Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) |
๓. สุญฺญตวโคฺค
3. Suññatavaggo
๑. จูฬสุญฺญตสุตฺตวณฺณนา
1. Cūḷasuññatasuttavaṇṇanā
๑๗๖. กาลปริเจฺฉทํ กตฺวาติ สมาปชฺชเนฺตหิ นาม กาลปริเจฺฉโท กาตโพฺพฯ เถโร ปน ภควโต วตฺตกรณตฺถํ กาลปริเจฺฉทํ กโรติ, ‘‘เอตฺตเก กาเล วีติวเตฺต อิทํ นาม ภควโต กาตพฺพ’’นฺติฯ โส ตตฺถกํเยว สมาปตฺติํ สมาปชฺชิตฺวา วุฎฺฐาติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘กาลปริเจฺฉทํ กตฺวา’’ติฯ สุญฺญตาผลสมาปตฺติํ อเปฺปตฺวาติ เอเตน อิตเร, ‘‘น โสตาปนฺนสกทาคามี ผลสมาปตฺติํ สมาปชฺชนฺตี’’ติ วทนฺติ, ตํ วาทํ ปฎิเสเธติฯ สุญฺญโตติ อตฺตสุญฺญโต จ นิจฺจสุญฺญโต จ สงฺขารา อุปฎฺฐหิํสุฯ เสกฺขานญฺหิ สุญฺญตาปฎิเวโธ ปาเทสิโก สุภสุขสญฺญานํ อปฺปหีนตฺตา, ตสฺมา โส เถโร สุญฺญตากถํ โสตุกาโม ชาโตฯ ธุเรน ธุรํ ปหรเนฺตน วิยาติ รถธุเรน รถธุรํ ปหรเนฺตน วิย กตฺวา อุชุกเมว สุญฺญตา…เป.… วตฺถุํ น สกฺกาติ โยชนาฯ เอกํ ปทนฺติ เอกํ สุญฺญตาปทํฯ
176.Kālaparicchedaṃkatvāti samāpajjantehi nāma kālaparicchedo kātabbo. Thero pana bhagavato vattakaraṇatthaṃ kālaparicchedaṃ karoti, ‘‘ettake kāle vītivatte idaṃ nāma bhagavato kātabba’’nti. So tatthakaṃyeva samāpattiṃ samāpajjitvā vuṭṭhāti, taṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘kālaparicchedaṃ katvā’’ti. Suññatāphalasamāpattiṃ appetvāti etena itare, ‘‘na sotāpannasakadāgāmī phalasamāpattiṃ samāpajjantī’’ti vadanti, taṃ vādaṃ paṭisedheti. Suññatoti attasuññato ca niccasuññato ca saṅkhārā upaṭṭhahiṃsu. Sekkhānañhi suññatāpaṭivedho pādesiko subhasukhasaññānaṃ appahīnattā, tasmā so thero suññatākathaṃ sotukāmo jāto. Dhurena dhuraṃ paharantena viyāti rathadhurena rathadhuraṃ paharantena viya katvā ujukameva suññatā…pe… vatthuṃ na sakkāti yojanā. Ekaṃ padanti ekaṃ suññatāpadaṃ.
ปุเพฺพปาหนฺติอาทินา ภควา ปฐมโพธิยมฺปิ อตฺตโน สุญฺญตาวิหารพาหุลฺลํ ปกาเสตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ปฐมโพธิยมฺปี’’ติ อาหฯ เอโกติอาทิ เถรสฺส สุญฺญตากถาย ภาชนภาวทสฺสนตฺถํฯ โสตุนฺติ อฎฺฐิํ กตฺวา มนสิ กตฺวา สพฺพเจตสา สมนฺนาหริตฺวา โสตุมฺปิฯ อุคฺคเหตุมฺปิติ ยถาภูตํ ธมฺมํ ธารณปริปุจฺฉาปริจยวเสน หทเยน อุคฺคหิตํ สุวณฺณภาชเน ปกฺขิตฺตสีหวสา วิย อวินเฎฺฐ กาตุมฺปิฯ กเถตุมฺปีติ วิตฺถาเรน ปเรสํ ทเสฺสตุมฺปิ สกฺกาฯ ตตฺถาติ มิคารมาตุปาสาเทฯ กฎฺฐรูปโปตฺถกรูปจิตฺตรูปวเสน กตาติ ถมฺภาทีสุ อุตฺติริตฺวา กตานํ กฎฺฐรูปานํ, นิยฺยูหาทีสุ ปฎิมาวเสน รจิตานํ โปตฺถกรูปานํ, สิตฺติปเสฺส จิตฺตกมฺมวเสน วิรจิตานํ จิตฺตรูปานญฺจ กตา นิฎฺฐปิตาฯ เวสฺสวณมนฺธาตาทีนนฺติ ปฎิมารูเปน กตานํ เวสฺสวณมนฺธาตุสกฺกาทีนํฯ จิตฺตกมฺมวเสนาติ อารามาทิจิตฺตกมฺมวเสนฯ สณฺฐิตมฺปีติ อวยวภาเวน สณฺฐิตํ หุตฺวา ฐิตมฺปิฯ ชิณฺณปฎิสงฺขรณตฺถนฺติ ชิณฺณานํ นิยฺยูหกูฎาคารปาสาทาวยวานํ อภิสงฺขรณตฺถาย ตสฺมิํ ตสฺมิํ ฐาเน รหสฺสสญฺญาเณน ฐปิตํฯ ‘‘ปริภุญฺชิสฺสามี’’ติ ตสฺมิํ ตสฺมิํ กิเจฺจ วินิยุญฺชนวเสน ปริภุญฺชิตพฺพสฺสฯ เอตํ วุตฺตนฺติ, ‘‘อยํ มิคารมาตุปาสาโท สุโญฺญ’’ติอาทิกํ วุตฺตํฯ
Pubbepāhantiādinā bhagavā paṭhamabodhiyampi attano suññatāvihārabāhullaṃ pakāsetīti dassento ‘‘paṭhamabodhiyampī’’ti āha. Ekotiādi therassa suññatākathāya bhājanabhāvadassanatthaṃ. Sotunti aṭṭhiṃ katvā manasi katvā sabbacetasā samannāharitvā sotumpi. Uggahetumpiti yathābhūtaṃ dhammaṃ dhāraṇaparipucchāparicayavasena hadayena uggahitaṃ suvaṇṇabhājane pakkhittasīhavasā viya avinaṭṭhe kātumpi. Kathetumpīti vitthārena paresaṃ dassetumpi sakkā. Tatthāti migāramātupāsāde. Kaṭṭharūpapotthakarūpacittarūpavasena katāti thambhādīsu uttiritvā katānaṃ kaṭṭharūpānaṃ, niyyūhādīsu paṭimāvasena racitānaṃ potthakarūpānaṃ, sittipasse cittakammavasena viracitānaṃ cittarūpānañca katā niṭṭhapitā. Vessavaṇamandhātādīnanti paṭimārūpena katānaṃ vessavaṇamandhātusakkādīnaṃ. Cittakammavasenāti ārāmādicittakammavasena. Saṇṭhitampīti avayavabhāvena saṇṭhitaṃ hutvā ṭhitampi. Jiṇṇapaṭisaṅkharaṇatthanti jiṇṇānaṃ niyyūhakūṭāgārapāsādāvayavānaṃ abhisaṅkharaṇatthāya tasmiṃ tasmiṃ ṭhāne rahassasaññāṇena ṭhapitaṃ. ‘‘Paribhuñjissāmī’’ti tasmiṃ tasmiṃ kicce viniyuñjanavasena paribhuñjitabbassa. Etaṃ vuttanti, ‘‘ayaṃ migāramātupāsādo suñño’’tiādikaṃ vuttaṃ.
