Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๓๐๔] ๔. ททฺทรชาตกวณฺณนา

    [304] 4. Daddarajātakavaṇṇanā

    อิมานิ มนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เอกํ โกธนํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิฯ วตฺถุ เหฎฺฐา กถิตเมวฯ ตทา หิ ธมฺมสภายํ ตสฺส โกธนภาวกถาย สมุฎฺฐิตาย สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ตํ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ โกธโนสี’’ติ วตฺวา ‘‘อาม, ภเนฺต’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว , อิทาเนว, ปุเพฺพเปส โกธโนเยว, โกธนภาเวเนวสฺส โปราณกปณฺฑิตา ปริสุทฺธา นาคราชภาเว ฐิตาปิ ตีณิ วสฺสานิ คูถปูริตาย อุกฺการภูมิยํ วสิํสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Imāni manti idaṃ satthā jetavane viharanto ekaṃ kodhanaṃ bhikkhuṃ ārabbha kathesi. Vatthu heṭṭhā kathitameva. Tadā hi dhammasabhāyaṃ tassa kodhanabhāvakathāya samuṭṭhitāya satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte taṃ pakkosāpetvā ‘‘saccaṃ kira tvaṃ bhikkhu kodhanosī’’ti vatvā ‘‘āma, bhante’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave , idāneva, pubbepesa kodhanoyeva, kodhanabhāvenevassa porāṇakapaṇḍitā parisuddhā nāgarājabhāve ṭhitāpi tīṇi vassāni gūthapūritāya ukkārabhūmiyaṃ vasiṃsū’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต หิมวนฺตปเทเส ททฺทรปพฺพตปาเท ททฺทรนาคภวนํ นาม อตฺถิ, ตตฺถ รชฺชํ กาเรนฺตสฺส ททฺทรรโญฺญ ปุโตฺต มหาททฺทโร นาม อโหสิ, กนิฎฺฐภาตา ปนสฺส จูฬททฺทโร นามฯ โส โกธโน ผรุโส นาคมาณวเก อโกฺกสโนฺต ปริภาสโนฺต ปหรโนฺต วิจรติฯ นาคราชา ตสฺส ผรุสภาวํ ญตฺวา นาคภวนโต ตํ นีหราเปตุํ อาณาเปสิฯ มหาททฺทโร ปน ปิตรํ ขมาเปตฺวา นิวาเรสิฯ ทุติยมฺปิ ราชา ตสฺส กุชฺฌิ, ทุติยมฺปิ ขมาเปสิฯ ตติยวาเร ปน ‘‘ตฺวํ มํ อิมํ อนาจารํ นีหราเปนฺตํ นิวาเรสิ, คจฺฉถ เทฺวปิ ชนา อิมมฺหา นาคภวนา นิกฺขมิตฺวา พาราณสิยํ อุกฺการภูมิยํ ตีณิ วสฺสานิ วสถา’’ติ นาคภวนา นิกฺกฑฺฒาเปสิฯ เต ตตฺถ คนฺตฺวา วสิํสุฯ อถ เน อุกฺการภูมิยํ อุทกปริยเนฺต โคจรํ ปริเยสมาเน คามทารกา ทิสฺวา ปหรนฺตา เลฑฺฑุทณฺฑาทโย ขิปนฺตา ‘‘เก อิเม ปุถุลสีสา สูจินงฺคุฎฺฐา อุทกเทฑฺฑุภา มณฺฑูกภกฺขา’’ติอาทีนิ วตฺวา อโกฺกสนฺติ ปริภาสนฺติฯ

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto himavantapadese daddarapabbatapāde daddaranāgabhavanaṃ nāma atthi, tattha rajjaṃ kārentassa daddararañño putto mahādaddaro nāma ahosi, kaniṭṭhabhātā panassa cūḷadaddaro nāma. So kodhano pharuso nāgamāṇavake akkosanto paribhāsanto paharanto vicarati. Nāgarājā tassa pharusabhāvaṃ ñatvā nāgabhavanato taṃ nīharāpetuṃ āṇāpesi. Mahādaddaro pana pitaraṃ khamāpetvā nivāresi. Dutiyampi rājā tassa kujjhi, dutiyampi khamāpesi. Tatiyavāre pana ‘‘tvaṃ maṃ imaṃ anācāraṃ nīharāpentaṃ nivāresi, gacchatha dvepi janā imamhā nāgabhavanā nikkhamitvā bārāṇasiyaṃ ukkārabhūmiyaṃ tīṇi vassāni vasathā’’ti nāgabhavanā nikkaḍḍhāpesi. Te tattha gantvā vasiṃsu. Atha ne ukkārabhūmiyaṃ udakapariyante gocaraṃ pariyesamāne gāmadārakā disvā paharantā leḍḍudaṇḍādayo khipantā ‘‘ke ime puthulasīsā sūcinaṅguṭṭhā udakadeḍḍubhā maṇḍūkabhakkhā’’tiādīni vatvā akkosanti paribhāsanti.

    จูฬททฺทโร จณฺฑผรุสตาย เตสํ ตํ อวมานํ อสหโนฺต ‘‘ภาติก, อิเม ทารกา อเมฺห ปริภวนฺติ, อาสีวิสภาวํ โน น ชานนฺติ, อหํ เตสํ อวมานํ สหิตุํ น สโกฺกมิ, นาสาวาเตน เต นาเสสฺสามี’’ติ ภาตรา สทฺธิํ สลฺลปโนฺต ปฐมํ คาถมาห –

    Cūḷadaddaro caṇḍapharusatāya tesaṃ taṃ avamānaṃ asahanto ‘‘bhātika, ime dārakā amhe paribhavanti, āsīvisabhāvaṃ no na jānanti, ahaṃ tesaṃ avamānaṃ sahituṃ na sakkomi, nāsāvātena te nāsessāmī’’ti bhātarā saddhiṃ sallapanto paṭhamaṃ gāthamāha –

    ๑๓.

    13.

    ‘‘อิมานิ มํ ททฺทร ตาปยนฺติ, วาจาทุรุตฺตานิ มนุสฺสโลเก;

    ‘‘Imāni maṃ daddara tāpayanti, vācāduruttāni manussaloke;

    มณฺฑูกภกฺขา อุทกนฺตเสวี, อาสีวิสํ มํ อวิสา สปนฺตี’’ติฯ

    Maṇḍūkabhakkhā udakantasevī, āsīvisaṃ maṃ avisā sapantī’’ti.

    ตตฺถ ตาปยนฺตีติ ทุกฺขาเปนฺติฯ มณฺฑูกภกฺขา อุทกนฺตเสวีติ ‘‘มณฺฑูกภกฺขา’’ติ จ ‘‘อุทกนฺตเสวี’’ติ จ วทนฺตา เอเต อวิสา คามทารกา มํ อาสีวิสํ สมานํ สปนฺติ อโกฺกสนฺตีติฯ

    Tattha tāpayantīti dukkhāpenti. Maṇḍūkabhakkhā udakantasevīti ‘‘maṇḍūkabhakkhā’’ti ca ‘‘udakantasevī’’ti ca vadantā ete avisā gāmadārakā maṃ āsīvisaṃ samānaṃ sapanti akkosantīti.

    ตสฺส วจนํ สุตฺวา มหาททฺทโร เสสคาถา อภาสิ –

    Tassa vacanaṃ sutvā mahādaddaro sesagāthā abhāsi –

    ๑๔.

    14.

    ‘‘สกา รฎฺฐา ปพฺพาชิโต, อญฺญํ ชนปทํ คโต;

    ‘‘Sakā raṭṭhā pabbājito, aññaṃ janapadaṃ gato;

    มหนฺตํ โกฎฺฐํ กยิราถ, ทุรุตฺตานํ นิเธตเวฯ

    Mahantaṃ koṭṭhaṃ kayirātha, duruttānaṃ nidhetave.

    ๑๕.

    15.

    ‘‘ยตฺถ โปสํ น ชานนฺติ, ชาติยา วินเยน วา;

    ‘‘Yattha posaṃ na jānanti, jātiyā vinayena vā;

    น ตตฺถ มานํ กยิราถ, วสมญฺญาตเก ชเนฯ

    Na tattha mānaṃ kayirātha, vasamaññātake jane.

    ๑๖.

    16.

    ‘‘วิเทสวาสํ วสโต, ชาตเวทสเมนปิ;

    ‘‘Videsavāsaṃ vasato, jātavedasamenapi;

    ขมิตพฺพํ สปเญฺญน, อปิ ทาสสฺส ตชฺชิต’’นฺติฯ

    Khamitabbaṃ sapaññena, api dāsassa tajjita’’nti.

    ตตฺถ ทุรุตฺตานํ นิเธตเวติ ยถา ธญฺญนิธานตฺถาย มหนฺตํ โกฎฺฐํ กตฺวา ปูเรตฺวา กิเจฺจ อุปฺปเนฺน ธญฺญํ วฬเญฺชนฺติ, เอวเมวํ วิเทสํ คโต อโนฺตหทเย ปณฺฑิโต โปโส ทุรุตฺตานํ นิธานตฺถาย มหนฺตํ โกฎฺฐํ กยิราถฯ ตตฺถ ตานิ ทุรุตฺตานิ นิทหิตฺวา ปุน อตฺตโน ปโหนกกาเล กาตพฺพํ กริสฺสติฯ ชาติยา วินเยน วาติ ‘‘อยํ ขตฺติโย พฺราหฺมโณ’’ติ วา ‘‘สีลวา พหุสฺสุโต คุณสมฺปโนฺน’’ติ วา เอวํ ยตฺถ ชาติยา วินเยน วา น ชานนฺตีติ อโตฺถฯ มานนฺติ เอวรูปํ มํ ลามกโวหาเรน โวหรนฺติ, น สกฺกโรนฺติ น ครุํ กโรนฺตีติ มานํ น กเรยฺยฯ วสมญฺญาตเก ชเนติ อตฺตโน ชาติโคตฺตาทีนิ อชานนฺตสฺส ชนสฺส สนฺติเก วสโนฺตฯ วสโตติ วสตา, อยเมว วา ปาโฐฯ

    Tattha duruttānaṃ nidhetaveti yathā dhaññanidhānatthāya mahantaṃ koṭṭhaṃ katvā pūretvā kicce uppanne dhaññaṃ vaḷañjenti, evamevaṃ videsaṃ gato antohadaye paṇḍito poso duruttānaṃ nidhānatthāya mahantaṃ koṭṭhaṃ kayirātha. Tattha tāni duruttāni nidahitvā puna attano pahonakakāle kātabbaṃ karissati. Jātiyā vinayena vāti ‘‘ayaṃ khattiyo brāhmaṇo’’ti vā ‘‘sīlavā bahussuto guṇasampanno’’ti vā evaṃ yattha jātiyā vinayena vā na jānantīti attho. Mānanti evarūpaṃ maṃ lāmakavohārena voharanti, na sakkaronti na garuṃ karontīti mānaṃ na kareyya. Vasamaññātake janeti attano jātigottādīni ajānantassa janassa santike vasanto. Vasatoti vasatā, ayameva vā pāṭho.

    เอวํ เต ตตฺถ ตีณิ วสฺสานิ วสิํสุฯ อถ เน ปิตา ปโกฺกสาเปสิฯ เต ตโต ปฎฺฐาย นิหตมานา ชาตาฯ

    Evaṃ te tattha tīṇi vassāni vasiṃsu. Atha ne pitā pakkosāpesi. Te tato paṭṭhāya nihatamānā jātā.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โกธโน ภิกฺขุ อนาคามิผเล ปติฎฺฐหิฯ ‘‘ตทา จูฬททฺทโร โกธโน ภิกฺขุ อโหสิ, มหาททฺทโร ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi, saccapariyosāne kodhano bhikkhu anāgāmiphale patiṭṭhahi. ‘‘Tadā cūḷadaddaro kodhano bhikkhu ahosi, mahādaddaro pana ahameva ahosi’’nti.

    ททฺทรชาตกวณฺณนา จตุตฺถาฯ

    Daddarajātakavaṇṇanā catutthā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๓๐๔. ททฺทรชาตกํ • 304. Daddarajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact