Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) |
๔. จูฬเวทลฺลสุตฺตวณฺณนา
4. Cūḷavedallasuttavaṇṇanā
๔๖๐. อยํ เทสนา ยสฺมา ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนวเสน ปวตฺตา, ตสฺมา ปุจฺฉกวิสฺสชฺชเก ปุจฺฉานิมิตฺตญฺจ สมุทายโต วิภาเวตุํ ‘‘โก ปนาย’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ อุปาสกตฺตนฺติ อมคฺคาคตํ อุปาสกตฺตํฯ เตสนฺติ เอกาทสนหุตานํฯ มคฺคาคเตน อุปสเมน สนฺตินฺทฺริโย สนฺตมานโสฯ
460. Ayaṃ desanā yasmā pucchāvissajjanavasena pavattā, tasmā pucchakavissajjake pucchānimittañca samudāyato vibhāvetuṃ ‘‘ko panāya’’ntiādi vuttaṃ. Upāsakattanti amaggāgataṃ upāsakattaṃ. Tesanti ekādasanahutānaṃ. Maggāgatena upasamena santindriyo santamānaso.
‘‘กิํ นุ โข อชฺช ภวิสฺสติ อยฺยปุโตฺต’’ติ วีถิํ โอโลกยมานาฯ โอลมฺพนตฺถนฺติ ตสฺส หตฺถาวลมฺพนตฺถํ ปุพฺพาจิณฺณวเสน อตฺตโน หตฺถํ ปสาเรสิฯ พหิทฺธาติ อตฺตนา อญฺญํ วิสภาควตฺถุํ สนฺธาย วทติฯ ปริเภทเกนาติ เปสุญฺญวาทินาฯ
‘‘Kiṃ nu kho ajja bhavissati ayyaputto’’ti vīthiṃ olokayamānā. Olambanatthanti tassa hatthāvalambanatthaṃ pubbāciṇṇavasena attano hatthaṃ pasāresi. Bahiddhāti attanā aññaṃ visabhāgavatthuṃ sandhāya vadati. Paribhedakenāti pesuññavādinā.
อธิคมปฺปิจฺฉตาย ‘‘น ปกาเสตโพฺพ’’ติ จิเนฺตสิฯ ปุน ตํ อนุกมฺปโนฺต ‘‘สเจ โข ปนาห’’นฺติอาทิํ จิเนฺตสิฯ เอโส ธโมฺมติ เอโส โลกุตฺตรธโมฺมฯ วิวฎฺฎํ อุทฺทิสฺส อุปจิตํ นิเพฺพธภาคิยํ กุสลํ อุปนิสฺสโยฯ ‘‘ยทิ เม อุปนิสฺสโย อตฺถิ, สกฺกา เอตํ ปฎิลทฺธุํฯ สเจปิ นตฺถิ, อายติํ อุปนิสฺสโย ภวิสฺสตี’’ติ จิรกาลปริภาวิตาย ฆเฎ ปทีปชาลา วิย อพฺภนฺตเร ทิปฺปมานาย เหตุสมฺปตฺติยา โจทิยมานา อาห ‘‘เอวํ สเนฺต มยฺหํ ปพฺพชฺชํ อนุชานาถา’’ติฯ
Adhigamappicchatāya ‘‘na pakāsetabbo’’ti cintesi. Puna taṃ anukampanto ‘‘sace kho panāha’’ntiādiṃ cintesi. Eso dhammoti eso lokuttaradhammo. Vivaṭṭaṃ uddissa upacitaṃ nibbedhabhāgiyaṃ kusalaṃ upanissayo. ‘‘Yadi me upanissayo atthi, sakkā etaṃ paṭiladdhuṃ. Sacepi natthi, āyatiṃ upanissayo bhavissatī’’ti cirakālaparibhāvitāya ghaṭe padīpajālā viya abbhantare dippamānāya hetusampattiyā codiyamānā āha ‘‘evaṃ sante mayhaṃ pabbajjaṃ anujānāthā’’ti.
ลาภสกฺกาโร อุปฺปชฺชิ สุจิรกาลํ กตูปจิตปุญฺญตายฯ อภินีหารสมฺปนฺนตฺตาติ สุชาตเตฺถรสฺส ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต อคฺคสาวกสฺส นิปจฺจการํ กตฺวา – ‘‘ตุเมฺหหิ ทิฎฺฐธมฺมสฺส ภาคี อสฺส’’นฺติ นิเพฺพธภาคิยํ ทานํ ทตฺวา กตปตฺถนาสงฺขาตสมฺปนฺนาภินีหารตฺตาฯ นาติจิรํ กิลมิตฺถาติ กมฺมฎฺฐานํ ภาเวนฺตี วิปสฺสนาย ปริปากวเสน จิรํ น กิลมิตฺถฯ วุตฺตเมวตฺถํ วิวริตุํ ‘‘อิโต ปฎฺฐายา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ทุติยคมเนนาติ ปพฺพาชนตฺถํ คมนโต ทุติยคมเนนฯ
Lābhasakkāro uppajji sucirakālaṃ katūpacitapuññatāya. Abhinīhārasampannattāti sujātattherassa padumuttarassa bhagavato aggasāvakassa nipaccakāraṃ katvā – ‘‘tumhehi diṭṭhadhammassa bhāgī assa’’nti nibbedhabhāgiyaṃ dānaṃ datvā katapatthanāsaṅkhātasampannābhinīhārattā. Nāticiraṃ kilamitthāti kammaṭṭhānaṃ bhāventī vipassanāya paripākavasena ciraṃ na kilamittha. Vuttamevatthaṃ vivarituṃ ‘‘ito paṭṭhāyā’’tiādi vuttaṃ. Dutiyagamanenāti pabbājanatthaṃ gamanato dutiyagamanena.
อุปเนตฺวาติ ปญฺหสฺส อตฺถภาเวน อุปเนตฺวาฯ สกฺกายนฺติ สกายํฯ อุปนิกฺขิตฺตํ กิญฺจิ วตฺถุํ สมฺปฎิจฺฉมานา, วิย สมฺปฎิจฺฉนฺตี วิยฯ เอโก เอว ปาโส เอติสฺสาติ เอกปาสกา, คณฺฐิฯ สา หิ สุโมจิยา, อเนกปาสา ปน ทุโมฺมจิยา, เอกปาสคฺคหณํ วิสฺสชฺชนสฺส สุกรภาวทสฺสนตฺถํ ฯ ปฎิสมฺภิทาวิสเย ฐตฺวาติ เอเตน เถริยา ปภินฺนปฎิสมฺภิทตํ ทเสฺสติฯ ปจฺจยภูตาติ อารมฺมณาทิวเสน ปจฺจยภูตาฯ
Upanetvāti pañhassa atthabhāvena upanetvā. Sakkāyanti sakāyaṃ. Upanikkhittaṃ kiñci vatthuṃ sampaṭicchamānā, viya sampaṭicchantī viya. Eko eva pāso etissāti ekapāsakā, gaṇṭhi. Sā hi sumociyā, anekapāsā pana dummociyā, ekapāsaggahaṇaṃ vissajjanassa sukarabhāvadassanatthaṃ . Paṭisambhidāvisaye ṭhatvāti etena theriyā pabhinnapaṭisambhidataṃ dasseti. Paccayabhūtāti ārammaṇādivasena paccayabhūtā.
เถริยา วิเสสาธิคมสฺส อตฺตโน อวิสยตาย วิสาโข ‘‘น สกฺกา’’ติอาทินา จิเนฺตสีติ ทฎฺฐพฺพํฯ สจฺจวินิโพฺภคปญฺหพฺยากรเณนาติ สจฺจปริยาปนฺนสฺส ธมฺมสฺส ทสฺสนโต อญฺญานญฺญตฺถนิทฺธารณเภทนาสงฺขาตสฺส วินิโพฺภคปญฺหสฺส วิสฺสชฺชเนนฯ เทฺว สจฺจานีติ ทุกฺขสมุทยสจฺจานิฯ ปฎินิวเตฺตตฺวาติ ปริวเตฺตตฺวาฯ คณฺฐิปญฺหนฺติ ทุพฺพินิเพฺพธตาย คณฺฐิภูตํ ปญฺหํฯ
Theriyā visesādhigamassa attano avisayatāya visākho ‘‘na sakkā’’tiādinā cintesīti daṭṭhabbaṃ. Saccavinibbhogapañhabyākaraṇenāti saccapariyāpannassa dhammassa dassanato aññānaññatthaniddhāraṇabhedanāsaṅkhātassa vinibbhogapañhassa vissajjanena. Dve saccānīti dukkhasamudayasaccāni. Paṭinivattetvāti parivattetvā. Gaṇṭhipañhanti dubbinibbedhatāya gaṇṭhibhūtaṃ pañhaṃ.
น ตํเยว อุปาทานํ เต ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา เอกเทสสฺส สมุทายตาภาวโต, สมุทายสฺส จ เอกเทสตาภาวโตฯ นาปิ อญฺญตฺร ปญฺจหิ อุปาทานกฺขเนฺธหิ อุปาทานํ ตสฺส ตเทกเทสภาวโตฯ น หิ เอกเทโส สมุทายวินิมุโตฺต โหติฯ ยทิ หิ ตเญฺญวาติอาทินา อุภยปเกฺขปิ โทสํ ทเสฺสติฯ รูปาทิสภาวมฺปีติ รูปเวทนาสญฺญาวิญฺญาณสภาวมฺปิ, ผสฺสเจตนาทิสภาวมฺปิ อุปาทานํ สิยาฯ อญฺญตฺร สิยาติ ปญฺจหิ อุปาทานกฺขเนฺธหิ วิสุํเยว อุปาทานํ ยทิ สิยาฯ ปรสมเยติ นิกายวาเทฯ จิตฺตวิปฺปยุโตฺต อนุสโยติ นิทสฺสนมตฺตเมตํ นิกายวาเท จิตฺตสภาวาภาววิญฺญาณาทีนมฺปิ จิตฺตวิปฺปยุตฺตภาวปฎิชานนโตฯ เอวํ พฺยากาสีติ ‘‘น โข, อาวุโส’’ติอาทินา ขนฺธคตฉนฺทราคภาเวน พฺยากาสิฯ อตฺถธมฺมนิจฺฉยสมฺภวโต อสมฺพเนฺธนฯ เตสุ กตฺถจิปิ อสมฺมุยฺหนโต อวิตฺถายเนฺตนฯ ปุจฺฉาวิสเย โมหนฺธการวิคมเนน ปทีปสหสฺสํ ชาเลเนฺตน วิยฯ สอุปาทานุปาทานฎฺฐานํ อนุตฺตานตาย ปจุรชนสฺส คูโฬฺหฯ อคฺคหิตสเงฺกตานํ เกสญฺจิ ปฎิจฺฉาทิตสทิสตฺตา ปฎิจฺฉโนฺนฯ ติลกฺขณพฺภาหตธมฺมวิสยตาย ติลกฺขณาหโตฯ คมฺภีรญาณโคจรตาย คมฺภีโรฯ ลทฺธปติฎฺฐา อริยสจฺจสมฺปฎิเวธนโตฯ เอวํ ทิฎฺฐธมฺมาทิภาวโต เวสารชฺชปฺปตฺตาฯ สพฺพโส นิวุตฺถพฺรหฺมจริยตาย ติณฺณํ ภวานมฺปิ อปรภาเค นิพฺพาเน นิวุตฺถวตีติ ภวมตฺถเก ฐิตาฯ
Na taṃyeva upādānaṃ te pañcupādānakkhandhā ekadesassa samudāyatābhāvato, samudāyassa ca ekadesatābhāvato. Nāpi aññatra pañcahi upādānakkhandhehi upādānaṃ tassa tadekadesabhāvato. Na hi ekadeso samudāyavinimutto hoti. Yadi hi taññevātiādinā ubhayapakkhepi dosaṃ dasseti. Rūpādisabhāvampīti rūpavedanāsaññāviññāṇasabhāvampi, phassacetanādisabhāvampi upādānaṃ siyā. Aññatra siyāti pañcahi upādānakkhandhehi visuṃyeva upādānaṃ yadi siyā. Parasamayeti nikāyavāde. Cittavippayutto anusayoti nidassanamattametaṃ nikāyavāde cittasabhāvābhāvaviññāṇādīnampi cittavippayuttabhāvapaṭijānanato. Evaṃ byākāsīti ‘‘na kho, āvuso’’tiādinā khandhagatachandarāgabhāvena byākāsi. Atthadhammanicchayasambhavato asambandhena. Tesu katthacipi asammuyhanato avitthāyantena. Pucchāvisaye mohandhakāravigamanena padīpasahassaṃ jālentena viya. Saupādānupādānaṭṭhānaṃ anuttānatāya pacurajanassa gūḷho. Aggahitasaṅketānaṃ kesañci paṭicchāditasadisattā paṭicchanno. Tilakkhaṇabbhāhatadhammavisayatāya tilakkhaṇāhato. Gambhīrañāṇagocaratāya gambhīro. Laddhapatiṭṭhā ariyasaccasampaṭivedhanato. Evaṃ diṭṭhadhammādibhāvato vesārajjappattā. Sabbaso nivutthabrahmacariyatāya tiṇṇaṃ bhavānampi aparabhāge nibbāne nivutthavatīti bhavamatthake ṭhitā.
๔๖๑. ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติ ปทุทฺธารํ กตฺวา ‘‘อิเธกโจฺจ’’ติอาทินา (ปฎิ. ม. ๑.๑๓๐) ปฎิสมฺภิทาปาเฐน ตทตฺถํ วิวรติฯ ตตฺถ อตฺตโต สมนุปสฺสตีติ อตฺตาติ สมนุปสฺสติ, อตฺตภาเวน สมนุปสฺสติฯ อหนฺติ อตฺตานํ นิทฺทิสติฯ อหํพุทฺธินิพนฺธนญฺหิ อตฺตานํ อตฺตวาที ปญฺญเปติ, ตสฺมา ยํ รูปํ โส อหนฺติ ยเทตํ มม รูปํ นาม, โส อหนฺติ วุจฺจมาโน มม อตฺตา ตํ มม รูปนฺติ รูปญฺจ อตฺตญฺจ อทฺวยํ อนญฺญํ สมนุปสฺสติฯ ตถา ปสฺสโต จ อตฺตา วิย รูปํ, รูปํ วิย วา อตฺตา อนิโจฺจติ อาปนฺนเมว ฯ อจฺจีติ ชาลสิขาฯ สา เจ วโณฺณ, จกฺขุวิเญฺญยฺยาว สิยา, น กายวิเญฺญยฺยา, วโณฺณปิ วา กายาทิวิเญฺญโยฺย อจฺจิยา อนญฺญตฺตาติ อุปเมยฺยํ วิย อุปมาปิ ทิฎฺฐิคติกสฺส อยุตฺตาวฯ ทิฎฺฐิปสฺสนายาติ มิจฺฉาทิฎฺฐิสงฺขาตาย ปสฺสนาย ปสฺสติ, น ตณฺหามานปญฺญานุปสฺสนายฯ อรูปํ เวทนาทิํ อตฺตาติ คเหตฺวา ฉายาย รุกฺขาธีนตาย ฉายาวนฺตํ รุกฺขํ วิย, รูปสฺส สนฺตกภาเวน อตฺตาธีนตาย รูปวนฺตํ อตฺตานํ สมนุปสฺสติฯ ปุปฺผาธีนตาย ปุปฺผสฺมิํ คนฺธํ วิย อาเธยฺยภาเวน อตฺตาธีนตาย รูปสฺส อตฺตนิ รูปํ สมนุปสฺสติฯ ยถา กรโณฺฑ มณิโน อาธาโร, เอวํ รูปมฺปิ อตฺตโน อาธาโรติ กตฺวา อตฺตานํ รูปสฺมิํ สมนุปสฺสติฯ เอเสว นโยติ อิมินา อตฺตโน เวทนาทีหิ อนญฺญตฺตํ เตสญฺจาธารณตํ นิสฺสิตตญฺจ ยถาวุตฺตํ อติทิสติฯ
461.‘‘Rūpaṃ attato samanupassatī’’ti paduddhāraṃ katvā ‘‘idhekacco’’tiādinā (paṭi. ma. 1.130) paṭisambhidāpāṭhena tadatthaṃ vivarati. Tattha attato samanupassatīti attāti samanupassati, attabhāvena samanupassati. Ahanti attānaṃ niddisati. Ahaṃbuddhinibandhanañhi attānaṃ attavādī paññapeti, tasmā yaṃ rūpaṃ so ahanti yadetaṃ mama rūpaṃ nāma, so ahanti vuccamāno mama attā taṃ mama rūpanti rūpañca attañca advayaṃ anaññaṃ samanupassati. Tathā passato ca attā viya rūpaṃ, rūpaṃ viya vā attā aniccoti āpannameva . Accīti jālasikhā. Sā ce vaṇṇo, cakkhuviññeyyāva siyā, na kāyaviññeyyā, vaṇṇopi vā kāyādiviññeyyo acciyā anaññattāti upameyyaṃ viya upamāpi diṭṭhigatikassa ayuttāva. Diṭṭhipassanāyāti micchādiṭṭhisaṅkhātāya passanāya passati, na taṇhāmānapaññānupassanāya. Arūpaṃ vedanādiṃ attāti gahetvā chāyāya rukkhādhīnatāya chāyāvantaṃ rukkhaṃ viya, rūpassa santakabhāvena attādhīnatāya rūpavantaṃ attānaṃ samanupassati. Pupphādhīnatāya pupphasmiṃ gandhaṃ viya ādheyyabhāvena attādhīnatāya rūpassa attani rūpaṃ samanupassati. Yathā karaṇḍo maṇino ādhāro, evaṃ rūpampi attano ādhāroti katvā attānaṃ rūpasmiṃ samanupassati. Eseva nayoti iminā attano vedanādīhi anaññattaṃ tesañcādhāraṇataṃ nissitatañca yathāvuttaṃ atidisati.
อรูปํ อตฺตาติ กถิตํ ‘‘เวทนาวนฺต’’นฺติอาทีสุ วิย รูเปน โวมิสฺสกตาย อภาวโตฯ รูปารูปมิสฺสโก อตฺตา กถิโต รูเปน สทฺธิํ เสสารูปธมฺมานํ อตฺตาติ คหิตตฺตาฯ อุเจฺฉททิฎฺฐิ กถิตา รูปาทีนํ วินาสทสฺสนโตฯ เตเนวาห ‘‘รูปํ อตฺตาติ โย วเทยฺย, ตํ น อุปปชฺชติ, อตฺตา เม อุปฺปชฺชติ จ เวติ จาติ อิจฺจสฺส เอวมาคตํ โหตี’’ติอาทิฯ อวเสเสสูติ ปนฺนรสสุ ฐาเนสุฯ สสฺสตทิฎฺฐิ กถิตา รูปวนฺตาทิภาเวน คหิตสฺส อนิทฺธาริตรูปตฺตาฯ
Arūpaṃ attāti kathitaṃ ‘‘vedanāvanta’’ntiādīsu viya rūpena vomissakatāya abhāvato. Rūpārūpamissako attā kathito rūpena saddhiṃ sesārūpadhammānaṃ attāti gahitattā. Ucchedadiṭṭhi kathitā rūpādīnaṃ vināsadassanato. Tenevāha ‘‘rūpaṃ attāti yo vadeyya, taṃ na upapajjati, attā me uppajjati ca veti cāti iccassa evamāgataṃ hotī’’tiādi. Avasesesūti pannarasasu ṭhānesu. Sassatadiṭṭhi kathitā rūpavantādibhāvena gahitassa aniddhāritarūpattā.
ทิฎฺฐิคติโก ยํ วตฺถุํ อตฺตาติ สมนุปสฺสติ, เยภุเยฺยน ตํ นิจฺจํ สุขนฺติ จ สมนุปสฺสเตวฯ สาวโก ปน ตปฺปฎิเกฺขเปน สเพฺพ ธมฺมา อนตฺตาติ สุทิฎฺฐตฺตา รูปํ อตฺตาติ น สมนุปสฺสติ, ตถาภูโต จ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตาติ สมนุปสฺสติ, ตถา เวทนาทโยติ ทเสฺสโนฺต ‘‘น รูปํ อตฺตโต’’ติอาทิมาหฯ เอวํ ภวทิฎฺฐิปิ อวิชฺชาภวตณฺหา วิย วฎฺฎสฺส สมุทโยเยวาติ ทิฎฺฐิกถายํ ‘‘เอตฺตเกน คมนํ โหตี’’ติอาทิฯ ทิฎฺฐิปฺปหานกถายญฺจ ‘‘เอตฺตเกน คมนํ น โหตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Diṭṭhigatiko yaṃ vatthuṃ attāti samanupassati, yebhuyyena taṃ niccaṃ sukhanti ca samanupassateva. Sāvako pana tappaṭikkhepena sabbe dhammā anattāti sudiṭṭhattā rūpaṃ attāti na samanupassati, tathābhūto ca aniccaṃ dukkhaṃ anattāti samanupassati, tathā vedanādayoti dassento ‘‘na rūpaṃ attato’’tiādimāha. Evaṃ bhavadiṭṭhipi avijjābhavataṇhā viya vaṭṭassa samudayoyevāti diṭṭhikathāyaṃ ‘‘ettakena gamanaṃ hotī’’tiādi. Diṭṭhippahānakathāyañca ‘‘ettakena gamanaṃ na hotī’’tiādi vuttaṃ.
๔๖๒. เหฎฺฐา วุตฺตมตฺถเมว ปุจฺฉิตตฺตา ‘‘เถริยา ปฎิปุจฺฉิตฺวา วิสฺสเชฺชตโพฺพ’’ติ วตฺวา ปฎิปุจฺฉนวิธิํ ทเสฺสตุํ ‘‘อุปาสกา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปฎิปตฺติวเสนาติ สกฺกายนิโรธคามินิปฎิปทาภาเวนฯ สงฺขตาสงฺขตวเสน โลกิยโลกุตฺตรวเสน สงฺคหิตาสงฺคหิตวเสนาติ ‘‘วเสนา’’ติ ปทํ ปเจฺจกํ โยเชตพฺพํฯ ตตฺถ กามํ อสงฺขโต นาม มโคฺค นตฺถิ, กิํ สงฺขโต, อุทาหุ อสงฺขโตติ ปน ปุจฺฉาวเสน ตถา วุตฺตํ? ‘‘อริโย’’ติ วจเนเนว มคฺคสฺส โลกุตฺตรโต สิทฺธา, สงฺคาหกขนฺธปริยาปนฺนานํ ปน มคฺคธมฺมานมฺปิ สิยา โลกิยตาติ อิธ โลกิยคฺคหณํฯ กิญฺจาปิ สงฺคหิตปทเมว ปาฬิยํ อาคตํ, น อสงฺคหิตปทํ, เย ปน สงฺคาหกภาเวน วุตฺตา, เต สงฺคหิตา น โหนฺตีติ อฎฺฐกถายํ อสงฺคหิตคฺคหณํ กตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ สงฺขโตติอาทีสุ สเมจฺจ สมฺภุยฺย ปจฺจเยหิ กโตติ สงฺขโตฯ ตถาภูโต จ ตํสมงฺคิโน ปุคฺคลสฺส ปุพฺพภาคเจตนาติ มยฺหํ มโคฺค อฎฺฐงฺคิโก โหตุ สตฺตงฺคิโก วาติ เจติตภาเวน เจติโตฯ สหชาตเจตนายปิ เจติโตว ตสฺสา สหการีการณภาวโต, ตโต เอว ปกปฺปิโต อายูหิโตฯ ปจฺจเยหิ นิปฺผาทิตตฺตา กโต นิพฺพตฺติโต จฯ สมาปชฺชเนฺตน อตฺตโน สนฺตาเน สมฺมเทว อาปชฺชเนฺตน อุปฺปาเทเนฺตนฯ อิติ สตฺตหิปิ ปเทหิ ปจฺจยนิพฺพตฺติตํเยว อริยมคฺคสฺส ทเสฺสติฯ
462. Heṭṭhā vuttamatthameva pucchitattā ‘‘theriyā paṭipucchitvā vissajjetabbo’’ti vatvā paṭipucchanavidhiṃ dassetuṃ ‘‘upāsakā’’tiādi vuttaṃ. Paṭipattivasenāti sakkāyanirodhagāminipaṭipadābhāvena. Saṅkhatāsaṅkhatavasena lokiyalokuttaravasena saṅgahitāsaṅgahitavasenāti ‘‘vasenā’’ti padaṃ paccekaṃ yojetabbaṃ. Tattha kāmaṃ asaṅkhato nāma maggo natthi, kiṃ saṅkhato, udāhu asaṅkhatoti pana pucchāvasena tathā vuttaṃ? ‘‘Ariyo’’ti vacaneneva maggassa lokuttarato siddhā, saṅgāhakakhandhapariyāpannānaṃ pana maggadhammānampi siyā lokiyatāti idha lokiyaggahaṇaṃ. Kiñcāpi saṅgahitapadameva pāḷiyaṃ āgataṃ, na asaṅgahitapadaṃ, ye pana saṅgāhakabhāvena vuttā, te saṅgahitā na hontīti aṭṭhakathāyaṃ asaṅgahitaggahaṇaṃ katanti daṭṭhabbaṃ. Saṅkhatotiādīsu samecca sambhuyya paccayehi katoti saṅkhato. Tathābhūto ca taṃsamaṅgino puggalassa pubbabhāgacetanāti mayhaṃ maggo aṭṭhaṅgiko hotu sattaṅgiko vāti cetitabhāvena cetito. Sahajātacetanāyapi cetitova tassā sahakārīkāraṇabhāvato, tato eva pakappito āyūhito. Paccayehi nipphāditattā kato nibbattito ca. Samāpajjantena attano santāne sammadeva āpajjantena uppādentena. Iti sattahipi padehi paccayanibbattitaṃyeva ariyamaggassa dasseti.
อสงฺคหิโต ขนฺธานํ ปเทโส เอตสฺส อตฺถีติ มโคฺค สปฺปเทโสฯ นตฺถิ เอเตสํ ปเทสาติ ขนฺธา นิปฺปเทสาฯ ปทิสฺสติ เอเตน สมุทาโยติ หิ ปเทโส, อวยโวฯ อยนฺติ มโคฺคฯ สปฺปเทสตฺตา เอกเทสตฺตาฯ นิปฺปเทเสหิ สมุทายภาวโต นิรวเสสปเทเสหิฯ ยถา นครํ รเชฺชกเทสภูตํ ตทโนฺตคธตฺตา รเชฺชน สงฺคหิตํ, เอวํ อริยมโคฺค ขนฺธตฺตเยกเทสภูโต ตทโนฺตคธตฺตา ตีหิ ขเนฺธหิ สงฺคหิโตติ ทเสฺสติ ‘‘นครํ วิย รเชฺชนา’’ติ อิมินาฯ สชาติโตติ สมานชาติตาย, สมานสภาวตฺตา เอวาติ อโตฺถฯ เอตฺถ จ สีลกฺขโนฺธ ‘‘นว โกฎิสหสฺสานี’’ติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๑.๒๐; อป. อฎฺฐ. ๒.๕๕.๕๕; ปฎิ. ม. อฎฺฐ. ๑.๑.๓๗) วุตฺตปเภทวเสน เจว สมฺปตฺตสมาทานวิรติอาทิวเสน จ คยฺหมาโน นิปฺปเทโส, มคฺคสีลํ ปน อาชีวฎฺฐมกเมว สมุเจฺฉทวิรติมตฺตเมวาติ สปฺปเทสํฯ สมาธิกฺขโนฺธ ปริตฺตมหคฺคตาทิวเสน เจว อุปจารปฺปนาสมาธิวเสน จ อเนกเภทตาย นิปฺปเทโส, มคฺคสมาธิ ปน โลกุตฺตโรว , อปฺปนาสมาธิ เอวาติ สปฺปเทโสฯ ตถา ปญฺญากฺขโนฺธ ปริตฺตมหคฺคตาทิวเสน เจว สุตมยญาณาทิวเสน จ อเนกเภทตาย นิปฺปเทโส, มคฺคปญฺญา ปน โลกุตฺตราว, ภาวนามยา เอวาติ สปฺปเทสาฯ อตฺตโน ธมฺมตายาติ สหการีการณํ อนเปกฺขิตฺวา อตฺตโน สภาเวน อตฺตโน พเลน อเปฺปตุํ น สโกฺกติ วีริเยน อนุปตฺถมฺภิตํ, สติยา จ อนุปฎฺฐิตํฯ ปคฺคหกิจฺจนฺติ ยถา โกสชฺชปเกฺข น ปติตา จิตฺตฎฺฐิติ, ตถา ปคฺคณฺหนกิจฺจํฯ อปิลาปนกิจฺจนฺติ ยถา อารมฺมเณ น ปิลวติ, เอวํ อปิลาปนกิจฺจํฯ
Asaṅgahito khandhānaṃ padeso etassa atthīti maggo sappadeso. Natthi etesaṃ padesāti khandhā nippadesā. Padissati etena samudāyoti hi padeso, avayavo. Ayanti maggo. Sappadesattā ekadesattā. Nippadesehi samudāyabhāvato niravasesapadesehi. Yathā nagaraṃ rajjekadesabhūtaṃ tadantogadhattā rajjena saṅgahitaṃ, evaṃ ariyamaggo khandhattayekadesabhūto tadantogadhattā tīhi khandhehi saṅgahitoti dasseti ‘‘nagaraṃ viya rajjenā’’ti iminā. Sajātitoti samānajātitāya, samānasabhāvattā evāti attho. Ettha ca sīlakkhandho ‘‘nava koṭisahassānī’’tiādinā (visuddhi. 1.20; apa. aṭṭha. 2.55.55; paṭi. ma. aṭṭha. 1.1.37) vuttapabhedavasena ceva sampattasamādānaviratiādivasena ca gayhamāno nippadeso, maggasīlaṃ pana ājīvaṭṭhamakameva samucchedaviratimattamevāti sappadesaṃ. Samādhikkhandho parittamahaggatādivasena ceva upacārappanāsamādhivasena ca anekabhedatāya nippadeso, maggasamādhi pana lokuttarova , appanāsamādhi evāti sappadeso. Tathā paññākkhandho parittamahaggatādivasena ceva sutamayañāṇādivasena ca anekabhedatāya nippadeso, maggapaññā pana lokuttarāva, bhāvanāmayā evāti sappadesā. Attano dhammatāyāti sahakārīkāraṇaṃ anapekkhitvā attano sabhāvena attano balena appetuṃ na sakkoti vīriyena anupatthambhitaṃ, satiyā ca anupaṭṭhitaṃ. Paggahakiccanti yathā kosajjapakkhe na patitā cittaṭṭhiti, tathā paggaṇhanakiccaṃ. Apilāpanakiccanti yathā ārammaṇe na pilavati, evaṃ apilāpanakiccaṃ.
เอกโต ชาตาติ สหชาตาฯ ปิฎฺฐิํ ทตฺวา โอนตสหาโย วิย วายาโม สมาธิสฺส อารมฺมเณ อปฺปนาย วิเสสปจฺจยภาวโตฯ อํสกูฎํ ทตฺวา ฐิตสหาโย วิย สติ สมาธิสฺส อารมฺมเณ ทฬฺหปวตฺติยา ปจฺจยภาวโตฯ กิริยโตติ อุปการกิริยโตฯ
Ekato jātāti sahajātā. Piṭṭhiṃ datvā onatasahāyo viya vāyāmo samādhissa ārammaṇe appanāya visesapaccayabhāvato. Aṃsakūṭaṃ datvā ṭhitasahāyo viya sati samādhissa ārammaṇe daḷhapavattiyā paccayabhāvato. Kiriyatoti upakārakiriyato.
อาโกเฎตฺวาติ อารมฺมณํ อาหนิตฺวาฯ ตถา หิ วิตโกฺก ‘‘อาหนนรโส’’ติ, โยคาวจโร จ ‘‘กมฺมฎฺฐานํ ตกฺกาหตํ วิตกฺกปริยาหตํ กโรตี’’ติ วุจฺจติฯ อิธาปีติ สมฺมาทิฎฺฐิสงฺกเปฺปสุฯ กิริยโตติ วุตฺตปฺปการอุปการกิริยโตฯ
Ākoṭetvāti ārammaṇaṃ āhanitvā. Tathā hi vitakko ‘‘āhananaraso’’ti, yogāvacaro ca ‘‘kammaṭṭhānaṃ takkāhataṃ vitakkapariyāhataṃ karotī’’ti vuccati. Idhāpīti sammādiṭṭhisaṅkappesu. Kiriyatoti vuttappakāraupakārakiriyato.
สุภสุขาทินิมิตฺตคฺคาหวิธมนํ จตุกิจฺจสาธนํฯ ปจฺจยเตฺตนาติ สหชาตาทิปจฺจยภาเวนฯ จตุกิจฺจสาธนวเสเนวาติ อิทํ มคฺควีริยเสฺสว คหิตภาวทสฺสนํฯ ตญฺหิ เอกํเยว หุตฺวา จตุกิจฺจํ ยถาวุตฺตอุปการกสภาเวน จ ปริวารเฎฺฐน ปริกฺขาโร โหติฯ มคฺคสมฺปยุตฺตธมฺมานนฺติ อิมินา มคฺคธมฺมานมฺปิ คหณํ, น ตํสมฺปยุตฺตผสฺสาทีนํเยวฯ เอกจิตฺตกฺขณิกาติ มคฺคจิตฺตุปฺปาทวเสน เอกจิตฺตกฺขณิกาฯ
Subhasukhādinimittaggāhavidhamanaṃ catukiccasādhanaṃ. Paccayattenāti sahajātādipaccayabhāvena. Catukiccasādhanavasenevāti idaṃ maggavīriyasseva gahitabhāvadassanaṃ. Tañhi ekaṃyeva hutvā catukiccaṃ yathāvuttaupakārakasabhāvena ca parivāraṭṭhena parikkhāro hoti. Maggasampayuttadhammānanti iminā maggadhammānampi gahaṇaṃ, na taṃsampayuttaphassādīnaṃyeva. Ekacittakkhaṇikāti maggacittuppādavasena ekacittakkhaṇikā.
สตฺตหิ ญาเณหีติ ปรมุกฺกํสคเตหิ สตฺตหิ ชวเนหิ สมฺปยุตฺตญาเณหิ, สตฺตหิ วา อนุปสฺสนาญาเณหิฯ อาทิโต เสวนา อาเสวนา, ตโต ปรํ วฑฺฒนา ภาวนา, ปุนปฺปุนํ กรณํ พหุลีกมฺมนฺติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘อเญฺญน จิเตฺตนา’’ติอาทิฯ อธิปฺปายวเสน นิทฺธาเรตฺวา คเหตพฺพตฺถํ สุตฺตํ เนยฺยตฺถํฯ ยถารุตวเสน คเหตพฺพตฺถํ นีตตฺถํฯ เอวํ สเนฺตติ ยทิ อิทํ สุตฺตํ นีตตฺถํ, อาเสวนาทิ จ วิสุํ วิสุํ จิเตฺตหิ โหติ, เอวํ สเนฺตฯ อาเสวนาทิ นาม จิตฺตสฺส อเนกวารํ อุปฺปตฺติยา โหติ , น เอกวารเมวาติ อาห ‘‘เอกํ จิตฺต’’นฺติอาทิฯ ตตฺรายํ สเงฺขปโตฺถ – อาเสวนาวเสน ปวตฺตมานํ จิตฺตํ สุจิรมฺปิ กาลํ อาเสวนาวเสเนว ปวเตฺตยฺย, ตถา ภาวนาพหุลีกมฺมวเสน ปวตฺตมานานิปิ, น เจตฺถ เอตฺตกาเนว จิตฺตานิ อาเสวนาวเสน ปวตฺตนฺติ, เอตฺตกานิ ภาวนาวเสน, พหุลีกมฺมวเสนาติ นิยโม ลพฺภติฯ อิติ อเนกจิตฺตกฺขณิกอริยมคฺคํ วทนฺตสฺส ทุนฺนิวาริโยวายํ โทโสฯ ยถา ปน ปุพฺพภาเคปิ นานาจิเตฺตสุ ปวตฺตปริญฺญาทิกิจฺจานํ สมฺมาทิฎฺฐิอาทีนํ ปฎิเวธกาเล ยถารหํ จตุกิจฺจสาธนํ, เอกจิตฺตกฺขณิกา จ ปวตฺติ, เอวํ วิปสฺสนาย ปวตฺตาภิสงฺขารวเสน อาเสวนาภาวนาพหุลีกมฺมานิ ปฎิเวธกาเล เอกจิตฺตกฺขณิกาเนว โหนฺตีติ วทนฺตานํ อาจริยานํ น โกจิ โทโส อาเสวนาทีหิ กาตพฺพกิจฺจสฺส ตทา เอกจิตฺตกฺขเณเยว สิชฺฌนโตฯ เตนาห ‘‘เอกจิตฺตกฺขณิกาวา’’ติอาทิฯ สเจ สญฺชานาตีติ สเจ สญฺญตฺติํ คจฺฉติฯ ยาคุํ ปิวาหีติ อุโยฺยเชตโพฺพ ธมฺมสากจฺฉาย อภพฺพภาวโตติ อธิปฺปาโยฯ
Sattahi ñāṇehīti paramukkaṃsagatehi sattahi javanehi sampayuttañāṇehi, sattahi vā anupassanāñāṇehi. Ādito sevanā āsevanā, tato paraṃ vaḍḍhanā bhāvanā, punappunaṃ karaṇaṃ bahulīkammanti adhippāyenāha ‘‘aññena cittenā’’tiādi. Adhippāyavasena niddhāretvā gahetabbatthaṃ suttaṃ neyyatthaṃ. Yathārutavasena gahetabbatthaṃ nītatthaṃ. Evaṃ santeti yadi idaṃ suttaṃ nītatthaṃ, āsevanādi ca visuṃ visuṃ cittehi hoti, evaṃ sante. Āsevanādi nāma cittassa anekavāraṃ uppattiyā hoti , na ekavāramevāti āha ‘‘ekaṃ citta’’ntiādi. Tatrāyaṃ saṅkhepattho – āsevanāvasena pavattamānaṃ cittaṃ sucirampi kālaṃ āsevanāvaseneva pavatteyya, tathā bhāvanābahulīkammavasena pavattamānānipi, na cettha ettakāneva cittāni āsevanāvasena pavattanti, ettakāni bhāvanāvasena, bahulīkammavasenāti niyamo labbhati. Iti anekacittakkhaṇikaariyamaggaṃ vadantassa dunnivāriyovāyaṃ doso. Yathā pana pubbabhāgepi nānācittesu pavattapariññādikiccānaṃ sammādiṭṭhiādīnaṃ paṭivedhakāle yathārahaṃ catukiccasādhanaṃ, ekacittakkhaṇikā ca pavatti, evaṃ vipassanāya pavattābhisaṅkhāravasena āsevanābhāvanābahulīkammāni paṭivedhakāle ekacittakkhaṇikāneva hontīti vadantānaṃ ācariyānaṃ na koci doso āsevanādīhi kātabbakiccassa tadā ekacittakkhaṇeyeva sijjhanato. Tenāha ‘‘ekacittakkhaṇikāvā’’tiādi. Sace sañjānātīti sace saññattiṃ gacchati. Yāguṃ pivāhīti uyyojetabbo dhammasākacchāya abhabbabhāvatoti adhippāyo.
๔๖๓. ปุญฺญาภิสงฺขาราทีสูติ อาทิ-สเทฺทน กายสเญฺจตนาทิ ลกฺขเณ กายสงฺขาราทิเกปิ สงฺคณฺหาติ, น อปุญฺญาเนญฺชาภิสงฺขาเร เอวฯ กายปฎิพทฺธตฺตา กาเยน สงฺขรียติ, น กายสมุฎฺฐานตฺตาฯ จิตฺตสมุฎฺฐานา หิ เต ธมฺมาติฯ นิพฺพตฺตียตีติ จ อิทํ กาเย สติ สพฺภาวํ , อสติ จ อภาวํ สนฺธาย วุตฺตํฯ วาจนฺติ วจีโฆสํฯ สงฺขโรตีติ ชเนติฯ เตนาห ‘‘นิพฺพเตฺตตี’’ติฯ น หิ ตํ วิตกฺกวิจารรหิตจิตฺตํ วจีโฆสํ นิพฺพเตฺตตุํ สโกฺกติฯ จิตฺตปฎิพทฺธตฺตาติ เอเตน จิตฺตสฺส นิสฺสยาทิปจฺจยภาโว จิตฺตสงฺขารสงฺขรณนฺติ ทเสฺสติฯ อญฺญมญฺญมิสฺสาติ อตฺถโต ภินฺนาปิ กายสงฺขาราทิวจนวจนียภาเวน อญฺญมญฺญมิสฺสิตา อภินฺนา วิย, ตโต เอว อาลุฬิตา สํกิณฺณา อวิภูตา อปากฎา ทุทฺทีปนา ทุวิญฺญาปยาฯ อาทานคฺคหณมุญฺจนโจปนานีติ ยสฺส กสฺสจิ กาเยน อาทาตพฺพสฺส อาทานสงฺขาตํ คหณํ, วิสฺสชฺชนสงฺขาตํ มุญฺจนํ, ยถาตถาจลนสงฺขาตํ โจปนนฺติ อิมานิ ปาเปตฺวา สาเธตฺวา อุปฺปนฺนาฯ กายโต ปวตฺตา สงฺขารา, กาเยน สงฺขรียนฺตีติ จ กายสงฺขาราเตฺวว วุจฺจนฺติฯ หนุสํโจปนนฺติ หนุสญฺจลนํฯ วจีเภทนฺติ วาจานิจฺฉารณํฯ วาจํ สงฺขโรนฺตีติ กตฺวา อิธ วจีสงฺขาราเตฺวว วุจฺจนฺติฯ
463.Puññābhisaṅkhārādīsūti ādi-saddena kāyasañcetanādi lakkhaṇe kāyasaṅkhārādikepi saṅgaṇhāti, na apuññāneñjābhisaṅkhāre eva. Kāyapaṭibaddhattā kāyena saṅkharīyati, na kāyasamuṭṭhānattā. Cittasamuṭṭhānā hi te dhammāti. Nibbattīyatīti ca idaṃ kāye sati sabbhāvaṃ , asati ca abhāvaṃ sandhāya vuttaṃ. Vācanti vacīghosaṃ. Saṅkharotīti janeti. Tenāha ‘‘nibbattetī’’ti. Na hi taṃ vitakkavicārarahitacittaṃ vacīghosaṃ nibbattetuṃ sakkoti. Cittapaṭibaddhattāti etena cittassa nissayādipaccayabhāvo cittasaṅkhārasaṅkharaṇanti dasseti. Aññamaññamissāti atthato bhinnāpi kāyasaṅkhārādivacanavacanīyabhāvena aññamaññamissitā abhinnā viya, tato eva āluḷitā saṃkiṇṇā avibhūtā apākaṭā duddīpanā duviññāpayā. Ādānaggahaṇamuñcanacopanānīti yassa kassaci kāyena ādātabbassa ādānasaṅkhātaṃ gahaṇaṃ, vissajjanasaṅkhātaṃ muñcanaṃ, yathātathācalanasaṅkhātaṃ copananti imāni pāpetvā sādhetvā uppannā. Kāyato pavattā saṅkhārā, kāyena saṅkharīyantīti ca kāyasaṅkhārātveva vuccanti. Hanusaṃcopananti hanusañcalanaṃ. Vacībhedanti vācānicchāraṇaṃ. Vācaṃ saṅkharontīti katvā idha vacīsaṅkhārātveva vuccanti.
๔๖๔. สมาปชฺชิสฺสนฺติ ปทํ นิโรธสฺส อาสนฺนานาคตภาววิสยํ อาสนฺนํ วเชฺชตฺวา ทูรสฺส คหเณ ปโยชนาภาวโตฯ นิโรธปาทกสฺส เนวสญฺญานาสญฺญายตนจิตฺตสฺส จ คหณโต ปฎฺฐาย นิโรธํ สมาปชฺชติ นามาติ อธิปฺปาเยน ‘‘ปททฺวเยน เนวสญฺญานาสญฺญายตนสมาปตฺติกาโล กถิโต’’ติ วุตฺตํฯ ตถา จิตฺตํ ภาวิตํ โหตีติ เอตฺถ อทฺธานปริเจฺฉทจิตฺตคฺคหณํ อิตเรสํ นานนฺตริยภาวโตฯ น หิ พลทฺวยญาณสมาธิจริยานํ วสีภาวาปาทนจิเตฺตหิ วินา อทฺธานปริเจฺฉทจิตฺตํ อจิตฺตกภาวาย โหติฯ
464.Samāpajjissanti padaṃ nirodhassa āsannānāgatabhāvavisayaṃ āsannaṃ vajjetvā dūrassa gahaṇe payojanābhāvato. Nirodhapādakassa nevasaññānāsaññāyatanacittassa ca gahaṇato paṭṭhāya nirodhaṃ samāpajjati nāmāti adhippāyena ‘‘padadvayena nevasaññānāsaññāyatanasamāpattikālo kathito’’ti vuttaṃ. Tathā cittaṃ bhāvitaṃ hotīti ettha addhānaparicchedacittaggahaṇaṃ itaresaṃ nānantariyabhāvato. Na hi baladvayañāṇasamādhicariyānaṃ vasībhāvāpādanacittehi vinā addhānaparicchedacittaṃ acittakabhāvāya hoti.
เสสสงฺขาเรหีติ กายสงฺขารจิตฺตสงฺขาเรหิฯ ทุติยชฺฌาเนเยว นิรุชฺฌติ อนุปฺปตฺตินิโรเธนฯ อิตเรสุปิ เอเสว นโยฯ วุฎฺฐหิสฺสนฺติ ปทํ วุฎฺฐหนสฺส อาสนฺนานาคตภาววิสยํ อาสนฺนํ วเชฺชตฺวา ทูรสฺส คหเณ ปโยชนาภาวโตฯ นิโรธโต วุฎฺฐานสฺส จ จิตฺตุปฺปาเทน ปริจฺฉินฺนตฺตา ตโต โอรเมวาติ อาห ‘‘ปททฺวเยน อโนฺตนิโรธกาโล กถิโต’’ติฯ ตถา จิตฺตํ ภาวิตํ โหตีติ ยถา ยถาปริจฺฉินฺนกาลเมว อจิตฺตกภาโว, ตโต ปรํ สจิตฺตกภาโว โหติ, ตถา นิโรธสฺส ปริกมฺมจิตฺตํ อุปฺปาทิตํ โหติฯ
Sesasaṅkhārehīti kāyasaṅkhāracittasaṅkhārehi. Dutiyajjhāneyeva nirujjhati anuppattinirodhena. Itaresupi eseva nayo. Vuṭṭhahissanti padaṃ vuṭṭhahanassa āsannānāgatabhāvavisayaṃ āsannaṃ vajjetvā dūrassa gahaṇe payojanābhāvato. Nirodhato vuṭṭhānassa ca cittuppādena paricchinnattā tato oramevāti āha ‘‘padadvayena antonirodhakālo kathito’’ti. Tathā cittaṃ bhāvitaṃ hotīti yathā yathāparicchinnakālameva acittakabhāvo, tato paraṃ sacittakabhāvo hoti, tathā nirodhassa parikammacittaṃ uppāditaṃ hoti.
ปฎิสงฺขาติ ปฎิสงฺขาย อิทเมว กาตพฺพํ ชานิตฺวา อปฺปวตฺติมตฺตํฯ สมาปชฺชนฺตีติ อจิตฺตกภาวํ สมฺปเทว อาปชฺชนฺติฯ อถ กสฺมา สตฺตาหเมว สมาปชฺชนฺตีติ? ยถากาลปริเจฺฉทกรณโต, ตญฺจ เยภุเยฺยน อาหารูปชีวีนํ สตฺตานํ อุปาทินฺนกปวตฺตสฺส เอกทิวสํ ภุตฺตาหารสฺส สตฺตาหเมว ยาปนโตฯ
Paṭisaṅkhāti paṭisaṅkhāya idameva kātabbaṃ jānitvā appavattimattaṃ. Samāpajjantīti acittakabhāvaṃ sampadeva āpajjanti. Atha kasmā sattāhameva samāpajjantīti? Yathākālaparicchedakaraṇato, tañca yebhuyyena āhārūpajīvīnaṃ sattānaṃ upādinnakapavattassa ekadivasaṃ bhuttāhārassa sattāhameva yāpanato.
สพฺพา ผลสมาปตฺติ อสฺสาสปสฺสาเส น สมุฎฺฐาเปตีติ อิทํ นตฺถีติ อาห ‘‘สมุฎฺฐาเปตี’’ติฯ ยา ปน น สมุฎฺฐาเปติ, ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อิมสฺส ปน…เป.… น สมุฎฺฐาเปตี’’ติ อาหฯ ตตฺถ อิมสฺสาติ อิธ ปาฬิยํ วุตฺตนิโรธสมาปชฺชนภิกฺขุโนฯ ตสฺส ปน ผลสมาปตฺติ จตุตฺถชฺฌานิกาวาติ นิยโม นตฺถีติ อาห ‘‘กิํ วา เอเตนา’’ติอาทิฯ อโพฺพหาริกาติ สุขุมตฺตภาวปฺปตฺติยา ‘‘อตฺถี’’ติ โวหริตุํ อสกฺกุเณยฺยาติ เกจิฯ นิโรธสฺส ปน ปาทกภูตาย จตุตฺถชฺฌานาทิสมาธิจริยาย วเสน อจตุตฺถชฺฌานิกาปิ นิโรธานนฺตรผลสมาปตฺติ อสฺสาสปสฺสาเส น สมุฎฺฐาเปตีติ อภาวโต เอว เต อโพฺพหาริกา วุตฺตาฯ เอวญฺจ กตฺวา สญฺชีวเตฺถรวตฺถุมฺหิ อานีตสมาปตฺติผลนิทสฺสนมฺปิ สุฎฺฐุ อุปปชฺชติฯ เตนาห ‘‘ภวงฺคสมเยเนเวตํ กถิต’’นฺติฯ กิริยมยปวตฺตวฬญฺชนกาเลติ เอตฺถ กิริยมยปวตฺตํ กายวจีวิญฺญตฺติวิปฺผาโร, ตสฺส วฬญฺชนกาเล ปวตฺตนสมเยฯ วาจํ อภิสงฺขาตุํ น สโกฺกนฺติ อวิญฺญตฺติชนกตฺตา เตสํ วิตกฺกวิจารานํฯ
Sabbā phalasamāpatti assāsapassāse na samuṭṭhāpetīti idaṃ natthīti āha ‘‘samuṭṭhāpetī’’ti. Yā pana na samuṭṭhāpeti, taṃ dassento ‘‘imassa pana…pe… na samuṭṭhāpetī’’ti āha. Tattha imassāti idha pāḷiyaṃ vuttanirodhasamāpajjanabhikkhuno. Tassa pana phalasamāpatti catutthajjhānikāvāti niyamo natthīti āha ‘‘kiṃ vā etenā’’tiādi. Abbohārikāti sukhumattabhāvappattiyā ‘‘atthī’’ti voharituṃ asakkuṇeyyāti keci. Nirodhassa pana pādakabhūtāya catutthajjhānādisamādhicariyāya vasena acatutthajjhānikāpi nirodhānantaraphalasamāpatti assāsapassāse na samuṭṭhāpetīti abhāvato eva te abbohārikā vuttā. Evañca katvā sañjīvattheravatthumhi ānītasamāpattiphalanidassanampi suṭṭhu upapajjati. Tenāha ‘‘bhavaṅgasamayenevetaṃ kathita’’nti. Kiriyamayapavattavaḷañjanakāleti ettha kiriyamayapavattaṃ kāyavacīviññattivipphāro, tassa vaḷañjanakāle pavattanasamaye. Vācaṃ abhisaṅkhātuṃ na sakkonti aviññattijanakattā tesaṃ vitakkavicārānaṃ.
สคุเณนาติ สรเสน, สภาเวนาติ อโตฺถฯ สุญฺญตา นาม ผลสมาปตฺติ ราคาทีหิ สุญฺญตฺตาฯ ตถา ราคนิมิตฺตาทีนํ อภาวา อนิมิตฺตา, ราคปณิธิอาทีนํ อภาวา อปฺปณิหิตาติ อาห ‘‘อนิมิตฺตอปฺปณิหิเตสุปิ เอเสว นโย’’ติฯ อนิมิตฺตํ อปฺปณิหิตญฺจ นิพฺพานํ อารมฺมณํ กตฺวา อุปฺปนฺนผลสมาปตฺติยํ ผโสฺส อนิมิโตฺต ผโสฺส อปฺปณิหิโต ผโสฺส นามาติ อิมมตฺถํ ‘‘เอเสว นโย’’ติ อิมินา อติทิสติฯ
Saguṇenāti sarasena, sabhāvenāti attho. Suññatā nāma phalasamāpatti rāgādīhi suññattā. Tathā rāganimittādīnaṃ abhāvā animittā, rāgapaṇidhiādīnaṃ abhāvā appaṇihitāti āha ‘‘animittaappaṇihitesupi eseva nayo’’ti. Animittaṃ appaṇihitañca nibbānaṃ ārammaṇaṃ katvā uppannaphalasamāpattiyaṃ phasso animitto phasso appaṇihito phasso nāmāti imamatthaṃ ‘‘eseva nayo’’ti iminā atidisati.
อตฺตสุญฺญตาทสฺสนโต อนตฺตานุปสฺสนา สุญฺญตา, นิจฺจนิมิตฺตุคฺฆาฎนโต อนิจฺจานุปสฺสนา อนิมิตฺตา, สุขปฺปณิธิปฎิเกฺขปโต ทุกฺขานุปสฺสนา อปฺปณิหิตาติ อาห – ‘‘สุญฺญตา…เป.… วิปสฺสนาปิ วุจฺจตี’’ติฯ อนิจฺจโต วุฎฺฐาตีติ สงฺขารานํ อนิจฺจาการคฺคาหินิยา วุฎฺฐานคามินิยา ปรโต เอกโตวุฎฺฐานอุภโตวุฎฺฐาเนหิ นิมิตฺตปวตฺตโต วุฎฺฐาติฯ อนิจฺจโต ปริคฺคเหตฺวาติ จ อิทํ ‘‘น เอกนฺติกํ เอวมฺปิ โหตี’’ติ กตฺวา วุตฺตํฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ อปฺปณิหิตวิปสฺสนาย มโคฺคติอาทินา, สุญฺญตวิปสฺสนาย มโคฺคติอาทินา จ โยชนํ สนฺธายาห ‘‘เอเสว นโย’’ติฯ วิกโปฺป อาปเชฺชยฺย อาคมนสฺส ววตฺถานสฺส อภาเวน อววตฺถานกรตฺตาฯ เอวญฺหิ ตโย ผสฺสา ผุสนฺตีติ เอวํ สคุณโต อารมฺมณโต จ นามลาเภ สุญฺญตาทินามกา ตโย ผสฺสา ผุสนฺตีติ อนิยมวจนํฯ สเมติ ยุชฺชติ เอกเสฺสว ผสฺสสฺส นามตฺตยโยคโตฯ
Attasuññatādassanato anattānupassanā suññatā, niccanimittugghāṭanato aniccānupassanā animittā, sukhappaṇidhipaṭikkhepato dukkhānupassanā appaṇihitāti āha – ‘‘suññatā…pe… vipassanāpi vuccatī’’ti. Aniccato vuṭṭhātīti saṅkhārānaṃ aniccākāraggāhiniyā vuṭṭhānagāminiyā parato ekatovuṭṭhānaubhatovuṭṭhānehi nimittapavattato vuṭṭhāti. Aniccato pariggahetvāti ca idaṃ ‘‘na ekantikaṃ evampi hotī’’ti katvā vuttaṃ. Esa nayo sesesupi. Appaṇihitavipassanāya maggotiādinā, suññatavipassanāya maggotiādinā ca yojanaṃ sandhāyāha ‘‘eseva nayo’’ti. Vikappo āpajjeyya āgamanassa vavatthānassa abhāvena avavatthānakarattā. Evañhi tayo phassā phusantīti evaṃ saguṇato ārammaṇato ca nāmalābhe suññatādināmakā tayo phassā phusantīti aniyamavacanaṃ. Sameti yujjati ekasseva phassassa nāmattayayogato.
สพฺพสงฺขตวิวิตฺตตาย นิพฺพานํ วิเวโก นาม อุปธิวิเวโกติ กตฺวาฯ นินฺนตา ตปฺปฎิปกฺขวิมุขสฺส ตทภิมุขตาฯ โปณตา โอนมนํ, ปพฺภารตา ตโต วิสฺสฎฺฐภาโวฯ
Sabbasaṅkhatavivittatāya nibbānaṃ viveko nāma upadhivivekoti katvā. Ninnatā tappaṭipakkhavimukhassa tadabhimukhatā. Poṇatā onamanaṃ, pabbhāratā tato vissaṭṭhabhāvo.
๔๖๕. จกฺขาทิโต รูปาทีสุ ปวตฺตรูปกายโต อุปฺปชฺชนโต ปญฺจทฺวาริกํ สุขํ กายิกํ นาม, มโนทฺวาริกํ เจโตผสฺสชาตาย เจตสิกํ นามฯ สภาวนิเทฺทโส สุขยตีติ กตฺวาฯ มธุรภาวทีปกนฺติ อิฎฺฐภาวโชตนํฯ เวทยิตภาวทีปกนฺติ เวทกภาววิภาวกํฯ เวทนา เอว หิ ปรมตฺถโต อารมฺมณํ เวเทติ, อารมฺมณํ ปน เวทิตพฺพนฺติฯ ทุกฺขนฺติ สภาวนิเทฺทโสติเอวมาทิอตฺถวจนํ สนฺธายาห ‘‘เอเสว นโย’’ติฯ ฐิติสุขาติ ฐิติยา ธรมานตาย สุขา, น ฐิติกฺขณมเตฺตนฯ เตนาห ‘‘อตฺถิภาโว สุข’’นฺติฯ วิปริณามทุกฺขาติ วิปริณมเนน วิคมเนน ทุกฺขา, น นิโรธกฺขเณนฯ เตนาห ‘‘นตฺถิภาโว ทุกฺข’’นฺติฯ อปริญฺญาตวตฺถุกานญฺหิ สุขเวทนุปรโม ทุกฺขโต อุปฎฺฐาติฯ สฺวายมโตฺถ ปิยวิปฺปโยเคน ทีเปตโพฺพฯ ฐิติทุกฺขา วิปริณามสุขาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ เตนาห ‘‘อตฺถิภาโว ทุกฺขํ, นตฺถิภาโว สุข’’นฺติฯ ทุกฺขเวทนุปรโม หิ สตฺตานํ สุขโต อุปฎฺฐาติฯ เอวญฺหิ วทนฺติ – ‘‘ตสฺส โรคสฺส วูปสเมน อโห สุขํ ชาต’’นฺติฯ ชานนภาโวติ ยาถาวสภาวโต อวพุชฺฌนํฯ อทุกฺขมสุขญฺหิ เวทนํ ชานนฺตสฺส สุขํ โหติ ตสฺส สุขุมภาวโต, ยถา ตทเญฺญ ธเมฺม สลกฺขณโต สามญฺญลกฺขณโต จ สมฺมเทว อวโพโธ ปรมํ สุขํฯ เตเนวาห –
465. Cakkhādito rūpādīsu pavattarūpakāyato uppajjanato pañcadvārikaṃ sukhaṃ kāyikaṃ nāma, manodvārikaṃ cetophassajātāya cetasikaṃnāma. Sabhāvaniddeso sukhayatīti katvā. Madhurabhāvadīpakanti iṭṭhabhāvajotanaṃ. Vedayitabhāvadīpakanti vedakabhāvavibhāvakaṃ. Vedanā eva hi paramatthato ārammaṇaṃ vedeti, ārammaṇaṃ pana veditabbanti. Dukkhanti sabhāvaniddesotievamādiatthavacanaṃ sandhāyāha ‘‘eseva nayo’’ti. Ṭhitisukhāti ṭhitiyā dharamānatāya sukhā, na ṭhitikkhaṇamattena. Tenāha ‘‘atthibhāvo sukha’’nti. Vipariṇāmadukkhāti vipariṇamanena vigamanena dukkhā, na nirodhakkhaṇena. Tenāha ‘‘natthibhāvo dukkha’’nti. Apariññātavatthukānañhi sukhavedanuparamo dukkhato upaṭṭhāti. Svāyamattho piyavippayogena dīpetabbo. Ṭhitidukkhā vipariṇāmasukhāti etthāpi eseva nayo. Tenāha ‘‘atthibhāvo dukkhaṃ, natthibhāvo sukha’’nti. Dukkhavedanuparamo hi sattānaṃ sukhato upaṭṭhāti. Evañhi vadanti – ‘‘tassa rogassa vūpasamena aho sukhaṃ jāta’’nti. Jānanabhāvoti yāthāvasabhāvato avabujjhanaṃ. Adukkhamasukhañhi vedanaṃ jānantassa sukhaṃ hoti tassa sukhumabhāvato, yathā tadaññe dhamme salakkhaṇato sāmaññalakkhaṇato ca sammadeva avabodho paramaṃ sukhaṃ. Tenevāha –
‘‘ยโต ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;
‘‘Yato yato sammasati, khandhānaṃ udayabbayaṃ;
ลภตี ปีติปาโมชฺชํ, อมตํ ตํ วิชานต’’นฺติฯ (ธ. ป. ๓๗๔);
Labhatī pītipāmojjaṃ, amataṃ taṃ vijānata’’nti. (dha. pa. 374);
อชานนภาโวติ เอตฺถ วุตฺตวิปริยาเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ทุกฺขญฺหิ สโมฺมหวิหาโรติฯ อปโร นโย ชานนภาโวติ ชานนสฺส ญาณสฺส สพฺภาโวฯ ญาณสมฺปยุตฺตา หิ ญาโณปนิสฺสยา จ อทุกฺขมสุขา เวทนา สุขา อิฎฺฐาการาฯ ยถาห ‘‘อิฎฺฐา เจว อิฎฺฐผลา จา’’ติฯ อชานนภาโว ทุกฺขนฺติ เอตฺถ วุตฺตวิปริยาเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
Ajānanabhāvoti ettha vuttavipariyāyena attho veditabbo. Dukkhañhi sammohavihāroti. Aparo nayo jānanabhāvoti jānanassa ñāṇassa sabbhāvo. Ñāṇasampayuttā hi ñāṇopanissayā ca adukkhamasukhā vedanā sukhā iṭṭhākārā. Yathāha ‘‘iṭṭhā ceva iṭṭhaphalā cā’’ti. Ajānanabhāvo dukkhanti ettha vuttavipariyāyena attho veditabbo.
กตโม อนุสโย อนุเสตีติ กามราคานุสยาทีสุ สตฺตสุ อนุสเยสุ กตโม อนุสโย อนุสยวเสน ปวตฺตติ? อปฺปหีนภาเวน หิ สนฺตาเน อนุสยนฺตีติ อนุสยา, อนุรูปํ การณํ ลภิตฺวา อุปฺปชฺชนฺตีติ อโตฺถฯ เอเตน การณลาเภ สติ อุปฺปชฺชนารหตา เนสํ ทสฺสิตาฯ อปฺปหีนา หิ กิเลสา การณลาเภ สติ อุปฺปชฺชนฺติฯ เตนาห ‘‘อปฺปหีนเฎฺฐน สยิโต วิย โหตี’’ติฯ เต จ นิปฺปริยายโต อนาคตา กิเลสา ทฎฺฐพฺพา, อตีตา ปจฺจุปฺปนฺนา จ ตํสภาวตฺตา ตถา วุจฺจนฺติฯ น หิ ธมฺมานํ กาลเภเทน สภาวเภโท อตฺถิฯ ยทิ อปฺปหีนโฎฺฐ อนุสยโฎฺฐ, นนุ สเพฺพปิ กิเลสา อปฺปหีนา อนุสยา ภเวยฺยุนฺติ? น มยํ อปฺปหีนตามเตฺตน อนุสยฎฺฐํ วทาม, อถ โข ปน อปฺปหีนเฎฺฐน ถามคตา กิเลสา อนุสยาฯ อิทํ ถามคมนญฺจ ราคาทีนเมว อาเวณิโก สภาโว ทฎฺฐโพฺพ, ยโต อภิธเมฺม – ‘‘ถามคตํ อนุสยํ ปชหตี’’ติ วุตฺตํฯ โสติ ราคานุสโยฯ อปฺปหีโนติ อปฺปหีนภาวมุเขน อนุสยนฎฺฐมาหฯ โส จ อปริญฺญาตกฺขนฺธวตฺถุโต, ปริญฺญาเตสุ ปติฎฺฐํ น ลภติฯ เตนาห ‘‘น สพฺพาย สุขาย เวทนาย โส อปฺปหีโน’’ติฯ อารมฺมณวเสน จายํ อนุสยโฎฺฐ อธิเปฺปโตฯ เตนาห ‘‘น สพฺพํ สุขํ เวทนํ อารพฺภ อุปฺปชฺชตีติ อโตฺถ’’ติฯ
Katamo anusayo anusetīti kāmarāgānusayādīsu sattasu anusayesu katamo anusayo anusayavasena pavattati? Appahīnabhāvena hi santāne anusayantīti anusayā, anurūpaṃ kāraṇaṃ labhitvā uppajjantīti attho. Etena kāraṇalābhe sati uppajjanārahatā nesaṃ dassitā. Appahīnā hi kilesā kāraṇalābhe sati uppajjanti. Tenāha ‘‘appahīnaṭṭhena sayito viya hotī’’ti. Te ca nippariyāyato anāgatā kilesā daṭṭhabbā, atītā paccuppannā ca taṃsabhāvattā tathā vuccanti. Na hi dhammānaṃ kālabhedena sabhāvabhedo atthi. Yadi appahīnaṭṭho anusayaṭṭho, nanu sabbepi kilesā appahīnā anusayā bhaveyyunti? Na mayaṃ appahīnatāmattena anusayaṭṭhaṃ vadāma, atha kho pana appahīnaṭṭhena thāmagatā kilesā anusayā. Idaṃ thāmagamanañca rāgādīnameva āveṇiko sabhāvo daṭṭhabbo, yato abhidhamme – ‘‘thāmagataṃ anusayaṃ pajahatī’’ti vuttaṃ. Soti rāgānusayo. Appahīnoti appahīnabhāvamukhena anusayanaṭṭhamāha. So ca apariññātakkhandhavatthuto, pariññātesu patiṭṭhaṃ na labhati. Tenāha ‘‘na sabbāya sukhāya vedanāya so appahīno’’ti. Ārammaṇavasena cāyaṃ anusayaṭṭho adhippeto. Tenāha ‘‘na sabbaṃ sukhaṃ vedanaṃ ārabbha uppajjatīti attho’’ti.
วตฺถุวเสนปิ ปน อนุสยโฎฺฐ เวทิตโพฺพ, โย ‘‘ภูมิลทฺธ’’นฺติ วุจฺจติฯ เตน หิ อฎฺฐกถายํ (วิสุทฺธิ. ๒.๘๓๔) วุตฺตํ –
Vatthuvasenapi pana anusayaṭṭho veditabbo, yo ‘‘bhūmiladdha’’nti vuccati. Tena hi aṭṭhakathāyaṃ (visuddhi. 2.834) vuttaṃ –
‘‘ภูมีติ วิปสฺสนาย อารมฺมณภูตา เตภูมกา ปญฺจกฺขนฺธาฯ ภูมิลทฺธํ นาม เตสุ ขเนฺธสุ อุปฺปตฺติรหํ กิเลสชาตํฯ เตน หิ สา ภูมิลทฺธา นาม โหติ, ตสฺมา ภูมิลทฺธนฺติ วุจฺจติ, สา จ โข น อารมฺมณวเสนฯ อารมฺมณวเสน หิ สเพฺพปิ อตีตานาคเต ปริญฺญาเตปิ จ ขีณาสวานํ ขเนฺธ อารพฺภ กิเลสา อุปฺปชฺชนฺติ มหากจฺจานอุปฺปลวณฺณาทีนํ ขเนฺธ อารพฺภ โสเรยฺยเสฎฺฐินนฺทมาณวกาทีนํ วิยฯ ยทิ จ ตํ ภูมิลทฺธํ นาม สิยา, ตสฺส อปฺปเหยฺยโต น โกจิ ภวมูลํ ปชเหยฺย, วตฺถุวเสน ปน ภูมิลทฺธํ เวทิตพฺพํฯ ยตฺถ ยตฺถ หิ วิปสฺสนาย อปริญฺญาตา ขนฺธา อุปฺปชฺชนฺติ, ตตฺถ ตตฺถ อุปฺปาทโต ปภุติ เตสุ วฎฺฎมูลํ กิเลสชาตํ อนุเสติฯ ตํ อปฺปหีนเฎฺฐน ภูมิลทฺธนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติอาทิฯ
‘‘Bhūmīti vipassanāya ārammaṇabhūtā tebhūmakā pañcakkhandhā. Bhūmiladdhaṃ nāma tesu khandhesu uppattirahaṃ kilesajātaṃ. Tena hi sā bhūmiladdhā nāma hoti, tasmā bhūmiladdhanti vuccati, sā ca kho na ārammaṇavasena. Ārammaṇavasena hi sabbepi atītānāgate pariññātepi ca khīṇāsavānaṃ khandhe ārabbha kilesā uppajjanti mahākaccānauppalavaṇṇādīnaṃ khandhe ārabbha soreyyaseṭṭhinandamāṇavakādīnaṃ viya. Yadi ca taṃ bhūmiladdhaṃ nāma siyā, tassa appaheyyato na koci bhavamūlaṃ pajaheyya, vatthuvasena pana bhūmiladdhaṃ veditabbaṃ. Yattha yattha hi vipassanāya apariññātā khandhā uppajjanti, tattha tattha uppādato pabhuti tesu vaṭṭamūlaṃ kilesajātaṃ anuseti. Taṃ appahīnaṭṭhena bhūmiladdhanti veditabba’’ntiādi.
เอส นโย สพฺพตฺถาติ อิมินา ‘‘น สพฺพาย ทุกฺขาย เวทนาย โส อปฺปหีโน, น สพฺพํ ทุกฺขํ เวทนํ อารพฺภ อุปฺปชฺชตี’’ติอาทิํ อติทิสติฯ ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ ‘‘โย อนุสโย ยตฺถ อนุเสติ , โส ปหียมาโน ตตฺถ ปหีโน นาม โหตี’’ติ ตตฺถ ตตฺถ ปหานปุจฺฉา, ตํ สนฺธายาห ‘‘กิํ ปหาตพฺพนฺติ อยํ ปหานปุจฺฉา นามา’’ติฯ
Esa nayo sabbatthāti iminā ‘‘na sabbāya dukkhāya vedanāya so appahīno, na sabbaṃ dukkhaṃ vedanaṃ ārabbha uppajjatī’’tiādiṃ atidisati. Tattha yaṃ vattabbaṃ, taṃ vuttanayeneva veditabbaṃ. ‘‘Yo anusayo yattha anuseti , so pahīyamāno tattha pahīno nāma hotī’’ti tattha tattha pahānapucchā, taṃ sandhāyāha ‘‘kiṃ pahātabbanti ayaṃ pahānapucchā nāmā’’ti.
เอเกเนว พฺยากรเณนาติ ‘‘อิธาวุโส, วิสาข, ภิกฺขุ วิวิเจฺจว กาเมหี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๓๗๔) เอเกเนว วิสฺสชฺชเนนฯ เทฺว ปุจฺฉาติ อนุสยปุจฺฉา ปหานปุจฺฉาติ เทฺวปิ ปุจฺฉา วิสฺสเชฺชสิฯ ‘‘ราคํ เตน ปชหตี’’ติ อิทเมกํ วิสฺสชฺชนํ, ‘‘น ตตฺถ ราคานุสโย อนุเสตี’’ติ อิทเมกํ วิสฺสชฺชนํ, ปุจฺฉานุกฺกมเญฺจตฺถ อนาทิยิตฺวา ปหานกฺกเมน วิสฺสชฺชนา ปวตฺตา ฯ ‘‘เทฺว ปุจฺฉา วิสฺสเชฺชสี’’ติ สเงฺขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘อิธา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ตถาวิกฺขมฺภิตเมว กตฺวาติ อิมินา โย ราคํ วิกฺขเมฺภตฺวา ปุน อุปฺปชฺชิตุํ อปฺปทานโต ตถาวิกฺขมฺภิตเมว กตฺวา มเคฺคน สมุคฺฆาเตติ, ตสฺส วเสน ‘‘ราคํ เตน ปชหติ, น ตตฺถ ราคานุสโย อนุเสตี’’ติ วตฺตพฺพนฺติ ทเสฺสติฯ กาโมฆาทีหิ จตูหิ โอเฆหิ สํสารภโวเฆเนว วา เวคสา วุยฺหมาเนสุ สเตฺตสุ ตํ อุตฺตริตฺวา ปตฺตพฺพํ, ตสฺส ปน คาธภาวโต ปติฎฺฐานภูตํฯ เตนาห ภควา – ‘‘ติโณฺณ ปารงฺคโต ถเล ติฎฺฐติ พฺราหฺมโณ’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๓๘; อิติวุ. ๖๙; ปุ. ป. ๑๘๗)ฯ
Ekeneva byākaraṇenāti ‘‘idhāvuso, visākha, bhikkhu vivicceva kāmehī’’tiādinā (ma. ni. 1.374) ekeneva vissajjanena. Dve pucchāti anusayapucchā pahānapucchāti dvepi pucchā vissajjesi. ‘‘Rāgaṃ tena pajahatī’’ti idamekaṃ vissajjanaṃ, ‘‘na tattha rāgānusayo anusetī’’ti idamekaṃ vissajjanaṃ, pucchānukkamañcettha anādiyitvā pahānakkamena vissajjanā pavattā . ‘‘Dve pucchā vissajjesī’’ti saṅkhepato vuttamatthaṃ vivarituṃ ‘‘idhā’’tiādi vuttaṃ. Tattha tathāvikkhambhitameva katvāti iminā yo rāgaṃ vikkhambhetvā puna uppajjituṃ appadānato tathāvikkhambhitameva katvā maggena samugghāteti, tassa vasena ‘‘rāgaṃ tena pajahati, na tattha rāgānusayo anusetī’’ti vattabbanti dasseti. Kāmoghādīhi catūhi oghehi saṃsārabhavogheneva vā vegasā vuyhamānesu sattesu taṃ uttaritvā pattabbaṃ, tassa pana gādhabhāvato patiṭṭhānabhūtaṃ. Tenāha bhagavā – ‘‘tiṇṇo pāraṅgato thale tiṭṭhati brāhmaṇo’’ti (saṃ. ni. 4.238; itivu. 69; pu. pa. 187).
สุญฺญตาทิเภเทน อเนกเภทตฺตา ปาฬิยํ ‘‘อนุตฺตเรสู’’ติ พหุวจนนิเทฺทโสติ ‘‘อนุตฺตรา วิโมกฺขา’’ติ วตฺวา ปุน เตสํ สเพฺพสมฺปิ อรหตฺตภาวสามเญฺญน ‘‘อรหเตฺต’’ติ วุตฺตํฯ วิสเย เจตํ ภุมฺมํฯ ปตฺถนํ ปฎฺฐเปนฺตสฺสาติ ‘‘อโห วตาหํ อรหตฺตํ ลเภยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อุปฎฺฐเปนฺตสฺส, ปเตฺถนฺตสฺสาติ อโตฺถฯ ปฎฺฐเปนฺตสฺสาติ เจตฺถ เหตุมฺหิ อนฺตสโทฺทฯ กถํ ปน อรหตฺตวิสยา ปตฺถนา อุปฺปชฺชตีติ? น กาจิ อรหตฺตํ อารมฺมณํ กตฺวา ปตฺถนา อุปฺปชฺชติ อนธิคตตฺตา อวิสยภาวโตฯ ปริกปฺปิตรูปํ ปน ตํ อุทฺทิสฺส ปตฺถนา อุปฺปชฺชติฯ ‘‘อุปฺปชฺชติ ปิหาปจฺจยา’’ติ วุตฺตํ ปรมฺปรปจฺจยตํ สนฺธาย, อุชุกํ ปน ปจฺจยภาโว นตฺถีติ วุตฺตํ ‘‘น ปตฺถนาย ปฎฺฐปนมูลกํ อุปฺปชฺชตี’’ติฯ อิทํ ปน เสวิตพฺพํ โทมนสฺสํ อกุสลปฺปหานสฺส กุสลาภิวุฑฺฒิยา จ นิมิตฺตภาวโตฯ เตนาห ภควา – ‘‘โทมนสฺสมฺปาหํ, เทวานมินฺท, ทุวิเธน วทามิ เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปี’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๕๙-๓๖๒)ฯ ตีหิ มาเสหิ สมฺปชฺชนกา เตมาสิกา ฯ เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโยฯ อิมสฺมิํ วาเรติ อิมสฺมิํ ปวารณวาเรฯ วิสุทฺธิปวารณนฺติ ‘‘ปริสุโทฺธ อห’’นฺติ เอวํ ปวตฺตํ วิสุทฺธิปวารณํฯ อรหนฺตานเมว เหส ปวารณาฯ
Suññatādibhedena anekabhedattā pāḷiyaṃ ‘‘anuttaresū’’ti bahuvacananiddesoti ‘‘anuttarā vimokkhā’’ti vatvā puna tesaṃ sabbesampi arahattabhāvasāmaññena ‘‘arahatte’’ti vuttaṃ. Visaye cetaṃ bhummaṃ. Patthanaṃ paṭṭhapentassāti ‘‘aho vatāhaṃ arahattaṃ labheyya’’nti patthanaṃ upaṭṭhapentassa, patthentassāti attho. Paṭṭhapentassāti cettha hetumhi antasaddo. Kathaṃ pana arahattavisayā patthanā uppajjatīti? Na kāci arahattaṃ ārammaṇaṃ katvā patthanā uppajjati anadhigatattā avisayabhāvato. Parikappitarūpaṃ pana taṃ uddissa patthanā uppajjati. ‘‘Uppajjati pihāpaccayā’’ti vuttaṃ paramparapaccayataṃ sandhāya, ujukaṃ pana paccayabhāvo natthīti vuttaṃ ‘‘na patthanāya paṭṭhapanamūlakaṃ uppajjatī’’ti. Idaṃ pana sevitabbaṃ domanassaṃ akusalappahānassa kusalābhivuḍḍhiyā ca nimittabhāvato. Tenāha bhagavā – ‘‘domanassampāhaṃ, devānaminda, duvidhena vadāmi sevitabbampi asevitabbampī’’ti (dī. ni. 2.359-362). Tīhi māsehi sampajjanakā temāsikā. Sesapadadvayepi eseva nayo. Imasmiṃ vāreti imasmiṃ pavāraṇavāre. Visuddhipavāraṇanti ‘‘parisuddho aha’’nti evaṃ pavattaṃ visuddhipavāraṇaṃ. Arahantānameva hesa pavāraṇā.
น กทาจิ ปหาตพฺพสฺส ปหายกตา อตฺถีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘น โทมนเสฺสน วา’’ติอาทิํ วตฺวา ปริยาเยเนตํ วุตฺตํ, ตํ วิภาเวโนฺต ‘‘อยํ ปนา’’ติอาทิมาหฯ ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต วิตฺถาเรน อาคมิสฺสติฯ ปฎิปทํ คเหตฺวา ปตฺถนํ กตฺวา ปตฺถนํ ฐเปตฺวาฯ ปฎิสญฺจิกฺขตีติ โอวาทวเสน อตฺตานํ สมุเตฺตเชโนฺต กเถติฯ สีเลน หีนฎฺฐานนฺติ อเญฺญหิ อรหตฺตาย ปฎิปชฺชเนฺตหิ สีเลน หีนฎฺฐานํ กิํ ตุยฺหํ อตฺถีติ อธิปฺปาโยฯ สุปริสุทฺธนฺติ อขณฺฑาทิภาวโต สุโธตชาติมณิ วิย สุฎฺฐุ ปริสุทฺธํฯ สุปคฺคหิตนฺติ กทาจิปิ สโงฺกจาภาวโต วีริยํ สุฎฺฐุ ปคฺคหิตํฯ ปญฺญาติ วิปสฺสนาปญฺญา ปฎิปเกฺขหิ อนธิภูตตาย อกุณฺฐา ติกฺขวิสทา สงฺขารานํ สมฺมสเน สูรา หุตฺวา วหติ ปวตฺตติฯ ปริยาเยนาติ ตสฺส โทมนสฺสสฺส อรหตฺตุปนิสฺสยตาปริยาเยนฯ อารมฺมณวเสน อนุสยนํ อิธาธิเปฺปตนฺติ อาห ‘‘น ตํ อารพฺภ อุปฺปชฺชตี’’ติฯ อนุปฺปชฺชนเมตฺถ ปหานํ นามาติ วุตฺตํ ‘‘ปหีโนว ตตฺถ ปฎิฆานุสโยติ อโตฺถ’’ติฯ ตติยชฺฌาเนน วิกฺขเมฺภตพฺพา อวิชฺชา, สา เอว อริยมเคฺคน สมุจฺฉินฺทียตีติ ‘‘อวิชฺชานุสยํ วิกฺขเมฺภตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ, อนุสยสทิสตาย วาฯ ‘‘ราคานุสยํ วิกฺขเมฺภตฺวา’’ติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ จตุตฺถชฺฌาเน นานุเสติ นาม ตตฺถ กาตพฺพกิจฺจากรณโตฯ
Na kadāci pahātabbassa pahāyakatā atthīti dassento ‘‘na domanassena vā’’tiādiṃ vatvā pariyāyenetaṃ vuttaṃ, taṃ vibhāvento ‘‘ayaṃ panā’’tiādimāha. Yaṃ panettha vattabbaṃ, taṃ parato vitthārena āgamissati. Paṭipadaṃ gahetvā patthanaṃ katvā patthanaṃ ṭhapetvā. Paṭisañcikkhatīti ovādavasena attānaṃ samuttejento katheti. Sīlena hīnaṭṭhānanti aññehi arahattāya paṭipajjantehi sīlena hīnaṭṭhānaṃ kiṃ tuyhaṃ atthīti adhippāyo. Suparisuddhanti akhaṇḍādibhāvato sudhotajātimaṇi viya suṭṭhu parisuddhaṃ. Supaggahitanti kadācipi saṅkocābhāvato vīriyaṃ suṭṭhu paggahitaṃ. Paññāti vipassanāpaññā paṭipakkhehi anadhibhūtatāya akuṇṭhā tikkhavisadā saṅkhārānaṃ sammasane sūrā hutvā vahati pavattati. Pariyāyenāti tassa domanassassa arahattupanissayatāpariyāyena. Ārammaṇavasena anusayanaṃ idhādhippetanti āha ‘‘na taṃ ārabbha uppajjatī’’ti. Anuppajjanamettha pahānaṃ nāmāti vuttaṃ ‘‘pahīnova tattha paṭighānusayoti attho’’ti. Tatiyajjhānena vikkhambhetabbā avijjā, sā eva ariyamaggena samucchindīyatīti ‘‘avijjānusayaṃ vikkhambhetvā’’tiādi vuttaṃ, anusayasadisatāya vā. ‘‘Rāgānusayaṃ vikkhambhetvā’’ti etthāpi eseva nayo. Catutthajjhāne nānuseti nāma tattha kātabbakiccākaraṇato.
๔๖๖. ตสฺมาติ ปจฺจนีกตฺตา สภาวโต กิจฺจโต ปจฺจยโต จาติ อธิปฺปาโยฯ วิสภาคปฎิภาโค กถิโต ‘‘กณฺหสุกฺกสปฺปฎิภาคา ธมฺมา’’ติอาทีสุ วิยฯ อนฺธการาติ อนฺธการสทิสา อปฺปกา สภาวโตฯ อวิภูตา อปากฎา อโนฬาริกภาวโตฯ ตโต เอว ทุทฺทีปนา ทุวิญฺญาปนาฯ ตาทิสาวาติ อุเปกฺขาสทิสาวฯ ยถา อุเปกฺขา สุขทุกฺขานิ วิย น โอฬาริกา, เอวํ อวิชฺชา ราคโทสา วิย น โอฬาริกาฯ อถ โข อนฺธการา อวิภูตา ทุทฺทีปนา ทุวิญฺญาปนาติ อโตฺถฯ สภาคปฎิภาโค กถิโต ‘‘ปณิธิ ปฎิโฆโส’’ติอาทีสุ วิยฯ ยตฺตเกสุ ฐาเนสูติ ทุกฺขาทีสุ ยตฺตเกสุ ฐาเนสุ, ยตฺถ วา เญยฺยฎฺฐาเนสุฯ วิสภาคปฎิภาโคติ อนฺธการสฺส วิย อาโลโก วิฆาตกปฎิภาโคฯ วิชฺชาติ มคฺคญาณํ อธิเปฺปตํ, วิมุตฺตีติ ผลนฺติ อาห ‘‘อุโภเปเต ธมฺมา อนาสวา’’ติฯ อนาสวเฎฺฐนาติอาทีสุ ปณีตเฎฺฐนาติปิ วตฺตพฺพํฯ โสปิ หิ วิมุตฺตินิพฺพานานํ สาธารโณ, วิมุตฺติยา อสงฺขตเฎฺฐน นิพฺพานสฺส วิสภาคตาปิ ลพฺภเตวฯ ปญฺหํ อติกฺกมิตฺวา คโตสิ, อปุจฺฉิตพฺพํ ปุจฺฉโนฺตติ อธิปฺปาโยฯ ปญฺหานํ ปริเจฺฉทปมาณํ คเหตุํ ยุตฺตฎฺฐาเน อฎฺฐตฺวา ตโต ปรํ ปุจฺฉโนฺต นาสกฺขิ ปญฺหานํ ปริยนฺตํ คเหตุํฯ อปฺปฎิภาคธมฺมสฺสาติ นิปฺปริยายโต สภาคปฎิภาเคน อปฺปฎิภาคธมฺมสฺสฯ อนาคตาทิปริยาเยน นิพฺพานสฺส สภาคปฎิภาโค วุโตฺต, วิสภาเค จ อเตฺถว สงฺขตธมฺมา, ตสฺมา นิปฺปริยายโต กิญฺจิ สภาคปฎิภาคํ สนฺธาย ปุจฺฉตีติ กตฺวา ‘‘อจฺจยาสี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อสงฺขตสฺส หิ อปฺปติฎฺฐสฺส เอกนฺตนิจฺจสฺส สโต นิพฺพานสฺส กุโต นิปฺปริยาเยน สภาคสฺส สมฺภโวฯ เตนาห ‘‘นิพฺพานํ นาเมต’’นฺติอาทิฯ
466.Tasmāti paccanīkattā sabhāvato kiccato paccayato cāti adhippāyo. Visabhāgapaṭibhāgo kathito ‘‘kaṇhasukkasappaṭibhāgā dhammā’’tiādīsu viya. Andhakārāti andhakārasadisā appakā sabhāvato. Avibhūtā apākaṭā anoḷārikabhāvato. Tato eva duddīpanā duviññāpanā. Tādisāvāti upekkhāsadisāva. Yathā upekkhā sukhadukkhāni viya na oḷārikā, evaṃ avijjā rāgadosā viya na oḷārikā. Atha kho andhakārā avibhūtā duddīpanā duviññāpanāti attho. Sabhāgapaṭibhāgo kathito ‘‘paṇidhi paṭighoso’’tiādīsu viya. Yattakesu ṭhānesūti dukkhādīsu yattakesu ṭhānesu, yattha vā ñeyyaṭṭhānesu. Visabhāgapaṭibhāgoti andhakārassa viya āloko vighātakapaṭibhāgo. Vijjāti maggañāṇaṃ adhippetaṃ, vimuttīti phalanti āha ‘‘ubhopete dhammā anāsavā’’ti. Anāsavaṭṭhenātiādīsu paṇītaṭṭhenātipi vattabbaṃ. Sopi hi vimuttinibbānānaṃ sādhāraṇo, vimuttiyā asaṅkhataṭṭhena nibbānassa visabhāgatāpi labbhateva. Pañhaṃ atikkamitvā gatosi, apucchitabbaṃ pucchantoti adhippāyo. Pañhānaṃ paricchedapamāṇaṃ gahetuṃ yuttaṭṭhāne aṭṭhatvā tato paraṃ pucchanto nāsakkhi pañhānaṃ pariyantaṃ gahetuṃ. Appaṭibhāgadhammassāti nippariyāyato sabhāgapaṭibhāgena appaṭibhāgadhammassa. Anāgatādipariyāyena nibbānassa sabhāgapaṭibhāgo vutto, visabhāge ca attheva saṅkhatadhammā, tasmā nippariyāyato kiñci sabhāgapaṭibhāgaṃ sandhāya pucchatīti katvā ‘‘accayāsī’’tiādi vuttaṃ. Asaṅkhatassa hi appatiṭṭhassa ekantaniccassa sato nibbānassa kuto nippariyāyena sabhāgassa sambhavo. Tenāha ‘‘nibbānaṃ nāmeta’’ntiādi.
วิรโทฺธติ เอตฺถ สภาคปฎิภาคํ ปุจฺฉิสฺสามีติ นิจฺฉยาภาวโต ปุจฺฉิตมตฺถํ วิรชฺฌิตฺวาว ปุจฺฉิ, น อชานิตฺวาติ อโตฺถฯ เอเตน เหฎฺฐา สพฺพปุจฺฉา ทิฎฺฐสํสนฺทนนเยน ชานิตฺวาว ปวตฺตาติ ทีปิตํ โหติฯ เถรี ปน ตํ ตํ ปุจฺฉิตมตฺถํ สภาวโต วิภาเวนฺตี สตฺถุ เทสนาญาณํ อนุคนฺตฺวาว วิสฺสเชฺชสิฯ นิพฺพาโนคธนฺติ นิพฺพานํ โอคาหิตฺวา ฐิตํ นิพฺพานโนฺตคธํฯ เตนาห ‘‘นิพฺพานพฺภนฺตรํ นิพฺพานํ อนุปวิฎฺฐ’’นฺติฯ อสฺสาติ พฺรหฺมจริยสฺสฯ
Viraddhoti ettha sabhāgapaṭibhāgaṃ pucchissāmīti nicchayābhāvato pucchitamatthaṃ virajjhitvāva pucchi, na ajānitvāti attho. Etena heṭṭhā sabbapucchā diṭṭhasaṃsandananayena jānitvāva pavattāti dīpitaṃ hoti. Therī pana taṃ taṃ pucchitamatthaṃ sabhāvato vibhāventī satthu desanāñāṇaṃ anugantvāva vissajjesi. Nibbānogadhanti nibbānaṃ ogāhitvā ṭhitaṃ nibbānantogadhaṃ. Tenāha ‘‘nibbānabbhantaraṃ nibbānaṃ anupaviṭṭha’’nti. Assāti brahmacariyassa.
๔๖๗. ปณฺฑิเจฺจน สมนฺนาคตาติ เอตฺถ วุตฺตปณฺฑิจฺจํ ทเสฺสตุํ ‘‘ธาตุกุสลา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เตเนวาห – ‘‘กิตฺตาวตา นุ โข, ภเนฺต, ปณฺฑิโต โหติ? ยโต โข, อานนฺท, ภิกฺขุ ธาตุกุสโล จ โหติ, อายตนกุสโล จ ปฎิจฺจสมุปฺปาทกุสโล จ ฐานาฎฺฐานกุสโล จฯ เอตฺตาวตา นุ โข, อานนฺท, ภิกฺขุ ปณฺฑิโต โหตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๒๔)ฯ ปญฺญามหตฺตํ นาม เถริยา อเสกฺขปฺปฎิสมฺภิทปฺปตฺตาย ปฎิสมฺภิทาโย ปูเรตฺวา ฐิตตาติ ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘มหเนฺต อเตฺถ’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ราชยุเตฺตหีติ รโญฺญ กเมฺม นิยุตฺตปุริเสหิฯ อาหจฺจวจเนนาติ สตฺถารา กรณาทีนิ อาหนิตฺวา ปวตฺติตวจเนนฯ ยเทตฺถ อตฺถโต น วิภตฺตํ, ตํ เหฎฺฐา วุตฺตนยตฺตา สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
467.Paṇḍiccenasamannāgatāti ettha vuttapaṇḍiccaṃ dassetuṃ ‘‘dhātukusalā’’tiādi vuttaṃ. Tenevāha – ‘‘kittāvatā nu kho, bhante, paṇḍito hoti? Yato kho, ānanda, bhikkhu dhātukusalo ca hoti, āyatanakusalo ca paṭiccasamuppādakusalo ca ṭhānāṭṭhānakusalo ca. Ettāvatā nu kho, ānanda, bhikkhu paṇḍito hotī’’ti (ma. ni. 3.124). Paññāmahattaṃ nāma theriyā asekkhappaṭisambhidappattāya paṭisambhidāyo pūretvā ṭhitatāti taṃ dassetuṃ ‘‘mahante atthe’’tiādi vuttaṃ. Rājayuttehīti rañño kamme niyuttapurisehi. Āhaccavacanenāti satthārā karaṇādīni āhanitvā pavattitavacanena. Yadettha atthato na vibhattaṃ, taṃ heṭṭhā vuttanayattā suviññeyyameva.
จูฬเวทลฺลสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Cūḷavedallasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๔. จูฬเวทลฺลสุตฺตํ • 4. Cūḷavedallasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๔. จูฬเวทลฺลสุตฺตวณฺณนา • 4. Cūḷavedallasuttavaṇṇanā