Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā)

    ๓. สุญฺญตวโคฺค

    3. Suññatavaggo

    ๑. จูฬสุญฺญตสุตฺตวณฺณนา

    1. Cūḷasuññatasuttavaṇṇanā

    ๑๗๖. เอวํ เม สุตนฺติ จูฬสุญฺญตสุตฺตํฯ ตตฺถ เอกมิทนฺติ เถโร กิร ภควโต วตฺตํ กตฺวา อตฺตโน ทิวาฎฺฐานํ คนฺตฺวา กาลปริเจฺฉทํ กตฺวา นิพฺพานารมฺมณํ สุญฺญตาผลสมาปตฺติํ อเปฺปตฺวา นิสิโนฺน ยถาปริเจฺฉเทน วุฎฺฐาสิฯ อถสฺส สงฺขารา สุญฺญโต อุปฎฺฐหิํสุฯ โส สุญฺญตากถํ โสตุกาโม ชาโตฯ อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘น โข ปน สกฺกา ธุเรน ธุรํ ปหรเนฺตน วิย คนฺตฺวา ‘สุญฺญตากถํ เม, ภเนฺต, กเถถา’ติ ภควนฺตํ วตฺตุํ, หนฺทาหํ ยํ เม ภควา นครกํ อุปนิสฺสาย วิหรโนฺต เอกํ กถํ กเถสิ, ตํ สาเรมิ, เอวํ เม ภควา สุญฺญตากถํ กเถสฺสตี’’ติ ทสพลํ สาเรโนฺต เอกมิทนฺติอาทิมาหฯ

    176.Evaṃme sutanti cūḷasuññatasuttaṃ. Tattha ekamidanti thero kira bhagavato vattaṃ katvā attano divāṭṭhānaṃ gantvā kālaparicchedaṃ katvā nibbānārammaṇaṃ suññatāphalasamāpattiṃ appetvā nisinno yathāparicchedena vuṭṭhāsi. Athassa saṅkhārā suññato upaṭṭhahiṃsu. So suññatākathaṃ sotukāmo jāto. Athassa etadahosi – ‘‘na kho pana sakkā dhurena dhuraṃ paharantena viya gantvā ‘suññatākathaṃ me, bhante, kathethā’ti bhagavantaṃ vattuṃ, handāhaṃ yaṃ me bhagavā nagarakaṃ upanissāya viharanto ekaṃ kathaṃ kathesi, taṃ sāremi, evaṃ me bhagavā suññatākathaṃ kathessatī’’ti dasabalaṃ sārento ekamidantiādimāha.

    ตตฺถ อิทนฺติ นิปาตมตฺตเมวฯ กจฺจิเมตํ, ภเนฺตติ เถโร เอกปเท ฐตฺวา สฎฺฐิปทสหสฺสานิ อุคฺคเหตฺวา ธาเรตุํ สมโตฺถ, กิํ โส ‘‘สุญฺญตาวิหาเรนา’’ติ เอกํ ปทํ ธาเรตุํ น สกฺขิสฺสติ, โสตุกาเมน ปน ชานเนฺตน วิย ปุจฺฉิตุํ น วฎฺฎติ, ปากฎํ กตฺวา วิตฺถาริยมานํ สุญฺญตากถํ โสตุกาโม อชานโนฺต วิย เอวมาหฯ เอโก อชานโนฺตปิ ชานโนฺต วิย โหติ, เถโร เอวรูปํ โกหญฺญํ กิํ กริสฺสติ, อตฺตโน ชานนฎฺฐาเนปิ ภควโต อปจิติํ ทเสฺสตฺวา ‘‘กจฺจิเมต’’นฺติอาทิมาหฯ

    Tattha idanti nipātamattameva. Kaccimetaṃ, bhanteti thero ekapade ṭhatvā saṭṭhipadasahassāni uggahetvā dhāretuṃ samattho, kiṃ so ‘‘suññatāvihārenā’’ti ekaṃ padaṃ dhāretuṃ na sakkhissati, sotukāmena pana jānantena viya pucchituṃ na vaṭṭati, pākaṭaṃ katvā vitthāriyamānaṃ suññatākathaṃ sotukāmo ajānanto viya evamāha. Eko ajānantopi jānanto viya hoti, thero evarūpaṃ kohaññaṃ kiṃ karissati, attano jānanaṭṭhānepi bhagavato apacitiṃ dassetvā ‘‘kaccimeta’’ntiādimāha.

    ปุเพฺพปีติ ปฐมโพธิยํ นครกํ อุปนิสฺสาย วิหรณกาเลปิฯ เอตรหิปีติ อิทานิปิฯ เอวํ ปน วตฺวา จิเนฺตสิ – ‘‘อานโนฺท สุญฺญตากถํ โสตุกาโม, เอโก ปน โสตุํ สโกฺกติ, น อุคฺคเหตุํ, เอโก โสตุมฺปิ อุคฺคเหตุมฺปิ สโกฺกติ, น กเถตุํ, อานโนฺท ปน โสตุมฺปิ สโกฺกติ อุคฺคเหตุมฺปิ กเถตุมฺปิ, (กเถมิสฺส) สุญฺญตากถ’’นฺติฯ อิติ ตํ กเถโนฺต เสยฺยถาปีติอาทิมาหฯ ตตฺถ สุโญฺญ หตฺถิควาสฺสวฬเวนาติ ตตฺถ กฎฺฐรูปโปตฺถกรูปจิตฺตรูปวเสน กตา หตฺถิอาทโย อตฺถิ, เวสฺสวณมนฺธาตาทีนํ ฐิตฎฺฐาเน จิตฺตกมฺมวเสน กตมฺปิ, รตนปริกฺขตานํ วาตปานทฺวารพนฺธมญฺจปีฐาทีนํ วเสน สณฺฐิตมฺปิ, ชิณฺณปฎิสงฺขรณตฺถํ ฐปิตมฺปิ ชาตรูปรชตํ อตฺถิ, กฎฺฐรูปาทิวเสน กตา ธมฺมสวนปญฺหปุจฺฉนาทิวเสน อาคจฺฉนฺตา จ อิตฺถิปุริสาปิ อตฺถิ, ตสฺมา น โส เตหิ สุโญฺญฯ อินฺทฺริยพทฺธานํ สวิญฺญาณกานํ หตฺถิอาทีนํ, อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ ปริภุญฺชิตพฺพสฺส ชาตรูปรชตสฺส, นิพทฺธวาสํ วสนฺตานํ อิตฺถิปุริสานญฺจ อภาวํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ

    Pubbepīti paṭhamabodhiyaṃ nagarakaṃ upanissāya viharaṇakālepi. Etarahipīti idānipi. Evaṃ pana vatvā cintesi – ‘‘ānando suññatākathaṃ sotukāmo, eko pana sotuṃ sakkoti, na uggahetuṃ, eko sotumpi uggahetumpi sakkoti, na kathetuṃ, ānando pana sotumpi sakkoti uggahetumpi kathetumpi, (kathemissa) suññatākatha’’nti. Iti taṃ kathento seyyathāpītiādimāha. Tattha suñño hatthigavāssavaḷavenāti tattha kaṭṭharūpapotthakarūpacittarūpavasena katā hatthiādayo atthi, vessavaṇamandhātādīnaṃ ṭhitaṭṭhāne cittakammavasena katampi, ratanaparikkhatānaṃ vātapānadvārabandhamañcapīṭhādīnaṃ vasena saṇṭhitampi, jiṇṇapaṭisaṅkharaṇatthaṃ ṭhapitampi jātarūparajataṃ atthi, kaṭṭharūpādivasena katā dhammasavanapañhapucchanādivasena āgacchantā ca itthipurisāpi atthi, tasmā na so tehi suñño. Indriyabaddhānaṃ saviññāṇakānaṃ hatthiādīnaṃ, icchiticchitakkhaṇe paribhuñjitabbassa jātarūparajatassa, nibaddhavāsaṃ vasantānaṃ itthipurisānañca abhāvaṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ.

    ภิกฺขุสงฺฆํ ปฎิจฺจาติ ภิกฺขูสุ หิ ปิณฺฑาย ปวิเฎฺฐสุปิ วิหารภตฺตํ สาทิยเนฺตหิ ภิกฺขูหิ เจว คิลานคิลานุปฎฺฐากอุเทฺทสจีวรกมฺมปสุตาทีหิ จ ภิกฺขูหิ โส อสุโญฺญว โหติ, อิติ นิจฺจมฺปิ ภิกฺขูนํ อตฺถิตาย เอวมาหฯ เอกตฺตนฺติ เอกภาวํ, เอกํ อสุญฺญตํ อตฺถีติ อโตฺถฯ เอโก อสุญฺญภาโว อตฺถีติ วุตฺตํ โหติฯ อมนสิกริตฺวาติ จิเตฺต อกตฺวา อนาวชฺชิตฺวา อปจฺจเวกฺขิตฺวาฯ คามสญฺญนฺติ คาโมติ ปวตฺตวเสน วา กิเลสวเสน วา อุปฺปนฺนํ คามสญฺญํฯ มนุสฺสสญฺญายปิ เอเสว นโยฯ อรญฺญสญฺญํ ปฎิจฺจ มนสิ กโรติ เอกตฺตนฺติ อิทํ อรญฺญํ, อยํ รุโกฺข, อยํ ปพฺพโต, อยํ นีโลภาโส วนสโณฺฑติ เอวํ เอกํ อรญฺญํเยว ปฎิจฺจ อรญฺญสญฺญํ มนสิ กโรติฯ ปกฺขนฺทตีติ โอตรติฯ อธิมุจฺจตีติ เอวนฺติ อธิมุจฺจติฯ เย อสฺสุ ทรถาติ เย จ ปวตฺตทรถา วา กิเลสทรถา วา คามสญฺญํ ปฎิจฺจ ภเวยฺยุํ, เต อิธ อรญฺญสญฺญาย น สนฺติฯ ทุติยปเทปิ เอเสว นโยฯ อตฺถิ เจวายนฺติ อยํ ปน เอกํ อรญฺญสญฺญํ ปฎิจฺจ อุปฺปชฺชมานา ปวตฺตทรถมตฺตา อตฺถิฯ

    Bhikkhusaṅghaṃ paṭiccāti bhikkhūsu hi piṇḍāya paviṭṭhesupi vihārabhattaṃ sādiyantehi bhikkhūhi ceva gilānagilānupaṭṭhākauddesacīvarakammapasutādīhi ca bhikkhūhi so asuññova hoti, iti niccampi bhikkhūnaṃ atthitāya evamāha. Ekattanti ekabhāvaṃ, ekaṃ asuññataṃ atthīti attho. Eko asuññabhāvo atthīti vuttaṃ hoti. Amanasikaritvāti citte akatvā anāvajjitvā apaccavekkhitvā. Gāmasaññanti gāmoti pavattavasena vā kilesavasena vā uppannaṃ gāmasaññaṃ. Manussasaññāyapi eseva nayo. Araññasaññaṃ paṭicca manasi karoti ekattanti idaṃ araññaṃ, ayaṃ rukkho, ayaṃ pabbato, ayaṃ nīlobhāso vanasaṇḍoti evaṃ ekaṃ araññaṃyeva paṭicca araññasaññaṃ manasi karoti. Pakkhandatīti otarati. Adhimuccatīti evanti adhimuccati. Ye assu darathāti ye ca pavattadarathā vā kilesadarathā vā gāmasaññaṃ paṭicca bhaveyyuṃ, te idha araññasaññāya na santi. Dutiyapadepi eseva nayo. Atthi cevāyanti ayaṃ pana ekaṃ araññasaññaṃ paṭicca uppajjamānā pavattadarathamattā atthi.

    ยญฺหิ โข ตตฺถ น โหตีติ ยํ มิคารมาตุปาสาเท หตฺถิอาทโย วิย อิมิสฺสา อรญฺญสญฺญาย คามสญฺญามนุสฺสสญฺญาวเสน อุปฺปชฺชมานํ ปวตฺตทรถกิเลสทรถชาตํ, ตํ น โหติฯ ยํ ปน ตตฺถ อวสิฎฺฐนฺติ ยํ มิคารมาตุปาสาเท ภิกฺขุสโงฺฆ วิย ตตฺถ อรญฺญสญฺญาย ปวตฺตทรถมตฺตํ อวสิฎฺฐํ โหติฯ ตํ สนฺตมิทํ อตฺถีติ ปชานาตีติ ตํ วิชฺชมานเมว ‘‘อตฺถิ อิท’’นฺติ ปชานาติ, สุญฺญตาวกฺกนฺตีติ สุญฺญตานิพฺพตฺติฯ

    Yañhikho tattha na hotīti yaṃ migāramātupāsāde hatthiādayo viya imissā araññasaññāya gāmasaññāmanussasaññāvasena uppajjamānaṃ pavattadarathakilesadarathajātaṃ, taṃ na hoti. Yaṃ pana tattha avasiṭṭhanti yaṃ migāramātupāsāde bhikkhusaṅgho viya tattha araññasaññāya pavattadarathamattaṃ avasiṭṭhaṃ hoti. Taṃ santamidaṃ atthīti pajānātīti taṃ vijjamānameva ‘‘atthi ida’’nti pajānāti, suññatāvakkantīti suññatānibbatti.

    ๑๗๗. อมนสิกริตฺวา มนุสฺสสญฺญนฺติ อิธ คามสญฺญํ น คณฺหาติฯ กสฺมา? เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘มนุสฺสสญฺญาย คามสญฺญํ นิวเตฺตตฺวา, อรญฺญสญฺญาย มนุสฺสสญฺญํ, ปถวีสญฺญาย อรญฺญสญฺญํ, อากาสานญฺจายตนสญฺญาย ปถวีสญฺญํ…เป.… เนวสญฺญานาสญฺญายตนสญฺญาย อากิญฺจญฺญายตนสญฺญํ , วิปสฺสนาย เนวสญฺญานาสญฺญายตนสญฺญํ, มเคฺคน วิปสฺสนํ นิวเตฺตตฺวา อนุปุเพฺพน อจฺจนฺตสุญฺญตํ นาม ทเสฺสสฺสามี’’ติฯ ตสฺมา เอวํ เทสนํ อารภิฯ ตตฺถ ปถวีสญฺญนฺติ กสฺมา อรญฺญสญฺญํ ปหาย ปถวีสญฺญํ มนสิ กโรติ? อรญฺญสญฺญาย วิเสสานธิคมนโตฯ ยถา หิ ปุริสสฺส รมณียํ เขตฺตฎฺฐานํ ทิสฺวา – ‘‘อิธ วุตฺตา สาลิอาทโย สุฎฺฐุ สมฺปชฺชิสฺสนฺติ, มหาลาภํ ลภิสฺสามี’’ติ สตฺตกฺขตฺตุมฺปิ เขตฺตฎฺฐานํ โอโลเกนฺตสฺส สาลิอาทโย น สมฺปชฺชเนฺตว, สเจ ปน ตํ ฐานํ วิหตขาณุกกณฺฎกํ กตฺวา กสิตฺวา วปติ, เอวํ สเนฺต สมฺปชฺชนฺติ, เอวเมว – ‘‘อิทํ อรญฺญํ, อยํ รุโกฺข, อยํ ปพฺพโต, อยํ นีโลภาโส วนสโณฺฑ’’ติ สเจปิ สตฺตกฺขตฺตุํ อรญฺญสญฺญํ มนสิ กโรติ, เนวูปจารํ น สมาธิํ ปาปุณาติ, ปถวีสญฺญาย ปนสฺส ธุวเสวนํ กมฺมฎฺฐานํ ปถวีกสิณํ ปริกมฺมํ กตฺวา ฌานานิ นิพฺพเตฺตตฺวา ฌานปทฎฺฐานมฺปิ วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา สกฺกา อรหตฺตํ ปาปุณิตุํฯ ตสฺมา อรญฺญสญฺญํ ปหาย ปถวีสญฺญํ มนสิ กโรติฯ ปฎิจฺจาติ ปฎิจฺจ สมฺภูตํฯ

    177.Amanasikaritvāmanussasaññanti idha gāmasaññaṃ na gaṇhāti. Kasmā? Evaṃ kirassa ahosi – ‘‘manussasaññāya gāmasaññaṃ nivattetvā, araññasaññāya manussasaññaṃ, pathavīsaññāya araññasaññaṃ, ākāsānañcāyatanasaññāya pathavīsaññaṃ…pe… nevasaññānāsaññāyatanasaññāya ākiñcaññāyatanasaññaṃ , vipassanāya nevasaññānāsaññāyatanasaññaṃ, maggena vipassanaṃ nivattetvā anupubbena accantasuññataṃ nāma dassessāmī’’ti. Tasmā evaṃ desanaṃ ārabhi. Tattha pathavīsaññanti kasmā araññasaññaṃ pahāya pathavīsaññaṃ manasi karoti? Araññasaññāya visesānadhigamanato. Yathā hi purisassa ramaṇīyaṃ khettaṭṭhānaṃ disvā – ‘‘idha vuttā sāliādayo suṭṭhu sampajjissanti, mahālābhaṃ labhissāmī’’ti sattakkhattumpi khettaṭṭhānaṃ olokentassa sāliādayo na sampajjanteva, sace pana taṃ ṭhānaṃ vihatakhāṇukakaṇṭakaṃ katvā kasitvā vapati, evaṃ sante sampajjanti, evameva – ‘‘idaṃ araññaṃ, ayaṃ rukkho, ayaṃ pabbato, ayaṃ nīlobhāso vanasaṇḍo’’ti sacepi sattakkhattuṃ araññasaññaṃ manasi karoti, nevūpacāraṃ na samādhiṃ pāpuṇāti, pathavīsaññāya panassa dhuvasevanaṃ kammaṭṭhānaṃ pathavīkasiṇaṃ parikammaṃ katvā jhānāni nibbattetvā jhānapadaṭṭhānampi vipassanaṃ vaḍḍhetvā sakkā arahattaṃ pāpuṇituṃ. Tasmā araññasaññaṃ pahāya pathavīsaññaṃ manasi karoti. Paṭiccāti paṭicca sambhūtaṃ.

    อิทานิ ยสฺมิํ ปถวีกสิเณ โส ปถวีสญฺญี โหติ, ตสฺส โอปมฺมทสฺสนตฺถํ เสยฺยถาปีติอาทิมาหฯ ตตฺถ อุสภสฺส เอตนฺติ อาสภํฯ อเญฺญสํ ปน คุนฺนํ คณฺฑาปิ โหนฺติ ปหาราปิฯ เตสญฺหิ จมฺมํ ปสาริยมานํ นิพฺพลิกํ น โหติ, อุสภสฺส ลกฺขณสมฺปนฺนตาย เต โทสา นตฺถิฯ ตสฺมา ตสฺส จมฺมํ คหิตํฯ สงฺกุสเตนาติ ขิลสเตนฯ สุวิหตนฺติ ปสาเรตฺวา สุฎฺฐุ วิหตํฯ อูนกสตสงฺกุวิหตญฺหิ นิพฺพลิกํ น โหติ, สงฺกุสเตน วิหตํ เภริตลํ วิย นิพฺพลิกํ โหติฯ ตสฺมา เอวมาหฯ อุกฺกูลวิกฺกูลนฺติ อุจฺจนีจํ ถลฎฺฐานํ นินฺนฎฺฐานํฯ นทีวิทุคฺคนฺติ นทิโย เจว ทุคฺคมฎฺฐานญฺจฯ ปถวีสญฺญํ ปฎิจฺจ มนสิ กโรติ เอกตฺตนฺติ กสิณปถวิยํเยว ปฎิจฺจ สมฺภูตํ เอกํ สญฺญํ มนสิ กโรติฯ ทรถมตฺตาติ อิโต ปฎฺฐาย สพฺพวาเรสุ ปวตฺตทรถวเสน ทรถมตฺตา เวทิตพฺพาฯ

    Idāni yasmiṃ pathavīkasiṇe so pathavīsaññī hoti, tassa opammadassanatthaṃ seyyathāpītiādimāha. Tattha usabhassa etanti āsabhaṃ. Aññesaṃ pana gunnaṃ gaṇḍāpi honti pahārāpi. Tesañhi cammaṃ pasāriyamānaṃ nibbalikaṃ na hoti, usabhassa lakkhaṇasampannatāya te dosā natthi. Tasmā tassa cammaṃ gahitaṃ. Saṅkusatenāti khilasatena. Suvihatanti pasāretvā suṭṭhu vihataṃ. Ūnakasatasaṅkuvihatañhi nibbalikaṃ na hoti, saṅkusatena vihataṃ bheritalaṃ viya nibbalikaṃ hoti. Tasmā evamāha. Ukkūlavikkūlanti uccanīcaṃ thalaṭṭhānaṃ ninnaṭṭhānaṃ. Nadīvidugganti nadiyo ceva duggamaṭṭhānañca. Pathavīsaññaṃ paṭicca manasi karoti ekattanti kasiṇapathaviyaṃyeva paṭicca sambhūtaṃ ekaṃ saññaṃ manasi karoti. Darathamattāti ito paṭṭhāya sabbavāresu pavattadarathavasena darathamattā veditabbā.

    ๑๘๒. อนิมิตฺตํ เจโตสมาธินฺติ วิปสฺสนาจิตฺตสมาธิํฯ โส หิ นิจฺจนิมิตฺตาทิวิรหิโต อนิมิโตฺตติ วุจฺจติฯ อิมเมว กายนฺติ วิปสฺสนาย วตฺถุํ ทเสฺสติฯ ตตฺถ อิมเมวาติ อิมํ เอว จตุมหาภูติกํฯ สฬายตนิกนฺติ สฬายตนปฎิสํยุตฺตํฯ ชีวิตปจฺจยาติ ยาว ชีวิตินฺทฺริยานํ ปวตฺติ, ตาว ชีวิตปจฺจยา ปวตฺตทรถมตฺตา อตฺถีติ วุตฺตํ โหติฯ

    182.Animittaṃ cetosamādhinti vipassanācittasamādhiṃ. So hi niccanimittādivirahito animittoti vuccati. Imameva kāyanti vipassanāya vatthuṃ dasseti. Tattha imamevāti imaṃ eva catumahābhūtikaṃ. Saḷāyatanikanti saḷāyatanapaṭisaṃyuttaṃ. Jīvitapaccayāti yāva jīvitindriyānaṃ pavatti, tāva jīvitapaccayā pavattadarathamattā atthīti vuttaṃ hoti.

    ๑๘๓. ปุน อนิมิตฺตนฺติ วิปสฺสนาย ปฎิวิปสฺสนํ ทเสฺสตุํ วุตฺตํฯ กามาสวํ ปฎิจฺจาติ กามาสวํ ปฎิจฺจ อุปฺปชฺชนปวตฺตทรถา อิธ น สนฺติ, อริยมเคฺค เจว อริยผเล จ นตฺถีติ วุตฺตํ โหติฯ อิมเมว กายนฺติ อิมํ อุปาทิเสสทรถทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ อิติ มนุสฺสสญฺญาย คามสญฺญํ นิวเตฺตตฺวา…เป.… มเคฺคน วิปสฺสนํ นิวเตฺตตฺวา อนุปุเพฺพน อจฺจนฺตสุญฺญตา นาม ทสฺสิตา โหติฯ

    183. Puna animittanti vipassanāya paṭivipassanaṃ dassetuṃ vuttaṃ. Kāmāsavaṃ paṭiccāti kāmāsavaṃ paṭicca uppajjanapavattadarathā idha na santi, ariyamagge ceva ariyaphale ca natthīti vuttaṃ hoti. Imameva kāyanti imaṃ upādisesadarathadassanatthaṃ vuttaṃ. Iti manussasaññāya gāmasaññaṃ nivattetvā…pe… maggena vipassanaṃ nivattetvā anupubbena accantasuññatā nāma dassitā hoti.

    ๑๘๔. ปริสุทฺธนฺติ นิรุปกฺกิเลสํฯ อนุตฺตรนฺติ อุตฺตรวิรหิตํ สพฺพเสฎฺฐํฯ สุญฺญตนฺติ สุญฺญตผลสมาปตฺติํฯ ตสฺมาติ ยสฺมา อตีเตปิ, พุทฺธปเจฺจกพุทฺธพุทฺธสาวกสงฺขาตา สมณพฺราหฺมณาฯ อนาคเตปิ, เอตรหิปิ พุทฺธพุทฺธสาวกสงฺขาตา สมณพฺราหฺมณา อิมํเยว ปริสุทฺธํ ปรมํ อนุตฺตรํ สุญฺญตํ อุปสมฺปชฺช วิหริํสุ วิหริสฺสนฺติ วิหรนฺติ จ, ตสฺมาฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ

    184.Parisuddhanti nirupakkilesaṃ. Anuttaranti uttaravirahitaṃ sabbaseṭṭhaṃ. Suññatanti suññataphalasamāpattiṃ. Tasmāti yasmā atītepi, buddhapaccekabuddhabuddhasāvakasaṅkhātā samaṇabrāhmaṇā. Anāgatepi, etarahipi buddhabuddhasāvakasaṅkhātā samaṇabrāhmaṇā imaṃyeva parisuddhaṃ paramaṃ anuttaraṃ suññataṃ upasampajja vihariṃsu viharissanti viharanti ca, tasmā. Sesaṃ sabbattha uttānamevāti.

    ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย

    Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya

    จูฬสุญฺญตสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Cūḷasuññatasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๑. จูฬสุญฺญตสุตฺตํ • 1. Cūḷasuññatasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๑. จูฬสุญฺญตสุตฺตวณฺณนา • 1. Cūḷasuññatasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact