Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๑๗๒] ๒. ททฺทรชาตกวณฺณนา
[172] 2. Daddarajātakavaṇṇanā
โก นุ สเทฺทน มหตาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต โกกาลิกํ อารพฺภ กเถสิฯ ตสฺมิญฺหิ กาเล พหู พหุสฺสุตา ภิกฺขู มโนสิลาตเล นทมานา ตรุณสีหา วิย อากาสคงฺคํ โอตาเรนฺตา วิย สงฺฆมเชฺฌ สรภาณํ ภณนฺติฯ โกกาลิโก เตสุ สรภาณํ ภณเนฺตสุ อตฺตโน ตุจฺฉภาวํ อชานิตฺวาว ‘‘อหมฺปิ สรภาณํ ภณิสฺสามี’’ติ ภิกฺขูนํ อนฺตรํ ปวิสิตฺวา ‘‘อมฺหากํ สรภาณํ น ปาเปนฺติฯ สเจ อมฺหากมฺปิ ปาเปยฺยุํ, มยมฺปิ ภเณยฺยามา’’ติ ภิกฺขุสงฺฆสฺส นามํ อคฺคเหตฺวาว ตตฺถ ตตฺถ กเถโนฺต อาหิณฺฑติฯ ตสฺส สา กถา ภิกฺขุสเงฺฆ ปากฎา ชาตาฯ ภิกฺขู ‘‘วีมํสิสฺสาม ตาว น’’นฺติ สญฺญาย เอวมาหํสุ – ‘‘อาวุโส โกกาลิก, อชฺช สงฺฆสฺส สรภาณํ ภณาหี’’ติฯ โส อตฺตโน พลํ อชานิตฺวาว ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ‘‘อชฺช สรภาณํ ภณิสฺสามี’’ติ อตฺตโน สปฺปายํ ยาคุํ ปิวิ, ขชฺชกํ ขาทิ, สปฺปาเยเนว สูเปน ภุญฺชิฯ
Ko nu saddena mahatāti idaṃ satthā jetavane viharanto kokālikaṃ ārabbha kathesi. Tasmiñhi kāle bahū bahussutā bhikkhū manosilātale nadamānā taruṇasīhā viya ākāsagaṅgaṃ otārentā viya saṅghamajjhe sarabhāṇaṃ bhaṇanti. Kokāliko tesu sarabhāṇaṃ bhaṇantesu attano tucchabhāvaṃ ajānitvāva ‘‘ahampi sarabhāṇaṃ bhaṇissāmī’’ti bhikkhūnaṃ antaraṃ pavisitvā ‘‘amhākaṃ sarabhāṇaṃ na pāpenti. Sace amhākampi pāpeyyuṃ, mayampi bhaṇeyyāmā’’ti bhikkhusaṅghassa nāmaṃ aggahetvāva tattha tattha kathento āhiṇḍati. Tassa sā kathā bhikkhusaṅghe pākaṭā jātā. Bhikkhū ‘‘vīmaṃsissāma tāva na’’nti saññāya evamāhaṃsu – ‘‘āvuso kokālika, ajja saṅghassa sarabhāṇaṃ bhaṇāhī’’ti. So attano balaṃ ajānitvāva ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchitvā ‘‘ajja sarabhāṇaṃ bhaṇissāmī’’ti attano sappāyaṃ yāguṃ pivi, khajjakaṃ khādi, sappāyeneva sūpena bhuñji.
สูริเย อตฺถงฺคเต ธมฺมสฺสวนกาเล โฆสิเต ภิกฺขุสโงฺฆ สนฺนิปติฯ โส กณฺฎกุรณฺฑกวณฺณํ กาสาวํ นิวาเสตฺวา กณิการปุปฺผวณฺณํ จีวรํ ปารุปิตฺวา สงฺฆมชฺฌํ ปวิสิตฺวา เถเร วนฺทิตฺวา อลงฺกตรตนมณฺฑเป ปญฺญตฺตวรธมฺมาสนํ อภิรุหิตฺวา จิตฺรพีชนิํ คเหตฺวา ‘‘สรภาณํ ภณิสฺสามี’’ติ นิสีทิ, ตาวเทวสฺส สรีรา เสทา มุจฺจิํสุ, สารชฺชํ โอกฺกมิ, ปุพฺพคาถาย ปฐมํ ปทํ อุทาหริตฺวา อนนฺตรํ น ปสฺสิฯ โส กมฺปมาโน อาสนา โอรุยฺห ลชฺชิโต สงฺฆมชฺฌโต อปกฺกมฺม อตฺตโน ปริเวณํ อคมาสิฯ อโญฺญ พหุสฺสุโต ภิกฺขุ สรภาณํ ภณิฯ ตโต ปฎฺฐาย ภิกฺขู ตสฺส ตุจฺฉภาวํ ชานิํสุฯ อเถกทิวสํ ธมฺมสภายํ ภิกฺขู กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, ปฐมํ โกกาลิกสฺส ตุจฺฉภาโว ทุชฺชาโน, อิทานิ ปเนส สยํ นทิตฺวา ปากโฎ ชาโต’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, โกกาลิโก อิทาเนว นทิตฺวา ปากโฎ ชาโต, ปุเพฺพปิ นทิตฺวา ปากโฎ อโหสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Sūriye atthaṅgate dhammassavanakāle ghosite bhikkhusaṅgho sannipati. So kaṇṭakuraṇḍakavaṇṇaṃ kāsāvaṃ nivāsetvā kaṇikārapupphavaṇṇaṃ cīvaraṃ pārupitvā saṅghamajjhaṃ pavisitvā there vanditvā alaṅkataratanamaṇḍape paññattavaradhammāsanaṃ abhiruhitvā citrabījaniṃ gahetvā ‘‘sarabhāṇaṃ bhaṇissāmī’’ti nisīdi, tāvadevassa sarīrā sedā mucciṃsu, sārajjaṃ okkami, pubbagāthāya paṭhamaṃ padaṃ udāharitvā anantaraṃ na passi. So kampamāno āsanā oruyha lajjito saṅghamajjhato apakkamma attano pariveṇaṃ agamāsi. Añño bahussuto bhikkhu sarabhāṇaṃ bhaṇi. Tato paṭṭhāya bhikkhū tassa tucchabhāvaṃ jāniṃsu. Athekadivasaṃ dhammasabhāyaṃ bhikkhū kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ – ‘‘āvuso, paṭhamaṃ kokālikassa tucchabhāvo dujjāno, idāni panesa sayaṃ naditvā pākaṭo jāto’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, kokāliko idāneva naditvā pākaṭo jāto, pubbepi naditvā pākaṭo ahosī’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต หิมวนฺตปเทเส สีหโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา พหูนํ สีหานํ ราชา อโหสิฯ โส อเนกสีหปริวาโร รชตคุหายํ วาสํ กเปฺปสิฯ ตสฺส อวิทูเร เอกิสฺสาย คุหาย เอโก สิงฺคาโลปิ วสติฯ อเถกทิวสํ เทเว วสฺสิตฺวา วิคเต สเพฺพ สีหา สีหราชเสฺสว คุหทฺวาเร สนฺนิปติตฺวา สีหนาทํ นทนฺตา สีหกีฬํ กีฬิํสุฯ เตสํ เอวํ นทิตฺวา กีฬนกาเล โสปิ สิงฺคาโล นทติฯ สีหา ตสฺส สทฺทํ สุตฺวา ‘‘อยํ สิงฺคาโล อเมฺหหิ สทฺธิํ นทตี’’ติ ลชฺชิตา ตุณฺหี อเหสุํฯ เตสํ ตุณฺหีภูตกาเล โพธิสตฺตสฺส ปุโตฺต สีหโปตโก ‘‘ตาต, อิเม สีหา นทิตฺวา สีหกีฬํ กีฬนฺตา เอตสฺส สทฺทํ สุตฺวา ลชฺชาย ตุณฺหี ชาตา, โก นาเมส อตฺตโน สเทฺทน อตฺตานํ ชานาเปตี’’ติ ปิตรํ ปุจฺฉโนฺต ปฐมํ คาถมาห –
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto himavantapadese sīhayoniyaṃ nibbattitvā bahūnaṃ sīhānaṃ rājā ahosi. So anekasīhaparivāro rajataguhāyaṃ vāsaṃ kappesi. Tassa avidūre ekissāya guhāya eko siṅgālopi vasati. Athekadivasaṃ deve vassitvā vigate sabbe sīhā sīharājasseva guhadvāre sannipatitvā sīhanādaṃ nadantā sīhakīḷaṃ kīḷiṃsu. Tesaṃ evaṃ naditvā kīḷanakāle sopi siṅgālo nadati. Sīhā tassa saddaṃ sutvā ‘‘ayaṃ siṅgālo amhehi saddhiṃ nadatī’’ti lajjitā tuṇhī ahesuṃ. Tesaṃ tuṇhībhūtakāle bodhisattassa putto sīhapotako ‘‘tāta, ime sīhā naditvā sīhakīḷaṃ kīḷantā etassa saddaṃ sutvā lajjāya tuṇhī jātā, ko nāmesa attano saddena attānaṃ jānāpetī’’ti pitaraṃ pucchanto paṭhamaṃ gāthamāha –
๔๓.
43.
‘‘โก นุ สเทฺทน มหตา, อภินาเทติ ททฺทรํ;
‘‘Ko nu saddena mahatā, abhinādeti daddaraṃ;
ตํ สีหา นปฺปฎินทนฺติ, โก นาเมโส มิคาธิภู’’ติฯ
Taṃ sīhā nappaṭinadanti, ko nāmeso migādhibhū’’ti.
ตตฺถ อภินาเทติ ททฺทรนฺติ ททฺทรํ รชตปพฺพตํ เอกนาทํ กโรติฯ มิคาธิภูติ ปิตรํ อาลปติฯ อยเญฺหตฺถ อโตฺถ – มิคาธิภู มิคเชฎฺฐก สีหราช ปุจฺฉามิ ตํ ‘‘โก นาเมโส’’ติฯ
Tattha abhinādeti daddaranti daddaraṃ rajatapabbataṃ ekanādaṃ karoti. Migādhibhūti pitaraṃ ālapati. Ayañhettha attho – migādhibhū migajeṭṭhaka sīharāja pucchāmi taṃ ‘‘ko nāmeso’’ti.
อถสฺส วจนํ สุตฺวา ปิตา ทุติยํ คาถมาห –
Athassa vacanaṃ sutvā pitā dutiyaṃ gāthamāha –
๔๔.
44.
‘‘อธโม มิคชาตานํ, สิงฺคาโล ตาต วสฺสติ;
‘‘Adhamo migajātānaṃ, siṅgālo tāta vassati;
ชาติมสฺส ชิคุจฺฉนฺตา, ตุณฺหี สีหา สมจฺจเร’’ติฯ
Jātimassa jigucchantā, tuṇhī sīhā samaccare’’ti.
ตตฺถ สมจฺจเรติ สนฺติ อุปสคฺคมตฺตํ, อจฺจนฺตีติ อโตฺถ, ตุณฺหี หุตฺวา นิสีทนฺตีติ วุตฺตํ โหติฯ โปตฺถเกสุ ปน ‘‘สมจฺฉเร’’ติ ลิขนฺติฯ
Tattha samaccareti santi upasaggamattaṃ, accantīti attho, tuṇhī hutvā nisīdantīti vuttaṃ hoti. Potthakesu pana ‘‘samacchare’’ti likhanti.
สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, โกกาลิโก อิทาเนว อตฺตโน นาเทน อตฺตานํ ปากฎํ กโรติ, ปุเพฺพปิ อกาสิเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สิงฺคาโล โกกาลิโก อโหสิ, สีหโปตโก ราหุโล, สีหราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā ‘‘na, bhikkhave, kokāliko idāneva attano nādena attānaṃ pākaṭaṃ karoti, pubbepi akāsiyevā’’ti vatvā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā siṅgālo kokāliko ahosi, sīhapotako rāhulo, sīharājā pana ahameva ahosi’’nti.
ททฺทรชาตกวณฺณนา ทุติยาฯ
Daddarajātakavaṇṇanā dutiyā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๑๗๒. ททฺทรชาตกํ • 172. Daddarajātakaṃ