Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๔๓๘] ๑๒. ททฺทรชาตกวณฺณนา
[438] 12. Daddarajātakavaṇṇanā
โย เต ปุตฺตเกติ อิทํ สตฺถา คิชฺฌกูเฎ วิหรโนฺต เทวทตฺตสฺส วธาย ปริสกฺกนํ อารพฺภ กเถสิฯ ตสฺมิญฺหิ สมเย ธมฺมสภายํ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ ‘‘อโห อาวุโส เทวทโตฺต นิลฺลโชฺช อนริโย เอวํ อุตฺตมคุณธรสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อชาตสตฺตุนา สทฺธิํ เอกโต หุตฺวา ธนุคฺคหปโยชนสิลาปวิชฺฌนนาฬาคิริวิสฺสชฺชเนหิ วธาย อุปายํ กโรตี’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพปิ เทวทโตฺต มยฺหํ วธาย ปริสกฺกิ, อิทานิ ปน เม ตาสมตฺตมฺปิ กาตุํ นาสกฺขี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Yote puttaketi idaṃ satthā gijjhakūṭe viharanto devadattassa vadhāya parisakkanaṃ ārabbha kathesi. Tasmiñhi samaye dhammasabhāyaṃ kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ ‘‘aho āvuso devadatto nillajjo anariyo evaṃ uttamaguṇadharassa sammāsambuddhassa ajātasattunā saddhiṃ ekato hutvā dhanuggahapayojanasilāpavijjhananāḷāgirivissajjanehi vadhāya upāyaṃ karotī’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepi devadatto mayhaṃ vadhāya parisakki, idāni pana me tāsamattampi kātuṃ nāsakkhī’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต เอโก ทิสาปาโมโกฺข อาจริโย ปญฺจสตานํ มาณวกานํ สิปฺปํ วาเจโนฺต เอกทิวสํ จิเนฺตสิ ‘‘มยฺหํ อิธ วสนฺตสฺส ปลิโพโธ โหติ, มาณวกานมฺปิ สิปฺปํ น นิฎฺฐาติ, หิมวนฺตปเทเส อรญฺญายตนํ ปวิสิตฺวา ตตฺถ วสโนฺต วาเจสฺสามี’’ติฯ โส มาณวกานํ กเถตฺวา ติลตณฺฑุลเตลวตฺถาทีนิ คาหาเปตฺวา อรญฺญํ ปวิสิตฺวา มคฺคโต อวิทูเร ฐาเน ปณฺณสาลํ กาเรตฺวา นิวาสํ กเปฺปสิ, มาณวาปิ อตฺตโน ปณฺณสาลํ กริํสุฯ มาณวกานํ ญาตกา เตลตณฺฑุลาทีนิ เปเสนฺติฯ รฎฺฐวาสิโนปิ ‘‘ทิสาปาโมโกฺข อาจริโย กิร อรเญฺญ อสุกฎฺฐาเน นาม วสโนฺต สิปฺปํ อุคฺคณฺหาเปตี’’ติ ตสฺส ตณฺฑุลาทีนิ อภิหรนฺติ, กนฺตารปฺปฎิปนฺนาปิ เทนฺติ, อญฺญตโรปิ ปุริโส ขีรปานตฺถาย สวจฺฉํ เธนุํ อทาสิฯ อาจริยสฺส ปณฺณสาลาย สนฺติเก ทฺวีหิ โปตเกหิ สทฺธิํ เอกา โคธา วสติ, สีหพฺยคฺฆาปิสฺส อุปฎฺฐานํ อาคจฺฉนฺติฯ เอโก ติตฺติโรปิ ตตฺถ นิพทฺธวาโส อโหสิฯ โส อาจริยสฺส มาณวานํ มเนฺต วาเจนฺตสฺส สทฺทํ สุตฺวา ตโยปิ เวเท อุคฺคณฺหิฯ มาณวา เตน สทฺธิํ อติวิสฺสาสิกา อเหสุํฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente eko disāpāmokkho ācariyo pañcasatānaṃ māṇavakānaṃ sippaṃ vācento ekadivasaṃ cintesi ‘‘mayhaṃ idha vasantassa palibodho hoti, māṇavakānampi sippaṃ na niṭṭhāti, himavantapadese araññāyatanaṃ pavisitvā tattha vasanto vācessāmī’’ti. So māṇavakānaṃ kathetvā tilataṇḍulatelavatthādīni gāhāpetvā araññaṃ pavisitvā maggato avidūre ṭhāne paṇṇasālaṃ kāretvā nivāsaṃ kappesi, māṇavāpi attano paṇṇasālaṃ kariṃsu. Māṇavakānaṃ ñātakā telataṇḍulādīni pesenti. Raṭṭhavāsinopi ‘‘disāpāmokkho ācariyo kira araññe asukaṭṭhāne nāma vasanto sippaṃ uggaṇhāpetī’’ti tassa taṇḍulādīni abhiharanti, kantārappaṭipannāpi denti, aññataropi puriso khīrapānatthāya savacchaṃ dhenuṃ adāsi. Ācariyassa paṇṇasālāya santike dvīhi potakehi saddhiṃ ekā godhā vasati, sīhabyagghāpissa upaṭṭhānaṃ āgacchanti. Eko tittiropi tattha nibaddhavāso ahosi. So ācariyassa māṇavānaṃ mante vācentassa saddaṃ sutvā tayopi vede uggaṇhi. Māṇavā tena saddhiṃ ativissāsikā ahesuṃ.
อปรภาเค มาณเวสุ นิปฺผตฺติํ อปฺปเตฺตสุเยว อาจริโย กาลมกาสิฯ มาณวา ตสฺส สรีรํ ฌาเปตฺวา วาลุกาย ถูปํ กตฺวา นานาปุเปฺผหิ ปูเชตฺวา โรทนฺติ ปริเทวนฺติฯ อถ เน ติตฺติโร ‘‘กสฺมา โรทถา’’ติ อาหฯ ‘‘อาจริโย โน สิเปฺป อนิฎฺฐิเตเยว กาลกโต, ตสฺมา โรทามา’’ติฯ ‘‘เอวํ สเนฺต มา โสจิตฺถ, อหํ โว สิปฺปํ วาเจสฺสามี’’ติฯ ‘‘ตฺวํ กถํ ชานาสี’’ติ? ‘‘อหํ อาจริเย ตุมฺหากํ วาเจเนฺต สทฺทํ สุตฺวา ตโย เวเท ปคุเณ อกาสินฺติฯ เตน หิ อตฺตโน ปคุณภาวํ อเมฺห ชานาเปหี’’ติฯ ติตฺติโร ‘‘เตน หิ สุณาถา’’ติ เตสํ คณฺฐิฎฺฐานเมว ปพฺพตมตฺถกา นทิํ โอตรโนฺต วิย โอสาเรสิฯ มาณวา หฎฺฐตุฎฺฐา หุตฺวา ติตฺติรปณฺฑิตสฺส สนฺติเก สิปฺปํ ปฎฺฐเปสุํฯ โสปิ ทิสาปาโมกฺขาจริยสฺส ฐาเน ฐตฺวา เตสํ สิปฺปํ วาเจสิฯ มาณวา ตสฺส สุวณฺณปญฺชรํ กริตฺวา อุปริ วิตานํ พนฺธิตฺวา สุวณฺณตฎฺฎเก มธุลาชาทีนิ อุปหรนฺตา นานาวเณฺณหิ ปุเปฺผหิ ปูเชนฺตา มหนฺตํ สกฺการํ กริํสุฯ ‘‘ติตฺติโร กิร อรญฺญายตเน ปญฺจสเต มาณวเก มนฺตํ วาเจตี’’ติ สกลชมฺพุทีเป ปากโฎ อโหสิฯ
Aparabhāge māṇavesu nipphattiṃ appattesuyeva ācariyo kālamakāsi. Māṇavā tassa sarīraṃ jhāpetvā vālukāya thūpaṃ katvā nānāpupphehi pūjetvā rodanti paridevanti. Atha ne tittiro ‘‘kasmā rodathā’’ti āha. ‘‘Ācariyo no sippe aniṭṭhiteyeva kālakato, tasmā rodāmā’’ti. ‘‘Evaṃ sante mā socittha, ahaṃ vo sippaṃ vācessāmī’’ti. ‘‘Tvaṃ kathaṃ jānāsī’’ti? ‘‘Ahaṃ ācariye tumhākaṃ vācente saddaṃ sutvā tayo vede paguṇe akāsinti. Tena hi attano paguṇabhāvaṃ amhe jānāpehī’’ti. Tittiro ‘‘tena hi suṇāthā’’ti tesaṃ gaṇṭhiṭṭhānameva pabbatamatthakā nadiṃ otaranto viya osāresi. Māṇavā haṭṭhatuṭṭhā hutvā tittirapaṇḍitassa santike sippaṃ paṭṭhapesuṃ. Sopi disāpāmokkhācariyassa ṭhāne ṭhatvā tesaṃ sippaṃ vācesi. Māṇavā tassa suvaṇṇapañjaraṃ karitvā upari vitānaṃ bandhitvā suvaṇṇataṭṭake madhulājādīni upaharantā nānāvaṇṇehi pupphehi pūjentā mahantaṃ sakkāraṃ kariṃsu. ‘‘Tittiro kira araññāyatane pañcasate māṇavake mantaṃ vācetī’’ti sakalajambudīpe pākaṭo ahosi.
ตทา ชมฺพุทีเป คิรคฺคสมชฺชสทิสํ มหนฺตํ ฉณํ โฆสยิํสุฯ มาณวานํ มาตาปิตโร ‘‘ฉณทสฺสนตฺถาย อาคจฺฉนฺตู’’ติ เปเสสุํฯ มาณวา ติตฺติรสฺส อาโรเจตฺวา ติตฺติรปณฺฑิตํ สพฺพญฺจ อสฺสมปทํ โคธํ ปฎิจฺฉาเปตฺวา อตฺตโน อตฺตโน นครเมว อคมิํสุฯ ตทา เอโก นิกฺการุณิโก ทุฎฺฐตาปโส ตตฺถ ตตฺถ วิจรโนฺต ตํ ฐานํ สมฺปาปุณิฯ โคธา ตํ ทิสฺวา ปฎิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘อสุกฎฺฐาเน ตณฺฑุลา, อสุกฎฺฐาเน เตลาทีนิ อตฺถิ, ภตฺตํ ปจิตฺวา ภุญฺชาหี’’ติ วตฺวา โคจรตฺถาย คตาฯ ตาปโส ปาโตว ภตฺตํ ปจิตฺวา เทฺว โคธาปุตฺตเก มาเรตฺวา ขาทิ, ทิวา ติตฺติรปณฺฑิตญฺจ วจฺฉกญฺจ มาเรตฺวา ขาทิ, สายํ เธนุํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ตมฺปิ มาเรตฺวา มํสํ ขาทิตฺวา รุกฺขมูเล นิปชฺชิตฺวา ฆุรุฆุรายโนฺต นิทฺทํ โอกฺกมิฯ โคธา สายํ อาคนฺตฺวา ปุตฺตเก อปสฺสนฺตี อุปธารยมานา วิจริฯ รุกฺขเทวตา โคธํ ปุตฺตเก อทิสฺวา กมฺปมานํ โอโลเกตฺวา ขนฺธวิฎปพฺภนฺตเร ทิพฺพานุภาเวน ฐตฺวา ‘‘โคเธ มา กมฺปิ, อิมินา ปาปปุริเสน ตว ปุตฺตกา จ ติตฺติโร จ วโจฺฉ จ เธนุ จ มาริตา, คีวาย นํ ฑํสิตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปหี’’ติ สลฺลปนฺตี ปฐมํ คาถมาห –
Tadā jambudīpe giraggasamajjasadisaṃ mahantaṃ chaṇaṃ ghosayiṃsu. Māṇavānaṃ mātāpitaro ‘‘chaṇadassanatthāya āgacchantū’’ti pesesuṃ. Māṇavā tittirassa ārocetvā tittirapaṇḍitaṃ sabbañca assamapadaṃ godhaṃ paṭicchāpetvā attano attano nagarameva agamiṃsu. Tadā eko nikkāruṇiko duṭṭhatāpaso tattha tattha vicaranto taṃ ṭhānaṃ sampāpuṇi. Godhā taṃ disvā paṭisanthāraṃ katvā ‘‘asukaṭṭhāne taṇḍulā, asukaṭṭhāne telādīni atthi, bhattaṃ pacitvā bhuñjāhī’’ti vatvā gocaratthāya gatā. Tāpaso pātova bhattaṃ pacitvā dve godhāputtake māretvā khādi, divā tittirapaṇḍitañca vacchakañca māretvā khādi, sāyaṃ dhenuṃ āgacchantaṃ disvā tampi māretvā maṃsaṃ khāditvā rukkhamūle nipajjitvā ghurughurāyanto niddaṃ okkami. Godhā sāyaṃ āgantvā puttake apassantī upadhārayamānā vicari. Rukkhadevatā godhaṃ puttake adisvā kampamānaṃ oloketvā khandhaviṭapabbhantare dibbānubhāvena ṭhatvā ‘‘godhe mā kampi, iminā pāpapurisena tava puttakā ca tittiro ca vaccho ca dhenu ca māritā, gīvāya naṃ ḍaṃsitvā jīvitakkhayaṃ pāpehī’’ti sallapantī paṭhamaṃ gāthamāha –
๑๐๕.
105.
‘‘โย เต ปุตฺตเก อขาทิ, ทินฺนภโตฺต อทูสเก;
‘‘Yo te puttake akhādi, dinnabhatto adūsake;
ตสฺมิํ ทาฐํ นิปาเตหิ, มา เต มุจฺจิตฺถ ชีวโต’’ติฯ
Tasmiṃ dāṭhaṃ nipātehi, mā te muccittha jīvato’’ti.
ตตฺถ ทินฺนภโตฺตติ ภตฺตํ ปจิตฺวา ภุญฺชาหีติ ตยา ทินฺนภโตฺตฯ อทูสเกติ นิโทฺทเส นิรปราเธฯ ตสฺมิํ ทาฐํ นิปาเตหีติ ตสฺมิํ ปาปปุริเส จตโสฺสปิ ทาฐา นิปาเตหีติ อธิปฺปาโยฯ มา เต มุจฺจิตฺถ ชีวโตติ ชีวโนฺต สชีโว หุตฺวา ตว หตฺถโต เอโส ปาปธโมฺม มา มุจฺจิตฺถ, โมกฺขํ มา ลภตุ, ชีวิตกฺขยํ ปาเปหีติ อโตฺถฯ
Tattha dinnabhattoti bhattaṃ pacitvā bhuñjāhīti tayā dinnabhatto. Adūsaketi niddose niraparādhe. Tasmiṃ dāṭhaṃ nipātehīti tasmiṃ pāpapurise catassopi dāṭhā nipātehīti adhippāyo. Mā te muccittha jīvatoti jīvanto sajīvo hutvā tava hatthato eso pāpadhammo mā muccittha, mokkhaṃ mā labhatu, jīvitakkhayaṃ pāpehīti attho.
ตโต โคธา เทฺว คาถา อภาสิ –
Tato godhā dve gāthā abhāsi –
๑๐๖.
106.
‘‘อากิณฺณลุโทฺท ปุริโส, ธาติเจลํว มกฺขิโต;
‘‘Ākiṇṇaluddo puriso, dhāticelaṃva makkhito;
ปเทสํ ตํ น ปสฺสามิ, ยตฺถ ทาฐํ นิปาตเยฯ
Padesaṃ taṃ na passāmi, yattha dāṭhaṃ nipātaye.
๑๐๗.
107.
‘‘อกตญฺญุสฺส โปสสฺส, นิจฺจํ วิวรทสฺสิโน;
‘‘Akataññussa posassa, niccaṃ vivaradassino;
สพฺพํ เจ ปถวิํ ทชฺชา, เนว นํ อภิราธเย’’ติฯ
Sabbaṃ ce pathaviṃ dajjā, neva naṃ abhirādhaye’’ti.
ตตฺถ อากิณฺณลุโทฺทติ คาฬฺหลุโทฺทฯ วิวรทสฺสิโนติ ฉิทฺทํ โอตารํ ปริเยสนฺตสฺสฯ เนว นํ อภิราธเยติ เอวรูปํ ปุคฺคลํ สกลปถวิํ เทโนฺตปิ โตเสตุํ น สกฺกุเณยฺย, กิมงฺคํ ปนาหํ ภตฺตมตฺตทายิกาติ ทเสฺสติฯ
Tattha ākiṇṇaluddoti gāḷhaluddo. Vivaradassinoti chiddaṃ otāraṃ pariyesantassa. Neva naṃ abhirādhayeti evarūpaṃ puggalaṃ sakalapathaviṃ dentopi tosetuṃ na sakkuṇeyya, kimaṅgaṃ panāhaṃ bhattamattadāyikāti dasseti.
โคธา เอวํ วตฺวา ‘‘อยํ ปพุชฺฌิตฺวา มมฺปิ ขาเทยฺยา’’ติ อตฺตโน ชีวิตํ รกฺขมานา ปลายิฯ เตปิ ปน สีหพฺยคฺฆา ติตฺติรสฺส สหายกาว, กทาจิ เต อาคนฺตฺวา ติตฺติรํ ปสฺสนฺติ, กทาจิ โส คนฺตฺวา เตสํ ธมฺมํ เทเสตฺวา อาคจฺฉติ, ตสฺมิํ ปน ทิวเส สีโห พฺยคฺฆํ อาห – ‘‘สมฺม, จิรํ ทิโฎฺฐ โน ติตฺติโร, อชฺช สตฺตฎฺฐทิวสา โหนฺติ, คจฺฉ, ตาวสฺส ปวตฺติํ ญตฺวา เอหี’’ติฯ พฺยโคฺฆ ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา โคธาย ปลายนกาเล ตํ ฐานํ ปตฺวา ตํ ปาปปุริสํ นิทฺทายนฺตํ ปสฺสิฯ ตสฺส ชฎนฺตเร ติตฺติรปณฺฑิตสฺส โลมานิ ปญฺญายนฺติ, เธนุยา จ วจฺฉกสฺส จ อฎฺฐีนิ ปญฺญายนฺติฯ พฺยคฺฆราชา ตํ สพฺพํ ทิสฺวา สุวณฺณปญฺชเร จ ติตฺติรปณฺฑิตํ อทิสฺวา ‘‘อิมินา ปาปปุริเสน เอเต มาริตา ภวิสฺสนฺตี’’ติ ตํ ปาเทน ปหริตฺวา อุฎฺฐาเปสิฯ โสปิ ตํ ทิสฺวา ภีตตสิโต อโหสิฯ อถ นํ พฺยโคฺฆ ‘‘ตฺวํ เอเต มาเรตฺวา ขาทสี’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘เนว มาเรมิ, น ขาทามี’’ติฯ ‘‘ปาปธมฺม ตยิ อมาเรเนฺต อโญฺญ โก มาเรสฺสติ, กเถหิ ตาว การณํ, อกเถนฺตสฺส ชีวิตํ เต นตฺถี’’ติฯ โส มรณภยภีโต ‘‘อาม, สามิ, โคธาปุตฺตเก จ วจฺฉกญฺจ เธนุญฺจ มาเรตฺวา ขาทามิ, ติตฺติรํ ปน น มาเรมี’’ติอาหฯ โส ตสฺส พหุํ กเถนฺตสฺสปิ อสทฺทหิตฺวา ‘‘ตฺวํ กุโต อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สามิ, กลิงฺครฎฺฐโต วาณิชกานํ ภณฺฑํ วหโนฺต ชีวิกเหตุ อิทญฺจิทญฺจ กมฺมํ กตฺวา อิทานิมฺหิ อิธาคโต’’ติ เตน สพฺพสฺมิํ อตฺตนา กตกเมฺม กถิเต ‘‘ปาปธมฺม ตยิ ติตฺติรํ อมาเรเนฺต อโญฺญ โก มาเรสฺสติ, เอหิ สีหสฺส มิครโญฺญ สนฺติกํ ตํ เนสฺสามี’’ติ ตํ ปุรโต กตฺวา ตาเสโนฺต อคมาสิฯ สีหราชา ตํ อาเนนฺตํ พฺยคฺฆํ ปุจฺฉโนฺต จตุตฺถํ คาถมาห –
Godhā evaṃ vatvā ‘‘ayaṃ pabujjhitvā mampi khādeyyā’’ti attano jīvitaṃ rakkhamānā palāyi. Tepi pana sīhabyagghā tittirassa sahāyakāva, kadāci te āgantvā tittiraṃ passanti, kadāci so gantvā tesaṃ dhammaṃ desetvā āgacchati, tasmiṃ pana divase sīho byagghaṃ āha – ‘‘samma, ciraṃ diṭṭho no tittiro, ajja sattaṭṭhadivasā honti, gaccha, tāvassa pavattiṃ ñatvā ehī’’ti. Byaggho ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchitvā godhāya palāyanakāle taṃ ṭhānaṃ patvā taṃ pāpapurisaṃ niddāyantaṃ passi. Tassa jaṭantare tittirapaṇḍitassa lomāni paññāyanti, dhenuyā ca vacchakassa ca aṭṭhīni paññāyanti. Byaggharājā taṃ sabbaṃ disvā suvaṇṇapañjare ca tittirapaṇḍitaṃ adisvā ‘‘iminā pāpapurisena ete māritā bhavissantī’’ti taṃ pādena paharitvā uṭṭhāpesi. Sopi taṃ disvā bhītatasito ahosi. Atha naṃ byaggho ‘‘tvaṃ ete māretvā khādasī’’ti pucchi. ‘‘Neva māremi, na khādāmī’’ti. ‘‘Pāpadhamma tayi amārente añño ko māressati, kathehi tāva kāraṇaṃ, akathentassa jīvitaṃ te natthī’’ti. So maraṇabhayabhīto ‘‘āma, sāmi, godhāputtake ca vacchakañca dhenuñca māretvā khādāmi, tittiraṃ pana na māremī’’tiāha. So tassa bahuṃ kathentassapi asaddahitvā ‘‘tvaṃ kuto āgatosī’’ti pucchitvā ‘‘sāmi, kaliṅgaraṭṭhato vāṇijakānaṃ bhaṇḍaṃ vahanto jīvikahetu idañcidañca kammaṃ katvā idānimhi idhāgato’’ti tena sabbasmiṃ attanā katakamme kathite ‘‘pāpadhamma tayi tittiraṃ amārente añño ko māressati, ehi sīhassa migarañño santikaṃ taṃ nessāmī’’ti taṃ purato katvā tāsento agamāsi. Sīharājā taṃ ānentaṃ byagghaṃ pucchanto catutthaṃ gāthamāha –
๑๐๘.
108.
‘‘กิํ นุ สุพาหุ ตรมานรูโป, ปจฺจาคโตสิ สห มาณเวน;
‘‘Kiṃ nu subāhu taramānarūpo, paccāgatosi saha māṇavena;
กิํ กิจฺจมตฺถํ อิธมตฺถิ ตุยฺหํ, อกฺขาหิ เม ปุจฺฉิโต เอตมตฺถ’’นฺติฯ
Kiṃ kiccamatthaṃ idhamatthi tuyhaṃ, akkhāhi me pucchito etamattha’’nti.
ตตฺถ สุพาหูติ พฺยคฺฆํ นาเมนาลปติฯ พฺยคฺฆสฺส หิ ปุริมกาโย มนาโป โหติ, เตน ตํ เอวมาหฯ กิํ กิจฺจมตฺถํ อิธมตฺถิ ตุยฺหนฺติ กิํ กรณียํ อตฺถสญฺญิตํ อิมินา มาณเวน อิธ อตฺถิฯ ‘‘ตุยฺหํ กิํ กิจฺจมตฺถ’’นฺติปิ ปาโฐ, อยเมวโตฺถฯ
Tattha subāhūti byagghaṃ nāmenālapati. Byagghassa hi purimakāyo manāpo hoti, tena taṃ evamāha. Kiṃ kiccamatthaṃ idhamatthi tuyhanti kiṃ karaṇīyaṃ atthasaññitaṃ iminā māṇavena idha atthi. ‘‘Tuyhaṃ kiṃ kiccamattha’’ntipi pāṭho, ayamevattho.
ตํ สุตฺวา พฺยโคฺฆ ปญฺจมํ คาถมาห –
Taṃ sutvā byaggho pañcamaṃ gāthamāha –
๑๐๙.
109.
‘‘โย เต สขา ททฺทโร สาธุรูโป, ตสฺส วธํ ปริสงฺกามิ อชฺช;
‘‘Yo te sakhā daddaro sādhurūpo, tassa vadhaṃ parisaṅkāmi ajja;
ปุริสสฺส กมฺมายตนานิ สุตฺวา, นาหํ สุขิํ ททฺทรํ อชฺช มเญฺญ’’ติฯ
Purisassa kammāyatanāni sutvā, nāhaṃ sukhiṃ daddaraṃ ajja maññe’’ti.
ตตฺถ ททฺทโรติ ติตฺติโรฯ ตสฺส วธนฺติ ตสฺส ติตฺติรปณฺฑิตสฺส อิมมฺหา ปุริสมฺหา อชฺช วธํ ปริสงฺกามิฯ นาหํ สุขินฺติ อหํ อชฺช ททฺทรํ สุขิํ อโรคํ น มญฺญามิฯ
Tattha daddaroti tittiro. Tassa vadhanti tassa tittirapaṇḍitassa imamhā purisamhā ajja vadhaṃ parisaṅkāmi. Nāhaṃ sukhinti ahaṃ ajja daddaraṃ sukhiṃ arogaṃ na maññāmi.
อถ นํ สีโห ฉฎฺฐํ คาถมาห –
Atha naṃ sīho chaṭṭhaṃ gāthamāha –
๑๑๐.
110.
‘‘กานิสฺส กมฺมายตนานิ อสฺสุ, ปุริสสฺส วุตฺติสโมธานตาย;
‘‘Kānissa kammāyatanāni assu, purisassa vuttisamodhānatāya;
กํ วา ปฎิญฺญํ ปุริสสฺส สุตฺวา, ปริสงฺกสิ ททฺทรํ มาณเวนา’’ติฯ
Kaṃ vā paṭiññaṃ purisassa sutvā, parisaṅkasi daddaraṃ māṇavenā’’ti.
ตตฺถ อสฺสูติ อโสฺสสิฯ วุตฺติสโมธานตายาติ ชีวิตวุตฺติสโมธานตาย, กานิ นาม อิมินา อตฺตโน กมฺมานิ ตุยฺหํ กถิตานีติ อโตฺถฯ มาณเวนาติ กิํ สุตฺวา อิมินา มาณเวน มาริตํ ปริสงฺกสิฯ
Tattha assūti assosi. Vuttisamodhānatāyāti jīvitavuttisamodhānatāya, kāni nāma iminā attano kammāni tuyhaṃ kathitānīti attho. Māṇavenāti kiṃ sutvā iminā māṇavena māritaṃ parisaṅkasi.
อถสฺส กเถโนฺต พฺยคฺฆราชา เสสคาถา อภาสิ –
Athassa kathento byaggharājā sesagāthā abhāsi –
๑๑๑.
111.
‘‘จิณฺณา กลิงฺคา จริตา วณิชฺชา, เวตฺตาจโร สงฺกุปโถปิ จิโณฺณ;
‘‘Ciṇṇā kaliṅgā caritā vaṇijjā, vettācaro saṅkupathopi ciṇṇo;
นเฎหิ จิณฺณํ สห วากุเรหิ, ทเณฺฑน ยุทฺธมฺปิ สมชฺชมเชฺฌฯ
Naṭehi ciṇṇaṃ saha vākurehi, daṇḍena yuddhampi samajjamajjhe.
๑๑๒.
112.
‘‘พทฺธา กุลีกา มิตมาฬเกน, อกฺขา ชิตา สํยโม อพฺภตีโต;
‘‘Baddhā kulīkā mitamāḷakena, akkhā jitā saṃyamo abbhatīto;
อพฺพาหิตํ ปุพฺพกํ อฑฺฒรตฺตํ, หตฺถา ทฑฺฒา ปิณฺฑปฎิคฺคเหนฯ
Abbāhitaṃ pubbakaṃ aḍḍharattaṃ, hatthā daḍḍhā piṇḍapaṭiggahena.
๑๑๓.
113.
‘‘ตานิสฺส กมฺมายตนานิ อสฺสุ, ปุริสสฺส วุตฺติสโมธานตาย;
‘‘Tānissa kammāyatanāni assu, purisassa vuttisamodhānatāya;
ยถา อยํ ทิสฺสติ โลมปิโณฺฑ, คาโว หตา กิํ ปน ททฺทรสฺสา’’ติฯ
Yathā ayaṃ dissati lomapiṇḍo, gāvo hatā kiṃ pana daddarassā’’ti.
ตตฺถ จิณฺณา กลิงฺคาติ วาณิชกานํ ภณฺฑํ วหเนฺตน กิร เตน กลิงฺครเฎฺฐ จิณฺณาฯ จริตา วณิชฺชาติ วณิชฺชาปิ เตน กตาฯ เวตฺตาจโรติ เวเตฺตหิ สญฺจริตโพฺพฯ สงฺกุปโถปิ จิโณฺณติ ขาณุกมโคฺคปิ วลญฺชิโตฯ นเฎหีติ ชีวิกเหตุเยว นเฎหิปิ สทฺธิํฯ จิณฺณํ สห วากุเรหีติ วากุรํ วหเนฺตน วากุเรหิ สทฺธิํ จริตํฯ ทเณฺฑน ยุทฺธนฺติ ทเณฺฑน ยุทฺธมฺปิ กิร เตน ยุชฺฌิตํฯ
Tattha ciṇṇā kaliṅgāti vāṇijakānaṃ bhaṇḍaṃ vahantena kira tena kaliṅgaraṭṭhe ciṇṇā. Caritā vaṇijjāti vaṇijjāpi tena katā. Vettācaroti vettehi sañcaritabbo. Saṅkupathopi ciṇṇoti khāṇukamaggopi valañjito. Naṭehīti jīvikahetuyeva naṭehipi saddhiṃ. Ciṇṇaṃ saha vākurehīti vākuraṃ vahantena vākurehi saddhiṃ caritaṃ. Daṇḍena yuddhanti daṇḍena yuddhampi kira tena yujjhitaṃ.
พทฺธา กุลีกาติ สกุณิกาปิ กิร เตน พทฺธาฯ มิตมาฬเกนาติ ธญฺญมาปกกมฺมมฺปิ กิร เตน กตํฯ อกฺขา ชิตาติ อกฺขธุตฺตานํ เวยฺยาวจฺจํ กโรเนฺตน อกฺขา หฎาฯ สํยโม อพฺภตีโตติ ชีวิตวุตฺติํ นิสฺสาย ปพฺพชเนฺตเนว สีลสํยโม อติกฺกโนฺตฯ อพฺพาหิตนฺติ อปคฺฆรณํ กตํฯ ปุพฺพกนฺติ โลหิตํฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิมินา กิร ชีวิกํ นิสฺสาย ราชาปราธิกานํ หตฺถปาเท ฉินฺทิตฺวา เต อาเนตฺวา สาลาย นิปชฺชาเปตฺวา วณมุเขหิ ปคฺฆรนฺตํ โลหิตํ อฑฺฒรตฺตสมเย ตตฺถ คนฺตฺวา กุณฺฑกธูมํ ทตฺวา ฐปิตนฺติฯ หตฺถา ทฑฺฒาติ อาชีวิกปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตกาเล อุณฺหปิณฺฑปาตปฎิคฺคหเณ หตฺถาปิ กิรสฺส ทฑฺฒาฯ
Baddhā kulīkāti sakuṇikāpi kira tena baddhā. Mitamāḷakenāti dhaññamāpakakammampi kira tena kataṃ. Akkhā jitāti akkhadhuttānaṃ veyyāvaccaṃ karontena akkhā haṭā. Saṃyamo abbhatītoti jīvitavuttiṃ nissāya pabbajanteneva sīlasaṃyamo atikkanto. Abbāhitanti apaggharaṇaṃ kataṃ. Pubbakanti lohitaṃ. Idaṃ vuttaṃ hoti – iminā kira jīvikaṃ nissāya rājāparādhikānaṃ hatthapāde chinditvā te ānetvā sālāya nipajjāpetvā vaṇamukhehi paggharantaṃ lohitaṃ aḍḍharattasamaye tattha gantvā kuṇḍakadhūmaṃ datvā ṭhapitanti. Hatthā daḍḍhāti ājīvikapabbajjaṃ pabbajitakāle uṇhapiṇḍapātapaṭiggahaṇe hatthāpi kirassa daḍḍhā.
ตานิสฺส กมฺมายตนานีติ ตานิ อสฺส กมฺมานิฯ อสฺสูติ อโสฺสสิํฯ ยถา อยนฺติ ยถา เอส เอตสฺส ชฎนฺตเร ติตฺติรโลมปิโณฺฑปิ ทิสฺสติ, อิมินา การเณน เวทิตพฺพเมตํ ‘‘เอเตเนว โส มาริโต’’ติฯ คาโว หตา กิํ ปน ททฺทรสฺสาติ คาโวปิ เอเตน หตา, ททฺทรสฺส ปน กิํ น หนิตพฺพํ, กสฺมา เอส ตํ น มาเรสฺสตีติฯ
Tānissa kammāyatanānīti tāni assa kammāni. Assūti assosiṃ. Yathā ayanti yathā esa etassa jaṭantare tittiralomapiṇḍopi dissati, iminā kāraṇena veditabbametaṃ ‘‘eteneva so mārito’’ti. Gāvo hatā kiṃ pana daddarassāti gāvopi etena hatā, daddarassa pana kiṃ na hanitabbaṃ, kasmā esa taṃ na māressatīti.
สีโห ตํ ปุริสํ ปุจฺฉิ ‘‘มาริโต เต ติตฺติรปณฺฑิโต’’ติ? ‘‘อาม, สามี’’ติฯ อถสฺส สจฺจวจนํ สุตฺวา สีโห ตํ วิสฺสเชฺชตุกาโม อโหสิฯ พฺยคฺฆราชา ปน ‘‘มาเรตพฺพยุตฺตโก เอโส’’ติ วตฺวา ตเตฺถว นํ ทาฐาหิ ปหริตฺวา มาเรตฺวา อาวาฎํ ขณิตฺวา ปกฺขิปิฯ มาณวา อาคนฺตฺวา ติตฺติรปณฺฑิกํ อทิสฺวา โรทิตฺวา ปริเทวิตฺวา นิวตฺติํสุฯ
Sīho taṃ purisaṃ pucchi ‘‘mārito te tittirapaṇḍito’’ti? ‘‘Āma, sāmī’’ti. Athassa saccavacanaṃ sutvā sīho taṃ vissajjetukāmo ahosi. Byaggharājā pana ‘‘māretabbayuttako eso’’ti vatvā tattheva naṃ dāṭhāhi paharitvā māretvā āvāṭaṃ khaṇitvā pakkhipi. Māṇavā āgantvā tittirapaṇḍikaṃ adisvā roditvā paridevitvā nivattiṃsu.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘เอวํ, ภิกฺขเว, เทวทโตฺต ปุเพฺพปิ มยฺหํ วธาย ปริสกฺกี’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กูฎชฎิโล เทวทโตฺต อโหสิ, โคธา อุปฺปลวณฺณา, พฺยโคฺฆ โมคฺคลฺลาโน, สีโห สาริปุโตฺต, ทิสาปาโมโกฺข อาจริโย มหากสฺสโป, ติตฺติรปณฺฑิโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā ‘‘evaṃ, bhikkhave, devadatto pubbepi mayhaṃ vadhāya parisakkī’’ti vatvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā kūṭajaṭilo devadatto ahosi, godhā uppalavaṇṇā, byaggho moggallāno, sīho sāriputto, disāpāmokkho ācariyo mahākassapo, tittirapaṇḍito pana ahameva ahosi’’nti.
ททฺทรชาตกวณฺณนา ทฺวาทสมาฯ
Daddarajātakavaṇṇanā dvādasamā.
ชาตกุทฺทานํ –
Jātakuddānaṃ –
คิชฺฌโกสมฺพี สุวญฺจ, จูฬสูวํ หริตฺตจํ;
Gijjhakosambī suvañca, cūḷasūvaṃ harittacaṃ;
กุสลํ โลมกสฺสปํ, จกฺกวากํ หลิทฺทิ จฯ
Kusalaṃ lomakassapaṃ, cakkavākaṃ haliddi ca.
สมุคฺคํ ปูติมํสญฺจ, ททฺทรเญฺจว ทฺวาทส;
Samuggaṃ pūtimaṃsañca, daddarañceva dvādasa;
ชาตเก นวนิปาเต, คียิํสุ คีติการกาฯ
Jātake navanipāte, gīyiṃsu gītikārakā.
นวกนิปาตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Navakanipātavaṇṇanā niṭṭhitā.
(ตติโย ภาโค นิฎฺฐิโตฯ)
(Tatiyo bhāgo niṭṭhito.)
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๔๓๘. ททฺทรชาตกํ • 438. Daddarajātakaṃ