Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā)

    ๗. จูฬตณฺหาสงฺขยสุตฺตวณฺณนา

    7. Cūḷataṇhāsaṅkhayasuttavaṇṇanā

    ๓๙๐. ตตฺราติ ตสฺมิํ ปุพฺพารามมิคารมาตุปาสาทานํ อตฺถวิภาวเน อยํ อิทานิ วุจฺจมานา อนุปุพฺพี กถาฯ มณีนนฺติ เอตฺถ ปทุมราคมณีนํ อธิเปฺปตตฺตา อาห ‘‘อเญฺญหิ จา’’ติฯ เตน อินฺทนีลาทิมณีนํ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ นีลปีตโลหิโตทาตมญฺชิฎฺฐปภสฺสรกพรวณฺณวเสน สตฺตวเณฺณหิ

    390.Tatrāti tasmiṃ pubbārāmamigāramātupāsādānaṃ atthavibhāvane ayaṃ idāni vuccamānā anupubbī kathā. Maṇīnanti ettha padumarāgamaṇīnaṃ adhippetattā āha ‘‘aññehi cā’’ti. Tena indanīlādimaṇīnaṃ saṅgaho daṭṭhabbo. Nīlapītalohitodātamañjiṭṭhapabhassarakabaravaṇṇavasena sattavaṇṇehi.

    ตณฺหา สพฺพโส ขียนฺติ เอตฺถาติ ตณฺหาสงฺขโย (อ. นิ. ฎี. ๓.๗.๖๑), ตสฺมิํฯ ตณฺหาสงฺขเยติ จ วิสเย อิทํ ภุมฺมนฺติ อาห ‘‘ตํ อารมฺมณํ กตฺวา’’ติฯ วิมุตฺตจิตฺตตายาติ สพฺพสํกิเลเสหิ วิมุตฺตจิตฺตตายฯ อปรภาคปฎิปทา นาม อริยสจฺจาภิสมโย, สา สาสนจาริโคจรา ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺพโตติ อาห ‘‘ปุพฺพภาคปฺปฎิปทํ สํขิเตฺตน เทเสถาติ ปุจฺฉตี’’ติฯ อกุปฺปธมฺมตาย ขยวยสงฺขาตํ อนฺตํ อตีตาติ อจฺจนฺตา, โส เอว อปริหานสภาวตฺตา อจฺจนฺตา นิฎฺฐา เอตสฺสาติ อจฺจนฺตนิโฎฺฐฯ เตนาห ‘‘เอกนฺตนิโฎฺฐ สตตนิโฎฺฐติ อโตฺถ’’ติฯ น หิ ปฎิวิทฺธสฺส โลกุตฺตรธมฺมสฺส ทสฺสนํ กุปฺปนํ นาม อตฺถิฯ อจฺจนฺตเมว จตูหิ โยเคหิ เขโม เอตสฺส อตฺถีติ อจฺจนฺตโยคเกฺขมีฯ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส วุสิตตฺตา, ตสฺส จ อปริหานสภาวตฺตา อจฺจนฺตํ พฺรหฺมจารีติ อจฺจนฺตพฺรหฺมจารีฯ เตนาห ‘‘นิจฺจพฺรหฺมจารีติ อโตฺถ’’ติฯ ปริโยสานนฺติ พฺรหฺมจริยสฺส ปริโยสานํฯ

    Taṇhā sabbaso khīyanti etthāti taṇhāsaṅkhayo (a. ni. ṭī. 3.7.61), tasmiṃ. Taṇhāsaṅkhayeti ca visaye idaṃ bhummanti āha ‘‘taṃ ārammaṇaṃ katvā’’ti. Vimuttacittatāyāti sabbasaṃkilesehi vimuttacittatāya. Aparabhāgapaṭipadā nāma ariyasaccābhisamayo, sā sāsanacārigocarā paccattaṃ veditabbatoti āha ‘‘pubbabhāgappaṭipadaṃ saṃkhittena desethāti pucchatī’’ti. Akuppadhammatāya khayavayasaṅkhātaṃ antaṃ atītāti accantā, so eva aparihānasabhāvattā accantā niṭṭhā etassāti accantaniṭṭho. Tenāha ‘‘ekantaniṭṭho satataniṭṭhoti attho’’ti. Na hi paṭividdhassa lokuttaradhammassa dassanaṃ kuppanaṃ nāma atthi. Accantameva catūhi yogehi khemo etassa atthīti accantayogakkhemī. Maggabrahmacariyassa vusitattā, tassa ca aparihānasabhāvattā accantaṃ brahmacārīti accantabrahmacārī. Tenāha ‘‘niccabrahmacārīti attho’’ti. Pariyosānanti brahmacariyassa pariyosānaṃ.

    เวคายตีติ ตุริตายติฯ สลฺลเกฺขสีติ จิเนฺตสิ, อตฺตนา ยถา สุตาย สตฺถุ เทสนาย อนุสฺสรณวเสน อุปธาเรสิฯ อนุคฺคณฺหิตฺวาวาติ อตฺถวินิจฺฉยวเสน อนุคฺคเหตฺวา เอวฯ ฉสุ ทฺวาเรสุ นิยุตฺตาติ ฉทฺวาริกา, เตหิฯ

    Vegāyatīti turitāyati. Sallakkhesīti cintesi, attanā yathā sutāya satthu desanāya anussaraṇavasena upadhāresi. Anuggaṇhitvāvāti atthavinicchayavasena anuggahetvā eva. Chasu dvāresu niyuttāti chadvārikā, tehi.

    ปญฺจกฺขนฺธาติ ปญฺจุปาทานกฺขนฺธาฯ สกฺกายสพฺพญฺหิ สนฺธาย อิธ ‘‘สเพฺพ ธมฺมา’’ติ วุตฺตํ วิปสฺสนาวิสยสฺส อธิเปฺปตตฺตา, ตสฺมา อายตนธาตุโยปิ ตคฺคติกา เอว ทฎฺฐพฺพาฯ เตนาห ภควา ‘‘นาลํ อภินิเวสายา’’ติฯ น ยุตฺตา อภินิเวสาย ‘‘เอตํ มม, เอโส เม อตฺตา’’ติ อโชฺฌสานายฯ ‘‘อลเมว นิพฺพินฺทิตุํ อลํ วิรชฺชิตุ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๗๒; สํ. นิ. ๒.๑๒๔-๑๒๕, ๑๒๘, ๑๓๔, ๑๔๓) วิย อลํ-สโทฺท ยุตฺตโตฺถปิ โหตีติ อาห ‘‘น ยุตฺตา’’ติฯ สมฺปชฺชนฺตีติ ภวนฺติฯ ยทิปิ ‘‘ตติยา, จตุตฺถี’’ติ อิทํ วิสุทฺธิทฺวยํ อภิญฺญาปญฺญา, ตสฺสา ปน สปฺปจฺจยนามรูปทสฺสนภาวโต, สติ จ ปจฺจยปริคฺคเห สปฺปจฺจยตฺตา (นามรูปสฺส อนิจฺจตา, อนิจฺจํ ทุกฺขํ, ทุกฺขญฺจ อนตฺตาติ อตฺถโต) ลกฺขณตฺตยํ สุปากฎเมว โหตีติ อาห ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตาติ ญาตปริญฺญาย อภิชานาตี’’ติฯ ตเถว ตีรณปริญฺญายาติ อิมินา อนิจฺจาทิภาเวน นาลํ อภินิเวสายาติ นามรูปสฺส อุปสํหรติ, น อภิญฺญาปญฺญานํ สมฺภารธมฺมานํฯ ปุริมาย หิ อตฺถโต อาปนฺนลกฺขณตฺตยํ คณฺหาติ สลกฺขณสลฺลกฺขณปรตฺตา ตสฺสา, ทุติยาย สรูปโต ตสฺสา ลกฺขณตฺตยาโรปนวเสน สมฺมสนภาวโตฯ เอกจิตฺตกฺขณิกตาย อภินิปาตมตฺตตาย จ อปฺปมตฺตกมฺปิฯ รูปปริคฺคหสฺส โอฬาริกภาวโต อรูปปริคฺคหํ ทเสฺสติฯ ทเสฺสโนฺต จ เวทนาย อาสนฺนภาวโต, วิเสสโต สุขสาราคิตาย, ภวสฺสาทคธิตมานสตาย จ สกฺกสฺส เวทนาวเสน นิพฺพเตฺตตฺวา ทเสฺสติ

