Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๓. โกสลสํยุตฺตํ
3. Kosalasaṃyuttaṃ
๑. ปฐมวโคฺค
1. Paṭhamavaggo
๑. ทหรสุตฺตวณฺณนา
1. Daharasuttavaṇṇanā
๑๑๒. โกสลสํยุตฺตสฺส ปฐเม ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทีติ ยถา ขมนียาทีนิ ปุจฺฉโนฺต ภควา เตน, เอวํ โสปิ ภควตา สทฺธิํ สมปฺปวตฺตโมโท อโหสิฯ สีโตทกํ วิย อุโณฺหทเกน สโมฺมทิตํ เอกีภาวํ อคมาสิฯ ยาย จ – ‘‘กจฺจิ, โภ โคตม, ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนียํ, กจฺจิ โภโต จ โคตมสฺส สาวกานญฺจ อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฎฺฐานํ พลํ ผาสุวิหาโร’’ติอาทิกาย กถาย สโมฺมทิ, ตํ ปีติปาโมชฺชสงฺขาตสโมฺมทชนนโต สโมฺมทิตุํ ยุตฺตภาวโต จ สโมฺมทนียํ, อตฺถพฺยญฺชนมธุรตาย จิรมฺปิ กาลํ สาเรตุํ นิรนฺตรํ ปวเตฺตตุํ อรหรูปโต สริตพฺพภาวโต จ สารณียํฯ สุยฺยมานสุขโต จ สโมฺมทนียํ, อนุสฺสริยมานสุขโต สารณียํฯ ตถา พฺยญฺชนปริสุทฺธตาย สโมฺมทนียํ, อตฺถปริสุทฺธตาย สารณียนฺติ เอวํ อเนเกหิ ปริยาเยหิ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา ปริโยสาเปตฺวา นิฎฺฐเปตฺวา อิโต ปุเพฺพ ตถาคตสฺส อทิฎฺฐตฺตา คุณาคุณวเสน คมฺภีรภาวํ วา อุตฺตานภาวํ วา อชานโนฺต เอกมนฺตํ นิสีทิ, เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข ยํ โอวฎฺฎิกสารํ กตฺวา อาคโต โลกนิสฺสรณภโวกฺกนฺติปญฺหํ สตฺถุ สมฺมาสมฺพุทฺธตํ ปุจฺฉิตุํ ภวมฺปิ โนติอาทิมาหฯ
112. Kosalasaṃyuttassa paṭhame bhagavatā saddhiṃ sammodīti yathā khamanīyādīni pucchanto bhagavā tena, evaṃ sopi bhagavatā saddhiṃ samappavattamodo ahosi. Sītodakaṃ viya uṇhodakena sammoditaṃ ekībhāvaṃ agamāsi. Yāya ca – ‘‘kacci, bho gotama, khamanīyaṃ, kacci yāpanīyaṃ, kacci bhoto ca gotamassa sāvakānañca appābādhaṃ appātaṅkaṃ lahuṭṭhānaṃ balaṃ phāsuvihāro’’tiādikāya kathāya sammodi, taṃ pītipāmojjasaṅkhātasammodajananato sammodituṃ yuttabhāvato ca sammodanīyaṃ, atthabyañjanamadhuratāya cirampi kālaṃ sāretuṃ nirantaraṃ pavattetuṃ araharūpato saritabbabhāvato ca sāraṇīyaṃ. Suyyamānasukhato ca sammodanīyaṃ, anussariyamānasukhato sāraṇīyaṃ. Tathā byañjanaparisuddhatāya sammodanīyaṃ, atthaparisuddhatāya sāraṇīyanti evaṃ anekehi pariyāyehi sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā pariyosāpetvā niṭṭhapetvā ito pubbe tathāgatassa adiṭṭhattā guṇāguṇavasena gambhīrabhāvaṃ vā uttānabhāvaṃ vā ajānanto ekamantaṃ nisīdi, ekamantaṃ nisinno kho yaṃ ovaṭṭikasāraṃ katvā āgato lokanissaraṇabhavokkantipañhaṃ satthu sammāsambuddhataṃ pucchituṃ bhavampi notiādimāha.
ตตฺถ ภวมฺปีติ ปิ-กาโร สมฺปิณฺฑนเตฺถ นิปาโต, เตน จ ฉ สตฺถาเร สมฺปิเณฺฑติฯ ยถา ปูรณาทโย ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธมฺหา’’ติ ปฎิชานนฺติ, เอวํ ภวมฺปิ นุ ปฎิชานาตีติ อโตฺถฯ อิทํ ปน ราชา น อตฺตโน ลทฺธิยา, โลเก มหาชเนน คหิตปฎิญฺญาวเสน ปุจฺฉติฯ อถ ภควา พุทฺธสีหนาทํ นทโนฺต ยํ หิ ตํ มหาราชาติอาทิมาหฯ ตตฺถ อหํ หิ มหาราชาติ อนุตฺตรํ สพฺพเสฎฺฐํ สพฺพญฺญุตญฺญาณสงฺขาตํ สมฺมาสโมฺพธิํ อหํ อภิสมฺพุโทฺธติ อโตฺถฯ สมณพฺราหฺมณาติ ปพฺพชฺชูปคมเนน สมณา, ชาติวเสน พฺราหฺมณาฯ สงฺฆิโนติอาทีสุ ปพฺพชิตสมูหสงฺขาโต สโงฺฆ เอเตสํ อตฺถีติ สงฺฆิโนฯ เสฺวว คโณ เอเตสํ อตฺถีติ คณิโนฯ อาจารสิกฺขาปนวเสน ตสฺส คณสฺส อาจริยาติ คณาจริยาฯ ญาตาติ ปญฺญาตา ปากฎาฯ ‘‘อปฺปิจฺฉา สนฺตุฎฺฐา อปฺปิจฺฉตาย วตฺถมฺปิ น นิวาเสนฺตี’’ติ เอวํ สมุคฺคโต ยโส เอเตสํ อตฺถีติ ยสสฺสิโนฯ ติตฺถกราติ ลทฺธิกราฯ สาธุสมฺมตาติ ‘‘สโนฺต สปฺปุริสา’’ติ เอวํ สมฺมตาฯ พหุชนสฺสาติ อสฺสุตวโต อนฺธพาลปุถุชฺชนสฺสฯ ปูรโณติอาทีนิ เตสํ นามโคตฺตานิฯ ปูรโณติ หิ นามเมวฯ ตถา, มกฺขลีติฯ โส ปน โคสาลาย ชาตตฺตา โคสาโลติ วุโตฺตฯ นาฎปุโตฺตติ นาฎสฺส ปุโตฺตฯ เพลฎฺฐปุโตฺตติ เพลฎฺฐสฺส ปุโตฺตฯ กจฺจายโนติ ปกุธสฺส โคตฺตํฯ เกสกมฺพลสฺส ธารณโต อชิโต เกสกมฺพโลติ วุโตฺตฯ
Tattha bhavampīti pi-kāro sampiṇḍanatthe nipāto, tena ca cha satthāre sampiṇḍeti. Yathā pūraṇādayo ‘‘sammāsambuddhamhā’’ti paṭijānanti, evaṃ bhavampi nu paṭijānātīti attho. Idaṃ pana rājā na attano laddhiyā, loke mahājanena gahitapaṭiññāvasena pucchati. Atha bhagavā buddhasīhanādaṃ nadanto yaṃ hi taṃ mahārājātiādimāha. Tattha ahaṃ hi mahārājāti anuttaraṃ sabbaseṭṭhaṃ sabbaññutaññāṇasaṅkhātaṃ sammāsambodhiṃ ahaṃ abhisambuddhoti attho. Samaṇabrāhmaṇāti pabbajjūpagamanena samaṇā, jātivasena brāhmaṇā. Saṅghinotiādīsu pabbajitasamūhasaṅkhāto saṅgho etesaṃ atthīti saṅghino. Sveva gaṇo etesaṃ atthīti gaṇino. Ācārasikkhāpanavasena tassa gaṇassa ācariyāti gaṇācariyā. Ñātāti paññātā pākaṭā. ‘‘Appicchā santuṭṭhā appicchatāya vatthampi na nivāsentī’’ti evaṃ samuggato yaso etesaṃ atthīti yasassino. Titthakarāti laddhikarā. Sādhusammatāti ‘‘santo sappurisā’’ti evaṃ sammatā. Bahujanassāti assutavato andhabālaputhujjanassa. Pūraṇotiādīni tesaṃ nāmagottāni. Pūraṇoti hi nāmameva. Tathā, makkhalīti. So pana gosālāya jātattā gosāloti vutto. Nāṭaputtoti nāṭassa putto. Belaṭṭhaputtoti belaṭṭhassa putto. Kaccāyanoti pakudhassa gottaṃ. Kesakambalassa dhāraṇato ajito kesakambaloti vutto.
เตปิ มยาติ กปฺปโกลาหลํ พุทฺธโกลาหลํ จกฺกวตฺติโกลาหลนฺติ ตีณิ โกลาหลานิฯ ตตฺถ ‘‘วสฺสสตสหสฺสมตฺถเก กปฺปุฎฺฐานํ ภวิสฺสตี’’ติ กปฺปโกลาหลํ นาม โหติ – ‘‘อิโต วสฺสสตสหสฺสมตฺถเก โลโก วินสฺสิสฺสติ, เมตฺตํ มาริสา, ภาเวถ, กรุณํ มุทิตํ อุเปกฺข’’นฺติ มนุสฺสปฺปเถ เทวตา โฆเสนฺติโย วิจรนฺติฯ ‘‘วสฺสสหสฺสมตฺถเก ปน พุโทฺธ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ พุทฺธโกลาหลํ นาม โหติ – ‘‘อิโต วสฺสสหสฺสมตฺถเก พุโทฺธ อุปฺปชฺชิตฺวา ธมฺมานุธมฺมปฎิปทํ ปฎิปเนฺนน สงฺฆรตเนน ปริวาริโต ธมฺมํ เทเสโนฺต วิจริสฺสตี’’ติ เทวตา อุโคฺฆเสนฺติฯ ‘‘วสฺสสตมตฺถเก ปน จกฺกวตฺตี อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ จกฺกวตฺติโกลาหลํ นาม โหติ – ‘‘อิโต วสฺสสตมตฺถเก สตฺตรตนสมฺปโนฺน จตุทฺทีปิสฺสโร สหสฺส ปุตฺตปริวาโร เวหาสงฺคโม จกฺกวตฺติราชา อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ เทวตา อุโคฺฆเสนฺติฯ
Tepi mayāti kappakolāhalaṃ buddhakolāhalaṃ cakkavattikolāhalanti tīṇi kolāhalāni. Tattha ‘‘vassasatasahassamatthake kappuṭṭhānaṃ bhavissatī’’ti kappakolāhalaṃ nāma hoti – ‘‘ito vassasatasahassamatthake loko vinassissati, mettaṃ mārisā, bhāvetha, karuṇaṃ muditaṃ upekkha’’nti manussappathe devatā ghosentiyo vicaranti. ‘‘Vassasahassamatthake pana buddho uppajjissatī’’ti buddhakolāhalaṃ nāma hoti – ‘‘ito vassasahassamatthake buddho uppajjitvā dhammānudhammapaṭipadaṃ paṭipannena saṅgharatanena parivārito dhammaṃ desento vicarissatī’’ti devatā ugghosenti. ‘‘Vassasatamatthake pana cakkavattī uppajjissatī’’ti cakkavattikolāhalaṃ nāma hoti – ‘‘ito vassasatamatthake sattaratanasampanno catuddīpissaro sahassa puttaparivāro vehāsaṅgamo cakkavattirājā uppajjissatī’’ti devatā ugghosenti.
อิเมสุ ตีสุ โกลาหเลสุ อิเม ฉ สตฺถาโร พุทฺธโกลาหลํ สุตฺวา อาจริเย ปยิรุปาสิตฺวา จินฺตามาณิวิชฺชาทีนิ อุคฺคณฺหิตฺวา – ‘‘มยํ พุทฺธมฺหา’’ติ ปฎิญฺญํ กตฺวา มหาชนปริวุตา ชนปทํ วิจรนฺตา อนุปุเพฺพน สาวตฺถิยํ ปตฺตาฯ เตสํ อุปฎฺฐากา ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘มหาราช, ปูรโณ กสฺสโป…เป.… อชิโต เกสกมฺพโล พุโทฺธ กิร สพฺพญฺญู กิรา’’ติ อาโรเจสุํฯ ราชา ‘‘ตุเมฺหว เน นิมเนฺตตฺวา อาเนถา’’ติ อาห ฯ เต คนฺตฺวา เตหิ, ‘‘ราชา โว นิมเนฺตติฯ รโญฺญ เคเห ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ วุตฺตา คนฺตุํ น อุสฺสหนฺติ, ปุนปฺปุนํ วุจฺจมานา อุปฎฺฐากานํ จิตฺตานุรกฺขณตฺถาย อธิวาเสตฺวา สเพฺพ เอกโตว อคมํสุฯ ราชา อาสนานิ ปญฺญาเปตฺวา ‘‘นิสีทนฺตู’’ติ อาหฯ นิคฺคุณานํ อตฺตภาเว ราชุสฺมา นาม ผรติ, เต มหารเหสุ อาสเนสุ นิสีทิตุํ อสโกฺกนฺตา ผลเกสุ เจว ภูมิยํ จ นิสีทิํสุฯ
Imesu tīsu kolāhalesu ime cha satthāro buddhakolāhalaṃ sutvā ācariye payirupāsitvā cintāmāṇivijjādīni uggaṇhitvā – ‘‘mayaṃ buddhamhā’’ti paṭiññaṃ katvā mahājanaparivutā janapadaṃ vicarantā anupubbena sāvatthiyaṃ pattā. Tesaṃ upaṭṭhākā rājānaṃ upasaṅkamitvā, ‘‘mahārāja, pūraṇo kassapo…pe… ajito kesakambalo buddho kira sabbaññū kirā’’ti ārocesuṃ. Rājā ‘‘tumheva ne nimantetvā ānethā’’ti āha . Te gantvā tehi, ‘‘rājā vo nimanteti. Rañño gehe bhikkhaṃ gaṇhathā’’ti vuttā gantuṃ na ussahanti, punappunaṃ vuccamānā upaṭṭhākānaṃ cittānurakkhaṇatthāya adhivāsetvā sabbe ekatova agamaṃsu. Rājā āsanāni paññāpetvā ‘‘nisīdantū’’ti āha. Nigguṇānaṃ attabhāve rājusmā nāma pharati, te mahārahesu āsanesu nisīdituṃ asakkontā phalakesu ceva bhūmiyaṃ ca nisīdiṃsu.
ราชา ‘‘เอตฺตเกเนว นตฺถิ เตสํ อโนฺต สุกฺกธโมฺม’’ติ วตฺวา อาหารํ อทตฺวาว ตาลโต ปติตํ มุคฺคเรน โปเถโนฺต วิย ‘‘ตุเมฺห พุทฺธา, น พุทฺธา’’ติ ปญฺหํ ปุจฺฉิฯ เต จินฺตยิํสุ – ‘‘สเจ ‘พุทฺธมฺหา’ติ วกฺขาม, ราชา พุทฺธวิสเย ปญฺหํ ปุจฺฉิตฺวา กเถตุํ อสโกฺกเนฺต ‘ตุเมฺห มยํ พุทฺธาติ มหาชนํ วเญฺจตฺวา อาหิณฺฑถา’ติ ชิวฺหมฺปิ ฉินฺทาเปยฺย, อญฺญมฺปิ อนตฺถํ กเรยฺยา’’ติ สกปฎิญฺญาย เอว ‘น มยํ พุทฺธา’ติ วทิํสุฯ อถ เน ราชา เคหโต นิกฑฺฒาเปสิฯ เต ราชฆรโต นิกฺขเนฺต อุปฎฺฐากา ปุจฺฉิํสุ – ‘‘กิํ อาจริยา ราชา ตุเมฺห ปญฺหํ ปุจฺฉิตฺวา สกฺการสมฺมานํ อกาสี’’ติ? ราชา ‘‘พุทฺธา ตุเมฺห’’ติ ปุจฺฉิ, ตโต มยํ – ‘‘สเจ อยํ ราชา พุทฺธวิสเย ปญฺหํ กถิยมานํ อชานโนฺต อเมฺหสุ มนํ ปโทเสสฺสติ, พหุํ อปุญฺญํ ปสวิสฺสตี’’ติ รโญฺญ อนุกมฺปาย ‘น มยํ พุทฺธา’ติ วทิมฺหา, มยํ ปน พุทฺธา เอว, อมฺหากํ พุทฺธภาโว, อุทเกน โธวิตฺวาปิ หริตุํ น สกฺกาติฯ อิติ พหิทฺธา ‘พุทฺธมฺหา’ติ อาหํสุ – รโญฺญ สนฺติเก ‘น มยํ พุทฺธา’ติ วทิํสูติ, อิทํ คเหตฺวา ราชา เอวมาหฯ ตตฺถ กิํ ปน ภวํ โคตโม ทหโร เจว ชาติยา, นโว จ ปพฺพชฺชายาติ อิทํ อตฺตโน ปฎิญฺญํ คเหตฺวา วทติฯ ตตฺถ กินฺติ ปฎิเกฺขปวจนํฯ เอเต ชาติมหลฺลกา จ จิรปพฺพชิตา จ ‘‘พุทฺธมฺหา’’ติ น ปฎิชานนฺติ, ภวํ โคตโม ชาติยา จ ทหโร ปพฺพชฺชาย จ นโว กิํ ปฎิชานาติ? มา ปฎิชานาหีติ อโตฺถฯ
Rājā ‘‘ettakeneva natthi tesaṃ anto sukkadhammo’’ti vatvā āhāraṃ adatvāva tālato patitaṃ muggarena pothento viya ‘‘tumhe buddhā, na buddhā’’ti pañhaṃ pucchi. Te cintayiṃsu – ‘‘sace ‘buddhamhā’ti vakkhāma, rājā buddhavisaye pañhaṃ pucchitvā kathetuṃ asakkonte ‘tumhe mayaṃ buddhāti mahājanaṃ vañcetvā āhiṇḍathā’ti jivhampi chindāpeyya, aññampi anatthaṃ kareyyā’’ti sakapaṭiññāya eva ‘na mayaṃ buddhā’ti vadiṃsu. Atha ne rājā gehato nikaḍḍhāpesi. Te rājagharato nikkhante upaṭṭhākā pucchiṃsu – ‘‘kiṃ ācariyā rājā tumhe pañhaṃ pucchitvā sakkārasammānaṃ akāsī’’ti? Rājā ‘‘buddhā tumhe’’ti pucchi, tato mayaṃ – ‘‘sace ayaṃ rājā buddhavisaye pañhaṃ kathiyamānaṃ ajānanto amhesu manaṃ padosessati, bahuṃ apuññaṃ pasavissatī’’ti rañño anukampāya ‘na mayaṃ buddhā’ti vadimhā, mayaṃ pana buddhā eva, amhākaṃ buddhabhāvo, udakena dhovitvāpi harituṃ na sakkāti. Iti bahiddhā ‘buddhamhā’ti āhaṃsu – rañño santike ‘na mayaṃ buddhā’ti vadiṃsūti, idaṃ gahetvā rājā evamāha. Tattha kiṃ pana bhavaṃ gotamo daharo ceva jātiyā, navo ca pabbajjāyāti idaṃ attano paṭiññaṃ gahetvā vadati. Tattha kinti paṭikkhepavacanaṃ. Ete jātimahallakā ca cirapabbajitā ca ‘‘buddhamhā’’ti na paṭijānanti, bhavaṃ gotamo jātiyā ca daharo pabbajjāya ca navo kiṃ paṭijānāti? Mā paṭijānāhīti attho.
น อุญฺญาตพฺพาติ น อวชานิตพฺพาฯ น ปริโภตพฺพาติ น ปริภวิตพฺพาฯ กตเม จตฺตาโรติ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉาฯ ขตฺติโยติ ราชกุมาโรฯ อุรโคติ อาสีวิโสฯ อคฺคีติ อคฺคิเยวฯ ภิกฺขูติ อิมสฺมิํ ปน ปเท เทสนากุสลตาย อตฺตานํ อพฺภนฺตรํ กตฺวา สีลวนฺตํ ปพฺพชิตํ ทเสฺสติฯ เอตฺถ จ ทหรํ ราชกุมารํ ทิสฺวา, อุกฺกมิตฺวา มคฺคํ อเทโนฺต, ปารุปนํ อนปเนโนฺต, นิสินฺนาสนโต อนุฎฺฐหโนฺต, หตฺถิปิฎฺฐาทีหิ อโนตรโนฺต, เหฎฺฐา กตฺวา มญฺญนวเสน อญฺญมฺปิ เอวรูปํ อนาจารํ กโรโนฺต ขตฺติยํ อวชานาติ นามฯ ‘‘ภทฺทโก วตายํ ราชกุมาโร, มหากโณฺฑ มโหทโร – กิํ นาม ยํกิญฺจิ โจรูปทฺทวํ วูปสเมตุํ ยตฺถ กตฺถจิ ฐาเน รชฺชํ อนุสาสิตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติอาทีนิ วทโนฺต ปริโภติ นามฯ อญฺชนิสลากมตฺตมฺปิ อาสีวิสโปตกํ กณฺณาทีสุ ปิฬนฺธโนฺต องฺคุลิมฺปิ ชิวฺหมฺปิ ฑํสาเปโนฺต อุรคํ อวชานาติ นาม ฯ ‘‘ภทฺทโก วตายํ อาสีวิโส อุทกเทฑฺฑุโภ วิย กิํ นาม กิญฺจิเทว ฑํสิตุํ กสฺสจิเทว กาเย วิสํ ผริตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติอาทีนิ วทโนฺต ปริโภติ นามฯ ขโชฺชปนกมตฺตมฺปิ อคฺคิํ คเหตฺวา หเตฺถน กีฬโนฺต ภณฺฑุกฺขลิกาย ขิปโนฺต จูฬาย วา สยนปิฎฺฐสาฎกปสิพฺพกาทีสุ วา ฐเปโนฺต อคฺคิํ อวชานาติ นามฯ ‘‘ภทฺทโก วตายํ อคฺคิ กตรํ นุ โข ยาคุภตฺตํ ปจิสฺสติ, กตรํ มจฺฉมํสํ, กสฺส สีตํ วิโนเทสฺสตี’’ติอาทีนิ วทโนฺต ปริโภติ นามฯ ทหรสามเณรมฺปิ ปน ทิสฺวา อุกฺกมิตฺวา มคฺคํ อเทโนฺตติ ราชกุมาเร วุตฺตํ อนาจารํ กโรโนฺต ภิกฺขุํ อวชานาติ นามฯ ‘‘ภทฺทโก วตายํ สามเณโร มหากโณฺฐ มโหทโร ยํกิญฺจิ พุทฺธวจนํ อุคฺคเหตุํ ยํกิญฺจิ อรญฺญํ อโชฺฌคาเหตฺวา วสิตุํ สกฺขิสฺสติ, สงฺฆเตฺถรกาเล มนาโป ภวิสฺสตี’’ติอาทีนิ วทโนฺต ปริโภติ นามฯ ตํ สพฺพมฺปิ น กาตพฺพนฺติ ทเสฺสโนฺต น อุญฺญาตโพฺพ น ปริโภตโพฺพติ อาหฯ
Na uññātabbāti na avajānitabbā. Na paribhotabbāti na paribhavitabbā. Katame cattāroti kathetukamyatāpucchā. Khattiyoti rājakumāro. Uragoti āsīviso. Aggīti aggiyeva. Bhikkhūti imasmiṃ pana pade desanākusalatāya attānaṃ abbhantaraṃ katvā sīlavantaṃ pabbajitaṃ dasseti. Ettha ca daharaṃ rājakumāraṃ disvā, ukkamitvā maggaṃ adento, pārupanaṃ anapanento, nisinnāsanato anuṭṭhahanto, hatthipiṭṭhādīhi anotaranto, heṭṭhā katvā maññanavasena aññampi evarūpaṃ anācāraṃ karonto khattiyaṃ avajānāti nāma. ‘‘Bhaddako vatāyaṃ rājakumāro, mahākaṇḍo mahodaro – kiṃ nāma yaṃkiñci corūpaddavaṃ vūpasametuṃ yattha katthaci ṭhāne rajjaṃ anusāsituṃ sakkhissatī’’tiādīni vadanto paribhoti nāma. Añjanisalākamattampi āsīvisapotakaṃ kaṇṇādīsu piḷandhanto aṅgulimpi jivhampi ḍaṃsāpento uragaṃ avajānāti nāma . ‘‘Bhaddako vatāyaṃ āsīviso udakadeḍḍubho viya kiṃ nāma kiñcideva ḍaṃsituṃ kassacideva kāye visaṃ pharituṃ sakkhissatī’’tiādīni vadanto paribhoti nāma. Khajjopanakamattampi aggiṃ gahetvā hatthena kīḷanto bhaṇḍukkhalikāya khipanto cūḷāya vā sayanapiṭṭhasāṭakapasibbakādīsu vā ṭhapento aggiṃ avajānāti nāma. ‘‘Bhaddako vatāyaṃ aggi kataraṃ nu kho yāgubhattaṃ pacissati, kataraṃ macchamaṃsaṃ, kassa sītaṃ vinodessatī’’tiādīni vadanto paribhoti nāma. Daharasāmaṇerampi pana disvā ukkamitvā maggaṃ adentoti rājakumāre vuttaṃ anācāraṃ karonto bhikkhuṃ avajānāti nāma. ‘‘Bhaddako vatāyaṃ sāmaṇero mahākaṇṭho mahodaro yaṃkiñci buddhavacanaṃ uggahetuṃ yaṃkiñci araññaṃ ajjhogāhetvā vasituṃ sakkhissati, saṅghattherakāle manāpo bhavissatī’’tiādīni vadanto paribhoti nāma. Taṃ sabbampi na kātabbanti dassento na uññātabbo na paribhotabboti āha.
เอตทโวจาติ เอตํ คาถาพนฺธํ อโวจฯ คาถา จ นาเมตา ตทตฺถทีปนาปิ โหนฺติ วิเสสตฺถทีปนาปิ, ตตฺริมา ตทตฺถมฺปิ วิเสสตฺถมฺปิ ทีเปนฺติเยวฯ ตตฺถ ขตฺติยนฺติ เขตฺตานํ อธิปติํฯ วุตฺตเญฺหตํ ‘‘เขตฺตานํ อธิปตีติ โข, วาเสฎฺฐ, ‘ขตฺติโย ขตฺติโย’เตฺวว ทุติยํ อกฺขรํ อุปนิพฺพตฺต’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๑๓๑)ฯ ชาติสมฺปนฺนนฺติ ตาเยว ขตฺติยชาติยา ชาติสมฺปนฺนํฯ อภิชาตนฺติ ตีณิ กุลานิ อติกฺกมิตฺวา ชาตํฯ
Etadavocāti etaṃ gāthābandhaṃ avoca. Gāthā ca nāmetā tadatthadīpanāpi honti visesatthadīpanāpi, tatrimā tadatthampi visesatthampi dīpentiyeva. Tattha khattiyanti khettānaṃ adhipatiṃ. Vuttañhetaṃ ‘‘khettānaṃ adhipatīti kho, vāseṭṭha, ‘khattiyo khattiyo’tveva dutiyaṃ akkharaṃ upanibbatta’’nti (dī. ni. 3.131). Jātisampannanti tāyeva khattiyajātiyā jātisampannaṃ. Abhijātanti tīṇi kulāni atikkamitvā jātaṃ.
ฐานํ หีติ การณํ วิชฺชติฯ มนุชิโนฺทติ มนุสฺสเชฎฺฐโกฯ ราชทเณฺฑนาติ รโญฺญ อุทฺธฎทเณฺฑน, โส อปฺปโก นาม น โหติ, ทสสหสฺสวีสติสหสฺสปฺปมาโณ โหติเยวฯ ตสฺมิํ ปกฺกมเต ภุสนฺติ ตสฺมิํ ปุคฺคเล พลวอุปกฺกมํ อุปกฺกมติฯ รกฺขํ ชีวิตมตฺตโนติ อตฺตโน ชีวิตํ รกฺขมาโน ตํ ขตฺติยํ ปริวเชฺชยฺย น ฆเฎฺฎยฺยฯ
Ṭhānaṃ hīti kāraṇaṃ vijjati. Manujindoti manussajeṭṭhako. Rājadaṇḍenāti rañño uddhaṭadaṇḍena, so appako nāma na hoti, dasasahassavīsatisahassappamāṇo hotiyeva. Tasmiṃ pakkamate bhusanti tasmiṃ puggale balavaupakkamaṃ upakkamati. Rakkhaṃ jīvitamattanoti attano jīvitaṃ rakkhamāno taṃ khattiyaṃ parivajjeyya na ghaṭṭeyya.
อุจฺจาวเจหีติ นานาวิเธหิฯ วเณฺณหีติ สณฺฐาเนหิฯ เยน เยน หิ วเณฺณน จรโนฺต โคจรํ ลภติ, ยทิ สปฺปวเณฺณน, ยทิ เทฑฺฑุภวเณฺณน, ยทิ ธมนิวเณฺณน, อนฺตมโส กลนฺทกวเณฺณนปิ จรติเยวฯ อาสชฺชาติ ปตฺวาฯ พาลนฺติ เยน พาเลน ฆฎฺฎิโต, ตํ พาลํ นรํ วา นาริํ วา ฑํเสยฺยฯ
Uccāvacehīti nānāvidhehi. Vaṇṇehīti saṇṭhānehi. Yena yena hi vaṇṇena caranto gocaraṃ labhati, yadi sappavaṇṇena, yadi deḍḍubhavaṇṇena, yadi dhamanivaṇṇena, antamaso kalandakavaṇṇenapi caratiyeva. Āsajjāti patvā. Bālanti yena bālena ghaṭṭito, taṃ bālaṃ naraṃ vā nāriṃ vā ḍaṃseyya.
ปหูตภกฺขนฺติ พหุภกฺขํฯ อคฺคิสฺส หิ อภกฺขํ นาม นตฺถิฯ ชาลินนฺติ ชาลวนฺตํฯ ปาวกนฺติ อคฺคิํฯ ปาวคนฺติปิ ปาโฐฯ กณฺหวตฺตนินฺติ วตฺตนีติ มโคฺค, อคฺคินา คตมโคฺค กโณฺห โหติ กาฬโก, ตสฺมา ‘‘กณฺหวตฺตนี’’ติ วุจฺจติฯ
Pahūtabhakkhanti bahubhakkhaṃ. Aggissa hi abhakkhaṃ nāma natthi. Jālinanti jālavantaṃ. Pāvakanti aggiṃ. Pāvagantipi pāṭho. Kaṇhavattaninti vattanīti maggo, agginā gatamaggo kaṇho hoti kāḷako, tasmā ‘‘kaṇhavattanī’’ti vuccati.
มหา หุตฺวานาติ มหโนฺต หุตฺวาฯ อคฺคิ หิ เอกทา ยาวพฺรหฺมโลกปฺปมาโณปิ โหติฯ ชายนฺติ ตตฺถ ปาโรหาติ ตตฺถ อคฺคินา ทฑฺฒวเน ปาโรหา ชายนฺติฯ ปาโรหาติ ติณรุกฺขาทโย วุจฺจนฺติฯ เต หิ อคฺคินา ทฑฺฒฎฺฐาเน มูลมเตฺตปิ อวสิเฎฺฐ ปาทโต โรหนฺติ ชายนฺติ วฑฺฒนฺติ, ตสฺมา ‘‘ปาโรหา’’ติ วุจฺจนฺติฯ ปุน โรหนเตฺถน วา ปาโรหาฯ อโหรตฺตานมจฺจเยติ รตฺตินฺทิวานํ อติกฺกเมฯ นิทาเฆปิ เทเว วุฎฺฐมเตฺต ชายนฺติฯ
Mahā hutvānāti mahanto hutvā. Aggi hi ekadā yāvabrahmalokappamāṇopi hoti. Jāyantitattha pārohāti tattha agginā daḍḍhavane pārohā jāyanti. Pārohāti tiṇarukkhādayo vuccanti. Te hi agginā daḍḍhaṭṭhāne mūlamattepi avasiṭṭhe pādato rohanti jāyanti vaḍḍhanti, tasmā ‘‘pārohā’’ti vuccanti. Puna rohanatthena vā pārohā. Ahorattānamaccayeti rattindivānaṃ atikkame. Nidāghepi deve vuṭṭhamatte jāyanti.
ภิกฺขุ ฑหติ เตชสาติ เอตฺถ อโกฺกสนฺตํ ปจฺจโกฺกสโนฺต ภณฺฑนฺตํ ปฎิภณฺฑโนฺต ปหรนฺตํ ปฎิปหรโนฺต ภิกฺขุ นาม กิญฺจิ ภิกฺขุเตชสา ฑหิตุํ น สโกฺกติฯ โย ปน อโกฺกสนฺตํ น ปจฺจโกฺกสติ, ภณฺฑนฺตํ น ปฎิภณฺฑติฯ ปหรนฺตํ น ปฎิปหรติ, ตสฺมิํ วิปฺปฎิปโนฺน ตสฺส สีลเตเชน ฑยฺหติฯ เตเนเวตํ วุตฺตํฯ น ตสฺส ปุตฺตา ปสโวติ ตสฺส ปุตฺตธีตโรปิ โคมหิํสกุกฺกุฎสูกราทโย ปสโวปิ น ภวนฺติ, วินสฺสนฺตีติ อโตฺถฯ ทายาทา วินฺทเร ธนนฺติ ตสฺส ทายาทาปิ ธนํ น วินฺทนฺติฯ ตาลาวตฺถู ภวนฺติ เตติ เต ภิกฺขุเตชสา ทฑฺฒา วตฺถุมตฺตาวสิโฎฺฐ มตฺถกจฺฉินฺนตาโล วิย ภวนฺติ, ปุตฺตธีตาทิวเสน น วฑฺฒนฺตีติ อโตฺถฯ
Bhikkhu ḍahati tejasāti ettha akkosantaṃ paccakkosanto bhaṇḍantaṃ paṭibhaṇḍanto paharantaṃ paṭipaharanto bhikkhu nāma kiñci bhikkhutejasā ḍahituṃ na sakkoti. Yo pana akkosantaṃ na paccakkosati, bhaṇḍantaṃ na paṭibhaṇḍati. Paharantaṃ na paṭipaharati, tasmiṃ vippaṭipanno tassa sīlatejena ḍayhati. Tenevetaṃ vuttaṃ. Na tassa puttā pasavoti tassa puttadhītaropi gomahiṃsakukkuṭasūkarādayo pasavopi na bhavanti, vinassantīti attho. Dāyādā vindare dhananti tassa dāyādāpi dhanaṃ na vindanti. Tālāvatthū bhavanti teti te bhikkhutejasā daḍḍhā vatthumattāvasiṭṭho matthakacchinnatālo viya bhavanti, puttadhītādivasena na vaḍḍhantīti attho.
ตสฺมาติ ยสฺมา สมณเตเชน ทฑฺฒา มตฺถกจฺฉินฺนตาโล วิย อวิรุฬฺหิธมฺมา ภวนฺติ, ตสฺมาฯ สมฺมเทว สมาจเรติ สมฺมา สมาจเรยฺยฯ สมฺมา สมาจรเนฺตน ปน กิํ กาตพฺพนฺติ? ขตฺติยํ ตาว นิสฺสาย ลทฺธพฺพํ คามนิคมยานวาหนาทิอานิสํสํ, อุรคํ นิสฺสาย ตสฺส กีฬาปเนน ลทฺธพฺพํ วตฺถหิรญฺญสุวณฺณาทิอานิสํสํ อคฺคิํ นิสฺสาย ตสฺสานุภาเวน ปตฺตพฺพํ ยาคุภตฺตปจนสีตวิโนทนาทิอานิสํสํ, ภิกฺขุํ นิสฺสาย ตสฺส วเสน ปตฺตพฺพํ อสุตสวนสุตปริโยทปน-สคฺคมคฺคาธิคมาทิอานิสํสํ สมฺปสฺสมาเนน ‘‘เอเต นิสฺสาย ปุเพฺพ วุตฺตปฺปกาโร อาทีนโว อตฺถิฯ กิํ อิเมหี’’ติ? น สพฺพโส ปหาตพฺพาฯ อิสฺสริยตฺถิเกน ปน วุตฺตปฺปการํ อวชานนญฺจ ปริภวนญฺจ อกตฺวา ปุพฺพุฎฺฐายิปจฺฉานิปาติตาทีหิ อุปาเยหิ ขตฺติยกุมาโร โตเสตโพฺพ, เอวํ ตโต อิสฺสริยํ อธิคมิสฺสติฯ อหิตุณฺฑิเกน อุรเค วิสฺสาสํ อกตฺวา นาควิชฺชํ ปริวเตฺตตฺวา อชปเทน ทเณฺฑน คีวาย คเหตฺวา วิสหเรน มูเลน ทาฐา โธวิตฺวา เปฬายํ ปกฺขิปิตฺวา กีฬาเปเนฺตน จริตพฺพํฯ เอวํ ตํ นิสฺสาย ฆาสจฺฉาทนาทีนิ ลภิสฺสติฯ ยาคุปจนาทีนิ กตฺตุกาเมน อคฺคิํ วิสฺสาเสน ภณฺฑุกฺขลิกาทีสุ อปกฺขิปิตฺวา หเตฺถหิ อนามสเนฺตน โคมยจุณฺณาทีหิ ชาเลตฺวา ยาคุปจนาทีนิ กตฺตพฺพานิ, เอวํ ตํ นิสฺสาย อานิสํสํ ลภิสฺสติฯ อสุตสวนาทีนิ ปตฺถยเนฺตนปิ ภิกฺขุํ อติวิสฺสาเสน เวชฺชกมฺมนวกมฺมาทีสุ อโยเชตฺวา จตูหิ ปจฺจเยหิ สกฺกจฺจํ อุปฎฺฐาตโพฺพ, เอวํ ตํ นิสฺสาย อสุตปุพฺพํ พุทฺธวจนํ อสุตปุพฺพํ ปญฺหาวินิจฺฉยํ ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิกํ อตฺถํ ติโสฺส กุลสมฺปตฺติโย ฉ กามสคฺคานิ นว จ พฺรหฺมโลเก ปตฺวา อมตมหานิพฺพานทสฺสนมฺปิ ลภิสฺสตีติ อิมมตฺถํ สนฺธาย สมฺมเทว สมาจเรติ อาหฯ
Tasmāti yasmā samaṇatejena daḍḍhā matthakacchinnatālo viya aviruḷhidhammā bhavanti, tasmā. Sammadeva samācareti sammā samācareyya. Sammā samācarantena pana kiṃ kātabbanti? Khattiyaṃ tāva nissāya laddhabbaṃ gāmanigamayānavāhanādiānisaṃsaṃ, uragaṃ nissāya tassa kīḷāpanena laddhabbaṃ vatthahiraññasuvaṇṇādiānisaṃsaṃ aggiṃ nissāya tassānubhāvena pattabbaṃ yāgubhattapacanasītavinodanādiānisaṃsaṃ, bhikkhuṃ nissāya tassa vasena pattabbaṃ asutasavanasutapariyodapana-saggamaggādhigamādiānisaṃsaṃ sampassamānena ‘‘ete nissāya pubbe vuttappakāro ādīnavo atthi. Kiṃ imehī’’ti? Na sabbaso pahātabbā. Issariyatthikena pana vuttappakāraṃ avajānanañca paribhavanañca akatvā pubbuṭṭhāyipacchānipātitādīhi upāyehi khattiyakumāro tosetabbo, evaṃ tato issariyaṃ adhigamissati. Ahituṇḍikena urage vissāsaṃ akatvā nāgavijjaṃ parivattetvā ajapadena daṇḍena gīvāya gahetvā visaharena mūlena dāṭhā dhovitvā peḷāyaṃ pakkhipitvā kīḷāpentena caritabbaṃ. Evaṃ taṃ nissāya ghāsacchādanādīni labhissati. Yāgupacanādīni kattukāmena aggiṃ vissāsena bhaṇḍukkhalikādīsu apakkhipitvā hatthehi anāmasantena gomayacuṇṇādīhi jāletvā yāgupacanādīni kattabbāni, evaṃ taṃ nissāya ānisaṃsaṃ labhissati. Asutasavanādīni patthayantenapi bhikkhuṃ ativissāsena vejjakammanavakammādīsu ayojetvā catūhi paccayehi sakkaccaṃ upaṭṭhātabbo, evaṃ taṃ nissāya asutapubbaṃ buddhavacanaṃ asutapubbaṃ pañhāvinicchayaṃ diṭṭhadhammikasamparāyikaṃ atthaṃ tisso kulasampattiyo cha kāmasaggāni nava ca brahmaloke patvā amatamahānibbānadassanampi labhissatīti imamatthaṃ sandhāya sammadeva samācareti āha.
เอตทโวจาติ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปสโนฺน ปสาทํ อาวิกโรโนฺต เอตํ ‘‘อภิกฺกนฺต’’นฺติอาทิวจนํ อโวจฯ ตตฺถ อภิกฺกนฺตนฺติ อภิกนฺตํ อติอิฎฺฐํ อติมนาปํ, อติสุนฺทรนฺติ อโตฺถฯ เอตฺถ เอเกน อภิกฺกนฺตสเทฺทน เทสนํ โถเมติ ‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภเนฺต, ยทิทํ ภควโต ธมฺมเทสนา’’ติฯ เอเกน อตฺตโน ปสาทํ ‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภเนฺต, ยทิทํ ภควโต ธมฺมเทสนํ อาคมฺม มม ปสาโท’’ติฯ
Etadavocāti dhammadesanaṃ sutvā pasanno pasādaṃ āvikaronto etaṃ ‘‘abhikkanta’’ntiādivacanaṃ avoca. Tattha abhikkantanti abhikantaṃ atiiṭṭhaṃ atimanāpaṃ, atisundaranti attho. Ettha ekena abhikkantasaddena desanaṃ thometi ‘‘abhikkantaṃ, bhante, yadidaṃ bhagavato dhammadesanā’’ti. Ekena attano pasādaṃ ‘‘abhikkantaṃ, bhante, yadidaṃ bhagavato dhammadesanaṃ āgamma mama pasādo’’ti.
ตโต ปรํ จตูหิ อุปมาหิ เทสนํเยว โถเมติฯ ตตฺถ นิกฺกุชฺชิตนฺติ อโธมุขฐปิตํ, เหฎฺฐามุขชาตํ วาฯ อุกฺกุเชฺชยฺยาติ อุปริมุขํ กเรยฺยฯ ปฎิจฺฉนฺนนฺติ ติณปณฺณาทิฉาทิตํฯ วิวเรยฺยาติ อุคฺฆาเฎยฺยฯ มูฬฺหสฺสาติ ทิสามูฬฺหสฺสฯ มคฺคํ อาจิเกฺขยฺยาติ หเตฺถ คเหตฺวา ‘‘เอส มโคฺค’’ติ วเทยฺยฯ อนฺธกาเรติ กาฬปกฺขจาตุทฺทสี อฑฺฒรตฺตฆนวนสณฺฑ เมฆปฎเลหิ จตุรเงฺค ตเมฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา โกจิ นิกฺกุชฺชิตํ อุกฺกุเชฺชยฺย, เอวํ สทฺธมฺมวิมุขํ อสทฺธเมฺม ปติตํ มํ อสทฺธมฺมา วุฎฺฐาเปเนฺตน, ยถา ปฎิจฺฉนฺนํ วิวเรยฺย, เอวํ กสฺสปสฺส ภควโต สาสนนฺตรธานา ปภุติ มิจฺฉาทิฎฺฐิคหนปฎิจฺฉนฺนํ สาสนํ วิวรเนฺตน, ยถา มูฬฺหสฺส มคฺคํ อาจิเกฺขยฺย, เอวํ กุมฺมคฺคมิจฺฉามคฺคปฎิปนฺนสฺส เม สคฺคโมกฺขมคฺคํ อาวิกโรเนฺตน, ยถา อนฺธกาเร เตลปโชฺชตํ ธาเรยฺย, เอวํ โมหนฺธกาเร นิมุคฺคสฺส เม พุทฺธาทิรตนรูปานิ อปสฺสโต ตปฺปฎิจฺฉาทกโมหนฺธการวิทฺธํสกเทสนาปโชฺชตํ ธาเรเนฺตน มยฺหํ ภควตา เอเตหิ ปริยาเยหิ ปกาสิตตฺตา อเนกปริยาเยน ธโมฺม ปกาสิโตติฯ
Tato paraṃ catūhi upamāhi desanaṃyeva thometi. Tattha nikkujjitanti adhomukhaṭhapitaṃ, heṭṭhāmukhajātaṃ vā. Ukkujjeyyāti uparimukhaṃ kareyya. Paṭicchannanti tiṇapaṇṇādichāditaṃ. Vivareyyāti ugghāṭeyya. Mūḷhassāti disāmūḷhassa. Maggaṃ ācikkheyyāti hatthe gahetvā ‘‘esa maggo’’ti vadeyya. Andhakāreti kāḷapakkhacātuddasī aḍḍharattaghanavanasaṇḍa meghapaṭalehi caturaṅge tame. Idaṃ vuttaṃ hoti – yathā koci nikkujjitaṃ ukkujjeyya, evaṃ saddhammavimukhaṃ asaddhamme patitaṃ maṃ asaddhammā vuṭṭhāpentena, yathā paṭicchannaṃ vivareyya, evaṃ kassapassa bhagavato sāsanantaradhānā pabhuti micchādiṭṭhigahanapaṭicchannaṃ sāsanaṃ vivarantena, yathā mūḷhassa maggaṃ ācikkheyya, evaṃ kummaggamicchāmaggapaṭipannassa me saggamokkhamaggaṃ āvikarontena, yathā andhakāre telapajjotaṃ dhāreyya, evaṃ mohandhakāre nimuggassa me buddhādiratanarūpāni apassato tappaṭicchādakamohandhakāraviddhaṃsakadesanāpajjotaṃ dhārentena mayhaṃ bhagavatā etehi pariyāyehi pakāsitattā anekapariyāyena dhammo pakāsitoti.
เอวํ เทสนํ โถเมตฺวา อิมาย เทสนาย รตนตฺตเย ปสนฺนจิโตฺต ปสนฺนาการํ กโรโนฺต เอสาหนฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ เอสาหนฺติ เอโส อหํฯ ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมญฺจ ภิกฺขุสงฺฆญฺจาติ ภควนฺตญฺจ ธมฺมญฺจ ภิกฺขุสงฺฆญฺจาติ อิมํ รตนตฺตยํ สรณํ คจฺฉามิฯ อุปาสกํ มํ, ภเนฺต, ภควา ธาเรตูติ มํ ภควา ‘อุปาสโก อย’นฺติ เอวํ ธาเรตุ, ชานาตูติ อโตฺถฯ อชฺชตเคฺคติ อชฺชตํ อาทิํ กตฺวาฯ อชฺชทเคฺคติ วา ปาโฐ, ท-กาโร ปทสนฺธิกโร, อชฺช อคฺคํ กตฺวาติ อโตฺถฯ ปาณุเปตนฺติ ปาเณหิ อุเปตํ ยาว เม ชีวิตํ ปวตฺตติ, ตาว อุเปตํ อนญฺญสตฺถุกํ ตีหิ สรณคมเนหิ สรณํ คตํ อุปาสกํ กปฺปิยการกํ มํ ภควา ธาเรตูติ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถาโร ปน สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฎฺฐกถาย สามญฺญผลสุเตฺต สพฺพากาเรน วุโตฺตติฯ ปฐมํฯ
Evaṃ desanaṃ thometvā imāya desanāya ratanattaye pasannacitto pasannākāraṃ karonto esāhantiādimāha. Tattha esāhanti eso ahaṃ. Bhagavantaṃ saraṇaṃ gacchāmi dhammañca bhikkhusaṅghañcāti bhagavantañca dhammañca bhikkhusaṅghañcāti imaṃ ratanattayaṃ saraṇaṃ gacchāmi. Upāsakaṃ maṃ, bhante, bhagavā dhāretūti maṃ bhagavā ‘upāsako aya’nti evaṃ dhāretu, jānātūti attho. Ajjataggeti ajjataṃ ādiṃ katvā. Ajjadaggeti vā pāṭho, da-kāro padasandhikaro, ajja aggaṃ katvāti attho. Pāṇupetanti pāṇehi upetaṃ yāva me jīvitaṃ pavattati, tāva upetaṃ anaññasatthukaṃ tīhi saraṇagamanehi saraṇaṃ gataṃ upāsakaṃ kappiyakārakaṃ maṃ bhagavā dhāretūti ayamettha saṅkhepo, vitthāro pana sumaṅgalavilāsiniyā dīghanikāyaṭṭhakathāya sāmaññaphalasutte sabbākārena vuttoti. Paṭhamaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑. ทหรสุตฺตํ • 1. Daharasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๑. ทหรสุตฺตวณฺณนา • 1. Daharasuttavaṇṇanā