Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อุทาน-อฎฺฐกถา • Udāna-aṭṭhakathā |
๓. ทณฺฑสุตฺตวณฺณนา
3. Daṇḍasuttavaṇṇanā
๑๓. ตติเย กุมารกาติ ทารกาฯ อนฺตรา จ สาวตฺถิํ อนฺตรา จ เชตวนนฺติ อนฺตราสโทฺท ‘‘ตทนฺตรํ โก ชาเนยฺย, อญฺญตฺร ตถาคตา’’ติ (อ. นิ. ๖.๔๔; ๑๐.๗๕), ‘‘ชนา สงฺคมฺม มเนฺตนฺติ, มญฺจ ตฺวญฺจ กิมนฺตร’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๒๒๘) การเณ อาคโตฯ ‘‘อทฺทสา มํ, ภเนฺต, อญฺญตรา อิตฺถี วิชฺชนฺตริกาย ภาชนํ โธวนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๔๙) ขเณฯ ‘‘ยสฺสนฺตรโต น สนฺติ โกปา’’ติอาทีสุ (อุทา. ๒๐) จิเตฺตฯ ‘‘อนฺตรา โวสานมาปาที’’ติอาทีสุ เวมเชฺฌฯ ‘‘อปิจายํ, ภิกฺขเว, ตโปทา ทฺวินฺนํ มหานิรยานํ อนฺตริกาย อาคจฺฉตี’’ติอาทีสุ (ปารา. ๒๓๑) วิวเร ฯ สฺวายมิธาปิ วิวเร เวทิตโพฺพฯ ตสฺมา สาวตฺถิยา จ เชตวนสฺส จ วิวเรติ, เอวเมตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อนฺตราสทฺทโยคโต เจตฺถ อุปโยควจนํ ‘‘อนฺตรา จ สาวตฺถิํ อนฺตรา จ เชตวน’’นฺติฯ อีทิเสสุ ฐาเนสุ อกฺขรจินฺตกา ‘‘อนฺตรา คามญฺจ นทิญฺจ คจฺฉตี’’ติ เอกเมว อนฺตราสทฺทํ ปยุชฺชนฺติ, โส ทุติยปเทนปิ โยเชตโพฺพ โหติฯ อิธ ปน โยเชตฺวา วุโตฺตฯ
13. Tatiye kumārakāti dārakā. Antarā ca sāvatthiṃ antarā ca jetavananti antarāsaddo ‘‘tadantaraṃ ko jāneyya, aññatra tathāgatā’’ti (a. ni. 6.44; 10.75), ‘‘janā saṅgamma mantenti, mañca tvañca kimantara’’ntiādīsu (saṃ. ni. 1.228) kāraṇe āgato. ‘‘Addasā maṃ, bhante, aññatarā itthī vijjantarikāya bhājanaṃ dhovantī’’tiādīsu (ma. ni. 2.149) khaṇe. ‘‘Yassantarato na santi kopā’’tiādīsu (udā. 20) citte. ‘‘Antarā vosānamāpādī’’tiādīsu vemajjhe. ‘‘Apicāyaṃ, bhikkhave, tapodā dvinnaṃ mahānirayānaṃ antarikāya āgacchatī’’tiādīsu (pārā. 231) vivare . Svāyamidhāpi vivare veditabbo. Tasmā sāvatthiyā ca jetavanassa ca vivareti, evamettha attho veditabbo. Antarāsaddayogato cettha upayogavacanaṃ ‘‘antarā ca sāvatthiṃ antarā ca jetavana’’nti. Īdisesu ṭhānesu akkharacintakā ‘‘antarā gāmañca nadiñca gacchatī’’ti ekameva antarāsaddaṃ payujjanti, so dutiyapadenapi yojetabbo hoti. Idha pana yojetvā vutto.
อหิํ ทเณฺฑน หนนฺตีติ พิลโต นิกฺขมิตฺวา โคจราย คจฺฉนฺตํ กณฺหสปฺปํ ฉาตชฺฌตฺตํ อนุพนฺธิตฺวา ยฎฺฐีหิ โปเถนฺติฯ เตน จ สมเยน ภควา สาวตฺถิํ ปิณฺฑาย คจฺฉโนฺต อนฺตรามเคฺค เต ทารเก อหิํ ทเณฺฑน หนเนฺต ทิสฺวา ‘‘กสฺมา กุมารกา อิมํ อหิํ ทเณฺฑน หนถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ฑํสนภเยน, ภเนฺต’’ติ จ วุเตฺต ‘‘อิเม อตฺตโน สุขํ กริสฺสามาติ อิมํ ปหรนฺตา นิพฺพตฺตฎฺฐาเน ทุกฺขํ อนุภวิสฺสนฺติ, อโห อวิชฺชาย นิกติโกสลฺล’’นฺติ ธมฺมสํเวคํ อุปฺปาเทสิฯ เตเนว จ ธมฺมสํเวเคน อุทานํ อุทาเนสิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อถ โข ภควา’’ติอาทิฯ
Ahiṃ daṇḍena hanantīti bilato nikkhamitvā gocarāya gacchantaṃ kaṇhasappaṃ chātajjhattaṃ anubandhitvā yaṭṭhīhi pothenti. Tena ca samayena bhagavā sāvatthiṃ piṇḍāya gacchanto antarāmagge te dārake ahiṃ daṇḍena hanante disvā ‘‘kasmā kumārakā imaṃ ahiṃ daṇḍena hanathā’’ti pucchitvā ‘‘ḍaṃsanabhayena, bhante’’ti ca vutte ‘‘ime attano sukhaṃ karissāmāti imaṃ paharantā nibbattaṭṭhāne dukkhaṃ anubhavissanti, aho avijjāya nikatikosalla’’nti dhammasaṃvegaṃ uppādesi. Teneva ca dhammasaṃvegena udānaṃ udānesi. Tena vuttaṃ ‘‘atha kho bhagavā’’tiādi.
ตตฺถ เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ ‘‘อิเม ทารกา อตฺตสุขาย ปรทุกฺขํ กโรนฺตา สยํ ปรตฺถ สุขํ น ลภิสฺสนฺตี’’ติ เอตมตฺถํ ชานิตฺวาติ เอวเมเก วเณฺณนฺติฯ อเญฺญสํ ทุปฺปฎิปนฺนานํ สุขปริเยสนํ อายติํ ทุกฺขาย สํวตฺตติ, สุปฺปฎิปนฺนานํ เอกเนฺตน สุขาย สํวตฺตติฯ ตสฺมา ‘‘ปรวิเหสาวินิมุตฺตา อจฺจนฺตเมว สุขภาคิโน วต มยฺหํ โอวาทปฺปฎิกรา’’ติ โสมนสฺสวเสเนเวตมฺปิ สตฺถา อุทานํ อุทาเนสีติ วทนฺติฯ อปเร ปน ภณนฺติ ‘‘เอวํ เตหิ กุมารเกหิ ปวตฺติตํ ปรวิเหฐนํ สพฺพากาเรน อาทีนวโต วิทิตฺวา ปรวิเหสาย ปรานุกมฺปาย จ ยถากฺกมํ อาทีนวานิสํสวิภาวนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสี’’ติฯ
Tattha etamatthaṃ viditvāti ‘‘ime dārakā attasukhāya paradukkhaṃ karontā sayaṃ parattha sukhaṃ na labhissantī’’ti etamatthaṃ jānitvāti evameke vaṇṇenti. Aññesaṃ duppaṭipannānaṃ sukhapariyesanaṃ āyatiṃ dukkhāya saṃvattati, suppaṭipannānaṃ ekantena sukhāya saṃvattati. Tasmā ‘‘paravihesāvinimuttā accantameva sukhabhāgino vata mayhaṃ ovādappaṭikarā’’ti somanassavasenevetampi satthā udānaṃ udānesīti vadanti. Apare pana bhaṇanti ‘‘evaṃ tehi kumārakehi pavattitaṃ paraviheṭhanaṃ sabbākārena ādīnavato viditvā paravihesāya parānukampāya ca yathākkamaṃ ādīnavānisaṃsavibhāvanaṃ imaṃ udānaṃ udānesī’’ti.
ตตฺถ สุขกามานีติ เอกเนฺตเนว อตฺตโน สุขสฺส อิจฺฉนโต สุขานุคิทฺธานิฯ ภูตานีติ ปาณิโนฯ โย ทเณฺฑน วิหิํสตีติ เอตฺถ ทเณฺฑนาติ เทสนามตฺตํ, ทเณฺฑน วา เลฑฺฑุสตฺถปาณิปฺปหาราทีหิ วาติ อโตฺถฯ อถ วา ทเณฺฑนาติ ทณฺฑเนนฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย สุขกามานิ สพฺพภูตานิ ชาติอาทินา ฆฎฺฎนวเสน วจีทเณฺฑน วา ปาณิมุคฺครสตฺถาทีหิ โปถนตาฬนเจฺฉทนาทิวเสน สรีรทเณฺฑน วา สตํ วา สหสฺสํ วา ฐาปนวเสน ธนทเณฺฑน วาติ อิเมสุ ทเณฺฑสุ เยน เกนจิ ทเณฺฑน วิหิํสติ วิเหเฐติ ทุกฺขํ ปาเปติ, อตฺตโน สุขเมสาโน, เปจฺจ โส น ลภเต สุขนฺติ โส ปุคฺคโล อตฺตโน สุขํ เอสโนฺต คเวสโนฺต ปเตฺถโนฺต เปจฺจ ปรโลเก มนุสฺสสุขํ ทิพฺพสุขํ นิพฺพานสุขนฺติ ติวิธมฺปิ สุขํ น ลภติ, อญฺญทตฺถุ เตน ทเณฺฑน ทุกฺขเมว ลภตีติ อโตฺถฯ
Tattha sukhakāmānīti ekanteneva attano sukhassa icchanato sukhānugiddhāni. Bhūtānīti pāṇino. Yo daṇḍena vihiṃsatīti ettha daṇḍenāti desanāmattaṃ, daṇḍena vā leḍḍusatthapāṇippahārādīhi vāti attho. Atha vā daṇḍenāti daṇḍanena. Idaṃ vuttaṃ hoti – yo sukhakāmāni sabbabhūtāni jātiādinā ghaṭṭanavasena vacīdaṇḍena vā pāṇimuggarasatthādīhi pothanatāḷanacchedanādivasena sarīradaṇḍena vā sataṃ vā sahassaṃ vā ṭhāpanavasena dhanadaṇḍena vāti imesu daṇḍesu yena kenaci daṇḍena vihiṃsati viheṭheti dukkhaṃ pāpeti, attano sukhamesāno, pecca so na labhate sukhanti so puggalo attano sukhaṃ esanto gavesanto patthento pecca paraloke manussasukhaṃ dibbasukhaṃ nibbānasukhanti tividhampi sukhaṃ na labhati, aññadatthu tena daṇḍena dukkhameva labhatīti attho.
เปจฺจ โส ลภเต สุขนฺติ โย ขนฺติเมตฺตานุทฺทยสมฺปโนฺน ‘‘ยถาหํ สุขกาโม ทุกฺขปฺปฎิกูโล, เอวํ สเพฺพปี’’ติ จิเนฺตตฺวา สมฺปตฺตวิรติอาทีสุ ฐิโต วุตฺตนเยน เกนจิ ทเณฺฑน สพฺพานิปิ ภูตานิ น หิํสติ น พาธติ, โส ปุคฺคโล ปรโลเก มนุสฺสภูโต มนุสฺสสุขํ, เทวภูโต ทิพฺพสุขํ, อุภยํ อติกฺกมโนฺต นิพฺพานสุขํ ลภตีติฯ เอตฺถ จ ตาทิสสฺส ปุคฺคลสฺส อวสฺสํภาวิตาย ตํ สุขํ ปจฺจุปฺปนฺนํ วิย โหตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ลภเต’’ติ วุตฺตํฯ ปุริมคาถายปิ เอเสว นโยฯ
Pecca so labhate sukhanti yo khantimettānuddayasampanno ‘‘yathāhaṃ sukhakāmo dukkhappaṭikūlo, evaṃ sabbepī’’ti cintetvā sampattaviratiādīsu ṭhito vuttanayena kenaci daṇḍena sabbānipi bhūtāni na hiṃsati na bādhati, so puggalo paraloke manussabhūto manussasukhaṃ, devabhūto dibbasukhaṃ, ubhayaṃ atikkamanto nibbānasukhaṃ labhatīti. Ettha ca tādisassa puggalassa avassaṃbhāvitāya taṃ sukhaṃ paccuppannaṃ viya hotīti dassanatthaṃ ‘‘labhate’’ti vuttaṃ. Purimagāthāyapi eseva nayo.
ตติยสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Tatiyasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อุทานปาฬิ • Udānapāḷi / ๓. ทณฺฑสุตฺตํ • 3. Daṇḍasuttaṃ