นิจฺจนฺติ สพฺพกาลํ รตฺติญฺจ ทิวา จฯ เอกภาวํ เอกํ อสุญฺญตนฺติ ปจฺจเตฺต อุปโยควจนํ, เอกตฺตํ เอโก อสุญฺญโตติ อโตฺถฯ คาโมติ ปวตฺตนวเสนาติ เคหสนฺนิเวสวีถิจจฺจรสิงฺฆาฎกาทิเก อุปาทาย คาโมติ โลกุปฺปตฺติวเสนฯ กิเลสวเสนาติ ตตฺถ อนุนยปฎิฆวเสนฯ เอเสว นโยติ อิมินา ‘‘ปวตฺตวเสน วา กิเลสวเสน วา อุปฺปนฺนํ มนุสฺสสญฺญ’’นฺติ อิมมตฺถํ อติทิสติฯ เอตฺถ จ ยถา คามคฺคหเณน ฆราทิสญฺญา สงฺคหิตา, เอวํ มนุสฺสคฺคหเณน อิตฺถิปุริสาทิสญฺญา สงฺคหิตาฯ ยสฺมา รุกฺขาทิเก ปฎิจฺจ อรญฺญสญฺญา ตตฺถ ปพฺพตวนสณฺฑาทโย อโนฺตคธา, ตสฺมา ตตฺถ วิชฺชมานมฺปิ ตํ วิภาคํ อคฺคเหตฺวา เอกํ อรญฺญํเยว ปฎิจฺจ อรญฺญสญฺญํ มนสิ กโรติฯ โอตรตีติ อนุปฺปวิสติฯ อธิมุจฺจตีติ นิจฺฉิโนติฯ ปวตฺตทรถาติ ตถารูปาย ปสฺสทฺธิยา อภาวโต โอฬาริกธมฺมปฺปวตฺติสิทฺธา ทรถาฯ กิเลสทรถาติ อนุนยปฎิฆสมฺภวา กิเลสทรถาฯ ทุติยปเทติ ‘‘เย อสฺสุ ทรถา มนุสฺสสญฺญํ ปฎิจฺจา’’ติ อิมสฺมิํ ปเทฯ มนสิการสนฺตตาย, – ‘‘นายํ ปุเพฺพ วิย โอฬาริกา, ธมฺมปฺปวตฺตี’’ติ สงฺขารทสฺสนทรถานํ สุขุมตา สลฺลหุกตา จ จริตตฺถาติ อาห ‘‘ปวตฺตทรถมตฺตา อตฺถี’’ติฯ
Niccanti sabbakālaṃ rattiñca divā ca. Ekabhāvaṃ ekaṃ asuññatanti paccatte upayogavacanaṃ, ekattaṃ eko asuññatoti attho. Gāmoti pavattanavasenāti gehasannivesavīthicaccarasiṅghāṭakādike upādāya gāmoti lokuppattivasena. Kilesavasenāti tattha anunayapaṭighavasena. Eseva nayoti iminā ‘‘pavattavasena vā kilesavasena vā uppannaṃ manussasañña’’nti imamatthaṃ atidisati. Ettha ca yathā gāmaggahaṇena gharādisaññā saṅgahitā, evaṃ manussaggahaṇena itthipurisādisaññā saṅgahitā. Yasmā rukkhādike paṭicca araññasaññā tattha pabbatavanasaṇḍādayo antogadhā, tasmā tattha vijjamānampi taṃ vibhāgaṃ aggahetvā ekaṃ araññaṃyeva paṭicca araññasaññaṃ manasi karoti. Otaratīti anuppavisati. Adhimuccatīti nicchinoti. Pavattadarathāti tathārūpāya passaddhiyā abhāvato oḷārikadhammappavattisiddhā darathā. Kilesadarathāti anunayapaṭighasambhavā kilesadarathā. Dutiyapadeti ‘‘ye assu darathā manussasaññaṃ paṭiccā’’ti imasmiṃ pade. Manasikārasantatāya, – ‘‘nāyaṃ pubbe viya oḷārikā, dhammappavattī’’ti saṅkhāradassanadarathānaṃ sukhumatā sallahukatā ca caritatthāti āha ‘‘pavattadarathamattā atthī’’ti.
ยํ กิเลสทรถชาตํ, ตํ อิมิสฺสา ทรถสญฺญาย น โหตีติ โยชนาฯ ปวตฺตทรถมตฺตํ อวสิฎฺฐํ โหติ, วิชฺชมานเมว อตฺถิ อิทนฺติ ปชานาตีติ โยชนาฯ สุญฺญตา นิพฺพตฺตีติ สุญฺญตนฺติ ปวตฺติฯ สุญฺญตา สหจริตญฺหิ สุญฺญํ, อิธ สุญฺญตาติ วุตฺตาฯ
Yaṃ kilesadarathajātaṃ, taṃ imissā darathasaññāya na hotīti yojanā. Pavattadarathamattaṃ avasiṭṭhaṃ hoti, vijjamānameva atthi idanti pajānātīti yojanā. Suññatā nibbattīti suññatanti pavatti. Suññatā sahacaritañhi suññaṃ, idha suññatāti vuttā.
๑๗๗. อสฺสาติ ภควโต เอวํ อิทานิ วุจฺจมานากาเรน จิตฺตปฺปวตฺติ อโหสิฯ อจฺจนฺตสุญฺญตนฺติ ‘‘ปรมานุตฺตร’’นฺติ วุตฺตํ อรหตฺตํ เทเสสฺสามีติฯ อรญฺญสญฺญาย วิเสสานธิคมนโตติ, ‘‘อรญฺญํ อรญฺญ’’นฺติ มนสิกาเรน ฌานาทิวิเสสสฺส อธิคมาภาวโต, ‘‘ปถวี’’ติ มนสิกาเรน วิเสสาธิคมนโตฯ อิทานิ ตเมวตฺถํ อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เอวํ สเนฺตติ เอวํ วปิเต สาลิอาทโย สมฺปชฺชนฺติฯ ธุวเสวนนฺติ นิยตเสวนํ ปาริหาริยกมฺมฎฺฐานํฯ ปฎิจฺจาติ เอตฺถ ‘‘สมฺภูต’’นฺติ วจนเสโส อิจฺฉิโตติ อาห ‘‘ปฎิจฺจ สมฺภูต’’นฺติฯ ปถวิํ ปฎิจฺจ สมฺภูตา หิ สญฺญาติฯ
177.Assāti bhagavato evaṃ idāni vuccamānākārena cittappavatti ahosi. Accantasuññatanti ‘‘paramānuttara’’nti vuttaṃ arahattaṃ desessāmīti. Araññasaññāya visesānadhigamanatoti, ‘‘araññaṃ arañña’’nti manasikārena jhānādivisesassa adhigamābhāvato, ‘‘pathavī’’ti manasikārena visesādhigamanato. Idāni tamevatthaṃ upamāya vibhāvetuṃ ‘‘yathā hī’’tiādi vuttaṃ. Evaṃ santeti evaṃ vapite sāliādayo sampajjanti. Dhuvasevananti niyatasevanaṃ pārihāriyakammaṭṭhānaṃ. Paṭiccāti ettha ‘‘sambhūta’’nti vacanaseso icchitoti āha ‘‘paṭicca sambhūta’’nti. Pathaviṃ paṭicca sambhūtā hi saññāti.
ปถวีกสิเณ โส ปถวีสญฺญี โหติ, น ปกติปถวิยํฯ ตสฺสาติ ปถวีกสิณสฺสฯ เตหีติ คณฺฑาทีหิฯ สุฎฺฐุ วิหตนฺติ ยถา วลีนํ เลโสปิ น โหติ, เอวํ สมฺมเทว อาโกฎิตํฯ นทีตฬากาทีนํ ตีรปฺปเทโส อุทกสฺส อากรเฎฺฐน กูลํ, อุนฺนตภาวโต อุคฺคตํ กูลํ วิยาติ อุกฺกูลํ, ภูมิยา อุจฺจฎฺฐานํฯ วิคตํ กูลนฺติ วิกฺกูลํ, นีจฎฺฐานํฯ เตนาห ‘‘อุจฺจนีจ’’นฺติฯ เอกํ สญฺญนฺติ เอกํ ปถวีติสญฺญํเยวฯ
Pathavīkasiṇeso pathavīsaññī hoti, na pakatipathaviyaṃ. Tassāti pathavīkasiṇassa. Tehīti gaṇḍādīhi. Suṭṭhu vihatanti yathā valīnaṃ lesopi na hoti, evaṃ sammadeva ākoṭitaṃ. Nadītaḷākādīnaṃ tīrappadeso udakassa ākaraṭṭhena kūlaṃ, unnatabhāvato uggataṃ kūlaṃ viyāti ukkūlaṃ, bhūmiyā uccaṭṭhānaṃ. Vigataṃ kūlanti vikkūlaṃ, nīcaṭṭhānaṃ. Tenāha ‘‘uccanīca’’nti. Ekaṃ saññanti ekaṃ pathavītisaññaṃyeva.
๑๘๒. สติปิ สงฺขารนิมิตฺตวิรเห ยาทิสานํ นิมิตฺตานํ อภาเวน ‘‘อนิมิตฺต’’นฺติ วุจฺจติ, ตานิ ทเสฺสตุํ, ‘‘นิจฺจนิมิตฺตาทิวิรหิโต’’ติ วุตฺตํฯ จตุมหาภูติกํ จตุมหาภูตนิสฺสิตํฯ สฬายตนปฎิสํยุตฺตํ จกฺขายตนาทิสฬายตนสหิตํฯ
182. Satipi saṅkhāranimittavirahe yādisānaṃ nimittānaṃ abhāvena ‘‘animitta’’nti vuccati, tāni dassetuṃ, ‘‘niccanimittādivirahito’’ti vuttaṃ. Catumahābhūtikaṃ catumahābhūtanissitaṃ. Saḷāyatanapaṭisaṃyuttaṃ cakkhāyatanādisaḷāyatanasahitaṃ.
๑๘๓. วิปสฺสนาย ปฎิวิปสฺสนนฺติ ธมฺมานญฺจ ปุน วิปสฺสนํฯ อิธาติ อตฺตโน ปจฺจกฺขภูตยถาธิคตมคฺคผลํ วทตีติ อาห – ‘‘อริยมเคฺค เจว อริยผเล จา’’ติฯ อุปาทิเสสทรถทสฺสนตฺถนฺติ สพฺพโส กิเลสุปธิยา ปหีนาย ขโนฺธปธิ อวิสิฎฺฐา, ตปฺปจฺจยา ทรถา อุปาทิเสสทรถา, ตํ ทสฺสนตฺถํฯ ยสฺมา วิสยโต คามสญฺญา โอฬาริกา, มนุสฺสสญฺญา สุขุมา, ตสฺมา มนุสฺสสญฺญาย คามสญฺญํ นิวเตฺตตฺวาฯ ยสฺมา ปน มนุสฺสสญฺญาปิ สภาควตฺถุปริคฺคหโต โอฬาริกา, สภาควตฺถุโต อรญฺญสญฺญา สุขุมา, ตสฺมา อรญฺญสญฺญาย มนุสฺสสญฺญํ นิวเตฺตตฺวาฯ ปถวีสญฺญาทินิวตฺตเน การณํ เหฎฺฐา สุตฺตนฺตเรสุ จ วุตฺตเมวฯ อนุปุเพฺพนาติ มคฺคปฺปฎิปาฎิยาฯ นิจฺจสาราทีนํ สพฺพโส อวตฺถุตาย อจฺจนฺตเมว สุญฺญตฺตา อจฺจนฺตสุญฺญตาฯ
183.Vipassanāya paṭivipassananti dhammānañca puna vipassanaṃ. Idhāti attano paccakkhabhūtayathādhigatamaggaphalaṃ vadatīti āha – ‘‘ariyamagge ceva ariyaphale cā’’ti. Upādisesadarathadassanatthanti sabbaso kilesupadhiyā pahīnāya khandhopadhi avisiṭṭhā, tappaccayā darathā upādisesadarathā, taṃ dassanatthaṃ. Yasmā visayato gāmasaññā oḷārikā, manussasaññā sukhumā, tasmā manussasaññāya gāmasaññaṃ nivattetvā. Yasmā pana manussasaññāpi sabhāgavatthupariggahato oḷārikā, sabhāgavatthuto araññasaññā sukhumā, tasmā araññasaññāya manussasaññaṃ nivattetvā. Pathavīsaññādinivattane kāraṇaṃ heṭṭhā suttantaresu ca vuttameva. Anupubbenāti maggappaṭipāṭiyā. Niccasārādīnaṃ sabbaso avatthutāya accantameva suññattā accantasuññatā.
๑๘๔. สุญฺญตผลสมาปตฺตินฺติ สุญฺญตวิโมกฺขสฺส ผลภูตตฺตา, สุญฺญตานุปสฺสนาย วเสน สมาปชฺชิตพฺพตฺตา จ สุญฺญตผลสมาปตฺตินฺติ ลทฺธนามํ อรหตฺตผลสมาปตฺติํฯ ยสฺมา อตีเต ปเจฺจกสมฺพุทฺธา อเหสุํ, อนาคเต ภวิสฺสนฺติ, อิทานิ ปน พุทฺธสาสนสฺส ธรมานตฺตา ปเจฺจกพุทฺธา น วตฺตนฺติ, ตสฺมา ปเจฺจกพุทฺธคฺคหณํ อกตฺวา, ‘‘เอตรหิปิ พุทฺธพุทฺธสาวกสงฺขาตา’’อิเจฺจว วุตฺตํฯ น หิ พุทฺธสาสเน ธรเนฺต ปเจฺจกพุทฺธา ภวนฺติฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
184.Suññataphalasamāpattinti suññatavimokkhassa phalabhūtattā, suññatānupassanāya vasena samāpajjitabbattā ca suññataphalasamāpattinti laddhanāmaṃ arahattaphalasamāpattiṃ. Yasmā atīte paccekasambuddhā ahesuṃ, anāgate bhavissanti, idāni pana buddhasāsanassa dharamānattā paccekabuddhā na vattanti, tasmā paccekabuddhaggahaṇaṃ akatvā, ‘‘etarahipi buddhabuddhasāvakasaṅkhātā’’icceva vuttaṃ. Na hi buddhasāsane dharante paccekabuddhā bhavanti. Sesaṃ suviññeyyameva.
จูฬสุญฺญตสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Cūḷasuññatasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๑. จูฬสุญฺญตสุตฺตํ • 1. Cūḷasuññatasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๑. จูฬสุญฺญตสุตฺตวณฺณนา • 1. Cūḷasuññatasuttavaṇṇanā