Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๔๓๐] ๔. จูฬสุวชาตกวณฺณนา
[430] 4. Cūḷasuvajātakavaṇṇanā
สนฺติ รุกฺขาติ อิทํ สตฺถา สาวตฺถิยํ เชตวเน วิหรโนฺต เวรญฺชกณฺฑํ อารพฺภ กเถสิฯ สตฺถริ เวรญฺชายํ วสฺสํ วสิตฺวา อนุปุเพฺพน สาวตฺถิํ อนุปฺปเตฺต ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ ‘‘อาวุโส, ตถาคโต ขตฺติยสุขุมาโล พุทฺธสุขุมาโล มหเนฺตน อิทฺธานุภาเวน สมนฺนาคโตปิ เวรญฺชพฺราหฺมเณน นิมนฺติโต เตมาสํ วสโนฺต มาราวฎฺฎนวเสน ตสฺส สนฺติกา เอกทิวสมฺปิ ภิกฺขํ อลภิตฺวา โลลุปฺปจารํ ปหาย เตมาสํ ปตฺถปุลกปิโฎฺฐทเกน ยาเปโนฺต อญฺญตฺถ น อคมาสิ, อโห ตถาคตานํ อปฺปิจฺฉสนฺตุฎฺฐภาโว’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘อนจฺฉริยํ, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺส อิทานิ โลลุปฺปจารปฺปหานํ, ปุเพฺพปิ ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพโตฺตปิ โลลุปฺปจารํ ปหาสิ’’นฺติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ สพฺพมฺปิ วตฺถุ ปุริมนเยเนว วิตฺถาเรตพฺพํฯ
Santirukkhāti idaṃ satthā sāvatthiyaṃ jetavane viharanto verañjakaṇḍaṃ ārabbha kathesi. Satthari verañjāyaṃ vassaṃ vasitvā anupubbena sāvatthiṃ anuppatte bhikkhū dhammasabhāyaṃ kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ ‘‘āvuso, tathāgato khattiyasukhumālo buddhasukhumālo mahantena iddhānubhāvena samannāgatopi verañjabrāhmaṇena nimantito temāsaṃ vasanto mārāvaṭṭanavasena tassa santikā ekadivasampi bhikkhaṃ alabhitvā loluppacāraṃ pahāya temāsaṃ patthapulakapiṭṭhodakena yāpento aññattha na agamāsi, aho tathāgatānaṃ appicchasantuṭṭhabhāvo’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘anacchariyaṃ, bhikkhave, tathāgatassa idāni loluppacārappahānaṃ, pubbepi tiracchānayoniyaṃ nibbattopi loluppacāraṃ pahāsi’’nti vatvā atītaṃ āhari. Sabbampi vatthu purimanayeneva vitthāretabbaṃ.
๓๐.
30.
‘‘สนฺติ รุกฺขา หริปตฺตา, ทุมา เนกผลา พหู;
‘‘Santi rukkhā haripattā, dumā nekaphalā bahū;
กสฺมา นุ สุเกฺข โกฬาเป, สุวสฺส นิรโต มโนฯ
Kasmā nu sukkhe koḷāpe, suvassa nirato mano.
๓๑.
31.
‘‘ผลสฺส อุปภุญฺชิมฺหา, เนกวสฺสคเณ พหู;
‘‘Phalassa upabhuñjimhā, nekavassagaṇe bahū;
อผลมฺปิ วิทิตฺวาน, สาว เมตฺติ ยถา ปุเรฯ
Aphalampi viditvāna, sāva metti yathā pure.
๓๒.
32.
‘‘สุกฺขญฺจ รุกฺขํ โกฬาปํ, โอปตฺตมผลํ ทุมํ;
‘‘Sukkhañca rukkhaṃ koḷāpaṃ, opattamaphalaṃ dumaṃ;
โอหาย สกุณา ยนฺติ, กิํ โทสํ ปสฺสเส ทิชฯ
Ohāya sakuṇā yanti, kiṃ dosaṃ passase dija.
๓๓.
33.
‘‘เย ผลตฺถา สมฺภชนฺติ, อผโลติ ชหนฺติ นํ;
‘‘Ye phalatthā sambhajanti, aphaloti jahanti naṃ;
อตฺตตฺถปญฺญา ทุเมฺมธา, เต โหนฺติ ปกฺขปาติโนฯ
Attatthapaññā dummedhā, te honti pakkhapātino.
๓๔.
34.
‘‘สาธุ สกฺขิ กตํ โหติ, เมตฺติ สํสติ สนฺถโว;
‘‘Sādhu sakkhi kataṃ hoti, metti saṃsati santhavo;
สเจตํ ธมฺมํ โรเจสิ, ปาสํโสสิ วิชานตํฯ
Sacetaṃ dhammaṃ rocesi, pāsaṃsosi vijānataṃ.
๓๕.
35.
‘‘โส เต สุว วรํ ทมฺมิ, ปตฺตยาน วิหงฺคม;
‘‘So te suva varaṃ dammi, pattayāna vihaṅgama;
วรํ วรสฺสุ วกฺกงฺค, ยํ กิญฺจิ มนสิจฺฉสิฯ
Varaṃ varassu vakkaṅga, yaṃ kiñci manasicchasi.
๓๖.
36.
‘‘อปิ นาม นํ ปเสฺสยฺยํ, สปตฺตํ สผลํ ทุมํ;
‘‘Api nāma naṃ passeyyaṃ, sapattaṃ saphalaṃ dumaṃ;
ทลิโทฺทว นิธิํ ลทฺธา, นเนฺทยฺยาหํ ปุนปฺปุนํฯ
Daliddova nidhiṃ laddhā, nandeyyāhaṃ punappunaṃ.
๓๗.
37.
‘‘ตโต อมตมาทาย, อภิสิญฺจิ มหีรุหํ;
‘‘Tato amatamādāya, abhisiñci mahīruhaṃ;
ตสฺส สาขา วิรูหิํสุ, สีตจฺฉายา มโนรมาฯ
Tassa sākhā virūhiṃsu, sītacchāyā manoramā.
๓๘.
38.
‘‘เอวํ สกฺก สุขี โหหิ, สห สเพฺพหิ ญาติภิ;
‘‘Evaṃ sakka sukhī hohi, saha sabbehi ñātibhi;
ยถาหมชฺช สุขิโต, ทิสฺวาน สผลํ ทุมํฯ
Yathāhamajja sukhito, disvāna saphalaṃ dumaṃ.
๓๙.
39.
‘‘สุวสฺส จ วรํ ทตฺวา, กตฺวาน สผลํ ทุมํ;
‘‘Suvassa ca varaṃ datvā, katvāna saphalaṃ dumaṃ;
ปกฺกามิ สห ภริยาย, เทวานํ นนฺทนํ วน’’นฺติฯ –
Pakkāmi saha bhariyāya, devānaṃ nandanaṃ vana’’nti. –
ปญฺหปฎิปญฺหาปิ อโตฺถปิ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพา, อนุตฺตานปทเมว ปน วณฺณยิสฺสามฯ
Pañhapaṭipañhāpi atthopi purimanayeneva veditabbā, anuttānapadameva pana vaṇṇayissāma.
หริปตฺตาติ นีลปตฺตสจฺฉนฺนาฯ โกฬาเปติ วาเต ปหรเนฺต อาโกฎิตสทฺทํ วิย มุญฺจมาเน นิสฺสาเรฯ สุวสฺสาติ อายสฺมโต สุวราชสฺส กสฺมา เอวรูเป รุเกฺข มโน นิรโตฯ ผลสฺสาติ ผลํ อสฺส รุกฺขสฺสฯ เนกวสฺสคเณติ อเนกวสฺสคเณฯ พหูติ สมาเนปิ อเนกสเต น เทฺว ตโย, อถ โข พหูวฯ วิทิตฺวานาติ หํสราช อิทานิ อมฺหากํ อิมํ รุกฺขํ อผลํ วิทิตฺวาปิ ยถา ปุเร เอเตน สทฺธิํ เมตฺติ, สาว เมตฺติ, ตญฺหิ มยํ น ภินฺทาม, เมตฺติํ ภินฺทนฺตา หิ อนริยา อสปฺปุริสา นาม โหนฺตีติ ปกาเสโนฺต เอวมาหฯ
Haripattāti nīlapattasacchannā. Koḷāpeti vāte paharante ākoṭitasaddaṃ viya muñcamāne nissāre. Suvassāti āyasmato suvarājassa kasmā evarūpe rukkhe mano nirato. Phalassāti phalaṃ assa rukkhassa. Nekavassagaṇeti anekavassagaṇe. Bahūti samānepi anekasate na dve tayo, atha kho bahūva. Viditvānāti haṃsarāja idāni amhākaṃ imaṃ rukkhaṃ aphalaṃ viditvāpi yathā pure etena saddhiṃ metti, sāva metti, tañhi mayaṃ na bhindāma, mettiṃ bhindantā hi anariyā asappurisā nāma hontīti pakāsento evamāha.
โอปตฺตนฺติ อวปตฺตํ นิปฺปตฺตํ ปติตปตฺตํฯ กิํ โทสํ ปสฺสเสติ อเญฺญ สกุณา เอตํ โอหาย อญฺญตฺถ คจฺฉนฺติ, ตฺวํ เอวํ คมเน กิํ นาม โทสํ ปสฺสสิฯ เย ผลตฺถาติ เย ปกฺขิโน ผลตฺถาย ผลการณา สมฺภชนฺติ อุปคจฺฉนฺติ, อผโลติ ญตฺวา เอตํ ชหนฺติฯ อตฺตตฺถปญฺญาติ อตฺตโน อตฺถาย ปญฺญา, ปรํ อโนโลเกตฺวา อตฺตนิเยว วา ฐิตา เอเตสํ ปญฺญาติ อตฺตตฺถปญฺญาฯ ปกฺขปาติโนติ เต อตฺตโนเยว วุฑฺฒิํ ปจฺจาสีสมานา มิตฺตปกฺขํ ปาเตนฺติ นาเสนฺตีติ ปกฺขปาติโน นาม โหนฺติฯ อตฺตปเกฺขเยว วา ปตนฺตีติ ปกฺขปาติโนฯ
Opattanti avapattaṃ nippattaṃ patitapattaṃ. Kiṃ dosaṃ passaseti aññe sakuṇā etaṃ ohāya aññattha gacchanti, tvaṃ evaṃ gamane kiṃ nāma dosaṃ passasi. Ye phalatthāti ye pakkhino phalatthāya phalakāraṇā sambhajanti upagacchanti, aphaloti ñatvā etaṃ jahanti. Attatthapaññāti attano atthāya paññā, paraṃ anoloketvā attaniyeva vā ṭhitā etesaṃ paññāti attatthapaññā. Pakkhapātinoti te attanoyeva vuḍḍhiṃ paccāsīsamānā mittapakkhaṃ pātenti nāsentīti pakkhapātino nāma honti. Attapakkheyeva vā patantīti pakkhapātino.
อปิ นาม นนฺติ หํสราช, สเจ เม มโนรโถ นิปฺผเชฺชยฺย, ตยา ทิโนฺน วโร สมฺปเชฺชยฺย, อปิ นาม อหํ อิมํ รุกฺขํ สปตฺตํ สผลํ ปุน ปเสฺสยฺยํ, ตโต ทลิโทฺท นิธิํ ลภิตฺวาว ปุนปฺปุนํ เอตํ อภินเนฺทยฺยํ, ตํ ทิสฺวาว ปโมเทยฺยํฯ อมตมาทายาติ อตฺตโน อานุภาเวน ฐิโต คโงฺคทกํ คเหตฺวา อภิสิญฺจยีติ อโตฺถฯ อิมสฺมิํ ชาตเก อิมาย สทฺธิํ เทฺว อภิสมฺพุทฺธคาถา โหนฺติฯ
Apināma nanti haṃsarāja, sace me manoratho nipphajjeyya, tayā dinno varo sampajjeyya, api nāma ahaṃ imaṃ rukkhaṃ sapattaṃ saphalaṃ puna passeyyaṃ, tato daliddo nidhiṃ labhitvāva punappunaṃ etaṃ abhinandeyyaṃ, taṃ disvāva pamodeyyaṃ. Amatamādāyāti attano ānubhāvena ṭhito gaṅgodakaṃ gahetvā abhisiñcayīti attho. Imasmiṃ jātake imāya saddhiṃ dve abhisambuddhagāthā honti.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สโกฺก อนุรุโทฺธ อโหสิ, สุวราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā sakko anuruddho ahosi, suvarājā pana ahameva ahosi’’nti.
จูฬสุวชาตกวณฺณนา จตุตฺถาฯ
Cūḷasuvajātakavaṇṇanā catutthā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๔๓๐. จูฬสุวชาตกํ • 430. Cūḷasuvajātakaṃ