Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๓. จุนฺทสุตฺตวณฺณนา
3. Cundasuttavaṇṇanā
๓๗๙. ตติเย มคเธสูติ เอวํนามเก ชนปเทฯ นาลกคามเกติ ราชคหสฺส อวิทูเร อตฺตโน กุลสนฺตเก เอวํนามเก คาเมฯ จุโนฺท สมณุเทฺทโสติ อยํ เถโร ธมฺมเสนาปติสฺส กนิฎฺฐภาติโก, ตํ ภิกฺขู อนุปสมฺปนฺนกาเล ‘‘จุโนฺท สมณุเทฺทโส’’ติ สมุทาจริตฺวา เถรกาเลปิ ตเถว สมุทาจริํสุฯ เตน วุตฺตํ ‘‘จุโนฺท สมณุเทฺทโส’’ติฯ อุปฎฺฐาโก โหตีติ มุโขทกทนฺตกฎฺฐทาเนน เจว ปริเวณสมฺมชฺชน-ปิฎฺฐิปริกมฺมกรณ-ปตฺตจีวรคฺคหเณน จ อุปฎฺฐานกโร โหติฯ ปรินิพฺพายีติ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุโตฯ กตรสฺมิํ กาเลติ? ภควโต ปรินิพฺพานสํวจฺฉเรฯ
379. Tatiye magadhesūti evaṃnāmake janapade. Nālakagāmaketi rājagahassa avidūre attano kulasantake evaṃnāmake gāme. Cundo samaṇuddesoti ayaṃ thero dhammasenāpatissa kaniṭṭhabhātiko, taṃ bhikkhū anupasampannakāle ‘‘cundo samaṇuddeso’’ti samudācaritvā therakālepi tatheva samudācariṃsu. Tena vuttaṃ ‘‘cundo samaṇuddeso’’ti. Upaṭṭhāko hotīti mukhodakadantakaṭṭhadānena ceva pariveṇasammajjana-piṭṭhiparikammakaraṇa-pattacīvaraggahaṇena ca upaṭṭhānakaro hoti. Parinibbāyīti anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbuto. Katarasmiṃ kāleti? Bhagavato parinibbānasaṃvacchare.
ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – ภควา กิร วุตฺถวโสฺส เวฬุวคามกา นิกฺขมิตฺวา ‘‘สาวตฺถิํ คมิสฺสามี’’ติ อาคตมเคฺคเนว ปฎินิวตฺตโนฺต อนุปุเพฺพน สาวตฺถิํ ปตฺวา เชตวนํ ปาวิสิฯ ธมฺมเสนาปติ ภควโต วตฺตํ ทเสฺสตฺวา ทิวาฎฺฐานํ คโต, โส ตตฺถ อเนฺตวาสิเกสุ วตฺตํ ทเสฺสตฺวา ปฎิกฺกเนฺตสุ ทิวาฎฺฐานํ สมฺมชฺชิตฺวา จมฺมขณฺฑํ ปญฺญาเปตฺวา ปาเท ปกฺขาเลตฺวา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา ผลสมาปตฺติํ ปาวิสิฯ อถสฺส ยถา ปริเจฺฉเทน ตโต วุฎฺฐิตสฺส อยํ ปริวิตโกฺก อุทปาทิ ‘‘พุทฺธา นุ โข ปฐมํ ปรินิพฺพายนฺติ, อุทาหุ อคฺคสาวกาติ, ตโต ‘‘อคฺคสาวกา ปฐม’’นฺติ ญตฺวา อตฺตโน อายุสงฺขารํ โอโลเกสิฯ โส ‘‘สตฺตาหเมว เม อายุสงฺขารา ปวตฺติสฺสนฺตี’’ติ ญตฺวา ‘‘กตฺถ ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ จิเนฺตสิฯ
Tatrāyaṃ anupubbikathā – bhagavā kira vutthavasso veḷuvagāmakā nikkhamitvā ‘‘sāvatthiṃ gamissāmī’’ti āgatamaggeneva paṭinivattanto anupubbena sāvatthiṃ patvā jetavanaṃ pāvisi. Dhammasenāpati bhagavato vattaṃ dassetvā divāṭṭhānaṃ gato, so tattha antevāsikesu vattaṃ dassetvā paṭikkantesu divāṭṭhānaṃ sammajjitvā cammakhaṇḍaṃ paññāpetvā pāde pakkhāletvā pallaṅkaṃ ābhujitvā phalasamāpattiṃ pāvisi. Athassa yathā paricchedena tato vuṭṭhitassa ayaṃ parivitakko udapādi ‘‘buddhā nu kho paṭhamaṃ parinibbāyanti, udāhu aggasāvakāti, tato ‘‘aggasāvakā paṭhama’’nti ñatvā attano āyusaṅkhāraṃ olokesi. So ‘‘sattāhameva me āyusaṅkhārā pavattissantī’’ti ñatvā ‘‘kattha parinibbāyissāmī’’ti cintesi.
ตโต ‘‘ราหุโล ตาวติํเสสุ ปรินิพฺพุโต, อญฺญาสิโกณฺฑญฺญเตฺถโร ฉทฺทนฺตทเห, อหํ กตฺถ ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ ปุนปฺปุนํ จิเนฺตโนฺต มาตรํ อารพฺภ สติํ อุปฺปาเทสิ – ‘‘มยฺหํ มาตา สตฺตนฺนํ อรหนฺตานํ มาตา หุตฺวาปิ พุทฺธธมฺมสเงฺฆสุ อปฺปสนฺนา, อตฺถิ นุ โข ตสฺสา อุปนิสฺสโย, นตฺถิ นุ โข’’ติฯ โสตาปตฺติมคฺคสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา ‘‘กสฺส เทสนาย อภิสมโย ภวิสฺสตี’’ติ โอโลเกโนฺต ‘‘มเมว ธมฺมเทสนาย ภวิสฺสติ, น อญฺญสฺสฯ สเจ โข ปนาหํ อโปฺปสฺสุโกฺก ภเวยฺยํ, ภวิสฺสนฺติ เม วตฺตาโร – ‘‘สาริปุตฺตเตฺถโร อวเสสชนานมฺปิ อวสฺสโย โหติฯ ตถา หิสฺส สมจิตฺตสุตฺตนฺตเทสนาทิวเส (อ. นิ. ๒.๓๓-๓๗) โกฎิสตสหสฺสเทวตา อรหตฺตํ ปตฺตา, ตโย มเคฺค ปฎิวิทฺธเทวตานํ คณนา นตฺถิ, อเญฺญสุ จ ฐาเนสุ อเนกา อภิสมยา ทิสฺสนฺติ, เถเร จ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา สเคฺค นิพฺพตฺตาเนว อสีติ กุลสหสฺสานิ, โส ทานิ สกมาตุมิจฺฉาทสฺสนมตฺตมฺปิ หริตุํ นาสกฺขี’’ติฯ ตสฺมา มาตรํ มิจฺฉาทสฺสนา โมเจตฺวา ชาโตวรเกเยว ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ สนฺนิฎฺฐานํ กตฺวา ‘‘อเชฺชว ภควนฺตํ อนุชานาเปตฺวา นิกฺขมิสฺสามี’’ติ จุนฺทเตฺถรํ อามเนฺตสิ – ‘‘อาวุโส, จุนฺท, อมฺหากํ ปญฺจสตาย ภิกฺขุปริสาย สญฺญํ เทหิฯ ‘คณฺหถาวุโส ปตฺตจีวรานิ, ธมฺมเสนาปติ นาลกคามํ คนฺตุกาโม’’’ติฯ เถโร ตถา อกาสิฯ
Tato ‘‘rāhulo tāvatiṃsesu parinibbuto, aññāsikoṇḍaññatthero chaddantadahe, ahaṃ kattha parinibbāyissāmī’’ti punappunaṃ cintento mātaraṃ ārabbha satiṃ uppādesi – ‘‘mayhaṃ mātā sattannaṃ arahantānaṃ mātā hutvāpi buddhadhammasaṅghesu appasannā, atthi nu kho tassā upanissayo, natthi nu kho’’ti. Sotāpattimaggassa upanissayaṃ disvā ‘‘kassa desanāya abhisamayo bhavissatī’’ti olokento ‘‘mameva dhammadesanāya bhavissati, na aññassa. Sace kho panāhaṃ appossukko bhaveyyaṃ, bhavissanti me vattāro – ‘‘sāriputtatthero avasesajanānampi avassayo hoti. Tathā hissa samacittasuttantadesanādivase (a. ni. 2.33-37) koṭisatasahassadevatā arahattaṃ pattā, tayo magge paṭividdhadevatānaṃ gaṇanā natthi, aññesu ca ṭhānesu anekā abhisamayā dissanti, there ca cittaṃ pasādetvā sagge nibbattāneva asīti kulasahassāni, so dāni sakamātumicchādassanamattampi harituṃ nāsakkhī’’ti. Tasmā mātaraṃ micchādassanā mocetvā jātovarakeyeva parinibbāyissāmī’’ti sanniṭṭhānaṃ katvā ‘‘ajjeva bhagavantaṃ anujānāpetvā nikkhamissāmī’’ti cundattheraṃ āmantesi – ‘‘āvuso, cunda, amhākaṃ pañcasatāya bhikkhuparisāya saññaṃ dehi. ‘Gaṇhathāvuso pattacīvarāni, dhammasenāpati nālakagāmaṃ gantukāmo’’’ti. Thero tathā akāsi.
