Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya |
๔. จูฬเวทลฺลสุตฺตํ
4. Cūḷavedallasuttaṃ
๔๖๐. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเปฯ อถ โข วิสาโข อุปาสโก เยน ธมฺมทินฺนา ภิกฺขุนี เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมทินฺนํ ภิกฺขุนิํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข วิสาโข อุปาสโก ธมฺมทินฺนํ ภิกฺขุนิํ เอตทโวจ – ‘‘‘สกฺกาโย สกฺกาโย’ติ, อเยฺย, วุจฺจติฯ กตโม นุ โข, อเยฺย, สกฺกาโย วุโตฺต ภควตา’’ติ? ‘‘ปญฺจ โข อิเม, อาวุโส วิสาข, อุปาทานกฺขนฺธา สกฺกาโย วุโตฺต ภควตา, เสยฺยถิทํ – รูปุปาทานกฺขโนฺธ, เวทนุปาทานกฺขโนฺธ, สญฺญุปาทานกฺขโนฺธ, สงฺขารุปาทานกฺขโนฺธ, วิญฺญาณุปาทานกฺขโนฺธฯ อิเม โข, อาวุโส วิสาข, ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา สกฺกาโย วุโตฺต ภควตา’’ติฯ
460. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā rājagahe viharati veḷuvane kalandakanivāpe. Atha kho visākho upāsako yena dhammadinnā bhikkhunī tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā dhammadinnaṃ bhikkhuniṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho visākho upāsako dhammadinnaṃ bhikkhuniṃ etadavoca – ‘‘‘sakkāyo sakkāyo’ti, ayye, vuccati. Katamo nu kho, ayye, sakkāyo vutto bhagavatā’’ti? ‘‘Pañca kho ime, āvuso visākha, upādānakkhandhā sakkāyo vutto bhagavatā, seyyathidaṃ – rūpupādānakkhandho, vedanupādānakkhandho, saññupādānakkhandho, saṅkhārupādānakkhandho, viññāṇupādānakkhandho. Ime kho, āvuso visākha, pañcupādānakkhandhā sakkāyo vutto bhagavatā’’ti.
‘‘สาธเยฺย’’ติ โข วิสาโข อุปาสโก ธมฺมทินฺนาย ภิกฺขุนิยา ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา ธมฺมทินฺนํ ภิกฺขุนิํ อุตฺตริํ ปญฺหํ อปุจฺฉิ – ‘‘‘สกฺกายสมุทโย สกฺกายสมุทโย’ติ, อเยฺย, วุจฺจติฯ กตโม นุ โข, อเยฺย, สกฺกายสมุทโย วุโตฺต ภควตา’’ติ? ‘‘ยายํ, อาวุโส วิสาข, ตณฺหา โปโนพฺภวิกา นนฺทีราคสหคตา ตตฺรตตฺราภินนฺทินี, เสยฺยถิทํ – กามตณฺหา ภวตณฺหา วิภวตณฺหา; อยํ โข, อาวุโส วิสาข, สกฺกายสมุทโย วุโตฺต ภควตา’’ติฯ
‘‘Sādhayye’’ti kho visākho upāsako dhammadinnāya bhikkhuniyā bhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvā dhammadinnaṃ bhikkhuniṃ uttariṃ pañhaṃ apucchi – ‘‘‘sakkāyasamudayo sakkāyasamudayo’ti, ayye, vuccati. Katamo nu kho, ayye, sakkāyasamudayo vutto bhagavatā’’ti? ‘‘Yāyaṃ, āvuso visākha, taṇhā ponobbhavikā nandīrāgasahagatā tatratatrābhinandinī, seyyathidaṃ – kāmataṇhā bhavataṇhā vibhavataṇhā; ayaṃ kho, āvuso visākha, sakkāyasamudayo vutto bhagavatā’’ti.
‘‘‘สกฺกายนิโรโธ สกฺกายนิโรโธ’ติ, อเยฺย, วุจฺจติฯ กตโม นุ โข, อเยฺย, สกฺกายนิโรโธ วุโตฺต ภควตา’’ติ?
‘‘‘Sakkāyanirodho sakkāyanirodho’ti, ayye, vuccati. Katamo nu kho, ayye, sakkāyanirodho vutto bhagavatā’’ti?
‘‘โย โข, อาวุโส วิสาข, ตสฺสาเยว ตณฺหาย อเสสวิราคนิโรโธ จาโค ปฎินิสฺสโคฺค มุตฺติ อนาลโย; อยํ โข, อาวุโส วิสาข, สกฺกายนิโรโธ วุโตฺต ภควตา’’ติฯ
‘‘Yo kho, āvuso visākha, tassāyeva taṇhāya asesavirāganirodho cāgo paṭinissaggo mutti anālayo; ayaṃ kho, āvuso visākha, sakkāyanirodho vutto bhagavatā’’ti.
‘‘‘สกฺกายนิโรธคามินี ปฎิปทา สกฺกายนิโรธคามินี ปฎิปทา’ติ, อเยฺย, วุจฺจติฯ กตมา นุ โข, อเยฺย, สกฺกายนิโรธคามินี ปฎิปทา วุตฺตา ภควตา’’ติ?
‘‘‘Sakkāyanirodhagāminī paṭipadā sakkāyanirodhagāminī paṭipadā’ti, ayye, vuccati. Katamā nu kho, ayye, sakkāyanirodhagāminī paṭipadā vuttā bhagavatā’’ti?
‘‘อยเมว โข, อาวุโส วิสาข, อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค สกฺกายนิโรธคามินี ปฎิปทา วุตฺตา ภควตา, เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฎฺฐิ สมฺมาสงฺกโปฺป สมฺมาวาจา สมฺมากมฺมโนฺต สมฺมาอาชีโว สมฺมาวายาโม สมฺมาสติ สมฺมาสมาธี’’ติฯ
‘‘Ayameva kho, āvuso visākha, ariyo aṭṭhaṅgiko maggo sakkāyanirodhagāminī paṭipadā vuttā bhagavatā, seyyathidaṃ – sammādiṭṭhi sammāsaṅkappo sammāvācā sammākammanto sammāājīvo sammāvāyāmo sammāsati sammāsamādhī’’ti.
‘‘ตเญฺญว นุ โข, อเยฺย, อุปาทานํ เต 1 ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา อุทาหุ อญฺญตฺร ปญฺจหุปาทานกฺขเนฺธหิ อุปาทาน’’นฺติ? ‘‘น โข, อาวุโส วิสาข, ตเญฺญว อุปาทานํ เต ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา, นาปิ อญฺญตฺร ปญฺจหุปาทานกฺขเนฺธหิ อุปาทานํฯ โย โข, อาวุโส วิสาข, ปญฺจสุ อุปาทานกฺขเนฺธสุ ฉนฺทราโค ตํ ตตฺถ อุปาทาน’’นฺติฯ
‘‘Taññeva nu kho, ayye, upādānaṃ te 2 pañcupādānakkhandhā udāhu aññatra pañcahupādānakkhandhehi upādāna’’nti? ‘‘Na kho, āvuso visākha, taññeva upādānaṃ te pañcupādānakkhandhā, nāpi aññatra pañcahupādānakkhandhehi upādānaṃ. Yo kho, āvuso visākha, pañcasu upādānakkhandhesu chandarāgo taṃ tattha upādāna’’nti.
๔๖๑. ‘‘กถํ ปนาเยฺย, สกฺกายทิฎฺฐิ โหตี’’ติ? ‘‘อิธาวุโส วิสาข, อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน, อริยานํ อทสฺสาวี อริยธมฺมสฺส อโกวิโท อริยธเมฺม อวินีโต, สปฺปุริสานํ อทสฺสาวี สปฺปุริสธมฺมสฺส อโกวิโท สปฺปุริสธเมฺม อวินีโต, รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ, รูปวนฺตํ วา อตฺตานํ, อตฺตนิ วา รูปํ, รูปสฺมิํ วา อตฺตานํฯ เวทนํ…เป.… สญฺญํ… สงฺขาเร… วิญฺญาณํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ, วิญฺญาณวนฺตํ วา อตฺตานํ, อตฺตนิ วา วิญฺญาณํ, วิญฺญาณสฺมิํ วา อตฺตานํฯ เอวํ โข , อาวุโส วิสาข, สกฺกายทิฎฺฐิ โหตี’’ติฯ
461. ‘‘Kathaṃ panāyye, sakkāyadiṭṭhi hotī’’ti? ‘‘Idhāvuso visākha, assutavā puthujjano, ariyānaṃ adassāvī ariyadhammassa akovido ariyadhamme avinīto, sappurisānaṃ adassāvī sappurisadhammassa akovido sappurisadhamme avinīto, rūpaṃ attato samanupassati, rūpavantaṃ vā attānaṃ, attani vā rūpaṃ, rūpasmiṃ vā attānaṃ. Vedanaṃ…pe… saññaṃ… saṅkhāre… viññāṇaṃ attato samanupassati, viññāṇavantaṃ vā attānaṃ, attani vā viññāṇaṃ, viññāṇasmiṃ vā attānaṃ. Evaṃ kho , āvuso visākha, sakkāyadiṭṭhi hotī’’ti.
‘‘กถํ ปนาเยฺย, สกฺกายทิฎฺฐิ น โหตี’’ติ?
‘‘Kathaṃ panāyye, sakkāyadiṭṭhi na hotī’’ti?
‘‘อิธาวุโส วิสาข, สุตวา อริยสาวโก, อริยานํ ทสฺสาวี อริยธมฺมสฺส โกวิโท อริยธเมฺม สุวินีโต, สปฺปุริสานํ ทสฺสาวี สปฺปุริสธมฺมสฺส โกวิโท สปฺปุริสธเมฺม สุวินีโต, น รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ, น รูปวนฺตํ วา อตฺตานํ, น อตฺตนิ วา รูปํ, น รูปสฺมิํ วา อตฺตานํฯ น เวทนํ…เป.… น สญฺญํ… น สงฺขาเร…เป.… น วิญฺญาณํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ, น วิญฺญาณวนฺตํ วา อตฺตานํ , น อตฺตนิ วา วิญฺญาณํ, น วิญฺญาณสฺมิํ วา อตฺตานํฯ เอวํ โข, อาวุโส วิสาข, สกฺกายทิฎฺฐิ น โหตี’’ติฯ
‘‘Idhāvuso visākha, sutavā ariyasāvako, ariyānaṃ dassāvī ariyadhammassa kovido ariyadhamme suvinīto, sappurisānaṃ dassāvī sappurisadhammassa kovido sappurisadhamme suvinīto, na rūpaṃ attato samanupassati, na rūpavantaṃ vā attānaṃ, na attani vā rūpaṃ, na rūpasmiṃ vā attānaṃ. Na vedanaṃ…pe… na saññaṃ… na saṅkhāre…pe… na viññāṇaṃ attato samanupassati, na viññāṇavantaṃ vā attānaṃ , na attani vā viññāṇaṃ, na viññāṇasmiṃ vā attānaṃ. Evaṃ kho, āvuso visākha, sakkāyadiṭṭhi na hotī’’ti.
๔๖๒. ‘‘กตโม ปนาเยฺย, อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค’’ติ?
462. ‘‘Katamo panāyye, ariyo aṭṭhaṅgiko maggo’’ti?
‘‘อยเมว โข, อาวุโส วิสาข, อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค, เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฎฺฐิ สมฺมาสงฺกโปฺป สมฺมาวาจา สมฺมากมฺมโนฺต สมฺมาอาชีโว สมฺมาวายาโม สมฺมาสติ สมฺมาสมาธี’’ติฯ ‘‘อริโย ปนาเยฺย, อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค สงฺขโต อุทาหุ อสงฺขโต’’ติ?
‘‘Ayameva kho, āvuso visākha, ariyo aṭṭhaṅgiko maggo, seyyathidaṃ – sammādiṭṭhi sammāsaṅkappo sammāvācā sammākammanto sammāājīvo sammāvāyāmo sammāsati sammāsamādhī’’ti. ‘‘Ariyo panāyye, aṭṭhaṅgiko maggo saṅkhato udāhu asaṅkhato’’ti?
‘‘อริโย โข, อาวุโส วิสาข, อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค สงฺขโต’’ติ ฯ
‘‘Ariyo kho, āvuso visākha, aṭṭhaṅgiko maggo saṅkhato’’ti .
‘‘อริเยน นุ โข, อเยฺย, อฎฺฐงฺคิเกน มเคฺคน ตโย ขนฺธา สงฺคหิตา อุทาหุ ตีหิ ขเนฺธหิ อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค สงฺคหิโต’’ติ?
‘‘Ariyena nu kho, ayye, aṭṭhaṅgikena maggena tayo khandhā saṅgahitā udāhu tīhi khandhehi ariyo aṭṭhaṅgiko maggo saṅgahito’’ti?
‘‘น โข, อาวุโส วิสาข, อริเยน อฎฺฐงฺคิเกน มเคฺคน ตโย ขนฺธา สงฺคหิตา; ตีหิ จ โข, อาวุโส วิสาข, ขเนฺธหิ อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค สงฺคหิโตฯ ยา จาวุโส วิสาข, สมฺมาวาจา โย จ สมฺมากมฺมโนฺต โย จ สมฺมาอาชีโว อิเม ธมฺมา สีลกฺขเนฺธ สงฺคหิตาฯ โย จ สมฺมาวายาโม ยา จ สมฺมาสติ โย จ สมฺมาสมาธิ อิเม ธมฺมา สมาธิกฺขเนฺธ สงฺคหิตาฯ ยา จ สมฺมาทิฎฺฐิ โย จ สมฺมาสงฺกโปฺป, อิเม ธมฺมา ปญฺญากฺขเนฺธ สงฺคหิตา’’ติฯ
‘‘Na kho, āvuso visākha, ariyena aṭṭhaṅgikena maggena tayo khandhā saṅgahitā; tīhi ca kho, āvuso visākha, khandhehi ariyo aṭṭhaṅgiko maggo saṅgahito. Yā cāvuso visākha, sammāvācā yo ca sammākammanto yo ca sammāājīvo ime dhammā sīlakkhandhe saṅgahitā. Yo ca sammāvāyāmo yā ca sammāsati yo ca sammāsamādhi ime dhammā samādhikkhandhe saṅgahitā. Yā ca sammādiṭṭhi yo ca sammāsaṅkappo, ime dhammā paññākkhandhe saṅgahitā’’ti.
‘‘กตโม ปนาเยฺย, สมาธิ, กตเม ธมฺมา สมาธินิมิตฺตา, กตเม ธมฺมา สมาธิปริกฺขารา, กตมา สมาธิภาวนา’’ติ?
‘‘Katamo panāyye, samādhi, katame dhammā samādhinimittā, katame dhammā samādhiparikkhārā, katamā samādhibhāvanā’’ti?
‘‘ยา โข, อาวุโส วิสาข, จิตฺตสฺส เอกคฺคตา อยํ สมาธิ; จตฺตาโร สติปฎฺฐานา สมาธินิมิตฺตา; จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา สมาธิปริกฺขาราฯ ยา เตสํเยว ธมฺมานํ อาเสวนา ภาวนา พหุลีกมฺมํ, อยํ เอตฺถ สมาธิภาวนา’’ติฯ
‘‘Yā kho, āvuso visākha, cittassa ekaggatā ayaṃ samādhi; cattāro satipaṭṭhānā samādhinimittā; cattāro sammappadhānā samādhiparikkhārā. Yā tesaṃyeva dhammānaṃ āsevanā bhāvanā bahulīkammaṃ, ayaṃ ettha samādhibhāvanā’’ti.
๔๖๓. ‘‘กติ ปนาเยฺย, สงฺขารา’’ติ?
463. ‘‘Kati panāyye, saṅkhārā’’ti?
‘‘ตโยเม, อาวุโส วิสาข, สงฺขารา – กายสงฺขาโร, วจีสงฺขาโร, จิตฺตสงฺขาโร’’ติฯ
‘‘Tayome, āvuso visākha, saṅkhārā – kāyasaṅkhāro, vacīsaṅkhāro, cittasaṅkhāro’’ti.
‘‘กตโม ปนาเยฺย, กายสงฺขาโร, กตโม วจีสงฺขาโร, กตโม จิตฺตสงฺขาโร’’ติ?
‘‘Katamo panāyye, kāyasaṅkhāro, katamo vacīsaṅkhāro, katamo cittasaṅkhāro’’ti?
‘‘อสฺสาสปสฺสาสา โข, อาวุโส วิสาข, กายสงฺขาโร, วิตกฺกวิจารา วจีสงฺขาโร, สญฺญา จ เวทนา จ จิตฺตสงฺขาโร’’ติฯ
‘‘Assāsapassāsā kho, āvuso visākha, kāyasaṅkhāro, vitakkavicārā vacīsaṅkhāro, saññā ca vedanā ca cittasaṅkhāro’’ti.
‘‘กสฺมา ปนาเยฺย, อสฺสาสปสฺสาสา กายสงฺขาโร, กสฺมา วิตกฺกวิจารา วจีสงฺขาโร, กสฺมา สญฺญา จ เวทนา จ จิตฺตสงฺขาโร’’ติ?
‘‘Kasmā panāyye, assāsapassāsā kāyasaṅkhāro, kasmā vitakkavicārā vacīsaṅkhāro, kasmā saññā ca vedanā ca cittasaṅkhāro’’ti?
‘‘อสฺสาสปสฺสาสา โข, อาวุโส วิสาข, กายิกา เอเต ธมฺมา กายปฺปฎิพทฺธา, ตสฺมา อสฺสาสปสฺสาสา กายสงฺขาโรฯ ปุเพฺพ โข, อาวุโส วิสาข, วิตเกฺกตฺวา วิจาเรตฺวา ปจฺฉา วาจํ ภินฺทติ, ตสฺมา วิตกฺกวิจารา วจีสงฺขาโรฯ สญฺญา จ เวทนา จ เจตสิกา เอเต ธมฺมา จิตฺตปฺปฎิพทฺธา, ตสฺมา สญฺญา จ เวทนา จ จิตฺตสงฺขาโร’’ติฯ
‘‘Assāsapassāsā kho, āvuso visākha, kāyikā ete dhammā kāyappaṭibaddhā, tasmā assāsapassāsā kāyasaṅkhāro. Pubbe kho, āvuso visākha, vitakketvā vicāretvā pacchā vācaṃ bhindati, tasmā vitakkavicārā vacīsaṅkhāro. Saññā ca vedanā ca cetasikā ete dhammā cittappaṭibaddhā, tasmā saññā ca vedanā ca cittasaṅkhāro’’ti.
๔๖๔. ‘‘กถํ ปนาเยฺย, สญฺญาเวทยิตนิโรธสมาปตฺติ โหตี’’ติ?
464. ‘‘Kathaṃ panāyye, saññāvedayitanirodhasamāpatti hotī’’ti?
‘‘น โข, อาวุโส วิสาข, สญฺญาเวทยิตนิโรธํ สมาปชฺชนฺตสฺส ภิกฺขุโน เอวํ โหติ – ‘อหํ สญฺญาเวทยิตนิโรธํ สมาปชฺชิสฺส’นฺติ วา, ‘อหํ สญฺญาเวทยิตนิโรธํ สมาปชฺชามี’ติ วา, ‘อหํ สญฺญาเวทยิตนิโรธํ สมาปโนฺน’ติ วาฯ อถ ขฺวาสฺส ปุเพฺพว ตถา จิตฺตํ ภาวิตํ โหติ ยํ ตํ ตถตฺตาย อุปเนตี’’ติฯ
‘‘Na kho, āvuso visākha, saññāvedayitanirodhaṃ samāpajjantassa bhikkhuno evaṃ hoti – ‘ahaṃ saññāvedayitanirodhaṃ samāpajjissa’nti vā, ‘ahaṃ saññāvedayitanirodhaṃ samāpajjāmī’ti vā, ‘ahaṃ saññāvedayitanirodhaṃ samāpanno’ti vā. Atha khvāssa pubbeva tathā cittaṃ bhāvitaṃ hoti yaṃ taṃ tathattāya upanetī’’ti.
‘‘สญฺญาเวทยิตนิโรธํ สมาปชฺชนฺตสฺส ปนาเยฺย, ภิกฺขุโน กตเม ธมฺมา ปฐมํ นิรุชฺฌนฺติ – ยทิ วา กายสงฺขาโร, ยทิ วา วจีสงฺขาโร, ยทิ วา จิตฺตสงฺขาโร’’ติ? ‘‘สญฺญาเวทยิตนิโรธํ สมาปชฺชนฺตสฺส โข, อาวุโส วิสาข, ภิกฺขุโน ปฐมํ นิรุชฺฌติ วจีสงฺขาโร, ตโต กายสงฺขาโร, ตโต จิตฺตสงฺขาโร’’ติฯ
‘‘Saññāvedayitanirodhaṃ samāpajjantassa panāyye, bhikkhuno katame dhammā paṭhamaṃ nirujjhanti – yadi vā kāyasaṅkhāro, yadi vā vacīsaṅkhāro, yadi vā cittasaṅkhāro’’ti? ‘‘Saññāvedayitanirodhaṃ samāpajjantassa kho, āvuso visākha, bhikkhuno paṭhamaṃ nirujjhati vacīsaṅkhāro, tato kāyasaṅkhāro, tato cittasaṅkhāro’’ti.
‘‘กถํ ปนาเยฺย, สญฺญาเวทยิตนิโรธสมาปตฺติยา วุฎฺฐานํ โหตี’’ติ?
‘‘Kathaṃ panāyye, saññāvedayitanirodhasamāpattiyā vuṭṭhānaṃ hotī’’ti?
‘‘น โข, อาวุโส วิสาข, สญฺญาเวทยิตนิโรธสมาปตฺติยา วุฎฺฐหนฺตสฺส ภิกฺขุโน เอวํ โหติ – ‘อหํ สญฺญาเวทยิตนิโรธสมาปตฺติยา วุฎฺฐหิสฺส’นฺติ วา, ‘อหํ สญฺญาเวทยิตนิโรธสมาปตฺติยา วุฎฺฐหามี’ติ วา, ‘อหํ สญฺญาเวทยิตนิโรธสมาปตฺติยา วุฎฺฐิโต’ติ วาฯ อถ ขฺวาสฺส ปุเพฺพว ตถา จิตฺตํ ภาวิตํ โหติ ยํ ตํ ตถตฺตาย อุปเนตี’’ติฯ
‘‘Na kho, āvuso visākha, saññāvedayitanirodhasamāpattiyā vuṭṭhahantassa bhikkhuno evaṃ hoti – ‘ahaṃ saññāvedayitanirodhasamāpattiyā vuṭṭhahissa’nti vā, ‘ahaṃ saññāvedayitanirodhasamāpattiyā vuṭṭhahāmī’ti vā, ‘ahaṃ saññāvedayitanirodhasamāpattiyā vuṭṭhito’ti vā. Atha khvāssa pubbeva tathā cittaṃ bhāvitaṃ hoti yaṃ taṃ tathattāya upanetī’’ti.
‘‘สญฺญาเวทยิตนิโรธสมาปตฺติยา วุฎฺฐหนฺตสฺส ปนาเยฺย, ภิกฺขุโน กตเม ธมฺมา ปฐมํ อุปฺปชฺชนฺติ – ยทิ วา กายสงฺขาโร, ยทิ วา วจีสงฺขาโร, ยทิ วา จิตฺตสงฺขาโร’’ติ? ‘‘สญฺญาเวทยิตนิโรธสมาปตฺติยา วุฎฺฐหนฺตสฺส โข, อาวุโส วิสาข, ภิกฺขุโน ปฐมํ อุปฺปชฺชติ จิตฺตสงฺขาโร, ตโต กายสงฺขาโร, ตโต วจีสงฺขาโร’’ติฯ
‘‘Saññāvedayitanirodhasamāpattiyā vuṭṭhahantassa panāyye, bhikkhuno katame dhammā paṭhamaṃ uppajjanti – yadi vā kāyasaṅkhāro, yadi vā vacīsaṅkhāro, yadi vā cittasaṅkhāro’’ti? ‘‘Saññāvedayitanirodhasamāpattiyā vuṭṭhahantassa kho, āvuso visākha, bhikkhuno paṭhamaṃ uppajjati cittasaṅkhāro, tato kāyasaṅkhāro, tato vacīsaṅkhāro’’ti.
‘‘สญฺญาเวทยิตนิโรธสมาปตฺติยา วุฎฺฐิตํ ปนาเยฺย, ภิกฺขุํ กติ ผสฺสา ผุสนฺตี’’ติ? ‘‘สญฺญาเวทยิตนิโรธสมาปตฺติยา วุฎฺฐิตํ โข, อาวุโส วิสาข, ภิกฺขุํ ตโย ผสฺสา ผุสนฺติ – สุญฺญโต ผโสฺส, อนิมิโตฺต ผโสฺส, อปฺปณิหิโต ผโสฺส’’ติฯ
‘‘Saññāvedayitanirodhasamāpattiyā vuṭṭhitaṃ panāyye, bhikkhuṃ kati phassā phusantī’’ti? ‘‘Saññāvedayitanirodhasamāpattiyā vuṭṭhitaṃ kho, āvuso visākha, bhikkhuṃ tayo phassā phusanti – suññato phasso, animitto phasso, appaṇihito phasso’’ti.
‘‘สญฺญาเวทยิตนิโรธสมาปตฺติยา วุฎฺฐิตสฺส ปนาเยฺย, ภิกฺขุโน กิํนินฺนํ จิตฺตํ โหติ กิํโปณํ กิํปพฺภาร’’นฺติ? ‘‘สญฺญาเวทยิตนิโรธสมาปตฺติยา วุฎฺฐิตสฺส โข, อาวุโส วิสาข, ภิกฺขุโน วิเวกนินฺนํ จิตฺตํ โหติ, วิเวกโปณํ วิเวกปพฺภาร’’นฺติฯ
‘‘Saññāvedayitanirodhasamāpattiyā vuṭṭhitassa panāyye, bhikkhuno kiṃninnaṃ cittaṃ hoti kiṃpoṇaṃ kiṃpabbhāra’’nti? ‘‘Saññāvedayitanirodhasamāpattiyā vuṭṭhitassa kho, āvuso visākha, bhikkhuno vivekaninnaṃ cittaṃ hoti, vivekapoṇaṃ vivekapabbhāra’’nti.
๔๖๕. ‘‘กติ ปนาเยฺย, เวทนา’’ติ?
465. ‘‘Kati panāyye, vedanā’’ti?
‘‘ติโสฺส โข อิมา, อาวุโส วิสาข, เวทนา – สุขา เวทนา, ทุกฺขา เวทนา, อทุกฺขมสุขา เวทนา’’ติฯ
‘‘Tisso kho imā, āvuso visākha, vedanā – sukhā vedanā, dukkhā vedanā, adukkhamasukhā vedanā’’ti.
‘‘กตมา ปนาเยฺย, สุขา เวทนา, กตมา ทุกฺขา เวทนา, กตมา อทุกฺขมสุขา เวทนา’’ติ?
‘‘Katamā panāyye, sukhā vedanā, katamā dukkhā vedanā, katamā adukkhamasukhā vedanā’’ti?
‘‘ยํ โข, อาวุโส วิสาข, กายิกํ วา เจตสิกํ วา สุขํ สาตํ เวทยิตํ – อยํ สุขา เวทนาฯ ยํ โข, อาวุโส วิสาข, กายิกํ วา เจตสิกํ วา ทุกฺขํ อสาตํ เวทยิตํ – อยํ ทุกฺขา เวทนาฯ ยํ โข, อาวุโส วิสาข, กายิกํ วา เจตสิกํ วา เนว สาตํ นาสาตํ เวทยิตํ – อยํ อทุกฺขมสุขา เวทนา’’ติฯ
‘‘Yaṃ kho, āvuso visākha, kāyikaṃ vā cetasikaṃ vā sukhaṃ sātaṃ vedayitaṃ – ayaṃ sukhā vedanā. Yaṃ kho, āvuso visākha, kāyikaṃ vā cetasikaṃ vā dukkhaṃ asātaṃ vedayitaṃ – ayaṃ dukkhā vedanā. Yaṃ kho, āvuso visākha, kāyikaṃ vā cetasikaṃ vā neva sātaṃ nāsātaṃ vedayitaṃ – ayaṃ adukkhamasukhā vedanā’’ti.
‘‘สุขา ปนาเยฺย, เวทนา กิํสุขา กิํทุกฺขา, ทุกฺขา เวทนา กิํสุขา กิํทุกฺขา, อทุกฺขมสุขา เวทนา กิํสุขา กิํทุกฺขา’’ติ?
‘‘Sukhā panāyye, vedanā kiṃsukhā kiṃdukkhā, dukkhā vedanā kiṃsukhā kiṃdukkhā, adukkhamasukhā vedanā kiṃsukhā kiṃdukkhā’’ti?
‘‘สุขา โข, อาวุโส วิสาข, เวทนา ฐิติสุขา วิปริณามทุกฺขา; ทุกฺขา เวทนา ฐิติทุกฺขา วิปริณามสุขา ; อทุกฺขมสุขา เวทนา ญาณสุขา อญฺญาณทุกฺขา’’ติฯ
‘‘Sukhā kho, āvuso visākha, vedanā ṭhitisukhā vipariṇāmadukkhā; dukkhā vedanā ṭhitidukkhā vipariṇāmasukhā ; adukkhamasukhā vedanā ñāṇasukhā aññāṇadukkhā’’ti.
‘‘สุขาย ปนาเยฺย, เวทนาย กิํ อนุสโย อนุเสติ, ทุกฺขาย เวทนาย กิํ อนุสโย อนุเสติ, อทุกฺขมสุขาย เวทนาย กิํ อนุสโย อนุเสตี’’ติ?
‘‘Sukhāya panāyye, vedanāya kiṃ anusayo anuseti, dukkhāya vedanāya kiṃ anusayo anuseti, adukkhamasukhāya vedanāya kiṃ anusayo anusetī’’ti?
‘‘สุขาย โข, อาวุโส วิสาข, เวทนาย ราคานุสโย อนุเสติ, ทุกฺขาย เวทนาย ปฎิฆานุสโย อนุเสติ, อทุกฺขมสุขาย เวทนาย อวิชฺชานุสโย อนุเสตี’’ติฯ
‘‘Sukhāya kho, āvuso visākha, vedanāya rāgānusayo anuseti, dukkhāya vedanāya paṭighānusayo anuseti, adukkhamasukhāya vedanāya avijjānusayo anusetī’’ti.
‘‘สพฺพาย นุ โข, อเยฺย, สุขาย เวทนาย ราคานุสโย อนุเสติ, สพฺพาย ทุกฺขาย เวทนาย ปฎิฆานุสโย อนุเสติ, สพฺพาย อทุกฺขมสุขาย เวทนาย อวิชฺชานุสโย อนุเสตี’’ติ?
‘‘Sabbāya nu kho, ayye, sukhāya vedanāya rāgānusayo anuseti, sabbāya dukkhāya vedanāya paṭighānusayo anuseti, sabbāya adukkhamasukhāya vedanāya avijjānusayo anusetī’’ti?
‘‘น โข, อาวุโส วิสาข, สพฺพาย สุขาย เวทนาย ราคานุสโย อนุเสติ, น สพฺพาย ทุกฺขาย เวทนาย ปฎิฆานุสโย อนุเสติ, น สพฺพาย อทุกฺขมสุขาย เวทนาย อวิชฺชานุสโย อนุเสตี’’ติฯ
‘‘Na kho, āvuso visākha, sabbāya sukhāya vedanāya rāgānusayo anuseti, na sabbāya dukkhāya vedanāya paṭighānusayo anuseti, na sabbāya adukkhamasukhāya vedanāya avijjānusayo anusetī’’ti.
‘‘สุขาย ปนาเยฺย, เวทนาย กิํ ปหาตพฺพํ, ทุกฺขาย เวทนาย กิํ ปหาตพฺพํ, อทุกฺขมสุขาย เวทนาย กิํ ปหาตพฺพ’’นฺติ?
‘‘Sukhāya panāyye, vedanāya kiṃ pahātabbaṃ, dukkhāya vedanāya kiṃ pahātabbaṃ, adukkhamasukhāya vedanāya kiṃ pahātabba’’nti?
‘‘สุขาย โข, อาวุโส วิสาข, เวทนาย ราคานุสโย ปหาตโพฺพ, ทุกฺขาย เวทนาย ปฎิฆานุสโย ปหาตโพฺพ, อทุกฺขมสุขาย เวทนาย อวิชฺชานุสโย ปหาตโพฺพ’’ติฯ
‘‘Sukhāya kho, āvuso visākha, vedanāya rāgānusayo pahātabbo, dukkhāya vedanāya paṭighānusayo pahātabbo, adukkhamasukhāya vedanāya avijjānusayo pahātabbo’’ti.
‘‘สพฺพาย นุ โข, อเยฺย, สุขาย เวทนาย ราคานุสโย ปหาตโพฺพ, สพฺพาย ทุกฺขาย เวทนาย ปฎิฆานุสโย ปหาตโพฺพ, สพฺพาย อทุกฺขมสุขาย เวทนาย อวิชฺชานุสโย ปหาตโพฺพ’’ติ?
‘‘Sabbāya nu kho, ayye, sukhāya vedanāya rāgānusayo pahātabbo, sabbāya dukkhāya vedanāya paṭighānusayo pahātabbo, sabbāya adukkhamasukhāya vedanāya avijjānusayo pahātabbo’’ti?
‘‘น โข, อาวุโส วิสาข, สพฺพาย สุขาย เวทนาย ราคานุสโย ปหาตโพฺพ, น สพฺพาย ทุกฺขาย เวทนาย ปฎิฆานุสโย ปหาตโพฺพ , น สพฺพาย อทุกฺขมสุขาย เวทนาย อวิชฺชานุสโย ปหาตโพฺพฯ อิธาวุโส วิสาข, ภิกฺขุ วิวิเจฺจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ ราคํ เตน ปชหติ, น ตตฺถ ราคานุสโย อนุเสติฯ อิธาวุโส วิสาข, ภิกฺขุ อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘กุทาสฺสุ นามาหํ ตทายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสามิ ยทริยา เอตรหิ อายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรนฺตี’ติ? อิติ อนุตฺตเรสุ วิโมเกฺขสุ ปิหํ อุปฎฺฐาปยโต อุปฺปชฺชติ ปิหาปฺปจฺจยา โทมนสฺสํฯ ปฎิฆํ เตน ปชหติ, น ตตฺถ ปฎิฆานุสโย อนุเสติฯ อิธาวุโส วิสาข, ภิกฺขุ สุขสฺส จ ปหานา, ทุกฺขสฺส จ ปหานา, ปุเพฺพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา, อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิํ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อวิชฺชํ เตน ปชหติ, น ตตฺถ อวิชฺชานุสโย อนุเสตี’’ติฯ
‘‘Na kho, āvuso visākha, sabbāya sukhāya vedanāya rāgānusayo pahātabbo, na sabbāya dukkhāya vedanāya paṭighānusayo pahātabbo , na sabbāya adukkhamasukhāya vedanāya avijjānusayo pahātabbo. Idhāvuso visākha, bhikkhu vivicceva kāmehi vivicca akusalehi dhammehi savitakkaṃ savicāraṃ vivekajaṃ pītisukhaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Rāgaṃ tena pajahati, na tattha rāgānusayo anuseti. Idhāvuso visākha, bhikkhu iti paṭisañcikkhati – ‘kudāssu nāmāhaṃ tadāyatanaṃ upasampajja viharissāmi yadariyā etarahi āyatanaṃ upasampajja viharantī’ti? Iti anuttaresu vimokkhesu pihaṃ upaṭṭhāpayato uppajjati pihāppaccayā domanassaṃ. Paṭighaṃ tena pajahati, na tattha paṭighānusayo anuseti. Idhāvuso visākha, bhikkhu sukhassa ca pahānā, dukkhassa ca pahānā, pubbeva somanassadomanassānaṃ atthaṅgamā, adukkhamasukhaṃ upekkhāsatipārisuddhiṃ catutthaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Avijjaṃ tena pajahati, na tattha avijjānusayo anusetī’’ti.
๔๖๖. ‘‘สุขาย ปนาเยฺย, เวทนาย กิํ ปฎิภาโค’’ติ?
466. ‘‘Sukhāya panāyye, vedanāya kiṃ paṭibhāgo’’ti?
‘‘สุขาย โข, อาวุโส วิสาข, เวทนาย ทุกฺขา เวทนา ปฎิภาโค’’ติฯ
‘‘Sukhāya kho, āvuso visākha, vedanāya dukkhā vedanā paṭibhāgo’’ti.
‘‘ทุกฺขาย ปนฺนาเยฺย, เวทนาย กิํ ปฎิภาโค’’ติ?
‘‘Dukkhāya pannāyye, vedanāya kiṃ paṭibhāgo’’ti?
‘‘ทุกฺขาย โข, อาวุโส วิสาข, เวทนาย สุขา เวทนา ปฎิภาโค’’ติฯ
‘‘Dukkhāya kho, āvuso visākha, vedanāya sukhā vedanā paṭibhāgo’’ti.
‘‘อทุกฺขมสุขาย ปนาเยฺย, เวทนาย กิํ ปฎิภาโค’’ติ?
‘‘Adukkhamasukhāya panāyye, vedanāya kiṃ paṭibhāgo’’ti?
‘‘อทุกฺขมสุขาย โข, อาวุโส วิสาข, เวทนาย อวิชฺชา ปฎิภาโค’’ติฯ
‘‘Adukkhamasukhāya kho, āvuso visākha, vedanāya avijjā paṭibhāgo’’ti.
‘‘อวิชฺชาย ปนาเยฺย, กิํ ปฎิภาโค’’ติ?
‘‘Avijjāya panāyye, kiṃ paṭibhāgo’’ti?
‘‘อวิชฺชาย โข, อาวุโส วิสาข, วิชฺชา ปฎิภาโค’’ติฯ
‘‘Avijjāya kho, āvuso visākha, vijjā paṭibhāgo’’ti.
‘‘วิชฺชาย ปนาเยฺย, กิํ ปฎิภาโค’’ติ?
‘‘Vijjāya panāyye, kiṃ paṭibhāgo’’ti?
‘‘วิชฺชาย โข, อาวุโส วิสาข, วิมุตฺติ ปฎิภาโค’’ติฯ
‘‘Vijjāya kho, āvuso visākha, vimutti paṭibhāgo’’ti.
‘‘วิมุตฺติยา ปนาเยฺย , กิํ ปฎิภาโค’’ติ?
‘‘Vimuttiyā panāyye , kiṃ paṭibhāgo’’ti?
‘‘วิมุตฺติยา โข, อาวุโส วิสาข, นิพฺพานํ ปฎิภาโค’’ติฯ
‘‘Vimuttiyā kho, āvuso visākha, nibbānaṃ paṭibhāgo’’ti.
‘‘นิพฺพานสฺส ปนาเยฺย, กิํ ปฎิภาโค’’ติ? ‘‘อจฺจยาสิ, อาวุโส 3 วิสาข, ปญฺหํ, นาสกฺขิ ปญฺหานํ ปริยนฺตํ คเหตุํฯ นิพฺพาโนคธญฺหิ, อาวุโส วิสาข, พฺรหฺมจริยํ, นิพฺพานปรายนํ นิพฺพานปริโยสานํฯ อากงฺขมาโน จ ตฺวํ, อาวุโส วิสาข, ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ ปุเจฺฉยฺยาสิ, ยถา จ เต ภควา พฺยากโรติ ตถา นํ ธาเรยฺยาสี’’ติฯ
‘‘Nibbānassa panāyye, kiṃ paṭibhāgo’’ti? ‘‘Accayāsi, āvuso 4 visākha, pañhaṃ, nāsakkhi pañhānaṃ pariyantaṃ gahetuṃ. Nibbānogadhañhi, āvuso visākha, brahmacariyaṃ, nibbānaparāyanaṃ nibbānapariyosānaṃ. Ākaṅkhamāno ca tvaṃ, āvuso visākha, bhagavantaṃ upasaṅkamitvā etamatthaṃ puccheyyāsi, yathā ca te bhagavā byākaroti tathā naṃ dhāreyyāsī’’ti.
๔๖๗. อถ โข วิสาโข อุปาสโก ธมฺมทินฺนาย ภิกฺขุนิยา ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฎฺฐายาสนา ธมฺมทินฺนํ ภิกฺขุนิํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข วิสาโข อุปาสโก ยาวตโก อโหสิ ธมฺมทินฺนาย ภิกฺขุนิยา สทฺธิํ กถาสลฺลาโป ตํ สพฺพํ ภควโต อาโรเจสิฯ เอวํ วุเตฺต, ภควา วิสาขํ อุปาสกํ เอตทโวจ – ‘‘ปณฺฑิตา, วิสาข, ธมฺมทินฺนา ภิกฺขุนี, มหาปญฺญา, วิสาข, ธมฺมทินฺนา ภิกฺขุนีฯ มํ เจปิ ตฺวํ, วิสาข, เอตมตฺถํ ปุเจฺฉยฺยาสิ, อหมฺปิ ตํ เอวเมวํ พฺยากเรยฺยํ, ยถา ตํ ธมฺมทินฺนาย ภิกฺขุนิยา พฺยากตํฯ เอโส เจเวตสฺส 5 อโตฺถฯ เอวญฺจ นํ 6 ธาเรหี’’ติฯ
467. Atha kho visākho upāsako dhammadinnāya bhikkhuniyā bhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvā uṭṭhāyāsanā dhammadinnaṃ bhikkhuniṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho visākho upāsako yāvatako ahosi dhammadinnāya bhikkhuniyā saddhiṃ kathāsallāpo taṃ sabbaṃ bhagavato ārocesi. Evaṃ vutte, bhagavā visākhaṃ upāsakaṃ etadavoca – ‘‘paṇḍitā, visākha, dhammadinnā bhikkhunī, mahāpaññā, visākha, dhammadinnā bhikkhunī. Maṃ cepi tvaṃ, visākha, etamatthaṃ puccheyyāsi, ahampi taṃ evamevaṃ byākareyyaṃ, yathā taṃ dhammadinnāya bhikkhuniyā byākataṃ. Eso cevetassa 7 attho. Evañca naṃ 8 dhārehī’’ti.
อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมโน วิสาโข อุปาสโก ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติฯ
Idamavoca bhagavā. Attamano visākho upāsako bhagavato bhāsitaṃ abhinandīti.
จูฬเวทลฺลสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ จตุตฺถํฯ
Cūḷavedallasuttaṃ niṭṭhitaṃ catutthaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๔. จูฬเวทลฺลสุตฺตวณฺณนา • 4. Cūḷavedallasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๔. จูฬเวทลฺลสุตฺตวณฺณนา • 4. Cūḷavedallasuttavaṇṇanā