaye tuva’’nti.

    ตตฺถ ปพฺพชิโตติ สมโณฯ ราชา กิร ตํ นคฺคตฺตา มุณฺฑตฺตา จ ‘‘นโคฺค สมโณ อย’’นฺติ สญฺญาย ‘‘นโคฺค กิโส ปพฺพชิโตสี’’ติอาทิมาหฯ กิสฺสเหตูติ กินฺนิมิตฺตํฯ สเพฺพน วิตฺตํ ปฎิปาทเย ตุวนฺติ วิตฺติยา อุปกรณภูตํ วิตฺตํ สเพฺพน โภเคน ตุยฺหํ อชฺฌาสยานุรูปํ, สเพฺพน วา อุสฺสาเหน ปฎิปาเทยฺยํ สมฺปาเทยฺยํฯ ตถา กาตุํ มยํ อเปฺปว นาม สกฺกุเณยฺยาม, ตสฺมา อาจิกฺข เม ตํ, เอตํ ตว อาคมนการณํ มยฺหํ กเถหีติ อโตฺถฯ

    Tattha pabbajitoti samaṇo. Rājā kira taṃ naggattā muṇḍattā ca ‘‘naggo samaṇo aya’’nti saññāya ‘‘naggo kiso pabbajitosī’’tiādimāha. Kissahetūti kinnimittaṃ. Sabbena vittaṃ paṭipādaye tuvanti vittiyā upakaraṇabhūtaṃ vittaṃ sabbena bhogena tuyhaṃ ajjhāsayānurūpaṃ, sabbena vā ussāhena paṭipādeyyaṃ sampādeyyaṃ. Tathā kātuṃ mayaṃ appeva nāma sakkuṇeyyāma, tasmā ācikkha me taṃ, etaṃ tava āgamanakāraṇaṃ mayhaṃ kathehīti attho.

    เอวํ รญฺญา ปุโฎฺฐ เปโต อตฺตโน ปวตฺติํ กเถโนฺต ติโสฺส คาถา อภาสิ –

    Evaṃ raññā puṭṭho peto attano pavattiṃ kathento tisso gāthā abhāsi –

    ๒๔๗.

    247.

    ‘‘พาราณสี นครํ ทูรฆุฎฺฐํ, ตตฺถาหํ คหปติ อฑฺฒโก อหุ ทีโน;

    ‘‘Bārāṇasī nagaraṃ dūraghuṭṭhaṃ, tatthāhaṃ gahapati aḍḍhako ahu dīno;

    อทาตา เคธิตมโน อามิสสฺมิํ, ทุสฺสีเลฺยน ยมวิสยมฺหิ ปโตฺตฯ

    Adātā gedhitamano āmisasmiṃ, dussīlyena yamavisayamhi patto.

    ๒๔๘.

    248.

    ‘‘โส สูจิกาย กิลมิโต เตหิ,

    ‘‘So sūcikāya kilamito tehi,

    เตเนว ญาตีสุ ยามิ อามิสกิญฺจิกฺขเหตุ;

    Teneva ñātīsu yāmi āmisakiñcikkhahetu;

    อทานสีลา น จ สทฺทหนฺติ,

    Adānasīlā na ca saddahanti,

    ‘ทานผลํ โหติ ปรมฺหิ โลเก’ฯ

    ‘Dānaphalaṃ hoti paramhi loke’.

    ๒๔๙.

    249.

    ‘‘ธีตา จ มยฺหํ ลปเต อภิกฺขณํ, ทสฺสามิ ทานํ ปิตูนํ ปิตามหานํ;

    ‘‘Dhītā ca mayhaṃ lapate abhikkhaṇaṃ, dassāmi dānaṃ pitūnaṃ pitāmahānaṃ;

    ตมุปกฺขฎํ ปริวิสยนฺติ พฺราหฺมณา, ยามิ อหํ อนฺธกวินฺทํ ภุตฺตุ’’นฺติฯ

    Tamupakkhaṭaṃ parivisayanti brāhmaṇā, yāmi ahaṃ andhakavindaṃ bhuttu’’nti.

    ๒๔๗. ตตฺถ ทูรฆุฎฺฐนฺติ ทูรโต เอว คุณกิตฺตนวเสน โฆสิตํ, สพฺพตฺถ วิสฺสุตํ ปากฎนฺติ อโตฺถฯ อฑฺฒโกติ อโฑฺฒ มหาวิภโวฯ ทีโนติ นิหีนจิโตฺต อทานชฺฌาสโยฯ เตนาห ‘‘อทาตา’’ติฯ เคธิตมโน อามิสสฺมินฺติ กามามิเส ลคฺคจิโตฺต เคธํ อาปโนฺนฯ ทุสฺสีเลฺยน ยมวิสยมฺหิ ปโตฺตติ อตฺตนา กเตน ทุสฺสีลกมฺมุนา ยมวิสยํ เปตโลกํ ปโตฺต อมฺหิฯ

    247. Tattha dūraghuṭṭhanti dūrato eva guṇakittanavasena ghositaṃ, sabbattha vissutaṃ pākaṭanti attho. Aḍḍhakoti aḍḍho mahāvibhavo. Dīnoti nihīnacitto adānajjhāsayo. Tenāha ‘‘adātā’’ti. Gedhitamano āmisasminti kāmāmise laggacitto gedhaṃ āpanno. Dussīlyena yamavisayamhi pattoti attanā katena dussīlakammunā yamavisayaṃ petalokaṃ patto amhi.

    ๒๔๘. โส สูจิกาย กิลมิโตติ โส อหํ วิชฺฌนเฎฺฐน สูจิสทิสตาย ‘‘สูจิกา’’ติ ลทฺธนามาย ชิฆจฺฉาย กิลมิโต นิรนฺตรํ วิชฺฌมาโนฯ ‘‘กิลมโถ’’ติ อิเจฺจว วา ปาโฐฯ เตหีติ ‘‘ทีโน’’ติอาทินา วุเตฺตหิ ปาปกเมฺมหิ การณภูเตหิฯ ตสฺส หิ เปตสฺส ตานิ ปาปกมฺมานิ อนุสฺสรนฺตสฺส อติวิย โทมนสฺสํ อุปฺปชฺชิ, ตสฺมา เอวมาหฯ เตเนวาติ เตเนว ชิฆจฺฉาทุเกฺขนฯ ญาตีสุ ยามีติ ญาตีนํ สมีปํ ยามิ คจฺฉามิฯ อามิสกิญฺจิกฺขเหตูติ อามิสสฺส กิญฺจิกฺขนิมิตฺตํ, กิญฺจิ อามิสํ ปเตฺถโนฺตติ อโตฺถฯ อทานสีลา น จ สทฺทหนฺติ, ‘ทานผลํ โหติ ปรมฺหิ โลเก’ติ ยถา อหํ, ตถา เอวํ อเญฺญปิ มนุสฺสา อทานสีลา ‘‘ทานสฺส ผลํ เอกํเสน ปรโลเก โหตี’’ติ น จ สทฺทหนฺติฯ ยโต อหํ วิย เตปิ เปตา หุตฺวา มหาทุกฺขํ ปจฺจนุภวนฺตีติ อธิปฺปาโยฯ

    248.So sūcikāya kilamitoti so ahaṃ vijjhanaṭṭhena sūcisadisatāya ‘‘sūcikā’’ti laddhanāmāya jighacchāya kilamito nirantaraṃ vijjhamāno. ‘‘Kilamatho’’ti icceva vā pāṭho. Tehīti ‘‘dīno’’tiādinā vuttehi pāpakammehi kāraṇabhūtehi. Tassa hi petassa tāni pāpakammāni anussarantassa ativiya domanassaṃ uppajji, tasmā evamāha. Tenevāti teneva jighacchādukkhena. Ñātīsu yāmīti ñātīnaṃ samīpaṃ yāmi gacchāmi. Āmisakiñcikkhahetūti āmisassa kiñcikkhanimittaṃ, kiñci āmisaṃ patthentoti attho. Adānasīlā na ca saddahanti, ‘dānaphalaṃ hoti paramhi loke’ti yathā ahaṃ, tathā evaṃ aññepi manussā adānasīlā ‘‘dānassa phalaṃ ekaṃsena paraloke hotī’’ti na ca saddahanti. Yato ahaṃ viya tepi petā hutvā mahādukkhaṃ paccanubhavantīti adhippāyo.

    ๒๔๙. ลปเตติ กเถติฯ อภิกฺขณนฺติ อภิณฺหํ พหุโสฯ กินฺติ ลปตีติ อาห ‘‘ทสฺสามิ ทานํ ปิตูนํ ปิตามหาน’’นฺติฯ ตตฺถ ปิตูนนฺติ มาตาปิตูนํ, จูฬปิตุมหาปิตูนํ วาฯ ปิตามหานนฺติ อยฺยกปยฺยกานํฯ อุปกฺขฎนฺติ สชฺชิตํฯ ปริวิสยนฺตีติ โภชยนฺติฯ อนฺธกวินฺทนฺติ เอวํนามกํ นครํฯ ภุตฺตุนฺติ ภุญฺชิตุํฯ ตโต ปรา สงฺคีติการเกหิ วุตฺตา –

    249.Lapateti katheti. Abhikkhaṇanti abhiṇhaṃ bahuso. Kinti lapatīti āha ‘‘dassāmi dānaṃ pitūnaṃ pitāmahāna’’nti. Tattha pitūnanti mātāpitūnaṃ, cūḷapitumahāpitūnaṃ vā. Pitāmahānanti ayyakapayyakānaṃ. Upakkhaṭanti sajjitaṃ. Parivisayantīti bhojayanti. Andhakavindanti evaṃnāmakaṃ nagaraṃ. Bhuttunti bhuñjituṃ. Tato parā saṅgītikārakehi vuttā –

    ๒๕๐.

    250.

    ‘‘ตมโวจ ราชา ‘อนุภวิยาน ตมฺปิ,

    ‘‘Tamavoca rājā ‘anubhaviyāna tampi,

    เอยฺยาสิ ขิปฺปํ อหมปิ กสฺสํ ปูชํ;

    Eyyāsi khippaṃ ahamapi kassaṃ pūjaṃ;

    อาจิกฺข เม ตํ ยทิ อตฺถิ เหตุ,

    Ācikkha me taṃ yadi atthi hetu,

    สทฺธายิตํ เหตุวโจ สุโณม’ฯ

    Saddhāyitaṃ hetuvaco suṇoma’.

    ๒๕๑.

    251.

    ‘‘ตถาติ วตฺวา อคมาสิ ตตฺถ, ภุญฺชิํสุ ภตฺตํ น จ ทกฺขิณารหา;

    ‘‘Tathāti vatvā agamāsi tattha, bhuñjiṃsu bhattaṃ na ca dakkhiṇārahā;

    ปจฺจาคมิ ราชคหํ ปุนาปรํ, ปาตุรโหสิ ปุรโต ชนาธิปสฺสฯ

    Paccāgami rājagahaṃ punāparaṃ, pāturahosi purato janādhipassa.

    ๒๕๒.

    252.

    ‘‘ทิสฺวาน เปตํ ปุนเทว อาคตํ, ราชา อโวจ ‘อหมปิ กิํ ททามิ;

    ‘‘Disvāna petaṃ punadeva āgataṃ, rājā avoca ‘ahamapi kiṃ dadāmi;

    อาจิกฺข เม ตํ ยทิ อตฺถิ เหตุ, เยน ตุวํ จิรตรํ ปีณิโต สิยา’ฯ

    Ācikkha me taṃ yadi atthi hetu, yena tuvaṃ cirataraṃ pīṇito siyā’.

    ๒๕๓.

    253.

    ‘‘พุทฺธญฺจ สงฺฆํ ปริวิสิยาน ราช, อเนฺนน ปาเนน จ จีวเรน;

    ‘‘Buddhañca saṅghaṃ parivisiyāna rāja, annena pānena ca cīvarena;

    ตํ ทกฺขิณํ อาทิส เม หิตาย, เอวํ อหํ จิรตรํ ปีณิโต สิยาฯ

    Taṃ dakkhiṇaṃ ādisa me hitāya, evaṃ ahaṃ cirataraṃ pīṇito siyā.

    ๒๕๔.

    254.

    ‘‘ตโต จ ราชา นิปติตฺวา ตาวเท, ทานํ สหตฺถา อตุลํ ททิตฺวา สเงฺฆ;

    ‘‘Tato ca rājā nipatitvā tāvade, dānaṃ sahatthā atulaṃ daditvā saṅghe;

    อาโรเจสิ ปกตํ ตถาคตสฺส, ตสฺส จ เปตสฺส ทกฺขิณํ อาทิสิตฺถฯ

    Ārocesi pakataṃ tathāgatassa, tassa ca petassa dakkhiṇaṃ ādisittha.

    ๒๕๕.

    255.

    ‘‘โส ปูชิโต อติวิย โสภมาโน, ปาตุรโหสิ ปุรโต ชนาธิปสฺส;

    ‘‘So pūjito ativiya sobhamāno, pāturahosi purato janādhipassa;

    ยโกฺขหมสฺมิ ปรมิทฺธิปโตฺต, น มยฺหมตฺถิ สมา สทิสา มานุสาฯ

    Yakkhohamasmi paramiddhipatto, na mayhamatthi samā sadisā mānusā.

    ๒๕๖.

    256.

    ‘‘ปสฺสานุภาวํ อปริมิตํ มมยิทํ, ตยานุทิฎฺฐํ อตุลํ ทตฺวา สเงฺฆ;

    ‘‘Passānubhāvaṃ aparimitaṃ mamayidaṃ, tayānudiṭṭhaṃ atulaṃ datvā saṅghe;

    สนฺตปฺปิโต สตตํ สทา พหูหิ, ยามิ อหํ สุขิโต มนุสฺสเทวา’’ติฯ

    Santappito satataṃ sadā bahūhi, yāmi ahaṃ sukhito manussadevā’’ti.

    ๒๕๐. ตตฺถ ตมโวจ ราชาติ ตํ เปตํ ตถา วตฺวา ฐิตํ ราชา อชาตสตฺตุ อโวจฯ อนุภวิยาน ตมฺปีติ ตํ ตว ธีตุยา อุปกฺขฎํ ทานมฺปิ อนุภวิตฺวาฯ เอยฺยาสีติ อาคเจฺฉยฺยาสิฯ กสฺสนฺติ กริสฺสามิฯ อาจิกฺข เม ตํ ยทิ อตฺถิ เหตูติ สเจ กิญฺจิ การณํ อตฺถิ, ตํ การณํ มยฺหํ อาจิกฺข กเถหิฯ สทฺธายิตนฺติ สทฺธายิตพฺพํฯ เหตุวโจติ เหตุยุตฺตวจนํ, ‘‘อมุกสฺมิํ ฐาเน อสุเกน ปกาเรน ทาเน กเต มยฺหํ อุปกปฺปตี’’ติ สการณํ วจนํ วทาติ อโตฺถฯ

    250. Tattha tamavoca rājāti taṃ petaṃ tathā vatvā ṭhitaṃ rājā ajātasattu avoca. Anubhaviyāna tampīti taṃ tava dhītuyā upakkhaṭaṃ dānampi anubhavitvā. Eyyāsīti āgaccheyyāsi. Kassanti karissāmi. Ācikkhame taṃ yadi atthi hetūti sace kiñci kāraṇaṃ atthi, taṃ kāraṇaṃ mayhaṃ ācikkha kathehi. Saddhāyitanti saddhāyitabbaṃ. Hetuvacoti hetuyuttavacanaṃ, ‘‘amukasmiṃ ṭhāne asukena pakārena dāne kate mayhaṃ upakappatī’’ti sakāraṇaṃ vacanaṃ vadāti attho.

    ๒๕๑. ตถาติ วตฺวาติ สาธูติ วตฺวาฯ ตตฺถาติ ตสฺมิํ อนฺธกวิเนฺท ปริเวสนฎฺฐาเนฯ ภุญฺชิํสุ ภตฺตํ น จ ทกฺขิณารหาติ ภตฺตํ ภุญฺชิํสุ ทุสฺสีลพฺราหฺมณา, น จ ปน ทกฺขิณารหา สีลวโนฺต ภุญฺชิํสูติ อโตฺถฯ ปุนาปรนฺติ ปุน อปรํ วารํ ราชคหํ ปจฺจาคมิฯ

    251.Tathāti vatvāti sādhūti vatvā. Tatthāti tasmiṃ andhakavinde parivesanaṭṭhāne. Bhuñjiṃsu bhattaṃ na ca dakkhiṇārahāti bhattaṃ bhuñjiṃsu dussīlabrāhmaṇā, na ca pana dakkhiṇārahā sīlavanto bhuñjiṃsūti attho. Punāparanti puna aparaṃ vāraṃ rājagahaṃ paccāgami.

    ๒๕๒. กิํ ททามีติ ‘‘กีทิสํ เต ทานํ ทสฺสามี’’ติ ราชา เปตํ ปุจฺฉิฯ เยน ตุวนฺติ เยน การเณน ตฺวํฯ จิรตรนฺติ จิรกาลํฯ ปีณิโตติ ติโตฺต สิยา, ตํ กเถหีติ อโตฺถฯ

    252.Kiṃ dadāmīti ‘‘kīdisaṃ te dānaṃ dassāmī’’ti rājā petaṃ pucchi. Yena tuvanti yena kāraṇena tvaṃ. Cirataranti cirakālaṃ. Pīṇitoti titto siyā, taṃ kathehīti attho.

    ๒๕๓. ปริวิสิยานาติ โภเชตฺวาฯ ราชาติ อชาตสตฺตุํ อาลปติฯ เม หิตายาติ มยฺหํ หิตตฺถาย เปตตฺตภาวโต ปริมุตฺติยาฯ

    253.Parivisiyānāti bhojetvā. Rājāti ajātasattuṃ ālapati. Me hitāyāti mayhaṃ hitatthāya petattabhāvato parimuttiyā.

    ๒๕๔. ตโตติ ตสฺมา เตน วจเนน, ตโต วา ปาสาทโตฯ นิปติตฺวาติ นิกฺขมิตฺวาฯ ตาวเทติ ตทา เอว อรุณุคฺคมนเวลายฯ ยมฺหิ เปโต ปจฺจาคนฺตฺวา รโญฺญ อตฺตานํ ทเสฺสสิ, ตสฺมิํ ปุเรภเตฺต เอว ทานํ อทาสิ ฯ สหตฺถาติ สหเตฺถนฯ อตุลนฺติ อปฺปมาณํ อุฬารํ ปณีตํฯ ทตฺวา สเงฺฆติ สงฺฆสฺส ทตฺวาฯ อาโรเจสิ ปกตํ ตถาคตสฺสาติ ‘‘อิทํ, ภเนฺต, ทานํ อญฺญตรํ เปตํ สนฺธาย ปกต’’นฺติ ตํ ปวตฺติํ ภควโต อาโรเจสิฯ อาโรเจตฺวา จ ยถา ตํ ทานํ ตสฺส อุปกปฺปติ, เอวํ ตสฺส จ เปตสฺส ทกฺขิณํ อาทิสิตฺถ อาทิสิฯ

    254.Tatoti tasmā tena vacanena, tato vā pāsādato. Nipatitvāti nikkhamitvā. Tāvadeti tadā eva aruṇuggamanavelāya. Yamhi peto paccāgantvā rañño attānaṃ dassesi, tasmiṃ purebhatte eva dānaṃ adāsi . Sahatthāti sahatthena. Atulanti appamāṇaṃ uḷāraṃ paṇītaṃ. Datvā saṅgheti saṅghassa datvā. Ārocesi pakataṃ tathāgatassāti ‘‘idaṃ, bhante, dānaṃ aññataraṃ petaṃ sandhāya pakata’’nti taṃ pavattiṃ bhagavato ārocesi. Ārocetvā ca yathā taṃ dānaṃ tassa upakappati, evaṃ tassa ca petassa dakkhiṇaṃ ādisittha ādisi.

    ๒๕๕. โสติ โส เปโตฯ ปูชิโตติ ทกฺขิณาย ทิยฺยมานาย ปูชิโตฯ อติวิย โสภมาโนติ ทิพฺพานุภาเวน อติวิย วิโรจมาโนฯ ปาตุรโหสีติ ปาตุภวิ, รโญฺญ ปุรโต อตฺตานํ ทเสฺสสิฯ ยโกฺขหมสฺมีติ เปตตฺตภาวโต มุโตฺต ยโกฺข อหํ ชาโต เทวภาวํ ปโตฺตสฺมิฯ น มยฺหมตฺถิ สมา สทิสา มานุสาติ มยฺหํ อานุภาวสมฺปตฺติยา สมา วา โภคสมฺปตฺติยา สทิสา วา มนุสฺสา น สนฺติฯ

    255.Soti so peto. Pūjitoti dakkhiṇāya diyyamānāya pūjito. Ativiya sobhamānoti dibbānubhāvena ativiya virocamāno. Pāturahosīti pātubhavi, rañño purato attānaṃ dassesi. Yakkhohamasmīti petattabhāvato mutto yakkho ahaṃ jāto devabhāvaṃ pattosmi. Na mayhamatthi samā sadisā mānusāti mayhaṃ ānubhāvasampattiyā samā vā bhogasampattiyā sadisā vā manussā na santi.

    ๒๕๖. ปสฺสานุภาวํ อปริมิตํ มมยิทนฺติ ‘‘มม อิทํ อปริมาณํ ทิพฺพานุภาวํ ปสฺสา’’ติ อตฺตโน สมฺปตฺติํ ปจฺจกฺขโต รโญฺญ ทเสฺสโนฺต วทติฯ ตยานุทิฎฺฐํ อตุลํ ทตฺวา สเงฺฆติ อริยสงฺฆสฺส อตุลํ อุฬารํ ทานํ ทตฺวา มยฺหํ อนุกมฺปาย ตยา อนุทิฎฺฐํฯ สนฺตปฺปิโต สตตํ สทา พหูหีติ อนฺนปานวตฺถาทีหิ พหูหิ เทยฺยธเมฺมหิ อริยสงฺฆํ สนฺตเปฺปเนฺตน ตยา สทา สพฺพกาลํ ยาวชีวํ ตตฺถาปิ สตตํ นิรนฺตรํ อหํ สนฺตปฺปิโต ปีณิโตฯ ยามิ อหํ สุขิโต มนุสฺสเทวาติ ‘‘ตสฺมา อหํ อิทานิ สุขิโต มนุสฺสเทว มหาราช ยถิจฺฉิตฎฺฐานํ ยามี’’ติ ราชานํ อาปุจฺฉิฯ

    256.Passānubhāvaṃaparimitaṃ mamayidanti ‘‘mama idaṃ aparimāṇaṃ dibbānubhāvaṃ passā’’ti attano sampattiṃ paccakkhato rañño dassento vadati. Tayānudiṭṭhaṃ atulaṃ datvā saṅgheti ariyasaṅghassa atulaṃ uḷāraṃ dānaṃ datvā mayhaṃ anukampāya tayā anudiṭṭhaṃ. Santappito satataṃ sadā bahūhīti annapānavatthādīhi bahūhi deyyadhammehi ariyasaṅghaṃ santappentena tayā sadā sabbakālaṃ yāvajīvaṃ tatthāpi satataṃ nirantaraṃ ahaṃ santappito pīṇito. Yāmi ahaṃ sukhito manussadevāti ‘‘tasmā ahaṃ idāni sukhito manussadeva mahārāja yathicchitaṭṭhānaṃ yāmī’’ti rājānaṃ āpucchi.

    เอวํ เปเต อาปุจฺฉิตฺวา คเต ราชา อชาตสตฺตุ ตมตฺถํ ภิกฺขูนํ อาโรเจสิ, ภิกฺขู ภควโต สนฺติกํ อุปสงฺกมิตฺวา อาโรเจสุํฯ ภควา ตมตฺถํ อฎฺฐุปฺปตฺติํ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิฯ ตํ สุตฺวา มหาชโน มเจฺฉรมลํ ปหาย ทานาทิปุญฺญาภิรโต อโหสีติฯ

    Evaṃ pete āpucchitvā gate rājā ajātasattu tamatthaṃ bhikkhūnaṃ ārocesi, bhikkhū bhagavato santikaṃ upasaṅkamitvā ārocesuṃ. Bhagavā tamatthaṃ aṭṭhuppattiṃ katvā sampattaparisāya dhammaṃ desesi. Taṃ sutvā mahājano maccheramalaṃ pahāya dānādipuññābhirato ahosīti.

    จูฬาเสฎฺฐิเปตวตฺถุวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Cūḷāseṭṭhipetavatthuvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เปตวตฺถุปาฬิ • Petavatthupāḷi / ๘. จูฬเสฎฺฐิเปตวตฺถุ • 8. Cūḷaseṭṭhipetavatthu


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact