Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā

    ๕. ทพฺพเตฺถรคาถาวณฺณนา

    5. Dabbattheragāthāvaṇṇanā

    โย ทุทฺทมิโยติ อายสฺมโต ทพฺพเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว ธมฺมเทสนํ สุณโนฺต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ เสนาสนปญฺญาปกานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ ฐานนฺตรํ ปเตฺถตฺวา สตฺถารา พฺยากโต ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุเสฺสสุ สํสริตฺวา กสฺสปทสพลสฺส สาสโนสกฺกนกาเล ปพฺพชิฯ ตทา เตน สทฺธิํ อปเร ฉ ชนาติ สตฺต ภิกฺขู เอกจิตฺตา หุตฺวา อเญฺญ สาสเน อคารวํ กโรเนฺต ทิสฺวา – ‘‘อิธ กิํ กโรม เอกมเนฺต สมณธมฺมํ กตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสามา’’ติ นิเสฺสณิํ พนฺธิตฺวา อุจฺจํ ปพฺพตสิขรํ อารุหิตฺวา, ‘‘อตฺตโน จิตฺตพลํ ชานนฺตา นิเสฺสณิํ นิปาเตนฺตุ, ชีวิเต สาลยา โอตรนฺตุ, มา ปจฺฉานุตปฺปิโน อหุวตฺถา’’ติ วตฺวา สเพฺพ เอกจิตฺตา หุตฺวา นิเสฺสณิํ ปาเตตฺวา – ‘‘อปฺปมตฺตา โหถ, อาวุโส’’ติ อญฺญมญฺญํ โอวทิตฺวา จิตฺตรุจิเกสุ ฐาเนสุ นิสีทิตฺวา สมณธมฺมํ กาตุํ อารภิํสุฯ

    Yo duddamiyoti āyasmato dabbattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi padumuttarabuddhakāle haṃsavatīnagare kulagehe nibbattitvā vayappatto heṭṭhā vuttanayeneva dhammadesanaṃ suṇanto satthāraṃ ekaṃ bhikkhuṃ senāsanapaññāpakānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapentaṃ disvā adhikārakammaṃ katvā taṃ ṭhānantaraṃ patthetvā satthārā byākato yāvajīvaṃ kusalaṃ katvā devamanussesu saṃsaritvā kassapadasabalassa sāsanosakkanakāle pabbaji. Tadā tena saddhiṃ apare cha janāti satta bhikkhū ekacittā hutvā aññe sāsane agāravaṃ karonte disvā – ‘‘idha kiṃ karoma ekamante samaṇadhammaṃ katvā dukkhassantaṃ karissāmā’’ti nisseṇiṃ bandhitvā uccaṃ pabbatasikharaṃ āruhitvā, ‘‘attano cittabalaṃ jānantā nisseṇiṃ nipātentu, jīvite sālayā otarantu, mā pacchānutappino ahuvatthā’’ti vatvā sabbe ekacittā hutvā nisseṇiṃ pātetvā – ‘‘appamattā hotha, āvuso’’ti aññamaññaṃ ovaditvā cittarucikesu ṭhānesu nisīditvā samaṇadhammaṃ kātuṃ ārabhiṃsu.

    ตเตฺรโก เถโร ปญฺจเม ทิวเส อรหตฺตํ ปตฺวา, ‘‘มม กิจฺจํ นิปฺผนฺนํ, อหํ อิมสฺมิํ ฐาเน กิํ กริสฺสามิ’’ติ อิทฺธิยา อุตฺตรกุรุโต ปิณฺฑปาตํ อาหริตฺวา, ‘‘อาวุโส, อิมํ ปิณฺฑปาตํ ปริภุญฺชถ, ภิกฺขาจารกิจฺจํ มมายตฺตํ โหตุ, ตุเมฺห อตฺตโน กมฺมํ กโรถา’’ติ อาหฯ ‘‘กิํ นุ โข มยํ, อาวุโส, นิเสฺสณิํ ปาเตนฺตา เอวํ อโวจุมฺห – ‘โย ปฐมํ ธมฺมํ สจฺฉิกโรติ, โส ภิกฺขํ อาหรตุ, เตนาภตํ เสสา ปริภุญฺชิตฺวา สมณธมฺมํ กริสฺสนฺตี’’’ติฯ ‘‘นตฺถิ, อาวุโส’’ติฯ ตุเมฺห อตฺตโน ปุพฺพเหตุนา ลภิตฺถ, มยมฺปิ สโกฺกนฺตา วฎฺฎสฺสนฺตํ กริสฺสาม, คจฺฉถ ตุเมฺหติฯ เถโร เต สญฺญาเปตุํ อสโกฺกโนฺต ผาสุกฎฺฐาเน ปิณฺฑปาตํ ปริภุญฺชิตฺวา คโต ฯ อปโร เถโร สตฺตเม ทิวเส อนาคามิผลํ ปตฺวา ตโต จุโต สุทฺธาวาสพฺรหฺมโลเก นิพฺพโตฺตฯ อิตเร เถรา ตโต จุตา เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวมนุเสฺสสุ สํสริตฺวา เตสุ เตสุ กุเลสุ นิพฺพตฺตาฯ เอโก คนฺธารรเฎฺฐ ตกฺกสิลานคเร ราชเคเห นิพฺพโตฺต, เอโก มชฺฌนฺติกรเฎฺฐ ปริพฺพาชิกาย กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพโตฺต, เอโก พาหิยรเฎฺฐ กุฎุมฺพิยเคเห นิพฺพโตฺต, เอโก ภิกฺขุนุปสฺสเย ชาโตฯ

    Tatreko thero pañcame divase arahattaṃ patvā, ‘‘mama kiccaṃ nipphannaṃ, ahaṃ imasmiṃ ṭhāne kiṃ karissāmi’’ti iddhiyā uttarakuruto piṇḍapātaṃ āharitvā, ‘‘āvuso, imaṃ piṇḍapātaṃ paribhuñjatha, bhikkhācārakiccaṃ mamāyattaṃ hotu, tumhe attano kammaṃ karothā’’ti āha. ‘‘Kiṃ nu kho mayaṃ, āvuso, nisseṇiṃ pātentā evaṃ avocumha – ‘yo paṭhamaṃ dhammaṃ sacchikaroti, so bhikkhaṃ āharatu, tenābhataṃ sesā paribhuñjitvā samaṇadhammaṃ karissantī’’’ti. ‘‘Natthi, āvuso’’ti. Tumhe attano pubbahetunā labhittha, mayampi sakkontā vaṭṭassantaṃ karissāma, gacchatha tumheti. Thero te saññāpetuṃ asakkonto phāsukaṭṭhāne piṇḍapātaṃ paribhuñjitvā gato . Aparo thero sattame divase anāgāmiphalaṃ patvā tato cuto suddhāvāsabrahmaloke nibbatto. Itare therā tato cutā ekaṃ buddhantaraṃ devamanussesu saṃsaritvā tesu tesu kulesu nibbattā. Eko gandhāraraṭṭhe takkasilānagare rājagehe nibbatto, eko majjhantikaraṭṭhe paribbājikāya kucchimhi nibbatto, eko bāhiyaraṭṭhe kuṭumbiyagehe nibbatto, eko bhikkhunupassaye jāto.

    อยํ ปน ทพฺพเตฺถโร มลฺลรเฎฺฐ อนุปิยนคเร เอกสฺส มลฺลรโญฺญ เคเห ปฎิสนฺธิํ คณฺหิฯ ตสฺส มาตา อุปวิชญฺญา กาลมกาสิ, มตสรีรํ สุสานํ เนตฺวา ทารุจิตกํ อาโรเปตฺวา อคฺคิํ อทํสุฯ ตสฺสา อคฺคิเวคสนฺตตฺตํ อุทรปฎลํ เทฺวธา อโหสิฯ ทารโก อตฺตโน ปุญฺญพเลน อุปฺปติตฺวา เอกสฺมิํ ทพฺพตฺถเมฺภ นิปติฯ ตํ ทารกํ คเหตฺวา อยฺยิกาย อทํสุฯ สา ตสฺส นามํ คณฺหนฺตี ทพฺพตฺถเมฺภ ปติตฺวา ลทฺธชีวิตตฺตา ‘‘ทโพฺพ’’ติสฺส นามํ อกาสิฯ ตสฺส จ สตฺตวสฺสิกกาเล สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆปริวาโร มลฺลรเฎฺฐ จาริกํ จรมาโน อนุปิยมฺพวเน วิหรติฯ ทพฺพกุมาโร สตฺถารํ ทิสฺวา ทสฺสเนเนว ปสีทิตฺวา ปพฺพชิตุกาโม หุตฺวา ‘‘อหํ ทสพลสฺส สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อยฺยิกํ อาปุจฺฉิฯ สา ‘‘สาธุ, ตาตา’’ติ ทพฺพกุมารํ อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘ภเนฺต, อิมํ กุมารํ ปพฺพาเชถา’’ติ อาหฯ สตฺถา อญฺญตรสฺส ภิกฺขุโน สญฺญํ อทาสิ – ‘‘ภิกฺขุ อิมํ ทารกํ ปพฺพาเชหี’’ติฯ โส เถโร สตฺถุ วจนํ สุตฺวา ทพฺพกุมารํ ปพฺพาเชโนฺต ตจปญฺจกกมฺมฎฺฐานํ อาจิกฺขิฯ ปุพฺพเหตุสมฺปโนฺน กตาภินีหาโร สโตฺต ปฐมเกสวฎฺฎิยา โวโรปนกฺขเณ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิ, ทุติยาย เกสวฎฺฎิยา โอโรปิยมานาย สกทาคามิผเล, ตติยาย อนาคามิผเล, สพฺพเกสานํ ปน โอโรปนญฺจ อรหตฺตผลสจฺฉิกิริยา จ อปจฺฉา อปุเร อโหสิฯ สตฺถา มลฺลรเฎฺฐ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา ราชคหํ คนฺตฺวา เวฬุวเน วาสํ กเปฺปสิฯ

    Ayaṃ pana dabbatthero mallaraṭṭhe anupiyanagare ekassa mallarañño gehe paṭisandhiṃ gaṇhi. Tassa mātā upavijaññā kālamakāsi, matasarīraṃ susānaṃ netvā dārucitakaṃ āropetvā aggiṃ adaṃsu. Tassā aggivegasantattaṃ udarapaṭalaṃ dvedhā ahosi. Dārako attano puññabalena uppatitvā ekasmiṃ dabbatthambhe nipati. Taṃ dārakaṃ gahetvā ayyikāya adaṃsu. Sā tassa nāmaṃ gaṇhantī dabbatthambhe patitvā laddhajīvitattā ‘‘dabbo’’tissa nāmaṃ akāsi. Tassa ca sattavassikakāle satthā bhikkhusaṅghaparivāro mallaraṭṭhe cārikaṃ caramāno anupiyambavane viharati. Dabbakumāro satthāraṃ disvā dassaneneva pasīditvā pabbajitukāmo hutvā ‘‘ahaṃ dasabalassa santike pabbajissāmī’’ti ayyikaṃ āpucchi. Sā ‘‘sādhu, tātā’’ti dabbakumāraṃ ādāya satthu santikaṃ gantvā, ‘‘bhante, imaṃ kumāraṃ pabbājethā’’ti āha. Satthā aññatarassa bhikkhuno saññaṃ adāsi – ‘‘bhikkhu imaṃ dārakaṃ pabbājehī’’ti. So thero satthu vacanaṃ sutvā dabbakumāraṃ pabbājento tacapañcakakammaṭṭhānaṃ ācikkhi. Pubbahetusampanno katābhinīhāro satto paṭhamakesavaṭṭiyā voropanakkhaṇe sotāpattiphale patiṭṭhahi, dutiyāya kesavaṭṭiyā oropiyamānāya sakadāgāmiphale, tatiyāya anāgāmiphale, sabbakesānaṃ pana oropanañca arahattaphalasacchikiriyā ca apacchā apure ahosi. Satthā mallaraṭṭhe yathābhirantaṃ viharitvā rājagahaṃ gantvā veḷuvane vāsaṃ kappesi.

    ตตฺรายสฺมา ทโพฺพ มลฺลปุโตฺต รโหคโต อตฺตโน กิจฺจนิปฺผตฺติํ โอโลเกตฺวา สงฺฆสฺส เวยฺยาวจฺจกรเณ กายํ โยเชตุกาโม จิเนฺตสิ – ‘‘ยํนูนาหํ สงฺฆสฺส เสนาสนญฺจ ปญฺญาเปยฺยํ ภตฺตานิ จ อุทฺทิเสยฺย’’นฺติฯ โส สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา อตฺตโน ปริวิตกฺกํ อาโรเจสิฯ สตฺถา ตสฺส สาธุการํ ทตฺวา เสนาสนปญฺญาปกตฺตญฺจ ภตฺตุเทฺทสกตฺตญฺจ สมฺปฎิจฺฉิฯ อถ นํ ‘‘อยํ ทโพฺพ ทหโรว สมาโน มหเนฺต ฐาเน ฐิโต’’ติ สตฺตวสฺสิกกาเลเยว อุปสมฺปาเทสิฯ เถโร อุปสมฺปนฺนกาลโต ปฎฺฐาย ราชคหํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺตานํ สพฺพภิกฺขูนํ เสนาสนานิ จ ปญฺญาเปติ, ภิกฺขญฺจ อุทฺทิสติฯ ตสฺส เสนาสนปญฺญาปกภาโว สพฺพทิสาสุ ปากโฎ อโหสิ – ‘‘ทโพฺพ กิร มลฺลปุโตฺต สภาคสภาคานํ ภิกฺขูนํ เอกฎฺฐาเน เสนาสนานิ ปญฺญาเปติ, อาสเนฺนปิ ทูเรปิ เสนาสนํ ปญฺญาเปติ, คนฺตุํ อสโกฺกเนฺต อิทฺธิยา เนตี’’ติฯ

    Tatrāyasmā dabbo mallaputto rahogato attano kiccanipphattiṃ oloketvā saṅghassa veyyāvaccakaraṇe kāyaṃ yojetukāmo cintesi – ‘‘yaṃnūnāhaṃ saṅghassa senāsanañca paññāpeyyaṃ bhattāni ca uddiseyya’’nti. So satthu santikaṃ gantvā attano parivitakkaṃ ārocesi. Satthā tassa sādhukāraṃ datvā senāsanapaññāpakattañca bhattuddesakattañca sampaṭicchi. Atha naṃ ‘‘ayaṃ dabbo daharova samāno mahante ṭhāne ṭhito’’ti sattavassikakāleyeva upasampādesi. Thero upasampannakālato paṭṭhāya rājagahaṃ upanissāya viharantānaṃ sabbabhikkhūnaṃ senāsanāni ca paññāpeti, bhikkhañca uddisati. Tassa senāsanapaññāpakabhāvo sabbadisāsu pākaṭo ahosi – ‘‘dabbo kira mallaputto sabhāgasabhāgānaṃ bhikkhūnaṃ ekaṭṭhāne senāsanāni paññāpeti, āsannepi dūrepi senāsanaṃ paññāpeti, gantuṃ asakkonte iddhiyā netī’’ti.

    อถ นํ ภิกฺขู กาเลปิ วิกาเลปิ – ‘‘อมฺหากํ, อาวุโส, ชีวกมฺพวเน เสนาสนํ ปญฺญาเปหิ, อมฺหากํ มทฺทกุจฺฉิสฺมิํ มิคทาเย’’ติ เอวํ เสนาสนํ อุทฺทิสาเปตฺวา ตสฺส อิทฺธิํ ปสฺสนฺตา คจฺฉนฺติฯ โสปิ อิทฺธิยา มโนมเย กาเย อภิสงฺขริตฺวา เอเกกสฺส เถรสฺส เอเกกํ อตฺตนา สทิสํ ภิกฺขุํ ทตฺวา องฺคุลิยา ชลมานาย ปุรโต คนฺตฺวา ‘‘อยํ มโญฺจ อิทํ ปีฐ’’นฺติอาทีนิ วตฺวา เสนาสนํ ปญฺญาเปตฺวา ปุน อตฺตโน วสนฎฺฐานเมว อาคจฺฉติ ฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถารโต ปนิทํ วตฺถุ ปาฬิยํ อาคตเมวฯ สตฺถา อิทเมว การณํ อฎฺฐุปฺปตฺติํ กตฺวา อปรภาเค อริยคณมเชฺฌ นิสิโนฺน เถรํ เสนาสนปญฺญาปกานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปสิ – ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ เสนาสนปญฺญาปกานํ ยทิทํ ทโพฺพ มลฺลปุโตฺต’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๐๙; ๒๑๔)ฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๔, ๑๐๘-๑๔๙) –

    Atha naṃ bhikkhū kālepi vikālepi – ‘‘amhākaṃ, āvuso, jīvakambavane senāsanaṃ paññāpehi, amhākaṃ maddakucchismiṃ migadāye’’ti evaṃ senāsanaṃ uddisāpetvā tassa iddhiṃ passantā gacchanti. Sopi iddhiyā manomaye kāye abhisaṅkharitvā ekekassa therassa ekekaṃ attanā sadisaṃ bhikkhuṃ datvā aṅguliyā jalamānāya purato gantvā ‘‘ayaṃ mañco idaṃ pīṭha’’ntiādīni vatvā senāsanaṃ paññāpetvā puna attano vasanaṭṭhānameva āgacchati . Ayamettha saṅkhepo, vitthārato panidaṃ vatthu pāḷiyaṃ āgatameva. Satthā idameva kāraṇaṃ aṭṭhuppattiṃ katvā aparabhāge ariyagaṇamajjhe nisinno theraṃ senāsanapaññāpakānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapesi – ‘‘etadaggaṃ, bhikkhave, mama sāvakānaṃ bhikkhūnaṃ senāsanapaññāpakānaṃ yadidaṃ dabbo mallaputto’’ti (a. ni. 1.209; 214). Vuttampi cetaṃ apadāne (apa. thera 2.54, 108-149) –

    ‘‘ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, สพฺพโลกวิทู มุนิ;

    ‘‘Padumuttaro nāma jino, sabbalokavidū muni;

    อิโต สตสหสฺสมฺหิ, กเปฺป อุปฺปชฺชิ จกฺขุมาฯ

    Ito satasahassamhi, kappe uppajji cakkhumā.

    ‘‘โอวาทโก วิญฺญาปโก, ตารโก สพฺพปาณินํ;

    ‘‘Ovādako viññāpako, tārako sabbapāṇinaṃ;

    เทสนากุสโล พุโทฺธ, ตาเรสิ ชนตํ พหุํฯ

    Desanākusalo buddho, tāresi janataṃ bahuṃ.

    ‘‘อนุกมฺปโก การุณิโก, หิเตสี สพฺพปาณินํ;

    ‘‘Anukampako kāruṇiko, hitesī sabbapāṇinaṃ;

    สมฺปเตฺต ติตฺถิเย สเพฺพ, ปญฺจสีเล ปติฎฺฐปิฯ

    Sampatte titthiye sabbe, pañcasīle patiṭṭhapi.

    ‘‘เอวํ นิรากุลํ อาสิ, สุญฺญตํ ติตฺถิเยหิ จ;

    ‘‘Evaṃ nirākulaṃ āsi, suññataṃ titthiyehi ca;

    วิจิตฺตํ อรหเนฺตหิ, วสีภูเตหิ ตาทิภิฯ

    Vicittaṃ arahantehi, vasībhūtehi tādibhi.

    ‘‘รตนานฎฺฐปญฺญาสํ, อุคฺคโต โส มหามุนิ;

    ‘‘Ratanānaṭṭhapaññāsaṃ, uggato so mahāmuni;

    กญฺจนคฺฆิยสงฺกาโส, พาตฺติํสวรลกฺขโณฯ

    Kañcanagghiyasaṅkāso, bāttiṃsavaralakkhaṇo.

    ‘‘วสฺสสตสหสฺสานิ, อายุ วิชฺชติ ตาวเท;

    ‘‘Vassasatasahassāni, āyu vijjati tāvade;

    ตาวตา ติฎฺฐมาโน โส, ตาเรสิ ชนตํ พหุํฯ

    Tāvatā tiṭṭhamāno so, tāresi janataṃ bahuṃ.

    ‘‘ตทาหํ หํสวติยํ, เสฎฺฐิปุโตฺต มหายโส;

    ‘‘Tadāhaṃ haṃsavatiyaṃ, seṭṭhiputto mahāyaso;

    อุเปตฺวา โลกปโชฺชตํ, อโสฺสสิํ ธมฺมเทสนํฯ

    Upetvā lokapajjotaṃ, assosiṃ dhammadesanaṃ.

    ‘‘เสนาสนานิ ภิกฺขูนํ, ปญฺญาเปนฺตํ สสาวกํ;

    ‘‘Senāsanāni bhikkhūnaṃ, paññāpentaṃ sasāvakaṃ;

    กิตฺตยนฺตสฺส วจนํ, สุณิตฺวา มุทิโต อหํฯ

    Kittayantassa vacanaṃ, suṇitvā mudito ahaṃ.

    ‘‘อธิการํ สสงฺฆสฺส, กตฺวา ตสฺส มเหสิโน;

    ‘‘Adhikāraṃ sasaṅghassa, katvā tassa mahesino;

    นิปจฺจ สิรสา ปาเท, ตํ ฐานมภิปตฺถยิํฯ

    Nipacca sirasā pāde, taṃ ṭhānamabhipatthayiṃ.

    ‘‘ตทาห ส มหาวีโร, มม กมฺมํ ปกิตฺตยํ;

    ‘‘Tadāha sa mahāvīro, mama kammaṃ pakittayaṃ;

    โย สสงฺฆมโภเชสิ, สตฺตาหํ โลกนายกํฯ

    Yo sasaṅghamabhojesi, sattāhaṃ lokanāyakaṃ.

    ‘‘โสยํ กมลปตฺตโกฺข, สีหํโส กนกตฺตโจ;

    ‘‘Soyaṃ kamalapattakkho, sīhaṃso kanakattaco;

    มม ปาทมูเล นิปติ, ปตฺถยํ ฐานมุตฺตมํฯ

    Mama pādamūle nipati, patthayaṃ ṭhānamuttamaṃ.

    ‘‘สตสหสฺสิโต กเปฺป, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

    ‘‘Satasahassito kappe, okkākakulasambhavo;

    โคตโม นาม โคเตฺตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติฯ

    Gotamo nāma gottena, satthā loke bhavissati.

    ‘‘สาวโก ตสฺส พุทฺธสฺส, ทโพฺพ นาเมน วิสฺสุโต;

    ‘‘Sāvako tassa buddhassa, dabbo nāmena vissuto;

    เสนาสนปญฺญาปโก, อโคฺค เหสฺสติยํ ตทาฯ

    Senāsanapaññāpako, aggo hessatiyaṃ tadā.

    ‘‘เตน กเมฺมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

    ‘‘Tena kammena sukatena, cetanāpaṇidhīhi ca;

    ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวติํสมคจฺฉหํฯ

    Jahitvā mānusaṃ dehaṃ, tāvatiṃsamagacchahaṃ.

    ‘‘สตานํ ตีณิกฺขตฺตุญฺจ, เทวรชฺชมการยิํ;

    ‘‘Satānaṃ tīṇikkhattuñca, devarajjamakārayiṃ;

    สตานํ ปญฺจกฺขตฺตุญฺจ, จกฺกวตฺตี อโหสหํฯ

    Satānaṃ pañcakkhattuñca, cakkavattī ahosahaṃ.

    ‘‘ปเทสรชฺชํ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํ;

    ‘‘Padesarajjaṃ vipulaṃ, gaṇanāto asaṅkhiyaṃ;

    สพฺพตฺถ สุขิโต อาสิํ, ตสฺส กมฺมสฺส วาหสาฯ

    Sabbattha sukhito āsiṃ, tassa kammassa vāhasā.

    ‘‘เอกนวุติโต กเปฺป, วิปสฺสี นาม นายโก;

    ‘‘Ekanavutito kappe, vipassī nāma nāyako;

    อุปฺปชฺชิ จารุทสฺสโน, สพฺพธมฺมวิปสฺสโกฯ

    Uppajji cārudassano, sabbadhammavipassako.

    ‘‘ทุฎฺฐจิโตฺต อุปวทิํ, สาวกํ ตสฺส ตาทิโน;

    ‘‘Duṭṭhacitto upavadiṃ, sāvakaṃ tassa tādino;

    สพฺพาสวปริกฺขีณํ, สุโทฺธติ จ วิชานิยฯ

    Sabbāsavaparikkhīṇaṃ, suddhoti ca vijāniya.

    ‘‘ตเสฺสว นรวีรสฺส, สาวกานํ มเหสินํ;

    ‘‘Tasseva naravīrassa, sāvakānaṃ mahesinaṃ;

    สลากญฺจ คเหตฺวาน, ขีโรทนมทาสหํฯ

    Salākañca gahetvāna, khīrodanamadāsahaṃ.

    ‘‘อิมมฺหิ ภทฺทเก กเปฺป, พฺรหฺมพนฺธุ มหายโส;

    ‘‘Imamhi bhaddake kappe, brahmabandhu mahāyaso;

    กสฺสโป นาม โคเตฺตน, อุปฺปชฺชิ วทตํ วโรฯ

    Kassapo nāma gottena, uppajji vadataṃ varo.

    ‘‘สาสนํ โชตยิตฺวาน, อภิภุยฺย กุติตฺถิเย;

    ‘‘Sāsanaṃ jotayitvāna, abhibhuyya kutitthiye;

    วิเนเยฺย วินยิตฺวาว, นิพฺพุโต โส สสาวโกฯ

    Vineyye vinayitvāva, nibbuto so sasāvako.

    ‘‘สสิเสฺส นิพฺพุเต นาเถ, อตฺถเมนฺตมฺหิ สาสเน;

    ‘‘Sasisse nibbute nāthe, atthamentamhi sāsane;

    เทวา กนฺทิํสุ สํวิคฺคา, มุตฺตเกสา รุทมฺมุขาฯ

    Devā kandiṃsu saṃviggā, muttakesā rudammukhā.

    ‘‘นิพฺพายิสฺสติ ธมฺมโกฺข, น ปสฺสิสาม สุพฺพเต;

    ‘‘Nibbāyissati dhammakkho, na passisāma subbate;

    น สุณิสฺสาม สทฺธมฺมํ, อโห โน อปฺปปุญฺญตาฯ

    Na suṇissāma saddhammaṃ, aho no appapuññatā.

    ‘‘ตทายํ ปถวี สพฺพา, อจลา สา จลาจลา;

    ‘‘Tadāyaṃ pathavī sabbā, acalā sā calācalā;

    สาคโร จ สโสโกว, วินที กรุณํ คิรํฯ

    Sāgaro ca sasokova, vinadī karuṇaṃ giraṃ.

    ‘‘จตุทฺทิสา ทุนฺทุภิโย, นาทยิํสุ อมานุสา;

    ‘‘Catuddisā dundubhiyo, nādayiṃsu amānusā;

    สมนฺตโต อสนิโย, ผลิํสุ จ ภยาวหาฯ

    Samantato asaniyo, phaliṃsu ca bhayāvahā.

    ‘‘อุกฺกา ปติํสุ นภสา, ธูมเกตุ จ ทิสฺสติ;

    ‘‘Ukkā patiṃsu nabhasā, dhūmaketu ca dissati;

    สธูมา ชาลวฎฺฎา จ, รวิํสุ กรุณํ มิคาฯ

    Sadhūmā jālavaṭṭā ca, raviṃsu karuṇaṃ migā.

    ‘‘อุปฺปาเท ทารุเณ ทิสฺวา, สาสนตฺถงฺคสูจเก;

    ‘‘Uppāde dāruṇe disvā, sāsanatthaṅgasūcake;

    สํวิคฺคา ภิกฺขโว สตฺต, จินฺตยิมฺห มยํ ตทาฯ

    Saṃviggā bhikkhavo satta, cintayimha mayaṃ tadā.

    ‘‘สาสเนน วินามฺหากํ, ชีวิเตน อลํ มยํ;

    ‘‘Sāsanena vināmhākaṃ, jīvitena alaṃ mayaṃ;

    ปวิสิตฺวา มหารญฺญํ, ยุญฺชาม ชินสาสเนฯ

    Pavisitvā mahāraññaṃ, yuñjāma jinasāsane.

    ‘‘อทฺทสมฺห ตทารเญฺญ, อุพฺพิทฺธํ เสลมุตฺตมํ;

    ‘‘Addasamha tadāraññe, ubbiddhaṃ selamuttamaṃ;

    นิเสฺสณิยา ตมารุยฺห, นิเสฺสณิํ ปาตยิมฺหเสฯ

    Nisseṇiyā tamāruyha, nisseṇiṃ pātayimhase.

    ‘‘ตทา โอวทิ โน เถโร, พุทฺธุปฺปาโท สุทุลฺลโภ;

    ‘‘Tadā ovadi no thero, buddhuppādo sudullabho;

    สทฺธาติทุลฺลภา ลทฺธา, โถกํ เสสญฺจ สาสนํฯ

    Saddhātidullabhā laddhā, thokaṃ sesañca sāsanaṃ.

    ‘‘นิปตนฺติ ขณาตีตา, อนเนฺต ทุกฺขสาคเร;

    ‘‘Nipatanti khaṇātītā, anante dukkhasāgare;

    ตสฺมา ปโยโค กตฺตโพฺพ, ยาว ฐาติ มุเน มตํฯ

    Tasmā payogo kattabbo, yāva ṭhāti mune mataṃ.

    ‘‘อรหา อาสิ โส เถโร, อนาคามี ตทานุโค;

    ‘‘Arahā āsi so thero, anāgāmī tadānugo;

    สุสีลา อิตเร ยุตฺตา, เทวโลกํ อคมฺหเสฯ

    Susīlā itare yuttā, devalokaṃ agamhase.

    ‘‘นิพฺพุโต ติณฺณสํสาโร, สุทฺธาวาเส จ เอกโก;

    ‘‘Nibbuto tiṇṇasaṃsāro, suddhāvāse ca ekako;

    อหญฺจ ปกฺกุสาติ จ, สภิโย พาหิโย ตถาฯ

    Ahañca pakkusāti ca, sabhiyo bāhiyo tathā.

    ‘‘กุมารกสฺสโป, เจว, ตตฺถ ตตฺถูปคา มยํ;

    ‘‘Kumārakassapo, ceva, tattha tatthūpagā mayaṃ;

    สํสารพนฺธนา มุตฺตา, โคตเมนานุกมฺปิตาฯ

    Saṃsārabandhanā muttā, gotamenānukampitā.

    ‘‘มเลฺลสุ กุสินารายํ, คเพฺภ ชาตสฺส เม สโต;

    ‘‘Mallesu kusinārāyaṃ, gabbhe jātassa me sato;

    มาตา มตา จิตารุฬฺหา, ตโต นิปฺปติโต อหํฯ

    Mātā matā citāruḷhā, tato nippatito ahaṃ.

    ‘‘ปติโต ทพฺพปุญฺชมฺหิ, ตโต ทโพฺพติ วิสฺสุโต;

    ‘‘Patito dabbapuñjamhi, tato dabboti vissuto;

    พฺรหฺมจารีพเลนาหํ, วิมุโตฺต สตฺตวสฺสิโกฯ

    Brahmacārībalenāhaṃ, vimutto sattavassiko.

    ‘‘ขีโรทนพเลนาหํ , ปญฺจหเงฺคหุปาคโต;

    ‘‘Khīrodanabalenāhaṃ , pañcahaṅgehupāgato;

    ขีณาสโวปวาเทน, ปาเปหิ พหุ โจทิโตฯ

    Khīṇāsavopavādena, pāpehi bahu codito.

    ‘‘อุโภ ปุญฺญญฺจ ปาปญฺจ, วีติวโตฺตมฺหิ ทานิหํ;

    ‘‘Ubho puññañca pāpañca, vītivattomhi dānihaṃ;

    ปตฺวาน ปรมํ สนฺติํ, วิหรามิ อนาสโวฯ

    Patvāna paramaṃ santiṃ, viharāmi anāsavo.

    ‘‘เสนาสนํ ปญฺญาปยิํ, หาสยิตฺวาน สุพฺพเต;

    ‘‘Senāsanaṃ paññāpayiṃ, hāsayitvāna subbate;

    ชิโน ตสฺมิํ คุเณ ตุโฎฺฐ, เอตทเคฺค ฐเปสิ มํฯ

    Jino tasmiṃ guṇe tuṭṭho, etadagge ṭhapesi maṃ.

    ‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ, ภวา สเพฺพ สมูหตา;

    ‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ, bhavā sabbe samūhatā;

    นาโคว พนฺธนํ เฉตฺวา, วิหรามิ อนาสโวฯ

    Nāgova bandhanaṃ chetvā, viharāmi anāsavo.

    ‘‘สฺวาคตํ วต เม อาสิ, พุทฺธเสฎฺฐสฺส สนฺติเก;

    ‘‘Svāgataṃ vata me āsi, buddhaseṭṭhassa santike;

    ติโสฺส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสนํฯ

    Tisso vijjā anuppattā, kataṃ buddhassa sāsanaṃ.

    ‘‘ปฎิสมฺภิทา จตโสฺส…เป.…กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ

    ‘‘Paṭisambhidā catasso…pe…kataṃ buddhassa sāsana’’nti.

    เอวํภูตํ ปน ตํ เยน ปุเพฺพ เอกสฺส ขีณาสวเตฺถรสฺส อนุทฺธํสนวเสน กเตน ปาปกเมฺมน พหูนิ วสฺสสตสหสฺสานิ นิรเย ปจฺจิ, ตาย เอว กมฺมปิโลติกาย โจทิยมานา เมตฺติยภูมชกา ภิกฺขู ‘‘อิมินา มยํ กลฺยาณภตฺติกสฺส คหปติโน อนฺตเร ปริเภทิตา’’ติ ทุคฺคหิตคาหิโน อมูลเกน ปาราชิเกน ธเมฺมน อนุทฺธํเสสุํฯ ตสฺมิญฺจ อธิกรเณ สเงฺฆน สติวินเยน วูปสมิเต อยํ เถโร โลกานุกมฺปาย อตฺตโน คุเณ วิภาเวโนฺต ‘‘โย ทุทฺทมิโย’’ติ อิมํ คาถํ อภาสิฯ

    Evaṃbhūtaṃ pana taṃ yena pubbe ekassa khīṇāsavattherassa anuddhaṃsanavasena katena pāpakammena bahūni vassasatasahassāni niraye pacci, tāya eva kammapilotikāya codiyamānā mettiyabhūmajakā bhikkhū ‘‘iminā mayaṃ kalyāṇabhattikassa gahapatino antare paribheditā’’ti duggahitagāhino amūlakena pārājikena dhammena anuddhaṃsesuṃ. Tasmiñca adhikaraṇe saṅghena sativinayena vūpasamite ayaṃ thero lokānukampāya attano guṇe vibhāvento ‘‘yo duddamiyo’’ti imaṃ gāthaṃ abhāsi.

    . ตตฺถ โยติ อนิยมิตนิเทฺทโส, ตสฺส ‘‘โส’’ติ อิมินา นิยมตฺตํ ทฎฺฐพฺพํฯ อุภเยนปิ อญฺญํ วิย กตฺวา อตฺตานเมว วทติฯ ทุทฺทมิโยติ ทุทฺทโม, ทเมตุํ อสกฺกุเณโยฺยฯ อิทญฺจ อตฺตโน ปุถุชฺชนกาเล ทิฎฺฐิคตานํ วิสูกายิกานํ กิเลสานํ มทาเลปจิตฺตสฺส วิปฺผนฺทิตํ อินฺทฺริยานํ อวูปสมนญฺจ จิเนฺตตฺวา วทติฯ ทเมนาติ อุตฺตเมน อคฺคมคฺคทเมน, เตน หิ ทโนฺต ปุน ทเมตพฺพตาภาวโต ‘‘ทโนฺต’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหติ, น อเญฺญนฯ อถ วา ทเมนาติ ทมเกน ปุริสทมฺมสารถินา ทมิโต ฯ ทโพฺพติ ทฺรโพฺย, ภโพฺพติ อโตฺถฯ เตนาห ภควา อิมเมว เถรํ สนฺธาย – ‘‘น โข, ทพฺพ, ทพฺพา เอวํ นิเพฺพเฐนฺตี’’ติ (ปารา. ๓๘๔; จูฬว. ๑๙๓) ฯ สนฺตุสิโตติ ยถาลทฺธปจฺจยสโนฺตเสน ฌานสมาปตฺติสโนฺตเสน มคฺคผลสโนฺตเสน จ สนฺตุโฎฺฐฯ วิติณฺณกโงฺขติ โสฬสวตฺถุกาย อฎฺฐวตฺถุกาย จ กงฺขาย ปฐมมเคฺคเนว สมุคฺฆาฎิตตฺตา วิคตกโงฺขฯ วิชิตาวีติ ปุริสาชานีเยน วิเชตพฺพสฺส สพฺพสฺสปิ สํกิเลสปกฺขสฺส วิชิตตฺตา วิธมิตตฺตา วิชิตาวีฯ อเปตเภรโวติ ปญฺจวีสติยา ภยานํ สพฺพโส อเปตตฺตา อปคตเภรโว อภยูปรโต ฯ ปุน ทโพฺพติ นามกิตฺตนํฯ ปรินิพฺพุโตติ เทฺว ปรินิพฺพานานิ กิเลสปรินิพฺพานญฺจ, ยา สอุปาทิเสสนิพฺพานธาตุ, ขนฺธปรินิพฺพานญฺจ, ยา อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุฯ เตสุ อิธ กิเลสปรินิพฺพานํ อธิเปฺปตํ, ตสฺมา ปหาตพฺพธมฺมานํ มเคฺคน สพฺพโส ปหีนตฺตา กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพุโตติ อโตฺถฯ ฐิตโตฺตติ ฐิตสภาโว อจโล อิฎฺฐาทีสุ ตาทิภาวปฺปตฺติยา โลกธเมฺมหิ อกมฺปนีโยฯ หีติ จ เหตุอเตฺถ นิปาโต, เตน โย ปุเพฺพ ทุทฺทโม หุตฺวา ฐิโต ยสฺมา ทพฺพตฺตา สตฺถารา อุตฺตเมน ทเมน ทมิโต สนฺตุสิโต วิติณฺณกโงฺข วิชิตาวี อเปตเภรโว, ตสฺมา โส ทโพฺพ ปรินิพฺพุโต ตโตเยว จ ฐิตโตฺต, เอวํภูเต จ ตสฺมิํ จิตฺตปสาโทว กาตโพฺพ, น ปสาทญฺญถตฺตนฺติ ปรเนยฺยพุทฺธิเก สเตฺต อนุกมฺปโนฺต เถโร อญฺญํ พฺยากาสิฯ

    5. Tattha yoti aniyamitaniddeso, tassa ‘‘so’’ti iminā niyamattaṃ daṭṭhabbaṃ. Ubhayenapi aññaṃ viya katvā attānameva vadati. Duddamiyoti duddamo, dametuṃ asakkuṇeyyo. Idañca attano puthujjanakāle diṭṭhigatānaṃ visūkāyikānaṃ kilesānaṃ madālepacittassa vipphanditaṃ indriyānaṃ avūpasamanañca cintetvā vadati. Damenāti uttamena aggamaggadamena, tena hi danto puna dametabbatābhāvato ‘‘danto’’ti vattabbataṃ arahati, na aññena. Atha vā damenāti damakena purisadammasārathinā damito . Dabboti drabyo, bhabboti attho. Tenāha bhagavā imameva theraṃ sandhāya – ‘‘na kho, dabba, dabbā evaṃ nibbeṭhentī’’ti (pārā. 384; cūḷava. 193) . Santusitoti yathāladdhapaccayasantosena jhānasamāpattisantosena maggaphalasantosena ca santuṭṭho. Vitiṇṇakaṅkhoti soḷasavatthukāya aṭṭhavatthukāya ca kaṅkhāya paṭhamamaggeneva samugghāṭitattā vigatakaṅkho. Vijitāvīti purisājānīyena vijetabbassa sabbassapi saṃkilesapakkhassa vijitattā vidhamitattā vijitāvī. Apetabheravoti pañcavīsatiyā bhayānaṃ sabbaso apetattā apagatabheravo abhayūparato . Puna dabboti nāmakittanaṃ. Parinibbutoti dve parinibbānāni kilesaparinibbānañca, yā saupādisesanibbānadhātu, khandhaparinibbānañca, yā anupādisesanibbānadhātu. Tesu idha kilesaparinibbānaṃ adhippetaṃ, tasmā pahātabbadhammānaṃ maggena sabbaso pahīnattā kilesaparinibbānena parinibbutoti attho. Ṭhitattoti ṭhitasabhāvo acalo iṭṭhādīsu tādibhāvappattiyā lokadhammehi akampanīyo. ti ca hetuatthe nipāto, tena yo pubbe duddamo hutvā ṭhito yasmā dabbattā satthārā uttamena damena damito santusito vitiṇṇakaṅkho vijitāvī apetabheravo, tasmā so dabbo parinibbuto tatoyeva ca ṭhitatto, evaṃbhūte ca tasmiṃ cittapasādova kātabbo, na pasādaññathattanti paraneyyabuddhike satte anukampanto thero aññaṃ byākāsi.

    ทพฺพเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dabbattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๕. ทพฺพเตฺถรคาถา • 5. Dabbattheragāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact