Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๔. ทลิทฺทสุตฺตวณฺณนา
4. Daliddasuttavaṇṇanā
๒๖๐. จตุเตฺถ มนุสฺสทลิโทฺทติ มนุสฺสอธโนฯ มนุสฺสกปโณติ มนุสฺสการุญฺญตํ ปโตฺตฯ มนุสฺสวราโกติ มนุสฺสลามโกฯ ตตฺราติ ตสฺมิํ ฐาเน, ตสฺมิํ วา อติโรจเนฯ อุชฺฌายนฺตีติ อวชฺฌายนฺติ ลามกโต จิเนฺตนฺติฯ ขิยนฺตีติ กเถนฺติ ปกาเสนฺติฯ วิปาเจนฺตีติ ตตฺถ ตตฺถ กเถนฺติ วิตฺถาเรนฺติฯ เอโส โข มาริสาติ เอตฺถ อยมนุปุพฺพิกถา – โส กิร อนุปฺปเนฺน พุเทฺธ กาสิรเฎฺฐ พาราณสิราชา หุตฺวา สมุสฺสิตทฺธชปฎากนานาลงฺกาเรน สุฎฺฐุ อลงฺกตํ นครํ ปทกฺขิณํ อกาสิ อตฺตโน สิริสมฺปตฺติยา สมากฑฺฒิตเนเตฺตน ชนกาเยน สมุโลฺลกิยมาโนฯ ตสฺมิญฺจ สมเย เอโก ปเจฺจกพุโทฺธ คนฺธมาทนปพฺพตา อาคมฺม ตสฺมิํ นคเร ปิณฺฑาย จรติ, สนฺตินฺทฺริโย สนฺตมานโส อุตฺตมทมถสมนฺนาคโตฯ มหาชโนปิ ราชคตํ จิตฺตีการํ ปหาย ปเจฺจกพุทฺธเมว โอโลเกสิฯ ราชา – ‘‘อิทานิ อิมสฺมิํ ชนกาเย เอโกปิ มํ น โอโลเกติฯ กิํ นุ โข เอต’’นฺติ? โอโลเกโนฺต ปเจฺจกพุทฺธํ อทฺทสฯ โสปิ ปเจฺจกพุโทฺธ มหลฺลโก โหติ ปจฺฉิมวเย ฐิโตฯ จีวรานิปิสฺส ชิณฺณานิ, ตโต ตโต สุตฺตานิ คฬนฺติฯ รโญฺญ สตสหสฺสาธิกานิ เทฺว อสเงฺขฺยยฺยานิ ปูริตปารมิํ ปเจฺจกพุทฺธํ ทิสฺวา จิตฺตปสาทมตฺตํ วา หตฺถํ ปสาเรตฺวา วนฺทนมตฺตํ วา นาโหสิฯ โส ราชา ‘‘ปพฺพชิโต มเญฺญ เอส อุสูยาย มํ น โอโลเกตี’’ติ กุชฺฌิตฺวา ‘‘กฺวายํ กุฎฺฐิจีวรานิ ปารุโต’’ติ นิฎฺฐุภิตฺวา ปกฺกามิฯ ตสฺส กมฺมสฺส วิปาเกน มหานิรเย นิพฺพตฺติตฺวา วิปากาวเสเสน มนุสฺสโลกํ อาคจฺฉโนฺต ราชคเห ปรมกปณาย อิตฺถิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฎิสนฺธิํ คณฺหิฯ คหิตกาลโต ปฎฺฐาย สา อิตฺถี กญฺชิกมตฺตมฺปิ อุทรปูรํ นาลตฺถฯ ตสฺส กุจฺฉิคตเสฺสว กณฺณนาสา วิลีนา, สงฺขปลิตกุฎฺฐี หุตฺวา มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขโนฺตฯ มาตาปิตโร นาม ทุกฺกรการิกา โหนฺติ, เตนสฺส มาตา ยาว กปาลํ คเหตฺวา จริตุํ น สโกฺกติ, ตาวสฺส กญฺชิกมฺปิ อุทกมฺปิ อาหริตฺวา อทาสิฯ ภิกฺขาย จริตุํ สมตฺถกาเล ปนสฺส กปาลํ หเตฺถ ทตฺวา ‘‘ปญฺญายิสฺสสิ สเกน กเมฺมนา’’ติ ปกฺกามิฯ
260. Catutthe manussadaliddoti manussaadhano. Manussakapaṇoti manussakāruññataṃ patto. Manussavarākoti manussalāmako. Tatrāti tasmiṃ ṭhāne, tasmiṃ vā atirocane. Ujjhāyantīti avajjhāyanti lāmakato cintenti. Khiyantīti kathenti pakāsenti. Vipācentīti tattha tattha kathenti vitthārenti. Eso kho mārisāti ettha ayamanupubbikathā – so kira anuppanne buddhe kāsiraṭṭhe bārāṇasirājā hutvā samussitaddhajapaṭākanānālaṅkārena suṭṭhu alaṅkataṃ nagaraṃ padakkhiṇaṃ akāsi attano sirisampattiyā samākaḍḍhitanettena janakāyena samullokiyamāno. Tasmiñca samaye eko paccekabuddho gandhamādanapabbatā āgamma tasmiṃ nagare piṇḍāya carati, santindriyo santamānaso uttamadamathasamannāgato. Mahājanopi rājagataṃ cittīkāraṃ pahāya paccekabuddhameva olokesi. Rājā – ‘‘idāni imasmiṃ janakāye ekopi maṃ na oloketi. Kiṃ nu kho eta’’nti? Olokento paccekabuddhaṃ addasa. Sopi paccekabuddho mahallako hoti pacchimavaye ṭhito. Cīvarānipissa jiṇṇāni, tato tato suttāni gaḷanti. Rañño satasahassādhikāni dve asaṅkhyeyyāni pūritapāramiṃ paccekabuddhaṃ disvā cittapasādamattaṃ vā hatthaṃ pasāretvā vandanamattaṃ vā nāhosi. So rājā ‘‘pabbajito maññe esa usūyāya maṃ na oloketī’’ti kujjhitvā ‘‘kvāyaṃ kuṭṭhicīvarāni pāruto’’ti niṭṭhubhitvā pakkāmi. Tassa kammassa vipākena mahāniraye nibbattitvā vipākāvasesena manussalokaṃ āgacchanto rājagahe paramakapaṇāya itthiyā kucchimhi paṭisandhiṃ gaṇhi. Gahitakālato paṭṭhāya sā itthī kañjikamattampi udarapūraṃ nālattha. Tassa kucchigatasseva kaṇṇanāsā vilīnā, saṅkhapalitakuṭṭhī hutvā mātukucchito nikkhanto. Mātāpitaro nāma dukkarakārikā honti, tenassa mātā yāva kapālaṃ gahetvā carituṃ na sakkoti, tāvassa kañjikampi udakampi āharitvā adāsi. Bhikkhāya carituṃ samatthakāle panassa kapālaṃ hatthe datvā ‘‘paññāyissasi sakena kammenā’’ti pakkāmi.
อถสฺส ตโต ปฎฺฐาย สกลสรีรโต มํสานิ ฉิชฺชิตฺวา ฉิชฺชิตฺวา ปตนฺติ, ยูสํ ปคฺฆรติ, มหาเวทนา วตฺตนฺติฯ ยํ ยํ รจฺฉํ นิสฺสาย สยติ, สพฺพรตฺติํ มหารเวน รวติฯ ตสฺส การุญฺญปริเทวิตสเทฺทน สกลวีถิยํ มนุสฺสา สพฺพรตฺติํ นิทฺทํ น ลภนฺติฯ ตสฺส ตโต ปฎฺฐาย สุขสยิเต ปโพเธตีติ สุปฺปพุโทฺธเตฺวว นามํ อุทปาทิฯ อถาปเรน สมเยน ภควติ ราชคหํ สมฺปเตฺต นาครา สตฺถารํ นิมเนฺตตฺวา นครมเชฺฌ มหามณฺฑปํ กตฺวา ทานํ อทํสุฯ สุปฺปพุโทฺธปิ กุฎฺฐี คนฺตฺวา ทานคฺคมณฺฑปสฺส อวิทูเร นิสีทิฯ นาครา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน ปริวิสนฺตา ตสฺสาปิ ยาคุภตฺตํ อทํสุฯ ตสฺส ปณีตโภชนํ ภุตฺตสฺส จิตฺตํ เอกคฺคํ อโหสิฯ สตฺถา ภตฺตกิจฺจาวสาเน อนุโมทนํ กตฺวา สจฺจานิ ทีเปสิ, สุปฺปพุโทฺธ นิสินฺนฎฺฐาเน นิสิโนฺนว เทสนานุสาเรน ญาณํ เปเสตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐิโตฯ สตฺถา อุฎฺฐาย วิหารํ คโตฯ โสปิ จุมฺพฎํ อารุยฺห กปาลมาทาย ทณฺฑโมลุพฺภ อตฺตโน วสนฎฺฐานํ คจฺฉโนฺต วิพฺภนฺตาย คาวิยา ชีวิตา โวโรปิโต มตฺติกปาติํ ภินฺทิตฺวา สุวณฺณปาติํ ปฎิลภโนฺต วิย ทุติยจิตฺตวาเร เทวโลเก นิพฺพโตฺต อตฺตโน ปุญฺญํ นิสฺสาย อเญฺญ เทเว อติกฺกมฺม วิโรจิตฺถฯ ตํ การณํ ทเสฺสโนฺต สโกฺก เทวานมิโนฺท เอโส โข มาริสาติอาทิมาหฯ
Athassa tato paṭṭhāya sakalasarīrato maṃsāni chijjitvā chijjitvā patanti, yūsaṃ paggharati, mahāvedanā vattanti. Yaṃ yaṃ racchaṃ nissāya sayati, sabbarattiṃ mahāravena ravati. Tassa kāruññaparidevitasaddena sakalavīthiyaṃ manussā sabbarattiṃ niddaṃ na labhanti. Tassa tato paṭṭhāya sukhasayite pabodhetīti suppabuddhotveva nāmaṃ udapādi. Athāparena samayena bhagavati rājagahaṃ sampatte nāgarā satthāraṃ nimantetvā nagaramajjhe mahāmaṇḍapaṃ katvā dānaṃ adaṃsu. Suppabuddhopi kuṭṭhī gantvā dānaggamaṇḍapassa avidūre nisīdi. Nāgarā buddhappamukhaṃ bhikkhusaṅghaṃ paṇītena khādanīyena bhojanīyena parivisantā tassāpi yāgubhattaṃ adaṃsu. Tassa paṇītabhojanaṃ bhuttassa cittaṃ ekaggaṃ ahosi. Satthā bhattakiccāvasāne anumodanaṃ katvā saccāni dīpesi, suppabuddho nisinnaṭṭhāne nisinnova desanānusārena ñāṇaṃ pesetvā sotāpattiphale patiṭṭhito. Satthā uṭṭhāya vihāraṃ gato. Sopi cumbaṭaṃ āruyha kapālamādāya daṇḍamolubbha attano vasanaṭṭhānaṃ gacchanto vibbhantāya gāviyā jīvitā voropito mattikapātiṃ bhinditvā suvaṇṇapātiṃ paṭilabhanto viya dutiyacittavāre devaloke nibbatto attano puññaṃ nissāya aññe deve atikkamma virocittha. Taṃ kāraṇaṃ dassento sakko devānamindo eso kho mārisātiādimāha.
สทฺธาติ มเคฺคนาคตสทฺธาฯ สีลญฺจ ยสฺส กลฺยาณนฺติ กลฺยาณสีลํ นาม อริยสาวกสฺส อริยกนฺตสีลํ วุจฺจติฯ ตตฺถ กิญฺจาปิ อริยสาวกสฺส เอกสีลมฺปิ อกนฺตํ นาม นตฺถิ, อิมสฺมิํ ปนเตฺถ ภวนฺตเรปิ อปฺปหีนํ ปญฺจสีลํ อธิเปฺปตํฯ จตุตฺถํฯ
Saddhāti maggenāgatasaddhā. Sīlañca yassa kalyāṇanti kalyāṇasīlaṃ nāma ariyasāvakassa ariyakantasīlaṃ vuccati. Tattha kiñcāpi ariyasāvakassa ekasīlampi akantaṃ nāma natthi, imasmiṃ panatthe bhavantarepi appahīnaṃ pañcasīlaṃ adhippetaṃ. Catutthaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๔. ทลิทฺทสุตฺตํ • 4. Daliddasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๔. ทลิทฺทสุตฺตวณฺณนา • 4. Daliddasuttavaṇṇanā