Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) |
๓. โกสลสํยุตฺตํ
3. Kosalasaṃyuttaṃ
๑. ปฐมวโคฺค
1. Paṭhamavaggo
๑. ทหรสุตฺตวณฺณนา
1. Daharasuttavaṇṇanā
๑๑๒. ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทีติ ภควโต คุเณ อชานโนฺต โกสลราชา อตฺตโน ขตฺติยมาเนน เกวลํ ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิฯ ปฐมาคเต หิ สตฺถริ ตสฺส สโมฺมทิตาการํ ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ยถา ขมนียาทีนิ ปุจฺฉโนฺตติ ยถา ภควา ‘‘กจฺจิ เต, มหาราช, ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนีย’’นฺติอาทินา เตน รญฺญา สทฺธิํ ปฐมํ ปวตฺตโมโท อโหสิ ปุพฺพภาสิตาย, ตทนุกรเณน เอวํ โสปิ ราชา ภควตา สทฺธิํ สมปฺปวตฺตโมโท อโหสีติ โยชนาฯ ตํ ปน สมปฺปวตฺตโมทนํ อุปมาย ทเสฺสตุํ ‘‘สีโตทกํ วิยา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ สโมฺมทิตนฺติ สํสนฺทิตํ เอกีภาวนฺติ สโมฺมทนกิริยาย สมานตํ เอกรูปตํ, ขมนียนฺติ ‘‘อิทํ จตุจกฺกํ นวทฺวารํ สรีรยนฺตํ ทุกฺขพหุลตาย สภาวโต ทุสฺสหํ, กจฺจิ ขมิตุํ สกฺกุเณยฺย’’นฺติ ปุจฺฉติฯ ยาปนียนฺติ ปจฺจยายตฺตวุตฺติกํ จิรปพนฺธสงฺขาตาย ยาปนาย กจฺจิ ยาเปตุํ สกฺกุเณยฺยํฯ สีสโรคาทิอาพาธาภาเวน กจฺจิ อปฺปาพาธํฯ ทุกฺขชีวิกาภาเวน กจฺจิ อปฺปาตงฺกํฯ ตํตํกิจฺจกรเณ อุฎฺฐานสุขตาย กจฺจิ ลหุฎฺฐานํฯ ตทนุรูปพลโยคโต กจฺจิ พลํฯ สุขวิหารสมฺภเวน กจฺจิ ผาสุวิหาโร อตฺถีติ ตตฺถ ตตฺถ กจฺจิ-สทฺทํ โยเชตฺวา อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ พลวปฺปตฺตา ปีติ ปีติเยวฯ ตรุณปีติ ปาโมชฺชํฯ สโมฺมทนํ ชเนติ กโรตีติ สโมฺมทนียํฯ สโมฺมทิตพฺพโต สโมฺมทนียนฺติ อิมํ ปน อตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘สโมฺมทิตุํ ยุตฺตภาวโต’’ติ อาหฯ สริตพฺพภาวโตติ อนุสฺสริตพฺพภาวโตฯ ‘‘สรณีย’’นฺติ วตฺตเพฺพ ทีฆํ กตฺวา ‘‘สารณีย’’นฺติ วุตฺตํฯ
112.Bhagavatāsaddhiṃ sammodīti bhagavato guṇe ajānanto kosalarājā attano khattiyamānena kevalaṃ bhagavatā saddhiṃ sammodi. Paṭhamāgate hi satthari tassa sammoditākāraṃ dassetuṃ ‘‘yathā’’tiādi vuttaṃ. Yathā khamanīyādīni pucchantoti yathā bhagavā ‘‘kacci te, mahārāja, khamanīyaṃ, kacci yāpanīya’’ntiādinā tena raññā saddhiṃ paṭhamaṃ pavattamodo ahosi pubbabhāsitāya, tadanukaraṇena evaṃ sopi rājā bhagavatā saddhiṃ samappavattamodo ahosīti yojanā. Taṃ pana samappavattamodanaṃ upamāya dassetuṃ ‘‘sītodakaṃ viyā’’tiādi vuttaṃ. Tattha sammoditanti saṃsanditaṃ ekībhāvanti sammodanakiriyāya samānataṃ ekarūpataṃ, khamanīyanti ‘‘idaṃ catucakkaṃ navadvāraṃ sarīrayantaṃ dukkhabahulatāya sabhāvato dussahaṃ, kacci khamituṃ sakkuṇeyya’’nti pucchati. Yāpanīyanti paccayāyattavuttikaṃ cirapabandhasaṅkhātāya yāpanāya kacci yāpetuṃ sakkuṇeyyaṃ. Sīsarogādiābādhābhāvena kacci appābādhaṃ. Dukkhajīvikābhāvena kacci appātaṅkaṃ. Taṃtaṃkiccakaraṇe uṭṭhānasukhatāya kacci lahuṭṭhānaṃ. Tadanurūpabalayogato kacci balaṃ. Sukhavihārasambhavena kacci phāsuvihāro atthīti tattha tattha kacci-saddaṃ yojetvā attho veditabbo. Balavappattā pīti pītiyeva. Taruṇapīti pāmojjaṃ. Sammodanaṃ janeti karotīti sammodanīyaṃ. Sammoditabbato sammodanīyanti imaṃ pana atthaṃ dassento ‘‘sammodituṃ yuttabhāvato’’ti āha. Saritabbabhāvatoti anussaritabbabhāvato. ‘‘Saraṇīya’’nti vattabbe dīghaṃ katvā ‘‘sāraṇīya’’nti vuttaṃ.
สุยฺยมานสุขโตติ อาปาถมธุรตํ อาห, อนุสฺสริยมานสุขโตติ วิมทฺทรมณียตํฯ พฺยญฺชนปริสุทฺธตายาติ สภาวนิรุตฺติภาเวน ตสฺสา กถาย วจนจาตุริยมาห, อตฺถปริสุทฺธตายาติ อตฺถสฺส นิรุปกฺกิเลสตํฯ อเนเกหิ ปริยาเยหีติ อเนเกหิ การเณหิฯ อทิฎฺฐตฺตาติ อุปสงฺกมนวเสน อทิฎฺฐตฺตาฯ คุณาคุณวเสนาติ คุณวเสน คมฺภีรภาวํ วา อคุณวเสน อุตฺตานภาวํ วาฯ โอวฎฺฎิกสารํ กตฺวาติ โอวฎฺฎิกาย คเหตพฺพสารวตฺถุํ กตฺวาฯ โลกนิสฺสรณภโวกฺกนฺติปญฺหนฺติ โลกโต นิสฺสฎภาวปญฺหเญฺจว อาทิโต ภโวกฺกมนปญฺหญฺจฯ สตฺถุ สมฺมาสมฺพุทฺธตํ ปุจฺฉโนฺต หิ ‘‘กิํ ภวํ โคตโม สพฺพโลกโต นิสฺสโฎ, สพฺพสเตฺตหิ จ เชโฎฺฐ’’ติ? ปุจฺฉติ นามฯ ยถา หิ สตฺถุ สมฺมาสมฺพุทฺธตาย โลกโต นิสฺสฎตา วิญฺญายติ, เอวํ สพฺพสเตฺตหิ เชฎฺฐภาวโต เสฎฺฐภาวโตฯ สฺวายมโตฺถ อคฺคปสาทสุตฺตาทีหิ (อิติวุ. ๙๐; อ. นิ. ๔.๓๔) วิภาเวตโพฺพฯ กถํ ปน สมฺพุทฺธตา วิญฺญายตีติ? อวิปรีตธมฺมเทสนโตฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนาทีสุ (วิสุทฺธิ. มหาฎี. ๑.๑๒๔) วุตฺตนเยน เวทิตโพฺพฯ
Suyyamānasukhatoti āpāthamadhurataṃ āha, anussariyamānasukhatoti vimaddaramaṇīyataṃ. Byañjanaparisuddhatāyāti sabhāvaniruttibhāvena tassā kathāya vacanacāturiyamāha, atthaparisuddhatāyāti atthassa nirupakkilesataṃ. Anekehi pariyāyehīti anekehi kāraṇehi. Adiṭṭhattāti upasaṅkamanavasena adiṭṭhattā. Guṇāguṇavasenāti guṇavasena gambhīrabhāvaṃ vā aguṇavasena uttānabhāvaṃ vā. Ovaṭṭikasāraṃ katvāti ovaṭṭikāya gahetabbasāravatthuṃ katvā. Lokanissaraṇabhavokkantipañhanti lokato nissaṭabhāvapañhañceva ādito bhavokkamanapañhañca. Satthu sammāsambuddhataṃ pucchanto hi ‘‘kiṃ bhavaṃ gotamo sabbalokato nissaṭo, sabbasattehi ca jeṭṭho’’ti? Pucchati nāma. Yathā hi satthu sammāsambuddhatāya lokato nissaṭatā viññāyati, evaṃ sabbasattehi jeṭṭhabhāvato seṭṭhabhāvato. Svāyamattho aggapasādasuttādīhi (itivu. 90; a. ni. 4.34) vibhāvetabbo. Kathaṃ pana sambuddhatā viññāyatīti? Aviparītadhammadesanato. Ayamettha saṅkhepo, vitthāro pana visuddhimaggasaṃvaṇṇanādīsu (visuddhi. mahāṭī. 1.124) vuttanayena veditabbo.
ราชา สตฺถุ อวิปรีตธมฺมเทสนํ อชานโนฺต ตโต เอวสฺส สมฺมาสโมฺพธิํ อสทฺทหโนฺต ‘‘วุฑฺฒตเรสุปิ จิรปพฺพชิเตสุ สมฺมาสมฺพุทฺธภาเว อลพฺภมาเน ตพฺพิปรีเต กถํ ลเพฺภยฺยา’’ติ มญฺญมาโน ‘‘กิํ ปน ภวํ โคตโม’’ติอาทิํ วกฺขติฯ ราชา อตฺตโน ลทฺธิยา น ปุจฺฉติ อตฺตโน สมฺมุขา เตหิ อสมฺมาสมฺพุทฺธภาวเสฺสว ปฎิญฺญาตตฺตาฯ ยสฺมา เต มุสาวาทิตาย อตฺตโน อุปฎฺฐากาทีนํ ‘‘พุทฺธา มย’’นฺติ ปฎิชานิํสุ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘โลเก มหาชเนน คหิตปฎิญฺญาวเสน ปุจฺฉตี’’ติฯ สฺวายมโตฺถ อาคมิสฺสติฯ พุทฺธสีหนาทนฺติ พุทฺธานํ เอว อาเวณิกํ สีหนาทํฯ กามํ มคฺคญาณปทฎฺฐานํ สพฺพญฺญุตญฺญาณํ, สโมฺพธิญาเณ ปน คหิเต ตํ อตฺถโต คหิตเมว โหตีติ วุตฺตํ ‘‘สพฺพญฺญุตญฺญาณสงฺขาตํ สมฺมาสโมฺพธิ’’นฺติฯ
Rājā satthu aviparītadhammadesanaṃ ajānanto tato evassa sammāsambodhiṃ asaddahanto ‘‘vuḍḍhataresupi cirapabbajitesu sammāsambuddhabhāve alabbhamāne tabbiparīte kathaṃ labbheyyā’’ti maññamāno ‘‘kiṃ pana bhavaṃ gotamo’’tiādiṃ vakkhati. Rājā attano laddhiyā na pucchati attano sammukhā tehi asammāsambuddhabhāvasseva paṭiññātattā. Yasmā te musāvāditāya attano upaṭṭhākādīnaṃ ‘‘buddhā maya’’nti paṭijāniṃsu, tasmā vuttaṃ ‘‘loke mahājanena gahitapaṭiññāvasena pucchatī’’ti. Svāyamattho āgamissati. Buddhasīhanādanti buddhānaṃ eva āveṇikaṃ sīhanādaṃ. Kāmaṃ maggañāṇapadaṭṭhānaṃ sabbaññutaññāṇaṃ, sambodhiñāṇe pana gahite taṃ atthato gahitameva hotīti vuttaṃ ‘‘sabbaññutaññāṇasaṅkhātaṃ sammāsambodhi’’nti.
ปพฺพชฺชูปคมเนนาติ ยาย กายจิ ปพฺพชฺชาย อุปคมนมเตฺตน สมณา, น สมิตปาปตายฯ ชาติวเสนาติ ชาติมเตฺตน พฺราหฺมณา, น พาหิตปาปตายฯ ปพฺพชิตสมูหสงฺขาโต สโงฺฆติ ปพฺพชิตสมูหตามเตฺตน สโงฺฆ, น นิยฺยานิกทิฎฺฐิวิสุทฺธสีลสามญฺญวเสน สํหตตฺตาติ อธิปฺปาโยฯ เอเตสํ อตฺถีติ เอเตสํ สพฺพญฺญุปฎิญฺญาตานํ ปริวารภูโต อตฺถิฯ เสฺววาติ ปพฺพชิตสมูหสงฺขาโต เอวฯ เกจิ ปน ‘‘ปพฺพชิตสมูหวเสนฯ สงฺฆิโน, คหฎฺฐสมูหวเสน คณิโน’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ คเณ เอว โลเก สงฺฆสทฺทสฺส นิรุฬฺหตฺตาฯ อาจารสิกฺขาปนวเสนาติ อเจลกวตจริยาทิ-อาจารสิกฺขาปนวเสนฯ ปากฎาติ สงฺฆีอาทิภาเวน ปกาสิตาฯ ‘‘อปฺปิจฺฉา’’ติ วตฺวา ตตฺถ ลพฺภมานํ อปฺปิจฺฉตํ ทเสฺสตุํ ‘‘อปิจฺฉตาย วตฺถมฺปิ น นิวาเสนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ น หิ เตสุ สาสนิเกสุ วิย สนฺตคุณนิคุหนา อปฺปิจฺฉา ลพฺภตีติฯ ยโสติ กิตฺติสโทฺทฯ ตรนฺติ เอเตน สํสาโรฆนฺติ เอวํ สมฺมตตฺตา ติตฺถํ วุจฺจติ ลทฺธีติ อาห ‘‘ติตฺถกราติ ลทฺธิกรา’’ติฯ สาธุสมฺมตาติ ‘‘สาธู’’ติ สมฺมตา, น สาธูหิ สมฺมตาติ อาห ‘‘สโนฺต…เป.… ปุถุชฺชนสฺสา’’ติฯ
Pabbajjūpagamanenāti yāya kāyaci pabbajjāya upagamanamattena samaṇā, na samitapāpatāya. Jātivasenāti jātimattena brāhmaṇā, na bāhitapāpatāya. Pabbajitasamūhasaṅkhāto saṅghoti pabbajitasamūhatāmattena saṅgho, na niyyānikadiṭṭhivisuddhasīlasāmaññavasena saṃhatattāti adhippāyo. Etesaṃ atthīti etesaṃ sabbaññupaṭiññātānaṃ parivārabhūto atthi. Svevāti pabbajitasamūhasaṅkhāto eva. Keci pana ‘‘pabbajitasamūhavasena. Saṅghino, gahaṭṭhasamūhavasena gaṇino’’ti vadanti, taṃ tesaṃ matimattaṃ gaṇe eva loke saṅghasaddassa niruḷhattā. Ācārasikkhāpanavasenāti acelakavatacariyādi-ācārasikkhāpanavasena. Pākaṭāti saṅghīādibhāvena pakāsitā. ‘‘Appicchā’’ti vatvā tattha labbhamānaṃ appicchataṃ dassetuṃ ‘‘apicchatāya vatthampi na nivāsentī’’ti vuttaṃ. Na hi tesu sāsanikesu viya santaguṇaniguhanā appicchā labbhatīti. Yasoti kittisaddo. Taranti etena saṃsāroghanti evaṃ sammatattā titthaṃ vuccati laddhīti āha ‘‘titthakarāti laddhikarā’’ti. Sādhusammatāti ‘‘sādhū’’ti sammatā, na sādhūhi sammatāti āha ‘‘santo…pe… puthujjanassā’’ti.
กปฺปโกลาหลนฺติ กปฺปโต โกลาหลํ, ‘‘กปฺปุฎฺฐานํ ภวิสฺสตี’’ติ เทวปุเตฺตหิ อุโคฺฆสิตมหาสโทฺทฯ อิเมติ ปูรณาทโยฯ พุทฺธโกลาหลนฺติ เทวตาหิ โฆสิตํ พุทฺธโกลาหลํฯ ปยิรุปาสิตฺวาติ ปุริสสุติปรมฺปราย สุตฺวาฯ จินฺตามณิวิชฺชา นาม ปรจิตฺตชานาปนวิชฺชาฯ สา เกวฎฺฎสุเตฺต ‘‘มณิกา’’ติ อาคตา, อาทิ-สเทฺทน คนฺธาริสมฺภววิชฺชาทิํ สงฺคณฺหาติฯ ตตฺถ คนฺธาริยา วิกุพฺพนํ ทเสฺสติฯ อตฺตภาเวติ สรีเรฯ ราชุสฺมาติ ราชเตโชฯ
Kappakolāhalanti kappato kolāhalaṃ, ‘‘kappuṭṭhānaṃ bhavissatī’’ti devaputtehi ugghositamahāsaddo. Imeti pūraṇādayo. Buddhakolāhalanti devatāhi ghositaṃ buddhakolāhalaṃ. Payirupāsitvāti purisasutiparamparāya sutvā. Cintāmaṇivijjā nāma paracittajānāpanavijjā. Sā kevaṭṭasutte ‘‘maṇikā’’ti āgatā, ādi-saddena gandhārisambhavavijjādiṃ saṅgaṇhāti. Tattha gandhāriyā vikubbanaṃ dasseti. Attabhāveti sarīre. Rājusmāti rājatejo.
สุกฺกธโมฺมติ อนวชฺชธโมฺม นิกฺกิเลสตาฯ อิทํ คเหตฺวาติ อิทํ ปรมฺมุขา ‘‘มยํ พุทฺธา’’ติ วตฺวา อตฺตโน สมฺมุขา ‘‘น มยํ พุทฺธา’’ติ เตหิ วุตฺตวจนํ คเหตฺวาฯ เอวมาหาติ ‘‘เยปิ เต, โภ โคตม…เป.… นโว จ ปพฺพชฺชายา’’ติ เอวํ อโวจฯ อตฺตโน ปฎิญฺญํ คเหตฺวาติ ‘‘น มยํ พุทฺธา’’ติ เตสํ อตฺตโน ปุรโต ปวตฺติตํ ปฎิญฺญํ คเหตฺวาฯ อีทิเส ฐาเน กิํ-สโทฺท ปฎิเสธวาจโก โหตีติ วุตฺตํ ‘‘กินฺติ ปฎิเกฺขปวจน’’นฺติ, กสฺมา ปฎิชานาตีติ อโตฺถ?
Sukkadhammoti anavajjadhammo nikkilesatā. Idaṃ gahetvāti idaṃ parammukhā ‘‘mayaṃ buddhā’’ti vatvā attano sammukhā ‘‘na mayaṃ buddhā’’ti tehi vuttavacanaṃ gahetvā. Evamāhāti ‘‘yepi te, bho gotama…pe… navo ca pabbajjāyā’’ti evaṃ avoca. Attano paṭiññaṃ gahetvāti ‘‘na mayaṃ buddhā’’ti tesaṃ attano purato pavattitaṃ paṭiññaṃ gahetvā. Īdise ṭhāne kiṃ-saddo paṭisedhavācako hotīti vuttaṃ ‘‘kinti paṭikkhepavacana’’nti, kasmā paṭijānātīti attho?
น อุญฺญาตพฺพาติ น ครหิตพฺพาฯ ครหโตฺถ หิ อยํ อุ-สโทฺทฯ ‘‘ทหโร’’ติ อธิกตตฺตา วกฺขมานตฺตา จ ‘‘ขตฺติโยติ ราชกุมาโร’’ติ วุตฺตํฯ อุรสา คจฺฉตีติ อุรโค, โย โกจิ สโปฺป, อิธ ปน อธิเปฺปตํ ทเสฺสตุํ ‘‘อาสีวิโส’’ติ อาหฯ สีลวนฺตํ ปพฺพชิตํ ทเสฺสติ สามญฺญโต ‘‘ภิกฺขู’’ติ วทโนฺตฯ อิธ ปน ยสฺมา ‘‘ภวมฺปิ โน โคตโม’’ติอาทินา ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส กถํ สมุฎฺฐาเปสิ, ตสฺมา ภควา อตฺตานํ อพฺภนฺตรํ อกาสิฯ ยทิปิ วิเสโส สามญฺญโชตนาย วิภาวิโต โหติ, สํสยุปฺปตฺติทีปกํ โนติ วุตฺตคฺคหณํ ปน ตํ ปริจฺฉิชฺชตีติฯ เตนาห ‘‘เทสนากุสลตายา’’ติอาทิฯ อิทานิ อวญฺญาปริภเว ปโยคโต วิภาเวตุํ ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อจิตฺตีกตาการวเสน อวญฺญาย ปากฎภาโว, วมฺภนวเสน ปริภวสฺสาติ อธิปฺปาเยน กายปโยควเสน อวญฺญา ทสฺสิตา, วจีปโยควเสน ปริภโว, อุภยํ ปน อุภยตฺถาปิ ปเภทโต คหิตํ, อวญฺญปริภวานํ ทฺวินฺนมฺปิ อุภยตฺถ ปริคฺคโหฯ ตํ สพฺพมฺปีติ ตํ อวญฺญาทิ สพฺพมฺปิฯ จตูสุปิ ตํ น กาตพฺพเมว สมฺปติ อายติญฺจ อนตฺถาวหตฺตาฯ
Na uññātabbāti na garahitabbā. Garahattho hi ayaṃ u-saddo. ‘‘Daharo’’ti adhikatattā vakkhamānattā ca ‘‘khattiyoti rājakumāro’’ti vuttaṃ. Urasā gacchatīti urago, yo koci sappo, idha pana adhippetaṃ dassetuṃ ‘‘āsīviso’’ti āha. Sīlavantaṃ pabbajitaṃ dasseti sāmaññato ‘‘bhikkhū’’ti vadanto. Idha pana yasmā ‘‘bhavampi no gotamo’’tiādinā bhagavantaṃ uddissa kathaṃ samuṭṭhāpesi, tasmā bhagavā attānaṃ abbhantaraṃ akāsi. Yadipi viseso sāmaññajotanāya vibhāvito hoti, saṃsayuppattidīpakaṃ noti vuttaggahaṇaṃ pana taṃ paricchijjatīti. Tenāha ‘‘desanākusalatāyā’’tiādi. Idāni avaññāparibhave payogato vibhāvetuṃ ‘‘ettha cā’’tiādi vuttaṃ. Tattha acittīkatākāravasena avaññāya pākaṭabhāvo, vambhanavasena paribhavassāti adhippāyena kāyapayogavasena avaññā dassitā, vacīpayogavasena paribhavo, ubhayaṃ pana ubhayatthāpi pabhedato gahitaṃ, avaññaparibhavānaṃ dvinnampi ubhayattha pariggaho. Taṃ sabbampīti taṃ avaññādi sabbampi. Catūsupi taṃ na kātabbameva sampati āyatiñca anatthāvahattā.
ตทตฺถทีปนาติ ตสฺส อาทิโต วุตฺตสฺส อตฺถสฺส ทีปนาฯ วิเสสตฺถทีปนาติ ตโต วิสิฎฺฐตฺถทีปนา ฯ เขตฺตานํ อธิปตีติ ขตฺติโยติ นิรุตฺตินเยน สทฺทสิทฺธิ เวทิตพฺพาฯ เขตฺตโต วิวาทา สเตฺต ตายตีติ ขตฺติโยติ โลกิยา กถยนฺติฯ ‘‘มหาสมฺมโต, ขตฺติโย, ราชา’’ติ เอวมาคเตสุ อิเมสุ ทุติยํฯ อกฺขรนฺติ สมญฺญาฯ สา หิ อุทยพฺพยาภาวโต ‘‘น กทาจิ ขรตีติ อกฺขร’’นฺติ วุตฺตาฯ เตนาห ‘‘นามโคตฺตํ น ชีรตี’’ติฯ ชาติสมฺปนฺนนฺติ สมฺปนฺนชาติํ อติวิสุทฺธชาติํฯ ตีณิ กุลานีติ พฺราหฺมณเวสฺสสุทฺทกุลานิฯ อติกฺกมิตฺวาติ อตฺตโน ชาติสมฺปตฺติยา อภิภวิตฺวาฯ
Tadatthadīpanāti tassa ādito vuttassa atthassa dīpanā. Visesatthadīpanāti tato visiṭṭhatthadīpanā . Khettānaṃ adhipatīti khattiyoti niruttinayena saddasiddhi veditabbā. Khettato vivādā satte tāyatīti khattiyoti lokiyā kathayanti. ‘‘Mahāsammato, khattiyo, rājā’’ti evamāgatesu imesu dutiyaṃ. Akkharanti samaññā. Sā hi udayabbayābhāvato ‘‘na kadāci kharatīti akkhara’’nti vuttā. Tenāha ‘‘nāmagottaṃ na jīratī’’ti. Jātisampannanti sampannajātiṃ ativisuddhajātiṃ. Tīṇi kulānīti brāhmaṇavessasuddakulāni. Atikkamitvāti attano jātisampattiyā abhibhavitvā.
เกวลํ นามปทํ วุตฺตํ อาขฺยาตปทํ อเปกฺขเตวาติ อาห ‘‘ฐานํ หีติ การณํ วิชฺชตี’’ติฯ อุทฺธฎทเณฺฑนาติ สมนฺตโต อุพฺภเตน ทเณฺฑน สาสเนน, พลวํ อุปกฺกมํ ครุกํ ราชานมฺปิฯ ตํ ขตฺติยํ ปริวเชฺชยฺยาติ ขตฺติยํ อวญฺญาปริภวกรณโต วเชฺชยฺยฯ เตนาห ‘‘น ฆเฎฺฎยฺยา’’ติฯ
Kevalaṃ nāmapadaṃ vuttaṃ ākhyātapadaṃ apekkhatevāti āha ‘‘ṭhānaṃ hīti kāraṇaṃ vijjatī’’ti. Uddhaṭadaṇḍenāti samantato ubbhatena daṇḍena sāsanena, balavaṃ upakkamaṃ garukaṃ rājānampi. Taṃ khattiyaṃ parivajjeyyāti khattiyaṃ avaññāparibhavakaraṇato vajjeyya. Tenāha ‘‘na ghaṭṭeyyā’’ti.
อุรคสฺส จ นานาวิธวณฺณคฺคหเณ การณํ วทติ ‘‘เยน เยน หี’’ติอาทินาฯ พหุภกฺขนฺติ มหาภกฺขํ สพฺพภกฺขขาทกํฯ ปาวกํ โสธนเตฺถน อสุทฺธสฺสปิ ทหเนนฯ โสติ มโคฺคฯ กโณฺห วตฺตนี อิมสฺสาติ กณฺหวตฺตนีฯ มหโนฺต อคฺคิกฺขโนฺธ หุตฺวาฯ ยาวพฺรหฺมโลกปฺปมาโณติ กปฺปวุฎฺฐานกาเล อรเญฺญ อคฺคินา คหิเต กาลนฺตเร เอว กฎฺฐติณรุกฺขาทิสมฺภโวติ ทเสฺสตุํ ‘‘ชายนฺติ ตตฺถ ปาโรหา’’ติ ปาฬิยํ วุตฺตนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาหฯ
Uragassa ca nānāvidhavaṇṇaggahaṇe kāraṇaṃ vadati ‘‘yena yena hī’’tiādinā. Bahubhakkhanti mahābhakkhaṃ sabbabhakkhakhādakaṃ. Pāvakaṃ sodhanatthena asuddhassapi dahanena. Soti maggo. Kaṇho vattanī imassāti kaṇhavattanī. Mahanto aggikkhandho hutvā. Yāvabrahmalokappamāṇoti kappavuṭṭhānakāle araññe agginā gahite kālantare eva kaṭṭhatiṇarukkhādisambhavoti dassetuṃ ‘‘jāyanti tattha pārohā’’ti pāḷiyaṃ vuttanti dassento ‘‘tatthā’’tiādimāha.
ฑหิตุํ น สโกฺกติ ปจฺจโกฺกสนาทินาฯ วินสฺสนฺติ สมณเตชสา วินาสิตตฺตาฯ ‘‘น ตสฺสา’’ติ เอตฺถ น-การํ ‘‘วินฺทเร’’ติ เอตฺถ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพนฺติ อาห ‘‘น วินฺทนฺตี’’ติฯ วตฺถุมตฺตาวสิโฎฺฐติ ฐานเมว เนสํ อวสิสฺสติ, สยํ ปน สพฺพโส สห ธเนน วินสฺสนฺตีติ อโตฺถฯ
Ḍahituṃ na sakkoti paccakkosanādinā. Vinassanti samaṇatejasā vināsitattā. ‘‘Na tassā’’ti ettha na-kāraṃ ‘‘vindare’’ti ettha ānetvā sambandhitabbanti āha ‘‘na vindantī’’ti. Vatthumattāvasiṭṭhoti ṭhānameva nesaṃ avasissati, sayaṃ pana sabbaso saha dhanena vinassantīti attho.
‘‘สมฺมเทว สมาจเร’’ติ เอตฺถ ยถา ราชาทีสุ สมฺมา สมาจเรยฺย, ตํ วิภาเคน ทเสฺสโนฺต ‘‘ขตฺติยํ ตาวา’’ติอาทิมาหฯ ตํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ ติโสฺส กุลสมฺปตฺติโยติ ขตฺติย-พฺราหฺมณคหปติ-มหาสาลกุลานิ วทติฯ ปญฺจ รูปิพฺรหฺมโลเก, จตฺตาโร อรูปีพฺรหฺมโลเกติ เอวํ นว พฺรหฺมโลเก กมฺมภววิภาเคน, เสสานํ คณนานํ อุปปตฺติภววิภาเคนฯ
‘‘Sammadeva samācare’’ti ettha yathā rājādīsu sammā samācareyya, taṃ vibhāgena dassento ‘‘khattiyaṃ tāvā’’tiādimāha. Taṃ suviññeyyameva. Tisso kulasampattiyoti khattiya-brāhmaṇagahapati-mahāsālakulāni vadati. Pañca rūpibrahmaloke, cattāro arūpībrahmaloketi evaṃ nava brahmaloke kammabhavavibhāgena, sesānaṃ gaṇanānaṃ upapattibhavavibhāgena.
อภิกฺกนฺตนฺติ อติวิย กมนียํฯ สา ปนสฺสา กนฺตตา อติวิย อิฎฺฐตาย มนวฑฺฒนตาย โสภนตายาติ อาห ‘‘อติอิฎฺฐํ อติมนาปํ อติสุนฺทรนฺติ อโตฺถ’’ติฯ ‘‘อภิกฺกนฺต’’นฺติ วจนํ อเปกฺขิตฺวา นปุํสกนิเทฺทโส, วจนํ ปน ภควโต ธมฺมเทสนาติ ตถา วุตฺตํฯ อตฺถมตฺตทสฺสนํ วา เอตํ, ตสฺมา อตฺถวเสน ลิงฺควิภตฺติวิปริณาโม เวทิตโพฺพฯ ทุติยปเทปิ เอเสว นโยฯ
Abhikkantanti ativiya kamanīyaṃ. Sā panassā kantatā ativiya iṭṭhatāya manavaḍḍhanatāya sobhanatāyāti āha ‘‘atiiṭṭhaṃ atimanāpaṃ atisundaranti attho’’ti. ‘‘Abhikkanta’’nti vacanaṃ apekkhitvā napuṃsakaniddeso, vacanaṃ pana bhagavato dhammadesanāti tathā vuttaṃ. Atthamattadassanaṃ vā etaṃ, tasmā atthavasena liṅgavibhattivipariṇāmo veditabbo. Dutiyapadepi eseva nayo.
อโธมุขฐปิตนฺติ เกนจิ อโธมุขํ ฐปิตํฯ เหฎฺฐามุขชาตนฺติ สภาเวเนว เหฎฺฐามุขํ ชาตํฯ อุคฺฆาเฎยฺยาติ วิวฎํ กเรยฺยฯ หเตฺถ คเหตฺวาติ ‘‘ปุรตฺถาภิมุโข อุตฺตราภิมุโข วา คจฺฉา’’ติอาทีนิ อวตฺวา หเตฺถ คเหตฺวา นิสฺสเนฺทหํ กตฺวา ‘‘เอส มโคฺค’’ติ เอวํ วตฺวา ‘‘คจฺฉา’’ติ วเทยฺยฯ กาฬปกฺขจาตุทฺทสีติ กาฬปเกฺข จาตุทฺทสีฯ นิกฺกุชฺชิตํ อุกฺกุเชฺชยฺยาติ อาเธยฺยสฺส อนาธารภูตํ ภาชนํ ตสฺส อาธารภาวาปาทนวเสน อุกฺกุเชฺชยฺยฯ อญฺญาณสฺส อภิมุขตฺตา เหฎฺฐามุขชาตตาย สทฺธมฺมวิมุขํ, ตโต เอว อโธมุขภาเวน อสทฺธเมฺม ปติตนฺติ เอวํ ปททฺวยํ ยถารหํ โยเชตพฺพํ, น ยถาสงฺขยํฯ กามํ กามจฺฉนฺทาทโยปิ ปฎิจฺฉาทกา, มิจฺฉาทิฎฺฐิ ปน สวิเสสํ ปฎิจฺฉาทิกาติ อาห ‘‘มิจฺฉาทิฎฺฐิคหนปฎิจฺฉนฺน’’นฺติฯ เตนาห ภควา – ‘‘มิจฺฉาทิฎฺฐิปรมาหํ, ภิกฺขเว, วชฺชํ วทามี’’ติ (อ. นิ. ๑.๓๑๐)ฯ สพฺพาปายคามิมโคฺค กุมฺมโคฺค ‘‘กุจฺฉิโต มโคฺค’’ติ กตฺวาฯ สมฺมาทิฎฺฐิอาทีนํ อุชุปฎิปกฺขตาย มิจฺฉาทิฎฺฐิอาทโย อฎฺฐ มิจฺฉตฺตธมฺมา มิจฺฉามโคฺคฯ เตเนว หิ ตทุภยปฎิปกฺขตํ สนฺธาย ‘‘สคฺคโมกฺขมคฺคํ อาวิกโรเนฺตนา’’ติ วุตฺตํฯ สปฺปิอาทิสนฺนิสฺสโย ปทีโป น ตถา อุชฺชโล, ยถา เตลสนฺนิสฺสโยติ เตลปโชฺชตคฺคหณํฯ เอเตหิ ปริยาเยหีติ เอเตหิ นิกฺกุชฺชิตุกฺกุชฺชนปฎิจฺฉนฺนวิวรณาทิอุปโมปมิตพฺพปฺปกาเรหิฯ
Adhomukhaṭhapitanti kenaci adhomukhaṃ ṭhapitaṃ. Heṭṭhāmukhajātanti sabhāveneva heṭṭhāmukhaṃ jātaṃ. Ugghāṭeyyāti vivaṭaṃ kareyya. Hatthe gahetvāti ‘‘puratthābhimukho uttarābhimukho vā gacchā’’tiādīni avatvā hatthe gahetvā nissandehaṃ katvā ‘‘esa maggo’’ti evaṃ vatvā ‘‘gacchā’’ti vadeyya. Kāḷapakkhacātuddasīti kāḷapakkhe cātuddasī. Nikkujjitaṃ ukkujjeyyāti ādheyyassa anādhārabhūtaṃ bhājanaṃ tassa ādhārabhāvāpādanavasena ukkujjeyya. Aññāṇassa abhimukhattā heṭṭhāmukhajātatāya saddhammavimukhaṃ, tato eva adhomukhabhāvena asaddhamme patitanti evaṃ padadvayaṃ yathārahaṃ yojetabbaṃ, na yathāsaṅkhayaṃ. Kāmaṃ kāmacchandādayopi paṭicchādakā, micchādiṭṭhi pana savisesaṃ paṭicchādikāti āha ‘‘micchādiṭṭhigahanapaṭicchanna’’nti. Tenāha bhagavā – ‘‘micchādiṭṭhiparamāhaṃ, bhikkhave, vajjaṃ vadāmī’’ti (a. ni. 1.310). Sabbāpāyagāmimaggo kummaggo ‘‘kucchito maggo’’ti katvā. Sammādiṭṭhiādīnaṃ ujupaṭipakkhatāya micchādiṭṭhiādayo aṭṭha micchattadhammā micchāmaggo. Teneva hi tadubhayapaṭipakkhataṃ sandhāya ‘‘saggamokkhamaggaṃ āvikarontenā’’ti vuttaṃ. Sappiādisannissayo padīpo na tathā ujjalo, yathā telasannissayoti telapajjotaggahaṇaṃ. Etehi pariyāyehīti etehi nikkujjitukkujjanapaṭicchannavivaraṇādiupamopamitabbappakārehi.
ปสนฺนาการนฺติ ปสเนฺนหิ กาตพฺพํ สกฺการํฯ สรณนฺติ ปฎิสรณํ ปรายณํฯ อชฺชตาติ อชฺชาติ ปทสฺส วฑฺฒนมตฺตํ เหตฺถ ตา-สโทฺท ยถา ‘‘เทวตา’’ติฯ ปาเณหิ อุเปตนฺติ ปาเณหิ สห สรณํ อุเปตํฯ ‘‘ยาว เม ปาณา ธรนฺติ, ตาว สรณํ คตเมว มํ ธาเรตู’’ติ อาปาณโกฎิกํ อตฺตโน สรณคมนํ ปเวเทติฯ เตนาห ‘‘ยาว เม’’ติอาทิฯ ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
Pasannākāranti pasannehi kātabbaṃ sakkāraṃ. Saraṇanti paṭisaraṇaṃ parāyaṇaṃ. Ajjatāti ajjāti padassa vaḍḍhanamattaṃ hettha tā-saddo yathā ‘‘devatā’’ti. Pāṇehi upetanti pāṇehi saha saraṇaṃ upetaṃ. ‘‘Yāva me pāṇā dharanti, tāva saraṇaṃ gatameva maṃ dhāretū’’ti āpāṇakoṭikaṃ attano saraṇagamanaṃ pavedeti. Tenāha ‘‘yāva me’’tiādi. Yaṃ panettha atthato avibhattaṃ, taṃ suviññeyyameva.
ทหรสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Daharasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑. ทหรสุตฺตํ • 1. Daharasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๑. ทหรสุตฺตวณฺณนา • 1. Daharasuttavaṇṇanā