Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อปทาน-อฎฺฐกถา • Apadāna-aṭṭhakathā |
๔. ทพฺพมลฺลปุตฺตเตฺถรอปทานวณฺณนา
4. Dabbamallaputtattheraapadānavaṇṇanā
จตุตฺถาปทาเน ปทุมุตฺตโร นาม ชิโนติอาทิกํ อายสฺมโต ทพฺพมลฺลปุตฺตเตฺถรสฺส อปทานํฯ อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยานิ ปุญฺญานิ อุปจินโนฺต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร เสฎฺฐิปุโตฺต หุตฺวา ชาโต วิภวสมฺปโนฺน อโหสิ, สตฺถริ ปสโนฺน สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุณโนฺต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ เสนาสนปญฺญาปกานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมเนฺตตฺวา สตฺตาหํ มหาทานํ ทตฺวา สตฺตาหจฺจเยน ภควโต ปาทมูเล นิปติตฺวา ตํ ฐานํ ปเตฺถสิฯ ภควาปิสฺส สมิชฺฌนภาวํ ญตฺวา พฺยากาสิฯ โส ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา ตโต จุโต ตุสิตาทีสุ เทเวสุ ทิพฺพสมฺปตฺติํ อนุภวิตฺวา ตโต จุโต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล เอกสฺมิํ กุเล นิพฺพโตฺต อสปฺปุริสสํสเคฺคน ตสฺส สาวกํ ภิกฺขุํ อรหาติ ชานโนฺตปิ อพฺภูเตน อพฺภาจิกฺขิฯ ตเสฺสว สาวกานํ ขีรสลากภตฺตํ อทาสิฯ โส ยาวตายุกํ ปุญฺญานิ กตฺวา เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อุภยสมฺปตฺติโย อนุภวิตฺวา กสฺสปทสพลสฺส กาเล กุลเคเห นิพฺพโตฺต โอสานกาเล สาสเน ปพฺพชิโต ปรินิพฺพุเต ภควติ สกลโลเก โกลาหเล ชาเต สตฺต ภิกฺขโว ปพฺพชิโต ปจฺจนฺตชนปเท วนมเชฺฌ เอกํ ปพฺพตํ อภิรุหิตฺวา ‘‘ชีวิตาสา โอโรหนฺตุ นิราลยา นิสีทนฺตู’’ติ นิเสฺสณิํ ปาเตสุํฯ เตสํ โอวาททายโก เชฎฺฐกเตฺถโร สตฺถาหพฺภนฺตเร อรหา อโหสิฯ ตทนนฺตรเตฺถโร อนาคามี, อิตเร ปญฺจ ปริสุทฺธสีลา ตโต จุตา เทวโลเก นิพฺพตฺตาฯ ตตฺถ เอกํ พุทฺธนฺตรํ ทิพฺพสุขํ อนุภวิตฺวา อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท ปุกฺกุสาติ (ม. นิ. ๓.๓๔๒), สภิโย (สุ. นิ. สภิยสุตฺต), พาหิโย (อุทา. ๑๐), กุมารกสฺสโปติ (ม. นิ. ๑.๒๔๙) อิเม จตฺตาโร ตตฺถ ตตฺถ นิพฺพตฺติํสุฯ อยํ ปน มลฺลรเฎฺฐ อนุปิยนคเร นิพฺพตฺติฯ ตสฺมิํ มาตุกุจฺฉิโต อนิกฺขเนฺตเยว มาตา กาลมกาสิ, อเถโก ตสฺสา สรีรํ ฌาปนตฺถาย จิตกสฺมิํ อาโรเปตฺวา กุมารํ ทพฺพนฺตเร ปติตํ คเหตฺวา ชคฺคาเปสิฯ ทเพฺพ ปติตตฺตา ทโพฺพ มลฺลปุโตฺตติ ปากโฎ อโหสิฯ อปรภาเค ปุพฺพสมฺภารวเสน ปพฺพชิ, โส กมฺมฎฺฐานมนุยุโตฺต นจิรเสฺสว สห ปฎิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิฯ
Catutthāpadāne padumuttaro nāma jinotiādikaṃ āyasmato dabbamallaputtattherassa apadānaṃ. Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayāni puññāni upacinanto padumuttarassa bhagavato kāle haṃsavatīnagare seṭṭhiputto hutvā jāto vibhavasampanno ahosi, satthari pasanno satthu dhammadesanaṃ suṇanto satthāraṃ ekaṃ bhikkhuṃ senāsanapaññāpakānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapentaṃ disvā pasannamānaso buddhappamukhaṃ bhikkhusaṅghaṃ nimantetvā sattāhaṃ mahādānaṃ datvā sattāhaccayena bhagavato pādamūle nipatitvā taṃ ṭhānaṃ patthesi. Bhagavāpissa samijjhanabhāvaṃ ñatvā byākāsi. So yāvajīvaṃ kusalaṃ katvā tato cuto tusitādīsu devesu dibbasampattiṃ anubhavitvā tato cuto vipassissa bhagavato kāle ekasmiṃ kule nibbatto asappurisasaṃsaggena tassa sāvakaṃ bhikkhuṃ arahāti jānantopi abbhūtena abbhācikkhi. Tasseva sāvakānaṃ khīrasalākabhattaṃ adāsi. So yāvatāyukaṃ puññāni katvā devamanussesu saṃsaranto ubhayasampattiyo anubhavitvā kassapadasabalassa kāle kulagehe nibbatto osānakāle sāsane pabbajito parinibbute bhagavati sakalaloke kolāhale jāte satta bhikkhavo pabbajito paccantajanapade vanamajjhe ekaṃ pabbataṃ abhiruhitvā ‘‘jīvitāsā orohantu nirālayā nisīdantū’’ti nisseṇiṃ pātesuṃ. Tesaṃ ovādadāyako jeṭṭhakatthero satthāhabbhantare arahā ahosi. Tadanantaratthero anāgāmī, itare pañca parisuddhasīlā tato cutā devaloke nibbattā. Tattha ekaṃ buddhantaraṃ dibbasukhaṃ anubhavitvā imasmiṃ buddhuppāde pukkusāti (ma. ni. 3.342), sabhiyo (su. ni. sabhiyasutta), bāhiyo (udā. 10), kumārakassapoti (ma. ni. 1.249) ime cattāro tattha tattha nibbattiṃsu. Ayaṃ pana mallaraṭṭhe anupiyanagare nibbatti. Tasmiṃ mātukucchito anikkhanteyeva mātā kālamakāsi, atheko tassā sarīraṃ jhāpanatthāya citakasmiṃ āropetvā kumāraṃ dabbantare patitaṃ gahetvā jaggāpesi. Dabbe patitattā dabbo mallaputtoti pākaṭo ahosi. Aparabhāge pubbasambhāravasena pabbaji, so kammaṭṭhānamanuyutto nacirasseva saha paṭisambhidāhi arahattaṃ pāpuṇi.
อถ นํ สตฺถา มชฺฌตฺตภาเวน อานุภาวสมฺปนฺนภาเวน จ ภิกฺขูนํ เสนาสนํ ปญฺญาปเน ภตฺตุเทฺทสเน จ นิโยเชสิฯ สโพฺพ จ ภิกฺขุสโงฺฆ ตํ สมเนฺนสิฯ ตํ วินยขนฺธเก (จูฬว. ๑๘๙-๑๙๐) อาคตเมวฯ อปรภาเค เถโร เอกสฺส วรสลากทายกสฺส สลากภตฺตํ เมตฺติยภูมชกานํ ภิกฺขูนํ อุทฺทิสิฯ เต หฎฺฐตุฎฺฐา ‘‘เสฺว มยฺหํ มุคฺคฆตมธุมิสฺสกภตฺตํ ภุญฺชิสฺสามา’’ติ อุสฺสาหชาตา อเหสุํฯ โส ปน อุปาสโก เตสํ วารปฺปตฺตภาวํ สุตฺวา ทาสิํ อาณาเปสิ – ‘‘เย, เช, ภิกฺขู เสฺว อิธ อาคมิสฺสนฺติ, เต กณาชเกน พิลงฺคทุติเยน ปริวิสาหี’’ติฯ สาปิ ตเถว เต ภิกฺขู อาคเต โกฎฺฐกปมุเข นิสีทาเปตฺวา โภเชสิฯ เต ภิกฺขู อนตฺตมนา โกเปน ตฎตฎายนฺตา เถเร อาฆาตํ พนฺธิตฺวา ‘‘มธุรภตฺตทายกํ อมฺหากํ อมธุรภตฺตํ ทาเปตุํ เอโสว นิโยเชสี’’ติ ทุกฺขี ทุมฺมนา นิสีทิํสุฯ อถ เต เมตฺติยา นาม ภิกฺขุนี ‘‘กิํ, ภเนฺต, ทุมฺมนา’’ติ ปุจฺฉิฯ เต, ‘‘ภคินิ, กิํ อเมฺห ทเพฺพน มลฺลปุเตฺตน วิเหฐิยมาเน อชฺฌุเปกฺขสี’’ติ อาหํสุฯ ‘‘กิํ, ภเนฺต, มยา สกฺกา กาตุ’’นฺติ? ‘‘ตสฺส โทสํ อาโรเปหี’’ติฯ สา ตตฺถ ตตฺถ เถรสฺส อภูตาโรปนํ อกาสิฯ ตํ สุตฺวา ภิกฺขู ภควโต อาโรเจสุํฯ อถ ภควา ทพฺพํ มลฺลปุตฺตํ ปโกฺกสาเปตฺวา – ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ทพฺพ, เมตฺติยาย ภิกฺขุนิยา วิปฺปการมกาสี’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘ยถา มํ, ภเนฺต, ภควา ชานาตี’’ติฯ ‘‘น โข, ทพฺพ , ทพฺพา เอวํ นิเพฺพเฐนฺติ, การกภาวํ วา อการกภาวํ วา วเทหี’’ติฯ ‘‘อการโก อหํ, ภเนฺต’’ติฯ ภควา – ‘‘เมตฺติยํ ภิกฺขุนิํ นาเสตฺวา เต ภิกฺขู อนุยุญฺชถา’’ติ อาหฯ อุปาลิเตฺถรปฺปมุขา ภิกฺขู ตํ ภิกฺขุนิํ อุปฺปพฺพาเชตฺวา เมตฺติยภูมชเก ภิกฺขู อนุยุญฺชิตฺวา เตหิ ‘‘อเมฺหหิ นิโยชิตา สา ภิกฺขุนี’’ติ วุเตฺต ภควโต เอกมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ภควา เมตฺติยภูมชกานํ ภิกฺขูนํ อมูลกสงฺฆาทิเสสํ ปญฺญเปสิฯ
Atha naṃ satthā majjhattabhāvena ānubhāvasampannabhāvena ca bhikkhūnaṃ senāsanaṃ paññāpane bhattuddesane ca niyojesi. Sabbo ca bhikkhusaṅgho taṃ samannesi. Taṃ vinayakhandhake (cūḷava. 189-190) āgatameva. Aparabhāge thero ekassa varasalākadāyakassa salākabhattaṃ mettiyabhūmajakānaṃ bhikkhūnaṃ uddisi. Te haṭṭhatuṭṭhā ‘‘sve mayhaṃ muggaghatamadhumissakabhattaṃ bhuñjissāmā’’ti ussāhajātā ahesuṃ. So pana upāsako tesaṃ vārappattabhāvaṃ sutvā dāsiṃ āṇāpesi – ‘‘ye, je, bhikkhū sve idha āgamissanti, te kaṇājakena bilaṅgadutiyena parivisāhī’’ti. Sāpi tatheva te bhikkhū āgate koṭṭhakapamukhe nisīdāpetvā bhojesi. Te bhikkhū anattamanā kopena taṭataṭāyantā there āghātaṃ bandhitvā ‘‘madhurabhattadāyakaṃ amhākaṃ amadhurabhattaṃ dāpetuṃ esova niyojesī’’ti dukkhī dummanā nisīdiṃsu. Atha te mettiyā nāma bhikkhunī ‘‘kiṃ, bhante, dummanā’’ti pucchi. Te, ‘‘bhagini, kiṃ amhe dabbena mallaputtena viheṭhiyamāne ajjhupekkhasī’’ti āhaṃsu. ‘‘Kiṃ, bhante, mayā sakkā kātu’’nti? ‘‘Tassa dosaṃ āropehī’’ti. Sā tattha tattha therassa abhūtāropanaṃ akāsi. Taṃ sutvā bhikkhū bhagavato ārocesuṃ. Atha bhagavā dabbaṃ mallaputtaṃ pakkosāpetvā – ‘‘saccaṃ kira tvaṃ, dabba, mettiyāya bhikkhuniyā vippakāramakāsī’’ti pucchi. ‘‘Yathā maṃ, bhante, bhagavā jānātī’’ti. ‘‘Na kho, dabba , dabbā evaṃ nibbeṭhenti, kārakabhāvaṃ vā akārakabhāvaṃ vā vadehī’’ti. ‘‘Akārako ahaṃ, bhante’’ti. Bhagavā – ‘‘mettiyaṃ bhikkhuniṃ nāsetvā te bhikkhū anuyuñjathā’’ti āha. Upālittherappamukhā bhikkhū taṃ bhikkhuniṃ uppabbājetvā mettiyabhūmajake bhikkhū anuyuñjitvā tehi ‘‘amhehi niyojitā sā bhikkhunī’’ti vutte bhagavato ekamatthaṃ ārocesuṃ. Bhagavā mettiyabhūmajakānaṃ bhikkhūnaṃ amūlakasaṅghādisesaṃ paññapesi.
เตน จ สมเยน ทพฺพเตฺถโร ภิกฺขูนํ เสนาสนํ ปญฺญาเปโนฺต เวฬุวนวิหารสฺส สามนฺตา อฎฺฐารสมหาวิหาเร สภาเค ภิกฺขู เปเสโนฺต รตฺติภาเค อนฺธกาเร องฺคุลิยา ปทีปํ ชาเลตฺวา เตเนวาโลเกน อนิทฺธิมเนฺต ภิกฺขู เปเสสิฯ เอวํ เถรสฺส เสนาสนปญฺญาปนภตฺตุเทฺทสนกิเจฺจ ปากเฎ ชาเต สตฺถา อริยคณมเชฺฌ ทพฺพเตฺถรํ ฐานนฺตเร ฐเปโนฺต ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ เสนาสนปญฺญาปกานํ ยทิทํ ทโพฺพ มลฺลปุโตฺต’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๐๙, ๒๑๔) เอตทเคฺค ฐเปสิฯ
Tena ca samayena dabbatthero bhikkhūnaṃ senāsanaṃ paññāpento veḷuvanavihārassa sāmantā aṭṭhārasamahāvihāre sabhāge bhikkhū pesento rattibhāge andhakāre aṅguliyā padīpaṃ jāletvā tenevālokena aniddhimante bhikkhū pesesi. Evaṃ therassa senāsanapaññāpanabhattuddesanakicce pākaṭe jāte satthā ariyagaṇamajjhe dabbattheraṃ ṭhānantare ṭhapento ‘‘etadaggaṃ, bhikkhave, mama sāvakānaṃ bhikkhūnaṃ senāsanapaññāpakānaṃ yadidaṃ dabbo mallaputto’’ti (a. ni. 1.209, 214) etadagge ṭhapesi.
๑๐๘. เถโร อตฺตโน ปุพฺพกมฺมํ สริตฺวา โสมนสฺสชาโต ปุพฺพจริตาปทานํ ปกาเสโนฺต ปทุมุตฺตโร นาม ชิโนติอาทิมาหฯ ตํ สพฺพํ เหฎฺฐา วุตฺตตฺถเมวฯ อิโต เอกนวุเต กเปฺป วิปสฺสี นาม นายโก โลเก อุปฺปชฺชีติ สมฺพโนฺธฯ
108. Thero attano pubbakammaṃ saritvā somanassajāto pubbacaritāpadānaṃ pakāsento padumuttaro nāma jinotiādimāha. Taṃ sabbaṃ heṭṭhā vuttatthameva. Ito ekanavute kappe vipassī nāma nāyako loke uppajjīti sambandho.
๑๒๕. ทุฎฺฐจิโตฺตติ ทูสิตจิโตฺต อสาธุสงฺคเมน อปสนฺนจิโตฺตติ อโตฺถฯ อุปวทิํ สาวกํ ตสฺสาติ ตสฺส ภควโต ขีณาสวํ สาวกํ อุปวทิํ, อุปริ อภูตํ วจนํ อาโรเปสิํ, อพฺภกฺขานํ อกาสินฺติ อโตฺถฯ
125.Duṭṭhacittoti dūsitacitto asādhusaṅgamena apasannacittoti attho. Upavadiṃ sāvakaṃ tassāti tassa bhagavato khīṇāsavaṃ sāvakaṃ upavadiṃ, upari abhūtaṃ vacanaṃ āropesiṃ, abbhakkhānaṃ akāsinti attho.
๑๓๒. ทุนฺทุภิโยติ ทุนฺทุํ อิติ สทฺทายนโต ทุนฺทุภิสงฺขาตา เภริโยฯ นาทยิํสูติ สทฺทํ กริํสุฯ สมนฺตโต อสนิโยติ สพฺพทิสาภาคโต อสเน วินาสเน นิยุโตฺตติ อสนิโย, เทวทณฺฑา ภยาวหา ผลิํสูติ สมฺพโนฺธฯ
132.Dundubhiyoti dunduṃ iti saddāyanato dundubhisaṅkhātā bheriyo. Nādayiṃsūti saddaṃ kariṃsu. Samantato asaniyoti sabbadisābhāgato asane vināsane niyuttoti asaniyo, devadaṇḍā bhayāvahā phaliṃsūti sambandho.
๑๓๓. อุกฺกา ปติํสุ นภสาติ อากาสโต อคฺคิกฺขนฺธา จ ปติํสูติ อโตฺถฯ ธูมเกตุ จ ทิสฺสตีติ ธูมราชิสหิโต อคฺคิกฺขโนฺธ จ ทิสฺสติ ปญฺญายตีติ อโตฺถฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวาติฯ
133.Ukkā patiṃsu nabhasāti ākāsato aggikkhandhā ca patiṃsūti attho. Dhūmaketu ca dissatīti dhūmarājisahito aggikkhandho ca dissati paññāyatīti attho. Sesaṃ suviññeyyamevāti.
ทพฺพมลฺลปุตฺตเตฺถรอปทานวณฺณนา สมตฺตาฯ
Dabbamallaputtattheraapadānavaṇṇanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อปทานปาฬิ • Apadānapāḷi / ๔. ทพฺพมลฺลปุตฺตเตฺถรอปทานํ • 4. Dabbamallaputtattheraapadānaṃ