ภิกฺขู เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เถรสฺส สนฺติกํ อคมํสุฯ เถโร เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ทิวาฎฺฐานํ สมฺมชฺชิตฺวา ทิวาฎฺฐานทฺวาเร ฐตฺวา ทิวาฎฺฐานํ โอโลเกตฺวา ‘‘อิทํ ทานิ ปจฺฉิมทสฺสนํ, ปุน อาคมนํ นตฺถี’’ติ ปญฺจสตภิกฺขูหิ ปริวุโต ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ ‘‘อนุชานาตุ เม ภเนฺต ภควา, อนุชานาตุ สุคโตฯ ปรินิพฺพานกาโล เม, โอสฺสโฎฺฐ เม อายุสงฺขาโร’’ติฯ พุทฺธา ปน ยสฺมา ‘‘ปรินิพฺพาหี’’ติ วุเตฺต มรณวณฺณํ สํวเณฺณนฺตีติ, ‘‘มา ปรินิพฺพาหี’’ติ วุเตฺต วฎฺฎสฺส คุณํ กเถนฺตีติ มิจฺฉาทิฎฺฐิกา โทสํ อาโรเปสฺสนฺติ, ตสฺมา ตทุภยมฺปิ น วทนฺติฯ เตน นํ ภควา – ‘‘กตฺถ ปรินิพฺพายิสฺสสิ สาริปุตฺตา’’ติ วตฺวา – ‘‘อตฺถิ, ภเนฺต, มคเธสุ นาลกคาเม ชาโตวรโก, ตตฺถาหํ ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ วุเตฺต – ‘‘ยสฺส ทานิ ตฺวํ, สาริปุตฺต, กาลํ มญฺญสิ, อิทานิ ปน เต เชฎฺฐกนิฎฺฐภาติกานํ ตาทิสสฺส ภิกฺขุโน ทสฺสนํ ทุลฺลภํ ภวิสฺสติ, เทเสหิ เนสํ ธมฺม’’นฺติ อาหฯ
Bhikkhū senāsanaṃ saṃsāmetvā pattacīvaramādāya therassa santikaṃ agamaṃsu. Thero senāsanaṃ saṃsāmetvā divāṭṭhānaṃ sammajjitvā divāṭṭhānadvāre ṭhatvā divāṭṭhānaṃ oloketvā ‘‘idaṃ dāni pacchimadassanaṃ, puna āgamanaṃ natthī’’ti pañcasatabhikkhūhi parivuto bhagavantaṃ upasaṅkamitvā vanditvā bhagavantaṃ etadavoca ‘‘anujānātu me bhante bhagavā, anujānātu sugato. Parinibbānakālo me, ossaṭṭho me āyusaṅkhāro’’ti. Buddhā pana yasmā ‘‘parinibbāhī’’ti vutte maraṇavaṇṇaṃ saṃvaṇṇentīti, ‘‘mā parinibbāhī’’ti vutte vaṭṭassa guṇaṃ kathentīti micchādiṭṭhikā dosaṃ āropessanti, tasmā tadubhayampi na vadanti. Tena naṃ bhagavā – ‘‘kattha parinibbāyissasi sāriputtā’’ti vatvā – ‘‘atthi, bhante, magadhesu nālakagāme jātovarako, tatthāhaṃ parinibbāyissāmī’’ti vutte – ‘‘yassa dāni tvaṃ, sāriputta, kālaṃ maññasi, idāni pana te jeṭṭhakaniṭṭhabhātikānaṃ tādisassa bhikkhuno dassanaṃ dullabhaṃ bhavissati, desehi nesaṃ dhamma’’nti āha.
เถโร – ‘‘สตฺถา มยฺหํ อิทฺธิวิกุพฺพนปุพฺพงฺคมํ ธมฺมเทสนํ ปจฺจาสีสตี’’ติ ญตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ตาลปฺปมาณํ อากาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา โอรุยฺห ทสพลสฺส ปาเท วนฺทิ, ปุน ทฺวิตาลปฺปมาณํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา โอรุยฺห ทสพลสฺส ปาเท วนฺทิ, เอเตนุปาเยน สตฺตตาลปฺปมาณํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา อเนกานิ ปาฎิหาริยสตานิ ทเสฺสโนฺต ธมฺมกถํ อารภิฯ ทิสฺสมาเนนปิ กาเยน กเถติ, อทิสฺสมาเนนปิฯ อุปริเมน วา เหฎฺฐิเมน วา อุปฑฺฒกาเยน กเถติ อทิสฺสมาเนนปิ ทิสฺสมาเนนปิ, กาเลน จนฺทวณฺณํ ทเสฺสติ, กาเลน สูริยวณฺณํ, กาเลน ปพฺพตวณฺณํ, กาเลน สมุทฺทวณฺณํ, กาเลน จกฺกวตฺติราชา โหติ, กาเลน เวสฺสวณมหาราชา, กาเลน สโกฺก เทวราชา, กาเลน มหาพฺรหฺมาติ เอวํ อเนกานิ ปาฎิหาริยสตานิ ทเสฺสโนฺต ธมฺมกถํ กเถสิฯ สกลนครํ สนฺนิปติฯ เถโร โอรุยฺห ทสพลสฺส ปาเท วนฺทิตฺวา อฎฺฐาสิฯ อถ นํ สตฺถา อาห – ‘‘โก นาโม อยํ สาริปุตฺต ธมฺมปริยาโย’’ติฯ สีหวิกีฬิโต นาม, ภเนฺตติฯ ตคฺฆ, สาริปุตฺต, สีหวิกีฬิโต ตคฺฆ, สาริปุตฺต, สีหวิกีฬิโตติฯ
Thero – ‘‘satthā mayhaṃ iddhivikubbanapubbaṅgamaṃ dhammadesanaṃ paccāsīsatī’’ti ñatvā bhagavantaṃ vanditvā tālappamāṇaṃ ākāsaṃ abbhuggantvā oruyha dasabalassa pāde vandi, puna dvitālappamāṇaṃ abbhuggantvā oruyha dasabalassa pāde vandi, etenupāyena sattatālappamāṇaṃ abbhuggantvā anekāni pāṭihāriyasatāni dassento dhammakathaṃ ārabhi. Dissamānenapi kāyena katheti, adissamānenapi. Uparimena vā heṭṭhimena vā upaḍḍhakāyena katheti adissamānenapi dissamānenapi, kālena candavaṇṇaṃ dasseti, kālena sūriyavaṇṇaṃ, kālena pabbatavaṇṇaṃ, kālena samuddavaṇṇaṃ, kālena cakkavattirājā hoti, kālena vessavaṇamahārājā, kālena sakko devarājā, kālena mahābrahmāti evaṃ anekāni pāṭihāriyasatāni dassento dhammakathaṃ kathesi. Sakalanagaraṃ sannipati. Thero oruyha dasabalassa pāde vanditvā aṭṭhāsi. Atha naṃ satthā āha – ‘‘ko nāmo ayaṃ sāriputta dhammapariyāyo’’ti. Sīhavikīḷito nāma, bhanteti. Taggha, sāriputta, sīhavikīḷito taggha, sāriputta, sīhavikīḷitoti.
เถโร อลตฺตกวเณฺณ หเตฺถ ปสาเรตฺวา สตฺถุ สุวณฺณกจฺฉปสทิเส ปาเท โคปฺผเกสุ คเหตฺวา – ‘‘ภเนฺต, อิเมสํ ปาทานํ วนฺทนตฺถาย กปฺปสตสหสฺสาธิกํ อสเงฺขฺยยฺยํ ปารมิโย ปูริตา, โส เม มโนรโถ มตฺถกํ ปโตฺต, อิโต ทานิ ปฎฺฐาย ปฎิสนฺธิวเสน น ปุน เอกฎฺฐาเน สนฺนิปาโต สมาคโม อตฺถิ, ฉิโนฺน เอส วิสฺสาโส, อเนเกหิ พุทฺธสตสหเสฺสหิ ปวิฎฺฐํ อชรํ อมรํ เขมํ สุขํ สีตลํ อภยํ นิพฺพานปุรํ ปวิสิสฺสามิ, สเจ เม กิญฺจิ กายิกํ วา วาจสิกํ วา น โรเจถ, ขมถ ตํ ภควา, คมนกาโล มยฺห’’นฺติฯ ขมามิ เต, สาริปุตฺต, น โข ปน เต กิญฺจิ กายิกํ วา วาจสิกํ วา มยฺหํ อรุจฺจนกํ อตฺถิ, ยสฺส ทานิ ตฺวํ, สาริปุตฺต, กาลํ มญฺญสีติฯ
Thero alattakavaṇṇe hatthe pasāretvā satthu suvaṇṇakacchapasadise pāde gopphakesu gahetvā – ‘‘bhante, imesaṃ pādānaṃ vandanatthāya kappasatasahassādhikaṃ asaṅkhyeyyaṃ pāramiyo pūritā, so me manoratho matthakaṃ patto, ito dāni paṭṭhāya paṭisandhivasena na puna ekaṭṭhāne sannipāto samāgamo atthi, chinno esa vissāso, anekehi buddhasatasahassehi paviṭṭhaṃ ajaraṃ amaraṃ khemaṃ sukhaṃ sītalaṃ abhayaṃ nibbānapuraṃ pavisissāmi, sace me kiñci kāyikaṃ vā vācasikaṃ vā na rocetha, khamatha taṃ bhagavā, gamanakālo mayha’’nti. Khamāmi te, sāriputta, na kho pana te kiñci kāyikaṃ vā vācasikaṃ vā mayhaṃ aruccanakaṃ atthi, yassa dāni tvaṃ, sāriputta, kālaṃ maññasīti.
อิติ ภควตา อนุญฺญาตสมนนฺตรํ สตฺถุ ปาเท วนฺทิตฺวา อุฎฺฐิตมเตฺต อายสฺมเนฺต สาริปุเตฺต สิเนรุจกฺกวาฬหิมวนฺตปริภณฺฑปพฺพเต ธารยมานาปิ – ‘‘อชฺช อิมํ คุณราสิํ ธาเรตุํ น สโกฺกมี’’ติ วทนฺตี วิย เอกปฺปหาเรเนว วิรวมานา มหาปถวี ยาว อุทกปริยนฺตา อกมฺปิ, อากาเส เทวทุนฺทุภิโย ผลิํสุ, มหาเมโฆ อุฎฺฐหิตฺวา โปกฺขรวสฺสํ วสฺสิฯ
Iti bhagavatā anuññātasamanantaraṃ satthu pāde vanditvā uṭṭhitamatte āyasmante sāriputte sinerucakkavāḷahimavantaparibhaṇḍapabbate dhārayamānāpi – ‘‘ajja imaṃ guṇarāsiṃ dhāretuṃ na sakkomī’’ti vadantī viya ekappahāreneva viravamānā mahāpathavī yāva udakapariyantā akampi, ākāse devadundubhiyo phaliṃsu, mahāmegho uṭṭhahitvā pokkharavassaṃ vassi.
สตฺถา – ‘‘ธมฺมเสนาปติํ ปฎิปาเทสฺสามี’’ติ ธมฺมาสนา วุฎฺฐาย คนฺธกุฎิอภิมุโข คนฺตฺวา มณิผลเก อฎฺฐาสิฯ เถโร ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา จตูสุ ฐาเนสุ วนฺทิตฺวา – ‘‘ภควา อิโต กปฺปสตสหสฺสาธิกสฺส อสเงฺขฺยยฺยสฺส อุปริ อโนมทสฺสีสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา ตุมฺหากํ ทสฺสนํ ปเตฺถสิํ, สา เม ปตฺถนา สมิทฺธา, ทิฎฺฐา ตุเมฺห, ตํ ปฐมทสฺสนํ, อิทํ ปจฺฉิมทสฺสนํฯ ปุน ตุมฺหากํ ทสฺสนํ นตฺถี’’ติ วตฺวา ทสนขสโมธานสมุชฺชลํ อญฺชลิํ ปคฺคยฺห ยาว ทสฺสนวิสยา อภิมุโขว ปฎิกฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ปกฺกามิฯ ปุน มหาปถวี ธาเรตุํ อสโกฺกนฺตี อุทกปริยนฺตํ กตฺวา อกมฺปิฯ
Satthā – ‘‘dhammasenāpatiṃ paṭipādessāmī’’ti dhammāsanā vuṭṭhāya gandhakuṭiabhimukho gantvā maṇiphalake aṭṭhāsi. Thero tikkhattuṃ padakkhiṇaṃ katvā catūsu ṭhānesu vanditvā – ‘‘bhagavā ito kappasatasahassādhikassa asaṅkhyeyyassa upari anomadassīsammāsambuddhassa pādamūle nipajjitvā tumhākaṃ dassanaṃ patthesiṃ, sā me patthanā samiddhā, diṭṭhā tumhe, taṃ paṭhamadassanaṃ, idaṃ pacchimadassanaṃ. Puna tumhākaṃ dassanaṃ natthī’’ti vatvā dasanakhasamodhānasamujjalaṃ añjaliṃ paggayha yāva dassanavisayā abhimukhova paṭikkamitvā vanditvā pakkāmi. Puna mahāpathavī dhāretuṃ asakkontī udakapariyantaṃ katvā akampi.
ภควา ปริวาเรตฺวา ฐิเต ภิกฺขู อาห – ‘‘อนุคจฺฉถ, ภิกฺขเว, ตุมฺหากํ เชฎฺฐภาติก’’นฺติฯ ตสฺมิํ ขเณ จตโสฺสปิ ปริสา สมฺมาสมฺพุทฺธํ เอกกํเยว เชตวเน โอหาย นิรวเสสา นิกฺขมิํสุฯ สาวตฺถินครวาสิโนปิ – ‘‘สาริปุตฺตเตฺถโร กิร สมฺมาสมฺพุทฺธํ อาปุจฺฉิตฺวา ปรินิพฺพายิตุกาโม นิกฺขโนฺต, ปสฺสิสฺสาม น’’นฺติ นครทฺวารานิ นิโรกาสานิ กโรนฺตา นิกฺขมิตฺวา คนฺธมาลาทิหตฺถา เกเส วิกิริตฺวา – ‘‘อิทานิ มยํ กหํ มหาปโญฺญ นิสิโนฺน, กหํ ธมฺมเสนาปติ นิสิโนฺน’’ติ ปุจฺฉนฺตา – ‘‘กสฺส สนฺติกํ คมิสฺสาม, กสฺส หเตฺถ สตฺถารํ ฐเปตฺวา เถโร ปกฺกโนฺต’’ติอาทินา นเยน ปริเทวนฺตา โรทนฺตา เถรํ อนุพนฺธิํสุฯ
Bhagavā parivāretvā ṭhite bhikkhū āha – ‘‘anugacchatha, bhikkhave, tumhākaṃ jeṭṭhabhātika’’nti. Tasmiṃ khaṇe catassopi parisā sammāsambuddhaṃ ekakaṃyeva jetavane ohāya niravasesā nikkhamiṃsu. Sāvatthinagaravāsinopi – ‘‘sāriputtatthero kira sammāsambuddhaṃ āpucchitvā parinibbāyitukāmo nikkhanto, passissāma na’’nti nagaradvārāni nirokāsāni karontā nikkhamitvā gandhamālādihatthā kese vikiritvā – ‘‘idāni mayaṃ kahaṃ mahāpañño nisinno, kahaṃ dhammasenāpati nisinno’’ti pucchantā – ‘‘kassa santikaṃ gamissāma, kassa hatthe satthāraṃ ṭhapetvā thero pakkanto’’tiādinā nayena paridevantā rodantā theraṃ anubandhiṃsu.
เถโร มหาปญฺญาย ฐิตตฺตา – ‘‘สเพฺพสํ อนติกฺกมนีโย เอส มโคฺค’’ติ มหาชนํ โอวทิตฺวา – ‘‘ตุเมฺหปิ, อาวุโส, ติฎฺฐถ, มา ทสพเล ปมาทํ อาปชฺชิตฺถา’’ติ ภิกฺขุสงฺฆมฺปิ นิวเตฺตตฺวา อตฺตโน ปริสาเยว สทฺธิํ ปกฺกามิฯ เยปิ มนุสฺสา – ‘‘ปุเพฺพ อโยฺย ปจฺจาคมนจาริกํ จรติ, อิทํ อิทานิ คมนํ น ปุน ปจฺจาคมนายา’’ติ ปริเทวนฺตา อนุพนฺธิํสุเยวฯ เตปิ – ‘‘อปฺปมตฺตา, อาวุโส, โหถ, เอวํภาวิโน นาม สงฺขารา’’ติ นิวเตฺตสิฯ
Thero mahāpaññāya ṭhitattā – ‘‘sabbesaṃ anatikkamanīyo esa maggo’’ti mahājanaṃ ovaditvā – ‘‘tumhepi, āvuso, tiṭṭhatha, mā dasabale pamādaṃ āpajjitthā’’ti bhikkhusaṅghampi nivattetvā attano parisāyeva saddhiṃ pakkāmi. Yepi manussā – ‘‘pubbe ayyo paccāgamanacārikaṃ carati, idaṃ idāni gamanaṃ na puna paccāgamanāyā’’ti paridevantā anubandhiṃsuyeva. Tepi – ‘‘appamattā, āvuso, hotha, evaṃbhāvino nāma saṅkhārā’’ti nivattesi.
อถ โข อายสฺมา สาริปุโตฺต สพฺพตฺถ เอกรตฺติวาเสน อนฺตรามเคฺค สตฺตาหํ มนุสฺสานํ สงฺคหํ กโรโนฺต สายํ นาลกคามํ ปตฺวา คามทฺวาเร นิโคฺรธรุกฺขมูเล อฎฺฐาสิฯ อถ อุปเรวโต นาม เถรสฺส ภาคิเนโยฺย พหิคามํ คจฺฉโนฺต เถรํ ทิสฺวา อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา อฎฺฐาสิฯ เถโร ตํ อาห – ‘‘อตฺถิ เคเห เต อยฺยิกา’’ติฯ อาม ภเนฺตติฯ คจฺฉ อมฺหากํ อิธาคตภาวํ อาโรเจหิฯ ‘‘กสฺมา อาคโต’’ติ จ วุเตฺต – ‘‘อชฺช กิร เอกทิวสํ อโนฺตคาเม วสิสฺสติ, ชาโตวรกํ ปฎิชคฺคถ, ปญฺจนฺนญฺจ กิร ภิกฺขุสตานํ วสนฎฺฐานํ ชานาถา’’ติฯ โส คนฺตฺวา – ‘‘อยฺยิเก มยฺหํ มาตุโล อาคโต’’ติ อาหฯ อิทานิ กุหินฺติ? คามทฺวาเรติฯ เอกโกว, อโญฺญปิ โกจิ อตฺถีติ? อตฺถิ ปญฺจสตา ภิกฺขูติฯ กิํการณา อาคโตติ? โส ตํ ปวตฺติํ อาโรเจสิฯ พฺราหฺมณี – ‘‘กิํ นุ โข เอตฺตกานํ วสนฎฺฐานํ ปฎิชคฺคาเปติ , ทหรกาเล ปพฺพชิตฺวา มหลฺลกกาเล คิหี โหตุกาโม’’ติ จิเนฺตนฺตี ชาโตวรกํ ปฎิชคฺคาเปตฺวา ปญฺจสตานํ วสนฎฺฐานํ กาเรตฺวา ทณฺฑทีปิกา ชาเลตฺวา เถรสฺส ปาเหสิฯ
Atha kho āyasmā sāriputto sabbattha ekarattivāsena antarāmagge sattāhaṃ manussānaṃ saṅgahaṃ karonto sāyaṃ nālakagāmaṃ patvā gāmadvāre nigrodharukkhamūle aṭṭhāsi. Atha uparevato nāma therassa bhāgineyyo bahigāmaṃ gacchanto theraṃ disvā upasaṅkamitvā vanditvā aṭṭhāsi. Thero taṃ āha – ‘‘atthi gehe te ayyikā’’ti. Āma bhanteti. Gaccha amhākaṃ idhāgatabhāvaṃ ārocehi. ‘‘Kasmā āgato’’ti ca vutte – ‘‘ajja kira ekadivasaṃ antogāme vasissati, jātovarakaṃ paṭijaggatha, pañcannañca kira bhikkhusatānaṃ vasanaṭṭhānaṃ jānāthā’’ti. So gantvā – ‘‘ayyike mayhaṃ mātulo āgato’’ti āha. Idāni kuhinti? Gāmadvāreti. Ekakova, aññopi koci atthīti? Atthi pañcasatā bhikkhūti. Kiṃkāraṇā āgatoti? So taṃ pavattiṃ ārocesi. Brāhmaṇī – ‘‘kiṃ nu kho ettakānaṃ vasanaṭṭhānaṃ paṭijaggāpeti , daharakāle pabbajitvā mahallakakāle gihī hotukāmo’’ti cintentī jātovarakaṃ paṭijaggāpetvā pañcasatānaṃ vasanaṭṭhānaṃ kāretvā daṇḍadīpikā jāletvā therassa pāhesi.
เถโร ภิกฺขูหิ สทฺธิํ ปาสาทํ อารุยฺห ชาโตวรกํ ปวิสิตฺวา นิสีทิ, นิสีทิตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ วสนฎฺฐานํ คจฺฉถา’’ติ ภิกฺขู อุโยฺยเชสิฯ เตสุ คตมเตฺตสุเยว เถรสฺส ขโร อาพาโธ อุปฺปชฺชิ, โลหิตปกฺขนฺทิกา มารณนฺติกา เวทนา วตฺตนฺติฯ เอกํ ภาชนํ ปวิสติ, เอกํ นิกฺขมติฯ พฺราหฺมณี – ‘‘มม ปุตฺตสฺส ปวตฺติ มยฺหํ น รุจฺจตี’’ติ อตฺตโน วสนคพฺภทฺวารํ นิสฺสาย อฎฺฐาสิฯ
Thero bhikkhūhi saddhiṃ pāsādaṃ āruyha jātovarakaṃ pavisitvā nisīdi, nisīditvā ‘‘tumhākaṃ vasanaṭṭhānaṃ gacchathā’’ti bhikkhū uyyojesi. Tesu gatamattesuyeva therassa kharo ābādho uppajji, lohitapakkhandikā māraṇantikā vedanā vattanti. Ekaṃ bhājanaṃ pavisati, ekaṃ nikkhamati. Brāhmaṇī – ‘‘mama puttassa pavatti mayhaṃ na ruccatī’’ti attano vasanagabbhadvāraṃ nissāya aṭṭhāsi.
จตฺตาโร มหาราชาโน ‘‘ธมฺมเสนาปติ กุหิํ วิหรตี’’ติ โอโลเกนฺตา นาลกคาเม ชาโตวรเก ปรินิพฺพานมเญฺจ นิปโนฺน, ปจฺฉิมทสฺสนํ คมิสฺสามา’’ติ อาคมฺม วนฺทิตฺวา อฎฺฐํสุฯ เก ตุเมฺหติ? มหาราชาโน ภเนฺตติฯ กสฺมา อาคตตฺถาติ? คิลานุปฎฺฐากา ภวิสฺสามาติฯ ‘‘โหตุ, อตฺถิ คิลานุปฎฺฐาโก, คจฺฉถ ตุเมฺห’’ติ อุโยฺยเชสิฯ เตสํ คตาวสาเน เตเนว นเยน สโกฺก เทวานมิโนฺทฯ ตสฺมิํ คเต มหาพฺรหฺมา จ อาคมิํสุฯ เตปิ ตเถว เถโร อุโยฺยเชสิฯ
Cattāro mahārājāno ‘‘dhammasenāpati kuhiṃ viharatī’’ti olokentā nālakagāme jātovarake parinibbānamañce nipanno, pacchimadassanaṃ gamissāmā’’ti āgamma vanditvā aṭṭhaṃsu. Ke tumheti? Mahārājāno bhanteti. Kasmā āgatatthāti? Gilānupaṭṭhākā bhavissāmāti. ‘‘Hotu, atthi gilānupaṭṭhāko, gacchatha tumhe’’ti uyyojesi. Tesaṃ gatāvasāne teneva nayena sakko devānamindo. Tasmiṃ gate mahābrahmā ca āgamiṃsu. Tepi tatheva thero uyyojesi.
พฺราหฺมณี เทวตานํ อาคมนญฺจ คมนญฺจ ทิสฺวา ‘‘เก นุ โข เอเต มม ปุตฺตํ วนฺทิตฺวา คจฺฉนฺตี’’ติ เถรสฺส คพฺภทฺวารํ คนฺตฺวา ‘‘ตาต, จุนฺท, กา ปวตฺตี’’ติ ปุจฺฉิฯ โส ตํ ปวตฺติํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘มหาอุปาสิกา, ภเนฺต, อาคตา’’ติ อาหฯ เถโร ‘‘กสฺมา อเวลาย อาคตา’’ติ ปุจฺฉิฯ สา ‘‘ตุยฺหํ, ตาต, ทสฺสนตฺถายา’’ติ วตฺวา ‘‘ตาต, ปฐมํ เก อาคตา’’ติ ปุจฺฉิฯ จตฺตาโร มหาราชาโน อุปาสิเกติฯ ตาต, ตฺวํ จตูหิ มหาราเชหิ มหนฺตตโรติ? อารามิกสทิสา เอเต อุปาสิเก, อมฺหากํ สตฺถุ ปฎิสนฺธิคฺคหณโต ปฎฺฐาย ขคฺคหตฺถา หุตฺวา อารกฺขํ อกํสูติฯ เตสํ ตาต คตาวสาเน โก อาคโตติ? สโกฺก เทวานมิโนฺทติฯ เทวราชโตปิ ตฺวํ ตาต มหนฺตตโรติ? ภณฺฑคฺคาหกสามเณรสทิโส เอส อุปาสิเก, อมฺหากํ สตฺถุ ตาวติํสโต โอตรณกาเล ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา โอติโณฺณติฯ ตสฺส ตาต คตาวสาเน โชตยมาโน วิย โก อาคโตติ? อุปาสิเก, ตุยฺหํ ภควา จ สตฺถา จ มหาพฺรหฺมา นาม เอโสติฯ มยฺหํ ภควโต มหาพฺรหฺมโตปิ ตฺวํ, ตาต, มหนฺตตโรติ? อาม อุปาสิเก, เอเต นาม กิร อมฺหากํ สตฺถุ ชาตทิวเส จตฺตาโร มหาพฺรหฺมาโน มหาปุริสํ สุวณฺณชาเลน ปฎิคฺคณฺหิํสูติฯ
Brāhmaṇī devatānaṃ āgamanañca gamanañca disvā ‘‘ke nu kho ete mama puttaṃ vanditvā gacchantī’’ti therassa gabbhadvāraṃ gantvā ‘‘tāta, cunda, kā pavattī’’ti pucchi. So taṃ pavattiṃ ācikkhitvā ‘‘mahāupāsikā, bhante, āgatā’’ti āha. Thero ‘‘kasmā avelāya āgatā’’ti pucchi. Sā ‘‘tuyhaṃ, tāta, dassanatthāyā’’ti vatvā ‘‘tāta, paṭhamaṃ ke āgatā’’ti pucchi. Cattāro mahārājāno upāsiketi. Tāta, tvaṃ catūhi mahārājehi mahantataroti? Ārāmikasadisā ete upāsike, amhākaṃ satthu paṭisandhiggahaṇato paṭṭhāya khaggahatthā hutvā ārakkhaṃ akaṃsūti. Tesaṃ tāta gatāvasāne ko āgatoti? Sakko devānamindoti. Devarājatopi tvaṃ tāta mahantataroti? Bhaṇḍaggāhakasāmaṇerasadiso esa upāsike, amhākaṃ satthu tāvatiṃsato otaraṇakāle pattacīvaraṃ gahetvā otiṇṇoti. Tassa tāta gatāvasāne jotayamāno viya ko āgatoti? Upāsike, tuyhaṃ bhagavā ca satthā ca mahābrahmā nāma esoti. Mayhaṃ bhagavato mahābrahmatopi tvaṃ, tāta, mahantataroti? Āma upāsike, ete nāma kira amhākaṃ satthu jātadivase cattāro mahābrahmāno mahāpurisaṃ suvaṇṇajālena paṭiggaṇhiṃsūti.
อถ พฺราหฺมณิยา – ‘‘ปุตฺตสฺส ตาว เม อยํ อานุภาโว, กีทิโส วต มยฺหํ ปุตฺตสฺส ภควโต สตฺถุ อานุภาโว ภวิสฺสตี’’ติ จินฺตยนฺติยา สหสา ปญฺจวณฺณา ปีติ อุปฺปชฺชิตฺวา สกลสรีรํ ผริฯ เถโร – ‘‘อุปฺปนฺนํ เม มาตุ ปีติโสมนสฺสํ, อยํ ทานิ กาโล ธมฺมเทสนายา’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘กิํ จิเนฺตสิ มหาอุปาสิเก’’ติ อาหฯ สา ‘‘ปุตฺตสฺส ตาว เม อยํ คุโณ, สตฺถุ ปนสฺส กีทิโส ภวิสฺสตีติ อิทํ, ตาต, จิเนฺตมี’’ติ อาหฯ มหาอุปาสิเก, มยฺหํ สตฺถุชาตกฺขเณ มหาภินิกฺขมเน สโมฺพธิยํ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเน จ ทสสหสฺสิโลกธาตุ กมฺปิตฺถฯ สีเลน สมาธินา ปญฺญาย วิมุตฺติยา วิมุตฺติญาณทสฺสเนน สโม นาม นตฺถิ, อิติปิ โส ภควาติ วิตฺถาเรตฺวา พุทฺธคุณปฎิสํยุตฺตํ ธมฺมเทสนํ กเถสิฯ
Atha brāhmaṇiyā – ‘‘puttassa tāva me ayaṃ ānubhāvo, kīdiso vata mayhaṃ puttassa bhagavato satthu ānubhāvo bhavissatī’’ti cintayantiyā sahasā pañcavaṇṇā pīti uppajjitvā sakalasarīraṃ phari. Thero – ‘‘uppannaṃ me mātu pītisomanassaṃ, ayaṃ dāni kālo dhammadesanāyā’’ti cintetvā ‘‘kiṃ cintesi mahāupāsike’’ti āha. Sā ‘‘puttassa tāva me ayaṃ guṇo, satthu panassa kīdiso bhavissatīti idaṃ, tāta, cintemī’’ti āha. Mahāupāsike, mayhaṃ satthujātakkhaṇe mahābhinikkhamane sambodhiyaṃ dhammacakkappavattane ca dasasahassilokadhātu kampittha. Sīlena samādhinā paññāya vimuttiyā vimuttiñāṇadassanena samo nāma natthi, itipi so bhagavāti vitthāretvā buddhaguṇapaṭisaṃyuttaṃ dhammadesanaṃ kathesi.
พฺราหฺมณี ปิยปุตฺตสฺส ธมฺมเทสนาปริโยสาเน โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐาย ปุตฺตํ อาห – ‘‘ตาต อุปติสฺส, กสฺมา เอวมกาสิ, เอวรูปํ นาม อมตํ มยฺหํ เอตฺตกํ กาลํ น อทาสี’’ติฯ เถโร – ‘‘ทินฺนํ ทานิ เม มาตุ รูปสาริยา พฺราหฺมณิยา โปสาวนิกมูลํ, เอตฺตเกน วฎฺฎิสฺสตี’’ติ จิเนฺตตฺวา – ‘‘คจฺฉ มหาอุปสิเก’’ติ พฺราหฺมณิํ อุโยฺยเชตฺวา – ‘‘จุนฺท กา เวลา’’ติ อาหฯ พลวปจฺจูสกาโล, ภเนฺตติฯ ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาเตหีติฯ สนฺนิปติโต ภเนฺต ภิกฺขุสโงฺฆติฯ ‘‘มํ อุกฺขิปิตฺวา นิสีทาเปหิ จุนฺทา’’ติ อุกฺขิปิตฺวา นิสีทาเปสิฯ
Brāhmaṇī piyaputtassa dhammadesanāpariyosāne sotāpattiphale patiṭṭhāya puttaṃ āha – ‘‘tāta upatissa, kasmā evamakāsi, evarūpaṃ nāma amataṃ mayhaṃ ettakaṃ kālaṃ na adāsī’’ti. Thero – ‘‘dinnaṃ dāni me mātu rūpasāriyā brāhmaṇiyā posāvanikamūlaṃ, ettakena vaṭṭissatī’’ti cintetvā – ‘‘gaccha mahāupasike’’ti brāhmaṇiṃ uyyojetvā – ‘‘cunda kā velā’’ti āha. Balavapaccūsakālo, bhanteti. Bhikkhusaṅghaṃ sannipātehīti. Sannipatito bhante bhikkhusaṅghoti. ‘‘Maṃ ukkhipitvā nisīdāpehi cundā’’ti ukkhipitvā nisīdāpesi.
เถโร ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘อาวุโส จตุจตฺตาลีสํ โว วสฺสานิ มยา สทฺธิํ วิจรนฺตานํ ยํ เม กายิกํ วา วาจสิกํ วา น โรเจถ, ตํ ขมถ อาวุโส’’ติฯ เอตฺตกํ, ภเนฺต, อมฺหากํ ฉายา วิย ตุเมฺห อมุญฺจิตฺวา วิจรนฺตานํ อรุจฺจนกํ นาม นตฺถิ, ตุเมฺห ปน อมฺหากํ ขมถาติฯ อถ เถโร มหาจีวรํ สงฺกฑฺฒิตฺวา มุขํ ปิธาย ทกฺขิเณน ปเสฺสน นิปโนฺน สตฺถา วิย นว อนุปุพฺพสมาปตฺติโย อนุโลมปฎิโลมโต สมาปชฺชิตฺวา ปุน ปฐมชฺฌานํ อาทิํ กตฺวา ยาว จตุตฺถชฺฌานา สมาปชฺชิ ฯ ตโต วุฎฺฐาย อนนฺตรํเยว มหาปถวิํ อุนฺนาเทโนฺต อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิฯ
Thero bhikkhū āmantesi – ‘‘āvuso catucattālīsaṃ vo vassāni mayā saddhiṃ vicarantānaṃ yaṃ me kāyikaṃ vā vācasikaṃ vā na rocetha, taṃ khamatha āvuso’’ti. Ettakaṃ, bhante, amhākaṃ chāyā viya tumhe amuñcitvā vicarantānaṃ aruccanakaṃ nāma natthi, tumhe pana amhākaṃ khamathāti. Atha thero mahācīvaraṃ saṅkaḍḍhitvā mukhaṃ pidhāya dakkhiṇena passena nipanno satthā viya nava anupubbasamāpattiyo anulomapaṭilomato samāpajjitvā puna paṭhamajjhānaṃ ādiṃ katvā yāva catutthajjhānā samāpajji . Tato vuṭṭhāya anantaraṃyeva mahāpathaviṃ unnādento anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbāyi.
อุปาสิกา – ‘‘กิํ นุ โข เม ปุโตฺต, น กิญฺจิ กเถตี’’ติ อุฎฺฐาย ปิฎฺฐิปาเท ปริมชฺชนฺตี ปรินิพฺพุตภาวํ ญตฺวา มหาสทฺทํ กุรุมานา ปาเทสุ นิปติตฺวา – ‘‘ตาต มยํ อิโต ปุเพฺพ ตว คุณํ น ชานิมฺหา, อิทานิ ปน ตํ อาทิํ กตฺวา อเนกสเต อเนกสหเสฺส อเนกสตสหเสฺส ภิกฺขู อิมสฺมิํ นิเวสเน นิสีทาเปตฺวา โภเชตุํ น ลภิมฺหา, จีวเรหิ อจฺฉาเทตุํ น ลภิมฺหา, วิหารสตํ วิหารสหสฺสํ กาเรตุํ น ลภิมฺหา’’ติ ยาว อรุณุคฺคมนา ปริเทวิ ฯ อรุเณ อุคฺคตมเตฺตเยว สุวณฺณกาเร ปโกฺกสาเปตฺวา สุวณฺณคพฺภํ วิวราเปตฺวา สุวณฺณฆฎิโย มหาตุลาย ตุลาเปตฺวา – ‘‘ปญฺจ กูฎาคารสตานิ ปญฺจ อคฺฆิกสตานิ กโรถา’’ติ ทาเปติฯ
Upāsikā – ‘‘kiṃ nu kho me putto, na kiñci kathetī’’ti uṭṭhāya piṭṭhipāde parimajjantī parinibbutabhāvaṃ ñatvā mahāsaddaṃ kurumānā pādesu nipatitvā – ‘‘tāta mayaṃ ito pubbe tava guṇaṃ na jānimhā, idāni pana taṃ ādiṃ katvā anekasate anekasahasse anekasatasahasse bhikkhū imasmiṃ nivesane nisīdāpetvā bhojetuṃ na labhimhā, cīvarehi acchādetuṃ na labhimhā, vihārasataṃ vihārasahassaṃ kāretuṃ na labhimhā’’ti yāva aruṇuggamanā paridevi . Aruṇe uggatamatteyeva suvaṇṇakāre pakkosāpetvā suvaṇṇagabbhaṃ vivarāpetvā suvaṇṇaghaṭiyo mahātulāya tulāpetvā – ‘‘pañca kūṭāgārasatāni pañca agghikasatāni karothā’’ti dāpeti.
สโกฺกปิ เทวราชา วิสฺสกมฺมเทวปุตฺตํ อามเนฺตตฺวา – ‘‘ตาต ธมฺมเสนาปติ ปรินิพฺพุโต, ปญฺจ กูฎาคารสตานิ ปญฺจ อคฺฆิกสตานิ จ มาเปหี’’ติ อาหฯ อิติ อุปาสิกาย การิตานิ จ วิสฺสกเมฺมน นิมฺมิตานิ จ สพฺพานิปิ เทฺวสหสฺสานิ อเหสุํฯ ตโต นครมเชฺฌ สารมยํ มหามณฺฑปํ กาเรตฺวา มณฺฑปมเชฺฌ มหากูฎาคารํ ฐเปตฺวา เสสานิ ปริวารสเงฺขเปน ฐเปตฺวา สาธุกีฬิกํ อารภิํสุฯ เทวานํ อนฺตเร มนุสฺสา, มนุสฺสานํ อนฺตเร เทวา อเหสุํฯ
Sakkopi devarājā vissakammadevaputtaṃ āmantetvā – ‘‘tāta dhammasenāpati parinibbuto, pañca kūṭāgārasatāni pañca agghikasatāni ca māpehī’’ti āha. Iti upāsikāya kāritāni ca vissakammena nimmitāni ca sabbānipi dvesahassāni ahesuṃ. Tato nagaramajjhe sāramayaṃ mahāmaṇḍapaṃ kāretvā maṇḍapamajjhe mahākūṭāgāraṃ ṭhapetvā sesāni parivārasaṅkhepena ṭhapetvā sādhukīḷikaṃ ārabhiṃsu. Devānaṃ antare manussā, manussānaṃ antare devā ahesuṃ.
เรวตี นาม เอกา เถรสฺส อุปฎฺฐายิกา – ‘‘อหํ เถรสฺส ปูชํ กริสฺสามี’’ติ สุวณฺณปุปฺผานํ ตโย กุเมฺภ กาเรสิฯ ‘‘เถรสฺส ปูชํ กริสฺสามี’’ติ สโกฺก เทวราชา อฑฺฒเตยฺยโกฎินาฎเกหิ ปริวาริโต โอตริฯ ‘‘สโกฺก โอตรตี’’ติ มหาชโน ปจฺฉามุโข ปฎิกฺกมิฯ ตตฺถ สาปิ อุปาสิกา ปฎิกฺกมมานา ครุภารตฺตา เอกมนฺตํ อปสกฺกิตุํ อสโกฺกนฺตี มนุสฺสานํ อนฺตเร ปติฯ มนุสฺสา อปสฺสนฺตา ตํ มทฺทิตฺวา อคมิํสุฯ สา ตเตฺถว กาลํ กตฺวา ตาวติํสภวเน กนกวิมาเน นิพฺพตฺติฯ นิพฺพตฺตกฺขเณเยวสฺสา รตนกฺขโนฺธ วิย ติคาวุตปฺปมาโณ อตฺตภาโว อโหสิ สฎฺฐิสกฎปูรปฺปมาณอลงฺการปฎิมณฺฑิตา อจฺฉราสหสฺสปริวาริตาฯ อถสฺสา ทิพฺพํ สพฺพกายิกาทาสํ ปุรโต ฐปยิํสุ ฯ สา อตฺตโน สิริสมฺปตฺติํ ทิสฺวา – ‘‘อุฬารา อยํ สมฺปตฺติ, กิํ นุ โข เม กมฺมํ กต’’นฺติ จินฺตยมานา อทฺทส – ‘‘มยา สาริปุตฺตเตฺถรสฺส ปรินิพฺพุตฎฺฐาเน ตีหิ สุวณฺณปุปฺผกุเมฺภหิ ปูชา กตา, มหาชโน มํ มทฺทิตฺวา คโต, สาหํ ตตฺถ กาลํ กตฺวา อิธูปปนฺนา, เถรํ นิสฺสาย ลทฺธํ อิทานิ ปุญฺญวิปากํ มนุสฺสานํ กเถสฺสามี’’ติ สห วิมาเนเนว โอตริฯ
Revatī nāma ekā therassa upaṭṭhāyikā – ‘‘ahaṃ therassa pūjaṃ karissāmī’’ti suvaṇṇapupphānaṃ tayo kumbhe kāresi. ‘‘Therassa pūjaṃ karissāmī’’ti sakko devarājā aḍḍhateyyakoṭināṭakehi parivārito otari. ‘‘Sakko otaratī’’ti mahājano pacchāmukho paṭikkami. Tattha sāpi upāsikā paṭikkamamānā garubhārattā ekamantaṃ apasakkituṃ asakkontī manussānaṃ antare pati. Manussā apassantā taṃ madditvā agamiṃsu. Sā tattheva kālaṃ katvā tāvatiṃsabhavane kanakavimāne nibbatti. Nibbattakkhaṇeyevassā ratanakkhandho viya tigāvutappamāṇo attabhāvo ahosi saṭṭhisakaṭapūrappamāṇaalaṅkārapaṭimaṇḍitā accharāsahassaparivāritā. Athassā dibbaṃ sabbakāyikādāsaṃ purato ṭhapayiṃsu . Sā attano sirisampattiṃ disvā – ‘‘uḷārā ayaṃ sampatti, kiṃ nu kho me kammaṃ kata’’nti cintayamānā addasa – ‘‘mayā sāriputtattherassa parinibbutaṭṭhāne tīhi suvaṇṇapupphakumbhehi pūjā katā, mahājano maṃ madditvā gato, sāhaṃ tattha kālaṃ katvā idhūpapannā, theraṃ nissāya laddhaṃ idāni puññavipākaṃ manussānaṃ kathessāmī’’ti saha vimāneneva otari.
มหาชโน ทูรโตว ทิสฺวา – ‘‘กิํ นุ โข เทฺว สูริยา อุฎฺฐิตา’’ติ? โอโลเกโนฺต – ‘‘วิมาเน อาคจฺฉเนฺต กูฎาคารสณฺฐานํ ปญฺญายติ, นายํ สูริโย, วิมานเมตํ เอก’’นฺติ อาหฯ ตมฺปิ วิมานํ ตาวเทว อาคนฺตฺวา เถรสฺส ทารุจิตกมตฺถเก เวหาสํ อฎฺฐาสิฯ เทวธีตา วิมานํ อากาเสเยว ฐเปตฺวา ปถวิํ โอตริฯ มหาชโน – ‘‘กา ตฺวํ, อเยฺย’’ติ? ปุจฺฉิฯ ‘‘น มํ ตุเมฺห ชานาถ, เรวตี นามาหํ, ตีหิ สุวณฺณปุปฺผกุเมฺภหิ เถรํ ปูชํ กตฺวา มนุเสฺสหิ มทฺทิตา กาลํ กตฺวา ตาวติํสภวเน นิพฺพตฺตา, ปสฺสถ เม สิริสมฺปตฺติํ, ตุเมฺหปิ ทานิ ทานานิ เทถ, ปุญฺญานิ กโรถา’’ติ กุสลกิริยาย วณฺณํ กเถตฺวา เถรสฺส จิตกํ ปทกฺขิณํ กตฺวา วนฺทิตฺวา อตฺตโน เทวฎฺฐานํเยว คตาฯ
Mahājano dūratova disvā – ‘‘kiṃ nu kho dve sūriyā uṭṭhitā’’ti? Olokento – ‘‘vimāne āgacchante kūṭāgārasaṇṭhānaṃ paññāyati, nāyaṃ sūriyo, vimānametaṃ eka’’nti āha. Tampi vimānaṃ tāvadeva āgantvā therassa dārucitakamatthake vehāsaṃ aṭṭhāsi. Devadhītā vimānaṃ ākāseyeva ṭhapetvā pathaviṃ otari. Mahājano – ‘‘kā tvaṃ, ayye’’ti? Pucchi. ‘‘Na maṃ tumhe jānātha, revatī nāmāhaṃ, tīhi suvaṇṇapupphakumbhehi theraṃ pūjaṃ katvā manussehi madditā kālaṃ katvā tāvatiṃsabhavane nibbattā, passatha me sirisampattiṃ, tumhepi dāni dānāni detha, puññāni karothā’’ti kusalakiriyāya vaṇṇaṃ kathetvā therassa citakaṃ padakkhiṇaṃ katvā vanditvā attano devaṭṭhānaṃyeva gatā.
มหาชโนปิ สตฺตาหํ สาธุกีฬิกํ กีฬิตฺวา สพฺพคเนฺธหิ จิตกํ อกาสิ, จิตกา เอกูนรตนสติกา อโหสิฯ เถรสฺส สรีรํ จิตกํ อาโรเปตฺวา อุสีรกลาปเกหิ อาลิเมฺปสุํฯ อาฬาหเน สพฺพรตฺติํ ธมฺมสฺสวนํ ปวตฺติฯ อนุรุทฺธเตฺถโร สพฺพคโนฺธทเกน เถรสฺส จิตกํ นิพฺพาเปสิฯ จุนฺทเตฺถโร ธาตุโย ปริสฺสาวเน ปกฺขิปิตฺวา – ‘‘น ทานิ มยา อิเธว สกฺกา ฐาตุํ, มยฺหํ เชฎฺฐภาติกสฺส ธมฺมเสนาปติสาริปุตฺตเตฺถรสฺส ปรินิพฺพุตภาวํ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อาโรเจสฺสามี’’ติ ธาตุปริสฺสาวนํ เถรสฺส จ ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา สาวตฺถิํ อคมาสิฯ เอกฎฺฐาเนปิ จ เทฺว รตฺติโย อวสิตฺวา สพฺพตฺถ เอกรตฺติวาเสเนว สาวตฺถิํ ปาปุณิฯ ตมตฺถํ ทเสฺสตุํ อถ โข จุโนฺท สมณุเทฺทโสติอาทิ วุตฺตํฯ
Mahājanopi sattāhaṃ sādhukīḷikaṃ kīḷitvā sabbagandhehi citakaṃ akāsi, citakā ekūnaratanasatikā ahosi. Therassa sarīraṃ citakaṃ āropetvā usīrakalāpakehi ālimpesuṃ. Āḷāhane sabbarattiṃ dhammassavanaṃ pavatti. Anuruddhatthero sabbagandhodakena therassa citakaṃ nibbāpesi. Cundatthero dhātuyo parissāvane pakkhipitvā – ‘‘na dāni mayā idheva sakkā ṭhātuṃ, mayhaṃ jeṭṭhabhātikassa dhammasenāpatisāriputtattherassa parinibbutabhāvaṃ sammāsambuddhassa ārocessāmī’’ti dhātuparissāvanaṃ therassa ca pattacīvaraṃ gahetvā sāvatthiṃ agamāsi. Ekaṭṭhānepi ca dve rattiyo avasitvā sabbattha ekarattivāseneva sāvatthiṃ pāpuṇi. Tamatthaṃ dassetuṃ atha kho cundo samaṇuddesotiādi vuttaṃ.
ตตฺถ เยนายสฺมา อานโนฺทติ เยน อตฺตโน อุปชฺฌาโย ธมฺมภณฺฑาคาริโก อายสฺมา อานโนฺท, เตนุปสงฺกมิฯ กสฺมา ปเนส อุชุกํ สตฺถุ สนฺติกํ อคนฺตฺวา เถรสฺส สนฺติกํ อคมาสีติ? สตฺถริ จ เถเร จ คารเวนฯ เชตวนมหาวิหาเร โปกฺขรณิยํ กิรสฺส นฺหตฺวา ปจฺจุตฺตริตฺวา สุนิวตฺถสุปารุตสฺส เอตทโหสิ – ‘‘พุทฺธา นาม มหาปาสาณจฺฉตฺตํ วิย ครุโน, ผณกตสปฺป สีหพฺยคฺฆมตฺตวรวารณาทโย วิย จ ทุราสทา, น สกฺกา มยา อุชุกเมว สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา กเถตุํ, กสฺส นุ โข สนฺติกํ คนฺตพฺพ’’นฺติฯ ตโต จิเนฺตสิ – ‘‘อุปชฺฌาโย เม ธมฺมภณฺฑาคาริโก เชฎฺฐภาติกเตฺถรสฺส อุตฺตมสหาโย, ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ อาทาย สตฺถารา สทฺธิํ กเถสฺสามี’’ติ สตฺถริ เจว เถเร จ คารเวน อุปสงฺกมิฯ
Tattha yenāyasmā ānandoti yena attano upajjhāyo dhammabhaṇḍāgāriko āyasmā ānando, tenupasaṅkami. Kasmā panesa ujukaṃ satthu santikaṃ agantvā therassa santikaṃ agamāsīti? Satthari ca there ca gāravena. Jetavanamahāvihāre pokkharaṇiyaṃ kirassa nhatvā paccuttaritvā sunivatthasupārutassa etadahosi – ‘‘buddhā nāma mahāpāsāṇacchattaṃ viya garuno, phaṇakatasappa sīhabyagghamattavaravāraṇādayo viya ca durāsadā, na sakkā mayā ujukameva satthu santikaṃ gantvā kathetuṃ, kassa nu kho santikaṃ gantabba’’nti. Tato cintesi – ‘‘upajjhāyo me dhammabhaṇḍāgāriko jeṭṭhabhātikattherassa uttamasahāyo, tassa santikaṃ gantvā taṃ ādāya satthārā saddhiṃ kathessāmī’’ti satthari ceva there ca gāravena upasaṅkami.
อิทมสฺส ปตฺตจีวรนฺติ ‘‘อยมสฺส ปริโภคปโตฺต, อิทํ ธาตุปริสฺสาวน’’นฺติ เอวํ เอเกกํ อาจิกฺขิฯ ปาฬิยํ ปน ‘‘อิทมสฺส ปตฺตจีวร’’นฺติ เอตฺตกเมว วุตฺตํฯ กถาปาภตนฺติ กถามูลํฯ มูลญฺหิ ปาภตนฺติ วุจฺจติฯ ยถาห –
Idamassa pattacīvaranti ‘‘ayamassa paribhogapatto, idaṃ dhātuparissāvana’’nti evaṃ ekekaṃ ācikkhi. Pāḷiyaṃ pana ‘‘idamassa pattacīvara’’nti ettakameva vuttaṃ. Kathāpābhatanti kathāmūlaṃ. Mūlañhi pābhatanti vuccati. Yathāha –
‘‘อปฺปเกนปิ เมธาวี, ปาภเตน วิจกฺขโณ;
‘‘Appakenapi medhāvī, pābhatena vicakkhaṇo;
สมุฎฺฐาเปติ อตฺตานํ, อณุํ อคฺคิํว สนฺธม’’นฺติฯ (ชา. ๑.๑.๔);
Samuṭṭhāpeti attānaṃ, aṇuṃ aggiṃva sandhama’’nti. (jā. 1.1.4);
ภควนฺตํ ทสฺสนายาติ ภควนฺตํ ทสฺสนตฺถายฯ กิํ ปนิมินา ภควา น ทิฎฺฐปุโพฺพติ? โน น ทิฎฺฐปุโพฺพฯ อยญฺหิ อายสฺมา ทิวา นว วาเร, รตฺติํ นว วาเรติ เอกาหํ อฎฺฐารส วาเร อุปฎฺฐานเมว คจฺฉติฯ ทิวสสฺส ปน สตวารํ วา สหสฺสวารํ วา คนฺตุกาโม สมาโนปิ น อการณา คจฺฉติ, เอกํ ปญฺหทฺวารํ คเหตฺวาว คจฺฉติฯ โส ตํทิวสํ เตน กถาปาภเตน คนฺตุกาโม เอวมาหฯ อิทมสฺส ปตฺตจีวรนฺติ เถโรปิ – ‘‘อิทํ ตสฺส ปตฺตจีวรํ, อิทญฺจ ธาตุปริสฺสาวน’’นฺติ ปาฎิเยกฺกํเยว ทเสฺสตฺวา อาจิกฺขิฯ
Bhagavantaṃdassanāyāti bhagavantaṃ dassanatthāya. Kiṃ paniminā bhagavā na diṭṭhapubboti? No na diṭṭhapubbo. Ayañhi āyasmā divā nava vāre, rattiṃ nava vāreti ekāhaṃ aṭṭhārasa vāre upaṭṭhānameva gacchati. Divasassa pana satavāraṃ vā sahassavāraṃ vā gantukāmo samānopi na akāraṇā gacchati, ekaṃ pañhadvāraṃ gahetvāva gacchati. So taṃdivasaṃ tena kathāpābhatena gantukāmo evamāha. Idamassa pattacīvaranti theropi – ‘‘idaṃ tassa pattacīvaraṃ, idañca dhātuparissāvana’’nti pāṭiyekkaṃyeva dassetvā ācikkhi.
สตฺถา หตฺถํ ปสาเรตฺวา ธาตุปริสฺสาวนํ คเหตฺวา หตฺถตเล ฐเปตฺวา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปุริมทิวเส อเนกานิ ปาฎิหาริยสตานิ กตฺวา ปรินิพฺพานํ อนุชานาเปสิ, ตสฺส อิทานิ อิมา สงฺขวณฺณสนฺนิภา ธาตุโยว ปญฺญายนฺติ, กปฺปสตสหสฺสาธิกํ อสเงฺขฺยยฺยํ ปูริตปารมี เอส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ, มยา ปวตฺติตํ ธมฺมจกฺกํ อนุปวตฺตโก เอส ภิกฺขุ, ปฎิลทฺธทุติยอาสโน เอส ภิกฺขุ, ปูริตสาวกสนฺนิปาโต เอส ภิกฺขุ, ฐเปตฺวา มํ ทสสุ จกฺกวาฬสหเสฺสสุ ปญฺญาย อสทิโส เอส ภิกฺขุ, มหาปโญฺญ เอส ภิกฺขุ, ปุถุปโญฺญ หาสปโญฺญ ชวนปโญฺญ ติกฺขปโญฺญ นิเพฺพธิกปโญฺญ เอส ภิกฺขุ, อปฺปิโจฺฉ เอส ภิกฺขุ, สนฺตุโฎฺฐ ปวิวิโตฺต อสํสโฎฺฐ อารทฺธวีริโย โจทโก ปาปครหี เอส ภิกฺขุ, ปญฺจ ชาติสตานิ ปฎิลทฺธมหาสมฺปตฺติโย ปหาย ปพฺพชิโต เอส ภิกฺขุ, มม สาสเน ปถวีสมขนฺติโก เอส ภิกฺขุ, ฉินฺนวิสาณอุสภสทิโส เอส ภิกฺขุ, จณฺฑาลปุตฺตสทิสนีจจิโตฺต เอส ภิกฺขุฯ ปสฺสถ, ภิกฺขเว, มหาปญฺญสฺส ธาตุโย, ปสฺสถ, ภิกฺขเว, ปุถุปญฺญสฺส หาสปญฺญสฺส ชวนปญฺญสฺส ติกฺขปญฺญสฺส นิเพฺพธิกปญฺญสฺส อปฺปิจฺฉสฺส สนฺตุฎฺฐสฺส ปวิวิตฺตสฺส อสํสฎฺฐสฺส อารทฺธวีริยสฺส , โจทกสฺส, ปสฺสถ, ภิกฺขเว, ปาปครหิสฺส ธาตุโยติฯ
Satthā hatthaṃ pasāretvā dhātuparissāvanaṃ gahetvā hatthatale ṭhapetvā bhikkhū āmantesi – ‘‘yo so, bhikkhave, bhikkhu purimadivase anekāni pāṭihāriyasatāni katvā parinibbānaṃ anujānāpesi, tassa idāni imā saṅkhavaṇṇasannibhā dhātuyova paññāyanti, kappasatasahassādhikaṃ asaṅkhyeyyaṃ pūritapāramī esa, bhikkhave, bhikkhu, mayā pavattitaṃ dhammacakkaṃ anupavattako esa bhikkhu, paṭiladdhadutiyaāsano esa bhikkhu, pūritasāvakasannipāto esa bhikkhu, ṭhapetvā maṃ dasasu cakkavāḷasahassesu paññāya asadiso esa bhikkhu, mahāpañño esa bhikkhu, puthupañño hāsapañño javanapañño tikkhapañño nibbedhikapañño esa bhikkhu, appiccho esa bhikkhu, santuṭṭho pavivitto asaṃsaṭṭho āraddhavīriyo codako pāpagarahī esa bhikkhu, pañca jātisatāni paṭiladdhamahāsampattiyo pahāya pabbajito esa bhikkhu, mama sāsane pathavīsamakhantiko esa bhikkhu, chinnavisāṇausabhasadiso esa bhikkhu, caṇḍālaputtasadisanīcacitto esa bhikkhu. Passatha, bhikkhave, mahāpaññassa dhātuyo, passatha, bhikkhave, puthupaññassa hāsapaññassa javanapaññassa tikkhapaññassa nibbedhikapaññassa appicchassa santuṭṭhassa pavivittassa asaṃsaṭṭhassa āraddhavīriyassa , codakassa, passatha, bhikkhave, pāpagarahissa dhātuyoti.
‘‘โย ปพฺพชี ชาติสตานิ ปญฺจ,
‘‘Yo pabbajī jātisatāni pañca,
ปหาย กามานิ มโนรมานิ;
Pahāya kāmāni manoramāni;
ตํ วีตราคํ สุสมาหิตินฺทฺริยํ,
Taṃ vītarāgaṃ susamāhitindriyaṃ,
ปรินิพฺพุตํ วนฺทถ สาริปุตฺตํฯ
Parinibbutaṃ vandatha sāriputtaṃ.
‘‘ขนฺติพโล ปถวิสโม น กุปฺปติ,
‘‘Khantibalo pathavisamo na kuppati,
น จาปิ จิตฺตสฺส วเสน วตฺตติ;
Na cāpi cittassa vasena vattati;
อนุกมฺปโก การุณิโก จ นิพฺพุโต,
Anukampako kāruṇiko ca nibbuto,
ปรินิพฺพุตํ วนฺทถ สาริปุตฺตํฯ
Parinibbutaṃ vandatha sāriputtaṃ.
‘‘จณฺฑาลปุโตฺต ยถา นครํ ปวิโฎฺฐ,
‘‘Caṇḍālaputto yathā nagaraṃ paviṭṭho,
นีจมโน จรติ กโฬปิหโตฺถ;
Nīcamano carati kaḷopihattho;
ตถา อยํ วิหรติ สาริปุโตฺต,
Tathā ayaṃ viharati sāriputto,
ปรินิพฺพุตํ วนฺทถ สาริปุตฺตํฯ
Parinibbutaṃ vandatha sāriputtaṃ.
‘‘อุสโภ ยถา ฉินฺนวิสาณโก,
‘‘Usabho yathā chinnavisāṇako,
อเหฐยโนฺต จรติ ปุรนฺตเร วเน;
Aheṭhayanto carati purantare vane;
ตถา อยํ วิหรติ สาริปุโตฺต,
Tathā ayaṃ viharati sāriputto,
ปรินิพฺพุตํ วนฺทถ สาริปุตฺต’’นฺติฯ
Parinibbutaṃ vandatha sāriputta’’nti.
อิติ ภควา ปญฺจหิ คาถาสเตหิ เถรสฺส วณฺณํ กเถสิฯ ยถา ยถา ภควา เถรสฺส วณฺณํ กเถสิ, ตถา ตถา อานนฺทเตฺถโร สนฺธาเรตุํ น สโกฺกติ, พิฬารมุเข ปกฺขนฺตกุกฺกุโฎ วิย ปเวธติฯ เตนาห อปิจ เม, ภเนฺต, มธุรกชาโต วิย กาโยติ สพฺพํ วิตฺถาเรตพฺพํฯ ตตฺถ มธุรกชาโตติอาทีนํ อโตฺถ วุโตฺตเยวฯ อิธ ปน ธมฺมาติ อุเทฺทสปริปุจฺฉาธมฺมา อธิเปฺปตาฯ ตสฺส หิ อุเทฺทสปริปุจฺฉาธเมฺม อคหิเต วา คเหตุํ, คหิเต วา สชฺฌายํ กาตุํ จิตฺตํ น ปวตฺตติฯ อถ สตฺถา ปญฺจปสาทวิจิตฺรานิ อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา เถรํ โอโลเกโนฺต ‘‘อสฺสาเสสฺสามิ น’’นฺติ อสฺสาเสโนฺต กิํ นุ โข เต, อานนฺท, สาริปุโตฺตติอาทิมาหฯ
Iti bhagavā pañcahi gāthāsatehi therassa vaṇṇaṃ kathesi. Yathā yathā bhagavā therassa vaṇṇaṃ kathesi, tathā tathā ānandatthero sandhāretuṃ na sakkoti, biḷāramukhe pakkhantakukkuṭo viya pavedhati. Tenāha apica me, bhante, madhurakajāto viya kāyoti sabbaṃ vitthāretabbaṃ. Tattha madhurakajātotiādīnaṃ attho vuttoyeva. Idha pana dhammāti uddesaparipucchādhammā adhippetā. Tassa hi uddesaparipucchādhamme agahite vā gahetuṃ, gahite vā sajjhāyaṃ kātuṃ cittaṃ na pavattati. Atha satthā pañcapasādavicitrāni akkhīni ummīletvā theraṃ olokento ‘‘assāsessāmi na’’nti assāsento kiṃ nu kho te, ānanda, sāriputtotiādimāha.
ตตฺถ สีลกฺขนฺธนฺติ โลกิยโลกุตฺตรสีลํฯ สมาธิปญฺญาสุปิ เอเสว นโยฯ วิมุตฺติ ปน โลกุตฺตราวฯ วิมุตฺติญาณทสฺสนํ ปจฺจเวกฺขณญาณํ, ตํ โลกิยเมวฯ โอวาทโกติ โอวาททายโกฯ โอติโณฺณติ โอติเณฺณสุ วตฺถูสุ นานปฺปกาเรน โอตรณสีโลฯ วิญฺญาปโกติ ธมฺมกถากาเล อตฺถญฺจ การณญฺจ วิญฺญาเปตาฯ สนฺทสฺสโกติ ขนฺธธาตุอายตนวเสน เตสํ เตสํ ธมฺมานํ ทเสฺสตาฯ สมาทปโกติ ‘‘อิทญฺจิทญฺจ คณฺหถา’’ติ เอวํ คณฺหาปโกฯ สมุเตฺตชโกติ อพฺภุสฺสาหโกฯ สมฺปหํสโกติ ปฎิลทฺธคุเณหิ โมทาปโก โชตาปโกฯ
Tattha sīlakkhandhanti lokiyalokuttarasīlaṃ. Samādhipaññāsupi eseva nayo. Vimutti pana lokuttarāva. Vimuttiñāṇadassanaṃ paccavekkhaṇañāṇaṃ, taṃ lokiyameva. Ovādakoti ovādadāyako. Otiṇṇoti otiṇṇesu vatthūsu nānappakārena otaraṇasīlo. Viññāpakoti dhammakathākāle atthañca kāraṇañca viññāpetā. Sandassakoti khandhadhātuāyatanavasena tesaṃ tesaṃ dhammānaṃ dassetā. Samādapakoti ‘‘idañcidañca gaṇhathā’’ti evaṃ gaṇhāpako. Samuttejakoti abbhussāhako. Sampahaṃsakoti paṭiladdhaguṇehi modāpako jotāpako.
อกิลาสุ ธมฺมเทสนายาติ ธมฺมเทสนํ อารภิตฺวา ‘‘สีสํ วา เม รุชฺชติ, หทยํ วา กุจฺฉิ วา ปิฎฺฐิ วา’’ติ เอวํ โอสกฺกนาการวิรหิโต นิกฺกิลาสุ วิสารโท เอกสฺสาปิ ทฺวินฺนมฺปิ สีหเวเคเนว ปกฺขนฺทติฯ อนุคฺคาหโก สพฺรหฺมจารีนนฺติ ปทสฺส อโตฺถ ขนฺธกวเคฺค วิตฺถาริโตวฯ ธโมฺมชํ ธมฺมโภคนฺติ อุภเยนปิ ธมฺมปริโภโคว กถิโตฯ ธมฺมานุคฺคหนฺติ ธเมฺมน อนุคฺคหณํฯ
Akilāsu dhammadesanāyāti dhammadesanaṃ ārabhitvā ‘‘sīsaṃ vā me rujjati, hadayaṃ vā kucchi vā piṭṭhi vā’’ti evaṃ osakkanākāravirahito nikkilāsu visārado ekassāpi dvinnampi sīhavegeneva pakkhandati. Anuggāhako sabrahmacārīnanti padassa attho khandhakavagge vitthāritova. Dhammojaṃ dhammabhoganti ubhayenapi dhammaparibhogova kathito. Dhammānuggahanti dhammena anuggahaṇaṃ.
สตฺถา ‘‘อติวิย อยํ ภิกฺขุ กิลมตี’’ติ ปุน ตํ อสฺสาเสโนฺต นนุ ตํ, อานนฺท, มยาติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปิเยหิ มนาเปหีติ มาตาปิตาภาตาภคินีอาทิเกหิ ชาติยา นานาภาโว, มรเณน วินาภาโว, ภเวน อญฺญถาภาโวฯ ตํ กุเตตฺถ, อานนฺท, ลพฺภาติ ตนฺติ ตสฺมาฯ ยสฺมา สเพฺพหิ ปิเยหิ มนาเปหิ นานาภาโว, ตสฺมา ทส ปารมิโย ปูเรตฺวาปิ สโมฺพธิํ ปตฺวาปิ ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตตฺวาปิ ยมกปาฎิหาริยํ ทเสฺสตฺวาปิ เทโวโรหนํ กตฺวาปิ ยํ ตํ ชาตํ ภูตํ สงฺขตํ ปโลกธมฺมํ, ตํ ตถาคตสฺสาปิ สรีรํ มา ปลุชฺชีติ เนตํ ฐานํ วิชฺชติ, โรทเนฺตนปิ กนฺทเนฺตนปิ น สกฺกา ตํ การณํ ลทฺธุนฺติฯ โส ปลุเชฺชยฺยาติ โส ภิเชฺชยฺยฯ
Satthā ‘‘ativiya ayaṃ bhikkhu kilamatī’’ti puna taṃ assāsento nanu taṃ, ānanda, mayātiādimāha. Tattha piyehi manāpehīti mātāpitābhātābhaginīādikehi jātiyā nānābhāvo, maraṇena vinābhāvo, bhavena aññathābhāvo. Taṃ kutettha, ānanda, labbhāti tanti tasmā. Yasmā sabbehi piyehi manāpehi nānābhāvo, tasmā dasa pāramiyo pūretvāpi sambodhiṃ patvāpi dhammacakkaṃ pavattetvāpi yamakapāṭihāriyaṃ dassetvāpi devorohanaṃ katvāpi yaṃ taṃ jātaṃ bhūtaṃ saṅkhataṃ palokadhammaṃ, taṃ tathāgatassāpi sarīraṃ mā palujjīti netaṃ ṭhānaṃ vijjati, rodantenapi kandantenapi na sakkā taṃ kāraṇaṃ laddhunti. So palujjeyyāti so bhijjeyya.
เอวเมว โขติ เอตฺถ โยชนสตุเพฺพโธ มหาชมฺพุรุโกฺข วิย ภิกฺขุสโงฺฆ ตสฺส ทกฺขิณทิสํ คโต ปญฺญาสโยชนิโก มหาขโนฺธ วิย ธมฺมเสนาปติฯ ตสฺมิํ มหาขเนฺธ ภิเนฺน ตโต ปฎฺฐาย อนุปุเพฺพน วฑฺฒิตฺวา ปุปฺผผลาทีหิ ตํ ฐานํ ปูเรตุํ สมตฺถสฺส อญฺญสฺส ขนฺธสฺส อภาโว วิย เถเร ปรินิพฺพุเต โสฬสนฺนํ ปญฺญานํ มตฺถกํ ปตฺตสฺส อญฺญสฺส ทกฺขิณาสเน นิสีทนสมตฺถสฺส สาริปุตฺตสทิสสฺส ภิกฺขุโน อภาโวฯ ตาย ปริภินฺนาย โส รุโกฺข วิย ภิกฺขุสโงฺฆ ขโนฺธเตฺวว ชาโตติ เวทิตโพฺพฯ ตสฺมาติ ยสฺมา สพฺพํ สงฺขตํ ปโลกธมฺมํ, ตํ มา ปลุชฺชีติ น สกฺกา ลทฺธุํ, ตสฺมาฯ
Evameva khoti ettha yojanasatubbedho mahājamburukkho viya bhikkhusaṅgho tassa dakkhiṇadisaṃ gato paññāsayojaniko mahākhandho viya dhammasenāpati. Tasmiṃ mahākhandhe bhinne tato paṭṭhāya anupubbena vaḍḍhitvā pupphaphalādīhi taṃ ṭhānaṃ pūretuṃ samatthassa aññassa khandhassa abhāvo viya there parinibbute soḷasannaṃ paññānaṃ matthakaṃ pattassa aññassa dakkhiṇāsane nisīdanasamatthassa sāriputtasadisassa bhikkhuno abhāvo. Tāya paribhinnāya so rukkho viya bhikkhusaṅgho khandhotveva jātoti veditabbo. Tasmāti yasmā sabbaṃ saṅkhataṃ palokadhammaṃ, taṃ mā palujjīti na sakkā laddhuṃ, tasmā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๓. จุนฺทสุตฺตํ • 3. Cundasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๓. จุนฺทสุตฺตวณฺณนา • 3. Cundasuttavaṇṇanā