Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๔๐๙] ๔. ทฬฺหธมฺมชาตกวณฺณนา

    [409] 4. Daḷhadhammajātakavaṇṇanā

    อหํ เจ ทฬฺหธมฺมสฺสาติ อิทํ สตฺถา โกสมฺพิํ นิสฺสาย โฆสิตาราเม วิหรโนฺต อุเทนสฺส รโญฺญ ภทฺทวติกํ หตฺถินิํ อารพฺภ กเถสิฯ ตสฺสา ปน หตฺถินิยา ลทฺธวิธานญฺจ อุเทนสฺส ราชวํโส จ มาตงฺคชาตเก (ชา. ๑.๑๕.๑ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติฯ เอกทิวสํ ปน สา หตฺถินี นครา นิกฺขมนฺตี ภควนฺตํ ปาโตว อริยคณปริวุตํ อโนมาย พุทฺธสิริยา นครํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺตํ ทิสฺวา ตถาคตสฺส ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา ‘‘ภควา สพฺพญฺญุ สพฺพโลกนิตฺถรณ อุเทโน วํสราชา มํ ตรุณกาเล กมฺมํ นิตฺถริตุํ สมตฺถกาเล ‘อิมํ นิสฺสาย มยา ชีวิตญฺจ รชฺชญฺจ เทวี จ ลทฺธา’ติ ปิยายิตฺวา มหนฺตํ ปริหารํ อทาสิ, สพฺพาลงฺกาเรหิ อลงฺกริตฺวา ฐิตฎฺฐานํ คเนฺธน ปริภณฺฑํ กาเรตฺวา มตฺถเก สุวณฺณตารกขจิตวิตานํ พนฺธาเปตฺวา สมนฺตา จิตฺรสาณิํ ปริกฺขิปาเปตฺวา คนฺธเตเลน ทีปํ ชาลาเปตฺวา ธูมตฎฺฎกํ ฐปาเปตฺวา กรีสฉฑฺฑนฎฺฐาเน สุวณฺณกฎาหํ ปติฎฺฐปาเปตฺวา มํ จิตฺตตฺถรณปิเฎฺฐ ฐเปสิ, ราชารหญฺจ เม นานคฺครสโภชนํ ทาเปสิฯ อิทานิ ปน เม มหลฺลกกาเล กมฺมํ นิตฺถริตุํ อสมตฺถกาเล สพฺพํ ตํ ปริหารํ อจฺฉินฺทิ, อนาถา นิปฺปจฺจยา หุตฺวา อรเญฺญ เกตกานิ ขาทนฺตี ชีวามิ, อญฺญํ มยฺหํ ปฎิสรณํ นตฺถิ, อุเทนํ มม คุณํ สลฺลกฺขาเปตฺวา โปราณกปริหารํ เม ปฎิปากติกํ กาเรถ ภควา’’ติ ปริเทวมานา ตถาคตํ ยาจิฯ

    Ahaṃ cedaḷhadhammassāti idaṃ satthā kosambiṃ nissāya ghositārāme viharanto udenassa rañño bhaddavatikaṃ hatthiniṃ ārabbha kathesi. Tassā pana hatthiniyā laddhavidhānañca udenassa rājavaṃso ca mātaṅgajātake (jā. 1.15.1 ādayo) āvi bhavissati. Ekadivasaṃ pana sā hatthinī nagarā nikkhamantī bhagavantaṃ pātova ariyagaṇaparivutaṃ anomāya buddhasiriyā nagaraṃ piṇḍāya pavisantaṃ disvā tathāgatassa pādamūle nipajjitvā ‘‘bhagavā sabbaññu sabbalokanittharaṇa udeno vaṃsarājā maṃ taruṇakāle kammaṃ nittharituṃ samatthakāle ‘imaṃ nissāya mayā jīvitañca rajjañca devī ca laddhā’ti piyāyitvā mahantaṃ parihāraṃ adāsi, sabbālaṅkārehi alaṅkaritvā ṭhitaṭṭhānaṃ gandhena paribhaṇḍaṃ kāretvā matthake suvaṇṇatārakakhacitavitānaṃ bandhāpetvā samantā citrasāṇiṃ parikkhipāpetvā gandhatelena dīpaṃ jālāpetvā dhūmataṭṭakaṃ ṭhapāpetvā karīsachaḍḍanaṭṭhāne suvaṇṇakaṭāhaṃ patiṭṭhapāpetvā maṃ cittattharaṇapiṭṭhe ṭhapesi, rājārahañca me nānaggarasabhojanaṃ dāpesi. Idāni pana me mahallakakāle kammaṃ nittharituṃ asamatthakāle sabbaṃ taṃ parihāraṃ acchindi, anāthā nippaccayā hutvā araññe ketakāni khādantī jīvāmi, aññaṃ mayhaṃ paṭisaraṇaṃ natthi, udenaṃ mama guṇaṃ sallakkhāpetvā porāṇakaparihāraṃ me paṭipākatikaṃ kāretha bhagavā’’ti paridevamānā tathāgataṃ yāci.

    สตฺถา ‘‘คจฺฉ ตฺวํ, อหํ เต รโญฺญ กเถตฺวา ยสํ ปฎิปากติกํ กาเรสฺสามี’’ติ วตฺวา รโญฺญ นิเวสนทฺวารํ อคมาสิฯ ราชา ตถาคตํ อโนฺตนิเวสนํ ปเวเสตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส มหาทานํ ปวเตฺตสิฯ สตฺถา ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน อนุโมทนํ กโรโนฺต ‘‘มหาราช, ภทฺทวติกา กห’’นฺติ ปุจฺฉิฯ ‘‘น ชานามิ, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘มหาราช, อุปการกานํ ยสํ ทตฺวา มหลฺลกกาเล คเหตุํ นาม น วฎฺฎติ, กตญฺญุนา กตเวทินา ภวิตุํ วฎฺฎติฯ ภทฺทวติกา อิทานิ มหลฺลิกา ชราชิณฺณา อนาถา หุตฺวา อรเญฺญ เกตกานิ ขาทนฺตี ชีวติ, ตํ ชิณฺณกาเล อนาถํ กาตุํ ตุมฺหากํ อยุตฺต’’นฺติ ภทฺทวติกาย คุณํ กเถตฺวา ‘‘สพฺพํ โปราณกปริหารํ ปฎิปากติกํ กโรหี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิฯ ราชา ตถา อกาสิฯ ‘‘ตถาคเตน กิร ภทฺทวติกาย คุณํ กเถตฺวา โปราณกยโส ปฎิปากติโก การิโต’’ติ สกลนครํ ปตฺถริ, ภิกฺขุสเงฺฆปิ สา ปวตฺติ ปากฎา ชาตาฯ อถ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ ‘‘อาวุโส, สตฺถารา กิร ภทฺทวติกาย คุณํ กเถตฺวา โปราณกยโส ปฎิปากติโก การิโต’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพปิ ตถาคโต เอติสฺสา คุณํ กเถตฺวา นฎฺฐยสํ ปฎิปากติกํ กาเรสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Satthā ‘‘gaccha tvaṃ, ahaṃ te rañño kathetvā yasaṃ paṭipākatikaṃ kāressāmī’’ti vatvā rañño nivesanadvāraṃ agamāsi. Rājā tathāgataṃ antonivesanaṃ pavesetvā buddhappamukhassa saṅghassa mahādānaṃ pavattesi. Satthā bhattakiccapariyosāne anumodanaṃ karonto ‘‘mahārāja, bhaddavatikā kaha’’nti pucchi. ‘‘Na jānāmi, bhante’’ti. ‘‘Mahārāja, upakārakānaṃ yasaṃ datvā mahallakakāle gahetuṃ nāma na vaṭṭati, kataññunā katavedinā bhavituṃ vaṭṭati. Bhaddavatikā idāni mahallikā jarājiṇṇā anāthā hutvā araññe ketakāni khādantī jīvati, taṃ jiṇṇakāle anāthaṃ kātuṃ tumhākaṃ ayutta’’nti bhaddavatikāya guṇaṃ kathetvā ‘‘sabbaṃ porāṇakaparihāraṃ paṭipākatikaṃ karohī’’ti vatvā pakkāmi. Rājā tathā akāsi. ‘‘Tathāgatena kira bhaddavatikāya guṇaṃ kathetvā porāṇakayaso paṭipākatiko kārito’’ti sakalanagaraṃ patthari, bhikkhusaṅghepi sā pavatti pākaṭā jātā. Atha bhikkhū dhammasabhāyaṃ kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ ‘‘āvuso, satthārā kira bhaddavatikāya guṇaṃ kathetvā porāṇakayaso paṭipākatiko kārito’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepi tathāgato etissā guṇaṃ kathetvā naṭṭhayasaṃ paṭipākatikaṃ kāresiyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ ทฬฺหธโมฺม นาม ราชา รชฺชํ กาเรสิฯ ตทา โพธิสโตฺต อมจฺจกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต ตํ ราชานํ อุปฎฺฐหิฯ โส ตสฺส สนฺติกา มหนฺตํ ยสํ ลภิตฺวา อมจฺจรตนฎฺฐาเน อฎฺฐาสิฯ ตทา ตสฺส รโญฺญ เอกา โอฎฺฐิพฺยาธิ หตฺถินี ถามพลสมฺปนฺนา มหพฺพลา อโหสิฯ สา เอกทิวสํ โยชนสตํ คจฺฉติ, รโญฺญ ทูเตยฺยหรณกิจฺจํ กโรติ, สงฺคาเม ยุทฺธํ กตฺวา สตฺตุ มทฺทนํ กโรติฯ ราชา ‘‘อยํ เม พหูปการา’’ติ ตสฺสา สพฺพาลงฺการํ ทตฺวา อุเทเนน ภทฺทวติกาย ทินฺนสทิสํ สพฺพํ ปริหารํ ทาเปสิฯ อถสฺสา ชิณฺณทุพฺพลกาเล ราชา สพฺพํ ยสํ คณฺหิฯ สา ตโต ปฎฺฐาย อนาถา หุตฺวา อรเญฺญ ติณปณฺณานิ ขาทนฺตี ชีวติฯ อเถกทิวสํ ราชกุเล ภาชเนสุ อปฺปโหเนฺตสุ ราชา กุมฺภการํ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘ภาชนานิ กิร นปฺปโหนฺตี’’ติ อาหฯ ‘‘โคมยาหรณยานเก โยเชตุํ โคเณ น ลภามิ, เทวา’’ติฯ ราชา ตสฺส กถํ สุตฺวา ‘‘อมฺหากํ โอฎฺฐิพฺยาธิ กห’’นฺติ ปุจฺฉิฯ ‘‘อตฺตโน ธมฺมตาย จรติ, เทวา’’ติฯ ราชา ‘‘อิโต ปฎฺฐาย ตํ โยเชตฺวา โคมยํ อาหรา’’ติ ตํ กุมฺภการสฺส อทาสิฯ กุมฺภกาโร ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ ตถา อกาสิฯ

    Atīte bārāṇasiyaṃ daḷhadhammo nāma rājā rajjaṃ kāresi. Tadā bodhisatto amaccakule nibbattitvā vayappatto taṃ rājānaṃ upaṭṭhahi. So tassa santikā mahantaṃ yasaṃ labhitvā amaccaratanaṭṭhāne aṭṭhāsi. Tadā tassa rañño ekā oṭṭhibyādhi hatthinī thāmabalasampannā mahabbalā ahosi. Sā ekadivasaṃ yojanasataṃ gacchati, rañño dūteyyaharaṇakiccaṃ karoti, saṅgāme yuddhaṃ katvā sattu maddanaṃ karoti. Rājā ‘‘ayaṃ me bahūpakārā’’ti tassā sabbālaṅkāraṃ datvā udenena bhaddavatikāya dinnasadisaṃ sabbaṃ parihāraṃ dāpesi. Athassā jiṇṇadubbalakāle rājā sabbaṃ yasaṃ gaṇhi. Sā tato paṭṭhāya anāthā hutvā araññe tiṇapaṇṇāni khādantī jīvati. Athekadivasaṃ rājakule bhājanesu appahontesu rājā kumbhakāraṃ pakkosāpetvā ‘‘bhājanāni kira nappahontī’’ti āha. ‘‘Gomayāharaṇayānake yojetuṃ goṇe na labhāmi, devā’’ti. Rājā tassa kathaṃ sutvā ‘‘amhākaṃ oṭṭhibyādhi kaha’’nti pucchi. ‘‘Attano dhammatāya carati, devā’’ti. Rājā ‘‘ito paṭṭhāya taṃ yojetvā gomayaṃ āharā’’ti taṃ kumbhakārassa adāsi. Kumbhakāro ‘‘sādhu, devā’’ti tathā akāsi.

    อเถกทิวสํ สา นครา นิกฺขมมานา นครํ ปวิสนฺตํ โพธิสตฺตํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา ตสฺส ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา ปริเทวมานา ‘‘สามิ, ราชา มํ ‘ตรุณกาเล พหูปการา’ติ สลฺลเกฺขตฺวา มหนฺตํ ยสํ ทตฺวา อิทานิ มหลฺลกกาเล สพฺพํ อจฺฉินฺทิตฺวา มยิ จิตฺตมฺปิ น กโรติ, อหํ ปน อนาถา อรเญฺญ ติณปณฺณานิ ขาทนฺตี ชีวามิ, เอวํ ทุกฺขปฺปตฺตํ มํ อิทานิ ยานเก โยเชตุํ กุมฺภการสฺส อทาสิ, ฐเปตฺวา ตุเมฺห อญฺญํ มยฺหํ ปฎิสรณํ นตฺถิ, มยา รโญฺญ กตูปการํ ตุเมฺห ชานาถ, สาธุ อิทานิ เม นฎฺฐํ ยสํ ปฎิปากติกํ กโรถา’’ติ วตฺวา ติโสฺส คาถา อภาสิ –

    Athekadivasaṃ sā nagarā nikkhamamānā nagaraṃ pavisantaṃ bodhisattaṃ disvā vanditvā tassa pādamūle nipajjitvā paridevamānā ‘‘sāmi, rājā maṃ ‘taruṇakāle bahūpakārā’ti sallakkhetvā mahantaṃ yasaṃ datvā idāni mahallakakāle sabbaṃ acchinditvā mayi cittampi na karoti, ahaṃ pana anāthā araññe tiṇapaṇṇāni khādantī jīvāmi, evaṃ dukkhappattaṃ maṃ idāni yānake yojetuṃ kumbhakārassa adāsi, ṭhapetvā tumhe aññaṃ mayhaṃ paṭisaraṇaṃ natthi, mayā rañño katūpakāraṃ tumhe jānātha, sādhu idāni me naṭṭhaṃ yasaṃ paṭipākatikaṃ karothā’’ti vatvā tisso gāthā abhāsi –

    ๙๘.

    98.

    ‘‘อหํ เจ ทฬฺหธมฺมสฺส, วหนฺตี นาภิราธยิํ;

    ‘‘Ahaṃ ce daḷhadhammassa, vahantī nābhirādhayiṃ;

    ธรนฺตี อุรสิ สลฺลํ, ยุเทฺธ วิกฺกนฺตจารินีฯ

    Dharantī urasi sallaṃ, yuddhe vikkantacārinī.

    ๙๙.

    99.

    ‘‘นูน ราชา น ชานาติ, มม วิกฺกมโปริสํ;

    ‘‘Nūna rājā na jānāti, mama vikkamaporisaṃ;

    สงฺคาเม สุกตนฺตานิ, ทูตวิปฺปหิตานิ จฯ

    Saṅgāme sukatantāni, dūtavippahitāni ca.

    ๑๐๐.

    100.

    ‘‘สา นูนาหํ มริสฺสามิ, อพนฺธุ อปรายินี;

    ‘‘Sā nūnāhaṃ marissāmi, abandhu aparāyinī;

    ตทา หิ กุมฺภการสฺส, ทินฺนา ฉกณหาริกา’’ติฯ

    Tadā hi kumbhakārassa, dinnā chakaṇahārikā’’ti.

    ตตฺถ วหนฺตีติ ทูเตยฺยหรณํ สงฺคาเม พลโกฎฺฐกภินฺทนํ ตํ ตํ กิจฺจํ วหนฺตี นิตฺถรนฺตีฯ ธรนฺตี อุรสิ สลฺลนฺติ อุรสฺมิํ พทฺธํ กณฺฑํ วา อสิํ วา สตฺติํ วา ยุทฺธกาเล สตฺตูนํ อุปริ อภิหรนฺตีฯ วิกฺกนฺตจารินีติ วิกฺกมํ ปรกฺกมํ กตฺวา ปรพลวิชเยน ยุเทฺธ วิกฺกนฺตคามินีฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – สเจ สามิ, อหํ อิมานิ กิจฺจานิ กโรนฺตี รโญฺญ ทฬฺหธมฺมสฺส จิตฺตํ นาราธยิํ น ปริโตเสสิํ, โก ทานิ อโญฺญ ตสฺส จิตฺตํ อาราธยิสฺสตีติฯ

    Tattha vahantīti dūteyyaharaṇaṃ saṅgāme balakoṭṭhakabhindanaṃ taṃ taṃ kiccaṃ vahantī nittharantī. Dharantī urasi sallanti urasmiṃ baddhaṃ kaṇḍaṃ vā asiṃ vā sattiṃ vā yuddhakāle sattūnaṃ upari abhiharantī. Vikkantacārinīti vikkamaṃ parakkamaṃ katvā parabalavijayena yuddhe vikkantagāminī. Idaṃ vuttaṃ hoti – sace sāmi, ahaṃ imāni kiccāni karontī rañño daḷhadhammassa cittaṃ nārādhayiṃ na paritosesiṃ, ko dāni añño tassa cittaṃ ārādhayissatīti.

    มม วิกฺกมโปริสนฺติ มยา กตํ ปุริสปรกฺกมํฯ สุกตนฺตานีติ สุกตานิฯ ยถา หิ กมฺมาเนว กมฺมนฺตานิ, วนาเนว วนนฺตานิ, เอวมิธ สุกตาเนว ‘‘สุกตนฺตานี’’ติ วุตฺตานิฯ ทูตวิปฺปหิตานิ จาติ คเล ปณฺณํ พนฺธิตฺวา ‘‘อสุกรโญฺญ นาม เทหี’’ติ ปหิตาย มยา เอกทิวเสเนว โยชนสตํ คนฺตฺวา กตานิ ทูตเปสนานิ จฯ นูน ราชา น ชานาตีติ นูน ตุมฺหากํ เอส ราชา เอตานิ มยา กตานิ กิจฺจานิ น ชานาติฯ อปรายินีติ อปฺปติฎฺฐา อปฺปฎิสรณาฯ ตทา หีติ ตถา หิ, อยเมว วา ปาโฐฯ ทินฺนาติ อหํ รญฺญา ฉกณหาริกา กตฺวา กุมฺภการสฺส ทินฺนาติฯ

    Mama vikkamaporisanti mayā kataṃ purisaparakkamaṃ. Sukatantānīti sukatāni. Yathā hi kammāneva kammantāni, vanāneva vanantāni, evamidha sukatāneva ‘‘sukatantānī’’ti vuttāni. Dūtavippahitāni cāti gale paṇṇaṃ bandhitvā ‘‘asukarañño nāma dehī’’ti pahitāya mayā ekadivaseneva yojanasataṃ gantvā katāni dūtapesanāni ca. Nūna rājā na jānātīti nūna tumhākaṃ esa rājā etāni mayā katāni kiccāni na jānāti. Aparāyinīti appatiṭṭhā appaṭisaraṇā. Tadā hīti tathā hi, ayameva vā pāṭho. Dinnāti ahaṃ raññā chakaṇahārikā katvā kumbhakārassa dinnāti.

    โพธิสโตฺต ตสฺสา กถํ สุตฺวา ‘‘ตฺวํ มา โสจิ, อหํ รโญฺญ กเถตฺวา ตว ยสํ ปฎิปากติกํ กริสฺสามี’’ติ ตํ สมสฺสาเสตฺวา นครํ ปวิสิตฺวา ภุตฺตปาตราโส รโญฺญ สนฺติกํ คนฺตฺวา กถํ สมุฎฺฐาเปตฺวา ‘‘มหาราช, นนุ ตุมฺหากํ อสุกา นาม โอฎฺฐิพฺยาธิ อสุกฎฺฐาเน จ อสุกฎฺฐาเน จ อุเร สลฺลํ พนฺธิตฺวา สงฺคามํ นิตฺถริ, อสุกทิวสํ นาม คีวาย ปณฺณํ พนฺธิตฺวา เปสิตา โยชนสตํ อคมาสิ, ตุเมฺหปิสฺสา มหนฺตํ ยสํ อทตฺถ, สา อิทานิ กห’’นฺติ ปุจฺฉิฯ ‘‘ตมหํ กุมฺภการสฺส โคมยหรณตฺถาย อทาสิ’’นฺติฯ อถ นํ โพธิสโตฺต ‘‘อยุตฺตํ โข, มหาราช, ตุมฺหากํ ตํ กุมฺภการสฺส ยานเก โยชนตฺถาย ทาตุ’’นฺติ วตฺวา รโญฺญ โอวาทวเสน จตโสฺส คาถา อภาสิ –

    Bodhisatto tassā kathaṃ sutvā ‘‘tvaṃ mā soci, ahaṃ rañño kathetvā tava yasaṃ paṭipākatikaṃ karissāmī’’ti taṃ samassāsetvā nagaraṃ pavisitvā bhuttapātarāso rañño santikaṃ gantvā kathaṃ samuṭṭhāpetvā ‘‘mahārāja, nanu tumhākaṃ asukā nāma oṭṭhibyādhi asukaṭṭhāne ca asukaṭṭhāne ca ure sallaṃ bandhitvā saṅgāmaṃ nitthari, asukadivasaṃ nāma gīvāya paṇṇaṃ bandhitvā pesitā yojanasataṃ agamāsi, tumhepissā mahantaṃ yasaṃ adattha, sā idāni kaha’’nti pucchi. ‘‘Tamahaṃ kumbhakārassa gomayaharaṇatthāya adāsi’’nti. Atha naṃ bodhisatto ‘‘ayuttaṃ kho, mahārāja, tumhākaṃ taṃ kumbhakārassa yānake yojanatthāya dātu’’nti vatvā rañño ovādavasena catasso gāthā abhāsi –

    ๑๐๑.

    101.

    ‘‘ยาวตาสีสตี โปโส, ตาวเทว ปวีณติ;

    ‘‘Yāvatāsīsatī poso, tāvadeva pavīṇati;

    อตฺถาปาเย ชหนฺติ นํ, โอฎฺฐิพฺยาธิํว ขตฺติโยฯ

    Atthāpāye jahanti naṃ, oṭṭhibyādhiṃva khattiyo.

    ๑๐๒.

    102.

    ‘‘โย ปุเพฺพ กตกลฺยาโณ, กตโตฺถ นาวพุชฺฌติ;

    ‘‘Yo pubbe katakalyāṇo, katattho nāvabujjhati;

    อตฺถา ตสฺส ปลุชฺชนฺติ, เย โหนฺติ อภิปตฺถิตาฯ

    Atthā tassa palujjanti, ye honti abhipatthitā.

    ๑๐๓.

    103.

    ‘‘โย ปุเพฺพ กตกลฺยาโณ, กตโตฺถ มนุพุชฺฌติ;

    ‘‘Yo pubbe katakalyāṇo, katattho manubujjhati;

    อตฺถา ตสฺส ปวฑฺฒนฺติ, เย โหนฺติ อภิปตฺถิกาฯ

    Atthā tassa pavaḍḍhanti, ye honti abhipatthikā.

    ๑๐๔.

    104.

    ‘‘ตํ โว วทามิ ภทฺทเนฺต, ยาวเนฺตตฺถ สมาคตา;

    ‘‘Taṃ vo vadāmi bhaddante, yāvantettha samāgatā;

    สเพฺพ กตญฺญุโน โหถ, จิรํ สคฺคมฺหิ ฐสฺสถา’’ติฯ

    Sabbe kataññuno hotha, ciraṃ saggamhi ṭhassathā’’ti.

    ตตฺถ ปฐมคาถาย ตาว อโตฺถ – อิเธกโจฺจ อญฺญาณชาติโก โปโส ยาวตาสีสตี, ยาว ‘‘อิทํ นาม เม อยํ กาตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ ปจฺจาสีสติ, ตาวเทว ตํ ปุริสํ ปวีณติ ภชติ เสวติ, ตสฺส ปน อตฺถาปาเย วฑฺฒิยา อปคมเน ปริหีนกาเล ตํ นานากิเจฺจสุ ปตฺถิตํ โปสํ เอกเจฺจ พาลา อิมํ โอฎฺฐิพฺยาธิํ อยํ ขตฺติโย วิย ชหนฺติฯ

    Tattha paṭhamagāthāya tāva attho – idhekacco aññāṇajātiko poso yāvatāsīsatī, yāva ‘‘idaṃ nāma me ayaṃ kātuṃ sakkhissatī’’ti paccāsīsati, tāvadeva taṃ purisaṃ pavīṇati bhajati sevati, tassa pana atthāpāye vaḍḍhiyā apagamane parihīnakāle taṃ nānākiccesu patthitaṃ posaṃ ekacce bālā imaṃ oṭṭhibyādhiṃ ayaṃ khattiyo viya jahanti.

    กตกลฺยาโณติ ปเรน อตฺตโน กตกลฺยาณกโมฺมฯ กตโตฺถติ นิปฺผาทิตกิโจฺจฯ นาวพุชฺฌตีติ ปจฺฉาปิ ตํ ปเรน กตํ อุปการํ ตสฺส ชราชิณฺณกาเล อสมตฺถกาเล น สรติ, อตฺตนา ทินฺนมฺปิ ยสํ ปุน คณฺหาติฯ ปลุชฺชนฺตีติ ภิชฺชนฺติ นสฺสนฺติฯ เย โหนฺติ อภิปตฺถิตาติ เย เกจิ อตฺถา อิจฺฉิตา นาม โหนฺติ, สเพฺพ นสฺสนฺตีติ ทีเปติฯ มิตฺตทุพฺภิปุคฺคลสฺส หิ ปตฺถิตปตฺถิตํ อคฺคิมฺหิ ปกฺขิตฺตพีชํ วิย นสฺสติฯ กตโตฺถ มนุพุชฺฌตีติ กตโตฺถ อนุพุชฺฌติ, ม-กาโร พฺยญฺชนสนฺธิวเสน คหิโตฯ ตํ โว วทามีติ เตน การเณน ตุเมฺห วทามิฯ ฐสฺสถาติ กตญฺญุโน หุตฺวา จิรกาลํ สคฺคมฺหิ ทิพฺพสมฺปตฺติํ อนุภวนฺตา ปติฎฺฐหิสฺสถฯ

    Katakalyāṇoti parena attano katakalyāṇakammo. Katatthoti nipphāditakicco. Nāvabujjhatīti pacchāpi taṃ parena kataṃ upakāraṃ tassa jarājiṇṇakāle asamatthakāle na sarati, attanā dinnampi yasaṃ puna gaṇhāti. Palujjantīti bhijjanti nassanti. Ye honti abhipatthitāti ye keci atthā icchitā nāma honti, sabbe nassantīti dīpeti. Mittadubbhipuggalassa hi patthitapatthitaṃ aggimhi pakkhittabījaṃ viya nassati. Katattho manubujjhatīti katattho anubujjhati, ma-kāro byañjanasandhivasena gahito. Taṃ vo vadāmīti tena kāraṇena tumhe vadāmi. Ṭhassathāti kataññuno hutvā cirakālaṃ saggamhi dibbasampattiṃ anubhavantā patiṭṭhahissatha.

    เอวํ มหาสโตฺต ราชานํ อาทิํ กตฺวา สนฺนิปติตานํ สเพฺพสํ โอวาทํ อทาสิฯ ตํ สุตฺวา ราชา โอฎฺฐิพฺยาธิยา ยสํ ปฎิปากติกํ อกาสิฯ โพธิสตฺตสฺส จ โอวาเท ฐตฺวา ทานาทีนิ ปุญฺญานิ กตฺวา สคฺคปรายโณ อโหสิฯ

    Evaṃ mahāsatto rājānaṃ ādiṃ katvā sannipatitānaṃ sabbesaṃ ovādaṃ adāsi. Taṃ sutvā rājā oṭṭhibyādhiyā yasaṃ paṭipākatikaṃ akāsi. Bodhisattassa ca ovāde ṭhatvā dānādīni puññāni katvā saggaparāyaṇo ahosi.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา โอฎฺฐิพฺยาธิ ภทฺทวติกา อโหสิ, ราชา อานโนฺท, อมโจฺจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā oṭṭhibyādhi bhaddavatikā ahosi, rājā ānando, amacco pana ahameva ahosi’’nti.

    ทฬฺหธมฺมชาตกวณฺณนา จตุตฺถาฯ

    Daḷhadhammajātakavaṇṇanā catutthā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๔๐๙. ทฬฺหธมฺมชาตกํ • 409. Daḷhadhammajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact