Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā)

    ๑๒. ทกฺขิณาวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา

    12. Dakkhiṇāvibhaṅgasuttavaṇṇanā

    ๓๗๖. มหาปชาปติโคตมีติ เอตฺถ โคตมีติ ตสฺส โคตมโคตฺตโต อาคตํ นามํ, มหาปชาปติ ปน คุณโตฯ ตํ วิวริตุํ, ‘‘นามกรณทิวเส ปนสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ มหติํ อุฬารํ ปชํ ชนนโปสเนหิ ปริรกฺขตีติ มหาปชาปติฯ ปริโภควเสน น หญฺญตีติ อหตํฯ สิปฺปิกานนฺติ ตนฺตวายานํฯ วายนฎฺฐานนฺติ วีนฎฺฐานํฯ ตานิ มํ น โตเสนฺติ กายิกสฺส ปุญฺญสฺส อภาวโตฯ เตนาห – ‘‘สหตฺถา กตเมว มํ โตเสตี’’ติฯ ปิสิตฺวา นิพฺพตฺตนํ กตฺวาฯ โปเถตฺวาติ สุขุมภาวาปาทนตฺถํ ธนุเกน เนตฺวาฯ กาลานุกาลญฺจ ธาติคณปริวุตา คนฺตฺวา เวมโกฎิํ อคฺคเหสิ เอกทิวสนฺติ อธิปฺปาโยฯ เอวญฺหิ ‘‘เอกทิวสํ ปน…เป.… อกาสี’’ติ ปุริมวจเนน ตํ น วิรุเชฺฌยฺยฯ

    376.Mahāpajāpatigotamīti ettha gotamīti tassa gotamagottato āgataṃ nāmaṃ, mahāpajāpati pana guṇato. Taṃ vivarituṃ, ‘‘nāmakaraṇadivase panassā’’tiādi vuttaṃ. Mahatiṃ uḷāraṃ pajaṃ jananaposanehi parirakkhatīti mahāpajāpati. Paribhogavasena na haññatīti ahataṃ. Sippikānanti tantavāyānaṃ. Vāyanaṭṭhānanti vīnaṭṭhānaṃ. Tāni maṃ na tosenti kāyikassa puññassa abhāvato. Tenāha – ‘‘sahatthā katamevamaṃ tosetī’’ti. Pisitvā nibbattanaṃ katvā. Pothetvāti sukhumabhāvāpādanatthaṃ dhanukena netvā. Kālānukālañca dhātigaṇaparivutā gantvā vemakoṭiṃ aggahesi ekadivasanti adhippāyo. Evañhi ‘‘ekadivasaṃ pana…pe… akāsī’’ti purimavacanena taṃ na virujjheyya.

    ฉ เจตนาติ ฉพฺพิธา เจตนาฯ น หิ ตา ฉเยว เจตนาติฯ สเงฺฆ โคตมิ เทหิ…เป.… สโงฺฆ จาติ อิทเมว สุตฺตปทํฯ สเงฺฆ โคตมิ เทหีติ สงฺฆสฺส ทานาย นิโยเชสิ, ตสฺมา สโงฺฆว ทกฺขิเณยฺยตโรติ อยเมเวตฺถ อโตฺถฯ ยทิ เอวนฺติอาทินา ตตฺถ พฺยภิจารํ ทเสฺสติฯ ราชมหามตฺตาทโยติอาทินา ตตฺถ พฺยติเรกโต นิทสฺสนํ อาหฯ มหนฺตตรา ภเวยฺยุนฺติ อานุภาวาทินา มหนฺตตรา ภเวยฺยุํ, น จ ตํ อตฺถีติฯ ตสฺมาติ ยสฺมา คุณวิสิฎฺฐเหตุกํ ทกฺขิเณยฺยตํ อนเปกฺขิตฺวา อตฺตโน ทียมานสฺส ทาปนํ ลภติ, ตสฺมาฯ มา เอวํ คณฺหาติ สมฺมาสมฺพุทฺธโต สโงฺฆว ทกฺขิเณโยฺย’’ติ มา คณฺหฯ

    Cha cetanāti chabbidhā cetanā. Na hi tā chayeva cetanāti. Saṅghe gotami dehi…pe… saṅgho cāti idameva suttapadaṃ. Saṅghe gotami dehīti saṅghassa dānāya niyojesi, tasmā saṅghova dakkhiṇeyyataroti ayamevettha attho. Yadi evantiādinā tattha byabhicāraṃ dasseti. Rājamahāmattādayotiādinā tattha byatirekato nidassanaṃ āha. Mahantatarā bhaveyyunti ānubhāvādinā mahantatarā bhaveyyuṃ, na ca taṃ atthīti. Tasmāti yasmā guṇavisiṭṭhahetukaṃ dakkhiṇeyyataṃ anapekkhitvā attano dīyamānassa dāpanaṃ labhati, tasmā. Mā evaṃ gaṇhāti sammāsambuddhato saṅghova dakkhiṇeyyo’’ti mā gaṇha.

    ตตฺถ นิจฺฉยสาธกํ สุตฺตปทํ ทเสฺสโนฺต, ‘‘นยิมสฺมิํ โลเก…เป.… วิปุลผเลสิน’’นฺติ อาหฯ สฺวายมโตฺถ รตนสุเตฺต (ขุ. ปา. ๖.๓; สุ. นิ. ๒๒๖), ‘‘ยํ กิญฺจิ วิตฺต’’นฺติ คาถาย, อคฺคปสาทสุตฺตาทีหิ (อิติวุ. ๙๐) จ วิภาเวตโพฺพติฯ เตนาห – ‘‘สตฺถารา อุตฺตริตโร ทกฺขิเณโยฺย นาม นตฺถี’’ติฯ

    Tattha nicchayasādhakaṃ suttapadaṃ dassento, ‘‘nayimasmiṃ loke…pe… vipulaphalesina’’nti āha. Svāyamattho ratanasutte (khu. pā. 6.3; su. ni. 226), ‘‘yaṃ kiñci vitta’’nti gāthāya, aggapasādasuttādīhi (itivu. 90) ca vibhāvetabboti. Tenāha – ‘‘satthārā uttaritaro dakkhiṇeyyo nāma natthī’’ti.

    โคตมิยา อนฺติมภวิกตาย ทานสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย อนุปฺปาทนโต น ตํ ครุตรํ สงฺฆสฺส ปาทาปเน การณนฺติ อาห – ‘‘ปจฺฉิมาย ชนตายา’’ติอาทิฯ วจนโตปีติ ตสฺส วตฺถยุคสฺส สตฺถุ เอว ปฎิคฺคหณาย วจนโตปิฯ เตนาห ‘‘น หี’’ติอาทิฯ

    Gotamiyā antimabhavikatāya dānassa dīgharattaṃ hitāya sukhāya anuppādanato na taṃ garutaraṃ saṅghassa pādāpane kāraṇanti āha – ‘‘pacchimāya janatāyā’’tiādi. Vacanatopīti tassa vatthayugassa satthu eva paṭiggahaṇāya vacanatopi. Tenāha ‘‘na hī’’tiādi.

    สตฺถา สงฺฆปริยาปโนฺนว อีทิเส ฐาเน อคฺคผลฎฺฐตาย อฎฺฐ-อริยปุคฺคลภาวโต, สเจ ปนสฺส น สยํ สงฺฆปริยาปนฺนตา, กถํ สเงฺฆ ปูชิเต สตฺถา ปูชิโต นาม สิยาติ อธิปฺปาโยฯ ตีณิ สรณคมนานิ ตโย เอว อคฺคปสาทาติ วกฺขตีติ อธิปฺปาโยฯ อภิเธยฺยานุรูปานิ หิ ลิงฺควจนานิฯ น รุหติ อยาถาวปฎิปตฺติภาวโต, น คิหิเวสคฺคหณาทินา คิหิภาวสฺส ปฎิกฺขิปิตตฺตาฯ น วตฺตพฺพเมตํ ‘‘สตฺถา สงฺฆปริยาปโนฺน’’ติ สตฺถุภาวโตฯ สาวกสมูโห หิ สโงฺฆ ฯ สงฺฆคเณ หิ สตฺถา อุตฺตริตโร อนญฺญสาธารณคุเณหิ สมนฺนาคตภาวโต มูลรตนภาวโต จฯ

    Satthāsaṅghapariyāpannova īdise ṭhāne aggaphalaṭṭhatāya aṭṭha-ariyapuggalabhāvato, sace panassa na sayaṃ saṅghapariyāpannatā, kathaṃ saṅghe pūjite satthā pūjito nāma siyāti adhippāyo. Tīṇi saraṇagamanāni tayo eva aggapasādāti vakkhatīti adhippāyo. Abhidheyyānurūpāni hi liṅgavacanāni. Na ruhati ayāthāvapaṭipattibhāvato, na gihivesaggahaṇādinā gihibhāvassa paṭikkhipitattā. Na vattabbametaṃ ‘‘satthā saṅghapariyāpanno’’ti satthubhāvato. Sāvakasamūho hi saṅgho . Saṅghagaṇe hi satthā uttaritaro anaññasādhāraṇaguṇehi samannāgatabhāvato mūlaratanabhāvato ca.

    ๓๗๗. สมฺปติชาตสฺส มหาสตฺตสฺส สตฺตปทวีติหารคมนํ ธมฺมตาวเสน ชาตํ, ปรํ ตทญฺญทหรสทิสี ปฎิปตฺตีติ อาห – ‘‘หตฺถปาทกิจฺจํ อสาเธเนฺตสู’’ติฯ

    377. Sampatijātassa mahāsattassa sattapadavītihāragamanaṃ dhammatāvasena jātaṃ, paraṃ tadaññadaharasadisī paṭipattīti āha – ‘‘hatthapādakiccaṃ asādhentesū’’ti.

    ๓๗๘. ปจฺจูปการํ น สุกรํ วทามิ อนุจฺฉวิกกิริยาย กาตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตาฯ อภิวาเทนฺติ เอเตนาติ อภิวาทนํฯ วนฺทมาเนหิ อเนฺตวาสิเกหิ อาจริยํ ‘‘สุขี โหตู’’ติอาทินา อภิวาเทนฺติ นามฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อภิวาทน’’นฺติฯ ตทภิมุโข…เป.… วนฺทิตฺวา นิปชฺชติ, เสยฺยถาปิ อายสฺมา สาริปุโตฺตฯ กาลานุกาลํ อุปฎฺฐานํ พีชยนปาทสมฺพาหนาทิ อนุจฺฉวิกกมฺมสฺส กรณํ นามฯ อนุจฺฉวิกํ กิริยํ กาตุํ น สโกฺกติเยว, ยสฺมา อาจริเยน กตสฺส ธมฺมานุคฺคหสฺส อเนฺตวาสินา กริยมาโน อามิสานุคฺคโห สงฺขมฺปิ กลมฺปิ กลภาคมฺปิ น อุเปติเยวาติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘น สุปฺปติการํ วทามี’’ติฯ

    378.Paccūpakāraṃ na sukaraṃ vadāmi anucchavikakiriyāya kātuṃ asakkuṇeyyattā. Abhivādenti etenāti abhivādanaṃ. Vandamānehi antevāsikehi ācariyaṃ ‘‘sukhī hotū’’tiādinā abhivādenti nāma. Tena vuttaṃ ‘‘abhivādana’’nti. Tadabhimukho…pe… vanditvā nipajjati, seyyathāpi āyasmā sāriputto. Kālānukālaṃ upaṭṭhānaṃ bījayanapādasambāhanādi anucchavikakammassa karaṇaṃ nāma. Anucchavikaṃ kiriyaṃ kātuṃ na sakkotiyeva, yasmā ācariyena katassa dhammānuggahassa antevāsinā kariyamāno āmisānuggaho saṅkhampi kalampi kalabhāgampi na upetiyevāti. Tena vuttaṃ ‘‘na suppatikāraṃ vadāmī’’ti.

    ๓๗๙. ปาฎิปุคฺคลิกํ ทกฺขิณํ อารพฺภ สมุฎฺฐิตํ, ‘‘ตํ เม ภควา ปฎิคฺคณฺหตู’’ติ มหาปชาปติโคตมิยา วจนํ นิมิตฺตํ กตฺวา เทสนาย อุฎฺฐิตตฺตาฯ น เกวลญฺจ ตสฺสา เอว วจนํ, อถ โข อานนฺทเตฺถโรปิ…เป.… สมาทเปสิ, ตสฺมา วิภาคโต จุทฺทสสุ…เป.… โหตีติ ทเสฺสตุํ, อิมํ เทสนํ อารภิฯ ตตฺถ ปติปเจฺจกํ ปุคฺคลํ ทียตีติ ปาฎิปุคฺคลิกํฯ ปฐมสโทฺท ยถา อคฺคโตฺถ, เอวํ เสฎฺฐปริยาโยปีติ อาห ‘‘เชฎฺฐกวเสนปี’’ติฯ อคฺคา อุตฺตเม เขเตฺต ปวตฺตตฺตาฯ ทุติยตติยาปิ ปรมทกฺขิณาเยว สพฺพโส สมฺมาวิกฺขมฺภิตราคาทิกิเลสตฺตาฯ ราคาทโย หิ อทกฺขิเณยฺยภาวสฺส การณํฯ เตเนวาห – ‘‘ติณโทสานิ เขตฺตานิ, ราคโทสา อยํ ปชา’’ติอาทิ (ธ. ป. ๓๕๖)ฯ ยสฺมา ปน สวาสนํ สพฺพโส สมุจฺฉินฺนกิเลเสหิ ตโต เอว สพฺพโส อปฺปฎิหตญาณจาเรหิ อนนฺตาปริเมยฺยคุณคณาธาเรหิ สมฺมาสมฺพุเทฺธหิ สทิโส สเทวเก โลเก โกจิ ทกฺขิเณโยฺย นตฺถิฯ ตสฺมา ‘‘ปรมทกฺขิณาเยวา’’ติ สาสงฺกํ วทติฯ ยสฺมา ปญฺจาภิโญฺญ อฎฺฐสมาปตฺติลาภี เอว โหติ โลกิยาภิญฺญานํ อฎฺฐสมาปตฺติอธิฎฺฐานตฺตา, ตสฺมา ‘‘โลกิยปญฺจาภิเญฺญ’’อิเจฺจว วุตฺตํ, น ‘‘อฎฺฐสมาปตฺติลาภิมฺหี’’ติ ตาย อวุตฺตสิทฺธตฺตาฯ โคสีลธาตุโกติ โคสีลสภาโว, สีลวตา สทิสสีโลติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘อสโฐ’’ติอาทิฯ เตน น อลชฺชิธาตุโก ปกติสิโทฺธ อิธ ปุถุชฺชนสีลวาติ อธิเปฺปโตติ ทเสฺสติฯ

    379.Pāṭipuggalikaṃ dakkhiṇaṃ ārabbha samuṭṭhitaṃ, ‘‘taṃ me bhagavā paṭiggaṇhatū’’ti mahāpajāpatigotamiyā vacanaṃ nimittaṃ katvā desanāya uṭṭhitattā. Na kevalañca tassā eva vacanaṃ, atha kho ānandattheropi…pe… samādapesi, tasmā vibhāgato cuddasasu…pe… hotīti dassetuṃ, imaṃ desanaṃ ārabhi. Tattha patipaccekaṃ puggalaṃ dīyatīti pāṭipuggalikaṃ. Paṭhamasaddo yathā aggattho, evaṃ seṭṭhapariyāyopīti āha ‘‘jeṭṭhakavasenapī’’ti. Aggā uttame khette pavattattā. Dutiyatatiyāpi paramadakkhiṇāyeva sabbaso sammāvikkhambhitarāgādikilesattā. Rāgādayo hi adakkhiṇeyyabhāvassa kāraṇaṃ. Tenevāha – ‘‘tiṇadosāni khettāni, rāgadosā ayaṃ pajā’’tiādi (dha. pa. 356). Yasmā pana savāsanaṃ sabbaso samucchinnakilesehi tato eva sabbaso appaṭihatañāṇacārehi anantāparimeyyaguṇagaṇādhārehi sammāsambuddhehi sadiso sadevake loke koci dakkhiṇeyyo natthi. Tasmā ‘‘paramadakkhiṇāyevā’’ti sāsaṅkaṃ vadati. Yasmā pañcābhiñño aṭṭhasamāpattilābhī eva hoti lokiyābhiññānaṃ aṭṭhasamāpattiadhiṭṭhānattā, tasmā ‘‘lokiyapañcābhiññe’’icceva vuttaṃ, na ‘‘aṭṭhasamāpattilābhimhī’’ti tāya avuttasiddhattā. Gosīladhātukoti gosīlasabhāvo, sīlavatā sadisasīloti attho. Tenāha ‘‘asaṭho’’tiādi. Tena na alajjidhātuko pakatisiddho idha puthujjanasīlavāti adhippetoti dasseti.

    ปริจฺฉินฺทโนฺตติ เอตฺตโกติ ปเจฺจกปฺปมาณโต ตโต เอว อญฺญมญฺญํ อสงฺกรโตว ปริจฺฉินฺทโนฺตฯ กถํ ปน อสเงฺขฺยยฺยภาเวน วุจฺจมาโน วิปาโก ปริจฺฉิโนฺน โหติ? โสปิ ตสฺส ปริเจฺฉโท เอว อิตเรหิ อสํกิณฺณภาวทีปนโต, เอตทตฺถเมว ปุเพฺพ อสงฺกรคฺคหณํ กตํฯ คุณวเสนาติ ลกฺขณสมฺปนฺนาทิคุณวเสนฯ อุปการวเสนาติ โภครกฺขาทิอุปการวเสนฯ ยํ โปสนตฺถํ ทินฺนํ, อิทํ น คหิตํ ทานลกฺขณาโยคโตฯ อนุคฺคหปูชนิจฺฉาวเสน หิ อตฺตโน เทยฺยวตฺถุปริจฺจาโค ทานํ ภยราคลทฺธุกามกุลาทิวเสน สาวชฺชาภาวโตฯ ตมฺปิ น คหิตํ อยาวทตฺถตาอปริปุณฺณภาเวน ยถาธิเปฺปตผลทานาสมตฺถภาวโตฯ สมฺปตฺตสฺสาติ สนฺติกาคตสฺสฯ เตน สมฺปตฺติปโยชเน อนเปกฺขตํ ทเสฺสติฯ ผลํ ปฎิกงฺขิตฺวาติ ‘‘อิทํ เม ทานมยํ ปุญฺญํ อายติํ สุขหิตภาวาย โหตู’’ติอาทินา ผลํ ปจฺจาสีสิตฺวาฯ เตนสฺส ผลทาเน นมิยตํ ทเสฺสติ, ยาวทตฺถนฺติ อิมินา ปริปุณฺณผลตํฯ สตคุณาติ เอตฺถ คุณสโทฺท น ‘‘คุเณน นามํ อุทฺธเรยฺย’’นฺติอาทีสุ (ธ. ส. อฎฺฐ. ๑๓๑๓; อุทา. อฎฺฐ. ๕๓; ปฎิ. ม. อฎฺฐ. ๑.๑.๗๖; เนตฺติ. อฎฺฐ. ๔.๓๘) วิย สมฺปตฺติอโตฺถ, ‘‘ตทฺทิคุณ’’นฺติอาทีสุ วิย น วฑฺฒนโตฺถ, ‘‘ปญฺจ กามคุณา โลเก, มโนฉฎฺฐา ปเวทิตา’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๑๗๓) วิย น โกฎฺฐาสโตฺถ, ‘‘อนฺตํ อนฺตคุณ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๗๗; ม. นิ. ๑.๑๑๐; ขุ. ปา. ๓) วิย น อนฺตภาคโตฺถ, อถ โข อานิสํสโตฺถติ ทเสฺสโนฺต, ‘‘สตานิสํสา’’ติ อาห, เต อานิสํเส สรูปโต ทเสฺสตุํ, ‘‘อายุสต’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ สตคุณาติ วา สตวฑฺฒิกาติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ นิปฺปริตสํ กโรตีติ อายุอาทีนํ อานิสํสานํ อปริตฺตาสํ กโรติฯ อถ วา นิปฺปริตสํ กโรตีติ อายุอาทินิมิตฺตํ อปริตฺตาสํ กโรติฯ อถ วา นิปฺปริตสํ กโรตีติ อายุอาทีนิ ตโต อุตฺตริมฺปิ อาหาราทิเหตุ อปริตฺตาสํ กโรติฯ อตฺตภาววินิมุตฺตสญฺจรณสฺส อภาวา, ‘‘ภวสเตปิ วุเตฺต อยเมวโตฺถ’’ติ วุตฺตํฯ สพฺพตฺถาติ, ‘‘ปุถุชฺชนทุสฺสีเล’’ติอาทีสุ สพฺพวาเรสุฯ นโย เนตโพฺพติ, ‘‘อายุสหสฺสํ วณฺณสหสฺส’’นฺติอาทิโก นโยฯ

    Paricchindantoti ettakoti paccekappamāṇato tato eva aññamaññaṃ asaṅkaratova paricchindanto. Kathaṃ pana asaṅkhyeyyabhāvena vuccamāno vipāko paricchinno hoti? Sopi tassa paricchedo eva itarehi asaṃkiṇṇabhāvadīpanato, etadatthameva pubbe asaṅkaraggahaṇaṃ kataṃ. Guṇavasenāti lakkhaṇasampannādiguṇavasena. Upakāravasenāti bhogarakkhādiupakāravasena. Yaṃ posanatthaṃ dinnaṃ, idaṃ na gahitaṃ dānalakkhaṇāyogato. Anuggahapūjanicchāvasena hi attano deyyavatthupariccāgo dānaṃ bhayarāgaladdhukāmakulādivasena sāvajjābhāvato. Tampi na gahitaṃ ayāvadatthatāaparipuṇṇabhāvena yathādhippetaphaladānāsamatthabhāvato. Sampattassāti santikāgatassa. Tena sampattipayojane anapekkhataṃ dasseti. Phalaṃ paṭikaṅkhitvāti ‘‘idaṃ me dānamayaṃ puññaṃ āyatiṃ sukhahitabhāvāya hotū’’tiādinā phalaṃ paccāsīsitvā. Tenassa phaladāne namiyataṃ dasseti, yāvadatthanti iminā paripuṇṇaphalataṃ. Sataguṇāti ettha guṇasaddo na ‘‘guṇena nāmaṃ uddhareyya’’ntiādīsu (dha. sa. aṭṭha. 1313; udā. aṭṭha. 53; paṭi. ma. aṭṭha. 1.1.76; netti. aṭṭha. 4.38) viya sampattiattho, ‘‘taddiguṇa’’ntiādīsu viya na vaḍḍhanattho, ‘‘pañca kāmaguṇā loke, manochaṭṭhā paveditā’’tiādīsu (su. ni. 173) viya na koṭṭhāsattho, ‘‘antaṃ antaguṇa’’ntiādīsu (dī. ni. 2.377; ma. ni. 1.110; khu. pā. 3) viya na antabhāgattho, atha kho ānisaṃsatthoti dassento, ‘‘satānisaṃsā’’ti āha, te ānisaṃse sarūpato dassetuṃ, ‘‘āyusata’’ntiādi vuttaṃ. Sataguṇāti vā satavaḍḍhikāti evamettha attho daṭṭhabbo. Nipparitasaṃ karotīti āyuādīnaṃ ānisaṃsānaṃ aparittāsaṃ karoti. Atha vā nipparitasaṃ karotīti āyuādinimittaṃ aparittāsaṃ karoti. Atha vā nipparitasaṃ karotīti āyuādīni tato uttarimpi āhārādihetu aparittāsaṃ karoti. Attabhāvavinimuttasañcaraṇassa abhāvā, ‘‘bhavasatepi vutte ayamevattho’’ti vuttaṃ. Sabbatthāti, ‘‘puthujjanadussīle’’tiādīsu sabbavāresu. Nayo netabboti, ‘‘āyusahassaṃ vaṇṇasahassa’’ntiādiko nayo.

    สาสนาวตรณํ นาม ยาวเทว วฎฺฎทุกฺขนิตฺถรณตฺถํ, ตญฺจ มคฺคปฎิเวธนํ, ตสฺมา นิเพฺพธภาคิยสรณคมนํ สิกฺขาปทสมาทานํ ปพฺพชฺชา อุปสมฺปทา สีลปริปูรณํ อธิจิตฺตสิกฺขานุโยโค วิปสฺสนาภาวนาติ สพฺพาเปสา โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฎิปตฺติ เอว โหตีติ อาห – ‘‘ติสรณํ คโต อุปาสโกปี’’ติอาทิฯ ตตฺถ ยถา นิเพฺพธภาคิโย สมาธิ ตาว นาม ปรมฺปราย อริยมคฺคาธิคมสฺส ปจฺจยภาวโต อุปนิสฺสโย; ตถา นิเพฺพธภาคิยํ สีลปริปูรณํ อุปสมฺปทา ปพฺพชฺชา อุปาสกสฺส ทสสุ ปญฺจสุ สีเลสุ ปติฎฺฐานํ อนฺตมโส สรณาทิคมนมฺปิ นิเพฺพธภาคิยํ อริยมคฺคาธิคมสฺส อุปนิสฺสโย โหติเยวาติ, ‘‘สพฺพาเปสา โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฎิปตฺตี’’ติ วุตฺตาฯ ตตฺถ อนญฺญสาธารณ-วิชฺชาจรณาทิ-อสเงฺขฺยยฺยอปริเมยฺย-คุณ-สมุทยปูริเต ภควติ สทฺธเมฺม อริยสเงฺฆ อุฬารตรพหุมานคารวตํ คโตฯ ‘‘สมฺมาสมฺพุโทฺธ ภควา, สฺวาขาโต ธโมฺม, สุปฺปฎิปโนฺน สโงฺฆ’’ติ ตปฺปรายณตาทิอาการปฺปโตฺต ญาณปริโสธิโต ปสาโท สรณคมนนฺติ เตน วตฺถุคเตน ปสาเทน ปริภาวิเต สนฺตาเน กตํ ปุญฺญเกฺขตฺตสมฺปตฺติยา มหปฺผลํ มหานิสํสเมว โหตีติ อาห – ‘‘ตสฺมิํ ทินฺนทานมฺปิ อสเงฺขฺยยฺยํ อปฺปเมยฺย’’นฺติฯ ตยิทํ สรณํ วตฺถุตฺตเย ปสาทภาเวน อชฺฌาสยสมฺปตฺติมตฺตํ, ตาทิสสฺส ปน ปญฺจสีลํ อชฺฌาสยสมฺปตฺติอุปถมฺภิโต กายวจีสํยโมติ ตตฺถ ทินฺนํ ตโต อุตฺตริ มหปฺผลนฺติ, ทสสีลํ ปน ปริปุณฺณุโปสถสีลํ, ตตฺถ ทินฺนํ มหปฺผลนฺติ, ‘‘ตโต อุตฺตริ มหปฺผล’’นฺติ วุตฺตํฯ สามเณรสีลาทีนํ ปน อุตฺตริ วิสิฎฺฐตราทิภาวโต ตตฺถ ตตฺถ ทินฺนสฺส วิเสสมหปฺผลตา วุตฺตาฯ

    Sāsanāvataraṇaṃ nāma yāvadeva vaṭṭadukkhanittharaṇatthaṃ, tañca maggapaṭivedhanaṃ, tasmā nibbedhabhāgiyasaraṇagamanaṃ sikkhāpadasamādānaṃ pabbajjā upasampadā sīlaparipūraṇaṃ adhicittasikkhānuyogo vipassanābhāvanāti sabbāpesā sotāpattiphalasacchikiriyāya paṭipatti eva hotīti āha – ‘‘tisaraṇaṃ gato upāsakopī’’tiādi. Tattha yathā nibbedhabhāgiyo samādhi tāva nāma paramparāya ariyamaggādhigamassa paccayabhāvato upanissayo; tathā nibbedhabhāgiyaṃ sīlaparipūraṇaṃ upasampadā pabbajjā upāsakassa dasasu pañcasu sīlesu patiṭṭhānaṃ antamaso saraṇādigamanampi nibbedhabhāgiyaṃ ariyamaggādhigamassa upanissayo hotiyevāti, ‘‘sabbāpesā sotāpattiphalasacchikiriyāya paṭipattī’’ti vuttā. Tattha anaññasādhāraṇa-vijjācaraṇādi-asaṅkhyeyyaaparimeyya-guṇa-samudayapūrite bhagavati saddhamme ariyasaṅghe uḷāratarabahumānagāravataṃ gato. ‘‘Sammāsambuddho bhagavā, svākhāto dhammo, suppaṭipanno saṅgho’’ti tapparāyaṇatādiākārappatto ñāṇaparisodhito pasādo saraṇagamananti tena vatthugatena pasādena paribhāvite santāne kataṃ puññakkhettasampattiyā mahapphalaṃ mahānisaṃsameva hotīti āha – ‘‘tasmiṃ dinnadānampi asaṅkhyeyyaṃ appameyya’’nti. Tayidaṃ saraṇaṃ vatthuttaye pasādabhāvena ajjhāsayasampattimattaṃ, tādisassa pana pañcasīlaṃ ajjhāsayasampattiupathambhito kāyavacīsaṃyamoti tattha dinnaṃ tato uttari mahapphalanti, dasasīlaṃ pana paripuṇṇuposathasīlaṃ, tattha dinnaṃ mahapphalanti, ‘‘tato uttari mahapphala’’nti vuttaṃ. Sāmaṇerasīlādīnaṃ pana uttari visiṭṭhatarādibhāvato tattha tattha dinnassa visesamahapphalatā vuttā.

    มคฺคสมงฺคิตา นาม มคฺคจิตฺตกฺขณปริจฺฉินฺนา, ตสฺมิญฺจ ขเณ กถํ ทาตุํ ปฎิคฺคเหตุญฺจ สมฺภวตีติ โจเทติ ‘‘กิํ ปน มคฺคสมงฺคิสฺส สกฺกา ทานํ ทาตุ’’นฺติฯ อิตโร ตาทิเส สติ สมเยติ ทเสฺสโนฺต, ‘‘อาม สกฺกา’’ติ ปฎิชานิตฺวา, ‘‘อารทฺธวิปสฺสโก’’ติอาทินา ตมตฺถํ วิวรติฯ ตสฺมิํ ขเณติ ตสฺมิํ ปกฺขิปนกฺขเณฯ ยทิ อฎฺฐมกสฺส โสตาปนฺนสฺส ทินฺนทานํ ผลโต อสเงฺขฺยยฺยเมว, โก เนสํ วิเสโสติ อาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิฯ เตน สติปิ อสเงฺขฺยยฺยภาวสามเญฺญ อตฺถิ เนสํ อปฺปพหุภาโว สํวฎฺฎฎฺฐายี อสเงฺขฺยยฺยมหากปฺปาสเงฺขฺยยฺยานํ วิยาติ ทเสฺสติฯ มคฺคสมงฺคีนํ เตน เตน โอธินา สํกิเลสธมฺมานํ ปหียมานตฺตา โวทานธมฺมานํ วฑฺฒมานตฺตา อปริโยสิตกิจฺจตฺตา อปริปุณฺณคุณตา, ปริโยสิตกิจฺจตฺตา ผลสมงฺคีนํ ปริปุณฺณคุณตาติ ตํตํมคฺคเฎฺฐหิ ผลฎฺฐานํ เขตฺตาติสยตา เวทิตพฺพาฯ เหฎฺฐิมเหฎฺฐิเมหิ ปน มคฺคเฎฺฐหิ อุปริมานํ มคฺคฎฺฐานํ ผลเฎฺฐหิ ผลฎฺฐานํ อุตฺตริตรตา ปากฎา เอวฯ ตถา หิ อุปริมานํ ทินฺนทานสฺส มหปฺผลตา วุตฺตาฯ

    Maggasamaṅgitā nāma maggacittakkhaṇaparicchinnā, tasmiñca khaṇe kathaṃ dātuṃ paṭiggahetuñca sambhavatīti codeti ‘‘kiṃ pana maggasamaṅgissa sakkā dānaṃ dātu’’nti. Itaro tādise sati samayeti dassento, ‘‘āma sakkā’’ti paṭijānitvā, ‘‘āraddhavipassako’’tiādinā tamatthaṃ vivarati. Tasmiṃ khaṇeti tasmiṃ pakkhipanakkhaṇe. Yadi aṭṭhamakassa sotāpannassa dinnadānaṃ phalato asaṅkhyeyyameva, ko nesaṃ visesoti āha ‘‘tatthā’’tiādi. Tena satipi asaṅkhyeyyabhāvasāmaññe atthi nesaṃ appabahubhāvo saṃvaṭṭaṭṭhāyī asaṅkhyeyyamahākappāsaṅkhyeyyānaṃ viyāti dasseti. Maggasamaṅgīnaṃ tena tena odhinā saṃkilesadhammānaṃ pahīyamānattā vodānadhammānaṃ vaḍḍhamānattā apariyositakiccattā aparipuṇṇaguṇatā, pariyositakiccattā phalasamaṅgīnaṃ paripuṇṇaguṇatāti taṃtaṃmaggaṭṭhehi phalaṭṭhānaṃ khettātisayatā veditabbā. Heṭṭhimaheṭṭhimehi pana maggaṭṭhehi uparimānaṃ maggaṭṭhānaṃ phalaṭṭhehi phalaṭṭhānaṃ uttaritaratā pākaṭā eva. Tathā hi uparimānaṃ dinnadānassa mahapphalatā vuttā.

    ๓๘๐. กามเญฺจตฺถ พุทฺธปฺปมุเข อุภโตสเงฺฆ เกวเล จ ภิกฺขุสเงฺฆ ทานํ อตฺถิ เอว, น ปน พุทฺธปฺปมุเข ภิกฺขุสเงฺฆ, ตํ ปน พุทฺธปฺปมุขอุภโตสเงฺฆเนว สงฺคหิตนฺติ อวิรุทฺธํฯ น ปาปุณนฺติ มหปฺผลภาเวน สทิสตมฺปิ, กุโต อธิกตํฯ

    380. Kāmañcettha buddhappamukhe ubhatosaṅghe kevale ca bhikkhusaṅghe dānaṃ atthi eva, na pana buddhappamukhe bhikkhusaṅghe, taṃ pana buddhappamukhaubhatosaṅgheneva saṅgahitanti aviruddhaṃ. Na pāpuṇanti mahapphalabhāvena sadisatampi, kuto adhikataṃ.

    ‘‘ตถาคเต ปรินิพฺพุเต อุภโตสงฺฆสฺส’’ อิเจฺจว วุตฺตตฺตา – ‘‘กิํ ปนา’’ติอาทินา โจเทติ ฯ อิตโร ปรินิพฺพุเต ตถาคเต ตํ อุทฺทิสฺส คนฺธปุปฺผาทิปริจฺจาโค วิย จีวราทิปริจฺจาโคปิ มหปฺผโล โหติเยวาติ กตฺวา ปฎิปชฺชนวิธิํ ทเสฺสตุํ, ‘‘อุภโตสงฺฆสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘เอตฺตกาเยว, ภิกฺขู อุทฺทิสถา’’ติ เอวํ ปริเจฺฉทสฺส อกรเณน อุปจารสีมาปริยาปนฺนานํ เขตฺตปริยาปนฺนานํ วเสน อปริจฺฉินฺนกมหาภิกฺขุสเงฺฆ

    ‘‘Tathāgate parinibbute ubhatosaṅghassa’’ icceva vuttattā – ‘‘kiṃ panā’’tiādinā codeti . Itaro parinibbute tathāgate taṃ uddissa gandhapupphādipariccāgo viya cīvarādipariccāgopi mahapphalo hotiyevāti katvā paṭipajjanavidhiṃ dassetuṃ, ‘‘ubhatosaṅghassā’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Ettakāyeva, bhikkhū uddisathā’’ti evaṃ paricchedassa akaraṇena upacārasīmāpariyāpannānaṃ khettapariyāpannānaṃ vasena aparicchinnakamahābhikkhusaṅghe.

    โคตฺตํ วุจฺจติ สาธารณนามํ, มตฺตสโทฺท ลุตฺตนิทฺทิโฎฺฐ, ตสฺมา สมณาติ โคตฺตมตฺตํ อนุภวนฺติ ธาเรนฺตีติ โคตฺรภุโนฯ เตนาห ‘‘นามมตฺตสมณา’’ติฯ ทิฎฺฐิสีลสามเญฺญน สํหโต สมณคโณ สโงฺฆ, ตสฺมา สโงฺฆ ทุสฺสีโล นาม นตฺถิฯ คุณสงฺขายาติ อานิสํสคณนาย, มหปฺผลตายาติ อโตฺถฯ กาสาว…เป.… อสเงฺขฺยยฺยาติ วุตฺตา สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ทินฺนตฺตาฯ ยถา ปน สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ทานํ โหติ, ตํ วิธิํ ทเสฺสตุํ, ‘‘สงฺฆคตา ทกฺขิณา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ จิตฺตีการนฺติ คารวํฯ

    Gottaṃ vuccati sādhāraṇanāmaṃ, mattasaddo luttaniddiṭṭho, tasmā samaṇāti gottamattaṃ anubhavanti dhārentīti gotrabhuno. Tenāha ‘‘nāmamattasamaṇā’’ti. Diṭṭhisīlasāmaññena saṃhato samaṇagaṇo saṅgho, tasmā saṅgho dussīlo nāma natthi. Guṇasaṅkhāyāti ānisaṃsagaṇanāya, mahapphalatāyāti attho. Kāsāva…pe… asaṅkhyeyyāti vuttā saṅghaṃ uddissa dinnattā. Yathā pana saṅghaṃ uddissa dānaṃ hoti, taṃ vidhiṃ dassetuṃ, ‘‘saṅghagatā dakkhiṇā’’tiādi vuttaṃ. Tattha cittīkāranti gāravaṃ.

    สงฺฆโต น ปุคฺคลโตฯ อญฺญถตฺตํ อาปชฺชตีติ ‘‘อิมสฺส มยา ทินฺนํ สงฺฆสฺส ทินฺนํ โหตี’’ติ เอวํ จิตฺตํ อนุปฺปาเทตฺวา, ‘‘สงฺฆสฺส ทสฺสามี’’ติ เทยฺยธมฺมํ ปฎิยาเทตฺวา สามเณรสฺส นาม ทาตพฺพํ ชาตนฺติ อญฺญถตฺตํ อาปชฺชติ; ตสฺมา ตสฺส ทกฺขิณา สงฺฆคตา น โหติเยว ปุคฺคลวเสน จิตฺตสฺส ปริณามิตตฺตาฯ นิเพฺพมติโก หุตฺวาติ ‘‘กิํ นุ โข มยา อิมสฺส ทินฺนํ โหติ วา น วา’’ติ วิมติํ อนุปฺปาเทตฺวา, ‘‘โย ปนา’’ติอาทินา วุตฺตากาเรน กโรติฯ

    Saṅghato na puggalato. Aññathattaṃ āpajjatīti ‘‘imassa mayā dinnaṃ saṅghassa dinnaṃ hotī’’ti evaṃ cittaṃ anuppādetvā, ‘‘saṅghassa dassāmī’’ti deyyadhammaṃ paṭiyādetvā sāmaṇerassa nāma dātabbaṃ jātanti aññathattaṃ āpajjati; tasmā tassa dakkhiṇā saṅghagatā na hotiyeva puggalavasena cittassa pariṇāmitattā. Nibbematiko hutvāti ‘‘kiṃ nu kho mayā imassa dinnaṃ hoti vā na vā’’ti vimatiṃ anuppādetvā, ‘‘yo panā’’tiādinā vuttākārena karoti.

    ตตฺถาติอาทินา วุตฺตเสฺสวตฺถสฺส ปากฎกรณตฺถํ วตฺถุํ นิทเสฺสติ, ‘‘ปรสมุทฺทวาสิโน’’ติอาทินาฯ โอปุญฺชาเปตฺวา ปริภณฺฑํ กาเรตฺวา, หริตโคมเยน อุปลิมฺปิตฺวาติ อโตฺถฯ กาสาวกณฺฐสงฺฆสฺสาติ กาสาวกณฺฐสมูหสฺสฯ โก โสเธตีติ มหปฺผลภาวกรเณน โก วิโสเธติฯ มหปฺผลภาวาปตฺติยา หิ ทกฺขิณา วิสุชฺฌติ นามฯ ตตฺถ เยสํ หเตฺถ ทินฺนํ, เตสํ วเสน ปฎิคฺคาหกโต ทกฺขิณาย วิสุทฺธตฺตา, – ‘‘ตทาปาหํ, อานนฺท, สงฺฆคตํ ทกฺขิณํ อสเงฺขฺยยฺยํ อปฺปเมยฺยํ วทามี’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๘๐) จ วุตฺตํ, ตสฺมา กมฺมวเสเนว ทกฺขิณาวิสุทฺธิํ ปุจฺฉติฯ อิตโร อริยสเงฺฆ ทินฺนทกฺขิณาย นิพฺพิสิฎฺฐํ กตฺวา วุตฺตตฺตา มตฺถกปฺปตฺตเสฺสว อริยสงฺฆสฺส วเสน ทกฺขิณาวิสุทฺธิํ ทเสฺสโนฺต, ‘‘สาริปุตฺต…เป.… โสเธนฺตี’’ติ วตฺวา ปุน, ‘‘เย เกจิ อรหโนฺต โสเธนฺตี’’ติ ทเสฺสโนฺต, ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาหฯ เถรา จิรปรินิพฺพุตาติ อิทํ อชฺชตนานมฺปิ อริยานํ สาวกตํ ทเสฺสเนฺตน มคฺคโสธนวเสน วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํ, น อุทฺทิสฺส ปุญฺญกรเณ สติ อกรณปฺปตฺติยาฯ เอวญฺหิ ‘‘อสีติมหาเถรา โสเธนฺตี’’ติ อิทํ สุวุตฺตํ โหติ, น อญฺญถาฯ

    Tatthātiādinā vuttassevatthassa pākaṭakaraṇatthaṃ vatthuṃ nidasseti, ‘‘parasamuddavāsino’’tiādinā. Opuñjāpetvā paribhaṇḍaṃ kāretvā, haritagomayena upalimpitvāti attho. Kāsāvakaṇṭhasaṅghassāti kāsāvakaṇṭhasamūhassa. Ko sodhetīti mahapphalabhāvakaraṇena ko visodheti. Mahapphalabhāvāpattiyā hi dakkhiṇā visujjhati nāma. Tattha yesaṃ hatthe dinnaṃ, tesaṃ vasena paṭiggāhakato dakkhiṇāya visuddhattā, – ‘‘tadāpāhaṃ, ānanda, saṅghagataṃ dakkhiṇaṃ asaṅkhyeyyaṃ appameyyaṃ vadāmī’’ti (ma. ni. 3.380) ca vuttaṃ, tasmā kammavaseneva dakkhiṇāvisuddhiṃ pucchati. Itaro ariyasaṅghe dinnadakkhiṇāya nibbisiṭṭhaṃ katvā vuttattā matthakappattasseva ariyasaṅghassa vasena dakkhiṇāvisuddhiṃ dassento, ‘‘sāriputta…pe… sodhentī’’ti vatvā puna, ‘‘ye keci arahanto sodhentī’’ti dassento, ‘‘apicā’’tiādimāha. Therā ciraparinibbutāti idaṃ ajjatanānampi ariyānaṃ sāvakataṃ dassentena maggasodhanavasena vuttanti daṭṭhabbaṃ, na uddissa puññakaraṇe sati akaraṇappattiyā. Evañhi ‘‘asītimahātherā sodhentī’’ti idaṃ suvuttaṃ hoti, na aññathā.

    ‘‘สงฺฆคตาย ทกฺขิณายา’’ติ กามเญฺจตํ สาธารณวจนํ, ตถาปิ ตตฺถ ตตฺถ ปุคฺคลวิเสโส ญาตโพฺพติ ทเสฺสโนฺต, ‘‘อตฺถิ พุทฺธปฺปมุโข สโงฺฆ’’ติอาทิมาหฯ น อุปเนตโพฺพ ภควโต กาเล ภิกฺขูนํ อภิญฺญาปฎิสมฺภิทาคุณวเสน อติวิย อุฬารภาวโต, เอตรหิ ตทภาวโตฯ เอตรหิ สโงฺฆ…เป.… น อุปเนตโพฺพติ เอตฺถ นยานุสาเรน อโตฺถ วตฺตโพฺพฯ เตน เตเนว สมเยนาติ ตสฺส ตสฺส กาลสฺส สมฺปตฺติวิปตฺติมุเขน ปฎิปตฺติยา อุฬารตํ อนุฬารตญฺจ อุลฺลิเงฺคติฯ ยตฺถ หิ ภิกฺขู คุเณหิ สพฺพโส ปริปุณฺณา โหนฺติ, ตสฺมิํ สมเย สงฺฆคตา ทกฺขิณา อิตรสฺมิํ สมเย ทกฺขิณโต มหปฺผลตราติ ทฎฺฐพฺพาฯ สเงฺฆ จิตฺตีการํ กาตุํ สโกฺกนฺตสฺสาติ สุปฺปฎิปนฺนตาทิํ สเงฺฆ อาวชฺชิตฺวา สงฺฆคเตน ปสาเทน สงฺฆสฺส สมฺมุขา วิย ตสฺมิํ ปุคฺคเล จ คารววเสน เทนฺตสฺส ปุถุชฺชนสมเณ ทินฺนํ มหปฺผลตรํ สงฺฆโต อุทฺทิสิตฺวา คหิตตฺตา, ‘‘สงฺฆสฺส เทมี’’ติเยว ทินฺนตฺตา จฯ

    ‘‘Saṅghagatāya dakkhiṇāyā’’ti kāmañcetaṃ sādhāraṇavacanaṃ, tathāpi tattha tattha puggalaviseso ñātabboti dassento, ‘‘atthi buddhappamukho saṅgho’’tiādimāha. Na upanetabbo bhagavato kāle bhikkhūnaṃ abhiññāpaṭisambhidāguṇavasena ativiya uḷārabhāvato, etarahi tadabhāvato. Etarahi saṅgho…pe… na upanetabboti ettha nayānusārena attho vattabbo. Tena teneva samayenāti tassa tassa kālassa sampattivipattimukhena paṭipattiyā uḷārataṃ anuḷāratañca ulliṅgeti. Yattha hi bhikkhū guṇehi sabbaso paripuṇṇā honti, tasmiṃ samaye saṅghagatā dakkhiṇā itarasmiṃ samaye dakkhiṇato mahapphalatarāti daṭṭhabbā. Saṅghe cittīkāraṃ kātuṃ sakkontassāti suppaṭipannatādiṃ saṅghe āvajjitvā saṅghagatena pasādena saṅghassa sammukhā viya tasmiṃ puggale ca gāravavasena dentassa puthujjanasamaṇe dinnaṃ mahapphalataraṃ saṅghato uddisitvā gahitattā, ‘‘saṅghassa demī’’tiyeva dinnattā ca.

    เอเสว นโยติ อิมินา, ‘‘โสตาปเนฺน ทินฺนํ มหปฺผลตร’’นฺติ เอวมาทิํ อติทิสติฯ อาทิ-สเทฺทน อุทฺทิสิตฺวา คหิโต สกทาคามี, ปาฎิปุคฺคลิโก อนาคามีติ เอวมาทิ สงฺคหิตํฯ มหปฺผลตรเมวฯ เตนาห ภควา – ‘‘น เตฺววาหํ, อานนฺท, เกนจิ ปริยาเยน สงฺฆคตาย ทกฺขิณาย ปาฎิปุคฺคลิกํ ทานํ มหปฺผลตรํ วทามี’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๘๐)ฯ ยทิ ขีณาสเว ทินฺนทานโต สงฺฆโต อุทฺทิสิตฺวา คหิตทุสฺสีเลปิ ทินฺนทานํ มหปฺผลํ, เอวํ สเนฺต – ‘‘สีลวโต, มหาราช, ทินฺนํ มหปฺผลํ, โน ตถา ทุสฺสีเล’’ติ อิทํ กถนฺติ อาห – ‘‘ตํ อิมํ นยํ คหายา’’ติอาทิฯ สงฺฆโต อุทฺทิสิตฺวา คหณวิธิํ ปหาย ทุสฺสีลเสฺสว คหณวเสน วุตฺตํฯ อิมสฺมิํ จตุเกฺก ทฎฺฐพฺพนฺติ อิมสฺส ปทสฺส วเสน ทฎฺฐพฺพํฯ ตตฺถ หิ ‘‘ปฎิคฺคาหกา โหนฺติ ทุสฺสีลา ปาปธมฺมา’’ติ อาคตํฯ

    Eseva nayoti iminā, ‘‘sotāpanne dinnaṃ mahapphalatara’’nti evamādiṃ atidisati. Ādi-saddena uddisitvā gahito sakadāgāmī, pāṭipuggaliko anāgāmīti evamādi saṅgahitaṃ. Mahapphalatarameva. Tenāha bhagavā – ‘‘na tvevāhaṃ, ānanda, kenaci pariyāyena saṅghagatāya dakkhiṇāya pāṭipuggalikaṃ dānaṃ mahapphalataraṃ vadāmī’’ti (ma. ni. 3.380). Yadi khīṇāsave dinnadānato saṅghato uddisitvā gahitadussīlepi dinnadānaṃ mahapphalaṃ, evaṃ sante – ‘‘sīlavato, mahārāja, dinnaṃ mahapphalaṃ, no tathā dussīle’’ti idaṃ kathanti āha – ‘‘taṃ imaṃ nayaṃ gahāyā’’tiādi. Saṅghato uddisitvā gahaṇavidhiṃ pahāya dussīlasseva gahaṇavasena vuttaṃ. Imasmiṃ catukke daṭṭhabbanti imassa padassa vasena daṭṭhabbaṃ. Tattha hi ‘‘paṭiggāhakā honti dussīlā pāpadhammā’’ti āgataṃ.

    ๓๘๑. วิสุชฺฌตีติ น กิลิสฺสติ, มหาชุติการี มหาวิปฺผารา โหตีติ อโตฺถฯ สุจิธโมฺมติ ราคาทิอสุจิวิธมเนน สุจิสภาโวฯ น ปาปธโมฺมติ น นิหีนสภาโว ปาปกิริยายฯ อกุสลธโมฺม หิ เอกนฺตนิหีโนฯ ชูชโก สีลวา กลฺยาณธโมฺม น โหติฯ ตสฺส มหาโพธิสตฺตสฺส อตฺตโน ปุตฺตทานํ ทานปารมิยา มตฺถกํ คณฺหนฺตํ มหาปถวีกมฺปนสมตฺถํ ชาตํ, สฺวายํ ทานคุโณ เวสฺสนฺตรมหารญฺญา กเถตโพฺพติฯ

    381.Visujjhatīti na kilissati, mahājutikārī mahāvipphārā hotīti attho. Sucidhammoti rāgādiasucividhamanena sucisabhāvo. Na pāpadhammoti na nihīnasabhāvo pāpakiriyāya. Akusaladhammo hi ekantanihīno. Jūjako sīlavā kalyāṇadhammo na hoti. Tassa mahābodhisattassa attano puttadānaṃ dānapāramiyā matthakaṃ gaṇhantaṃ mahāpathavīkampanasamatthaṃ jātaṃ, svāyaṃ dānaguṇo vessantaramahāraññā kathetabboti.

    อุทฺธรตีติ พหุลํ กตปาปกมฺมวเสน ลทฺธวินิปาตโต อุทฺธรติฯ ตสฺมา นตฺถิ มยฺหํ กิญฺจิ จิตฺตสฺส อญฺญถตฺตนฺติ อธิปฺปาโยฯ

    Uddharatīti bahulaṃ katapāpakammavasena laddhavinipātato uddharati. Tasmā natthi mayhaṃ kiñci cittassa aññathattanti adhippāyo.

    เปตทกฺขิณนฺติ เปเต อุทฺทิสฺส ทาตพฺพทกฺขิณํฯ ปาปิตกาเลเยวาติ, ‘‘อิทํ ทานํ อสุกสฺส เปตสฺส โหตู’’ติ อุทฺทิสนวเสน ปเตฺต ปาปิตกาเลเยวฯ อสฺสาติ เปตสฺสฯ ปาปุณีติ ผลสมาปตฺติยา วเสน ปาปุณิฯ อยญฺหิ เปเต อุทฺทิสฺส ทาเน ธมฺมตาฯ

    Petadakkhiṇanti pete uddissa dātabbadakkhiṇaṃ. Pāpitakāleyevāti, ‘‘idaṃ dānaṃ asukassa petassa hotū’’ti uddisanavasena patte pāpitakāleyeva. Assāti petassa. Pāpuṇīti phalasamāpattiyā vasena pāpuṇi. Ayañhi pete uddissa dāne dhammatā.

    ตทา โกสลรโญฺญ ปริจฺจาควเสน อติวิย อุฬารชฺฌาสยตํ, พุทฺธปฺปมุขสฺส จ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อุกฺกํสคตคุณวิสิฎฺฐตํ สนฺธายาห, ‘‘อสทิสทานํ กเถตพฺพ’’นฺติฯ

    Tadā kosalarañño pariccāgavasena ativiya uḷārajjhāsayataṃ, buddhappamukhassa ca bhikkhusaṅghassa ukkaṃsagataguṇavisiṭṭhataṃ sandhāyāha, ‘‘asadisadānaṃ kathetabba’’nti.

    อสารมฺปิ เขตฺตนฺติ สารหีนํ ทุเกฺขตฺตํฯ สมเยติ กสนารเห กาเลฯ ปํสุํ อปเนตฺวาติ นิสฺสารํ ปํสุํ นีหริตฺวาฯ สารพีชานีติ สภาวโต อภิสงฺขารโต จ สารภูตานิ พีชานิฯ ปติฎฺฐเปตฺวาติ วปิตฺวาฯ เอวนฺติ ยถา กสฺสโก อตฺตโน ปโยคสมฺปตฺติยา อสาเรปิ เขเตฺต ผลํ อธิคจฺฉติฯ เอวํ สีลวา อตฺตโน ปโยคสมฺปตฺติยา ทุสฺสีลสฺสปิ ทตฺวา ผลํ มหนฺตํ อธิคจฺฉติฯ อิมินา อุปาเยนาติ อิมินา ปฐมปเท วุตฺตนเยนฯ สพฺพปเทสูติ สพฺพโกฎฺฐาเสสุ วิสุชฺฌนํ วุตฺตํ, ตติยปเท ปน วิสุชฺฌนํ ปฎิกฺขิตฺตเมวฯ

    Asārampi khettanti sārahīnaṃ dukkhettaṃ. Samayeti kasanārahe kāle. Paṃsuṃ apanetvāti nissāraṃ paṃsuṃ nīharitvā. Sārabījānīti sabhāvato abhisaṅkhārato ca sārabhūtāni bījāni. Patiṭṭhapetvāti vapitvā. Evanti yathā kassako attano payogasampattiyā asārepi khette phalaṃ adhigacchati. Evaṃ sīlavā attano payogasampattiyā dussīlassapi datvā phalaṃ mahantaṃ adhigacchati. Iminā upāyenāti iminā paṭhamapade vuttanayena. Sabbapadesūti sabbakoṭṭhāsesu visujjhanaṃ vuttaṃ, tatiyapade pana visujjhanaṃ paṭikkhittameva.

    ๓๘๒. อรหโต ทินฺนทานเมว อคฺคํ ทานเจตนาย เกนจิ อุปกฺกิเลเสน อนุปกฺกิลิฎฺฐตฺตา, ปฎิคฺคาหกสฺส อคฺคทกฺขิเณยฺยตฺตาฯ เตนาห – ‘‘ภวาลยสฺส ภวปตฺถนาย อภาวโต’’ติ, ‘‘อุภินฺนมฺปี’’ติ วจนเสโสฯ ขีณาสโว ทานผลํ น สทฺทหตีติ อิทํ ตสฺส อปฺปหีนกิเลสชนสฺส วิย กมฺมกมฺมผลานํ สทฺทหนากาเรน ปวตฺติ นตฺถีติ กตฺวา วุตฺตํ, ยโต อรหา ‘‘อสโทฺธ อกตญฺญู จ…เป.… โปริโส’’ติ (ธ. ป. ๙๗) โถมียติฯ อสทฺทหนํ อนุมานปกฺขิกํ, อนุมานญฺจ สํสยปุพฺพกํ, นิสฺสนฺทิโทฺธ จ กมฺมกมฺมผเลสุ ปจฺจกฺขภาวํ คโตฯ ตเมว หิ นิจฺฉิตภาวสิทฺธํ นิสฺสนฺทิทฺธตํ สนฺธาย – ‘‘ทานผลํ สทฺทหนฺตา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ยทิ เอวํ เตน กตกมฺมํ กมฺมลกฺขณปฺปตฺตํ โหตีติ อาห ‘‘ขีณาสเวนา’’ติอาทิฯ เตเนวาห – ‘‘นิจฺฉนฺทราคตฺตา’’ติ, เอตญฺจ ลกฺขณวจนํ, เกนจิ กิเลเสน อนุปกฺกิลิฎฺฐตฺตาติ อธิปฺปาโยฯ อสฺสาติ ขีณาสวสฺส ทานํฯ

    382. Arahato dinnadānameva aggaṃ dānacetanāya kenaci upakkilesena anupakkiliṭṭhattā, paṭiggāhakassa aggadakkhiṇeyyattā. Tenāha – ‘‘bhavālayassa bhavapatthanāya abhāvato’’ti, ‘‘ubhinnampī’’ti vacanaseso. Khīṇāsavo dānaphalaṃ na saddahatīti idaṃ tassa appahīnakilesajanassa viya kammakammaphalānaṃ saddahanākārena pavatti natthīti katvā vuttaṃ, yato arahā ‘‘asaddho akataññū ca…pe… poriso’’ti (dha. pa. 97) thomīyati. Asaddahanaṃ anumānapakkhikaṃ, anumānañca saṃsayapubbakaṃ, nissandiddho ca kammakammaphalesu paccakkhabhāvaṃ gato. Tameva hi nicchitabhāvasiddhaṃ nissandiddhataṃ sandhāya – ‘‘dānaphalaṃ saddahantā’’tiādi vuttaṃ. Yadi evaṃ tena katakammaṃ kammalakkhaṇappattaṃ hotīti āha ‘‘khīṇāsavenā’’tiādi. Tenevāha – ‘‘nicchandarāgattā’’ti, etañca lakkhaṇavacanaṃ, kenaci kilesena anupakkiliṭṭhattāti adhippāyo. Assāti khīṇāsavassa dānaṃ.

    กิํ ปน สมฺมาสมฺพุเทฺธนาติอาทินา ทายกโต ทกฺขิณาวิสุทฺธิ โจทิตา, สาริปุตฺตเตฺถเรนาติอาทินา ปน ปฎิคฺคาหกโตติ วทนฺติ; ตทยุตฺตํ, สาวกสฺส มหปฺผลภาเว สํสยาภาวโต, เหฎฺฐา นิจฺฉิตตฺตา จ, ตสฺมา อุภเยนปิ ทายกโต ทกฺขิณาวิสุทฺธิ เอว โจทิตาฯ สา หิ อิธ สาธารณวเสน นิจฺฉิตตฺตา สํสยวตฺถุฯ เตนาห – ‘‘สมฺมาสมฺพุเทฺธน…เป.… วทนฺตี’’ติฯ สมฺมาสมฺพุทฺธํ หีติอาทิ ยถาวุตฺตอตฺถสฺส การณวจนํฯ อโญฺญ ทานสฺส วิปากํ ชานิตุํ สมโตฺถ นาม นตฺถิ สพฺพโส สตฺตานํ กมฺมวิปากวิภาคชานนญาณสฺส อนนุญฺญาตตฺตาฯ เตนาห ภควา – ‘‘ยสฺมา จ โข, ภิกฺขเว, สตฺตา น ชานนฺติ, ทานสํวิภาคสฺส วิปากํ ยถาหํ ชานามิ, ตสฺมา อทตฺวา ภุญฺชนฺตี’’ติอาทิ (อิติวุ. ๒๖)ฯ เอเตน เอตฺถ ญาณวิโสธนํ นาม กถิตํ, น ทกฺขิณาย วิสุทฺธิ นาม ทายกโต ปฎิคฺคาหกโต จ วเสน โหตีติ; สมฺมาสมฺพุเทฺธน สาริปุตฺตเตฺถรสฺส ทินฺนทานํ สพฺพโส อุปกฺกิเลสวิสุทฺธิยา ญาณสฺส จ อติวิย อุฬารตฺตา มหานุภาวํ นาม สิยา มหาเตชวนฺตญฺจ; น มหปฺผลํ เตสํ สนฺตาเน ปริปุณฺณผลสฺส อสมฺภวโตฯ ยทิ ทินฺนทานํ ปริปุณฺณผลํ น โหติ อุภยวิปากทานาภาวโต, ปวตฺติวิปากทายี ปน โหตีติ ทเสฺสโนฺต, ‘‘ทานํ หี’’ติอาทิมาหฯ

    Kiṃ pana sammāsambuddhenātiādinā dāyakato dakkhiṇāvisuddhi coditā, sāriputtattherenātiādinā pana paṭiggāhakatoti vadanti; tadayuttaṃ, sāvakassa mahapphalabhāve saṃsayābhāvato, heṭṭhā nicchitattā ca, tasmā ubhayenapi dāyakato dakkhiṇāvisuddhi eva coditā. Sā hi idha sādhāraṇavasena nicchitattā saṃsayavatthu. Tenāha – ‘‘sammāsambuddhena…pe… vadantī’’ti. Sammāsambuddhaṃ hītiādi yathāvuttaatthassa kāraṇavacanaṃ. Añño dānassa vipākaṃ jānituṃ samattho nāma natthi sabbaso sattānaṃ kammavipākavibhāgajānanañāṇassa ananuññātattā. Tenāha bhagavā – ‘‘yasmā ca kho, bhikkhave, sattā na jānanti, dānasaṃvibhāgassa vipākaṃ yathāhaṃ jānāmi, tasmā adatvā bhuñjantī’’tiādi (itivu. 26). Etena ettha ñāṇavisodhanaṃ nāma kathitaṃ, na dakkhiṇāya visuddhi nāma dāyakato paṭiggāhakato ca vasena hotīti; sammāsambuddhena sāriputtattherassa dinnadānaṃ sabbaso upakkilesavisuddhiyā ñāṇassa ca ativiya uḷārattā mahānubhāvaṃ nāma siyā mahātejavantañca; na mahapphalaṃ tesaṃ santāne paripuṇṇaphalassa asambhavato. Yadi dinnadānaṃ paripuṇṇaphalaṃ na hoti ubhayavipākadānābhāvato, pavattivipākadāyī pana hotīti dassento, ‘‘dānaṃ hī’’tiādimāha.

    จตูหีติ สหโยเค กรณวจนํ, จตูหิ สมฺปทาหิ สหคตา สหิตํ กตฺวาติ อโตฺถฯ อิมา จตโสฺส สมฺปทา สพฺพสาธารณวเสน วุตฺตา, น ยถาธิคตปุคฺคลวเสนฯ เตนาห – ‘‘เทยฺยธมฺมสฺส ธเมฺมนา’’ติอาทิฯ ตสฺมิํเยว อตฺตภาเวติ ยสฺมิํ อตฺตภาเว ตํ ทานมยํ ปุญฺญํ อุปฺปนฺนํ, ตสฺมิํเยว อตฺตภาเว วิปากํ เทติ, เจตนาย มหนฺตตฺตา ทิฎฺฐธมฺมเวทนียํ หุตฺวา วิปจฺจตีติ อโตฺถฯ ปุพฺพเจตนาทิวเสนาติ สนฺนิฎฺฐาปกชวนวีถิโต ปุพฺพาปรวีถิเจตนาวเสน, อญฺญถา สนฺนิฎฺฐาปกวีถิยํเยว ปุพฺพเจตนาทิวเสนาติ วตฺตพฺพํ สิยาฯ สา หิ เจตนา ทิฎฺฐธมฺมเวทนียภูตา ตสฺมิํเยว อตฺตภาเว วิปากํ เทติ, น อิตราฯ มหตฺตตาติ ปุพฺพาภิสงฺขารวเสน ญาณสมฺปโยคาทิวเสน เจตนาย อุฬารตาฯ ขีณาสวภาเวนาติ ยสฺส เทติ, ตสฺส ขีณาสวภาเวนฯ วตฺถุสมฺปนฺนตาติ เอตฺถ ยถา ปฎิฆสญฺญา นานตฺตสญฺญานํ วิคเมน ทิพฺพวิหารานํ วเสน, พฺยาปาทสญฺญาทีนํ วิคเมน พฺรหฺมวิหารานํ วเสน, สพฺพโส รูปสญฺญานานตฺตสญฺญานํ วิคเมน อาเนญฺชวิหารานํ วเสน สพฺพโส นิจฺจสญฺญาทีนํ ปฎิปฺปสฺสทฺธิยา สพฺพสงฺขารวิมุขตาย อริยวิหารานํ วเสน วตฺถุสมฺปนฺนตา อิจฺฉิตาฯ ตํตํสมาปตฺติสมาปชฺชเนน สนฺตานสฺส นิโรธสาธนตา ตํ ทิวสํ นิโรธสฺส สาธนตา นามฯ วตฺถุสมฺปนฺนตาติ สพฺพโส นิโรธสมาปตฺติสมาปชฺชเนน วตฺถุสมฺปนฺนตา อิจฺฉิตา; น สพฺพโส อนวเสสสญฺญานิโรธตายาติ อาห – ‘‘ตํ ทิวสํ นิโรธโต วุฎฺฐิตภาเวน วตฺถุสมฺปนฺนตา’’ติฯ สญฺญานิโรธสฺส เจตฺถ อจฺจาสนฺนตํ สนฺธาย, ‘‘ตํ ทิวส’’นฺติ วุตฺตํฯ ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ

    Catūhīti sahayoge karaṇavacanaṃ, catūhi sampadāhi sahagatā sahitaṃ katvāti attho. Imā catasso sampadā sabbasādhāraṇavasena vuttā, na yathādhigatapuggalavasena. Tenāha – ‘‘deyyadhammassa dhammenā’’tiādi. Tasmiṃyeva attabhāveti yasmiṃ attabhāve taṃ dānamayaṃ puññaṃ uppannaṃ, tasmiṃyeva attabhāve vipākaṃ deti, cetanāya mahantattā diṭṭhadhammavedanīyaṃ hutvā vipaccatīti attho. Pubbacetanādivasenāti sanniṭṭhāpakajavanavīthito pubbāparavīthicetanāvasena, aññathā sanniṭṭhāpakavīthiyaṃyeva pubbacetanādivasenāti vattabbaṃ siyā. Sā hi cetanā diṭṭhadhammavedanīyabhūtā tasmiṃyeva attabhāve vipākaṃ deti, na itarā. Mahattatāti pubbābhisaṅkhāravasena ñāṇasampayogādivasena cetanāya uḷāratā. Khīṇāsavabhāvenāti yassa deti, tassa khīṇāsavabhāvena. Vatthusampannatāti ettha yathā paṭighasaññā nānattasaññānaṃ vigamena dibbavihārānaṃ vasena, byāpādasaññādīnaṃ vigamena brahmavihārānaṃ vasena, sabbaso rūpasaññānānattasaññānaṃ vigamena āneñjavihārānaṃ vasena sabbaso niccasaññādīnaṃ paṭippassaddhiyā sabbasaṅkhāravimukhatāya ariyavihārānaṃ vasena vatthusampannatā icchitā. Taṃtaṃsamāpattisamāpajjanena santānassa nirodhasādhanatā taṃ divasaṃ nirodhassa sādhanatā nāma. Vatthusampannatāti sabbaso nirodhasamāpattisamāpajjanena vatthusampannatā icchitā; na sabbaso anavasesasaññānirodhatāyāti āha – ‘‘taṃ divasaṃ nirodhato vuṭṭhitabhāvena vatthusampannatā’’ti. Saññānirodhassa cettha accāsannataṃ sandhāya, ‘‘taṃ divasa’’nti vuttaṃ. Yaṃ panettha atthato avibhattaṃ, taṃ suviññeyyameva.

    ทกฺขิณาวิภงฺคสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ

    Dakkhiṇāvibhaṅgasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.

    นิฎฺฐิตา จ วิภงฺควคฺควณฺณนาฯ

    Niṭṭhitā ca vibhaṅgavaggavaṇṇanā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๑๒. ทกฺขิณาวิภงฺคสุตฺตํ • 12. Dakkhiṇāvibhaṅgasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๑๒. ทกฺขิณาวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา • 12. Dakkhiṇāvibhaṅgasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact