Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya

    ๙. ทานมหปฺผลสุตฺตํ

    9. Dānamahapphalasuttaṃ

    ๕๒. เอกํ สมยํ ภควา จมฺปายํ วิหรติ คคฺคราย โปกฺขรณิยา ตีเรฯ อถ โข สมฺพหุลา จเมฺปยฺยกา อุปาสกา เยน อายสฺมา สาริปุโตฺต เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข จเมฺปยฺยกา อุปาสกา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘จิรสฺสุตา โน, ภเนฺต 1, ภควโต สมฺมุขา ธมฺมีกถาฯ สาธุ มยํ, ภเนฺต, ลเภยฺยาม ภควโต สมฺมุขา ธมฺมิํ กถํ 2 สวนายา’’ติฯ ‘‘เตนหาวุโส, ตทหุโปสเถ อาคเจฺฉยฺยาถ, อเปฺปว นาม ลเภยฺยาถ ภควโต สมฺมุขา 3 ธมฺมิํ กถํ สวนายา’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข จเมฺปยฺยกา อุปาสกา อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปฎิสฺสุตฺวา อุฎฺฐายาสนา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกมิํสุฯ

    52. Ekaṃ samayaṃ bhagavā campāyaṃ viharati gaggarāya pokkharaṇiyā tīre. Atha kho sambahulā campeyyakā upāsakā yena āyasmā sāriputto tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ sāriputtaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinnā kho campeyyakā upāsakā āyasmantaṃ sāriputtaṃ etadavocuṃ – ‘‘cirassutā no, bhante 4, bhagavato sammukhā dhammīkathā. Sādhu mayaṃ, bhante, labheyyāma bhagavato sammukhā dhammiṃ kathaṃ 5 savanāyā’’ti. ‘‘Tenahāvuso, tadahuposathe āgaccheyyātha, appeva nāma labheyyātha bhagavato sammukhā 6 dhammiṃ kathaṃ savanāyā’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho campeyyakā upāsakā āyasmato sāriputtassa paṭissutvā uṭṭhāyāsanā āyasmantaṃ sāriputtaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā pakkamiṃsu.

    อถ โข จเมฺปยฺยกา อุปาสกา ตทหุโปสเถ เยนายสฺมา สาริปุโตฺต เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐํสุฯ อถ โข อายสฺมา สาริปุโตฺต เตหิ จเมฺปยฺยเกหิ อุปาสเกหิ สทฺธิํ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา สาริปุโตฺต ภควนฺตํ เอตทโวจ –

    Atha kho campeyyakā upāsakā tadahuposathe yenāyasmā sāriputto tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ sāriputtaṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhaṃsu. Atha kho āyasmā sāriputto tehi campeyyakehi upāsakehi saddhiṃ yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā sāriputto bhagavantaṃ etadavoca –

    ‘‘สิยา นุ โข, ภเนฺต, อิเธกจฺจสฺส ตาทิสํเยว ทานํ ทินฺนํ น มหปฺผลํ โหติ น มหานิสํสํ; สิยา ปน, ภเนฺต, อิเธกจฺจสฺส ตาทิสํเยว ทานํ ทินฺนํ มหปฺผลํ โหติ มหานิสํส’’นฺติ? ‘‘สิยา, สาริปุตฺต, อิเธกจฺจสฺส ตาทิสํเยว ทานํ ทินฺนํ น มหปฺผลํ โหติ น มหานิสํสํ; สิยา ปน, สาริปุตฺต, อิเธกจฺจสฺส ตาทิสํเยว ทานํ ทินฺนํ มหปฺผลํ โหติ มหานิสํส’’นฺติฯ ‘‘โก นุ โข, ภเนฺต, เหตุ โก ปจฺจโย เยน มิเธกจฺจสฺส ตาทิสํเยว ทานํ ทินฺนํ น มหปฺผลํ โหติ น มหานิสํสํ; โก นุ โข, ภเนฺต, เหตุ โก ปจฺจโย เยน มิเธกจฺจสฺส ตาทิสํเยว ทานํ ทินฺนํ มหปฺผลํ โหติ มหานิสํส’’นฺติ?

    ‘‘Siyā nu kho, bhante, idhekaccassa tādisaṃyeva dānaṃ dinnaṃ na mahapphalaṃ hoti na mahānisaṃsaṃ; siyā pana, bhante, idhekaccassa tādisaṃyeva dānaṃ dinnaṃ mahapphalaṃ hoti mahānisaṃsa’’nti? ‘‘Siyā, sāriputta, idhekaccassa tādisaṃyeva dānaṃ dinnaṃ na mahapphalaṃ hoti na mahānisaṃsaṃ; siyā pana, sāriputta, idhekaccassa tādisaṃyeva dānaṃ dinnaṃ mahapphalaṃ hoti mahānisaṃsa’’nti. ‘‘Ko nu kho, bhante, hetu ko paccayo yena midhekaccassa tādisaṃyeva dānaṃ dinnaṃ na mahapphalaṃ hoti na mahānisaṃsaṃ; ko nu kho, bhante, hetu ko paccayo yena midhekaccassa tādisaṃyeva dānaṃ dinnaṃ mahapphalaṃ hoti mahānisaṃsa’’nti?

    ‘‘อิธ, สาริปุตฺต, เอกโจฺจ สาเปโข 7 ทานํ เทติ, ปติพทฺธจิโตฺต 8 ทานํ เทติ, สนฺนิธิเปโข ทานํ เทติ, ‘อิมํ เปจฺจ ปริภุญฺชิสฺสามี’ติ ทานํ เทติฯ โส ตํ ทานํ เทติ สมณสฺส วา พฺราหฺมณสฺส วา อนฺนํ ปานํ วตฺถํ ยานํ มาลาคนฺธวิเลปนํ เสยฺยาวสถปทีเปยฺยํฯ ตํ กิํ มญฺญสิ, สาริปุตฺต, ทเทยฺย อิเธกโจฺจ เอวรูปํ ทาน’’นฺติ? ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ

    ‘‘Idha, sāriputta, ekacco sāpekho 9 dānaṃ deti, patibaddhacitto 10 dānaṃ deti, sannidhipekho dānaṃ deti, ‘imaṃ pecca paribhuñjissāmī’ti dānaṃ deti. So taṃ dānaṃ deti samaṇassa vā brāhmaṇassa vā annaṃ pānaṃ vatthaṃ yānaṃ mālāgandhavilepanaṃ seyyāvasathapadīpeyyaṃ. Taṃ kiṃ maññasi, sāriputta, dadeyya idhekacco evarūpaṃ dāna’’nti? ‘‘Evaṃ, bhante’’.

    ‘‘ตตฺร, สาริปุตฺต, ยฺวายํ สาเปโข ทานํ เทติ , ปติพทฺธจิโตฺต ทานํ เทติ, สนฺนิธิเปโข ทานํ เทติ, ‘อิมํ เปจฺจ ปริภุญฺชิสฺสามี’ติ ทานํ เทติฯ โส ตํ ทานํ ทตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา จาตุมหาราชิกานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติฯ โส ตํ กมฺมํ เขเปตฺวา ตํ อิทฺธิํ ตํ ยสํ ตํ อาธิปจฺจํ อาคามี โหติ อาคนฺตา อิตฺถตฺตํฯ

    ‘‘Tatra, sāriputta, yvāyaṃ sāpekho dānaṃ deti , patibaddhacitto dānaṃ deti, sannidhipekho dānaṃ deti, ‘imaṃ pecca paribhuñjissāmī’ti dānaṃ deti. So taṃ dānaṃ datvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā cātumahārājikānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjati. So taṃ kammaṃ khepetvā taṃ iddhiṃ taṃ yasaṃ taṃ ādhipaccaṃ āgāmī hoti āgantā itthattaṃ.

    ‘‘อิธ ปน, สาริปุตฺต, เอกโจฺจ น เหว โข สาเปโข ทานํ เทติ, น ปติพทฺธจิโตฺต ทานํ เทติ, น สนฺนิธิเปโข ทานํ เทติ, น ‘อิมํ เปจฺจ ปริภุญฺชิสฺสามี’ติ ทานํ เทติ; อปิ จ โข ‘สาหุ ทาน’นฺติ ทานํ เทติ…เป.… นปิ ‘สาหุ ทาน’นฺติ ทานํ เทติ; อปิ จ โข ‘ทินฺนปุพฺพํ กตปุพฺพํ ปิตุปิตามเหหิ น อรหามิ โปราณํ กุลวํสํ หาเปตุ’นฺติ ทานํ เทติ…เป.… นปิ ‘ทินฺนปุพฺพํ กตปุพฺพํ ปิตุปิตามเหหิ น อรหามิ โปราณํ กุลวํสํ หาเปตุ’นฺติ ทานํ เทติ; อปิ จ โข ‘อหํ ปจามิ, อิเม น ปจนฺติ, นารหามิ ปจโนฺต อปจนฺตานํ ทานํ อทาตุ’นฺติ ทานํ เทติ…เป.… นปิ ‘อหํ ปจามิ, อิเม น ปจนฺติ, นารหามิ ปจโนฺต อปจนฺตานํ ทานํ อทาตุ’นฺติ ทานํ เทติ; อปิ จ โข ‘ยถา เตสํ ปุพฺพกานํ อิสีนํ ตานิ มหายญฺญานิ อเหสุํ, เสยฺยถิทํ – อฎฺฐกสฺส วามกสฺส วามเทวสฺส เวสฺสามิตฺตสฺส ยมทคฺคิโน องฺคีรสสฺส ภารทฺวาชสฺส วาเสฎฺฐสฺส กสฺสปสฺส ภคุโน, เอวํ เม อยํ ทานสํวิภาโค ภวิสฺสตี’ติ ทานํ เทติ…เป.… นปิ ‘ยถา เตสํ ปุพฺพกานํ อิสีนํ ตานิ มหายญฺญานิ อเหสุํ, เสยฺยถิทํ – อฎฺฐกสฺส วามกสฺส วามเทวสฺส เวสฺสามิตฺตสฺส ยมทคฺคิโน องฺคีรสสฺส ภารทฺวาชสฺส วาเสฎฺฐสฺส กสฺสปสฺส ภคุโน, เอวํ เม อยํ ทานสํวิภาโค ภวิสฺสตี’ติ ทานํ เทติ; อปิ จ โข ‘อิมํ เม ทานํ ททโต จิตฺตํ ปสีทติ, อตฺตมนตา โสมนสฺสํ อุปชายตี’ติ ทานํ เทติ…เป.… นปิ ‘อิมํ เม ทานํ ททโต จิตฺตํ ปสีทติ, อตฺตมนตา โสมนสฺสํ อุปชายตี’ติ ทานํ เทติ; อปิ จ โข จิตฺตาลงฺการจิตฺตปริกฺขารํ ทานํ เทติฯ โส ตํ ทานํ เทติ สมณสฺส วา พฺราหฺมณสฺส วา อนฺนํ ปานํ วตฺถํ ยานํ มาลาคนฺธวิเลปนํ เสยฺยาวสถปทีเปยฺยํฯ ตํ กิํ มญฺญสิ, สาริปุตฺต, ทเทยฺย อิเธกโจฺจ เอวรูปํ ทาน’’นฺติ? ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ

    ‘‘Idha pana, sāriputta, ekacco na heva kho sāpekho dānaṃ deti, na patibaddhacitto dānaṃ deti, na sannidhipekho dānaṃ deti, na ‘imaṃ pecca paribhuñjissāmī’ti dānaṃ deti; api ca kho ‘sāhu dāna’nti dānaṃ deti…pe… napi ‘sāhu dāna’nti dānaṃ deti; api ca kho ‘dinnapubbaṃ katapubbaṃ pitupitāmahehi na arahāmi porāṇaṃ kulavaṃsaṃ hāpetu’nti dānaṃ deti…pe… napi ‘dinnapubbaṃ katapubbaṃ pitupitāmahehi na arahāmi porāṇaṃ kulavaṃsaṃ hāpetu’nti dānaṃ deti; api ca kho ‘ahaṃ pacāmi, ime na pacanti, nārahāmi pacanto apacantānaṃ dānaṃ adātu’nti dānaṃ deti…pe… napi ‘ahaṃ pacāmi, ime na pacanti, nārahāmi pacanto apacantānaṃ dānaṃ adātu’nti dānaṃ deti; api ca kho ‘yathā tesaṃ pubbakānaṃ isīnaṃ tāni mahāyaññāni ahesuṃ, seyyathidaṃ – aṭṭhakassa vāmakassa vāmadevassa vessāmittassa yamadaggino aṅgīrasassa bhāradvājassa vāseṭṭhassa kassapassa bhaguno, evaṃ me ayaṃ dānasaṃvibhāgo bhavissatī’ti dānaṃ deti…pe… napi ‘yathā tesaṃ pubbakānaṃ isīnaṃ tāni mahāyaññāni ahesuṃ, seyyathidaṃ – aṭṭhakassa vāmakassa vāmadevassa vessāmittassa yamadaggino aṅgīrasassa bhāradvājassa vāseṭṭhassa kassapassa bhaguno, evaṃ me ayaṃ dānasaṃvibhāgo bhavissatī’ti dānaṃ deti; api ca kho ‘imaṃ me dānaṃ dadato cittaṃ pasīdati, attamanatā somanassaṃ upajāyatī’ti dānaṃ deti…pe… napi ‘imaṃ me dānaṃ dadato cittaṃ pasīdati, attamanatā somanassaṃ upajāyatī’ti dānaṃ deti; api ca kho cittālaṅkāracittaparikkhāraṃ dānaṃ deti. So taṃ dānaṃ deti samaṇassa vā brāhmaṇassa vā annaṃ pānaṃ vatthaṃ yānaṃ mālāgandhavilepanaṃ seyyāvasathapadīpeyyaṃ. Taṃ kiṃ maññasi, sāriputta, dadeyya idhekacco evarūpaṃ dāna’’nti? ‘‘Evaṃ, bhante’’.

    ‘‘ตตฺร, สาริปุตฺต, ยฺวายํ น เหว 11 สาเปโข ทานํ เทติ; น ปติพทฺธจิโตฺต ทานํ เทติ; น สนฺนิธิเปโข ทานํ เทติ; น ‘อิมํ เปจฺจ ปริภุญฺชิสฺสามี’ติ ทานํ เทติ; นปิ ‘สาหุ ทาน’นฺติ ทานํ เทติ; นปิ ‘ทินฺนปุพฺพํ กตปุพฺพํ ปิตุปิตามเหหิ น อรหามิ โปราณํ กุลวํสํ หาเปตุ’นฺติ ทานํ เทติ; นปิ ‘อหํ ปจามิ, อิเม น ปจนฺติ, นารหามิ ปจโนฺต อปจนฺตานํ ทานํ อทาตุ’นฺติ ทานํ เทติ; นปิ ‘ยถา เตสํ ปุพฺพกานํ อิสีนํ ตานิ มหายญฺญานิ อเหสุํ, เสยฺยถิทํ – อฎฺฐกสฺส วามกสฺส วามเทวสฺส เวสฺสามิตฺตสฺส ยมทคฺคิโน องฺคีรสสฺส ภารทฺวาชสฺส วาเสฎฺฐสฺส กสฺสปสฺส ภคุโน, เอวํ เม อยํ ทานสํวิภาโค ภวิสฺสตี’ติ ทานํ เทติ; นปิ ‘อิมํ เม ทานํ ททโต จิตฺตํ ปสีทติ, อตฺตมนตา โสมนสฺสํ อุปชายตี’ติ ทานํ เทติ; อปิ จ โข จิตฺตาลงฺการจิตฺตปริกฺขารํ ทานํ เทติฯ โส ตํ ทานํ ทตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา พฺรหฺมกายิกานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติฯ โส ตํ กมฺมํ เขเปตฺวา ตํ อิทฺธิํ ตํ ยสํ ตํ อาธิปจฺจํ อนาคามี โหติ อนาคนฺตา อิตฺถตฺตํฯ อยํ โข, สาริปุตฺต, เหตุ อยํ ปจฺจโย เยน มิเธกจฺจสฺส ตาทิสํเยว ทานํ ทินฺนํ น มหปฺผลํ โหติ น มหานิสํสํฯ อยํ ปน, สาริปุตฺต, เหตุ อยํ ปจฺจโย เยน มิเธกจฺจสฺส ตาทิสํเยว ทานํ ทินฺนํ มหปฺผลํ โหติ มหานิสํส’’นฺติฯ นวมํฯ

    ‘‘Tatra, sāriputta, yvāyaṃ na heva 12 sāpekho dānaṃ deti; na patibaddhacitto dānaṃ deti; na sannidhipekho dānaṃ deti; na ‘imaṃ pecca paribhuñjissāmī’ti dānaṃ deti; napi ‘sāhu dāna’nti dānaṃ deti; napi ‘dinnapubbaṃ katapubbaṃ pitupitāmahehi na arahāmi porāṇaṃ kulavaṃsaṃ hāpetu’nti dānaṃ deti; napi ‘ahaṃ pacāmi, ime na pacanti, nārahāmi pacanto apacantānaṃ dānaṃ adātu’nti dānaṃ deti; napi ‘yathā tesaṃ pubbakānaṃ isīnaṃ tāni mahāyaññāni ahesuṃ, seyyathidaṃ – aṭṭhakassa vāmakassa vāmadevassa vessāmittassa yamadaggino aṅgīrasassa bhāradvājassa vāseṭṭhassa kassapassa bhaguno, evaṃ me ayaṃ dānasaṃvibhāgo bhavissatī’ti dānaṃ deti; napi ‘imaṃ me dānaṃ dadato cittaṃ pasīdati, attamanatā somanassaṃ upajāyatī’ti dānaṃ deti; api ca kho cittālaṅkāracittaparikkhāraṃ dānaṃ deti. So taṃ dānaṃ datvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā brahmakāyikānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjati. So taṃ kammaṃ khepetvā taṃ iddhiṃ taṃ yasaṃ taṃ ādhipaccaṃ anāgāmī hoti anāgantā itthattaṃ. Ayaṃ kho, sāriputta, hetu ayaṃ paccayo yena midhekaccassa tādisaṃyeva dānaṃ dinnaṃ na mahapphalaṃ hoti na mahānisaṃsaṃ. Ayaṃ pana, sāriputta, hetu ayaṃ paccayo yena midhekaccassa tādisaṃyeva dānaṃ dinnaṃ mahapphalaṃ hoti mahānisaṃsa’’nti. Navamaṃ.







    Footnotes:
    1. ภเนฺต สาริปุตฺต (สี.)
    2. ภควโต สนฺติกา ธมฺมิํ กถํ (สี.), ภควโต ธมฺมิํ กถํ (สฺยา.)
    3. ภควโต สนฺติเก (สฺยา.)
    4. bhante sāriputta (sī.)
    5. bhagavato santikā dhammiṃ kathaṃ (sī.), bhagavato dhammiṃ kathaṃ (syā.)
    6. bhagavato santike (syā.)
    7. สาเปโกฺข (สฺยา.)
    8. ปติพนฺธจิโตฺต (ก.)
    9. sāpekkho (syā.)
    10. patibandhacitto (ka.)
    11. นเหว โข (สี. สฺยา.)
    12. naheva kho (sī. syā.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๙. ทานมหปฺผลสุตฺตวณฺณนา • 9. Dānamahapphalasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๙. ทานมหปฺผลสุตฺตวณฺณนา • 9. Dānamahapphalasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact