Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / จูฬวคฺค-อฎฺฐกถา • Cūḷavagga-aṭṭhakathā |
๑๒. สตฺตสติกกฺขนฺธกํ
12. Sattasatikakkhandhakaṃ
ทสวตฺถุกถา
Dasavatthukathā
๔๔๖. สตฺตสติกกฺขนฺธเก – ภิกฺขเคฺคนาติ ภิกฺขุอเคฺคน, ภิกฺขู คเณตฺวา ตตฺตเก ปฎิวีเส ฐเปสุนฺติ อโตฺถฯ มหิยาติ หิมปาตสมเย หิมวลาหกาฯ
446. Sattasatikakkhandhake – bhikkhaggenāti bhikkhuaggena, bhikkhū gaṇetvā tattake paṭivīse ṭhapesunti attho. Mahiyāti himapātasamaye himavalāhakā.
๔๔๗. อวิชฺชานิวุฎาติ อวิชฺชาปฎิจฺฉนฺนา ฯ โปสาติ ปุริสาฯ ปิยรูปํ อภินนฺทนฺติ ปเตฺถนฺตีติ ปิยรูปาภินนฺทิโนฯ อวิทฺทสูติ อวิชานนฺตาฯ ราครเชหิ สรชาฯ มคสทิสาติ มคาฯ สห เนตฺติยาติ สเนตฺติกาฯ วเฑฺฒนฺติ กฎสินฺติ ปุนปฺปุนํ กเฬวรํ นิกฺขิปมานา ภูมิํ วเฑฺฒนฺติฯ เอวํ วเฑฺฒนฺตาว โฆรํ อาทิยนฺติ ปุนพฺภวํฯ
447.Avijjānivuṭāti avijjāpaṭicchannā . Posāti purisā. Piyarūpaṃ abhinandanti patthentīti piyarūpābhinandino. Aviddasūti avijānantā. Rāgarajehi sarajā. Magasadisāti magā. Saha nettiyāti sanettikā. Vaḍḍhenti kaṭasinti punappunaṃ kaḷevaraṃ nikkhipamānā bhūmiṃ vaḍḍhenti. Evaṃ vaḍḍhentāva ghoraṃ ādiyanti punabbhavaṃ.
๔๕๔. ปาปกํ โน อาวุโส กตนฺติ อาวุโส อเมฺหหิ ปาปกํ กตนฺติ อโตฺถฯ
454.Pāpakaṃ no āvuso katanti āvuso amhehi pāpakaṃ katanti attho.
๔๕๕. กตเมน ตฺวํ ภูมิ วิหาเรนาติ เอตฺถ ภูมีติ ปิยวจนเมตํฯ ปิยํ วตฺตุกาโม กิร อายสฺมา สพฺพกามี นวเก ภิกฺขู เอวํ อามเนฺตติฯ กุลฺลกวิหาเรนาติ อุตฺตานวิหาเรนฯ
455.Katamena tvaṃ bhūmi vihārenāti ettha bhūmīti piyavacanametaṃ. Piyaṃ vattukāmo kira āyasmā sabbakāmī navake bhikkhū evaṃ āmanteti. Kullakavihārenāti uttānavihārena.
๔๕๗. สาวตฺถิยา สุตฺตวิภเงฺคติ กถํ สุตฺตวิภเงฺค ปฎิกฺขิตฺตํ โหติ? ตตฺร หิ ‘‘สนฺนิธิ นาม อชฺช ปฎิคฺคหิตํ อปรชฺชู’’ติ วตฺวา ปุน ‘‘สนฺนิธิการเก อสนฺนิธิการกสญฺญี ขาทนียํ วา โภชนียํ วา ขาทติ วา ภุญฺชติ วา อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติ อาปตฺติํ วทเนฺตน ปฎิกฺขิตฺตํ โหติฯ ตเตฺรเก มญฺญนฺติ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ สนฺนิธิการกํ ขาทนียํ วา โภชนียํ วา’’ติ หิ วุตฺตํ, อิทญฺจ โลณํ นาม ยาวชีวิกตฺตา สนฺนิธิภาวํ นาปชฺชติฯ ยมฺปิ อโลณกํ อามิสํ ปฎิคฺคเหตฺวา เตน สทฺธิํ ปริภุญฺชติ, ตํ ตทหุปฎิคฺคหิตเมว, ตสฺมา ‘‘‘ยาวกาลิเกน, ภิกฺขเว, ยาวชีวิกํ ตทหุปฎิคฺคหิตํ กาเล กปฺปติ, วิกาเล น กปฺปตี’ติ วจนโต ทุกฺกเฎเนตฺถ ภวิตพฺพ’’นฺติฯ เต วตฺตพฺพา – ‘‘ตุมฺหากํ มเตน ทุกฺกเฎนปิ น ภวิตพฺพํ, น หิ เอตฺถ ยาวชีวิกํ ตทหุปฎิคฺคหิตํ, ยาวกาลิกเมว ตทหุปฎิคฺคหิตํ , น จ ตํ วิกาเล ปริภุตฺตํฯ ยทิ วา ‘‘วิกาเล น กปฺปตี’’ติ วจเนน ตุเมฺห ทุกฺกฎํ มเญฺญถ, ยาวชีวิกมิสฺสํ ยาวกาลิกํ วิกาเล ภุญฺชนฺตสฺส วิกาลโภชนปาจิตฺติยํ น ภเวยฺยฯ ตสฺมา น พฺยญฺชนมตฺตํ คเหตพฺพํ, อโตฺถ อุปปริกฺขิตโพฺพฯ
457.Sāvatthiyā suttavibhaṅgeti kathaṃ suttavibhaṅge paṭikkhittaṃ hoti? Tatra hi ‘‘sannidhi nāma ajja paṭiggahitaṃ aparajjū’’ti vatvā puna ‘‘sannidhikārake asannidhikārakasaññī khādanīyaṃ vā bhojanīyaṃ vā khādati vā bhuñjati vā āpatti pācittiyassā’’ti āpattiṃ vadantena paṭikkhittaṃ hoti. Tatreke maññanti ‘‘yo pana bhikkhu sannidhikārakaṃ khādanīyaṃ vā bhojanīyaṃ vā’’ti hi vuttaṃ, idañca loṇaṃ nāma yāvajīvikattā sannidhibhāvaṃ nāpajjati. Yampi aloṇakaṃ āmisaṃ paṭiggahetvā tena saddhiṃ paribhuñjati, taṃ tadahupaṭiggahitameva, tasmā ‘‘‘yāvakālikena, bhikkhave, yāvajīvikaṃ tadahupaṭiggahitaṃ kāle kappati, vikāle na kappatī’ti vacanato dukkaṭenettha bhavitabba’’nti. Te vattabbā – ‘‘tumhākaṃ matena dukkaṭenapi na bhavitabbaṃ, na hi ettha yāvajīvikaṃ tadahupaṭiggahitaṃ, yāvakālikameva tadahupaṭiggahitaṃ , na ca taṃ vikāle paribhuttaṃ. Yadi vā ‘‘vikāle na kappatī’’ti vacanena tumhe dukkaṭaṃ maññetha, yāvajīvikamissaṃ yāvakālikaṃ vikāle bhuñjantassa vikālabhojanapācittiyaṃ na bhaveyya. Tasmā na byañjanamattaṃ gahetabbaṃ, attho upaparikkhitabbo.
อยเญฺหตฺถ อโตฺถ – ยาวกาลิเกน ยาวชีวิกํ ตทหุปฎิคฺคหิตํ ยทิ สมฺภินฺนรสํ โหติ, ยาวกาลิกคติกเมว โหติฯ ตสฺมา ‘‘โย ปน ภิกฺขุ วิกาเล ขาทนียํ วา โภชนียํ วา’’ติ อิมินา สิกฺขาปเทน กาเล กปฺปติ, วิกาเล น กปฺปติฯ น อิธ ‘‘น กปฺปตี’’ติ วจนมเตฺตเนตฺถ ทุกฺกฎํ โหติฯ ยเถว ยาวชีวิกํ ตทหุปฎิคฺคหิตํ ยาวกาลิเกน สมฺภินฺนรสํ วิกาเล น กปฺปติ, วิกาลโภชนปาจิตฺติยาวหํ โหติฯ เอวํ อชฺช ปฎิคฺคหิตมฺปิ อปรชฺชุ ยาวกาลิเกน สมฺภินฺนรสํ น กปฺปติ, สนฺนิธิโภชนปาจิตฺติยาวหํ โหติฯ ตํ ‘‘สนฺนิธิกตํ อิท’’นฺติ อชานโนฺตปิ น มุจฺจติฯ วุตฺตเญฺหตํ – ‘‘สนฺนิธิการเก อสนฺนิธิการกสญฺญี ขาทนียํ วา โภชนียํ วา ขาทติ วา ภุญฺชติ วา อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติฯ ตสฺมา ‘‘กตฺถ ปฎิกฺขิตฺต’’นฺติ อิมิสฺสา ปุจฺฉาย ‘‘ปริสุทฺธมิทํ พฺยากรณํ สาวตฺถิยา สุตฺตวิภเงฺค’’ติฯ
Ayañhettha attho – yāvakālikena yāvajīvikaṃ tadahupaṭiggahitaṃ yadi sambhinnarasaṃ hoti, yāvakālikagatikameva hoti. Tasmā ‘‘yo pana bhikkhu vikāle khādanīyaṃ vā bhojanīyaṃ vā’’ti iminā sikkhāpadena kāle kappati, vikāle na kappati. Na idha ‘‘na kappatī’’ti vacanamattenettha dukkaṭaṃ hoti. Yatheva yāvajīvikaṃ tadahupaṭiggahitaṃ yāvakālikena sambhinnarasaṃ vikāle na kappati, vikālabhojanapācittiyāvahaṃ hoti. Evaṃ ajja paṭiggahitampi aparajju yāvakālikena sambhinnarasaṃ na kappati, sannidhibhojanapācittiyāvahaṃ hoti. Taṃ ‘‘sannidhikataṃ ida’’nti ajānantopi na muccati. Vuttañhetaṃ – ‘‘sannidhikārake asannidhikārakasaññī khādanīyaṃ vā bhojanīyaṃ vā khādati vā bhuñjati vā āpatti pācittiyassā’’ti. Tasmā ‘‘kattha paṭikkhitta’’nti imissā pucchāya ‘‘parisuddhamidaṃ byākaraṇaṃ sāvatthiyā suttavibhaṅge’’ti.
ราชคเห อุโปสถสํยุเตฺตติ อิทํ ‘‘น ภิกฺขเว เอกสฺมิํ อาวาเส เทฺว อุโปสถาคารานิ สมฺมนฺนิตพฺพานิ; โย สมฺมเนฺนยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ เอตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ วินยาติสาเร ทุกฺกฎนฺติ ‘‘น ภิกฺขเว เอกสฺมิํ อาวาเส เทฺว อุโปสถาคารานิ สมฺมนฺนิตพฺพานี’’ติ เอตสฺส วินยสฺส อติสาเร ทุกฺกฎํฯ จเมฺปยฺยเก วินยวตฺถุสฺมินฺติ อิทํ ‘‘อธเมฺมน เจ ภิกฺขเว วคฺคกมฺมํ, อกมฺมํ น จ กรณีย’’นฺติ เอวมาทิํ กตฺวา จเมฺปยฺยกฺขนฺธเก อาคตํ วินยวตฺถุํ สนฺธาย วุตฺตํฯ
Rājagahe uposathasaṃyutteti idaṃ ‘‘na bhikkhave ekasmiṃ āvāse dve uposathāgārāni sammannitabbāni; yo sammanneyya, āpatti dukkaṭassā’’ti etaṃ sandhāya vuttaṃ. Vinayātisāre dukkaṭanti ‘‘na bhikkhave ekasmiṃ āvāse dve uposathāgārāni sammannitabbānī’’ti etassa vinayassa atisāre dukkaṭaṃ. Campeyyake vinayavatthusminti idaṃ ‘‘adhammena ce bhikkhave vaggakammaṃ, akammaṃ na ca karaṇīya’’nti evamādiṃ katvā campeyyakkhandhake āgataṃ vinayavatthuṃ sandhāya vuttaṃ.
เอกโจฺจ กปฺปตีติ อิทํ ธมฺมิกํ อาจิณฺณํ สนฺธาย วุตฺตํฯ เฉทนเก ปาจิตฺติยนฺติ สุตฺตวิภเงฺค หิ ‘‘นิสีทนํ นาม สทสํ วุจฺจตี’’ติ อาคตํ, ตสฺมา ทฺวินฺนํ สุคตวิทตฺถีนํ อุปริ ทสาเยว วิทตฺถิมตฺตา ลพฺภติฯ ทสาย วินา ตํ ปมาณํ กโรนฺตสฺส อิทํ อาคตเมว โหติ – ‘‘ตํ อติกฺกามยโต เฉทนกํ ปาจิตฺติย’’นฺติฯ ตสฺมา ‘‘กิํ อาปชฺชตี’’ติ ปุโฎฺฐ ‘‘เฉทนเก ปาจิตฺติย’’นฺติ อาหฯ เฉทนกสิกฺขาปเท วุตฺตปาจิตฺติยํ อาปชฺชตีติ อโตฺถฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ
Ekaccokappatīti idaṃ dhammikaṃ āciṇṇaṃ sandhāya vuttaṃ. Chedanake pācittiyanti suttavibhaṅge hi ‘‘nisīdanaṃ nāma sadasaṃ vuccatī’’ti āgataṃ, tasmā dvinnaṃ sugatavidatthīnaṃ upari dasāyeva vidatthimattā labbhati. Dasāya vinā taṃ pamāṇaṃ karontassa idaṃ āgatameva hoti – ‘‘taṃ atikkāmayato chedanakaṃ pācittiya’’nti. Tasmā ‘‘kiṃ āpajjatī’’ti puṭṭho ‘‘chedanake pācittiya’’nti āha. Chedanakasikkhāpade vuttapācittiyaṃ āpajjatīti attho. Sesaṃ sabbattha uttānamevāti.
ทสวตฺถุกถา นิฎฺฐิตาฯ
Dasavatthukathā niṭṭhitā.
สมนฺตปาสาทิกาย วินยสํวณฺณนาย
Samantapāsādikāya vinayasaṃvaṇṇanāya
สตฺตสติกกฺขนฺธกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sattasatikakkhandhakavaṇṇanā niṭṭhitā.
ทฺวิวคฺคสงฺคหา วุตฺตา, ทฺวาวีสติปเภทนา;
Dvivaggasaṅgahā vuttā, dvāvīsatipabhedanā;
ขนฺธกา สาสเน ปญฺจกฺขนฺธทุกฺขปฺปหายิโนฯ
Khandhakā sāsane pañcakkhandhadukkhappahāyino.
ยา เตสํ วณฺณนา เอสา, อนฺตรายํ วินา ยถา;
Yā tesaṃ vaṇṇanā esā, antarāyaṃ vinā yathā;
สิทฺธา สิชฺฌนฺตุ กลฺยาณา, เอวํ อาสาปิ ปาณินนฺติฯ
Siddhā sijjhantu kalyāṇā, evaṃ āsāpi pāṇinanti.
จูฬวคฺค-อฎฺฐกถา นิฎฺฐิตาฯ
Cūḷavagga-aṭṭhakathā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / จูฬวคฺคปาฬิ • Cūḷavaggapāḷi
๑. ปฐมภาณวาโร • 1. Paṭhamabhāṇavāro
๒. ทุติยภาณวาโร • 2. Dutiyabhāṇavāro
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ทสวตฺถุกถาวณฺณนา • Dasavatthukathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ทสวตฺถุกถาวณฺณนา • Dasavatthukathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ทสวตฺถุกถาวณฺณนา • Dasavatthukathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ทสวตฺถุกถา • Dasavatthukathā