Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā)

    มูลปณฺณาส-ฎีกา

    Mūlapaṇṇāsa-ṭīkā

    (ทุติโย ภาโค)

    (Dutiyo bhāgo)

    ๒. สีหนาทวโคฺค

    2. Sīhanādavaggo

    ๑. จูฬสีหนาทสุตฺตวณฺณนา

    1. Cūḷasīhanādasuttavaṇṇanā

    ๑๓๙. สุตฺตเทสนาวตฺถุสงฺขาตสฺส อตฺถสฺส อุปฺปตฺติ อฎฺฐุปฺปตฺติ, สา ตสฺส อตฺถีติ อฎฺฐุปฺปตฺติโกติ วุโตฺตวายมโตฺถฯ ลาภสกฺการปจฺจยาติ ลาภสกฺการนิมิตฺตํ, ภควโต สงฺฆสฺส จ อุปฺปนฺนลาภสกฺการเหตุ, อตฺตโน วา ลาภสกฺการุปฺปาทนเหตุฯ ติตฺถิยปริเทวิเตติ ติตฺถิยานํ ‘‘กิํ โภ สมโณเยว โคตโม สมโณ’’ติอาทินา วิปฺปลปนิมิตฺตํฯ ‘‘มหาลาภสกฺกาโร อุปฺปชฺชี’’ติ วตฺวา สมนฺตปาสาทิกตฺถํ ตสฺส อุปฺปตฺติการณํ ทเสฺสโนฺต ‘‘จตุปฺปมาณิโก หี’’ติอาทิมาหฯ จตฺตาริ ปมาณานิ จตุปฺปมาณานิ, จตุปฺปมาณานิ เอตสฺส อตฺถีติ จตุปฺปมาณิโกฯ โลโกเยว สงฺคมฺม สมาคมฺม วสนเฎฺฐน โลกสนฺนิวาโส, สตฺตกาโยติ อโตฺถฯ ปมินาติ อุฬารตาทิวิเสสํ เอเตนาติ ปมาณํ (อ. นิ. ฎี. ๒.๔.๖๕) รูปํ รูปกาโย ปมาณํ เอตสฺสาติ รูปปฺปมาโณฯ ตโต เอว รูเป ปสโนฺนติ รูปปฺปสโนฺนฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโย ฯ โฆโสติ ปวตฺตถุติโฆโส (อ. นิ. ฎี. ๒.๔.๖๕)ฯ ลูขนฺติ ปจฺจยลูขตาฯ ธโมฺมติ สีลาทโย คุณธมฺมา อธิเปฺปตาฯ

    139. Suttadesanāvatthusaṅkhātassa atthassa uppatti aṭṭhuppatti, sā tassa atthīti aṭṭhuppattikoti vuttovāyamattho. Lābhasakkārapaccayāti lābhasakkāranimittaṃ, bhagavato saṅghassa ca uppannalābhasakkārahetu, attano vā lābhasakkāruppādanahetu. Titthiyaparideviteti titthiyānaṃ ‘‘kiṃ bho samaṇoyeva gotamo samaṇo’’tiādinā vippalapanimittaṃ. ‘‘Mahālābhasakkāro uppajjī’’ti vatvā samantapāsādikatthaṃ tassa uppattikāraṇaṃ dassento ‘‘catuppamāṇiko hī’’tiādimāha. Cattāri pamāṇāni catuppamāṇāni, catuppamāṇāni etassa atthīti catuppamāṇiko. Lokoyeva saṅgamma samāgamma vasanaṭṭhena lokasannivāso, sattakāyoti attho. Pamināti uḷāratādivisesaṃ etenāti pamāṇaṃ (a. ni. ṭī. 2.4.65) rūpaṃ rūpakāyo pamāṇaṃ etassāti rūpappamāṇo. Tato eva rūpe pasannoti rūpappasanno. Sesapadesupi eseva nayo . Ghosoti pavattathutighoso (a. ni. ṭī. 2.4.65). Lūkhanti paccayalūkhatā. Dhammoti sīlādayo guṇadhammā adhippetā.

    เตสํ ปุคฺคลานํฯ อาโรหนฺติ อุจฺจตํฯ สา จ โข ตสฺมิํ ตสฺมิํ กาเล ปมาณยุตฺตา ทฎฺฐพฺพาฯ ปริณาหนฺติ นาติกิสนาติถูลตาวเสน มิตปริณาหํฯ สณฺฐานนฺติ เตสํ เตสํ องฺคปจฺจงฺคานํ สุสณฺฐิตตํฯ ปาริปูรินฺติ สเพฺพสํ สรีราวยวานํ ปริปุณฺณตํ อเวกลฺลตํฯ ตตฺถ ปมาณํ คเหตฺวาติ ตสฺมิํ รูเป รูปสมฺปตฺติยํ ปมาณภาวํ อุปาทายฯ ปสาทํ ชเนตีติ อธิโมกฺขํ อุปฺปาเทติฯ

    Tesaṃ puggalānaṃ. Ārohanti uccataṃ. Sā ca kho tasmiṃ tasmiṃ kāle pamāṇayuttā daṭṭhabbā. Pariṇāhanti nātikisanātithūlatāvasena mitapariṇāhaṃ. Saṇṭhānanti tesaṃ tesaṃ aṅgapaccaṅgānaṃ susaṇṭhitataṃ. Pāripūrinti sabbesaṃ sarīrāvayavānaṃ paripuṇṇataṃ avekallataṃ. Tattha pamāṇaṃ gahetvāti tasmiṃ rūpe rūpasampattiyaṃ pamāṇabhāvaṃ upādāya. Pasādaṃ janetīti adhimokkhaṃ uppādeti.

    ปรวณฺณนายาติ ‘‘อมุโก เอทิโส จ เอทิโส จา’’ติ ยสคุณวจเนนฯ ปรโถมนายาติ สมฺมุขาว ปรสฺส สิลาฆุปฺปาทเนน อภิตฺถวเนนฯ ปรปสํสนายาติ ปรมฺมุขา ปรสฺส คุณสํกิตฺตเนนฯ ปรวณฺณหาริกายาติ ปรมฺปรวณฺณหาริกาย ปรมฺปราย ปรสฺส กิตฺติสทฺทูปสํหาเรนฯ ตตฺถาติ ตสฺมิํ ถุติโฆเสฯ

    Paravaṇṇanāyāti ‘‘amuko ediso ca ediso cā’’ti yasaguṇavacanena. Parathomanāyāti sammukhāva parassa silāghuppādanena abhitthavanena. Parapasaṃsanāyāti parammukhā parassa guṇasaṃkittanena. Paravaṇṇahārikāyāti paramparavaṇṇahārikāya paramparāya parassa kittisaddūpasaṃhārena. Tatthāti tasmiṃ thutighose.

    จีวรลูขนฺติ ถูลชิณฺณพหุตุนฺนกตาทิํ จีวรสฺส ลูขภาวํฯ ปตฺตลูขนฺติ อเนกคนฺถิกาหตาทิํ ปตฺตสฺส ลูขภาวํฯ วิวิธํ วา ทุกฺกรการิกนฺติ ธุตงฺคเสวนาทิวเสน ปวตฺตํ นานาวิธํ ทุกฺกรจริยํฯ

    Cīvaralūkhanti thūlajiṇṇabahutunnakatādiṃ cīvarassa lūkhabhāvaṃ. Pattalūkhanti anekaganthikāhatādiṃ pattassa lūkhabhāvaṃ. Vividhaṃ vā dukkarakārikanti dhutaṅgasevanādivasena pavattaṃ nānāvidhaṃ dukkaracariyaṃ.

    สีลํ วา ปสฺสิตฺวาติ สีลปาริปูริวเสน วิสุทฺธํ กายวจีสุจริตํ ญาณจกฺขุนา ปสฺสิตฺวาฯ ฌานาทิอธิคมสิทฺธํ สมาธิํ วาฯ วิปสฺสนาภิญฺญาสงฺขาตํ ปญฺญํ วา

    Sīlaṃ vā passitvāti sīlapāripūrivasena visuddhaṃ kāyavacīsucaritaṃ ñāṇacakkhunā passitvā. Jhānādiadhigamasiddhaṃ samādhiṃ vā. Vipassanābhiññāsaṅkhātaṃ paññaṃ vā.

    ภควโต สรีรํ ทิสฺวาติ สมฺพโนฺธฯ รูปปฺปมาโณปิ สมฺมาสมฺพุเทฺธเยว ปสีทติ อปริมิตกาลสมุปจิตปุญฺญานุภาวนิปฺผนฺนาย สพฺพโส อนวชฺชาย สพฺพาการปริปุณฺณาวยวาย รูปกายสมฺปตฺติยา สมนฺตปาสาทิกตฺตา, ยสฺสา รุจิรภาโว วิสุเทฺธ วิคตวลาหเก เทเว ปุณฺณมาสิยํ ปริปุณฺณกลาภาคมณฺฑลํ จนฺทมณฺฑลํ อภิภวิตฺวา อติโรจติ, ปภสฺสรภาโว สรทสมยํ สํวทฺธิตทิคุณเตชกิรณชาลสมุชฺชลํ สูริยมณฺฑลํ อภิภวติ, โสมฺมกิรณรสสมุชฺชลภาเวหิ ตทุภเยหิ อภิภุยฺย วตฺตมานํ เอกสฺมิํ ขเณ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ วิโชฺชตนสมตฺถํ มหาพฺรหฺมุโน ปภาสมุทยํ อภิวิหจฺจ ภาสเต ตปเต วิโรจติ จฯ

    Bhagavato sarīraṃ disvāti sambandho. Rūpappamāṇopi sammāsambuddheyeva pasīdati aparimitakālasamupacitapuññānubhāvanipphannāya sabbaso anavajjāya sabbākāraparipuṇṇāvayavāya rūpakāyasampattiyā samantapāsādikattā, yassā rucirabhāvo visuddhe vigatavalāhake deve puṇṇamāsiyaṃ paripuṇṇakalābhāgamaṇḍalaṃ candamaṇḍalaṃ abhibhavitvā atirocati, pabhassarabhāvo saradasamayaṃ saṃvaddhitadiguṇatejakiraṇajālasamujjalaṃ sūriyamaṇḍalaṃ abhibhavati, sommakiraṇarasasamujjalabhāvehi tadubhayehi abhibhuyya vattamānaṃ ekasmiṃ khaṇe dasasahassilokadhātuṃ vijjotanasamatthaṃ mahābrahmuno pabhāsamudayaṃ abhivihacca bhāsate tapate virocati ca.

    สติปิ องฺคปริจฺจาคาทีนํ ทานปารมิภาเว ปริจฺจาควิเสสภาวทสฺสนตฺถเญฺจว สุทุกฺกรภาวทสฺสนตฺถญฺจ องฺคปริจฺจาคาทิคฺคหณํ, ตตฺถาปิ จ องฺคปริจฺจาคโต วิสุํ นยนปริจฺจาคคฺคหณํ, ปริจฺจาคภาวสามเญฺญปิ รชฺชปริจฺจาคโต ปุตฺตทารปริจฺจาคคฺคหณญฺจ กตํฯ อาทินา นเยนาติ อาทิ-สเทฺทน ปุพฺพโยคปุพฺพจริยาทิเหตุสมฺปตฺติยา, ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๑๕๗, ๒๕๕) วุตฺตาย ผลสมฺปตฺติยา, ‘‘โส ธมฺมํ เทเสตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๕๕) วุตฺตาย สตฺตุปการกิริยาย จ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ สมฺมาสมฺพุเทฺธเยว ปสีทติ ยถาวุตฺตคุณานํ อนญฺญสาธารณภาวโต อจฺฉริยพฺภุตภาวโต จฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ

    Satipi aṅgapariccāgādīnaṃ dānapāramibhāve pariccāgavisesabhāvadassanatthañceva sudukkarabhāvadassanatthañca aṅgapariccāgādiggahaṇaṃ, tatthāpi ca aṅgapariccāgato visuṃ nayanapariccāgaggahaṇaṃ, pariccāgabhāvasāmaññepi rajjapariccāgato puttadārapariccāgaggahaṇañca kataṃ. Ādinā nayenāti ādi-saddena pubbayogapubbacariyādihetusampattiyā, ‘‘itipi so bhagavā’’tiādinā (dī. ni. 1.157, 255) vuttāya phalasampattiyā, ‘‘so dhammaṃ desetī’’tiādinā (dī. ni. 1.255) vuttāya sattupakārakiriyāya ca saṅgaho daṭṭhabbo. Sammāsambuddheyeva pasīdati yathāvuttaguṇānaṃ anaññasādhāraṇabhāvato acchariyabbhutabhāvato ca. Sesesupi eseva nayo.

    ‘‘จีวรลูขํ ทิสฺวา’’ติ วตฺวา ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘สเจ ภควา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ สาณปํสุกูลจีวเรนาติ มตกเฬวรํ ปลิเวเฐตฺวา ฉฑฺฑิเตน ตุมฺพมเตฺต กิมี ปโปฺผเฎตฺวา คหิเตน สาณปํสุกูลจีวเรนฯ ภาริยนฺติ ครุกํ, ทุกฺกรนฺติ อโตฺถฯ วธุยุวตีมชฺฌิมิตฺถิวเสน, พาลโยพฺพนปุราณวเสน วา ติวิธนาฎกตาฯ หเรณุยูสํ มณฺฑลกลายรโสฯ ‘‘ยาเปสฺสติ นามา’’ติ นาม-สทฺทํ อาเนตฺวา สมฺพโนฺธฯ นาม-สทฺทโยเคน หิ อนาคตกาลสฺส วิย ปโยโค, ยาเปติ อิเจฺจว อโตฺถฯ อปฺปาณกนฺติ นิรสฺสาสํ นิโรธิตสฺสาสปสฺสาสํฯ

    ‘‘Cīvaralūkhaṃ disvā’’ti vatvā taṃ dassetuṃ ‘‘sace bhagavā’’tiādi vuttaṃ. Sāṇapaṃsukūlacīvarenāti matakaḷevaraṃ paliveṭhetvā chaḍḍitena tumbamatte kimī papphoṭetvā gahitena sāṇapaṃsukūlacīvarena. Bhāriyanti garukaṃ, dukkaranti attho. Vadhuyuvatīmajjhimitthivasena, bālayobbanapurāṇavasena vā tividhanāṭakatā. Hareṇuyūsaṃ maṇḍalakalāyaraso. ‘‘Yāpessati nāmā’’ti nāma-saddaṃ ānetvā sambandho. Nāma-saddayogena hi anāgatakālassa viya payogo, yāpeti icceva attho. Appāṇakanti nirassāsaṃ nirodhitassāsapassāsaṃ.

    สมาธิคุณนฺติ สาธารณโต วุตฺตมตฺถํ วิวรติ ฌานาทิคฺคหเณนฯ มานทพฺพนิมฺมทเนน นิพฺพิเสวนภาวาปาทนมฺปิ ทมนเมวาติ วุตฺตํ ‘‘ปาถิกปุตฺตทมนาทีนี’’ติฯ อาทิ-สเทฺทน สจฺจกาฬวกพกทมนาทีนํ สงฺคโหฯ พาเวรุนฺติ เอวํนามกํ วิสยํฯ สรสมฺปโนฺนติ อฎฺฐงฺคสมนฺนาคเตน สเรน สมนฺนาคโตฯ เตน พฺรหฺมสฺสรตากรวีกภาณิตาทสฺสเนน ลกฺขณหารนเยน อวเสสลกฺขณปาริปูริํ วิย ตทวินาภาวโต พุทฺธานํ เทสนาวิลาสญฺจ วิภาเวติฯ

    Samādhiguṇanti sādhāraṇato vuttamatthaṃ vivarati jhānādiggahaṇena. Mānadabbanimmadanena nibbisevanabhāvāpādanampi damanamevāti vuttaṃ ‘‘pāthikaputtadamanādīnī’’ti. Ādi-saddena saccakāḷavakabakadamanādīnaṃ saṅgaho. Bāverunti evaṃnāmakaṃ visayaṃ. Sarasampannoti aṭṭhaṅgasamannāgatena sarena samannāgato. Tena brahmassaratākaravīkabhāṇitādassanena lakkhaṇahāranayena avasesalakkhaṇapāripūriṃ viya tadavinābhāvato buddhānaṃ desanāvilāsañca vibhāveti.

    หตปฺปภาติ พุทฺธานุภาเวน วิคตเตชาฯ กาฬปกฺขูปเมติ สตฺตานํ พฺยาโมหนฺธการาภิภเวน กาฬปกฺขรตฺตูปเมฯ สูริเยติ สูริเย อุทยิตฺวา โอภาเสเนฺตติ อธิปฺปาโยฯ

    Hatappabhāti buddhānubhāvena vigatatejā. Kāḷapakkhūpameti sattānaṃ byāmohandhakārābhibhavena kāḷapakkharattūpame. Sūriyeti sūriye udayitvā obhāsenteti adhippāyo.

    สิงฺฆาฎเกติ ติโกณรจฺฉายํฯ จตุเกฺกติ สนฺธิยํฯ ปริเทวนฺตีติ อนุตฺถุนนวเสน วิปฺปลปนฺติฯ โสกาธิกกโต หิ วจีปลาโป ปริเทโวฯ โลเก อุปฺปชฺชมาเนเยว อุปฺปนฺนาติ อตฺตโน ทิฎฺฐิวาทสฺส ปุราตนภาวํ ทีเปนฺติฯ

    Siṅghāṭaketi tikoṇaracchāyaṃ. Catukketi sandhiyaṃ. Paridevantīti anutthunanavasena vippalapanti. Sokādhikakato hi vacīpalāpo paridevo. Loke uppajjamāneyeva uppannāti attano diṭṭhivādassa purātanabhāvaṃ dīpenti.

    เสสปเทสุปีติ ‘‘อิธ ทุติโย สมโณ’’ติอาทีสุ เสสวาเรสุปิ (อ. นิ. ฎี. ๒.๔.๒๔๑-๒๔๒) ยถา หิ ‘‘วิวิเจฺจว กาเมหี’’ติ (ปารา. ๑๑; ที. นิ. ๑.๒๒๖; สํ. นิ. ๒.๑๕๒; อ. นิ. ๔.๑๒๓) เอตฺถ กโต นิยโม ‘‘วิวิจฺจ อกุสเลหี’’ติ (ปารา. ๑๑; ที. นิ. ๑.๒๒๖; สํ. นิ. ๒.๑๕๒; อ. นิ. ๔.๑๒๓) เอตฺถาปิ กโตเยว โหติ สาวธารณเสฺสว อตฺถสฺส อิจฺฉิตพฺพตฺตา, เอวมิธาปีติฯ เตนาห ‘‘ทุติยาทโยปี’’ติอาทิฯ สามญฺญผลาธิคมวเสน นิปฺปริยายโต สมณภาโวติ เตสํ วเสเนตฺถ จตฺตาโร สมณา เทสิตาติ ตมตฺถํ สุตฺตนฺตเรน สมเตฺถตุํ ‘‘เตเนวาหา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปฎิปตฺติกฺกเมน เทสนากฺกเมน จ สกทาคามิอาทีนํ ทุติยาทิตา วุตฺตาติ โสตาปนฺนสฺส ปฐมตา อวุตฺตสิทฺธาติ น โจทิตาฯ ผลฎฺฐกสมณาว อธิเปฺปตา สมิตปาปสมณคฺคหณโตฯ กสฺมา ปเนตฺถ มหาปรินิพฺพาเน วิย มคฺคฎฺฐา ตทตฺถาย ปฎิปนฺนา จ น คหิตาติ? เวเนยฺยชฺฌาสยโตฯ ตตฺถ หิ มคฺคาธิคมตฺถาย วิปสฺสนาปิ อิโต พหิทฺธา นตฺถิ, กุโต มคฺคผลานีติ ทเสฺสเนฺตน ภควตา ‘‘ญายสฺส ธมฺมสฺส ปเทสวตฺตี, อิโต พหิทฺธา สมโณปิ นตฺถี’’ติ วุตฺตํฯ อิธ ปน นิฎฺฐานปฺปตฺตเมว ตํตํสมณภาวํ คณฺหเนฺตน ผลฎฺฐกสมณาว คหิตา ‘‘มคฺคฎฺฐโต ผลโฎฺฐ สวิเสสํ ทกฺขิเณโยฺย’’ติฯ สฺวายมโตฺถ ทฺวีสุ สุเตฺตสุ เทสนาเภเทเนว วิญฺญายตีติฯ

    Sesapadesupīti ‘‘idha dutiyo samaṇo’’tiādīsu sesavāresupi (a. ni. ṭī. 2.4.241-242) yathā hi ‘‘vivicceva kāmehī’’ti (pārā. 11; dī. ni. 1.226; saṃ. ni. 2.152; a. ni. 4.123) ettha kato niyamo ‘‘vivicca akusalehī’’ti (pārā. 11; dī. ni. 1.226; saṃ. ni. 2.152; a. ni. 4.123) etthāpi katoyeva hoti sāvadhāraṇasseva atthassa icchitabbattā, evamidhāpīti. Tenāha ‘‘dutiyādayopī’’tiādi. Sāmaññaphalādhigamavasena nippariyāyato samaṇabhāvoti tesaṃ vasenettha cattāro samaṇā desitāti tamatthaṃ suttantarena samatthetuṃ ‘‘tenevāhā’’tiādi vuttaṃ. Paṭipattikkamena desanākkamena ca sakadāgāmiādīnaṃ dutiyāditā vuttāti sotāpannassa paṭhamatā avuttasiddhāti na coditā. Phalaṭṭhakasamaṇāva adhippetā samitapāpasamaṇaggahaṇato. Kasmā panettha mahāparinibbāne viya maggaṭṭhā tadatthāya paṭipannā ca na gahitāti? Veneyyajjhāsayato. Tattha hi maggādhigamatthāya vipassanāpi ito bahiddhā natthi, kuto maggaphalānīti dassentena bhagavatā ‘‘ñāyassa dhammassa padesavattī, ito bahiddhā samaṇopi natthī’’ti vuttaṃ. Idha pana niṭṭhānappattameva taṃtaṃsamaṇabhāvaṃ gaṇhantena phalaṭṭhakasamaṇāva gahitā ‘‘maggaṭṭhato phalaṭṭho savisesaṃ dakkhiṇeyyo’’ti. Svāyamattho dvīsu suttesu desanābhedeneva viññāyatīti.

    ริตฺตาติ วิวิตฺตาฯ ตุจฺฉาติ นิสฺสารา ปฎิปนฺนกสาราภาวโตฯ ปวทนฺติ เอเตหีติ ปวาทา, ทิฎฺฐิคติกานํ นานาทิฎฺฐิทีปกา สมยาติ อาห ‘‘จตฺตาโร สสฺสตวาทา’’ติอาทิฯ ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต อาคมิสฺสติฯ เตติ ยถาวุตฺตสมณาฯ เอตฺถาติ ‘‘ปรปฺปวาทา’’ติ วุเตฺต พาหิรกสมเยฯ

    Rittāti vivittā. Tucchāti nissārā paṭipannakasārābhāvato. Pavadanti etehīti pavādā, diṭṭhigatikānaṃ nānādiṭṭhidīpakā samayāti āha ‘‘cattāro sassatavādā’’tiādi. Tattha yaṃ vattabbaṃ, taṃ parato āgamissati. Teti yathāvuttasamaṇā. Etthāti ‘‘parappavādā’’ti vutte bāhirakasamaye.

    นฺติ ยสฺมิํฯ ภุมฺมเตฺถ หิ อิทํ ปจฺจตฺตวจนํฯ ญาโย วุจฺจติ สห วิปสฺสนาย อริยมโคฺคฯ เตน หิ นิพฺพานํ ญายติ คมฺมติ ปฎิวิชฺฌตีติฯ โส เอว นิพฺพานสมฺปาปกเหตุตาย ธโมฺมติ อาห ‘‘ญายสฺส ธมฺมสฺสา’’ติฯ

    Yanti yasmiṃ. Bhummatthe hi idaṃ paccattavacanaṃ. Ñāyo vuccati saha vipassanāya ariyamaggo. Tena hi nibbānaṃ ñāyati gammati paṭivijjhatīti. So eva nibbānasampāpakahetutāya dhammoti āha ‘‘ñāyassa dhammassā’’ti.

    เตสํ ปรปฺปวาทสาสนานํ อเขตฺตตา เขตฺตตา จ อริยมคฺคสฺส อภาวภาวา สุปริสุทฺธสฺส สีลสฺส สุปริสุทฺธาย สมถวิปสฺสนาย อภาวโต สาวโต จฯ ตทุภยญฺจ ทุรกฺขาตสฺวากฺขาตภาวเหตุกํ, โส จ อสมฺมาสมฺพุทฺธสมฺมาสมฺพุทฺธปเวทิตตายาติ ปราชิกาย สตฺถุ วิปตฺติเหตุตาย สาสนสฺส อนิยฺยานภาโวติ ทเสฺสติฯ

    Tesaṃ parappavādasāsanānaṃ akhettatā khettatā ca ariyamaggassa abhāvabhāvā suparisuddhassa sīlassa suparisuddhāya samathavipassanāya abhāvato sāvato ca. Tadubhayañca durakkhātasvākkhātabhāvahetukaṃ, so ca asammāsambuddhasammāsambuddhapaveditatāyāti parājikāya satthu vipattihetutāya sāsanassa aniyyānabhāvoti dasseti.

    อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ ปริยายโต จ ปาฬิยา จ สมเตฺถตุํ ‘‘เตนาห ภควา’’ติอาทินา ปาฬิํ ทเสฺสตฺวา อุปมาปเทเสน ตตฺถ สุตฺตํ วิภาเวโนฺต ‘‘ยสฺมา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยสฺมา เอกจฺจานํ วิเสสโต สีหานํ ปุริมํ ปาททฺวยํ หตฺถกิจฺจมฺปิ กโรติ, ตสฺมา อาห ‘‘สุรตฺตหตฺถปาโท’’ติฯ สีหสฺส เกสา นาม เกสรายตนา ขนฺธโลมาฯ โคจริยหตฺถิกุลํ นาม ปกติหตฺถิกุลํ, ยํ ‘‘กาลาวก’’นฺติปิ วุจฺจติฯ โฆฎโก นาม อสฺสขฬุโงฺกฯ สิเนรุปริภเณฺฑ สิมฺพลิรุเกฺขหิ สญฺฉาทิโต ปญฺญาสโยชโน ทโห สิมฺพลิทโห, ตํ ปริวาเรตฺวา มหนฺตํ สิมฺพลิวนํ, ตํ สนฺธายาห ‘‘สิมฺพลิทหวเน’’ติฯ อญฺญติตฺถาวาสภูมิยํ อิเมสุ สมเณสุ เอกโจฺจ น อุปฺปชฺชติ, อีทิโส ปเนตฺถ วิกโปฺป นตฺถิ, สเพฺพน สพฺพํ น อุปฺปชฺชเนฺตวาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘เอกสมโณปี’’ติ อาหฯ อริยมคฺคปริกฺขเตติ อริยมคฺคุปฺปตฺติยา อภิสงฺขเต, ยทา สาสนิกานํ สมฺมาปฎิปตฺติยา อริยมโคฺค ทิพฺพติ, ตทาติ อโตฺถฯ

    Idāni yathāvuttamatthaṃ pariyāyato ca pāḷiyā ca samatthetuṃ ‘‘tenāha bhagavā’’tiādinā pāḷiṃ dassetvā upamāpadesena tattha suttaṃ vibhāvento ‘‘yasmā’’tiādimāha. Tattha yasmā ekaccānaṃ visesato sīhānaṃ purimaṃ pādadvayaṃ hatthakiccampi karoti, tasmā āha ‘‘surattahatthapādo’’ti. Sīhassa kesā nāma kesarāyatanā khandhalomā. Gocariyahatthikulaṃ nāma pakatihatthikulaṃ, yaṃ ‘‘kālāvaka’’ntipi vuccati. Ghoṭako nāma assakhaḷuṅko. Sineruparibhaṇḍe simbalirukkhehi sañchādito paññāsayojano daho simbalidaho, taṃ parivāretvā mahantaṃ simbalivanaṃ, taṃ sandhāyāha ‘‘simbalidahavane’’ti. Aññatitthāvāsabhūmiyaṃ imesu samaṇesu ekacco na uppajjati, īdiso panettha vikappo natthi, sabbena sabbaṃ na uppajjantevāti dassento ‘‘ekasamaṇopī’’ti āha. Ariyamaggaparikkhateti ariyamagguppattiyā abhisaṅkhate, yadā sāsanikānaṃ sammāpaṭipattiyā ariyamaggo dibbati, tadāti attho.

    สมฺมาติ สุฎฺฐุฯ สุฎฺฐุ นทนํ นาม เหตุยุตฺตํ สุฎฺฐุ กตฺวา กถนนฺติ อาห ‘‘เหตุนา’’ติฯ โส จ เหตุ อวิปรีโต เอว อิจฺฉิตโพฺพติ อาห ‘‘นเยนา’’ติ, ญาเยนาติ อโตฺถฯ เอวํภูโต จ โส ยถาธิเปฺปตตฺถํ กโรติ สาเธตีติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘การเณนา’’ติฯ ยทิ ติรจฺฉานสีหสฺส นาโท สพฺพติรจฺฉานเอกจฺจมนุสฺสามนุสฺสนาทโต เสฎฺฐตฺตา เสฎฺฐนาโท, กิมงฺคํ ปน ตถาคตสีหนาโทติ อาห ‘‘สีหนาทนฺติ เสฎฺฐนาท’’นฺติฯ ยทิ ติรจฺฉานสีหนาทสฺส เสฎฺฐนาทตา นิพฺภยตาย อปฺปฎิสตฺตุตาย อิจฺฉิตา, ตถาคตสีหนาทเสฺสว อยมโตฺถ สาติสโยติ อาห ‘‘อภีตนาทํ อปฺปฎินาท’’นฺติฯ อิทานิสฺส เสฎฺฐนาทภาวํ การเณน ปฎิปาเทโนฺต ‘‘อิเมสญฺหี’’ติอาทิมาหฯ เตน ‘‘สมฺมา’’ติ วุตฺตมตฺถํ สมเตฺถติฯ ตตฺถ อตฺถิตายาติ อิมินา สีหนาทสฺส อุตฺตมตฺถตํ ทเสฺสติฯ ภูตโฎฺฐ หิ อุตฺตมโฎฺฐฯ ตาย เอว ภูตฎฺฐตาย อภีตนาทตาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อิเม สมณา…เป.… นาม โหตี’’ติ อาหฯ อภูตญฺหิ วทโต กุโตจิ ภยํ วา อาสงฺกา วา สิยาติ ‘‘อิเธวา’’ติ นิยมสฺส อวิปรีตตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อมฺหากมฺปิ…เป.… อปฺปฎินาโท นาม โหตี’’ติ อาหฯ ยญฺหิ อญฺญตฺถาปิ อตฺถิ, ตํ อิเธวาติ อวธาเรตุํ น ยุตฺตนฺติฯ

    Sammāti suṭṭhu. Suṭṭhu nadanaṃ nāma hetuyuttaṃ suṭṭhu katvā kathananti āha ‘‘hetunā’’ti. So ca hetu aviparīto eva icchitabboti āha ‘‘nayenā’’ti, ñāyenāti attho. Evaṃbhūto ca so yathādhippetatthaṃ karoti sādhetīti dassento āha ‘‘kāraṇenā’’ti. Yadi tiracchānasīhassa nādo sabbatiracchānaekaccamanussāmanussanādato seṭṭhattā seṭṭhanādo, kimaṅgaṃ pana tathāgatasīhanādoti āha ‘‘sīhanādanti seṭṭhanāda’’nti. Yadi tiracchānasīhanādassa seṭṭhanādatā nibbhayatāya appaṭisattutāya icchitā, tathāgatasīhanādasseva ayamattho sātisayoti āha ‘‘abhītanādaṃ appaṭināda’’nti. Idānissa seṭṭhanādabhāvaṃ kāraṇena paṭipādento ‘‘imesañhī’’tiādimāha. Tena ‘‘sammā’’ti vuttamatthaṃ samattheti. Tattha atthitāyāti iminā sīhanādassa uttamatthataṃ dasseti. Bhūtaṭṭho hi uttamaṭṭho. Tāya eva bhūtaṭṭhatāya abhītanādatāti dassento ‘‘ime samaṇā…pe… nāma hotī’’ti āha. Abhūtañhi vadato kutoci bhayaṃ vā āsaṅkā vā siyāti ‘‘idhevā’’ti niyamassa aviparītataṃ dassento ‘‘amhākampi…pe… appaṭinādo nāma hotī’’ti āha. Yañhi aññatthāpi atthi, taṃ idhevāti avadhāretuṃ na yuttanti.

    ๑๔๐. โขติ อวธารเณฯ เตน วิชฺชติ เอวาติ ทเสฺสติฯ ยนฺติ กรณเตฺถ ปจฺจตฺตนฺติ อาห ‘‘เยน การเณนา’’ติฯ ติตฺถํ นาม ทฺวาสฎฺฐิ ทิฎฺฐิโย ตพฺพินิมุตฺตสฺส กสฺสจิ ทิฎฺฐิวิปฺผนฺทิตสฺส อภาวโตฯ ปารคมนสงฺขาตํ ตรณํ ทิฎฺฐิคติกานํ (อ. นิ. ฎี. ๒.๓.๖๒) ตตฺถ ตเตฺถว อปราปรํ อุมฺมุชฺชนนิมุชฺชนวเสน ปิลวนนฺติ อาห ‘‘ตรนฺติ อุปฺปลวนฺตี’’ติฯ อุปฺปาเทตาติ ปูรณาทิโกฯ ติเตฺถ ชาตาติ ติตฺถิยา, ยถาวุตฺตํ วา ทิฎฺฐิคตสงฺขาตํ ติตฺถํ เอเตสํ อตฺถีติ ติตฺถิกา, ติตฺถิกา เอว ติตฺถิยาฯ อสฺสสนฺติ เอตฺถ, เอเตนาติ วา อสฺสาโส, อวสฺสโยฯ

    140.Khoti avadhāraṇe. Tena vijjati evāti dasseti. Yanti karaṇatthe paccattanti āha ‘‘yena kāraṇenā’’ti. Titthaṃ nāma dvāsaṭṭhi diṭṭhiyo tabbinimuttassa kassaci diṭṭhivipphanditassa abhāvato. Pāragamanasaṅkhātaṃ taraṇaṃ diṭṭhigatikānaṃ (a. ni. ṭī. 2.3.62) tattha tattheva aparāparaṃ ummujjananimujjanavasena pilavananti āha ‘‘taranti uppalavantī’’ti. Uppādetāti pūraṇādiko. Titthe jātāti titthiyā, yathāvuttaṃ vā diṭṭhigatasaṅkhātaṃ titthaṃ etesaṃ atthīti titthikā, titthikā eva titthiyā. Assasanti ettha, etenāti vā assāso, avassayo.

    ปกตตฺถนิเทฺทโส ยํ-ตํ-สโทฺทติ ตสฺส ‘‘ภควตา’’ติอาทีหิ ปเทหิ สมานาธิกรณภาเวน วุตฺตสฺส เยน อภิสมฺพุทฺธภาเวน ภควา ปกโต สตฺถุภาเวน อธิคโต สุปากโฎ จ, ตํ อภิสมฺพุทฺธภาวํ สทฺธิํ อาคมนปฎิปทาย อตฺถภาเวน ทเสฺสโนฺต ‘‘โย โส…เป.… อภิสมฺพุโทฺธ’’ติ อาหฯ สติปิ ญาณทสฺสนสทฺทานํ อิธ ปญฺญาเววจนภาเว เตน เตน วิเสเสน เนสํ สวิสเย วิเสสปฺปวตฺติทสฺสนตฺถํ (สารตฺถ. ฎี. ปริวาร ๓.๑) อสาธารณวิเสสวเสน วิชฺชาตฺตยวเสน วิชฺชาภิญฺญานาวรณวเสน สพฺพญฺญุตญฺญาณมํสจกฺขุวเสน ปฎิเวธเทสนาญาณวเสน จ เต โยเชตฺวา ทเสฺสโนฺต ‘‘เตสํ เตส’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ อาสยานุสยํ ชานตา อาสยานุสยญาเณน, สพฺพํ เญยฺยธมฺมํ ปสฺสตา สพฺพญฺญุตานาวรณญาเณหิฯ ปุเพฺพนิวาสาทีหีติ ปุเพฺพนิวาสอาสวกฺขยญาเณหิฯ อนญฺญสาธารณปุญฺญานุภาวนิพฺพโตฺต อนุตฺตรญาณาธิคมลทฺธปุราวตฺตโก จ ภควโต รูปกาโย อติกฺกเมฺมว เทวานํ เทวานุภาวํ วตฺตตีติ อาห ‘‘สพฺพสตฺตานํ…เป.… ปสฺสตา’’ติฯ ปฎิเวธปญฺญายาติ มคฺคปญฺญายฯ ตาย หิ สพฺพโส เญยฺยธเมฺมสุ สโมฺมหสฺส วิธมิตตฺตา ปจฺฉา ปวตฺตชานนํ ตสฺส ชานนํ วิย วุจฺจติฯ

    Pakatatthaniddeso yaṃ-taṃ-saddoti tassa ‘‘bhagavatā’’tiādīhi padehi samānādhikaraṇabhāvena vuttassa yena abhisambuddhabhāvena bhagavā pakato satthubhāvena adhigato supākaṭo ca, taṃ abhisambuddhabhāvaṃ saddhiṃ āgamanapaṭipadāya atthabhāvena dassento ‘‘yo so…pe… abhisambuddho’’ti āha. Satipi ñāṇadassanasaddānaṃ idha paññāvevacanabhāve tena tena visesena nesaṃ savisaye visesappavattidassanatthaṃ (sārattha. ṭī. parivāra 3.1) asādhāraṇavisesavasena vijjāttayavasena vijjābhiññānāvaraṇavasena sabbaññutaññāṇamaṃsacakkhuvasena paṭivedhadesanāñāṇavasena ca te yojetvā dassento ‘‘tesaṃ tesa’’ntiādimāha. Tattha āsayānusayaṃ jānatā āsayānusayañāṇena, sabbaṃ ñeyyadhammaṃ passatā sabbaññutānāvaraṇañāṇehi. Pubbenivāsādīhīti pubbenivāsaāsavakkhayañāṇehi. Anaññasādhāraṇapuññānubhāvanibbatto anuttarañāṇādhigamaladdhapurāvattako ca bhagavato rūpakāyo atikkammeva devānaṃ devānubhāvaṃ vattatīti āha ‘‘sabbasattānaṃ…pe… passatā’’ti. Paṭivedhapaññāyāti maggapaññāya. Tāya hi sabbaso ñeyyadhammesu sammohassa vidhamitattā pacchā pavattajānanaṃ tassa jānanaṃ viya vuccati.

    อรีนนฺติ กิเลสารีนํ, ปญฺจวิธมารานํ วา สาสนปจฺจตฺถิกานํ วา อญฺญติตฺถิยานํ, เตสํ หนนํ ปาฎิหาริเยหิ อภิภวนํ อปฺปฎิภานตากรณํ อชฺฌุเปกฺขนํ วาฯ เกสิวินยสุตฺตเญฺจตฺถ (อ. นิ. ๔.๑๑๑) นิทสฺสนํฯ ตถา จ ฐานาฎฺฐานาทีนิ วา ชานตา, ยถากมฺมุปเค สเตฺต ปสฺสตา, สวาสนานมาสวานํ ขีณตฺตา อรหตา, อภิเญฺญยฺยาทิเภเท ธเมฺม อภิเญฺญยฺยาทิโต อวิปรีตาวโพเธน สมฺมาสมฺพุเทฺธนฯ อถ วา ตีสุ กาเลสุ อปฺปฎิหตญาณตาย ชานตา, กายกมฺมาทีนํ ญาณานุปริวตฺตเนน นิสมฺมการิตาย ปสฺสตา, รวาทีนมฺปิ (สารตฺถ. ฎี. ปริวาร ๓.๑) อภาวสาธิกาย ปหานสมฺปทาย อรหตา, ฉนฺทาทีนํ อหานิเหตุภูตาย อกฺขยปฎิภานสาธิกาย สพฺพญฺญุตาย สมฺมาสมฺพุเทฺธนฯ เอวํ ทสพลอฎฺฐารสาเวณิกพุทฺธธมฺมวเสนปิ โยชนา เวทิตพฺพาฯ เยติ จตุโร ธเมฺมฯ อตฺตนีติ อเมฺหสุฯ น ราชราชมหามตฺตาทีสุ อุปตฺถมฺภํ สมฺปสฺสมานา, น กายพลํ สมฺปสฺสมานาติ โยชนาฯ

    Arīnanti kilesārīnaṃ, pañcavidhamārānaṃ vā sāsanapaccatthikānaṃ vā aññatitthiyānaṃ, tesaṃ hananaṃ pāṭihāriyehi abhibhavanaṃ appaṭibhānatākaraṇaṃ ajjhupekkhanaṃ vā. Kesivinayasuttañcettha (a. ni. 4.111) nidassanaṃ. Tathā ca ṭhānāṭṭhānādīni vā jānatā, yathākammupage satte passatā, savāsanānamāsavānaṃ khīṇattā arahatā, abhiññeyyādibhede dhamme abhiññeyyādito aviparītāvabodhena sammāsambuddhena. Atha vā tīsu kālesu appaṭihatañāṇatāya jānatā, kāyakammādīnaṃ ñāṇānuparivattanena nisammakāritāya passatā, ravādīnampi (sārattha. ṭī. parivāra 3.1) abhāvasādhikāya pahānasampadāya arahatā, chandādīnaṃ ahānihetubhūtāya akkhayapaṭibhānasādhikāya sabbaññutāya sammāsambuddhena. Evaṃ dasabalaaṭṭhārasāveṇikabuddhadhammavasenapi yojanā veditabbā. Yeti caturo dhamme. Attanīti amhesu. Na rājarājamahāmattādīsu upatthambhaṃ sampassamānā, na kāyabalaṃ sampassamānāti yojanā.

    อุปฺปนฺนปสาโทติ อเวจฺจปฺปสาทํ วทติฯ วกฺขติ หิ ‘‘จตฺตาริ โสตาปนฺนสฺส องฺคานิ กถิตานี’’ติ (ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑๔๐)ฯ กามํ อเสกฺขาปิ อเสกฺขาย สมสิกฺขตาย สหธมฺมิกา เอว, จิณฺณพฺรหฺมจริยตาย ปน สหธมฺมํ จรนฺตีติ น วตฺตพฺพาติ อเสกฺขวาโร น คหิโตฯ สเพฺพเปเตติ เอเต ยถาวุตฺตา ภิกฺขุอาทโย โสตาปนฺนาทโย จ ปุถุชฺชนา อริยา จาติ สเพฺพปิ เอเต ตํตํสิกฺขาหิ สมานธมฺมตฺตา สหธมฺมตฺตา ‘‘สหธมฺมิกา’’ติ วุจฺจนฺติฯ อิทานิ นิพฺพตฺติตอริยธมฺมวเสเนว สหธมฺมิเก ทเสฺสโนฺต ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาหฯ มคฺคทสฺสนมฺหีติ ปริญฺญาภิสมยาทิวเสน สจฺจปฎิเวเธน ‘‘นว มคฺคงฺคานิ, อฎฺฐ โพชฺฌงฺคานี’’ติอาทินา วิวาโท นตฺถิฯ เอกธมฺมจาริตายาติ สมานธมฺมจาริตายฯ น หิ ปฎิวิทฺธสจฺจานํ ‘‘มยา ธโมฺม สุทิโฎฺฐ, ตยา ทุทฺทิโฎฺฐ’’ติอาทินา วิวาโท อตฺถิฯ ทิฎฺฐิสีลสามเญฺญน สงฺฆาตา หิ เต อุตฺตมปุริสาฯ อิมินาติ ‘‘สหธมฺมิกา โข ปนา’’ติอาทิวจเนนฯ ตตฺถ ปิยมนาปคฺคหเณน สีเลสุ ปริปูรการิตาปเทเสน เอกเทเสน คหิตํ สงฺฆสุปฺปฎิปตฺติํ ปริปุณฺณํ กตฺวา ทเสฺสติฯ เย หิ สมฺปนฺนสีลา สุวิสุทฺธทสฺสนา, เต วิญฺญูนํ ปิยา มนาปาติฯ เอตฺตาวตาติ ‘‘อตฺถิ โข โน อาวุโส’’ติอาทินยปฺปวเตฺตน รตนตฺตยปสาทโชตเนน อกฺขาตา เตสุ เตสุ สุตฺตปเทเสสุฯ

    Uppannapasādoti aveccappasādaṃ vadati. Vakkhati hi ‘‘cattāri sotāpannassa aṅgāni kathitānī’’ti (ma. ni. aṭṭha. 1.140). Kāmaṃ asekkhāpi asekkhāya samasikkhatāya sahadhammikā eva, ciṇṇabrahmacariyatāya pana sahadhammaṃ carantīti na vattabbāti asekkhavāro na gahito. Sabbepeteti ete yathāvuttā bhikkhuādayo sotāpannādayo ca puthujjanā ariyā cāti sabbepi ete taṃtaṃsikkhāhi samānadhammattā sahadhammattā ‘‘sahadhammikā’’ti vuccanti. Idāni nibbattitaariyadhammavaseneva sahadhammike dassento ‘‘apicā’’tiādimāha. Maggadassanamhīti pariññābhisamayādivasena saccapaṭivedhena ‘‘nava maggaṅgāni, aṭṭha bojjhaṅgānī’’tiādinā vivādo natthi. Ekadhammacāritāyāti samānadhammacāritāya. Na hi paṭividdhasaccānaṃ ‘‘mayā dhammo sudiṭṭho, tayā duddiṭṭho’’tiādinā vivādo atthi. Diṭṭhisīlasāmaññena saṅghātā hi te uttamapurisā. Imināti ‘‘sahadhammikā kho panā’’tiādivacanena. Tattha piyamanāpaggahaṇena sīlesu paripūrakāritāpadesena ekadesena gahitaṃ saṅghasuppaṭipattiṃ paripuṇṇaṃ katvā dasseti. Ye hi sampannasīlā suvisuddhadassanā, te viññūnaṃ piyā manāpāti. Ettāvatāti ‘‘atthi kho no āvuso’’tiādinayappavattena ratanattayapasādajotanena akkhātā tesu tesu suttapadesesu.

    ๑๔๑. สตฺถริ ปสาโทติ ปสาทคฺคหเณน ‘‘ภควตา’’ติอาทินา วา ปสาทนียา ธมฺมา คหิตาฯ เตน พุทฺธสุพุทฺธตํ ทเสฺสติ, ตถา ‘‘ธเมฺม ปสาโท’’ติ อิมินา ธมฺมสุธมฺมตํ, อิตเรน สงฺฆสุปฺปฎิปนฺนตํฯ เยน จิเตฺตน อญฺญตฺถ อนุปลพฺภมาเนน สาสเนเยว สมโณ อิโต พหิทฺธา นตฺถีติ อยมโตฺถ, สมฺมเทว, ปติฎฺฐาปิโตติ เวทิตพฺพํฯ ตตฺรายํ โยชนา – ยสฺมา สมฺมาสมฺพุโทฺธ อมฺหากํ สตฺถา, ตสฺมา อตฺถิ โข โน, อาวุโส, สตฺถริ ปสาโท, สมฺมาสมฺพุทฺธตฺตา จสฺส สฺวาขาโต ธโมฺมติ อตฺถิ ธเมฺม ปสาโท, ตโต เอว จ อตฺถิ สีเลสุ ปริปูรการิตาติ สหธมฺมิกา…เป.… ปพฺพชิตา จาติ เอวเมตฺถ สตฺถริ ปสาเทน ธเมฺม ปสาโท, เตน สงฺฆสุปฺปฎิปตฺตีติ อยญฺจ นโย เลเสนปิ ปรปฺปวาเทสุ นตฺถีติ อิเธว สมโณ…เป.… สมเณหิ อเญฺญหีติฯ

    141.Satthari pasādoti pasādaggahaṇena ‘‘bhagavatā’’tiādinā vā pasādanīyā dhammā gahitā. Tena buddhasubuddhataṃ dasseti, tathā ‘‘dhammepasādo’’ti iminā dhammasudhammataṃ, itarena saṅghasuppaṭipannataṃ. Yena cittena aññattha anupalabbhamānena sāsaneyeva samaṇo ito bahiddhā natthīti ayamattho, sammadeva, patiṭṭhāpitoti veditabbaṃ. Tatrāyaṃ yojanā – yasmā sammāsambuddho amhākaṃ satthā, tasmā atthi kho no, āvuso, satthari pasādo, sammāsambuddhattā cassa svākhāto dhammoti atthi dhamme pasādo, tato eva ca atthi sīlesu paripūrakāritāti sahadhammikā…pe… pabbajitā cāti evamettha satthari pasādena dhamme pasādo, tena saṅghasuppaṭipattīti ayañca nayo lesenapi parappavādesu natthīti idheva samaṇo…pe… samaṇehi aññehīti.

    ปฎิวิทฺธสจฺจานํ ปหีนานุโรธานํ เคหสฺสิตเปมสฺส อสมฺภโว เอวาติ ‘‘อิทานี’’ติ วุตฺตํฯ ยทิ เอวํ ‘‘อุปชฺฌาเยน, ภิกฺขเว, สทฺธิวิหาริกมฺหิ ปุตฺตเปมํ อุปฎฺฐเปตพฺพํ’’ติอาทิวจนํ (มหาว. ๖๕) กถนฺติ? นยิทํ เคหสฺสิตเปมํ สนฺธาย วุตฺตํ, ตํสทิสตฺตา ปน เปมมุเขน วุโตฺต เมตฺตาเสฺนโหฯ น หิ ภควา ภิกฺขู สํกิเลเส นิโยเชติฯ เอวรูปํ เปมํ สนฺธายาติ ปสาทาวหคุณาวหโต ปูรณาทีสุ ภตฺติ ปสาโท น โหติ, ปสาทปติรูปกา ปน โลภปวตฺตีติ ทฎฺฐพฺพาฯ เถโรติ มหาสงฺฆรกฺขิตเตฺถโรฯ เยน อฎฺฐกถา โปตฺถกํ อาโรปิตาฯ เอโกว สตฺถา อนญฺญสาธารณคุณตฺตา, อญฺญถา อนจฺฉริยตฺตา สตฺถุลกฺขณเมว น ปริปูเรยฺยฯ วิสุํ กตฺวาติ อเญฺญหิ วิเวเจตฺวา อตฺตโน อาเวณิกํ กตฺวาฯ ‘‘อมฺหากํ สตฺถา’’ติ พฺยาวทนฺตานํ อเญฺญสํ สตฺถา น โหตีติ อตฺถโต อาปนฺนเมว โหติ, ตถา จ ปเทสวตฺตินิํ ตสฺส สตฺถุตํ ปฎิชานนฺตา ปริปุณฺณลกฺขณสตฺถุตํ อิจฺฉนฺตานมฺปิ ตโต วิรุทฺธา สตฺถุภาวปริเยสเนน ปราชิตา โหนฺติฯ ปริยตฺติธเมฺมติ อธิกพฺรหฺมคุณสุตฺตเคยฺยาทิปฺปเภทสมเยฯ ตตฺถ อชสีล…เป.… กุกฺกุรสีลาทีสูติ อิทํ เยภุเยฺยน อญฺญติตฺถิยานํ ตาทิสํ วตสมาทานสพฺภาวโต วุตฺตํ, อาทิ-สเทฺทน ยมนิยมจาตุยามสํวราทีนํ สงฺคโหติฯ อธิปฺปยาโสติ อธิกํ ปยสติ ปยุชฺชติ เอเตนาติ อธิปฺปยาโส, สวิเสสํ อธิกตฺตพฺพกิริยา (อ. นิ. ฎี. ๒.๓.๑๑๗)ฯ เตนาห ‘‘อธิกปฺปโยโค’’ติฯ

    Paṭividdhasaccānaṃ pahīnānurodhānaṃ gehassitapemassa asambhavo evāti ‘‘idānī’’ti vuttaṃ. Yadi evaṃ ‘‘upajjhāyena, bhikkhave, saddhivihārikamhi puttapemaṃ upaṭṭhapetabbaṃ’’tiādivacanaṃ (mahāva. 65) kathanti? Nayidaṃ gehassitapemaṃ sandhāya vuttaṃ, taṃsadisattā pana pemamukhena vutto mettāsneho. Na hi bhagavā bhikkhū saṃkilese niyojeti. Evarūpaṃ pemaṃ sandhāyāti pasādāvahaguṇāvahato pūraṇādīsu bhatti pasādo na hoti, pasādapatirūpakā pana lobhapavattīti daṭṭhabbā. Theroti mahāsaṅgharakkhitatthero. Yena aṭṭhakathā potthakaṃ āropitā. Ekova satthā anaññasādhāraṇaguṇattā, aññathā anacchariyattā satthulakkhaṇameva na paripūreyya. Visuṃ katvāti aññehi vivecetvā attano āveṇikaṃ katvā. ‘‘Amhākaṃ satthā’’ti byāvadantānaṃ aññesaṃ satthā na hotīti atthato āpannameva hoti, tathā ca padesavattiniṃ tassa satthutaṃ paṭijānantā paripuṇṇalakkhaṇasatthutaṃ icchantānampi tato viruddhā satthubhāvapariyesanena parājitā honti. Pariyattidhammeti adhikabrahmaguṇasuttageyyādippabhedasamaye. Tattha ajasīla…pe… kukkurasīlādīsūti idaṃ yebhuyyena aññatitthiyānaṃ tādisaṃ vatasamādānasabbhāvato vuttaṃ, ādi-saddena yamaniyamacātuyāmasaṃvarādīnaṃ saṅgahoti. Adhippayāsoti adhikaṃ payasati payujjati etenāti adhippayāso, savisesaṃ adhikattabbakiriyā (a. ni. ṭī. 2.3.117). Tenāha ‘‘adhikappayogo’’ti.

    ตสฺส ปสาทสฺส ปริโยสานภูตาติ ตสฺส สตฺถริ ธเมฺม จ ปสาทสฺส นิฎฺฐานภูตาฯ นิฎฺฐาติ โมโกฺขฯ สมยวาทีนญฺหิ ตสฺมิํ ตสฺมิํ สมเย ตทุปเทสเก จ ปสาโท ยาวเทว โมกฺขาธิคมนโฎฺฐฯ ทิฎฺฐิคติกา ตถา ตถา อตฺตโน ลทฺธิวเสน นิฎฺฐํ ปริกเปฺปนฺติ เยวาติ อาห ‘‘นิฎฺฐํ อปญฺญเปโนฺต นาม นตฺถี’’ติฯ พฺราหฺมณานนฺติ พฺราหฺมณวาทีนํฯ เตสํ เอกเจฺจ พฺรหฺมุนา สโลกตา นิฎฺฐาติ วทนฺติ, เอกเจฺจ ตสฺส สมีปตา, เอกเจฺจ เตน สํโยโค นิฎฺฐาติ วทนฺติฯ ตตฺถ เย สโลกตาวาทิโน สมีปตาวาทิโน จ, เต เทฺวธาวาทิโน, อิตเร อเทฺวธาวาทิโนฯ สเพฺพปิ เต อตฺถโต พฺรหฺมโลกุปปตฺติยํเยว นิฎฺฐาสญฺญิโนฯ ตตฺถ หิ เนสํ นิจฺจาภินิเวโส ยถา ตํ พกสฺส พฺรหฺมุโนฯ เตน วุตฺตํ ‘‘พฺรหฺมโลโก นิฎฺฐา’’ติฯ พฺรหฺมโลโกติ ปฐมชฺฌานภูมิฯ มหาตาปสานนฺติ เวขนสาทิตาปสานํฯ มหาพฺรหฺมา วิย ปฐมชฺฌานภูมิยํ อาภสฺสเรสุ เอโก สพฺพเสโฎฺฐ นตฺถีติ ‘‘อาภสฺสรา’’ติ ปุถุวจนํฯ ปริพฺพาชกานนฺติ สญฺจยาทิปริพฺพาชกานํฯ อโนฺต จ มโน จ เอตสฺส นตฺถีติ อนนฺตมานโสฯ อาชีวกานญฺหิ สพฺพทาภาวโต อนโนฺต, สุขทุกฺขาทิสมติกฺกมนโต อมานโสฯ อิมินา อฎฺฐหิ โลกธเมฺมหิ อุปกฺกิลิฎฺฐจิตฺตตํ ทเสฺสติฯ

    Tassapasādassa pariyosānabhūtāti tassa satthari dhamme ca pasādassa niṭṭhānabhūtā. Niṭṭhāti mokkho. Samayavādīnañhi tasmiṃ tasmiṃ samaye tadupadesake ca pasādo yāvadeva mokkhādhigamanaṭṭho. Diṭṭhigatikā tathā tathā attano laddhivasena niṭṭhaṃ parikappenti yevāti āha ‘‘niṭṭhaṃ apaññapento nāma natthī’’ti. Brāhmaṇānanti brāhmaṇavādīnaṃ. Tesaṃ ekacce brahmunā salokatā niṭṭhāti vadanti, ekacce tassa samīpatā, ekacce tena saṃyogo niṭṭhāti vadanti. Tattha ye salokatāvādino samīpatāvādino ca, te dvedhāvādino, itare advedhāvādino. Sabbepi te atthato brahmalokupapattiyaṃyeva niṭṭhāsaññino. Tattha hi nesaṃ niccābhiniveso yathā taṃ bakassa brahmuno. Tena vuttaṃ ‘‘brahmaloko niṭṭhā’’ti. Brahmalokoti paṭhamajjhānabhūmi. Mahātāpasānanti vekhanasāditāpasānaṃ. Mahābrahmā viya paṭhamajjhānabhūmiyaṃ ābhassaresu eko sabbaseṭṭho natthīti ‘‘ābhassarā’’ti puthuvacanaṃ. Paribbājakānanti sañcayādiparibbājakānaṃ. Anto ca mano ca etassa natthīti anantamānaso. Ājīvakānañhi sabbadābhāvato ananto, sukhadukkhādisamatikkamanato amānaso. Iminā aṭṭhahi lokadhammehi upakkiliṭṭhacittataṃ dasseti.

    ปปเญฺจ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฎฺฐา วุตฺตเมวฯ ตณฺหาทิฎฺฐิโยว อธิเปฺปตา มมงฺการอหงฺการวิคมสฺส อธิเปฺปตตฺตาฯ ยถา ปญฺจสุ ฐาเนสุ เอโกว กิเลโส โลโภ อาคโต, เอวํ ทฺวีสุ ฐาเนสุ ตโย กิเลสา อาคตา ‘‘โทโส โมโห ทิฎฺฐี’’ติฯ ‘‘สโทสสฺสา’’ติ หิ วุตฺตฎฺฐาเน ปฎิฆํ อกุสลมูลํ คหิตํ, ‘‘ปฎิวิรุทฺธสฺสา’’ติ วิโรโธ, ‘‘สโมหสฺสา’’ติ โมโห อกุสลมูลํ, ‘‘อวิทฺทสุโน’’ติ มลฺยํ, อสมฺปชญฺญํ วา, ‘‘สอุปาทานสฺสา’’ติ ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินา นเยน คหณํ, ‘‘ปปญฺจารามสฺสา’’ติ ปปญฺจุปฺปตฺติวเสนฯ

    Papañce yaṃ vattabbaṃ, taṃ heṭṭhā vuttameva. Taṇhādiṭṭhiyova adhippetā mamaṅkāraahaṅkāravigamassa adhippetattā. Yathā pañcasu ṭhānesu ekova kileso lobho āgato, evaṃ dvīsu ṭhānesu tayo kilesā āgatā ‘‘doso moho diṭṭhī’’ti. ‘‘Sadosassā’’ti hi vuttaṭṭhāne paṭighaṃ akusalamūlaṃ gahitaṃ, ‘‘paṭiviruddhassā’’ti virodho, ‘‘samohassā’’ti moho akusalamūlaṃ, ‘‘aviddasuno’’ti malyaṃ, asampajaññaṃ vā, ‘‘saupādānassā’’ti ‘‘natthi dinna’’ntiādinā nayena gahaṇaṃ, ‘‘papañcārāmassā’’ti papañcuppattivasena.

    อาการโตติ ปวตฺติอาการโตฯ ปทนฺตเรน ราควิเสสสฺส วุจฺจมานตฺตาอาทิโต วุตฺตํ สราควจนํ โอฬาริกํ ราควิสยนฺติ อาห ‘‘ปญฺจกามคุณิกราควเสนา’’ติฯ คหณวเสนาติ ทฬฺหคฺคหณวเสนฯ ‘‘อนุรุทฺธปฎิวิรุทฺธสฺสา’’ติ เอกปทวเสน ปาฬิยํ อาคตตฺตา เอกชฺฌํ ปทุทฺธาโร กโตฯ ตตฺถ ปน ‘‘อนุรุทฺธสฺสา’’ติ สุภวเสนาติ เอวมโตฺถ วตฺตโพฺพฯ น หิ ปฎิวิรุชฺฌนํ สุภวเสน โหติฯ ปปญฺจุปฺปตฺติทสฺสนวเสนาติ กิเลสกมฺมวิปากานํ อปราปรุปฺปตฺติปจฺจยตาย สํสารสฺส ปปญฺจนํ ปปโญฺจ, ตสฺส อุปฺปตฺติเหตุภาวทสฺสนวเสนฯ ตณฺหา หิ ภวุปฺปตฺติยา วิเสสปจฺจโยฯ ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานทสฺสนวเสนาติ ตณฺหาปจฺจยสฺส อุปาทานสฺส ทสฺสนวเสน, ยทวตฺถา ตณฺหา อุปาทานสฺส ปจฺจโย, ตทวตฺถาทสฺสนวเสนฯ ผเลน หิ เหตุวิเสสกิตฺตนเมตนฺติฯ เอวํ วิทฺธํเสถาติ กามราคภวตณฺหาทิวเสน โลภํ กสฺมา เอวํ วิปฺปกิเรถฯ ตณฺหากรณวเสนาติ ตณฺหายนกรณวเสน สุภาการคฺคหณวเสนฯ สุภนฺติ หิ อารมฺมเณ ปวโตฺต ราโค ‘‘สุภ’’นฺติ วุโตฺตฯ

    Ākāratoti pavattiākārato. Padantarena rāgavisesassa vuccamānattāādito vuttaṃ sarāgavacanaṃ oḷārikaṃ rāgavisayanti āha ‘‘pañcakāmaguṇikarāgavasenā’’ti. Gahaṇavasenāti daḷhaggahaṇavasena. ‘‘Anuruddhapaṭiviruddhassā’’ti ekapadavasena pāḷiyaṃ āgatattā ekajjhaṃ paduddhāro kato. Tattha pana ‘‘anuruddhassā’’ti subhavasenāti evamattho vattabbo. Na hi paṭivirujjhanaṃ subhavasena hoti. Papañcuppattidassanavasenāti kilesakammavipākānaṃ aparāparuppattipaccayatāya saṃsārassa papañcanaṃ papañco, tassa uppattihetubhāvadassanavasena. Taṇhā hi bhavuppattiyā visesapaccayo. Taṇhāpaccayā upādānadassanavasenāti taṇhāpaccayassa upādānassa dassanavasena, yadavatthā taṇhā upādānassa paccayo, tadavatthādassanavasena. Phalena hi hetuvisesakittanametanti. Evaṃ viddhaṃsethāti kāmarāgabhavataṇhādivasena lobhaṃ kasmā evaṃ vippakiretha. Taṇhākaraṇavasenāti taṇhāyanakaraṇavasena subhākāraggahaṇavasena. Subhanti hi ārammaṇe pavatto rāgo ‘‘subha’’nti vutto.

    ๑๔๒. วทนฺติ เอเตนาติ วาโท, ทิฎฺฐิวาโทฯ ทิฎฺฐิวเสน หิ ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ, อสสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติ จ ทิฎฺฐิคติกา ปญฺญเปนฺติฯ เตนาห ‘‘เทฺวมา, ภิกฺขเว, ทิฎฺฐิโย’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๔๒)ฯ ตณฺหารหิตาย ทิฎฺฐิยา อภาวโต ตณฺหาวเสเนว จ อตฺตโน สสฺสตภาวาภินิเวโสติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ตณฺหาทิฎฺฐิวเสนา’’ติฯ อลฺลีนาติ นิสฺสิตาฯ อุปคตาติ อวิสฺสชฺชนวเสน เอกิภาวมิว คตาฯ อโชฺฌสิตาติ ตาย ทิฎฺฐิยา คิลิตฺวา ปรินิฎฺฐาปิตา วิย ตทโนฺตคธาฯ เตนาห ‘‘อนุปวิฎฺฐา’’ติฯ ยถา คหฎฺฐานํ กามโชฺฌสานํ วิวาทมูลํ, เอวํ ปพฺพชิตานํ ทิฎฺฐโชฺฌสานนฺติ อาห ‘‘วิภวทิฎฺฐิยา เต ปฎิวิรุทฺธา’’ติฯ ทิฎฺฐิวิโรเธน หิ ทิฎฺฐิคติกวิโรโธฯ

    142. Vadanti etenāti vādo, diṭṭhivādo. Diṭṭhivasena hi ‘‘sassato attā ca loko ca, asassato attā ca loko cā’’ti ca diṭṭhigatikā paññapenti. Tenāha ‘‘dvemā, bhikkhave, diṭṭhiyo’’ti (ma. ni. 1.142). Taṇhārahitāya diṭṭhiyā abhāvato taṇhāvaseneva ca attano sassatabhāvābhinivesoti katvā vuttaṃ ‘‘taṇhādiṭṭhivasenā’’ti. Allīnāti nissitā. Upagatāti avissajjanavasena ekibhāvamiva gatā. Ajjhositāti tāya diṭṭhiyā gilitvā pariniṭṭhāpitā viya tadantogadhā. Tenāha ‘‘anupaviṭṭhā’’ti. Yathā gahaṭṭhānaṃ kāmajjhosānaṃ vivādamūlaṃ, evaṃ pabbajitānaṃ diṭṭhajjhosānanti āha ‘‘vibhavadiṭṭhiyā te paṭiviruddhā’’ti. Diṭṭhivirodhena hi diṭṭhigatikavirodho.

    ขณิกสมุทโย อุปฺปาทกฺขโณติ อาห ‘‘ทิฎฺฐีนํ นิพฺพตฺตี’’ติฯ ทิฎฺฐินิพฺพตฺติคฺคหเณเนว เจตฺถ ยถา ทิฎฺฐีนํ ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนตา วิภาวิตา, เอวํ ทิฎฺฐิวตฺถุโนปีติ อุภเยสมฺปิ อนิจฺจตา ทุกฺขตา อนตฺตตา จ วิภาวิตาติ ทฎฺฐพฺพํฯ ยานิ ปฎิสมฺภิทานเยน (ปฎิ. ม. ๑.๑๒๒) ‘‘ปจฺจยสมุทโย อฎฺฐ ฐานานี’’ติ วุตฺตานิ, ตานิ ทเสฺสโนฺต ‘‘ขนฺธาปี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ขนฺธาปิ ทิฎฺฐิฎฺฐานํ อารมฺมณเฎฺฐน ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติอาทิวจนโต (สํ. นิ. ๓.๘๑; ๔.๓๔๕)ฯ อวิชฺชาปิ ทิฎฺฐิฎฺฐานํ อุปนิสฺสยาทิวเสน ปจฺจยภาวโตฯ ยถาห – ‘‘อสฺสุตวา, ภิกฺขเว, ปุถุชฺชโน อริยานํ อทสฺสาวี อริยธมฺมสฺส อโกวิโท’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๒, ๔๖๑; สํ. นิ. ๓.๑, ๗)ฯ ผโสฺสปิ ทิฎฺฐิฎฺฐานํฯ ยถา จาห ‘‘ตทปิ ผสฺสปจฺจยา (ที. นิ. ๑.๑๑๘-๑๓๐), ผุสฺส ผุสฺส ปฎิสํเวทิยนฺตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๔๔) จ ฯ สญฺญาปิ ทิฎฺฐิฎฺฐานํฯ วุตฺตเญฺหตํ ‘‘สญฺญานิทานา หิ ปปญฺจสงฺขาติ (สุ. นิ. ๘๘๐), ปถวิํ ปถวิโต สญฺญตฺวา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒) จ อาทิฯ วิตโกฺกปิ ทิฎฺฐิฎฺฐานํฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘ตกฺกญฺจ ทิฎฺฐีสุ ปกปฺปยิตฺวา, สจฺจํ มุสาติ ทฺวยธมฺมมาหู’’ติ (สุ. นิ. ๘๙๒; มหานิ. ๑๒๑) ‘‘ตกฺกี โหติ วีมํสี’’ติ (ที. นิ. ๑.๓๔) จ อาทิฯ อโยนิโสมนสิกาโรปิ ทิฎฺฐิฎฺฐานํฯ ยถาห ภควา ‘‘ตเสฺสว อโยนิโส มนสิกโรโต ฉนฺนํ ทิฎฺฐีนํ อญฺญตรา ทิฎฺฐิ อุปฺปชฺชติ, อตฺถิ เม อตฺตาติ อสฺส สจฺจโต เถตโต ทิฎฺฐิ อุปฺปชฺชตี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๑๙)ฯ สมุฎฺฐาติ เอเตนาติ สมุฎฺฐานํ, ตสฺส ภาโว สมุฎฺฐานโฎฺฐ, เตนฯ ขณิกตฺถงฺคโม ขณิกนิโรโธฯ ปจฺจยตฺถงฺคโม อวิชฺชาทีนํ อจฺจนฺตนิโรโธฯ โส ปน เยน โหติ, ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘โสตาปตฺติมโคฺค’’ติ อาหฯ จตฺตาโร หิ อริยมคฺคา ยถารหํ ตสฺส ตสฺส สงฺขารคตสฺส อจฺจนฺตนิโรธเหตุ, ขณิกนิโรโธ ปน อเหตุโกฯ

    Khaṇikasamudayo uppādakkhaṇoti āha ‘‘diṭṭhīnaṃ nibbattī’’ti. Diṭṭhinibbattiggahaṇeneva cettha yathā diṭṭhīnaṃ paṭiccasamuppannatā vibhāvitā, evaṃ diṭṭhivatthunopīti ubhayesampi aniccatā dukkhatā anattatā ca vibhāvitāti daṭṭhabbaṃ. Yāni paṭisambhidānayena (paṭi. ma. 1.122) ‘‘paccayasamudayo aṭṭha ṭhānānī’’ti vuttāni, tāni dassento ‘‘khandhāpī’’tiādimāha. Tattha khandhāpi diṭṭhiṭṭhānaṃ ārammaṇaṭṭhena ‘‘rūpaṃ attato samanupassatī’’tiādivacanato (saṃ. ni. 3.81; 4.345). Avijjāpi diṭṭhiṭṭhānaṃ upanissayādivasena paccayabhāvato. Yathāha – ‘‘assutavā, bhikkhave, puthujjano ariyānaṃ adassāvī ariyadhammassa akovido’’tiādi (ma. ni. 1.2, 461; saṃ. ni. 3.1, 7). Phassopi diṭṭhiṭṭhānaṃ. Yathā cāha ‘‘tadapi phassapaccayā (dī. ni. 1.118-130), phussa phussa paṭisaṃvediyantī’’ti (dī. ni. 1.144) ca . Saññāpi diṭṭhiṭṭhānaṃ. Vuttañhetaṃ ‘‘saññānidānā hi papañcasaṅkhāti (su. ni. 880), pathaviṃ pathavito saññatvā’’ti (ma. ni. 1.2) ca ādi. Vitakkopi diṭṭhiṭṭhānaṃ. Vuttampi cetaṃ ‘‘takkañca diṭṭhīsu pakappayitvā, saccaṃ musāti dvayadhammamāhū’’ti (su. ni. 892; mahāni. 121) ‘‘takkī hoti vīmaṃsī’’ti (dī. ni. 1.34) ca ādi. Ayonisomanasikāropi diṭṭhiṭṭhānaṃ. Yathāha bhagavā ‘‘tasseva ayoniso manasikaroto channaṃ diṭṭhīnaṃ aññatarā diṭṭhi uppajjati, atthi me attāti assa saccato thetato diṭṭhi uppajjatī’’tiādi (ma. ni. 1.19). Samuṭṭhāti etenāti samuṭṭhānaṃ, tassa bhāvo samuṭṭhānaṭṭho, tena. Khaṇikatthaṅgamo khaṇikanirodho. Paccayatthaṅgamo avijjādīnaṃ accantanirodho. So pana yena hoti, taṃ dassento ‘‘sotāpattimaggo’’ti āha. Cattāro hi ariyamaggā yathārahaṃ tassa tassa saṅkhāragatassa accantanirodhahetu, khaṇikanirodho pana ahetuko.

    อานิสํสนฺติ อุทยํฯ โส ปน ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิกวเสน ทุวิโธฯ ตตฺถ สมฺปรายิโก ทุคฺคติปริกิเลสตายอาทีนวปกฺขิโก เอวาติ อิตรํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยํ สนฺธายา’’ติอาทิมาหฯ อาทีนวมฺปิ ทิฎฺฐธมฺมิกเมว ทเสฺสโนฺต ‘‘ทิฎฺฐิคฺคหณมูลกํ อุปทฺทว’’นฺติอาทิมาหฯ โสติอาทีนโวฯ อาทีนนฺติ อาทิ-สเทฺทน นคฺคิยานสนสงฺกฎิวตาทีนํ สงฺคโหฯ นิสฺสรติ เอเตนาติ นิสฺสรณนฺติ วุจฺจมาเน ทสฺสนมโคฺค เอว ทิฎฺฐีนํ นิสฺสรณํ สิยา, ตสฺส ปน อตฺถงฺคมปริยาเยน คหิตตฺตา สพฺพสงฺขตนิสฺสฎํ นิพฺพานํ ทิฎฺฐีหิปิ นิสฺสฎนฺติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ทิฎฺฐีนํ นิสฺสรณํ นาม นิพฺพาน’’นฺติฯ อิมินาติอาทีสุ วตฺตพฺพํ อนุโยควเตฺต วุตฺตนยเมวฯ

    Ānisaṃsanti udayaṃ. So pana diṭṭhadhammikasamparāyikavasena duvidho. Tattha samparāyiko duggatiparikilesatāyaādīnavapakkhiko evāti itaraṃ dassento ‘‘yaṃ sandhāyā’’tiādimāha. Ādīnavampi diṭṭhadhammikameva dassento ‘‘diṭṭhiggahaṇamūlakaṃ upaddava’’ntiādimāha. Sotiādīnavo. Ādīnanti ādi-saddena naggiyānasanasaṅkaṭivatādīnaṃ saṅgaho. Nissarati etenāti nissaraṇanti vuccamāne dassanamaggo eva diṭṭhīnaṃ nissaraṇaṃ siyā, tassa pana atthaṅgamapariyāyena gahitattā sabbasaṅkhatanissaṭaṃ nibbānaṃ diṭṭhīhipi nissaṭanti katvā vuttaṃ ‘‘diṭṭhīnaṃ nissaraṇaṃ nāma nibbāna’’nti. Iminātiādīsu vattabbaṃ anuyogavatte vuttanayameva.

    ๑๔๓. ทิฎฺฐิเจฺฉทนํ ทเสฺสโนฺตติ สพฺพุปาทานปริญฺญาทสฺสเนน สพฺพโส ทิฎฺฐีนํ สมุเจฺฉทวิธิํ ทเสฺสโนฺตฯ วุตฺตาเยวาติ –

    143.Diṭṭhicchedanaṃ dassentoti sabbupādānapariññādassanena sabbaso diṭṭhīnaṃ samucchedavidhiṃ dassento. Vuttāyevāti –

    ‘‘อุปาทานานิ จตฺตาริ, ตานิ อตฺถวิภาคโต;

    ‘‘Upādānāni cattāri, tāni atthavibhāgato;

    ธมฺมสเงฺขปวิตฺถารา, กมโต จ วิภาวเย’’ติฯ (วิสุทฺธิ. ๒.๖๔๕) –

    Dhammasaṅkhepavitthārā, kamato ca vibhāvaye’’ti. (visuddhi. 2.645) –

    คาถํ อุทฺทิสิตฺวา อตฺถวิภาคาทิวเสน วุตฺตาเยวฯ กามํ อิโต พาหิรกานํ ‘‘อิมานิ อุปาทานานิ เอตฺตกานิ จตฺตาริ, น อิโต ภิโยฺย’’ติ อีทิสํ ญาณํ นตฺถิ, เกวลํ ปน เกจิ ‘‘กามา ปหาตพฺพา’’ติ วทนฺติ, เกจิ ‘‘นตฺถิ ปโร โลโกติ จ, มิจฺฉา’’ติ วทนฺติ, อปเร ‘‘สีลพฺพเตน สุทฺธีติ จ, มิจฺฉา’’ติ วทนฺติ, อตฺตทิฎฺฐิยา ปน มิจฺฉาภาวํ สพฺพโส น ชานนฺติ เอวฯ ยตฺตกํ ปน ชานนฺติ, ตสฺสปิ อจฺจนฺตปฺปหานํ น ชานนฺติ, ตถาปิ สพฺพสฺส ปริเญฺญยฺยสฺส ปริเญฺญยฺยํ ปญฺญเปมอิเจฺจว ติฎฺฐนฺติฯ เอวํภูตานํ ปน เนสํ ตตฺถ ยาทิสี ปฎิปตฺติ, ตํ ทเสฺสโนฺต สตฺถา ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ สนฺตีติ สํวิชฺชนฺติฯ เตน เตสํ ทิฎฺฐิคติกานํ วิชฺชมานตาย อวิเจฺฉทตํ ทเสฺสติฯ เอเกติ เอกเจฺจฯ สมณพฺราหฺมณาติ ปพฺพชฺชุปคมเนน สมณา, ชาติมเตฺตน จ พฺราหฺมณาฯ สเพฺพสนฺติ อนวเสสานํ อุปาทานานํ สมติกฺกมํ ปหานํฯ สมฺมา น ปญฺญเปนฺตีติ เยสํ ปญฺญเปนฺติ, เตสมฺปิ สมฺมา ปริญฺญํ น ปญฺญเปนฺติฯ อิทานิ ตํ อตฺถํ วิตฺถารโต ทเสฺสตุํ ‘‘เกจี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ โหติก-กุฎีจก-พหูทก-หํส-ปรมหํส-กาชก-ติทณฺฑ-โมนวต-เสว-ปารุปก-ปญฺจมรตฺติก- โสมการก-มุคพฺพต-จรพาก-ตาปส-นิคนฺถา-ชีวก-อิสิ-ปารายนิก-ปญฺจาตปิก-กาปิล- กาณาท-สํสารโมจก-อคฺคิภตฺติก-มควติก-โควติก-กุกฺกุรวติก-กามณฺฑลุก- วคฺคุลิวติก-เอกสาฎก-โอทกสุทฺธิก-สรีรสนฺตาปก-สีลสุทฺธิก-ฌานสุทฺธิก-จตุพฺพิธ- สสฺสตวาทาทโย ฉนฺนวุติ ตณฺหาปาเสน ฑํสนโต, อริยธมฺมสฺส วา วิพาธนโต ปาสณฺฑาฯ วตฺถุปฎิเสวนํ กามนฺติ พฺยาปารสฺส วตฺถุโน ปฎิเสวนสงฺขาตํ กามํฯ เถเยฺยน เสวนฺตีติ ปฎิหตฺถอาทิสมญฺญาย โลกสฺส วจนวเสน เสวนฺติฯ ตีณิ การณานีติ ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตานิ ทิฎฺฐิวิเสสภูตานิ วฎฺฎการณานิฯ

    Gāthaṃ uddisitvā atthavibhāgādivasena vuttāyeva. Kāmaṃ ito bāhirakānaṃ ‘‘imāni upādānāni ettakāni cattāri, na ito bhiyyo’’ti īdisaṃ ñāṇaṃ natthi, kevalaṃ pana keci ‘‘kāmā pahātabbā’’ti vadanti, keci ‘‘natthi paro lokoti ca, micchā’’ti vadanti, apare ‘‘sīlabbatena suddhīti ca, micchā’’ti vadanti, attadiṭṭhiyā pana micchābhāvaṃ sabbaso na jānanti eva. Yattakaṃ pana jānanti, tassapi accantappahānaṃ na jānanti, tathāpi sabbassa pariññeyyassa pariññeyyaṃ paññapemaicceva tiṭṭhanti. Evaṃbhūtānaṃ pana nesaṃ tattha yādisī paṭipatti, taṃ dassento satthā ‘‘santi, bhikkhave’’tiādimāha. Tattha santīti saṃvijjanti. Tena tesaṃ diṭṭhigatikānaṃ vijjamānatāya avicchedataṃ dasseti. Eketi ekacce. Samaṇabrāhmaṇāti pabbajjupagamanena samaṇā, jātimattena ca brāhmaṇā. Sabbesanti anavasesānaṃ upādānānaṃ samatikkamaṃ pahānaṃ. Sammā na paññapentīti yesaṃ paññapenti, tesampi sammā pariññaṃ na paññapenti. Idāni taṃ atthaṃ vitthārato dassetuṃ ‘‘kecī’’tiādi vuttaṃ. Tattha hotika-kuṭīcaka-bahūdaka-haṃsa-paramahaṃsa-kājaka-tidaṇḍa-monavata-seva-pārupaka-pañcamarattika- somakāraka-mugabbata-carabāka-tāpasa-niganthā-jīvaka-isi-pārāyanika-pañcātapika-kāpila- kāṇāda-saṃsāramocaka-aggibhattika-magavatika-govatika-kukkuravatika-kāmaṇḍaluka- vaggulivatika-ekasāṭaka-odakasuddhika-sarīrasantāpaka-sīlasuddhika-jhānasuddhika-catubbidha- sassatavādādayo channavuti taṇhāpāsena ḍaṃsanato, ariyadhammassa vā vibādhanato pāsaṇḍā. Vatthupaṭisevanaṃ kāmanti byāpārassa vatthuno paṭisevanasaṅkhātaṃ kāmaṃ. Theyyena sevantīti paṭihatthaādisamaññāya lokassa vacanavasena sevanti. Tīṇi kāraṇānīti ‘‘natthi dinna’’ntiādinayappavattāni diṭṭhivisesabhūtāni vaṭṭakāraṇāni.

    อตฺถสลฺลาปิกาติ อตฺถสฺส สลฺลาปิกา, ทฺวินฺนํ อธิเปฺปตตฺถสลฺลาปวิภาวินีติ อธิปฺปาโยฯ ทฺวินฺนญฺหิ วจนํ สลฺลาโปฯ เตนาห ‘‘ปถวี กิรา’’ติอาทิฯ

    Atthasallāpikāti atthassa sallāpikā, dvinnaṃ adhippetatthasallāpavibhāvinīti adhippāyo. Dvinnañhi vacanaṃ sallāpo. Tenāha ‘‘pathavī kirā’’tiādi.

    โย ติตฺถิยานํ อตฺตโน สตฺถริ ธเมฺม สหธมฺมิเกสุ จ ปสาโท วุโตฺต, ตสฺส อนายตนคตตฺตา อปฺปสาทกภาวทสฺสนํ ปสาทปเจฺฉโทฯ ตถาปวโตฺต วาโท ปสาทปเจฺฉทวาโท วุโตฺตฯ เอวรูเปติ อีทิเส วุตฺตนเยน กิเลสานํ อนุปสมสํวตฺตนิเกฯ ธเมฺมติ ธมฺมปติรูปเกฯ วินเยติ วินยปติรูปเกฯ ติตฺถิยา หิ โกหเญฺญ ฐตฺวา โลกํ วเญฺจนฺตา ธมฺมํ กเถมาติ ‘‘สตฺติเม กายา อกฎา อกฎวิธา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๑๗๔) ยํ กิญฺจิ กเถตฺวา ตถา ‘‘วินยํ ปญฺญเปมา’’ติ โคสีลวคฺคุลิวตาทีนิ ปญฺญเปตฺวา ตาทิสํ สาวเก สิกฺขาเปตฺวา ‘‘ธมฺมวินโย’’ติ กเถนฺติ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ ‘‘ธมฺมวินเย’’ติฯ เตนาห ‘‘อุภเยนปิ อนิยฺยานิกํ สาสนํ ทเสฺสตี’’ติฯ ปริตฺตมฺปิ นาม ปุญฺญํ กาตุกามํ มเจฺฉรมลาภิภูตตาย นิวาเรนฺตสฺส อนฺตรายํ ตสฺส กโรโต ทิเฎฺฐว ธเมฺม วิญฺญูหิ ครหิตพฺพตา สมฺปราเย จ ทุคฺคติ ปาฎิกงฺขา, กิมงฺคํ ปน สกลวฎฺฎทุกฺขนิสฺสรณาวเห ชินจเกฺก ปหารทายิโน ติตฺถกรสฺส ตโทวาทกรสฺส จาติ อิมมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อนิยฺยานิกสาสนมฺหิ หี’’ติอาทิมาหฯ ยถา โส ปสาโท สมฺปราเย น สมฺมคฺคโต อตฺตโน ปวตฺติวเสนาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘กญฺจิ กาลํ คนฺตฺวาปิ ปจฺฉา วินสฺสติ เยวา’’ติ อาห, อเวจฺจปฺปสาโท วิย อจฺจนฺติโก น โหตีติ อโตฺถฯ

    Yo titthiyānaṃ attano satthari dhamme sahadhammikesu ca pasādo vutto, tassa anāyatanagatattā appasādakabhāvadassanaṃ pasādapacchedo. Tathāpavatto vādo pasādapacchedavādo vutto. Evarūpeti īdise vuttanayena kilesānaṃ anupasamasaṃvattanike. Dhammeti dhammapatirūpake. Vinayeti vinayapatirūpake. Titthiyā hi kohaññe ṭhatvā lokaṃ vañcentā dhammaṃ kathemāti ‘‘sattime kāyā akaṭā akaṭavidhā’’tiādinā (dī. ni. 1.174) yaṃ kiñci kathetvā tathā ‘‘vinayaṃ paññapemā’’ti gosīlavaggulivatādīni paññapetvā tādisaṃ sāvake sikkhāpetvā ‘‘dhammavinayo’’ti kathenti, taṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ ‘‘dhammavinaye’’ti. Tenāha ‘‘ubhayenapi aniyyānikaṃ sāsanaṃ dassetī’’ti. Parittampi nāma puññaṃ kātukāmaṃ maccheramalābhibhūtatāya nivārentassa antarāyaṃ tassa karoto diṭṭheva dhamme viññūhi garahitabbatā samparāye ca duggati pāṭikaṅkhā, kimaṅgaṃ pana sakalavaṭṭadukkhanissaraṇāvahe jinacakke pahāradāyino titthakarassa tadovādakarassa cāti imamatthaṃ dassento ‘‘aniyyānikasāsanamhi hī’’tiādimāha. Yathā so pasādo samparāye na sammaggato attano pavattivasenāti dassento ‘‘kañci kālaṃ gantvāpi pacchā vinassati yevā’’ti āha, aveccappasādo viya accantiko na hotīti attho.

    สมฺปชฺชมานา ยถาวิธิปฎิปตฺติยา ติรจฺฉานโยนิํ อาวหติฯ กมฺมสริกฺขเกน หิ วิปาเกเนว ภวิตพฺพํฯ สพฺพมฺปิ การณเภทนฺติ สพฺพมฺปิ ยถาวุตฺตํ ติตฺถกรานํ สาวกานํ อปายทุกฺขาวหํ มิจฺฉาปฎิปตฺติสงฺขาตํ การณวิเสสํฯ โส ปเนส ปสาโท น นิยฺยาติ มิจฺฉตฺตปกฺขิกตฺตา สุราปีตสิงฺคาเล ปสาโท วิยฯ สุรํ ปริสฺสาเวตฺวา ฉฑฺฑิตกสฎํ สุราชลฺลิกํฯ พฺราหฺมณา นาม ธนลุทฺธาติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘อิมํ วเญฺจสฺสามี’’ติฯ กํสสตาติ กหาปณสตาฯ

    Sampajjamānā yathāvidhipaṭipattiyā tiracchānayoniṃ āvahati. Kammasarikkhakena hi vipākeneva bhavitabbaṃ. Sabbampi kāraṇabhedanti sabbampi yathāvuttaṃ titthakarānaṃ sāvakānaṃ apāyadukkhāvahaṃ micchāpaṭipattisaṅkhātaṃ kāraṇavisesaṃ. So panesa pasādo na niyyāti micchattapakkhikattā surāpītasiṅgāle pasādo viya. Suraṃ parissāvetvā chaḍḍitakasaṭaṃ surājallikaṃ. Brāhmaṇā nāma dhanaluddhāti adhippāyenāha ‘‘imaṃ vañcessāmī’’ti. Kaṃsasatāti kahāpaṇasatā.

    ๑๔๔. ตสฺสาติ ปสาทสฺสฯ สโพฺพปิ โลโภ กามุปาทานเนฺตว วุจฺจตีติ อาห ‘‘อรหตฺตมเคฺคน กามุปาทานสฺส ปหานปริญฺญ’’นฺติฯ เอวรูเปติ อีทิเส สพฺพโส กิเลสานํ อุปสมสํวตฺตนิเกฯ ยถานุสิฎฺฐํ ปฎิปชฺชมานานํ อปาเยสุ อปตนวเสน ธารณเฎฺฐน ธเมฺมฯ สพฺพโส วินยนเฎฺฐน วินเยฯ ตตฺถ ภวทุกฺขนิสฺสรณาย สํวตฺตเนฯ

    144.Tassāti pasādassa. Sabbopi lobho kāmupādānanteva vuccatīti āha ‘‘arahattamaggena kāmupādānassa pahānapariñña’’nti. Evarūpeti īdise sabbaso kilesānaṃ upasamasaṃvattanike. Yathānusiṭṭhaṃ paṭipajjamānānaṃ apāyesu apatanavasena dhāraṇaṭṭhena dhamme. Sabbaso vinayanaṭṭhena vinaye. Tattha bhavadukkhanissaraṇāya saṃvattane.

    นมสฺสมาโน อฎฺฐาสิ เทฺว อสเงฺขฺยยฺยานิ ปเจฺจกโพธิปารมีนํ ปูรเณน ตตฺถ พุทฺธสาสเน ปริจเยน จ ภควติ ปสนฺนจิตฺตตาย จฯ ‘‘อุลูกา’’ตฺยาทิคาถา รุกฺขเทวตาย ภาสิตาฯ กาลุฎฺฐิตนฺติ สายนฺหกาเล ทิวาวิหารโต อุฎฺฐิตํฯ ทุคฺคเตโส น คจฺฉตีติ ทุคฺคติํ เอโส น คมิสฺสติฯ โมรชิโก มุรชวาทโกฯ มหาเภริวาทกวตฺถุอาทีนิปิ สิตปาตุกรณํ อาทิํ กตฺวา วิตฺถาเรตพฺพานิฯ

    Namassamāno aṭṭhāsi dve asaṅkhyeyyāni paccekabodhipāramīnaṃ pūraṇena tattha buddhasāsane paricayena ca bhagavati pasannacittatāya ca. ‘‘Ulūkā’’tyādigāthā rukkhadevatāya bhāsitā. Kāluṭṭhitanti sāyanhakāle divāvihārato uṭṭhitaṃ. Duggateso na gacchatīti duggatiṃ eso na gamissati. Morajiko murajavādako. Mahābherivādakavatthuādīnipi sitapātukaraṇaṃ ādiṃ katvā vitthāretabbāni.

    ปรมเตฺถติ โลกุตฺตรธเมฺมฯ กิํ ปน วตฺตพฺพนฺติ ธเมฺมปิ ปรมเตฺถ นิมิตฺตํ คเหตฺวา สุณนฺตานํฯ สามเณรวตฺถูติ ปพฺพชิตทิวเสเยว สเปฺปน ทโฎฺฐ หุตฺวา กาลํ กตฺวา เทวโลกํ อุปปนฺนสามเณรวตฺถุฯ

    Paramattheti lokuttaradhamme. Kiṃ pana vattabbanti dhammepi paramatthe nimittaṃ gahetvā suṇantānaṃ. Sāmaṇeravatthūti pabbajitadivaseyeva sappena daṭṭho hutvā kālaṃ katvā devalokaṃ upapannasāmaṇeravatthu.

    ขีโรทนนฺติ ขีเรน สทฺธิํ สมฺมิสฺสํ โอทนํฯ ติมฺพรุสกนฺติ ตินฺทุกผลํฯ ติปุสสทิสา เอกา วลฺลิชาติ ติมฺพรุสํ, ตสฺส ผลํ ติมฺพรุสกนฺติ จ วทนฺติฯ กกฺการิกนฺติ ขุทฺทกเอลาฬุกํฯ มหาติปุสนฺติ จ วทนฺติฯ วลฺลิปกฺกนฺติ ขุทฺทกติปุสวลฺลิยา ผลํฯ หตฺถปตาปกนฺติ มนฺทามุขิฯ อมฺพกญฺชิกนฺติ อมฺพิลกญฺชิกํฯ ขฬยาคุนฺติปิ วทนฺติฯ โทณินิมฺมชฺชนินฺติ สเตลํ ติลปิญฺญากํฯ วิธุปนนฺติ จตุรสฺสพีชนิํ ฯ ตาลวณฺฎนฺติ ตาลปเตฺตหิ กตมณฺฑลพีชนิํฯ โมรหตฺถนฺติ โมรปิเญฺฉหิ กตํ มกสพีชนิํฯ

    Khīrodananti khīrena saddhiṃ sammissaṃ odanaṃ. Timbarusakanti tindukaphalaṃ. Tipusasadisā ekā vallijāti timbarusaṃ, tassa phalaṃ timbarusakanti ca vadanti. Kakkārikanti khuddakaelāḷukaṃ. Mahātipusanti ca vadanti. Vallipakkanti khuddakatipusavalliyā phalaṃ. Hatthapatāpakanti mandāmukhi. Ambakañjikanti ambilakañjikaṃ. Khaḷayāguntipi vadanti. Doṇinimmajjaninti satelaṃ tilapiññākaṃ. Vidhupananti caturassabījaniṃ . Tālavaṇṭanti tālapattehi katamaṇḍalabījaniṃ. Morahatthanti morapiñchehi kataṃ makasabījaniṃ.

    วุตฺตนยานุสาเรเนวาติ ยสฺมา อิธาปิ ยถาวุตฺตํ สพฺพมฺปิ การณเภทํ เอกโต กตฺวา ทเสฺสโนฺต สตฺถา ‘‘ตํ กิสฺส เหตู’’นฺติอาทิมาห, ตสฺมา ตตฺถ อนิยฺยานิกสาสเน วุตฺตนยสฺส อนุสฺสรณวเสน โยเชตฺวา เวทิตพฺพํฯ

    Vuttanayānusārenevāti yasmā idhāpi yathāvuttaṃ sabbampi kāraṇabhedaṃ ekato katvā dassento satthā ‘‘taṃ kissa hetū’’ntiādimāha, tasmā tattha aniyyānikasāsane vuttanayassa anussaraṇavasena yojetvā veditabbaṃ.

    ๑๔๕. ปริญฺญนฺติ ปหานปริญฺญํฯ เตสํ ปจฺจยํ ทเสฺสตุนฺติ อุปาทานานํ ปริญฺญา นาม ปหานปริญฺญาฯ เตสํ อจฺจนฺตนิโรโธ อธิเปฺปโต, โส จ ปจฺจยนิโรเธน โหตีติ เตสํ ปจฺจยํ มูลการณโต ปภุติ ทเสฺสตุํฯ อยนฺติ อิทานิ วุจฺจมาโน เอตฺถ ‘‘อิเม จา’’ติอาทิปาเฐ ‘‘กิํ นิทานา’’ติอาทิสมาสปทานํ อโตฺถฯ สพฺพปเทสูติ ‘‘ตณฺหาสมุทยา’’ติอาทีสุ สเพฺพสุ ปเทสุฯ อิมินา เอว จ สพฺพคฺคหเณน ‘‘ผสฺสนิทานา’’ติอาทีนมฺปิ ปทานํ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ อิเม อญฺญติตฺถิยา อุปาทานานมฺปิ สมุทยํ น ชานนฺติ, กุโต นิโรธํ, ตถาคโต ปน เตสํ ตปฺปจฺจยปจฺจยานมฺปิ สมุทยญฺจ อตฺถงฺคมญฺจ ยาถาวโต ชานาติ, ตสฺมา – ‘‘อิเธว, ภิกฺขเว, สมโณ…เป.… สุญฺญา ปรปฺปวาทา สมเณภิ อเญฺญหี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๓๙) ยถารทฺธสีหนาทํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ทเสฺสโนฺต ‘‘อิเม จ, ภิกฺขเว, จตฺตาโร อุปาทานา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๔๕) นเยน เทสนํ ปฎิจฺจสมุปฺปาทมุเขน โอตาเรโนฺต วฎฺฎํ ทเสฺสตฺวา ‘‘ยโต จ โข’’ติอาทินา วิวฎฺฎํ ทเสฺสโนฺต อรหเตฺตน เทสนาย กูฎํ คณฺหิ, ตมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยสฺมา ปน ภควา’’ติอาทิมาหฯ ตํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ

    145.Pariññanti pahānapariññaṃ. Tesaṃ paccayaṃ dassetunti upādānānaṃ pariññā nāma pahānapariññā. Tesaṃ accantanirodho adhippeto, so ca paccayanirodhena hotīti tesaṃ paccayaṃ mūlakāraṇato pabhuti dassetuṃ. Ayanti idāni vuccamāno ettha ‘‘ime cā’’tiādipāṭhe ‘‘kiṃ nidānā’’tiādisamāsapadānaṃ attho. Sabbapadesūti ‘‘taṇhāsamudayā’’tiādīsu sabbesu padesu. Iminā eva ca sabbaggahaṇena ‘‘phassanidānā’’tiādīnampi padānaṃ saṅgaho daṭṭhabbo. Ime aññatitthiyā upādānānampi samudayaṃ na jānanti, kuto nirodhaṃ, tathāgato pana tesaṃ tappaccayapaccayānampi samudayañca atthaṅgamañca yāthāvato jānāti, tasmā – ‘‘idheva, bhikkhave, samaṇo…pe… suññā parappavādā samaṇebhi aññehī’’ti (ma. ni. 1.139) yathāraddhasīhanādaṃ matthakaṃ pāpetvā dassento ‘‘ime ca, bhikkhave, cattāro upādānā’’tiādinā (ma. ni. 1.145) nayena desanaṃ paṭiccasamuppādamukhena otārento vaṭṭaṃ dassetvā ‘‘yato ca kho’’tiādinā vivaṭṭaṃ dassento arahattena desanāya kūṭaṃ gaṇhi, tamatthaṃ dassento ‘‘yasmā pana bhagavā’’tiādimāha. Taṃ suviññeyyameva.

    จูฬสีหนาทสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ

    Cūḷasīhanādasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๑. จูฬสีหนาทสุตฺตํ • 1. Cūḷasīhanādasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๑. จูฬสีหนาทสุตฺตวณฺณนา • 1. Cūḷasīhanādasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact