Tipiṭaka / Tipiṭaka (English) / Majjhima Nikāya, English translation |
มชฺฌิม นิกาย ๑๒๕
The Middle-Length Suttas Collection 125
ทนฺตภูมิสุตฺต
The Level of the Tamed
เอวํ เม สุตํ—เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเปฯ
So I have heard. At one time the Buddha was staying near Rājagaha, in the Bamboo Grove, the squirrels’ feeding ground.
เตน โข ปน สมเยน อจิรวโต สมณุทฺเทโส อรญฺญกุฏิกายํ วิหรติฯ อถ โข ชยเสโน ราชกุมาโร ชงฺฆาวิหารํ อนุจงฺกมมาโน อนุวิจรมาโน เยน อจิรวโต สมณุทฺเทโส เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อจิรวเตน สมณุทฺเทเสน สทฺธึ สมฺโมทิฯ
Now at that time the novice Aciravata was staying in a wilderness hut. Then as Prince Jayasena was going for a walk he approached Aciravata, and exchanged greetings with him.
สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ชยเสโน ราชกุมาโร อจิรวตํ สมณุทฺเทสํ เอตทโวจ: “สุตํ เมตํ, โภ อคฺคิเวสฺสน: ‘อิธ ภิกฺขุ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต ผุเสยฺย จิตฺตสฺส เอกคฺคตนฺ'”ติฯ
When the greetings and polite conversation were over, he sat down to one side and said to Aciravata, “Master Aggivessana, I have heard that a bhikkhu who meditates diligently, keenly, and resolutely can experience unification of mind.”
“เอวเมตํ, ราชกุมาร, เอวเมตํ, ราชกุมารฯ อิธ ภิกฺขุ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต ผุเสยฺย จิตฺตสฺส เอกคฺคตนฺ”ติฯ
“That’s so true, Prince! That’s so true! A bhikkhu who meditates diligently, keenly, and resolutely can experience unification of mind.”
“สาธุ เม ภวํ อคฺคิเวสฺสโน ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ เทเสตู”ติฯ
“Master Aggivessana, please teach me the Dhamma as you have learned and memorized it.”
“น โข เต อหํ, ราชกุมาร, สกฺโกมิ ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ เทเสตุํฯ อหญฺจ หิ เต, ราชกุมาร, ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ เทเสยฺยํ, ตฺวญฺจ เม ภาสิตสฺส อตฺถํ น อาชาเนยฺยาสิ; โส มมสฺส กิลมโถ, สา มมสฺส วิเหสา”ติฯ
“I’m not competent to do so, Prince. For if I were to teach you the Dhamma as I have learned and memorized it, you might not understand the meaning, which would be wearying and troublesome for me.”
“เทเสตุ เม ภวํ อคฺคิเวสฺสโน ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํฯ อปฺเปวนามาหํ โภโต อคฺคิเวสฺสนสฺส ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชาเนยฺยนฺ”ติฯ
“Master Aggivessana, please teach me the Dhamma as you have learned and memorized it. Hopefully I will understand the meaning of what you say.”
“เทเสยฺยํ โข เต อหํ, ราชกุมาร, ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํฯ สเจ เม ตฺวํ ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชาเนยฺยาสิ, อิจฺเจตํ กุสลํ; โน เจ เม ตฺวํ ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชาเนยฺยาสิ, ยถาสเก ติฏฺเฐยฺยาสิ, น มํ ตตฺถ อุตฺตรึ ปฏิปุจฺเฉยฺยาสี”ติฯ
“Then I shall teach you. If you understand the meaning of what I say, that’s good. If not, then leave each to his own, and do not question me about it further.”
“เทเสตุ เม ภวํ อคฺคิเวสฺสโน ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํฯ สเจ อหํ โภโต อคฺคิเวสฺสนสฺส ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชานิสฺสามิ, อิจฺเจตํ กุสลํ; โน เจ อหํ โภโต อคฺคิเวสฺสนสฺส ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชานิสฺสามิ, ยถาสเก ติฏฺฐิสฺสามิ, นาหํ ตตฺถ ภวนฺตํ อคฺคิเวสฺสนํ อุตฺตรึ ปฏิปุจฺฉิสฺสามี”ติฯ
“Master Aggivessana, please teach me the Dhamma as you have learned and memorized it. If I understand the meaning of what you say, that’s good. If not, then I will leave each to his own, and not question you about it further.”
อถ โข อจิรวโต สมณุทฺเทโส ชยเสนสฺส ราชกุมารสฺส ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ เทเสสิฯ เอวํ วุตฺเต, ชยเสโน ราชกุมาโร อจิรวตํ สมณุทฺเทสํ เอตทโวจ: “อฏฺฐานเมตํ, โภ อคฺคิเวสฺสน, อนวกาโส ยํ ภิกฺขุ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต ผุเสยฺย จิตฺตสฺส เอกคฺคตนฺ”ติฯ อถ โข ชยเสโน ราชกุมาโร อจิรวตสฺส สมณุทฺเทสสฺส อฏฺฐานตญฺจ อนวกาสตญฺจ ปเวเทตฺวา อุฏฺฐายาสนา ปกฺกามิฯ
Then the novice Aciravata taught Prince Jayasena the Dhamma as he had learned and memorized it. When he had spoken, Jayasena said to him, “It is impossible, Master Aggivessana, it cannot happen that a bhikkhu who meditates diligently, keenly, and resolutely can experience unification of mind.” Having declared that this was impossible, Jayasena got up from his seat and left.
อถ โข อจิรวโต สมณุทฺเทโส อจิรปกฺกนฺเต ชยเสเน ราชกุมาเร เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อจิรวโต สมณุทฺเทโส ยาวตโก อโหสิ ชยเสเนน ราชกุมาเรน สทฺธึ กถาสลฺลาโป ตํ สพฺพํ ภควโต อาโรเจสิฯ
Not long after he had left, Aciravata went to the Buddha, bowed, sat down to one side, and informed the Buddha of all they had discussed.
เอวํ วุตฺเต, ภควา อจิรวตํ สมณุทฺเทสํ เอตทโวจ:
When he had spoken, the Buddha said to him,
“‘ตํ กุเตตฺถ, อคฺคิเวสฺสน, ลพฺภาฯ ยํ ตํ เนกฺขมฺเมน ญาตพฺพํ เนกฺขมฺเมน ทฏฺฐพฺพํ เนกฺขมฺเมน ปตฺตพฺพํ เนกฺขมฺเมน สจฺฉิกาตพฺพํ ตํ วต ชยเสโน ราชกุมาโร กามมชฺเฌ วสนฺโต กาเม ปริภุญฺชนฺโต กามวิตกฺเกหิ ขชฺชมาโน กามปริฬาเหน ปริฑยฺหมาโน กามปริเยสนาย อุสฺสุโก ญสฺสติ วา ทกฺขติ วา สจฺฉิ วา กริสฺสตี'ติ—เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ
“How could it possibly be otherwise, Aggivessana? Prince Jayasena dwells in the midst of sensual pleasures, enjoying them, consumed by thoughts of them, burning with fever for them, and eagerly seeking more. It’s simply impossible for him to know or see or realize what can only be known, seen, and realized by renunciation.
เสยฺยถาปิสฺสุ, อคฺคิเวสฺสน, เทฺว หตฺถิทมฺมา วา อสฺสทมฺมา วา โคทมฺมา วา สุทนฺตา สุวินีตา, เทฺว หตฺถิทมฺมา วา อสฺสทมฺมา วา โคทมฺมา วา อทนฺตา อวินีตาฯ ตํ กึ มญฺญสิ, อคฺคิเวสฺสน, เย เต เทฺว หตฺถิทมฺมา วา อสฺสทมฺมา วา โคทมฺมา วา สุทนฺตา สุวินีตา, อปิ นุ เต ทนฺตาว ทนฺตการณํ คจฺเฉยฺยุํ, ทนฺตาว ทนฺตภูมึ สมฺปาปุเณยฺยุนฺ”ติ?
Suppose there was a pair of elephants or horse or oxen in training who were well tamed and well trained. And there was a pair who were not tamed or trained. What do you think, Aggivessana? Wouldn’t the pair that was well tamed and well trained perform the tasks of the tamed and reach the level of the tamed?”
“เอวํ, ภนฺเต”ฯ
“Yes, sir.”
“เย ปน เต เทฺว หตฺถิทมฺมา วา อสฺสทมฺมา วา โคทมฺมา วา อทนฺตา อวินีตา, อปิ นุ เต อทนฺตาว ทนฺตการณํ คจฺเฉยฺยุํ, อทนฺตาว ทนฺตภูมึ สมฺปาปุเณยฺยุํ, เสยฺยถาปิ เต เทฺว หตฺถิทมฺมา วา อสฺสทมฺมา วา โคทมฺมา วา สุทนฺตา สุวินีตา”ติ?
“But would the pair that was not tamed and trained perform the tasks of the tamed and reach the level of the tamed, just like the tamed pair?”
“โน เหตํ, ภนฺเต”ฯ
“No, sir.”
“เอวเมว โข, อคฺคิเวสฺสน, ‘ยํ ตํ เนกฺขมฺเมน ญาตพฺพํ เนกฺขมฺเมน ทฏฺฐพฺพํ เนกฺขมฺเมน ปตฺตพฺพํ เนกฺขมฺเมน สจฺฉิกาตพฺพํ ตํ วต ชยเสโน ราชกุมาโร กามมชฺเฌ วสนฺโต กาเม ปริภุญฺชนฺโต กามวิตกฺเกหิ ขชฺชมาโน กามปริฬาเหน ปริฑยฺหมาโน กามปริเยสนาย อุสฺสุโก ญสฺสติ วา ทกฺขติ วา สจฺฉิ วา กริสฺสตี'ติ—เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ
“In the same way, Prince Jayasena dwells in the midst of sensual pleasures, enjoying them, consumed by thoughts of them, burning with fever for them, and eagerly seeking more. It’s simply impossible for him to know or see or realize what can only be known, seen, and realized by renunciation.
เสยฺยถาปิ, อคฺคิเวสฺสน, คามสฺส วา นิคมสฺส วา อวิทูเร มหาปพฺพโตฯ ตเมนํ เทฺว สหายกา ตมฺหา คามา วา นิคมา วา นิกฺขมิตฺวา หตฺถวิลงฺฆเกน เยน โส ปพฺพโต เตนุปสงฺกเมยฺยุํ; อุปสงฺกมิตฺวา เอโก สหายโก เหฏฺฐา ปพฺพตปาเท ติฏฺเฐยฺย, เอโก สหายโก อุปริปพฺพตํ อาโรเหยฺยฯ ตเมนํ เหฏฺฐา ปพฺพตปาเท ฐิโต สหายโก อุปริปพฺพเต ฐิตํ สหายกํ เอวํ วเทยฺย: ‘ยํ, สมฺม, กึ ตฺวํ ปสฺสสิ อุปริปพฺพเต ฐิโต'ติ? โส เอวํ วเทยฺย: ‘ปสฺสามิ โข อหํ, สมฺม, อุปริปพฺพเต ฐิโต อารามรามเณยฺยกํ วนรามเณยฺยกํ ภูมิรามเณยฺยกํ โปกฺขรณีรามเณยฺยกนฺ'ติฯ
Suppose there was a big mountain not far from a town or village. And two friends set out from that village or town, lending each other a hand up to the mountain. Once there, one friend would remain at the foot of the mountain, while the other would climb to the peak. Then the one standing at the foot would say to the one at the peak, ‘My friend, what do you see, standing there at the peak?’ They’d reply, ‘Standing at the peak, I see delightful parks, woods, meadows, and lotus ponds!’
โส เอวํ วเทยฺย: ‘อฏฺฐานํ โข เอตํ, สมฺม, อนวกาโส ยํ ตฺวํ อุปริปพฺพเต ฐิโต ปเสฺสยฺยาสิ อารามรามเณยฺยกํ วนรามเณยฺยกํ ภูมิรามเณยฺยกํ โปกฺขรณีรามเณยฺยกนฺ'ติฯ ตเมนํ อุปริปพฺพเต ฐิโต สหายโก เหฏฺฐิมปพฺพตปาทํ โอโรหิตฺวา ตํ สหายกํ พาหายํ คเหตฺวา อุปริปพฺพตํ อาโรเปตฺวา มุหุตฺตํ อสฺสาเสตฺวา เอวํ วเทยฺย: ‘ยํ, สมฺม, กึ ตฺวํ ปสฺสสิ อุปริปพฺพเต ฐิโต'ติ? โส เอวํ วเทยฺย: ‘ปสฺสามิ โข อหํ, สมฺม, อุปริปพฺพเต ฐิโต อารามรามเณยฺยกํ วนรามเณยฺยกํ ภูมิรามเณยฺยกํ โปกฺขรณีรามเณยฺยกนฺ'ติฯ
But the other would say, ‘It’s impossible, it cannot happen that, standing at the peak, you can see delightful parks, woods, meadows, and lotus ponds.’ So their friend would come down from the peak, take their friend by the arm, and make them climb to the peak. After giving them a moment to catch their breath, they’d say, ‘My friend, what do you see, standing here at the peak?’ They’d reply, ‘Standing at the peak, I see delightful parks, woods, meadows, and lotus ponds!’
โส เอวํ วเทยฺย: ‘อิทาเนว โข เต, สมฺม, ภาสิตํ—มยํ เอวํ อาชานาม—อฏฺฐานํ โข เอตํ สมฺม, อนวกาโส ยํ ตฺวํ อุปริปพฺพเต ฐิโต ปเสฺสยฺยาสิ อารามรามเณยฺยกํ วนรามเณยฺยกํ ภูมิรามเณยฺยกํ โปกฺขรณีรามเณยฺยกนฺ'ติฯ อิทาเนว จ ปน เต ภาสิตํ มยํ เอวํ อาชานาม: ‘ปสฺสามิ โข อหํ, สมฺม, อุปริปพฺพเต ฐิโต อารามรามเณยฺยกํ วนรามเณยฺยกํ ภูมิรามเณยฺยกํ โปกฺขรณีรามเณยฺยกนฺ'ติฯ โส เอวํ วเทยฺย: ‘ตถา หิ ปนาหํ, สมฺม, อิมินา มหตา ปพฺพเตน อาวุโต ทฏฺเฐยฺยํ นาทฺทสนฺ'ติฯ
They’d say, ‘Just now I understood you to say: “It’s impossible, it cannot happen that, standing at the peak, you can see delightful parks, woods, meadows, and lotus ponds.” But now you say: “Standing at the peak, I see delightful parks, woods, meadows, and lotus ponds!”’ They’d say, ‘But my friend, it was because I was obstructed by this big mountain that I didn’t see what could be seen.’
อโต มหนฺตตเรน, อคฺคิเวสฺสน, ‘อวิชฺชาขนฺเธน ชยเสโน ราชกุมาโร อาวุโต นิวุโต โอผุโฏ ปริโยนทฺโธฯ โส วต ยํ ตํ เนกฺขมฺเมน ญาตพฺพํ เนกฺขมฺเมน ทฏฺฐพฺพํ เนกฺขมฺเมน ปตฺตพฺพํ เนกฺขมฺเมน สจฺฉิกาตพฺพํ ตํ วต ชยเสโน ราชกุมาโร กามมชฺเฌ วสนฺโต กาเม ปริภุญฺชนฺโต กามวิตกฺเกหิ ขชฺชมาโน กามปริฬาเหน ปริฑยฺหมาโน กามปริเยสนาย อุสฺสุโก ญสฺสติ วา ทกฺขติ วา สจฺฉิ วา กริสฺสตี'ติ—เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ สเจ โข ตํ, อคฺคิเวสฺสน, ชยเสนสฺส ราชกุมารสฺส อิมา เทฺว อุปมา ปฏิภาเยยฺยุํ, อนจฺฉริยํ เต ชยเสโน ราชกุมาโร ปสีเทยฺย, ปสนฺโน จ เต ปสนฺนาการํ กเรยฺยา”ติฯ
But bigger than that is the mass of ignorance by which Prince Jayasena is veiled, shrouded, covered, and engulfed. Prince Jayasena dwells in the midst of sensual pleasures, enjoying them, consumed by thoughts of them, burning with fever for them, and eagerly seeking more. It’s quite impossible for him to know or see or realize what can only be known, seen, and realized by renunciation. It wouldn’t be surprising if, had these two similes occurred to you, Prince Jayasena would have gained confidence in you and shown his confidence.”
“กุโต ปน มํ, ภนฺเต, ชยเสนสฺส ราชกุมารสฺส อิมา เทฺว อุปมา ปฏิภายิสฺสนฺติ อนจฺฉริยา ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา, เสยฺยถาปิ ภควนฺตนฺ”ติ?
“But sir, how could these two similes have occurred to me as they did to the Buddha, since they were neither supernaturally inspired, nor learned before in the past?”
“เสยฺยถาปิ, อคฺคิเวสฺสน, ราชา ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต นาควนิกํ อามนฺเตติ: ‘เอหิ ตฺวํ, สมฺม นาควนิก, รญฺโญ นาคํ อภิรุหิตฺวา นาควนํ ปวิสิตฺวา อารญฺญกํ นาคํ อติปสฺสิตฺวา รญฺโญ นาคสฺส คีวายํ อุปนิพนฺธาหี'ติฯ ‘เอวํ, เทวา'ติ โข, อคฺคิเวสฺสน, นาควนิโก รญฺโญ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส ปฏิสฺสุตฺวา รญฺโญ นาคํ อภิรุหิตฺวา นาควนํ ปวิสิตฺวา อารญฺญกํ นาคํ อติปสฺสิตฺวา รญฺโญ นาคสฺส คีวายํ อุปนิพนฺธติฯ ตเมนํ รญฺโญ นาโค อพฺโภกาสํ นีหรติฯ เอตฺตาวตา โข, อคฺคิเวสฺสน, อารญฺญโก นาโค อพฺโภกาสํ คโต โหติฯ เอตฺถเคธา หิ, อคฺคิเวสฺสน, อารญฺญกา นาคา ยทิทํ—นาควนํฯ ตเมนํ นาควนิโก รญฺโญ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส อาโรเจสิ: ‘อพฺโภกาสคโต โข, เทว, อารญฺญโก นาโค'ติฯ อถ โข อคฺคิเวสฺสน, ตเมนํ ราชา ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต หตฺถิทมกํ อามนฺเตสิ: ‘เอหิ ตฺวํ, สมฺม หตฺถิทมก, อารญฺญกํ นาคํ ทมยาหิ อารญฺญกานญฺเจว สีลานํ อภินิมฺมทนาย อารญฺญกานญฺเจว สรสงฺกปฺปานํ อภินิมฺมทนาย อารญฺญกานญฺเจว ทรถกิลมถปริฬาหานํ อภินิมฺมทนาย คามนฺเต อภิรมาปนาย มนุสฺสกนฺเตสุ สีเลสุ สมาทปนายา'ติฯ
“Suppose, Aggivessana, an anointed aristocratic king was to address his elephant tracker, ‘Please, my good elephant tracker, mount the royal bull elephant and enter the elephant wood. When you see a wild bull elephant, tether it by the neck to the royal elephant.’ ‘Yes, Your Majesty,’ replied the elephant tracker, and did as he was asked. The royal elephant leads the wild elephant out into the open; and it’s only then that it comes out into the open, for a wild bull elephant clings to the elephant wood. Then the elephant tracker informs the king, ‘Sire, the wild elephant has come out into the open.’ Then the king addresses his elephant trainer, ‘Please, my good elephant trainer, tame the wild bull elephant. Subdue its wild behaviors, its wild memories and thoughts, and its wild stress, weariness, and fever. Make it happy to be within a village, and instill behaviors congenial to humans.’
‘เอวํ, เทวา'ติ โข, อคฺคิเวสฺสน, หตฺถิทมโก รญฺโญ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส ปฏิสฺสุตฺวา มหนฺตํ ถมฺภํ ปถวิยํ นิขณิตฺวา อารญฺญกสฺส นาคสฺส คีวายํ อุปนิพนฺธติ อารญฺญกานญฺเจว สีลานํ อภินิมฺมทนาย อารญฺญกานญฺเจว สรสงฺกปฺปานํ อภินิมฺมทนาย อารญฺญกานญฺเจว ทรถกิลมถปริฬาหานํ อภินิมฺมทนาย คามนฺเต อภิรมาปนาย มนุสฺสกนฺเตสุ สีเลสุ สมาทปนายฯ ตเมนํ หตฺถิทมโก ยา สา วาจา เนลา กณฺณสุขา เปมนียา หทยงฺคมา โปรี พหุชนกนฺตา พหุชนมนาปา ตถารูปาหิ วาจาหิ สมุทาจรติฯ ยโต โข, อคฺคิเวสฺสน, อารญฺญโก นาโค หตฺถิทมกสฺส ยา สา วาจา เนลา กณฺณสุขา เปมนียา หทยงฺคมา โปรี พหุชนกนฺตา พหุชนมนาปา ตถารูปาหิ วาจาหิ สมุทาจริยมาโน สุสฺสูสติ, โสตํ โอทหติ, อญฺญา จิตฺตํ อุปฏฺฐาเปติ; ตเมนํ หตฺถิทมโก อุตฺตริ ติณฆาโสทกํ อนุปฺปเวจฺฉติฯ
‘Yes, Your Majesty,’ replied the elephant trainer. He dug a large post into the earth and tethered the elephant to it by the neck, so as to subdue its wild behaviors, its wild memories and thoughts, and its wild stress, weariness, and fever, and to make it happy to be within a village, and instill behaviors congenial to humans. He spoke in a way that’s mellow, pleasing to the ear, lovely, going to the heart, polite, likable and agreeable to the people. Spoken to in such a way by the elephant trainer, the wild elephant wanted to listen. It actively listened and tried to understand. So the elephant trainer rewards it with grass, fodder, and water.
ยโต โข, อคฺคิเวสฺสน, อารญฺญโก นาโค หตฺถิทมกสฺส ติณฆาโสทกํ ปฏิคฺคณฺหาติ, ตตฺร หตฺถิทมกสฺส เอวํ โหติ: ‘ชีวิสฺสติ โข ทานิ อารญฺญโก นาโค'ติฯ ตเมนํ หตฺถิทมโก อุตฺตริ การณํ กาเรติ: ‘อาทิย, โภ, นิกฺขิป, โภ'ติฯ ยโต โข, อคฺคิเวสฺสน, อารญฺญโก นาโค หตฺถิทมกสฺส อาทานนิกฺเขเป วจนกโร โหติ โอวาทปฺปฏิกโร, ตเมนํ หตฺถิทมโก อุตฺตริ การณํ กาเรติ: ‘อภิกฺกม, โภ, ปฏิกฺกม, โภ'ติฯ ยโต โข, อคฺคิเวสฺสน, อารญฺญโก นาโค หตฺถิทมกสฺส อภิกฺกมปฏิกฺกมวจนกโร โหติ โอวาทปฺปฏิกโร, ตเมนํ หตฺถิทมโก อุตฺตริ การณํ กาเรติ: ‘อุฏฺฐห, โภ, นิสีท, โภ'ติฯ
When the wild elephant accepts the grass, fodder, and water, the trainer knows, ‘Now the wild elephant will survive!’ Then he sets it a further task: ‘Pick it up, sir! Put it down, sir!’ When the wild elephant picks up and puts down when the trainer says, following instructions, the trainer sets it a further task: ‘Forward, sir! Back, sir!’ When the wild elephant goes forward and back when the trainer says, following instructions, the trainer sets it a further task: ‘Stand, sir! Sit, sir!’
ยโต โข, อคฺคิเวสฺสน, อารญฺญโก นาโค หตฺถิทมกสฺส อุฏฺฐานนิสชฺชาย วจนกโร โหติ โอวาทปฺปฏิกโร, ตเมนํ หตฺถิทมโก อุตฺตริ อาเนญฺชํ นาม การณํ กาเรติ, มหนฺตสฺส ผลกํ โสณฺฑาย อุปนิพนฺธติ, โตมรหตฺโถ จ ปุริโส อุปริคีวาย นิสินฺโน โหติ, สมนฺตโต จ โตมรหตฺถา ปุริสา ปริวาเรตฺวา ฐิตา โหนฺติ, หตฺถิทมโก จ ทีฆโตมรยฏฺฐึ คเหตฺวา ปุรโต ฐิโต โหติฯ โส อาเนญฺชํ การณํ การิยมาโน เนว ปุริเม ปาเท โจเปติ น ปจฺฉิเม ปาเท โจเปติ, น ปุริมกายํ โจเปติ น ปจฺฉิมกายํ โจเปติ, น สีสํ โจเปติ, น กณฺเณ โจเปติ, น ทนฺเต โจเปติ, น นงฺคุฏฺฐํ โจเปติ, น โสณฺฑํ โจเปติฯ โส โหติ อารญฺญโก นาโค ขโม สตฺติปฺปหารานํ อสิปฺปหารานํ อุสุปฺปหารานํ สรปตฺตปฺปหารานํ เภริปณววํสสงฺขฑิณฺฑิมนินฺนาทสทฺทานํ สพฺพวงฺกโทสนิหิตนินฺนีตกสาโว ราชารโห ราชโภคฺโค รญฺโญ องฺคนฺเตว สงฺขํ คจฺฉติฯ
When the wild elephant stands and sits when the trainer says, following instructions, the trainer sets the task called imperturbability. He fastens a large plank to its trunk; a lancer sits on its neck; other lancers surround it on all sides; and the trainer himself stands in front with a long lance. While practicing this task, it doesn’t budge its fore-feet or hind-feet, its fore-quarters or hind-quarters, its head, ears, tusks, tail, or trunk. The wild bull elephant endures being struck by spears, swords, arrows, and axes; it endures the thunder of the drums, kettledrums, horns, and cymbals. Rid of all crooks and flaws, and purged of defects, it is worthy of a king, fit to serve a king, and considered a factor of kingship.
เอวเมว โข, อคฺคิเวสฺสน, อิธ ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควาฯ โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณึ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติฯ โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติฯ
In the same way, Aggivessana, a Realized One arises in the world, perfected, a fully awakened Buddha, accomplished in knowledge and conduct, holy, knower of the world, supreme guide for those who wish to train, teacher of gods and humans, awakened, blessed. He realizes with his own insight this world—with its gods, Māras and Brahmās, this population with its ascetics and brahmins, gods and humans—and he makes it known to others. He teaches Dhamma that’s good in the beginning, good in the middle, and good in the end, meaningful and well-phrased. And he reveals a spiritual practice that’s entirely full and pure.
ตํ ธมฺมํ สุณาติ คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา อญฺญตรสฺมึ วา กุเล ปจฺจาชาโตฯ โส ตํ ธมฺมํ สุตฺวา ตถาคเต สทฺธํ ปฏิลภติฯ โส เตน สทฺธาปฏิลาเภน สมนฺนาคโต อิติ ปฏิสญฺจิกฺขติ: ‘สมฺพาโธ ฆราวาโส รชาปโถ, อพฺโภกาโส ปพฺพชฺชาฯ นยิทํ สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา เอกนฺตปริปุณฺณํ เอกนฺตปริสุทฺธํ สงฺขลิขิตํ พฺรหฺมจริยํ จริตุํฯ ยนฺนูนาหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺยนฺ'ติฯ
A householder hears that teaching, or a householder’s child, or someone reborn in a good family. They gain faith in the Realized One and reflect, ‘Living in a house is cramped and dirty, but the life of one gone forth is wide open. It’s not easy for someone living at home to lead the spiritual life utterly full and pure, like a polished shell. Why don’t I shave off my hair and beard, dress in ocher robes, and go forth from the lay life to homelessness?’
โส อปเรน สมเยน อปฺปํ วา โภคกฺขนฺธํ ปหาย มหนฺตํ วา โภคกฺขนฺธํ ปหาย อปฺปํ วา ญาติปริวฏฺฏํ ปหาย มหนฺตํ วา ญาติปริวฏฺฏํ ปหาย เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติฯ เอตฺตาวตา โข, อคฺคิเวสฺสน, อริยสาวโก อพฺโภกาสคโต โหติฯ เอตฺถเคธา หิ, อคฺคิเวสฺสน, เทวมนุสฺสา ยทิทํ—ปญฺจ กามคุณาฯ
After some time they give up a large or small fortune, and a large or small family circle. They shave off hair and beard, dress in ocher robes, and go forth from the lay life to homelessness. And it’s only then that a noble disciple comes out into the open, for gods and humans cling to the five kinds of sensual stimulation.
ตเมนํ ตถาคโต อุตฺตรึ วิเนติ: ‘เอหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, สีลวา โหหิ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหราหิ อาจารโคจรสมฺปนฺโน, อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี, สมาทาย สิกฺขสฺสุ สิกฺขาปเทสู'ติฯ
Then the Realized One guides them further: ‘Come, bhikkhu, be ethical and restrained in the monastic code, conducting yourself well and seeking alms in suitable places. Seeing danger in the slightest fault, keep the rules you’ve undertaken.’
ยโต โข, อคฺคิเวสฺสน, อริยสาวโก สีลวา โหติ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปนฺโน อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ, ตเมนํ ตถาคโต อุตฺตรึ วิเนติ: ‘เอหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โหหิ, จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา มา นิมิตฺตคฺคาหี …เป…
When they have ethical conduct, the Realized One guides them further: ‘Come, bhikkhu, guard your sense doors. When you see a sight with your eyes, don’t get caught up in the features and details. …
(ยถา คณกโมคฺคลฺลานสุตฺตนฺเต, เอวํ วิตฺถาเรตพฺพานิฯ)
(Tell in full as in MN 107, the Discourse with Moggallāna the Accountant.)
โส อิเม ปญฺจ นีวรเณ ปหาย เจตโส อุปกฺกิเลเส ปญฺญาย ทุพฺพลีกรเณ กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํฯ
They give up these five hindrances, corruptions of the heart that weaken wisdom. Then they meditate observing an aspect of the body—keen, aware, and mindful, rid of covetousness and displeasure for the world.
เวทนาสุ …เป… จิตฺเต … ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํฯ เสยฺยถาปิ, อคฺคิเวสฺสน, หตฺถิทมโก มหนฺตํ ถมฺภํ ปถวิยํ นิขณิตฺวา อารญฺญกสฺส นาคสฺส คีวายํ อุปนิพนฺธติ อารญฺญกานญฺเจว สีลานํ อภินิมฺมทนาย อารญฺญกานญฺเจว สรสงฺกปฺปานํ อภินิมฺมทนาย อารญฺญกานญฺเจว ทรถกิลมถปริฬาหานํ อภินิมฺมทนาย คามนฺเต อภิรมาปนาย มนุสฺสกนฺเตสุ สีเลสุ สมาทปนาย; เอวเมว โข, อคฺคิเวสฺสน, อริยสาวกสฺส อิเม จตฺตาโร สติปฏฺฐานา เจตโส อุปนิพนฺธนา โหนฺติ เคหสิตานญฺเจว สีลานํ อภินิมฺมทนาย เคหสิตานญฺเจว สรสงฺกปฺปานํ อภินิมฺมทนาย เคหสิตานญฺเจว ทรถกิลมถปริฬาหานํ อภินิมฺมทนาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยายฯ
They meditate observing an aspect of feelings … mind … principles—keen, aware, and mindful, rid of covetousness and displeasure for the world. It’s like when the elephant trainer dug a large post into the earth and tethered the elephant to it by the neck, so as to subdue its wild behaviors, its wild memories and thoughts, and its wild stress, weariness, and fever, and to make it happy to be within a village, and instill behaviors congenial to humans. In the same way, a noble disciple has these four kinds of mindfulness meditation as tethers for the mind so as to subdue behaviors of the lay life, memories and thoughts of the lay life, the stress, weariness, and fever of the lay life, to discover the system, and to realize Nibbana.
ตเมนํ ตถาคโต อุตฺตรึ วิเนติ: ‘เอหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, กาเย กายานุปสฺสี วิหราหิ, มา จ กามูปสํหิตํ วิตกฺกํ วิตกฺเกสิฯ เวทนาสุ … จิตฺเต … ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหราหิ, มา จ กามูปสํหิตํ วิตกฺกํ วิตกฺเกสี'ติฯ
Then the Realized One guides them further: ‘Come, bhikkhu, meditate observing an aspect of the body, but don’t think thoughts connected with sensual pleasures. Meditate observing an aspect of feelings … mind … principles, but don’t think thoughts connected with sensual pleasures.’
โส วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ … ตติยํ ฌานํ … จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ
As the placing of the mind and keeping it connected are stilled, they enter and remain in the second jhāna … third jhāna … fourth jhāna.
โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ฐิเต อาเนญฺชปฺปตฺเต ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติญาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติฯ โส อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, เสยฺยถิทํ—เอกมฺปิ ชาตึ เทฺวปิ ชาติโย …เป… อิติ สาการํ เสาทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติฯ
When their mind has become immersed in samādhi like this—purified, bright, flawless, rid of corruptions, pliable, workable, steady, and imperturbable—they extend it toward recollection of past lives. They recollect many kinds of past lives. That is: one, two, three, four, five, ten, twenty, thirty, forty, fifty, a hundred, a thousand, a hundred thousand rebirths; many eons of the world contracting, many eons of the world expanding, many eons of the world contracting and expanding. And so they recollect their many kinds of past lives, with features and details.
โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ฐิเต อาเนญฺชปฺปตฺเต สตฺตานํ จุตูปปาตญาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติฯ โส ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ, สุคเต ทุคฺคเต …เป… ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติฯ
When their mind has become immersed in samādhi like this—purified, bright, flawless, rid of corruptions, pliable, workable, steady, and imperturbable—they extend it toward knowledge of the death and rebirth of sentient beings. With clairvoyance that is purified and superhuman, they see sentient beings passing away and being reborn—inferior and superior, beautiful and ugly, in a good place or a bad place. They understand how sentient beings are reborn according to their deeds.
โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ฐิเต อาเนญฺชปฺปตฺเต อาสวานํ ขยญาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติฯ โส ‘อิทํ ทุกฺขนฺ'ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย'ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ'ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา'ติ ยถาภูตํ ปชานาติ; ‘อิเม อาสวา'ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ อาสวสมุทโย'ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ อาสวนิโรโธ'ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ อาสวนิโรธคามินี ปฏิปทา'ติ ยถาภูตํ ปชานาติฯ ตสฺส เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, ภวาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อวิชฺชาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติฯ วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ ญาณํ โหติฯ
When their mind has become immersed in samādhi like this—purified, bright, flawless, rid of corruptions, pliable, workable, steady, and imperturbable—they extend it toward knowledge of the ending of defilements. They truly understand: ‘This is suffering’ … ‘This is the origin of suffering’ … ‘This is the cessation of suffering’ … ‘This is the practice that leads to the cessation of suffering’. They truly understand: ‘These are defilements’ … ‘This is the origin of defilements’ … ‘This is the cessation of defilements’ … ‘This is the practice that leads to the cessation of defilements’. Knowing and seeing like this, their mind is freed from the defilements of sensuality, desire to be reborn, and ignorance. When they’re freed, they know they’re freed.
‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา'ติ ปชานาติฯ
They understand: ‘Rebirth is ended, the spiritual journey has been completed, what had to be done has been done, there is no return to any state of existence.’
โส โหติ ภิกฺขุ ขโม สีตสฺส อุณฺหสฺส ชิฆจฺฉาย ปิปาสาย ฑํสมกสวาตาตปสรีสปสมฺผสฺสานํ ทุรุตฺตานํ ทุราคตานํ วจนปถานํ, อุปฺปนฺนานํ สารีริกานํ เวทนานํ ทุกฺขานํ ติพฺพานํ ขรานํ กฏุกานํ อสาตานํ อมนาปานํ ปาณหรานํ อธิวาสกชาติโก โหติ สพฺพราคโทสโมหนิหิตนินฺนีตกสาโว อาหุเนโยฺย ปาหุเนโยฺย ทกฺขิเณโยฺย อญฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปุญฺญกฺเขตฺตํ โลกสฺสฯ
Such a bhikkhu endures cold, heat, hunger, and thirst; the touch of flies, mosquitoes, wind, sun, and reptiles; rude and unwelcome criticism; and puts up with physical pain—sharp, severe, acute, unpleasant, disagreeable, and life-threatening. Rid of all greed, hate, and delusion, and purged of defects, they are worthy of offerings dedicated to the gods, worthy of hospitality, worthy of a religious donation, worthy of greeting with joined palms, and are the supreme field of merit for the world.
มหลฺลโก เจปิ, อคฺคิเวสฺสน, รญฺโญ นาโค อทนฺโต อวินีโต กาลํ กโรติ, ‘อทนฺตมรณํ มหลฺลโก รญฺโญ นาโค กาลงฺกโต'เตฺวว สงฺขํ คจฺฉติ; มชฺฌิโม เจปิ, อคฺคิเวสฺสน, รญฺโญ นาโคฯ ทหโร เจปิ, อคฺคิเวสฺสน, รญฺโญ นาโค อทนฺโต อวินีโต กาลํ กโรติ, ‘อทนฺตมรณํ ทหโร รญฺโญ นาโค กาลงฺกโต'เตฺวว สงฺขํ คจฺฉติ; เอวเมว โข, อคฺคิเวสฺสน, เถโร เจปิ ภิกฺขุ อขีณาสโว กาลํ กโรติ, ‘อทนฺตมรณํ เถโร ภิกฺขุ กาลงฺกโต'เตฺวว สงฺขํ คจฺฉติ; มชฺฌิโม เจปิ, อคฺคิเวสฺสน, ภิกฺขุฯ นโว เจปิ, อคฺคิเวสฺสน, ภิกฺขุ อขีณาสโว กาลํ กโรติ, ‘อทนฺตมรณํ นโว ภิกฺขุ กาลงฺกโต'เตฺวว สงฺขํ คจฺฉติฯ
If a royal bull elephant passes away untamed and untrained—whether in their old age, middle age, or youth—they’re considered a royal bull elephant who passed away untamed. In the same way, if a bhikkhu passes away without having ended the defilements—whether as a senior, middle, or junior—they’re considered as a bhikkhu who passed away untamed.
มหลฺลโก เจปิ, อคฺคิเวสฺสน, รญฺโญ นาโค สุทนฺโต สุวินีโต กาลํ กโรติ, ‘ทนฺตมรณํ มหลฺลโก รญฺโญ นาโค กาลงฺกโต'เตฺวว สงฺขํ คจฺฉติ; มชฺฌิโม เจปิ, อคฺคิเวสฺสน, รญฺโญ นาโค … ทหโร เจปิ, อคฺคิเวสฺสน, รญฺโญ นาโค สุทนฺโต สุวินีโต กาลํ กโรติ, ‘ทนฺตมรณํ ทหโร รญฺโญ นาโค กาลงฺกโต'เตฺวว สงฺขํ คจฺฉติ; เอวเมว โข, อคฺคิเวสฺสน, เถโร เจปิ ภิกฺขุ ขีณาสโว กาลํ กโรติ, ‘ทนฺตมรณํ เถโร ภิกฺขุ กาลงฺกโต'เตฺวว สงฺขํ คจฺฉติ; มชฺฌิโม เจปิ, อคฺคิเวสฺสน, ภิกฺขุฯ นโว เจปิ, อคฺคิเวสฺสน, ภิกฺขุ ขีณาสโว กาลํ กโรติ, ‘ทนฺตมรณํ นโว ภิกฺขุ กาลงฺกโต'เตฺวว สงฺขํ คจฺฉตี”ติฯ
If a royal bull elephant passes away tamed and trained—whether in their old age, middle age, or youth—they’re considered a royal bull elephant who passed away tamed. In the same way, if a bhikkhu passes away having ended the defilements—whether as a senior, middle, or junior—they’re considered as a bhikkhu who passed away tamed.”
อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมโน อจิรวโต สมณุทฺเทโส ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติฯ
That is what the Buddha said. Satisfied, the novice Aciravata was happy with what the Buddha said.
ทนฺตภูมิสุตฺตํ นิฏฺฐิตํ ปญฺจมํฯ
The authoritative text of the Majjhima Nikāya is the Pāli text. The English translation is provided as an aid to the study of the original Pāli text. [CREDITS »]