    Pañcakkhandhāti pañcupādānakkhandhā. Sakkāyasabbañhi sandhāya idha ‘‘sabbe dhammā’’ti vuttaṃ vipassanāvisayassa adhippetattā, tasmā āyatanadhātuyopi taggatikā eva daṭṭhabbā. Tenāha bhagavā ‘‘nālaṃ abhinivesāyā’’ti. Na yuttā abhinivesāya ‘‘etaṃ mama, eso me attā’’ti ajjhosānāya. ‘‘Alameva nibbindituṃ alaṃ virajjitu’’ntiādīsu (dī. ni. 2.272; saṃ. ni. 2.124-125, 128, 134, 143) viya alaṃ-saddo yuttatthopi hotīti āha ‘‘na yuttā’’ti. Sampajjantīti bhavanti. Yadipi ‘‘tatiyā, catutthī’’ti idaṃ visuddhidvayaṃ abhiññāpaññā, tassā pana sappaccayanāmarūpadassanabhāvato, sati ca paccayapariggahe sappaccayattā (nāmarūpassa aniccatā, aniccaṃ dukkhaṃ, dukkhañca anattāti atthato) lakkhaṇattayaṃ supākaṭameva hotīti āha ‘‘aniccaṃ dukkhaṃ anattāti ñātapariññāya abhijānātī’’ti. Tatheva tīraṇapariññāyāti iminā aniccādibhāvena nālaṃ abhinivesāyāti nāmarūpassa upasaṃharati, na abhiññāpaññānaṃ sambhāradhammānaṃ. Purimāya hi atthato āpannalakkhaṇattayaṃ gaṇhāti salakkhaṇasallakkhaṇaparattā tassā, dutiyāya sarūpato tassā lakkhaṇattayāropanavasena sammasanabhāvato. Ekacittakkhaṇikatāya abhinipātamattatāya ca appamattakampi. Rūpapariggahassa oḷārikabhāvato arūpapariggahaṃ dasseti. Dassento ca vedanāya āsannabhāvato, visesato sukhasārāgitāya, bhavassādagadhitamānasatāya ca sakkassa vedanāvasena nibbattetvā dasseti.

    อุปฺปาทวยเฎฺฐนาติ อุทยพฺพยสภาเวน อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌเนนฯ อนิจฺจาติ อทฺธุ วาฯ อนิจฺจลกฺขณํ อนิจฺจตา อุทยวยตาฯ ตสฺมาติ ยสฺมา ปญฺจนฺนํ ขนฺธานํ ขยโต วยโต ทสฺสนญาณํ อนิจฺจานุปสฺสนา, ตํสมงฺคี จ ปุคฺคโล อนิจฺจานุปสฺสี , ตสฺมาฯ ขยวิราโคติ ขยสงฺขาโต วิราโค สงฺขารานํ ปลุชฺชนาฯ ยํ อาคมฺม สพฺพโส สงฺขาเรหิ วิรชฺชนา โหติ, ตํ นิพฺพานํ อจฺจนฺตวิราโคฯ นิโรธานุปสฺสิมฺหิปีติ นิโรธานุปสฺสิปเทปิฯ ‘‘เอเสว นโย’’ติ อภิทิสิตฺวา ตํ เอกเทเสน วิวรโนฺต ‘‘นิโรโธปิ หิ…เป.… ทุวิโธเยวา’’ติ อาหฯ สพฺพาสวสํวเร วุตฺตโวสฺสโคฺคว อิธ ‘‘ปฎินิสฺสโคฺค’’ติ วุโตฺตติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ปฎินิสฺสโคฺค วุจฺจติ โวสฺสโคฺค’’ติอาทิมาหฯ ปริจฺจาคโวสฺสโคฺค วิปสฺสนาฯ ปกฺขนฺทนวเสน อปฺปนโต ปกฺขนฺทนโวสฺสโคฺค มโคฺค อญฺญสฺส ตทภาวโตฯ โสติ มโคฺคฯ อารมฺมณโตติ กิจฺจสาธนวเสน อารมฺมณกรณโตฯ เอวญฺหิ มคฺคโต อเญฺญสํ นิพฺพานารมฺมณานํ ปกฺขนฺทนโวสฺสคฺคาภาโว สิโทฺธ โหติฯ ปริจฺจชเนน ปกฺขนฺทเนน จาติ ทฺวีหิปิ วา การเณหิฯ สเพฺพสํ ขนฺธานํ โวสฺสชฺชนํ ตปฺปฎิพทฺธสํกิเลสปฺปหาเนน ทฎฺฐพฺพํฯ จิตฺตํ ปกฺขนฺทตีติ มคฺคสมฺปยุตฺตํ จิตฺตํ สนฺธายาหฯ อุภยเมฺปตํ โวสฺสชฺชนํฯ ตทุภยสมงฺคีติ วิปสฺสนาสมงฺคี มคฺคสมงฺคี จฯ ‘‘อนิจฺจานุปสฺสนาย นิจฺจสญฺญํ ปชหตี’’ติอาทิวจนโต (ปฎิ. ม. ๑.๕๒) ยถา วิปสฺสนาย กิเลสานํ ปริจฺจาคปฎินิสฺสโคฺค ลพฺภติ, เอวํ อายติํ เตหิ กิเลเสหิ อุปฺปาเทตพฺพขนฺธานมฺปิ ปริจฺจาคปฎินิสฺสโคฺค วตฺตโพฺพ, ปกฺขนฺทนปฎินิสฺสโคฺค ปน มเคฺค ลพฺภมานาย เอกนฺตการณภูตาย วุฎฺฐานคามินิวิปสฺสนาย วเสน เวทิตโพฺพ, มเคฺค ปน ตทุภยมฺปิ ญายาคตเมว นิปฺปริยายโตว ลพฺภมานตฺตาฯ เตนาห ‘‘ตทุภยสมงฺคี ปุคฺคโล’’ติอาทิฯ

    Uppādavayaṭṭhenāti udayabbayasabhāvena uppajjitvā nirujjhanena. Aniccāti addhu vā. Aniccalakkhaṇaṃ aniccatā udayavayatā. Tasmāti yasmā pañcannaṃ khandhānaṃ khayato vayato dassanañāṇaṃ aniccānupassanā, taṃsamaṅgī ca puggalo aniccānupassī , tasmā. Khayavirāgoti khayasaṅkhāto virāgo saṅkhārānaṃ palujjanā. Yaṃ āgamma sabbaso saṅkhārehi virajjanā hoti, taṃ nibbānaṃ accantavirāgo. Nirodhānupassimhipīti nirodhānupassipadepi. ‘‘Eseva nayo’’ti abhidisitvā taṃ ekadesena vivaranto ‘‘nirodhopi hi…pe… duvidhoyevā’’ti āha. Sabbāsavasaṃvare vuttavossaggova idha ‘‘paṭinissaggo’’ti vuttoti dassento ‘‘paṭinissaggo vuccati vossaggo’’tiādimāha. Pariccāgavossaggo vipassanā. Pakkhandanavasena appanato pakkhandanavossaggo maggo aññassa tadabhāvato. Soti maggo. Ārammaṇatoti kiccasādhanavasena ārammaṇakaraṇato. Evañhi maggato aññesaṃ nibbānārammaṇānaṃ pakkhandanavossaggābhāvo siddho hoti. Pariccajanena pakkhandanena cāti dvīhipi vā kāraṇehi. Sabbesaṃ khandhānaṃ vossajjanaṃ tappaṭibaddhasaṃkilesappahānena daṭṭhabbaṃ. Cittaṃ pakkhandatīti maggasampayuttaṃ cittaṃ sandhāyāha. Ubhayampetaṃ vossajjanaṃ. Tadubhayasamaṅgīti vipassanāsamaṅgī maggasamaṅgī ca. ‘‘Aniccānupassanāya niccasaññaṃ pajahatī’’tiādivacanato (paṭi. ma. 1.52) yathā vipassanāya kilesānaṃ pariccāgapaṭinissaggo labbhati, evaṃ āyatiṃ tehi kilesehi uppādetabbakhandhānampi pariccāgapaṭinissaggo vattabbo, pakkhandanapaṭinissaggo pana magge labbhamānāya ekantakāraṇabhūtāya vuṭṭhānagāminivipassanāya vasena veditabbo, magge pana tadubhayampi ñāyāgatameva nippariyāyatova labbhamānattā. Tenāha ‘‘tadubhayasamaṅgī puggalo’’tiādi.

    ปุจฺฉนฺตสฺส อชฺฌาสยวเสน ‘‘น กิญฺจิ โลเก อุปาทิยตี’’ติ เอตฺถ กามุปาทานวเสน อุปาทิยนํ ปฎิกฺขิปียตีติ อาห ‘‘ตณฺหาวเสน น อุปาทิยตี’’ติฯ ตณฺหาวเสน วา อสติ อุปาทิยเน ทิฎฺฐิวเสน อุปาทิยนํ อนวกาสเมวาติ ‘‘ตณฺหาวเสน’’อิเจฺจว วุตฺตํฯ น ปรามสตีติ นาทิยติ, ทิฎฺฐิปรามาสวเสน วา ‘‘นิจฺจ’’นฺติอาทินา น ปรามสติฯ สํขิเตฺตเนว ขิปฺปํ กเถสีติ ตสฺส อชฺฌาสยวเสน ปปญฺจํ อกตฺวา กเถสิฯ

    Pucchantassa ajjhāsayavasena ‘‘na kiñci loke upādiyatī’’ti ettha kāmupādānavasena upādiyanaṃ paṭikkhipīyatīti āha ‘‘taṇhāvasena na upādiyatī’’ti. Taṇhāvasena vā asati upādiyane diṭṭhivasena upādiyanaṃ anavakāsamevāti ‘‘taṇhāvasena’’icceva vuttaṃ. Na parāmasatīti nādiyati, diṭṭhiparāmāsavasena vā ‘‘nicca’’ntiādinā na parāmasati. Saṃkhitteneva khippaṃ kathesīti tassa ajjhāsayavasena papañcaṃ akatvā kathesi.

    ๓๙๑. อภิสมาคนฺตฺวาติ อภิมุขญาเณน เญยฺยํ สมาคนฺตฺวา ยาถาวโต วิทิตฺวาฯ เตนาห ‘‘ชานิตฺวา’’ติฯ ยถาปริสวิญฺญาปกตฺตาติ ยถาปริสํ ธมฺมสมฺปฎิคฺคาหิกาย มหติยา, อปฺปกาย วา ปริสาย อนุรูปเมว วิญฺญาปนโตฯ ปริยนฺตํ น นิจฺฉรตีติ น ปวตฺตติฯ มา นิรตฺถกา อคมาสีติ อิทํ ธมฺมตาวเสน วุตฺตํ, น สตฺถุ อชฺฌาสยวเสนฯ เอกเญฺหตํ สตฺถุ วจีโฆสสฺส อฎฺฐสุ อเงฺคสุ, ยทิทํ ปริสปริยนฺตตาฯ ฉิทฺทวิวโรกาโสติ ฉิทฺทภูโต, วิวรภูโต วา โอกาโสปิ นตฺถิ, ภควโต สทฺทาสวนการณํ วุตฺตเมวฯ ตสฺมาติ ยถาวุตฺตการณโตฯ

    391.Abhisamāgantvāti abhimukhañāṇena ñeyyaṃ samāgantvā yāthāvato viditvā. Tenāha ‘‘jānitvā’’ti. Yathāparisaviññāpakattāti yathāparisaṃ dhammasampaṭiggāhikāya mahatiyā, appakāya vā parisāya anurūpameva viññāpanato. Pariyantaṃ na niccharatīti na pavattati. Mā niratthakā agamāsīti idaṃ dhammatāvasena vuttaṃ, na satthu ajjhāsayavasena. Ekañhetaṃ satthu vacīghosassa aṭṭhasu aṅgesu, yadidaṃ parisapariyantatā. Chiddavivarokāsoti chiddabhūto, vivarabhūto vā okāsopi natthi, bhagavato saddāsavanakāraṇaṃ vuttameva. Tasmāti yathāvuttakāraṇato.

    ปญฺจ องฺคานิ เอตสฺสาติ ปญฺจงฺคํ, ปญฺจงฺคํ เอว ปญฺจงฺคิกํฯ มหตีอาทิ วีณาวิเสโสปิ อาตตเมวาติ ‘‘จมฺมปริโยนเทฺธสู’’ติ วิเสสิตํฯ เอกตลํ กุมฺภถูณททฺทราทิฯ จมฺมปริโยนทฺธํ หุตฺวา ตนฺติพทฺธํ อาตตวิตตํฯ เตนาห ‘‘ตนฺติพทฺธปณวาที’’ติฯ โคมุขีอาทีนมฺปิ เอเตฺถว สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ วํสาทีติ อาทิ-สเทฺทน สงฺขสิงฺคาทีนํ สงฺคโหฯ สมฺมาทีติ สมฺมตาฬกํสตาฬสิลาสลากตาฬาทิฯ ตตฺถ สมฺมตาฬํ นาม ทณฺฑมยตาฬํฯ กํสตาฬํ โลหมยํฯ สิลาย อโยปเตฺตน จ วาทนตาฬํ สิลาสลากตาฬํฯ สมปฺปิโตติ สมฺมา อปฺปิโต อุเปโตฯ เตนาห ‘‘อุปคโต’’ติฯ อุปฎฺฐานวเสน ปญฺจหิ ตูริยสเตหิ อุเปโตฯ เอวํภูโต จ ยสฺมา เตหิ อุปฎฺฐิโต สมนฺนาคโต นาม โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สมงฺคีภูโตติ ตเสฺสว เววจน’’นฺติฯ ปริจาเรตีติ ปริโต จาเรติฯ กานิ ปน จาเรติ, กถํ วา จาเรตีติ อาห ‘‘สมฺปตฺติํ…เป.… จาเรตี’’ติฯ ตตฺถ ตโต ตโตติ ตสฺมิํ ตสฺมิํ วาทิเต ตตฺถ ตตฺถ จ วาทกชเนฯ อปเนตฺวาติ วาทกชเน นิเสเธตฺวาฯ เตนาห ‘‘นิสฺสทฺทานิ การาเปตฺวา’’ติฯ เทวจาริกํ คจฺฉติเยว เทวตานํ มนุสฺสานญฺจ อนุกมฺปายฯ สฺวายมโตฺถ วิมานวตฺถูหิ (วิ. ว. ๑) ทีเปตโพฺพฯ

    Pañca aṅgāni etassāti pañcaṅgaṃ, pañcaṅgaṃ eva pañcaṅgikaṃ. Mahatīādi vīṇāvisesopi ātatamevāti ‘‘cammapariyonaddhesū’’ti visesitaṃ. Ekatalaṃ kumbhathūṇadaddarādi. Cammapariyonaddhaṃ hutvā tantibaddhaṃ ātatavitataṃ. Tenāha ‘‘tantibaddhapaṇavādī’’ti. Gomukhīādīnampi ettheva saṅgaho daṭṭhabbo. Vaṃsādīti ādi-saddena saṅkhasiṅgādīnaṃ saṅgaho. Sammādīti sammatāḷakaṃsatāḷasilāsalākatāḷādi. Tattha sammatāḷaṃ nāma daṇḍamayatāḷaṃ. Kaṃsatāḷaṃ lohamayaṃ. Silāya ayopattena ca vādanatāḷaṃ silāsalākatāḷaṃ. Samappitoti sammā appito upeto. Tenāha ‘‘upagato’’ti. Upaṭṭhānavasena pañcahi tūriyasatehi upeto. Evaṃbhūto ca yasmā tehi upaṭṭhito samannāgato nāma hoti, tasmā vuttaṃ ‘‘samaṅgībhūtoti tasseva vevacana’’nti. Paricāretīti parito cāreti. Kāni pana cāreti, kathaṃ vā cāretīti āha ‘‘sampattiṃ…pe… cāretī’’ti. Tattha tato tatoti tasmiṃ tasmiṃ vādite tattha tattha ca vādakajane. Apanetvāti vādakajane nisedhetvā. Tenāha ‘‘nissaddāni kārāpetvā’’ti. Devacārikaṃ gacchatiyeva devatānaṃ manussānañca anukampāya. Svāyamattho vimānavatthūhi (vi. va. 1) dīpetabbo.

    ๓๙๒. อเปฺปว สเกน กรณีเยนาติ มาริส, โมคฺคลฺลาน, มยํ สเกน กรณีเยน อเปฺปว พหุกิจฺจาปิ น โหมฯ อปิจ เทวานํเยวาติ อปิจ โข ปน เทวานํเยว ตาวติํสานํ กรณีเยน วิเสสโต พหุกิจฺจาติ อตฺถโยชนาฯ ภุมฺมฎฺฐกเทวตานมฺปิ เกจิ อฎฺฎา สเกฺกน วินิจฺฉิตพฺพา โหนฺตีติ อาห ‘‘ปถวิโต ปฎฺฐายา’’ติฯ นิยเมโนฺตติ อวธาเรโนฺตฯ ตํ ปน กรณียํ สรูปโต ทเสฺสตุํ ‘‘เทวานํ หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตาสนฺติ เทวธีตุเทวปุตฺตปาทปริจาริกานํฯ มณฺฑนปสาธนการิกาติ มณฺฑนปสาธนสํวิธายิกาฯ อฎฺฎกรณํ นตฺถิ สํสยเสฺสว อภาวโตฯ

    392.Appeva sakena karaṇīyenāti mārisa, moggallāna, mayaṃ sakena karaṇīyena appeva bahukiccāpi na homa. Apica devānaṃyevāti apica kho pana devānaṃyeva tāvatiṃsānaṃ karaṇīyena visesato bahukiccāti atthayojanā. Bhummaṭṭhakadevatānampi keci aṭṭā sakkena vinicchitabbā hontīti āha ‘‘pathavito paṭṭhāyā’’ti. Niyamentoti avadhārento. Taṃ pana karaṇīyaṃ sarūpato dassetuṃ ‘‘devānaṃ hī’’tiādi vuttaṃ. Tāsanti devadhītudevaputtapādaparicārikānaṃ. Maṇḍanapasādhanakārikāti maṇḍanapasādhanasaṃvidhāyikā. Aṭṭakaraṇaṃ natthi saṃsayasseva abhāvato.

    นฺติ สวนุคฺคหณาทิวเสน สุปริจิตมฺปิ ยํ อตฺถชาตํฯ น ทิสฺสติ, ปญฺญาจกฺขุโน สพฺพโส น ปฎิภาตีติ อโตฺถฯ เกจีติ สารสมาสาจริยาฯ โสมนสฺสสํเวคนฺติ โสมนสฺสสมุฎฺฐานํ สํเวคํ, น จิตฺตสนฺตาสํฯ

    Yanti savanuggahaṇādivasena suparicitampi yaṃ atthajātaṃ. Na dissati, paññācakkhuno sabbaso na paṭibhātīti attho. Kecīti sārasamāsācariyā. Somanassasaṃveganti somanassasamuṭṭhānaṃ saṃvegaṃ, na cittasantāsaṃ.

    สมุปพฺยูโฬฺหติ ยุชฺฌนวเสน สหปติโต สโมคาโฬฺหฯ เอวํภูโต จ ยสฺมา สมูหวเสน สมฺปิณฺฑิโต โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สนฺนิปติโต ราสิภูโต’’ติฯ อนนฺตเร อตฺตภาเวติ อิทํ ทุติยํ สกฺกตฺตภาวํ ตโต อนนฺตราตีเตน สกฺกตฺตภาเวน สกฺกตฺตภาวสามญฺญโต เอกมิว กตฺวา คหณวเสน วุตฺตํ, อญฺญถา ‘‘ตติเย อตฺตภาเว’’ติ วตฺตพฺพํ สิยาฯ มฆตฺตภาโว หิ อิโต ตติโยติฯ อถ วา ยสฺมิํ อตฺตภาเว โส เทวาสุรสงฺคาโม อโหสิ, ตสฺส อนนฺตรตฺตา มฆตฺตภาวสฺส วุตฺตํ ‘‘อนนฺตเร อตฺตภาเว’’ติฯ สตฺตานํ หิเตสิตาย มาตาปิตุอุปฎฺฐานาทินา จริยาหิ โพธิสตฺตจริยา วิยสฺส จริยา อโหสิฯ สตฺต วตปทานีติ สตฺต วตโกฎฺฐาเสฯ

    Samupabyūḷhoti yujjhanavasena sahapatito samogāḷho. Evaṃbhūto ca yasmā samūhavasena sampiṇḍito hoti, tasmā vuttaṃ ‘‘sannipatito rāsibhūto’’ti. Anantare attabhāveti idaṃ dutiyaṃ sakkattabhāvaṃ tato anantarātītena sakkattabhāvena sakkattabhāvasāmaññato ekamiva katvā gahaṇavasena vuttaṃ, aññathā ‘‘tatiye attabhāve’’ti vattabbaṃ siyā. Maghattabhāvo hi ito tatiyoti. Atha vā yasmiṃ attabhāve so devāsurasaṅgāmo ahosi, tassa anantarattā maghattabhāvassa vuttaṃ ‘‘anantare attabhāve’’ti. Sattānaṃ hitesitāya mātāpituupaṭṭhānādinā cariyāhi bodhisattacariyā viyassa cariyā ahosi. Satta vatapadānīti satta vatakoṭṭhāse.

    มหาปานนฺติ มหนฺตํ สุราปานํฯ คณฺฑปานนฺติ คณฺฑสุราปานํ, อธิมตฺตปานนฺติ อโตฺถฯ ปริหรมานาติ ปริวาเรนฺตาฯ เวทิกาปาทาติ สิเนรุสฺส ปริยเนฺต เวทิกาปริเกฺขปาฯ ปญฺจสุ ฐาเนสูติ ปญฺจสุ ปริภณฺฑฎฺฐาเนสุ นาคเสนาทีหิ อารกฺขํ ฐเปสิ

    Mahāpānanti mahantaṃ surāpānaṃ. Gaṇḍapānanti gaṇḍasurāpānaṃ, adhimattapānanti attho. Pariharamānāti parivārentā. Vedikāpādāti sinerussa pariyante vedikāparikkhepā. Pañcasu ṭhānesūti pañcasu paribhaṇḍaṭṭhānesu nāgasenādīhi ārakkhaṃ ṭhapesi.

    ๓๙๓. รามเณยฺยกนฺติ รมณียภาวํฯ มสารคลฺลตฺถเมฺภติ กพรมณิมเย ถเมฺภฯ สุวณฺณาทิมเย ฆฎเกติ ‘‘รชตตฺถเมฺภสุ สุวณฺณมเย, สุวณฺณตฺถเมฺภสุ รชตมเย’’ติอาทินา สุวณฺณาทิมเย ฆฎเก วาฬรูปกานิ จฯ ปพาฬฺหํ มโตฺตติ ปมโตฺตฯ เตนาห ‘‘อติวิย มโตฺต’’ติฯ นาฎกปริวาเรนาติ อจฺฉราปริวาเรนฯ

    393.Rāmaṇeyyakanti ramaṇīyabhāvaṃ. Masāragallatthambheti kabaramaṇimaye thambhe. Suvaṇṇādimaye ghaṭaketi ‘‘rajatatthambhesu suvaṇṇamaye, suvaṇṇatthambhesu rajatamaye’’tiādinā suvaṇṇādimaye ghaṭake vāḷarūpakāni ca. Pabāḷhaṃ mattoti pamatto. Tenāha ‘‘ativiya matto’’ti. Nāṭakaparivārenāti accharāparivārena.

    อจฺฉริยพฺภุตนฺติ ปททฺวเยนปิ วิมฺหยนากาโรว วุโตฺต, ตสฺมา สญฺชาตํ อจฺฉริยพฺภุตํ วิมฺหยนากาโร เอเตสนฺติ สญฺชาตอจฺฉริยอพฺภุตา, ตถา ปวตฺตจิตฺตุปฺปาทาฯ อจฺฉริยพฺภุตเหตุกา สญฺชาตา ตุฎฺฐิ เอเตสนฺติ สญฺชาตตุฎฺฐิโนฯ สํวิคฺคนฺติ สญฺชาตสํเวคํฯ สฺวายํ สํเวโค ยสฺมา ปุริมาวตฺถาย จิตฺตสฺส จลนํ โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘จลิต’’นฺติฯ

    Acchariyabbhutanti padadvayenapi vimhayanākārova vutto, tasmā sañjātaṃ acchariyabbhutaṃ vimhayanākāro etesanti sañjātaacchariyaabbhutā, tathā pavattacittuppādā. Acchariyabbhutahetukā sañjātā tuṭṭhi etesanti sañjātatuṭṭhino. Saṃvigganti sañjātasaṃvegaṃ. Svāyaṃ saṃvego yasmā purimāvatthāya cittassa calanaṃ hoti, tasmā vuttaṃ ‘‘calita’’nti.

    ๓๙๔. ตมํ วิโนทิตนฺติ ปาฎิหาริยทสฺสเนน ‘‘อโห เถรสฺส อิทฺธานุภาโว’’ติ สมฺมาปฎิปตฺติยํ สญฺชาตพหุมาโน, อีทิสํ นาม สาสนํ ลภิตฺวาปิ มยํ นิรตฺถเกน โภคมเทน สมฺมตฺตา ภวามาติ โยนิโส มนสิการุปฺปาทเนน สโมฺมหตมํ วิโนทิตํ วิธมิตํฯ เอเตติ มหาเถโร สโกฺก จาติ เต เทฺวปิ สมานพฺรหฺมจริยตาย สพฺรหฺมจาริโน

    394.Tamaṃ vinoditanti pāṭihāriyadassanena ‘‘aho therassa iddhānubhāvo’’ti sammāpaṭipattiyaṃ sañjātabahumāno, īdisaṃ nāma sāsanaṃ labhitvāpi mayaṃ niratthakena bhogamadena sammattā bhavāmāti yoniso manasikāruppādanena sammohatamaṃ vinoditaṃ vidhamitaṃ. Eteti mahāthero sakko cāti te dvepi samānabrahmacariyatāya sabrahmacārino.

    ๓๙๕. ปญฺญาตานนฺติ ปากฎานํ จาตุมหาราช-สุยาม-สนฺตุสิต-ปรนิมฺมิตวสวตฺติมหาพฺรหฺมานํ อญฺญตโร, น เยสํ เกสญฺจีติ อธิปฺปาโยฯ อารทฺธธมฺมวเสเนว ปริโยสาปิตตฺตา ยถานุสนฺธินาว นิฎฺฐเปสิ

    395.Paññātānanti pākaṭānaṃ cātumahārāja-suyāma-santusita-paranimmitavasavattimahābrahmānaṃ aññataro, na yesaṃ kesañcīti adhippāyo. Āraddhadhammavaseneva pariyosāpitattā yathānusandhināva niṭṭhapesi.

    จูฬตณฺหาสงฺขยสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ

    Cūḷataṇhāsaṅkhayasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๗. จูฬตณฺหาสงฺขยสุตฺตํ • 7. Cūḷataṇhāsaṅkhayasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๗. จูฬตณฺหาสงฺขยสุตฺตวณฺณนา • 7. Cūḷataṇhāsaṅkhayasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact