Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya |
๓. โกสลสํยุตฺตํ
3. Kosalasaṃyuttaṃ
๑. ปฐมวโคฺค
1. Paṭhamavaggo
๑. ทหรสุตฺตํ
1. Daharasuttaṃ
๑๑๒. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ภวมฺปิ โน โคตโม อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธิํ อภิสมฺพุโทฺธติ ปฎิชานาตี’’ติ? ‘‘ยญฺหิ ตํ, มหาราช, สมฺมา วทมาโน วเทยฺย ‘อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธิํ อภิสมฺพุโทฺธ’ติ, มเมว 1 ตํ สมฺมา วทมาโน วเทยฺยฯ อหญฺหิ, มหาราช, อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธิํ อภิสมฺพุโทฺธ’’ติฯ
112. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Atha kho rājā pasenadi kosalo yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavatā saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho rājā pasenadi kosalo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘bhavampi no gotamo anuttaraṃ sammāsambodhiṃ abhisambuddhoti paṭijānātī’’ti? ‘‘Yañhi taṃ, mahārāja, sammā vadamāno vadeyya ‘anuttaraṃ sammāsambodhiṃ abhisambuddho’ti, mameva 2 taṃ sammā vadamāno vadeyya. Ahañhi, mahārāja, anuttaraṃ sammāsambodhiṃ abhisambuddho’’ti.
‘‘เยปิ เต, โภ โคตม, สมณพฺราหฺมณา สงฺฆิโน คณิโน คณาจริยา ญาตา ยสสฺสิโน ติตฺถกรา สาธุสมฺมตา พหุชนสฺส, เสยฺยถิทํ – ปูรโณ กสฺสโป, มกฺขลิ โคสาโล, นิคโณฺฐ นาฎปุโตฺต, สญฺจโย เพลฎฺฐปุโตฺต, ปกุโธ กจฺจายโน, อชิโต เกสกมฺพโล; เตปิ มยา ‘อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธิํ อภิสมฺพุโทฺธติ ปฎิชานาถา’ติ ปุฎฺฐา สมานา อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธิํ อภิสมฺพุโทฺธติ น ปฎิชานนฺติฯ กิํ ปน ภวํ โคตโม ทหโร เจว ชาติยา นโว จ ปพฺพชฺชายา’’ติ?
‘‘Yepi te, bho gotama, samaṇabrāhmaṇā saṅghino gaṇino gaṇācariyā ñātā yasassino titthakarā sādhusammatā bahujanassa, seyyathidaṃ – pūraṇo kassapo, makkhali gosālo, nigaṇṭho nāṭaputto, sañcayo belaṭṭhaputto, pakudho kaccāyano, ajito kesakambalo; tepi mayā ‘anuttaraṃ sammāsambodhiṃ abhisambuddhoti paṭijānāthā’ti puṭṭhā samānā anuttaraṃ sammāsambodhiṃ abhisambuddhoti na paṭijānanti. Kiṃ pana bhavaṃ gotamo daharo ceva jātiyā navo ca pabbajjāyā’’ti?
‘‘จตฺตาโร โข เม, มหาราช, ทหราติ น อุญฺญาตพฺพา, ทหราติ น ปริโภตพฺพาฯ กตเม จตฺตาโร? ขตฺติโย โข, มหาราช, ทหโรติ น อุญฺญาตโพฺพ, ทหโรติ น ปริโภตโพฺพฯ อุรโค โข, มหาราช, ทหโรติ น อุญฺญาตโพฺพ, ทหโรติ น ปริโภตโพฺพฯ อคฺคิ โข, มหาราช, ทหโรติ น อุญฺญาตโพฺพ, ทหโรติ น ปริโภตโพฺพฯ ภิกฺขุ, โข, มหาราช, ทหโรติ น อุญฺญาตโพฺพ, ทหโรติ น ปริโภตโพฺพฯ อิเม โข, มหาราช, จตฺตาโร ทหราติ น อุญฺญาตพฺพา, ทหราติ น ปริโภตพฺพา’’ติฯ
‘‘Cattāro kho me, mahārāja, daharāti na uññātabbā, daharāti na paribhotabbā. Katame cattāro? Khattiyo kho, mahārāja, daharoti na uññātabbo, daharoti na paribhotabbo. Urago kho, mahārāja, daharoti na uññātabbo, daharoti na paribhotabbo. Aggi kho, mahārāja, daharoti na uññātabbo, daharoti na paribhotabbo. Bhikkhu, kho, mahārāja, daharoti na uññātabbo, daharoti na paribhotabbo. Ime kho, mahārāja, cattāro daharāti na uññātabbā, daharāti na paribhotabbā’’ti.
อิทมโวจ ภควาฯ อิทํ วตฺวาน สุคโต อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
Idamavoca bhagavā. Idaṃ vatvāna sugato athāparaṃ etadavoca satthā –
‘‘ขตฺติยํ ชาติสมฺปนฺนํ, อภิชาตํ ยสสฺสินํ;
‘‘Khattiyaṃ jātisampannaṃ, abhijātaṃ yasassinaṃ;
ทหโรติ นาวชาเนยฺย, น นํ ปริภเว นโรฯ
Daharoti nāvajāneyya, na naṃ paribhave naro.
‘‘ฐานญฺหิ โส มนุชิโนฺท, รชฺชํ ลทฺธาน ขตฺติโย;
‘‘Ṭhānañhi so manujindo, rajjaṃ laddhāna khattiyo;
โส กุโทฺธ ราชทเณฺฑน, ตสฺมิํ ปกฺกมเต ภุสํ;
So kuddho rājadaṇḍena, tasmiṃ pakkamate bhusaṃ;
ตสฺมา ตํ ปริวเชฺชยฺย, รกฺขํ ชีวิตมตฺตโนฯ
Tasmā taṃ parivajjeyya, rakkhaṃ jīvitamattano.
‘‘คาเม วา ยทิ วา รเญฺญ, ยตฺถ ปเสฺส ภุชงฺคมํ;
‘‘Gāme vā yadi vā raññe, yattha passe bhujaṅgamaṃ;
ทหโรติ นาวชาเนยฺย, น นํ ปริภเว นโรฯ
Daharoti nāvajāneyya, na naṃ paribhave naro.
โส อาสชฺช ฑํเส พาลํ, นรํ นาริญฺจ เอกทา;
So āsajja ḍaṃse bālaṃ, naraṃ nāriñca ekadā;
ตสฺมา ตํ ปริวเชฺชยฺย, รกฺขํ ชีวิตมตฺตโนฯ
Tasmā taṃ parivajjeyya, rakkhaṃ jīvitamattano.
‘‘ปหูตภกฺขํ ชาลินํ, ปาวกํ กณฺหวตฺตนิํ;
‘‘Pahūtabhakkhaṃ jālinaṃ, pāvakaṃ kaṇhavattaniṃ;
ทหโรติ นาวชาเนยฺย, น นํ ปริภเว นโรฯ
Daharoti nāvajāneyya, na naṃ paribhave naro.
‘‘ลทฺธา หิ โส อุปาทานํ, มหา หุตฺวาน ปาวโก;
‘‘Laddhā hi so upādānaṃ, mahā hutvāna pāvako;
ตสฺมา ตํ ปริวเชฺชยฺย, รกฺขํ ชีวิตมตฺตโนฯ
Tasmā taṃ parivajjeyya, rakkhaṃ jīvitamattano.
ชายนฺติ ตตฺถ ปาโรหา, อโหรตฺตานมจฺจเยฯ
Jāyanti tattha pārohā, ahorattānamaccaye.
‘‘ยญฺจ โข สีลสมฺปโนฺน, ภิกฺขุ ฑหติ เตชสา;
‘‘Yañca kho sīlasampanno, bhikkhu ḍahati tejasā;
น ตสฺส ปุตฺตา ปสโว, ทายาทา วินฺทเร ธนํ;
Na tassa puttā pasavo, dāyādā vindare dhanaṃ;
อนปจฺจา อทายาทา, ตาลาวตฺถู ภวนฺติ เตฯ
Anapaccā adāyādā, tālāvatthū bhavanti te.
‘‘ตสฺมา หิ ปณฺฑิโต โปโส, สมฺปสฺสํ อตฺถมตฺตโน;
‘‘Tasmā hi paṇḍito poso, sampassaṃ atthamattano;
ภุชงฺคมํ ปาวกญฺจ, ขตฺติยญฺจ ยสสฺสินํ;
Bhujaṅgamaṃ pāvakañca, khattiyañca yasassinaṃ;
ภิกฺขุญฺจ สีลสมฺปนฺนํ, สมฺมเทว สมาจเร’’ติฯ
Bhikkhuñca sīlasampannaṃ, sammadeva samācare’’ti.
เอวํ วุเตฺต, ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภเนฺต, อภิกฺกนฺตํ, ภเนฺต! เสยฺยถาปิ ภเนฺต, นิกฺกุชฺชิตํ 9 วา อุกฺกุเชฺชยฺย , ปฎิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิเกฺขยฺย , อนฺธกาเร วา เตลปโชฺชตํ ธาเรยฺย – ‘จกฺขุมโนฺต รูปานิ ทกฺขนฺตี’ติ; เอวเมวํ ภควตา อเนกปริยาเยน ธโมฺม ปกาสิโตฯ เอสาหํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมญฺจ ภิกฺขุสงฺฆญฺจฯ อุปาสกํ มํ, ภเนฺต, ภควา ธาเรตุ อชฺชตเคฺค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติฯ
Evaṃ vutte, rājā pasenadi kosalo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘abhikkantaṃ, bhante, abhikkantaṃ, bhante! Seyyathāpi bhante, nikkujjitaṃ 10 vā ukkujjeyya , paṭicchannaṃ vā vivareyya, mūḷhassa vā maggaṃ ācikkheyya , andhakāre vā telapajjotaṃ dhāreyya – ‘cakkhumanto rūpāni dakkhantī’ti; evamevaṃ bhagavatā anekapariyāyena dhammo pakāsito. Esāhaṃ, bhante, bhagavantaṃ saraṇaṃ gacchāmi dhammañca bhikkhusaṅghañca. Upāsakaṃ maṃ, bhante, bhagavā dhāretu ajjatagge pāṇupetaṃ saraṇaṃ gata’’nti.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๑. ทหรสุตฺตวณฺณนา • 1. Daharasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๑. ทหรสุตฺตวณฺณนา • 1. Daharasuttavaṇṇanā